มู่อิงเอ๋อเห็นสามีกลับมาเร็วก็รู้ว่าเขาน่าจะรู้เรื่องที่จวนเสนาบดีกรมพิธีการแล้วกระมัง เมื่อฟางเซียนหลงนั่งลงข้างกายภรรยา มู่อิงเอ๋อก็เล่าเรื่องให้สามีฟัง
“โชคดีที่พวกเจ้าได้ท่านอ๋องช่วยเอาไว้ ไม่เช่นนั้นข้าเองก็ไม่รู้ว่าเสนาบดีกรมพิธีการจะทำสิ่งใดเลวร้ายกับพวกเจ้าบ้าง ส่วนเรื่องไม่ให้ตระกูลเจ้าเข้าร้าน เดี๋ยวข้าจะสั่งพ่อบ้านไปแจ้งเอง รวมทั้งจวนเสนาบดีกรมพิธีการด้วย ข้าไม่ชอบใจเลยที่แค่พวกเจ้าไปงานเลี้ยงแต่กลับถูกรังแกเช่นนี้”
ซูซูได้แต่มองหน้าท่านพ่อตาปริบ ๆ นางเพิ่งรู้ว่าท่านพ่อ กับท่านแม่ช่างคิดนักเรื่องการเอาคืนทั้งสองจวนนั้น นางยังสงสัยว่าท่านพ่อไม่กลัวว่าจะค้าขายไม่ดีหรืออย่างไร แต่ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของพวกท่าน ซูซูก็ไม่คิดขัดขวางอันใด ส่วนพี่ชายของนางก็ดูท่าว่าจะมีวิธีการจัดการของเขาเองกระมัง
“ซูซู ลูกไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนแน่นะลูก”
“ข้าสบายดีเจ
“ฮึ เจ้าคิดว่าข้าชอบเรื่องสามภรรยาสี่อนุหรืออย่างไรกัน เจ้าเป็นสหายข้ามากี่ปีแล้วยังไม่รู้อีกหรือว่าข้าอยากมีภรรยาเดียวน่ะ”“ไม่รู้ล่ะ ก็ราชวงศ์ของเจ้าอย่างไรก็คงบังคับเจ้ารับพระชายารองกับอนุอีกแน่ มิสู้ข้าตัดไฟเสียแต่ต้นลม น้องสาวข้าจะได้ไม่ต้องเสียใจ” อ๋องเฉิงได้แต่มองหน้าสหายอย่างระอาใจ พระองค์รู้นิสัยสหายคนนี้ไม่น้อยว่าพอได้หวงแล้วก็หวงเสียเหลือเกิน แต่ยิ่งสหายของพระองค์หวงน้องสาวมากเพียงไร พระองค์ก็ยิ่งอยากได้นางไปเป็นภรรยามากเท่านั้น รอให้พระองค์มีโอกาสเสียก่อนค่อยจัดการเรื่องนี้ก็ยังไม่สาย ฟางฉือห่าวเห็นว่าอ๋องเฉิงไม่พูดเรื่องน้องสาวต่อแล้ว เขาจึงคุยเรื่องงานกับสหายต่ออย่างไม่คิดมาก อ๋องเฉิงเองก็ตั้งใจฟังเรื่องงานกับสหายเช่นเดียวกัน ทั้งสองต่างปรึกษาหารือกันเรื่องการฝึกฝนทหารเอาไว้ให้ร่างกายสมบูรณ์ที่สุด หากมีเหตุการณ์ด่วนเกิดขึ้น พวกเขาจะได้ไม่เหนื่อยแรงนัก
อ๋องเฉิงที่กลับจวนมาก็มีขันทีซึ่งเป็นพ่อบ้านมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหน้าตระกูลฟางให้ฟัง ทำเอาอ๋องเฉิงยิ่งร้อนรนและคิดหาวิธีว่าพระองค์จะทำอย่างไรจึงจะได้นางมาอยู่ในอ้อมกอด ถึงแม้นางจะเป็นแม่เสือน้อย แต่พระองค์คิดว่าตนเองสามารถกำราบนางได้เช่นกัน เมื่อคิดไปคิดมาระหว่างเสวยพระกระยาหารเย็นอยู่ อ๋องเฉิงตัดสินใจที่จะเข้าวังไปพบเสด็จลุงในวันพรุ่งนี้เสียเลย พระองค์กลัวว่าหากปล่อยเอาไว้นานเข้าจะถูกคนอื่นตัดหน้าไปเสียก่อนจนพระองค์ไม่ได้แม่เสือสาวตัวน้อยมาอยู่ในจวนเป็นแน่ ครอบครัวตระกูลฟางไม่รู้เลยว่าอ๋องเฉิงกำลังจะทำอะไร พวกเขายังคงพูดคุยหัวเราะก่อนจะแยกย้ายกันกลับเรือนไปพักผ่อนหลังจากทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว หากฟางฉือห่าวรู้ว่าสหายจะรวบหัวรวบหางน้องสาวเขาแบบนี้ รับรองว่าเขาจะไม่ปล่อยให้สหายมีโอกาสได้ทำแน่นอน เช้าตรู่วันต่อมา อ๋องเฉิงรีบเข้าเฝ้าเสด็จลุงของพระองค์ซึ่งเป็นฮ่องเต้ก่อนที่จะว่าราชการช่วงเช้า ทำเอาฝ่าบาทถึ
ซูซูกับมู่อิงเอ๋อทานอาหารเที่ยงเสร็จก็มานั่งคุยเล่นกันที่ห้องโถงรับแขกของเรือนหลักต่อ บ่าวไพร่ก็นำของว่างกับน้ำชามาให้ทั้งสองคนตามหน้าที่“เมื่อวานนี้ลูกทำได้ดีมาก วันนี้จวนของเราจึงสงบเช่นนี้”“คิก ท่านแม่ชอบให้ลูกทำตัวเกเรหรือเจ้าคะ”“ฮ่า ฮ่า แม่ไม่ได้หมายความเช่นนั้นเสียหน่อย แม่แค่ดีใจที่ลูกสามารถแก้ไขปัญหาของตนเองได้ต่างหากเล่า” ทั้งสองนั่งคุยกันได้สักพักใหญ่ ไม่นานนักบ่าวที่เฝ้าหน้าประตูจวนก็วิ่งหน้าตื่นมาบอกพวกนางว่ามีขันทีจากในวังมามอบราชโองการให้ มู่อิงเอ๋อรีบบอกแม่นมเตรียมสิ่งของเพื่อรับราชโองการอย่างรวดเร็ว พร้อมกับบอกให้ลูกสาวกลับไปเปลี่ยนชุดจากชุดจอมยุทธหญิงเป็นชุดที่ร้านของครอบครัวส่งมาเพิ่มให้โดยเร็ว ซูซูที่ยังงงอยู่แต่ก็เชื่อฟังท่านแม่โดยใช้วิชาตัวเบารีบกลับไปที่เรือน ไม่
วันนี้ฟางฉือห่าวกลับบ้านตามเวลาทำงานปกติของเขา ส่วนอ๋องเฉิงเองก็ขี่ม้าออกจากค่ายไปพร้อมกับองครักษ์ก่อนหน้าเขาไม่นานนัก กว่าจะถึงบ้านก็ใกล้เวลากินอาหารเย็นร่วมกับครอบครัวแล้ว ฟางฉือห่าวที่ยังไม่รู้ข่าวยังคงยิ้มแย้มทักทายท่านพ่อ ท่านแม่ กับน้องสาวสุดที่รักเหมือนเช่นทุกวัน แต่พอมองใบหน้าของคนในครอบครัวดี ๆ ที่ต่างคนต่างมีสีหน้าจริงจัง อีกทั้งในมือของน้องสาวเขายังเหมือนถือราชโองการอยู่อีกด้วย ฟางฉือห่าวรีบนั่งลงเพื่อสอบถามเรื่องราวกับท่านพ่อ ท่านแม่ในทันที“เราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ ค่อยคุยกันหลังอาหารก็ยังไม่สาย อย่างไรเรื่องนี้ก็แก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว” ฟางเซียนหลงชวนลูกและภรรยาไปทานอาหารให้หายเครียดเสียก่อน ไม่เช่นนั้นหากคุยกันเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนล่ะก็ มีหวังแต่ละคนคงกินอาหารไม่ลงเป็นแน่ ทุกคนต่างเชื่อฟังฟางเซ
ฟางฉือห่าวที่กลับถึงบ้านพอดีกับเวลาทานอาหารเช้าก็รีบเข้าไปที่ห้องอาหารของเรือนใหญ่ทันที เมื่อเห็นว่าทุกคนรอเขาอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เขาจึงยิ้มให้กับทุกคนเพื่อให้พวกเขาเบาใจขึ้นบ้าง“เรื่องอื่นค่อยคุยกัน มากินข้าวเสียก่อนฉือห่าว”“ขอรับท่านพ่อ เรื่องอื่นนั้นพวกท่านก็อย่าได้กังวล เดี๋ยวหลังอาหารข้าจะเล่าให้พวกท่านฟังเองขอรับ”“ดี ดี มานั่งเร็วเข้าลูก” ฟางฉือห่าวรีบนั่งลงยังตำแหน่งของตนเอง เขายังคีบอาหารให้กับทุกคนพร้อมรอยยิ้ม ซูซูที่เห็นอาการของพี่ชายก็พอจะยิ้มออกมาได้บ้างว่าเขาน่าจะคุยกับเจ้าหน้ากากเรื่องยืดเวลาให้นางได้แล้ว มื้อนี้ทุกคนจึงกินอาหารได้มากกว่าเมื่อเย็นวานนี้เกือบเท่าตัว หลังทานอาหารเสร็จ ครอบครัวฟางก็พากันมานั่งต่อที่ห้องโถงรับแขก บ่าวไพร่ต่างรีบนำของว่างกับน้ำชามาให้นา
สามวันต่อมา ครอบครัวฟางพากันไปยังวัดนอกเมืองหลวงอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พวกเขาใช้รถม้าคันใหญ่นั่งด้วยกันเพื่อจะได้คุยกันไปตามทาง ด้วยครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งครอบครัวเดินทางไปด้วยกัน ทุกคนจึงอยากใช้เวลากับซูซูอย่างเต็มที่ รถม้าเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็มาถึงตีนเขาที่มีวัดตั้งอยู่ด้านบน ทั้งสี่คนลงจากรถม้าแล้วชวนกันเดินขึ้นด้านบนพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า“นานมากแล้วที่แม่ไม่ได้มาไหว้พระที่นี่ วันนี้พวกเราก็ทำบุญให้กับวัดมากหน่อยเพื่อบูรณะวัดและขอพรให้ครอบครัวเราอยู่กันอย่างมีความสุขดีหรือไม่?”“ดีสิเจ้าคะท่านแม่ ตั้งแต่จำความได้ ข้าไม่เคยไปวัดเลยสักครั้ง เพราะมัวแต่ทำมาหากินสะสมเงินเพื่อเดินทางมาตามหาพวกท่าน”“อ่า น้องสาวของพี่ช่างเก่งกาจนัก เจ้าหาเงินมาตั้งแต่อายุเท่าไหร่?”&ldqu
สัปดาห์ต่อมาขณะที่ฟางฉือห่าวมองการจัดทัพของเหล่าทหารอยู่นั้น กลับมีม้าเร็ววิ่งเข้ามาในค่ายแล้วตรงไปยังกระโจมของท่านอ๋องเฉิง เขาสงสัยว่ามีข่าวอันใดกันแน่เหตุใดทหารส่งข่าวจึงได้เร่งร้อนเช่นนี้ ฟางฉือห่าวสั่งพักการจัดทัพก่อนที่จะเร่งเดินไปยังกระโจมท่านอ๋องเพื่อฟังข่าวจากชายแดน ฟางฉือห่าวไปถึงหน้ากระโจมท่านอ๋องก็เป็นเวลาที่อ๋องเฉิงรีบออกจากกระโจมมาพอดี เขาจึงได้สอบถามความกับอ๋องเฉิงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่“แคว้นจ้านส่งทัพมาบุกตีชายแดนตะวันออก ข้าจะรีบเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อพาทหารเดินทางไปยังชายแดนโดยเร็ว เจ้าเองก็รีบกลับจวนไปเก็บเสื้อผ้าแล้วรีบกลับมารวมตัวกันที่นี่เถอะ”“ตกลง เช่นนั้นข้าจะรีบไปรีบมา”“รองแม่ทัพ สั่งการทหารทั้งหมดในค่ายให้เก็บสิ่งของจำเป็นทั้งหมดและเตรียมออกเดินทางไปยังชายแดนตะวันออก”“พะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
อ๋องเฉิงที่สั่งบ่าวเก็บของให้เสร็จแล้วก็นั่งรถม้าออกไปพร้อมกับองครักษ์ส่วนตัวสองคน ส่วนองครักษ์คนสนิทอีกสองคนนั้นต้องอยู่ดูแลจวนอ๋องแทนพระองค์ อีกทั้งในค่ายทหารยังมีทหารองครักษ์อีกไม่น้อย อ๋องเฉิงจึงไม่ได้คิดมากอันใดกับการเดินทางออกรบในครั้งนี้ ด้วยการเดินทางระยะไกล พระองค์จึงต้องนั่งรถม้าไปแทนการขี่ม้าเหมือนทุกครั้ง แต่รถม้าของอ๋องเฉิงนั้นมีม้าถึงสี่ตัวเพื่อการเดินทางที่รวดเร็ว อ๋องเฉิงจึงสั่งการให้เพิ่มม้าเป็นพิเศษในการเดินทางครั้งนี้ ฟางฉือห่าวกับซูซูมาถึงค่ายทหารก่อนอ๋องเฉิงไม่นานนัก เมื่ออ๋องเฉิงมองเห็นม้าที่คุ้นเคยเขาก็รู้ว่าต้องเป็นซูซูแน่ อ๋องเฉิงได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจแล้วเดินไปหาสองพี่น้องที่ยืนคุยกันอยู่ข้างรถม้าและม้าของซูซู“นี่เจ้ามาทำอะไรที่นี่ซูซู”“เอ้า ข้าก็มาดูแลพี่ใหญ่ของข้าน่ะสิ”“แต่นี่มันค่ายทหาร มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น เจ้าจะเดิน
สี่ปีผ่านไป อ๋องน้อยและท่านหญิงที่ได้รับอนุญาตให้เข้าวังบ่อย ๆ วันนี้พวกเขาก็มาเล่นกับเสด็จปู่ เสด็จย่าที่ตำหนักเฟิ่งหวงพร้อมกับเสด็จพ่อและเสด็จแม่ โดยที่ฮ่องเต้ทรงงดเว้นธรรมเนียมให้กับหลานทั้งสองที่ร่าเริงสดใสของพระองค์“เจ้าดูสิ นับวันอ๋องน้อยยิ่งตัวสูงใหญ่กว่าเด็กทั่วไปมากนัก ช่างเหมือนจ้าวหลงตอนเด็ก ๆ ไม่มีผิด”“จริงด้วยเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันเองก็คิดว่าอ๋องน้อยน่าจะเติบโตขึ้นมาตัวสูงใหญ่เหมือนพ่อของเขาเป็นแน่” ฮ่องเต้กับฮองเฮาคุยกันพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า พวกเขาได้แต่นึกถึงตอนที่นำอ๋องเฉิงมาเลี้ยงในวัยเด็กแล้วก็ยิ่งอยากเลี้ยงอ๋องน้อยกับท่านหญิงอีกครั้ง เพียงแต่ตอนนี้ทั้งสองพระองค์พระชนมายุมากแล้ว ไม่สามารถวิ่งเล่นกับหลาน ๆ ได้เหมือนเมื่อก่อนตอนเลี้ยงอ๋องเฉิง เพียงแค่ได้นั่งมองพวกเขาเล่นกัน ทั้งสองพระองค์ก็มีความสุขไม่น้อยแล้ว
เมื่ออ๋องน้อยมาถึงหน้าห้องคลอด พระองค์ทรงเห็นเสด็จพ่อนั่งรออยู่อย่างกระวนกระวาย อ๋องน้อยจึงเดินเข้าไปหาแล้วปีนขึ้นไปนั่งบนตักเสด็จพ่อ อ๋องเฉิงไม่คิดว่าลูกชายจะมาเร็วขนาดนี้ ปกติอ๋องน้อยจะตื่นตอนสาย ๆ แต่วันนี้เขากลับมาที่นี่เพื่อเป็นกำลังใจให้พระองค์กับพระชายาที่กำลังจะคลอด“เด็จพ่อรอน้องกับข้านะขอรับ” เสียงเล็ก ๆ แสนรู้ความเอ่ยออกมาพร้อมอ้อมกอดน้อย ๆ ที่เอื้อมไปกอดคอพ่อของตนเอง“อืม… เจ้าเป็นพี่ที่ดี มานั่งดี ๆ รอน้องกันเถอะ ขอบใจเจ้ามากที่มาให้กำลังใจเสด็จแม่ของเจ้า” อ๋องเฉิงลูบหัวบุตรชายแล้วปรับท่านั่งให้เขาได้นั่งบนตักอย่างสบาย ๆ ในห้องคลอด ซูซูปวดท้องมากจนนางอยากกรีดร้องออกมา แต่ด้วยนิสัยที่มักจะเก็บงำความเจ็บปวดเอาไว้ นางจึงทำเพียงกัดฟันอดทนแล้วหายใจตามจังหวะที่หมอตำแยกับแม่นมฉู่ช่วยกันบอกนางเท่านั้น“พระชายาอดทนอีกสักนิดนะเพคะ อีกไม่นานก็น่า
วันต่อมามีขบวนของขวัญจากวังหลวงและจวนตระกูลฟางยาวนับหลายลี้มาจอดอยู่เต็มหน้าจวนอ๋อง ทำเอาชาวบ้านชาวเมืองต่างอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นอีกแล้วกับจวนอ๋อง ขันทีที่ได้รับพระราชโองการแสดงความยินดีกับจวนอ๋องรีบประกาศราชโองการพร้อมกับพระราชเสาวนีย์ของฮองเฮาที่ร่วมแสดงความยินดีกับจวนอ๋องเช่นเดียวกัน“ข้าขอแสดงความยินดีกับจวนอ๋องที่กำลังจะมีทายาทอีกหนึ่งคน สิ่งของเหล่านี้เป็นของรับขวัญหลานคนที่สองของข้า หวังว่าการตั้งครรภ์ของพระชายาจะดำเนินไปอย่างราบรื่นปลอดภัยจนกว่าจะถึงวันประสูติ จบราชโองการ” ชาวเมืองที่พากันมามุงเมื่อได้ยินขันทีประกาศราชโองการเสียงดัง พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจึงได้มีขบวนของขวัญมากมายถึงเพียงนี้ สมแล้วที่จวนอ๋องได้รับพระเมตตาจากฮ่องเต้กับฮองเฮามาอย่างยาวนาน ไหนจะบ้านเดิมของพระชายาที่เป็นถึงคหบดีที่ร่ำรวยของแคว้นอีกเล่า ไม่แปลกที่เพียงแค่การตั้งครรภ์
สองสัปดาห์ต่อมา ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ซูซูรู้สึกหิวมากกว่าปกติอย่างไรก็ไม่ทราบ แถมนางยังชอบกินขนมหวานแทบทั้งวันอีกด้วย กระทั่งหลังอาหารเช้าวันนี้ ขณะที่นางกำลังอุ้มบุตรชายพาเดินเล่นอยู่นั้นนางก็เกือบจะล้มลงบนพื้นทั้งแม่และลูก ด้วยเพราะซูซูจู่ๆ ก็หน้ามืดไปเสียเฉย ๆ โชคดีที่อ๋องเฉิงวันนี้อยู่กับพวกนางด้วย พระองค์รีบรับร่างภรรยากับบุตรชายแล้วอุ้มทั้งคู่เข้าไปยังห้องนอนในเรือนเล็กของซูซูที่อยู่ใกล้ที่สุด อ๋องเฉิงรีบร้องบอกให้องครักษ์ไปตามหมอหลวงมาทันที ตอนนี้พระองค์ทรงเป็นห่วงภรรยาไม่น้อย เพราะตอนนี้นางยังไม่ลืมตาขึ้นมาเลย ส่วนบุตรชายของพระองค์ไม่ได้ตกอกตกใจอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อ๋องน้อยเพียงแต่มองท่านพ่อที่เรียกคนให้นำผ้ากับอ่างน้ำมาเพื่อเช็ดหน้าให้กับท่านแม่ของพระองค์“ซูซู ซูซู เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ลืมตาขึ้นมาให้ข้าเบาใจหน่อยภรรยา อย่าทำให้ข้ากลัวเช่นนี้ ซูซู” อ๋องเฉิงเช็ดห
หนึ่งเดือนต่อมา อ๋องเฉิงที่ส่งทหารออกไปยังแคว้นจ้านเมื่อหลายเดือนก่อนก็ได้รับข่าวตอบกลับจากทหารที่เพิ่งเดินทางกลับมาถึงค่ายทหารนอกเมืองหลวง“ทูลท่านอ๋อง นี่เป็นจดหมายจากองค์ชายสามที่ให้กระหม่อมนำมามอบให้พระองค์เพื่อส่งต่อไปยังฝ่าบาทพะย่ะค่ะ เหตุการณ์ที่แคว้นจ้านนั้นสงบสุขดีพะย่ะค่ะ ตอนนี้องค์ชายสามก็ส่งขุนนางเดินทางออกไปแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับประชาชนทั่วแคว้นได้เกือบครึ่งปีแล้วพะย่ะค่ะ อีกทั้งพระชายาก็คลอดองค์ชายน้อยได้สามเดือนแล้ว จึงทำให้องค์ชายสามไม่ค่อยมีเวลาที่จะส่งข่าวกลับมาให้พระองค์พะย่ะค่ะ” อ๋องเฉิงพยักหน้ารับจดหมายจากทหารแล้วเปิดอ่านเนื้อหาด้านในก่อนที่จะเข้าวังและนำไปมอบให้กับเสด็จลุงของพระองค์ ภายในจดหมายนั้นเขียนถึงความสำเร็จในการซื้อใจประชาชนขององค์ชายสามและกองทหารรักษาเมือง ยิ่งเมื่อเหล่าประชาชนในแคว้นจ้านเห็นถึงความเมตตาขององค์ชายสามและขุนนางที่ตั้งใจจะมาพัฒนาแคว้นของ
“อืม… เอาล่ะ เราเลิกคุยเรื่องงานกันเถอะ ข้าอยากเล่นกับหลานแล้ว” อ๋องเฉิงเห็นท่าทางกระปรี้กระเปร่าของสหายที่พอพูดถึงหลานชายเข้าเมื่อไหร่ก็มักจะมีอาการเช่นนี้ พระองค์ได้แต่ยิ้มแล้วพาสหายเดินไปยังห้องโถงรับแขกที่เรือนเล็กของบุตรชายที่พระองค์สั่งคนเตรียมเอาไว้สำหรับอ๋องน้อยเมื่อเขาโตกว่านี้ในอีกไม่กี่ปี ในเรือนของอ๋องน้อยเต็มไปด้วยบ่าวรับใช้ที่คอยดูแลท่านอ๋องน้อยเวลาเล่นของเล่นอยู่ในห้องโถงรับแขกกับพระชายา ท่านตาและท่านยายที่มาเยี่ยมก่อนหน้าที่ลูกชายอย่างฟางฉือห่าวจะมาถึง“อ้าว ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันขอรับ”“พ่อกับแม่มากันตั้งแต่เช้าแล้ว วันนี้พ่อนำของเล่นใหม่มาให้อ๋องน้อยด้วยนะเจ้าดูสิ พ่อสั่งคนทำขึ้นมาเป็นพิเศษให้เขาเลยนะเนี่ย” ฟางเซียนหลงชี้ไปที่ม้าโยกไม้ที่ดูแ
หลังจากงานเลี้ยงฉลองครบรอบร้อยวันของอ๋องน้อย ฮ่องเต้ก็ทราบแล้วว่าใครเป็นคนบงการให้นักฆ่ามาลอบทำร้ายอ๋องน้อยของพระองค์ พระองค์ไม่คิดว่าจะเป็นเสนาบดีหลานอีกครั้ง ครั้งนี้พระองค์ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานใด ๆ นอกจากตั๋วแลกเงินที่อยู่ในตัวคนร้ายซึ่งมีตราประทับของจวนเสนาบดีหลานอย่างชัดเจน ถึงแม้พระองค์จะไม่รู้ว่าเขาใช้ใครไปจ้างคนก็ตาม อย่างน้อยตอนนี้พระองค์ก็มีทั้งพยานที่เป็นนักฆ่าและตั๋วแลกเงินซึ่งสามารถเอาผิดเสนาบดีหลานได้แล้ว ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้ทหารไปล้อมจวนเสนาบดีเอาไว้ตั้งแต่ทราบเรื่อง ก่อนที่พระองค์จะออกพระราชโองการให้ขันทีในวังไปประกาศความผิดที่หน้าจวนเสนาบดีหลานในวันถัดไป เสนาบดีหลานที่รู้ว่างานที่ส่งคนไปจัดการไม่สำเร็จอีกแล้วก็เตรียมตัวหนีออกจากจวน เพียงแต่เหล่าองครักษ์ที่คอยเฝ้าจวนเสนาบดีหลานไม่ปล่อยโอกาสให้เขาได้หนีไปง่าย ๆ พวกเขาส่งคนไปส่งข่าวกับทั้งฮ่องเต้และท่านอ๋อง กระทั่งจวนเสนาบดีหลานนั้นถูกล้อมรอบเอาไว้ทุกด้านจนแม้แต่แมลงสักตัวก็ไม่สามารถที่จะเข้าและออกได
ณ จวนเสนาบดีหลาน วันนี้เขาไม่ยอมไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนอ๋องเพราะรู้ว่าตนเองไม่อาจปั้นหน้ายิ้มแย้มให้กับคนที่สั่งประหารภรรยาและลูกสาวคนเดียวของเขาได้ โดยเขาได้ส่งพ่อบ้านไปส่งของขวัญและขออภัยท่านอ๋องซึ่งใช้ข้ออ้างว่าตนเองไม่สบาย จึงกลัวว่าจะทำให้คนอื่นไม่สบายตามไปด้วย แต่ความจริงแล้ว เสนาบดีหลานได้จ้างนักฆ่าไปจัดการอ๋องน้อยก่อนหน้าวันงานแล้ว โดยเขายังให้นักฆ่าแฝงตัวเป็นบ่าวในจวนที่นำของขวัญไปร่วมแสดงความยินดีแทนตัวเขา ไม่ว่านักฆ่าจะทำสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้ว เพราะทุกครั้งที่เขาสืบทราบว่าจวนอ๋องนั้นมีความสุขเพียงใด ในใจของเขากลับยิ่งแค้นใจมากขึ้นเท่านั้น ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าความผิดของภรรยากับบุตรสาวที่จากไปของเขานั้นร้ายแรงขนาดไหน ในใจเขาก็ยังคงยอมรับการตัดสินโทษในครั้งนั้นไม่ได้อยู่ดี ที่จวนอ๋องในตอนนี้ เสนาบดีกรมพิธีการกำลังดำเนินพิธีตามราชประเพณีที่ให้ฮ่องเต้ ฮองเฮา ท่านอ๋องและพระชายาร่วมวางสิ่งของแทนเส้นทางในอ
หนึ่งวันก่อนงานฉลองร้อยวัน ตั้งแต่ซูซูคลอดอ๋องน้อยออกมา ตระกูลฟางก็แทบจะมาที่จวนอ๋องวันเว้นวันกันเลยทีเดียว พวกเขารักหลานคนแรกที่อวบอ้วนมากจนอดทนไม่ไหวที่จะห่างจากหลานหลายวัน ท่านอ๋องเองก็เช่นเดียวกัน หากไม่มีงานที่จะต้องออกจากจวน พระองค์ก็จะไม่ออกไปไหนนอกจากการช่วยภรรยาเลี้ยงดูบุตรชาย พระองค์ยังเคยขอลองชิมน้ำนมจากภรรยาแต่กลับถูกนางมองแรงใส่จนพระองค์ไม่กล้าขอชิมอีกเลย ด้วยกลัวว่าพระองค์จะได้ชิมกระบี่บินแทนที่จะได้กินนมเหมือนเจ้าลูกชาย ทำอย่างไรได้ในเมื่อพระองค์ไม่ได้ร่วมรักกับภรรยามาปีกว่าแล้วตั้งแต่นางตั้งครรภ์ พระองค์ใช่ว่าจะเป็นพระอิฐพระปูนเสียที่ไหน แต่ด้วยคำสั่งห้ามของภรรยาว่านางยังเจ็บแผลอยู่ จึงทำให้อ๋องเฉิงต้องอดทนมาจนกระทั่งลูกชายอายุจะครบร้อยวันในวันพรุ่งนี้แล้ว วันนี้ที่จวนอ๋องต่างวุ่นวายจัดเตรียมงานให้กับท่านอ๋องน้อยของพวกเขาอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องจากท่านอ๋องแจ้งไว้ก่อนหน้าแล้วว่าฮ่องเต้และฮองเฮาจะเสด็จมาเป็นประธา