"อุ่นอยากขึ้นเครื่องบิน เครื่องบิน เครื่องบิน"
"รู้แล้วค่ะ ดี๊ด๊าใหญ่เลยนะเรา ป้าสุดใจเอากระเป๋ามาครบแล้วใช่มั้ยคะ"
"เอามาครบแล้วค่ะ" ฉันตรวจเช็กความเรียบร้อยของทุกคน โดยเฉพาะเด็กหญิงไออุ่นเพราะเมื่อวานมีไข้ต่ำ ๆ กำหนดเดินทางวันนี้ตอนแรกจะเลื่อนไปก่อน แต่งานที่นู่นดันมีปัญหาก็เลยเลื่อนไม่ได้ ปรึกษาคุณหมอแล้วว่าอาการของไออุ่นไม่รุนแรงกินยาลดไข้และเช็ดตัวบ่อยๆก็จะดีขึ้น
ดีขึ้นจริง ๆ นั่นแหละ เสียงแจ๋วเชียว
"ถึงแล้วก็โทรมาบอกพี่ด้วย "
"พ่อพ่อจะตามไปวันไหนคะ"
"อีกสองวันครับ ไหนจับตัวสิ ตัวไม่ร้อนแล้วคนเก่ง" ไม่ใช่แค่พ่อพ่อหรอกที่เป็นห่วงอาการของไออุ่นฉันเองก็ไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่ กลัวว่าลูกจะเป็นหนักระหว่างนั่งเครื่อง แต่บินแป๊บเดียวก็ถึงกรุงเทพแล้วเมื่อกี้ก็เพิ่งป้อนยากันไปกว่ายาจะหมดฤทธิ์ก็ตั้งสี่ชั่วโมงถึงก่อนชัวร์อยู่แล้ว
"ต้องกินยา อุ่นไม่ชอบเลย"
"ถ้าไม่กินยาก็จะอดขึ้นเครื่องบินนะ"
"กินก็ได้ค่ะ"
"กินไปแล้วค่ะ เมื่อกี้ให้ป้าสุดใจป้อนแล้ว" ฉันทำหน้าเหนื่อย ๆ ถ้าไม่ได้เดินทางไออุ่นคงไม่ยอมกินยาง่ายขนาดนี้ งานนี้ไม่ยากเลยอดเป็นห่วงไม่ได้
"เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่สบายใจเรื่องลูกเหรอ" พี่ตฤณเงยหน้าถาม ฉันเลยพยักหน้าว่ากันตามตรง ถึงจะมีป้าสุดใจไปด้วยฉันก็ยังไม่คลายกังวล ไกลบ้านครั้งแรกเลยก็ว่าได้ กลัวหลายอย่างแต่ก็ต้องก้าวผ่านไปให้ได้ พี่ตฤณอุตส่าห์ให้โอกาสขนาดนี้
"อิง ถ้ากังวลขนาดนั้นพี่ให้คนอื่นไปแทนได้นะ"
"อิงทำได้ค่ะ อิงโอเค"
"ยังกลัวอยู่มั้ย" คำถามนั้นทำฉันชะงัก โกหกว่าไม่ คงไม่ได้ พี่ตฤณน่ะจับผิดคนเก่งอ่านใจคนออก ยิ่งเป็นน้องสาวคนนี้ไม่เคยหนีพ้นเลยสักครั้ง
"นิดหน่อยค่ะ"
"จะหนีแบบนี้ตลอดไปคงไม่ได้ พี่ไม่รู้ว่าจะช่วยได้ถึงเมื่อไหร่" พอรู้มาบ้างว่าไคล์จ้างนักสืบตามหา ถึงกับจ้างนักสืบ บ้าไม่เคยเหมือนใคร จะจ้างตามหาทำไมปล่อยฉันไปมีชีวิตอิสระเถอะ
"อิงแค่ยังไม่พร้อม อีกอย่างถ้าเขารู้ก็คงโกรธมากที่อิงทำแบบนี้หรือไม่ เขาอาจจะไม่รู้สึกอะไร มันเกินคาดเดาไปหมดเลยค่ะ" ฉันไม่รู้ว่าถ้าไคล์รู้เรื่องไออุ่นเขาจะรู้สึกยังไง จะโกรธ เกลียด หรือว่าเฉยๆ แล้วเดินจากไป ไม่อาจคาดเดาได้เลย ฉันเองก็ไม่คิดจะปิดเรื่องไออุ่นไปจนวันตายหรอก เชื่อว่าสักวันคงถึงวันนั้น แต่ตอนนี้ฉันกลัวไปหมดเลย
"ไม่ต้องกลัว มีพี่อยู่"
"ขอบคุณนะคะพี่ตฤณ" ฉันซาบซึ้งน้ำใจพี่ชายคนนี้มากจริง ๆ ถ้าไม่ได้พี่ตฤณฉันคงแย่ แย่มาก ๆ เลย ชีวิตพลิกผันครั้งใหญ่ มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีนามสกุลใหญ่โตใช้อย่างเขาจากที่ปฏิเสธมาตลอดเพราะไม่ยอมรับพ่อที่ทิ้งแม่ไป
"อิงเป็นน้องสาวพี่นะ ไม่ว่ายังไงอิงก็ยังมีพี่ เราจะช่วยกันเลี้ยงไออุ่นให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องพ่อถ้าเขารู้แล้วอยากรับผิดชอบก็ได้พี่ยอม แต่ต้องมาคุยตกลงกันดีๆ ไม่พาลูกสาวของพี่หนีไปดื้อๆ แบบนั้นพี่ไม่โอเค" ฉันน้ำตาคลอ พี่ตฤณพูดความจริง สักวันไคล์ต้องรู้แล้วฉันก็จะไม่พยายามหนี เพราะเหนื่อย เหนื่อยเหลือเกิน ยิ่งได้มองหน้าลูกก็ยิ่งทำให้ฉันคิดถึงหน้าของเขา ฉันไม่ได้อยากหนีแต่มันจำเป็นจริง ๆ อยากให้เขาได้ทำตามฝัน เหตุผลธรรมดาที่แสนนางเอกแค่นี้เอง
"โอเคค่ะ อิงจะไม่กลัวอะไรอีกแล้วค่ะ"
"เรื่องลูกไม่ต้องกังวลนะ โอเคขึ้นหรือยัง" ฉันพยักหน้ารัว ๆ แม้จะแอบกังวลนิด ๆ แต่ก็ต้องทำให้พี่ตฤณสบายใจ ถ้าไคล์รู้แล้วไม่มีอะไรก็ว่าไป แต่ถ้าเขาโกรธแล้วทวงสิทธิ์ขึ้นมามันคงวุ่นวายน่าดูเพราะไคล์ไม่ผิด ฉันเองที่ผิดหอบลูกหนีเขามา ไม่บอกความจริงตั้งแต่วันนั้นทั้งๆ ที่เขาพร้อมจะรับผิดชอบ ผิดที่ฉันเอง เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะฉัน
"อิง"
"คะ"
"เหตุผลที่เคยพูดกับพี่ในวันนั้นนั่นแหละจะทำให้เขาเข้าใจ"
"ขอบคุณอีกครั้งนะคะพี่ชาย รักที่สุดเลย" ฉันกอดพี่ตฤณเป็นการขอบคุณ เป็นอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นลองลงมาจากแม่เลยก็ว่าได้ สักพักก็รู้สึกว่ามีมือน้อยๆ เข้ามาวุ่นวาย
"กอดอุ่นด้วย"
"อะไรกัน แม่จะกอดพ่อพ่อคนเดียว"
"ไม่เอา พ่อพ่อกอดอุ่นด้วย"
พอรุมกอดพ่อพ่อจนพอใจสักพักก็ถึงเวลาต้องขึ้นเครื่อง สิ่งที่ฉันกังวลเริ่มคลายลงเพราะไออุ่นหลับตลอดทางจนเครื่องลง ฉันกับป้าสุดใจโล่งใจมาก ๆ ที่เจ้าเด็กน้อยไข้ลงจนตัวเย็น เรามาถึงกรุงเทพช่วงบ่ายฉันรู้สึกง่วงเลยขอตัวไปซื้อกาแฟหลังจากที่รอรับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย
"ป้าสุดใจเอาอะไรมั้ยคะ"
"ไม่ดีกว่าค่ะ ป้าไม่ทานกาแฟตอนบ่าย ตามสบายเลยค่ะเดี๋ยวป้ากับน้องอุ่นนั่งรอตรงนี้นะคะ" ป้าสุดใจชี้ไปที่เก้าอี้ที่เรียงเป็นแถวด้านข้าง ฉันพยักหน้าแล้วก้มบอกลูกสาวอีกรอบว่าจะไปไหน
"เดี๋ยวแม่มานะคะ อยู่กับป้าสุดใจ ห้ามไปไหนคนเดียวเด็ดขาด เข้าใจมั้ยคะ"
"เข้าใจแล้วค่ะ" ฉันยิ้มให้ไออุ่นแล้วยีหัวลูกสาวเบา ๆ รีบเดินไปหาร้านกาแฟทันที ไม่อยากให้ทั้งคู่รอนานอีกอย่างรถของโรงแรมก็มารอรับแล้วด้วย
"ไคล์ ศิลา อนันตศิริพิทักษ์กุล ประกาศอำลาJYกรุ๊ป ข่าวนี้ช็อกแฟนคลับทั้งไทยและจีนมากเลยนะคะคุณผู้ชม ดิฉันเองยังไม่อยากเชื่อเลย หลังจากประกาศผ่านสื่อเจ้าตัวก็แพ็กกระเป๋าบินกลับไทยทันที"
"แบล็กคอฟฟี่เย็นแก้วหนึ่งค่ะ"
"แก บินกลับไทยแล้ว เที่ยวบินไหนวะจะหนีงานไปรอรับ" ฉันเองก็ยังช็อก อยู่ ๆ ไคล์ก็ทิ้งงานที่ตัวเองรักกลับไทย ข่าวในทีวีที่ร้านกาแฟทำพนักงานและลูกค้าอึ้งไปตาม ๆ กัน บางคนก็พูดถึงสาเหตุไปต่างๆ นานา
"ไม่รู้สิ"
"รอสักครู่นะคะ ลูกค้านี่ใบเสร็จค่ะ" ฉันเลือกร้านกาแฟแบรนด์ธรรมดาที่คนไม่เยอะ เลือกมุมเงียบ ๆ เพื่อฟังข่าวและรอกาแฟ สาเหตุการกลับมาไม่มีใครรู้ ที่รู้ๆ ตอนนี้ไคล์บินมาไทยแล้ว
---------------
"ป้าสุดใจ ไออุ่นล่ะคะ ไออุ่นไปไหนคะ " ฉันรีบวางแก้วกาแฟลงแล้วหันไปย้ำถามหาไออุ่นจากป้าสุดใจอีกครั้ง สีหน้าของป้าดูไม่ดีเลย มือไม้ของฉันมันสั่นไปหมด ไม่ต่างจากผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า"คือป้า ป้าแค่หันไปหยิบของในกระเป๋า หันมาก็ไม่เห็นน้องแล้วค่ะ" ใจฉันกระตุกวูบเชื่อว่าสิ่งที่ป้าสุดใจพูดคือความจริง ท่านเองก็ทำท่าจะเป็นลมอยู่เหมือนกัน"ป้านั่งพักก่อนนะคะ อิงจะไปประชาสัมพันธ์ อย่าเพิ่งเดินไปไหนนะคะ เดี๋ยวจะเป็นลม""ได้ค่ะๆ คุณอิงป้าขอโทษนะคะ น้องเพิ่งหายไปเมื่อกี้ค่ะ" น้ำเสียงสั่นเครือนั่นทำให้ฉันแอบน้ำตาคลอไปด้วย ห่วงทั้งป้าสุดใจและลูกสาวเพียงคนเดียว"ไม่เป็นไรค่ะ ไออุ่นคงซนตามประสา เดี๋ยวอิงกลับมานะคะ ป้ารออยู่ตรงนี้นะคะเผื่อไออุ่นกลับมา""ได้ค่ะๆ "ฉันรีบวิ่งไปที่ประชาสัมพันธ์ของสนามบิน โดยไม่ลืมจะหยิบมือถือออกมาแล้วกดโทรหาพี่ตฤณ พอพี่ตฤณรู้เรื่องก็ร้อนใจไม่ต่างจากฉัน"ใจเย็นๆ แล้วตอนนี้กำลังจะไปไหน""ประชาสัมพันธ์ค่ะ ถ้าวิ่งหากันคงไม่เจอ พี่ตฤณน้องกลัว ฮึก" ฉันกลัวตามหาลูกไม่เจอ กลัวไปหมด สนามบินทั้งใหญ่และกว้างขนาดนี้วิ่งตามหาวันก็คงไม่เจอ ไออุ่นหายไปไหน? คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของฉันซ
พอเคลียร์เรื่องที่สนามบินเสร็จฉันก็รีบหยิบมือถือไลน์ไปแจ้งพี่ตฤณพร้อมกับถ่ายรูปไออุ่นส่งไป พี่ตฤณส่งสติ๊กเกอร์ปาดเหงื่อกลับมาตามด้วยสติ๊กเกอร์รูปหัวใจ คงยุ่งอยู่จริง ๆ ถึงไม่โทรมาปกติพี่ตฤณจะต้องโทรกลับทุกครั้ง"กลับโรงแรมกันก่อนนะคะ""ดีเลยค่ะ เจ้าตัวแสบคงเหนื่อยแย่" ไออุ่นหลับไปแล้ว ป้าสุดใจอุ้มไออุ่นไม่ยอมวางจนขึ้นรถของโรงแรม กว่าจะถึงโรงแรมก็บ่ายแก่ๆ พอถึงห้องพักป้าสุดใจก็แยกพาไออุ่นไปนอน ห้องที่พี่ตฤณจองให้เป็นห้องคอนเน็กเชื่อมกันถึงสามห้องเหมาะสำหรับครอบครัวมาก ๆ เดาว่าพี่ตฤณคงมาพักที่นี่กับพวกเราด้วย"ป้าสุดใจก็ไปพักเถอะค่ะ""คุณอิงก็พักบ้างนะคะ" ฉันพยักหน้ารับ คงยังหลับตาไม่ลง สายตาของฉันจ้องไปที่หน้าจอมือถือตลอดเวลา เราได้เจอกันแล้วสินะ พ่อลูกได้เจอกันแล้ว จากนี้ไปจะเป็นยังไงฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้คิดเอาไว้เลย คนมีเป็นร้อยเป็นล้านทำไมต้องเป็นเขาด้วยที่ช่วยไออุ่นไว้ ฉันนั่งคิดเรื่องนี้นานนับชั่วโมงคิดเผื่อไปด้วยว่าถ้าไคล์รู้เรื่องไออุ่นจะเป็นยังไงเขาจะแย่งลูกไปจากอกฉันเหมือนในละครหรือว่าเราจะคุยตกลงรื่องลูกกันดี ๆ แบ่งเวลาให้กันอย่างเท่าเทียม อีกประเด็นที่ฉันคิดคือไคล์อาจ
"ทำงานดีมาก เร็วมาก อะไรวะเนี่ยอิง" ผมทั้งโกรธ โมโห แล้วก็ดีใจในเวลาเดียวกัน ผมถูกอิงโกหกเรื่องท้องในวันนั้น ผิดที่ผมด้วยแหละที่ไม่เช็กให้ชัวร์ยอมปล่อยอิงไปง่าย ๆ เด็กที่ชื่อไออุ่นเป็นลูกของผมลูกของผมกับอิง ผลผลิตจากในคืนนั้นที่เราพลาดด้วยกันทั้งคู่ตอนนี้เขาอายุสามขวบแล้ว ให้ตายสิกว่าจะรู้ว่าตัวเองมีลูกใช้เวลาเกือบสามปีเลย ผมพลาดหลายๆ อย่างไปเยอะมาก"ผมช่วยได้เท่านี้นะครับ""ที่เหลือผมจัดการเอง เอาล่ะค่าจ้างที่เหลือผมจะโอนเข้าบริษัทให้ ทิ้งเลขบัญชีคุณไว้ให้ผมด้วย"ทำงานดีแบบนี้ไม่ให้พิเศษได้ยังไง และนี่คือเหตุผลที่ผมรีบโทรหาอิงแล้วนัดออกมาคุยข้างนอก แม้ว่ามันเสี่ยงมากก็ตามแต่ผมก็ต้องเคลียร์ให้รู้เรื่องหลังจากกลับจากสนามบินผมก็ร้อนใจเรื่องของอิงกับเด็กคนนั้นมาก รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกับว่ามันต้องมีอะไรสักอย่าง แล้วก็มีจริง ๆ นักสืบโทรมารายงานเรื่องอิงให้ผมฟังอย่างละเอียดพร้อมส่งข้อมูลเท่าที่หามาได้เข้าไลน์ หลังจากวางสายผมก็โทรนัดอิงส่งโลเคชั่นไปให้แล้วนั่งมองรูปเด็กน้อยตากลมโตไปด้วย รอยยิ้มนั่นเหมือนอิง ไออุ่นคือลูกสาวของผม เธอน่ารักมาก มีบางส่วนที่เหมือนผม ปากมั้งไม่แน่ใจโรงแรม K INผ
ทุกคนหลับหมดแล้ว ป้าสุดใจ ไออุ่น เวลาพักผ่อนนี่เนอะเที่ยงคืนแล้วด้วยฉันเพิ่งกลับถึงห้อง กลับมาพร้อมรอยยิ้มและความสบายใจ เราเคลียร์ทุกอย่างลงตัว ไคล์สัญญาแล้วว่าจะไม่ใช้ข้อกฎหมายมาต่อรองเรื่องลูก เรื่องอื่น ๆ เราก็ตกลงกันเรียบร้อยเพราะโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันยังไม่ค่อยสบายใจ ไคล์เพิ่งเดินทางกลับมาแล้วเขาก็มีชื่อเสียงมาก ไปไหนมาไหนก็ค่อนข้างลำบากเพราะแฟนคลับเยอะ ผู้หวังดีก็มีหวังร้ายก็คงมีเหมือนกันโดยเฉพาะพวกที่อยากได้เงินจากการขายรูปถ่ายให้กับสำนักข่าว ฉันไม่สบายใจเรื่องนี้เอามาก ๆME: ถึงห้องแล้วKAI : โอเค ถึงแล้วเหมือนกัน อาบน้ำแล้วรีบเข้านอนเลยนะฉันไม่ใช่ไออุ่นนะแต่ก็ทำให้เผลอยิ้มแล้วพิมพ์ตอบกลับไปME : เรื่องคำตอบ คือว่าKAI : ไม่รีบ ค่อย ๆ คิด ไคล์จะจีบอิงทุกวันใบหน้าของฉันร้อนผ่าว ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าไคล์จะทำแบบนี้ เขาขอคบโดยที่ฉันยังไม่ได้ให้คำตอบแต่เขาก็ไม่ได้เร่งรัดบอกว่าจะจีบทุกวันจนกว่าฉันจะใจอ่อน ดูพ่อไออุ่นสิตลกชะมัดME : ตื่นเต้นจัง มีซุปตาร์มาตามจีบ ต้องเล่นตัวหน่อยแล้ว ^^KAI : เอาเลยตามสบาย แบบนี้ไคล์ชอบเขาหน่ะตัวร้ายเรื่องผู้หญิงเลย มีข่าวไ
ปัง ปัง ปัง!!!"อิง เสร็จยังวะ เข้าไปนานแล้วนะเว้ย ""อย่าเร่งดิฉี่ไม่ออก " ผลตรวจออกแล้วต่างหากแต่ฉันไม่กล้ายอมรับความจริงกับเรื่องที่เกิดขึ้น จากนี้ไปฉันจะอยู่ยังไง ต้องทำตัวแบบไหน แล้วต้องตอบคำถามคนอื่นๆ ยังไง มันเครียดไปหมด! เครียดจนไม่กล้ายอมรับว่านี่มันคือเรื่องจริงเรื่องเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน ฉันกับไคล์เกิดพลาดมีอะไรกัน อยากตบหน้าตัวเองแรงๆ ต้องไม่ใช่แบบนี้ ต้องไม่ใช่ไคล์นั่นมันเพื่อนรักของฉัน"อิง! " เสียงตะโกนของไคล์ดังเข้ามาอีกครั้ง ฉันคงหนีไม่พ้น ความจริงก็คือความจริงแต่ฉันไม่อยากให้เรื่องมันออกมาแบบนี้ ฉันไม่อยากท้อง ฉันยังอยากใช้ชีวิตอิสระอยู่เลย เราทั้งคู่ไม่ควรมาเจอเรื่องแบบนี้ ฉันยกมือขึ้นมาลูบท้องเบาๆ แล้วพูดในใจว่าเขาไม่ผิดเหมือนกัน เราทั้งคู่ต่างหากที่ใช้ชีวิตประมาทขาดสติ"จะออกไปแล้ว""เร็วๆ ดิวะ " น้ำเสียงรีบเร่งเจือกังวลนั้นทำให้ความเครียดที่มีสะสมมากขึ้น ถ้าไคล์รู้ว่าฉันท้อง เขาคงผิดหวังมากเพราะอนาคตที่กำลังจะไปได้สวยคงดับวูบ เพื่อนสนิทของฉันคนนี้กำลังจะบินไปเป็นซุป'ตาร์ที่เมืองจีน ใครกันอยากตัดอนาคตเพื่อน ฉันคิดอะไรไม่ออกเลยจริง ๆ"เออ ๆ ""ว่ายังไง ท้องม
สาธารณรัฐประชาชนจีน"ได้เรื่องบ้างมั้ย""ยังเลยครับ ค้นจากประวัติที่คุณไคล์ให้มาไม่พบประวัติของผู้หญิงที่ชื่ออิงฟ้าเลยครับ ที่อยู่ ชื่อและนามสกุลก็ไม่ปรากฏในทะเบียนราษฎร์เลยครับ" ผมถอนหายใจอีกครั้งเมื่อเรียกนักสืบมาถามความคืบหน้าการตามหาเพื่อนสนิทที่มีเพียงคนเดียว สองปีกว่าแล้วที่ผมไม่ได้รับข่าวและการติดต่อจากเพื่อนคนนี้อีกเลยเพราะอะไรวะอิง ทำไมถึงหายไปจนทำให้ใจหายแบบนี้"ตามหาต่อไป ตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานการเสียชีวิต ผมเชื่อว่าเธอยังมีชีวิตอยู่" นักสืบเอกชนหลายต่อหลายบริษัทที่ผมว่าจ้างทำงานไม่ได้เรื่องเลยสักบริษัท จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาผู้ใหญ่คนหนึ่งแนะนำบริษัทนี้มา ผ่านไปสองอาทิตย์ก็ยังไร้วี่แวว"เป็นไปได้มั้ยครับว่าเธอจะเปลี่ยนชื่อ" ผมชะงักแล้วหันไปมองหน้านักสืบ ผมลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่อิงจะเปลี่ยนชื่อ"อิงจะเปลี่ยนชื่อเพื่ออะไร""หนีคุณไงครับ""หนีผม" ผมชี้ตัวเองอย่างงงๆ เป็นไปไม่ได้หรอก เราสองคนไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อย ก่อนบินอิงก็มาส่งผมที่สนามบิน ช่วงต้นปีแรกเราก็ยังคุยกันปกติ แล้วหลังจากนั้นผมก็ติดต่ออิงไม่ได้อีกเลยไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร"เป็นไปได้ครั
"ยังไม่เลิกซื้อหวยอีกหรือไง""อะไรกันคะ เรียกมาพบก็เพราะเรื่องหวยเนี่ยนะ" ฉันดึงเก้าอี้ตรงหน้าแล้วหย่อนตัวลงนั่ง พี่ชายต่างแม่ของฉันคนนี้ทำหน้าซีเรียสแล้วสักพักก็ผ่อนคลายลงเมื่อเห็นหน้าเด็กหญิงไออุ่นที่วิ่งเข้ามาในห้องพร้อมกับเสียงออดอ้อน"พ่อพ่อขา""ไออุ่นของพ่อพ่อมาช่วยแม่ใช่มั้ย" เจ้าตัวอ้วนพยักหน้าแล้วโผเข้ากอดพ่อพ่อของเขาหลังจากที่ฉันไปส่งไคล์ที่สนามบินวันนั้นเสร็จฉันก็รีบติดต่อหาพี่ตฤณทันที เขาคือพี่ชายต่างแม่และเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ชีวิตฉันไม่เหลือใครแล้วนอกจากพี่ชายคนนี้ ก่อนหน้าฉันคิดว่าตัวเองสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งพาใคร พอท้องก็เริ่มกังวลทีแรกฉันจะทำแท้งเพราะไม่พร้อมจริงๆแต่พี่ตฤณห้ามเอาไว้ ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่ตฤณฟัง พี่ชายของฉันคนนี้เข้าใจและยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือโดยไม่ลังเล ปกปิดที่อยู่และจัดการเรื่องชื่อนามสกุลให้จนเสร็จสรรพ อิงดาวได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้มีแค่ฟ้ารดาเท่านั้น ฟ้ารดา อักษรศิลากุล เป็นนามสกุลที่ฉันปฏิเสธมาตลอดสุดท้ายฉันก็ต้องกลับมาพึ่งพานามสกุลนี้ ลดทิฐิในตัวลงเพื่อชีวิตน้อยๆ ที่ฉันเกือบจะตัดเขาออกจากตัวไป"พ่อพ่อดุแ
"ดูนั่นสิ แสดงเป็นต้นไม้ซะสมจริงเลย""พี่ตฤณ หลานตั้งใจออก ดูสิคะจ้องพี่ตฤณไม่วางตาเลย" สิ่งที่ไออุ่นกังวลมากที่สุดคือกลัวพ่อพ่อของเขามาไม่ได้ พอได้เห็นว่าพ่อพ่อมาได้ก็จ้องตาไม่กะพริบเลย เอ็นดูเจ้าต้นไม้น้อยนั่น"พี่ผิดนัดครั้งก่อนคงกลัว" ครั้งนั้นเป็นงานวันเด็ก ไออุ่นได้ขึ้นแสดงเต้นประกอบเพลง แววตาเศร้าหมองในวันนั้นทำให้พี่ตฤณรู้สึกผิดไม่น้อย รูปที่ฉันตั้งใจถ่ายไปอวดกลายเป็นภาพแห่งความเจ็บปวดไปซะงั้น แต่พี่ตฤณก็สั่งให้คนไปอัดใส่กรอบตั้งไว้บนโต๊ะทำงานเอาไว้เตือนใจว่าไม่ควรผิดสัญญากับใครอีก"ครั้งนั้นเต้นเกือบไม่ออก เอาแต่มองหาพ่อพ่อ""พี่รู้สึกว่าตัวเองเป็นพ่อของไออุ่นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วนะ" พี่ตฤณยื่นมือมาแตะบ่าฉันเบา ๆ แล้วหันไปมองลูกสาวที่กำลังทำการแสดงอยู่บนเวที วันนี้พ่อพ่อของไออุ่นออร่าจับมาก ๆ แม่ ๆ หลายคนมองตาไม่กะพริบ โดยเฉพาะแม่ของน้องอิ๊งที่นั่งอยู่ข้างหลัง เพราะไม่ค่อยได้เห็นพี่ตฤณสักเท่าไหร่"แสดงจบก็กลับบ้านได้เลย พี่ตฤณจะกลับก่อนก็ได้นะคะ" งานพี่ตฤณรออยู่อีกมาก ไออุ่นเห็นหน้าพี่ตฤณแล้วก็น่าจะพอใจแล้วล่ะ ได้ข่าวว่ามีประชุมอีก"รอกลับพร้อมกันนี่แหละ ถ่ายรูปกันก่อนสิ"
ทุกคนหลับหมดแล้ว ป้าสุดใจ ไออุ่น เวลาพักผ่อนนี่เนอะเที่ยงคืนแล้วด้วยฉันเพิ่งกลับถึงห้อง กลับมาพร้อมรอยยิ้มและความสบายใจ เราเคลียร์ทุกอย่างลงตัว ไคล์สัญญาแล้วว่าจะไม่ใช้ข้อกฎหมายมาต่อรองเรื่องลูก เรื่องอื่น ๆ เราก็ตกลงกันเรียบร้อยเพราะโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันยังไม่ค่อยสบายใจ ไคล์เพิ่งเดินทางกลับมาแล้วเขาก็มีชื่อเสียงมาก ไปไหนมาไหนก็ค่อนข้างลำบากเพราะแฟนคลับเยอะ ผู้หวังดีก็มีหวังร้ายก็คงมีเหมือนกันโดยเฉพาะพวกที่อยากได้เงินจากการขายรูปถ่ายให้กับสำนักข่าว ฉันไม่สบายใจเรื่องนี้เอามาก ๆME: ถึงห้องแล้วKAI : โอเค ถึงแล้วเหมือนกัน อาบน้ำแล้วรีบเข้านอนเลยนะฉันไม่ใช่ไออุ่นนะแต่ก็ทำให้เผลอยิ้มแล้วพิมพ์ตอบกลับไปME : เรื่องคำตอบ คือว่าKAI : ไม่รีบ ค่อย ๆ คิด ไคล์จะจีบอิงทุกวันใบหน้าของฉันร้อนผ่าว ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าไคล์จะทำแบบนี้ เขาขอคบโดยที่ฉันยังไม่ได้ให้คำตอบแต่เขาก็ไม่ได้เร่งรัดบอกว่าจะจีบทุกวันจนกว่าฉันจะใจอ่อน ดูพ่อไออุ่นสิตลกชะมัดME : ตื่นเต้นจัง มีซุปตาร์มาตามจีบ ต้องเล่นตัวหน่อยแล้ว ^^KAI : เอาเลยตามสบาย แบบนี้ไคล์ชอบเขาหน่ะตัวร้ายเรื่องผู้หญิงเลย มีข่าวไ
"ทำงานดีมาก เร็วมาก อะไรวะเนี่ยอิง" ผมทั้งโกรธ โมโห แล้วก็ดีใจในเวลาเดียวกัน ผมถูกอิงโกหกเรื่องท้องในวันนั้น ผิดที่ผมด้วยแหละที่ไม่เช็กให้ชัวร์ยอมปล่อยอิงไปง่าย ๆ เด็กที่ชื่อไออุ่นเป็นลูกของผมลูกของผมกับอิง ผลผลิตจากในคืนนั้นที่เราพลาดด้วยกันทั้งคู่ตอนนี้เขาอายุสามขวบแล้ว ให้ตายสิกว่าจะรู้ว่าตัวเองมีลูกใช้เวลาเกือบสามปีเลย ผมพลาดหลายๆ อย่างไปเยอะมาก"ผมช่วยได้เท่านี้นะครับ""ที่เหลือผมจัดการเอง เอาล่ะค่าจ้างที่เหลือผมจะโอนเข้าบริษัทให้ ทิ้งเลขบัญชีคุณไว้ให้ผมด้วย"ทำงานดีแบบนี้ไม่ให้พิเศษได้ยังไง และนี่คือเหตุผลที่ผมรีบโทรหาอิงแล้วนัดออกมาคุยข้างนอก แม้ว่ามันเสี่ยงมากก็ตามแต่ผมก็ต้องเคลียร์ให้รู้เรื่องหลังจากกลับจากสนามบินผมก็ร้อนใจเรื่องของอิงกับเด็กคนนั้นมาก รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกับว่ามันต้องมีอะไรสักอย่าง แล้วก็มีจริง ๆ นักสืบโทรมารายงานเรื่องอิงให้ผมฟังอย่างละเอียดพร้อมส่งข้อมูลเท่าที่หามาได้เข้าไลน์ หลังจากวางสายผมก็โทรนัดอิงส่งโลเคชั่นไปให้แล้วนั่งมองรูปเด็กน้อยตากลมโตไปด้วย รอยยิ้มนั่นเหมือนอิง ไออุ่นคือลูกสาวของผม เธอน่ารักมาก มีบางส่วนที่เหมือนผม ปากมั้งไม่แน่ใจโรงแรม K INผ
พอเคลียร์เรื่องที่สนามบินเสร็จฉันก็รีบหยิบมือถือไลน์ไปแจ้งพี่ตฤณพร้อมกับถ่ายรูปไออุ่นส่งไป พี่ตฤณส่งสติ๊กเกอร์ปาดเหงื่อกลับมาตามด้วยสติ๊กเกอร์รูปหัวใจ คงยุ่งอยู่จริง ๆ ถึงไม่โทรมาปกติพี่ตฤณจะต้องโทรกลับทุกครั้ง"กลับโรงแรมกันก่อนนะคะ""ดีเลยค่ะ เจ้าตัวแสบคงเหนื่อยแย่" ไออุ่นหลับไปแล้ว ป้าสุดใจอุ้มไออุ่นไม่ยอมวางจนขึ้นรถของโรงแรม กว่าจะถึงโรงแรมก็บ่ายแก่ๆ พอถึงห้องพักป้าสุดใจก็แยกพาไออุ่นไปนอน ห้องที่พี่ตฤณจองให้เป็นห้องคอนเน็กเชื่อมกันถึงสามห้องเหมาะสำหรับครอบครัวมาก ๆ เดาว่าพี่ตฤณคงมาพักที่นี่กับพวกเราด้วย"ป้าสุดใจก็ไปพักเถอะค่ะ""คุณอิงก็พักบ้างนะคะ" ฉันพยักหน้ารับ คงยังหลับตาไม่ลง สายตาของฉันจ้องไปที่หน้าจอมือถือตลอดเวลา เราได้เจอกันแล้วสินะ พ่อลูกได้เจอกันแล้ว จากนี้ไปจะเป็นยังไงฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้คิดเอาไว้เลย คนมีเป็นร้อยเป็นล้านทำไมต้องเป็นเขาด้วยที่ช่วยไออุ่นไว้ ฉันนั่งคิดเรื่องนี้นานนับชั่วโมงคิดเผื่อไปด้วยว่าถ้าไคล์รู้เรื่องไออุ่นจะเป็นยังไงเขาจะแย่งลูกไปจากอกฉันเหมือนในละครหรือว่าเราจะคุยตกลงรื่องลูกกันดี ๆ แบ่งเวลาให้กันอย่างเท่าเทียม อีกประเด็นที่ฉันคิดคือไคล์อาจ
"ป้าสุดใจ ไออุ่นล่ะคะ ไออุ่นไปไหนคะ " ฉันรีบวางแก้วกาแฟลงแล้วหันไปย้ำถามหาไออุ่นจากป้าสุดใจอีกครั้ง สีหน้าของป้าดูไม่ดีเลย มือไม้ของฉันมันสั่นไปหมด ไม่ต่างจากผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า"คือป้า ป้าแค่หันไปหยิบของในกระเป๋า หันมาก็ไม่เห็นน้องแล้วค่ะ" ใจฉันกระตุกวูบเชื่อว่าสิ่งที่ป้าสุดใจพูดคือความจริง ท่านเองก็ทำท่าจะเป็นลมอยู่เหมือนกัน"ป้านั่งพักก่อนนะคะ อิงจะไปประชาสัมพันธ์ อย่าเพิ่งเดินไปไหนนะคะ เดี๋ยวจะเป็นลม""ได้ค่ะๆ คุณอิงป้าขอโทษนะคะ น้องเพิ่งหายไปเมื่อกี้ค่ะ" น้ำเสียงสั่นเครือนั่นทำให้ฉันแอบน้ำตาคลอไปด้วย ห่วงทั้งป้าสุดใจและลูกสาวเพียงคนเดียว"ไม่เป็นไรค่ะ ไออุ่นคงซนตามประสา เดี๋ยวอิงกลับมานะคะ ป้ารออยู่ตรงนี้นะคะเผื่อไออุ่นกลับมา""ได้ค่ะๆ "ฉันรีบวิ่งไปที่ประชาสัมพันธ์ของสนามบิน โดยไม่ลืมจะหยิบมือถือออกมาแล้วกดโทรหาพี่ตฤณ พอพี่ตฤณรู้เรื่องก็ร้อนใจไม่ต่างจากฉัน"ใจเย็นๆ แล้วตอนนี้กำลังจะไปไหน""ประชาสัมพันธ์ค่ะ ถ้าวิ่งหากันคงไม่เจอ พี่ตฤณน้องกลัว ฮึก" ฉันกลัวตามหาลูกไม่เจอ กลัวไปหมด สนามบินทั้งใหญ่และกว้างขนาดนี้วิ่งตามหาวันก็คงไม่เจอ ไออุ่นหายไปไหน? คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของฉันซ
"อุ่นอยากขึ้นเครื่องบิน เครื่องบิน เครื่องบิน""รู้แล้วค่ะ ดี๊ด๊าใหญ่เลยนะเรา ป้าสุดใจเอากระเป๋ามาครบแล้วใช่มั้ยคะ""เอามาครบแล้วค่ะ" ฉันตรวจเช็กความเรียบร้อยของทุกคน โดยเฉพาะเด็กหญิงไออุ่นเพราะเมื่อวานมีไข้ต่ำ ๆ กำหนดเดินทางวันนี้ตอนแรกจะเลื่อนไปก่อน แต่งานที่นู่นดันมีปัญหาก็เลยเลื่อนไม่ได้ ปรึกษาคุณหมอแล้วว่าอาการของไออุ่นไม่รุนแรงกินยาลดไข้และเช็ดตัวบ่อยๆก็จะดีขึ้นดีขึ้นจริง ๆ นั่นแหละ เสียงแจ๋วเชียว"ถึงแล้วก็โทรมาบอกพี่ด้วย ""พ่อพ่อจะตามไปวันไหนคะ""อีกสองวันครับ ไหนจับตัวสิ ตัวไม่ร้อนแล้วคนเก่ง" ไม่ใช่แค่พ่อพ่อหรอกที่เป็นห่วงอาการของไออุ่นฉันเองก็ไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่ กลัวว่าลูกจะเป็นหนักระหว่างนั่งเครื่อง แต่บินแป๊บเดียวก็ถึงกรุงเทพแล้วเมื่อกี้ก็เพิ่งป้อนยากันไปกว่ายาจะหมดฤทธิ์ก็ตั้งสี่ชั่วโมงถึงก่อนชัวร์อยู่แล้ว"ต้องกินยา อุ่นไม่ชอบเลย""ถ้าไม่กินยาก็จะอดขึ้นเครื่องบินนะ""กินก็ได้ค่ะ""กินไปแล้วค่ะ เมื่อกี้ให้ป้าสุดใจป้อนแล้ว" ฉันทำหน้าเหนื่อย ๆ ถ้าไม่ได้เดินทางไออุ่นคงไม่ยอมกินยาง่ายขนาดนี้ งานนี้ไม่ยากเลยอดเป็นห่วงไม่ได้"เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่สบายใจเรื่องลูกเ
"ดูนั่นสิ แสดงเป็นต้นไม้ซะสมจริงเลย""พี่ตฤณ หลานตั้งใจออก ดูสิคะจ้องพี่ตฤณไม่วางตาเลย" สิ่งที่ไออุ่นกังวลมากที่สุดคือกลัวพ่อพ่อของเขามาไม่ได้ พอได้เห็นว่าพ่อพ่อมาได้ก็จ้องตาไม่กะพริบเลย เอ็นดูเจ้าต้นไม้น้อยนั่น"พี่ผิดนัดครั้งก่อนคงกลัว" ครั้งนั้นเป็นงานวันเด็ก ไออุ่นได้ขึ้นแสดงเต้นประกอบเพลง แววตาเศร้าหมองในวันนั้นทำให้พี่ตฤณรู้สึกผิดไม่น้อย รูปที่ฉันตั้งใจถ่ายไปอวดกลายเป็นภาพแห่งความเจ็บปวดไปซะงั้น แต่พี่ตฤณก็สั่งให้คนไปอัดใส่กรอบตั้งไว้บนโต๊ะทำงานเอาไว้เตือนใจว่าไม่ควรผิดสัญญากับใครอีก"ครั้งนั้นเต้นเกือบไม่ออก เอาแต่มองหาพ่อพ่อ""พี่รู้สึกว่าตัวเองเป็นพ่อของไออุ่นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วนะ" พี่ตฤณยื่นมือมาแตะบ่าฉันเบา ๆ แล้วหันไปมองลูกสาวที่กำลังทำการแสดงอยู่บนเวที วันนี้พ่อพ่อของไออุ่นออร่าจับมาก ๆ แม่ ๆ หลายคนมองตาไม่กะพริบ โดยเฉพาะแม่ของน้องอิ๊งที่นั่งอยู่ข้างหลัง เพราะไม่ค่อยได้เห็นพี่ตฤณสักเท่าไหร่"แสดงจบก็กลับบ้านได้เลย พี่ตฤณจะกลับก่อนก็ได้นะคะ" งานพี่ตฤณรออยู่อีกมาก ไออุ่นเห็นหน้าพี่ตฤณแล้วก็น่าจะพอใจแล้วล่ะ ได้ข่าวว่ามีประชุมอีก"รอกลับพร้อมกันนี่แหละ ถ่ายรูปกันก่อนสิ"
"ยังไม่เลิกซื้อหวยอีกหรือไง""อะไรกันคะ เรียกมาพบก็เพราะเรื่องหวยเนี่ยนะ" ฉันดึงเก้าอี้ตรงหน้าแล้วหย่อนตัวลงนั่ง พี่ชายต่างแม่ของฉันคนนี้ทำหน้าซีเรียสแล้วสักพักก็ผ่อนคลายลงเมื่อเห็นหน้าเด็กหญิงไออุ่นที่วิ่งเข้ามาในห้องพร้อมกับเสียงออดอ้อน"พ่อพ่อขา""ไออุ่นของพ่อพ่อมาช่วยแม่ใช่มั้ย" เจ้าตัวอ้วนพยักหน้าแล้วโผเข้ากอดพ่อพ่อของเขาหลังจากที่ฉันไปส่งไคล์ที่สนามบินวันนั้นเสร็จฉันก็รีบติดต่อหาพี่ตฤณทันที เขาคือพี่ชายต่างแม่และเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ชีวิตฉันไม่เหลือใครแล้วนอกจากพี่ชายคนนี้ ก่อนหน้าฉันคิดว่าตัวเองสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งพาใคร พอท้องก็เริ่มกังวลทีแรกฉันจะทำแท้งเพราะไม่พร้อมจริงๆแต่พี่ตฤณห้ามเอาไว้ ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่ตฤณฟัง พี่ชายของฉันคนนี้เข้าใจและยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือโดยไม่ลังเล ปกปิดที่อยู่และจัดการเรื่องชื่อนามสกุลให้จนเสร็จสรรพ อิงดาวได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้มีแค่ฟ้ารดาเท่านั้น ฟ้ารดา อักษรศิลากุล เป็นนามสกุลที่ฉันปฏิเสธมาตลอดสุดท้ายฉันก็ต้องกลับมาพึ่งพานามสกุลนี้ ลดทิฐิในตัวลงเพื่อชีวิตน้อยๆ ที่ฉันเกือบจะตัดเขาออกจากตัวไป"พ่อพ่อดุแ
สาธารณรัฐประชาชนจีน"ได้เรื่องบ้างมั้ย""ยังเลยครับ ค้นจากประวัติที่คุณไคล์ให้มาไม่พบประวัติของผู้หญิงที่ชื่ออิงฟ้าเลยครับ ที่อยู่ ชื่อและนามสกุลก็ไม่ปรากฏในทะเบียนราษฎร์เลยครับ" ผมถอนหายใจอีกครั้งเมื่อเรียกนักสืบมาถามความคืบหน้าการตามหาเพื่อนสนิทที่มีเพียงคนเดียว สองปีกว่าแล้วที่ผมไม่ได้รับข่าวและการติดต่อจากเพื่อนคนนี้อีกเลยเพราะอะไรวะอิง ทำไมถึงหายไปจนทำให้ใจหายแบบนี้"ตามหาต่อไป ตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานการเสียชีวิต ผมเชื่อว่าเธอยังมีชีวิตอยู่" นักสืบเอกชนหลายต่อหลายบริษัทที่ผมว่าจ้างทำงานไม่ได้เรื่องเลยสักบริษัท จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาผู้ใหญ่คนหนึ่งแนะนำบริษัทนี้มา ผ่านไปสองอาทิตย์ก็ยังไร้วี่แวว"เป็นไปได้มั้ยครับว่าเธอจะเปลี่ยนชื่อ" ผมชะงักแล้วหันไปมองหน้านักสืบ ผมลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่อิงจะเปลี่ยนชื่อ"อิงจะเปลี่ยนชื่อเพื่ออะไร""หนีคุณไงครับ""หนีผม" ผมชี้ตัวเองอย่างงงๆ เป็นไปไม่ได้หรอก เราสองคนไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อย ก่อนบินอิงก็มาส่งผมที่สนามบิน ช่วงต้นปีแรกเราก็ยังคุยกันปกติ แล้วหลังจากนั้นผมก็ติดต่ออิงไม่ได้อีกเลยไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร"เป็นไปได้ครั
ปัง ปัง ปัง!!!"อิง เสร็จยังวะ เข้าไปนานแล้วนะเว้ย ""อย่าเร่งดิฉี่ไม่ออก " ผลตรวจออกแล้วต่างหากแต่ฉันไม่กล้ายอมรับความจริงกับเรื่องที่เกิดขึ้น จากนี้ไปฉันจะอยู่ยังไง ต้องทำตัวแบบไหน แล้วต้องตอบคำถามคนอื่นๆ ยังไง มันเครียดไปหมด! เครียดจนไม่กล้ายอมรับว่านี่มันคือเรื่องจริงเรื่องเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน ฉันกับไคล์เกิดพลาดมีอะไรกัน อยากตบหน้าตัวเองแรงๆ ต้องไม่ใช่แบบนี้ ต้องไม่ใช่ไคล์นั่นมันเพื่อนรักของฉัน"อิง! " เสียงตะโกนของไคล์ดังเข้ามาอีกครั้ง ฉันคงหนีไม่พ้น ความจริงก็คือความจริงแต่ฉันไม่อยากให้เรื่องมันออกมาแบบนี้ ฉันไม่อยากท้อง ฉันยังอยากใช้ชีวิตอิสระอยู่เลย เราทั้งคู่ไม่ควรมาเจอเรื่องแบบนี้ ฉันยกมือขึ้นมาลูบท้องเบาๆ แล้วพูดในใจว่าเขาไม่ผิดเหมือนกัน เราทั้งคู่ต่างหากที่ใช้ชีวิตประมาทขาดสติ"จะออกไปแล้ว""เร็วๆ ดิวะ " น้ำเสียงรีบเร่งเจือกังวลนั้นทำให้ความเครียดที่มีสะสมมากขึ้น ถ้าไคล์รู้ว่าฉันท้อง เขาคงผิดหวังมากเพราะอนาคตที่กำลังจะไปได้สวยคงดับวูบ เพื่อนสนิทของฉันคนนี้กำลังจะบินไปเป็นซุป'ตาร์ที่เมืองจีน ใครกันอยากตัดอนาคตเพื่อน ฉันคิดอะไรไม่ออกเลยจริง ๆ"เออ ๆ ""ว่ายังไง ท้องม