"ป้าสุดใจ ไออุ่นล่ะคะ ไออุ่นไปไหนคะ " ฉันรีบวางแก้วกาแฟลงแล้วหันไปย้ำถามหาไออุ่นจากป้าสุดใจอีกครั้ง สีหน้าของป้าดูไม่ดีเลย มือไม้ของฉันมันสั่นไปหมด ไม่ต่างจากผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
"คือป้า ป้าแค่หันไปหยิบของในกระเป๋า หันมาก็ไม่เห็นน้องแล้วค่ะ" ใจฉันกระตุกวูบเชื่อว่าสิ่งที่ป้าสุดใจพูดคือความจริง ท่านเองก็ทำท่าจะเป็นลมอยู่เหมือนกัน
"ป้านั่งพักก่อนนะคะ อิงจะไปประชาสัมพันธ์ อย่าเพิ่งเดินไปไหนนะคะ เดี๋ยวจะเป็นลม"
"ได้ค่ะๆ คุณอิงป้าขอโทษนะคะ น้องเพิ่งหายไปเมื่อกี้ค่ะ" น้ำเสียงสั่นเครือนั่นทำให้ฉันแอบน้ำตาคลอไปด้วย ห่วงทั้งป้าสุดใจและลูกสาวเพียงคนเดียว
"ไม่เป็นไรค่ะ ไออุ่นคงซนตามประสา เดี๋ยวอิงกลับมานะคะ ป้ารออยู่ตรงนี้นะคะเผื่อไออุ่นกลับมา"
"ได้ค่ะๆ "
ฉันรีบวิ่งไปที่ประชาสัมพันธ์ของสนามบิน โดยไม่ลืมจะหยิบมือถือออกมาแล้วกดโทรหาพี่ตฤณ พอพี่ตฤณรู้เรื่องก็ร้อนใจไม่ต่างจากฉัน
"ใจเย็นๆ แล้วตอนนี้กำลังจะไปไหน"
"ประชาสัมพันธ์ค่ะ ถ้าวิ่งหากันคงไม่เจอ พี่ตฤณน้องกลัว ฮึก" ฉันกลัวตามหาลูกไม่เจอ กลัวไปหมด สนามบินทั้งใหญ่และกว้างขนาดนี้วิ่งตามหาวันก็คงไม่เจอ ไออุ่นหายไปไหน? คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของฉันซ้ำ ๆ ครั้งสุดท้ายที่ฉันมาสนามบินคือมาส่งไคล์ หลังจากนั้นฉันก็ย้ายไปอยู่ไร่พี่ตฤณไม่เคยออกไปไหนอีกเลย
ฉันเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง แต่ก็ยังพอจำได้ว่าประชาสัมพันธ์ของสนามบินอยู่ตรงไหน
"ไม่ต้องกลัวนะ ใจเย็น ๆ "
"อิงถึงประชาสัมพันธ์แล้วค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะพี่ตฤณ"
"เสร็จแล้วโทรกลับมาหาพี่ด้วย พี่จองตั๋วแล้ว พรุ่งนี้เช้าเจอกันนะ" ฉันพยักหน้าและตอบรับคำสั่งของพี่ชาย
"สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะคุณผู้หญิง ไหวมั้ยคะ แตงมียาดมมั้ย" ทุกคนวิ่งกันให้วุ่นเข้ามาประคองฉันที่กำลังจะหมดแรงล้มลงหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ฉันพยายามหายใจเข้ายาว ๆ สูดออกซิเจนและกลิ่นยาดมเข้าปอดให้ได้มากที่สุด
"โอเคค่ะ ฉันโอเคขึ้นแล้ว ช่วยใช้เสียงประกาศตามหาเด็กให้หน่อยได้มั้ยคะ ลูกฉันหายไปค่ะ"
"ได้ค่ะๆ "
"น้องชื่อ ไออุ่นค่ะ เด็กหญิงไออุ่น อักษรศิลากุล อายุ 3 ขวบ ใส่ชุดกระโปรงสีฟ้า น้องมัดผมแกะสองข้างค่ะ ช่วยประกาศให้หน่อยนะคะ" ฉันพยายามบอกข้อมูลของไออุ่นอย่างละเอียดเท่าที่สมองจะประมวลผลได้ในตอนนี้ให้กับพี่พนักงาน
"ได้ค่ะๆ สักครู่นะคะ แตงพี่ฝากด้วยนะ อย่าเพิ่งลุกนะคะคุณ" อาการของฉันน่าเป็นห่วงขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันคิดว่าตัวเองดีขึ้นแล้วนะ
"หน้าคุณเหลืองมากเลยค่ะ" ขนาดนั้นเชียว! ภาวนาขออย่าให้ตัวเองเป็นอะไรไปตอนนี้ ไออุ่นคงกำลังขวัญเสีย ลูกกำลังต้องการฉัน อาการของฉันแย่ขนาดนี้แล้วป้าสุดใจจะเป็นยังไงบ้าง ออกจากบ้านยังไม่ถึงวันก็เกิดปัญหาซะแล้ว
ประชาสัมพันธ์ใช้เสียงประกาศชื่อ ข้อมูลที่ฉันให้ไปประมาณสามรอบอีกทั้งยังแจ้งให้หน่วยรักษาความปลอดภัยภายในสนามบินช่วยกันตามหาอีกแรง ฉันไม่โทษป้าสุดใจ ไม่โทษลูกที่ชอบวิ่งซน ไม่โทษใครทั้งนั้นในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องหาทางแก้ไขและตามหาไออุ่น
ผ่านไปสิบนาทีก็ยังไม่มีวี่แวว แต่ว่าอยู่ ๆ ก็มีสายจากเบอร์ปริศนาเข้ามาในเครื่องของฉัน
"ฮัลโหลค่ะ"
"แม่อิงขา ไออุ่นเองนะคะ แม่อิงอยู่ไหนคะ" ฉันหลับตาแล้วถอนหายใจ พยายามกลั้นเสียงสะอื้นแล้วรีบให้คำตอบลูกสาวในสายทันที
"แม่อยู่ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ค่ะ อุ่นอยู่ไหนลูก ปลอดภัยใช่มั้ยคะ" ในความโชคร้ายก็ยังพอมีความโชคดีอยู่บ้าง ฉันทำป้ายคอนแท็กคล้องคอให้ไออุ่น มีเบอร์โทรและชื่อที่อยู่ รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ
"ปลอดภัยค่ะ อุ่นขอโทษนะคะ แม่อิงอย่าร้องไห้นะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นอะไรเลย ไออุ่นกลับมาหาแม่นะคะ แม่ขอคุยกับเจ้าของโทรศัพท์ได้มั้ยคะ"
"ได้ค่ะ" ฉันอยากขอบคุณ คุณพลดีมากจริง ๆ ถ้าไม่ได้เขาป่านนี้ฉันคงเป็นลมอีกรอบ
"สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ"
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
สายถูกตัดไปหรือว่าเขาตั้งใจวางสาย สรุปเขาคือพลเมืองดีหรือว่าคนร้ายความกังวลใจเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
สายเข้า
-พี่ตฤณ-
"ขอโทษค่ะพี่ตฤณ พอดีว่าอิงหน้ามืดไปซะก่อน" ฉันรีบรับสายพี่ชายพร้อมบอกเหตุผล
"เป็นยังไงบ้าง"
"มีพลเมืองดีเจอตัวไออุ่นแล้วค่ะ" ฉันรีบรายงานเรื่องไออุ่นทันที พี่ตฤณโทรมาเพราะเรื่องนี้ฉันรู้
"แล้วเราล่ะ เป็นยังไงบ้าง จะให้พี่ขับรถไปหาตอนนี้เลยมั้ย โอเคหรือเปล่า"
"อิงยังโอเคค่ะ แต่ป้าสุดใจตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง"
"พี่โทรไปหามาแล้วเมื่อกี้ ป้าแกโอเค นั่งรออยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน " ได้ยินแบบนั้นฉันก็วางใจ ตอนนี้แค่รอ รอให้พลเมืองดีคนนั้นพาไออุ่นมาส่ง
"อิงค่อยสบายใจหน่อยค่ะ"
"เจอไออุ่นแล้วโทรมาบอกพี่ด้วยนะ ไลน์มาก็ได้ อย่าลืม ดูแลตัวเองด้วยนะพี่เป็นห่วง" น้ำเสียงของพี่ตฤณฟังดูรีบ ๆ งานที่ไร่คงเยอะ ปกติก็เยอะทุกวันอยู่แล้ว
" ค่ะพี่ตฤณ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ อิงจะทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุด" ถึงเวลาที่ฉันต้องเข้มแข็ง เมื่อก่อนและตอนนี้พี่ตฤณก็ยังเป็นทุกอย่างให้กับฉันและไออุ่น พออยู่ห่างกันแล้วเกิดปัญหารู้สึกเคว้งยังไงก็ไม่รู้
"คุณผู้หญิงมี รปภ. แจ้งว่าพบน้องผู้หญิงตามข้อมูลที่คุณผู้หญิงให้มาค่ะ"
"อ่อ ค่ะ เมื่อกี้มีสายจากพลเมืองดีโทรเข้ามาเหมือนกันค่ะ"
"แม่อิง" ฉันรีบหันไปตามเสียงเรียกทันที เด็กผู้หญิงชุดกระโปรงสีฟ้าวิ่งเข้ามากอดฉันเต็มแรง อาการหน้ามืดเวียนหัวที่มีอยู่เมื่อสักครู่หายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้กลิ่นและได้กอดลูกสาวสุดที่รัก
"ขวัญเอ๊ยขวัญมานะคะคนดี หายไปไหนมาคะแม่เป็นห่วงแทบแย่"
"อุ่นปวดฉี่ค่ะ " ฉันกอดลูกสาวแน่นเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปอีก
"ทีหลังต้องรอนะคะ ห้ามหายไปเองแบบนี้รู้มั้ย" ฉันดันไออุ่นออกจากอก ปาดน้ำตาที่กำลังไหลของตัวเองออกอย่างลวก ๆ
"ขอโทษนะคะ" ฉันไม่เคยโกรธเขาเลย น้ำเสียงไร้เดียงสานั่นเยียวยาจิตใจฉันได้ดีมากๆ เลยล่ะ
"ใครที่พามาส่ง คนไหนเอ่ย บอกแม่ได้มั้ยคะแม่จะได้ขอบคุณ"
"คุณลุงคนนั้นค่ะ" ไออุ่นชี้ไปที่ผู้ชายร่างสูง เขาใส่หมวกสีดำ ปิดแมสเห็นแต่ดวงตา แต่งกายพรางตัวเหมือนพวกดาราเกาหลีหนีออกนอกประเทศทำนองนั้น
"ขอบคุณนะคะที่พาไออุ่นมาส่ง ขอบคุณมากๆ ค่ะ" เขามองฉันนิ่ง ภายใต้แมสสีดำนั่นฉันไม่รู้เลยว่าเขากำลังยิ้ม หรือเม้มปากเป็นเส้นตรง
"คุณลุงใจดีบอกว่าจะพาอุ่นไปกินไอติม"
"เธอร้องไห้นี่" น้ำเสียงของเขาช่างอ่อนโยนเหลือเกิน ได้โปรดสนใจคำขอบคุณของฉันก่อนได้มั้ย
"อุ่นหาแม่กับป้าสุดใจไม่เจอนี่คะ" ไออุ่นก้มหน้าทำท่าจะร้องไห้ฉันก็เลยดึงลูกมากอดปลอบอีกครั้ง
"ไม่เป็นไรนะคะ แม่อยู่นี่แล้วนะ"
"มีลูกแล้วทำไมต้องหนีกันด้วย" เสียงผู้ชายคนนั้นทำให้ฉันหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง คุณพลเมืองดีดึงแมสที่ใส่ออก ภายใต้แมสที่ใส่ริมฝีปากของเขากำลังเหยียดเป็นเส้นตรง บ่งบอกถึงความไม่พอใจเอามาก ๆ
"คุณไคล์ " ตามมาด้วยเสียงกระซิบของพนักงานประชาสัมพันธ์แถวนั้น
"ไคล์"
" มีเรื่องต้องคุยกันนะอิง" ฉันมองหน้าเขาสลับกับไออุ่น ลูกไม่รู้เรื่องอะไรด้วยอีกอย่างไคล์ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ ฉันที่เป็นกุญแจสำคัญจะหลุดความลับออกมาไม่ได้เด็ดขาด
"เรื่องอะไร ก็เห็นแล้วนี่ว่ามีลูกแล้ว"
"ทำไมต้องหนี ทำไมไม่ติดต่อมา ทำไมหายไปแบบนั้น ทำไมวะ"
"ไคล์ ต่อหน้าลูกอิงพูดแบบนี้ไม่ได้นะ" ไออุ่นขยับเข้ามากอดฉันทันที
"ขอโทษที ขอคุยด้วยได้มั้ย ร้านไอติมก็ได้" ถ้าฉันหนี ไคล์จะสงสัยมากกว่านี้ ไหนๆ ก็หนีไม่พ้นแล้ว
"ขอเข้าโรงแรมเช็กอินก่อนนะ ไออุ่นคงอยากพัก อิงมีพี่เลี้ยงลูกมาด้วยแกก็คงอยากพักด้วย"
"ได้สิ เดี๋ยวโทรหา " พอพูดจบไคล์ก็รีบเดินหายไปทันที ซุปตาร์อ่ะเนอะ อยู่นานได้ที่ไหน
--------
พอเคลียร์เรื่องที่สนามบินเสร็จฉันก็รีบหยิบมือถือไลน์ไปแจ้งพี่ตฤณพร้อมกับถ่ายรูปไออุ่นส่งไป พี่ตฤณส่งสติ๊กเกอร์ปาดเหงื่อกลับมาตามด้วยสติ๊กเกอร์รูปหัวใจ คงยุ่งอยู่จริง ๆ ถึงไม่โทรมาปกติพี่ตฤณจะต้องโทรกลับทุกครั้ง"กลับโรงแรมกันก่อนนะคะ""ดีเลยค่ะ เจ้าตัวแสบคงเหนื่อยแย่" ไออุ่นหลับไปแล้ว ป้าสุดใจอุ้มไออุ่นไม่ยอมวางจนขึ้นรถของโรงแรม กว่าจะถึงโรงแรมก็บ่ายแก่ๆ พอถึงห้องพักป้าสุดใจก็แยกพาไออุ่นไปนอน ห้องที่พี่ตฤณจองให้เป็นห้องคอนเน็กเชื่อมกันถึงสามห้องเหมาะสำหรับครอบครัวมาก ๆ เดาว่าพี่ตฤณคงมาพักที่นี่กับพวกเราด้วย"ป้าสุดใจก็ไปพักเถอะค่ะ""คุณอิงก็พักบ้างนะคะ" ฉันพยักหน้ารับ คงยังหลับตาไม่ลง สายตาของฉันจ้องไปที่หน้าจอมือถือตลอดเวลา เราได้เจอกันแล้วสินะ พ่อลูกได้เจอกันแล้ว จากนี้ไปจะเป็นยังไงฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้คิดเอาไว้เลย คนมีเป็นร้อยเป็นล้านทำไมต้องเป็นเขาด้วยที่ช่วยไออุ่นไว้ ฉันนั่งคิดเรื่องนี้นานนับชั่วโมงคิดเผื่อไปด้วยว่าถ้าไคล์รู้เรื่องไออุ่นจะเป็นยังไงเขาจะแย่งลูกไปจากอกฉันเหมือนในละครหรือว่าเราจะคุยตกลงรื่องลูกกันดี ๆ แบ่งเวลาให้กันอย่างเท่าเทียม อีกประเด็นที่ฉันคิดคือไคล์อาจ
"ทำงานดีมาก เร็วมาก อะไรวะเนี่ยอิง" ผมทั้งโกรธ โมโห แล้วก็ดีใจในเวลาเดียวกัน ผมถูกอิงโกหกเรื่องท้องในวันนั้น ผิดที่ผมด้วยแหละที่ไม่เช็กให้ชัวร์ยอมปล่อยอิงไปง่าย ๆ เด็กที่ชื่อไออุ่นเป็นลูกของผมลูกของผมกับอิง ผลผลิตจากในคืนนั้นที่เราพลาดด้วยกันทั้งคู่ตอนนี้เขาอายุสามขวบแล้ว ให้ตายสิกว่าจะรู้ว่าตัวเองมีลูกใช้เวลาเกือบสามปีเลย ผมพลาดหลายๆ อย่างไปเยอะมาก"ผมช่วยได้เท่านี้นะครับ""ที่เหลือผมจัดการเอง เอาล่ะค่าจ้างที่เหลือผมจะโอนเข้าบริษัทให้ ทิ้งเลขบัญชีคุณไว้ให้ผมด้วย"ทำงานดีแบบนี้ไม่ให้พิเศษได้ยังไง และนี่คือเหตุผลที่ผมรีบโทรหาอิงแล้วนัดออกมาคุยข้างนอก แม้ว่ามันเสี่ยงมากก็ตามแต่ผมก็ต้องเคลียร์ให้รู้เรื่องหลังจากกลับจากสนามบินผมก็ร้อนใจเรื่องของอิงกับเด็กคนนั้นมาก รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกับว่ามันต้องมีอะไรสักอย่าง แล้วก็มีจริง ๆ นักสืบโทรมารายงานเรื่องอิงให้ผมฟังอย่างละเอียดพร้อมส่งข้อมูลเท่าที่หามาได้เข้าไลน์ หลังจากวางสายผมก็โทรนัดอิงส่งโลเคชั่นไปให้แล้วนั่งมองรูปเด็กน้อยตากลมโตไปด้วย รอยยิ้มนั่นเหมือนอิง ไออุ่นคือลูกสาวของผม เธอน่ารักมาก มีบางส่วนที่เหมือนผม ปากมั้งไม่แน่ใจโรงแรม K INผ
ทุกคนหลับหมดแล้ว ป้าสุดใจ ไออุ่น เวลาพักผ่อนนี่เนอะเที่ยงคืนแล้วด้วยฉันเพิ่งกลับถึงห้อง กลับมาพร้อมรอยยิ้มและความสบายใจ เราเคลียร์ทุกอย่างลงตัว ไคล์สัญญาแล้วว่าจะไม่ใช้ข้อกฎหมายมาต่อรองเรื่องลูก เรื่องอื่น ๆ เราก็ตกลงกันเรียบร้อยเพราะโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันยังไม่ค่อยสบายใจ ไคล์เพิ่งเดินทางกลับมาแล้วเขาก็มีชื่อเสียงมาก ไปไหนมาไหนก็ค่อนข้างลำบากเพราะแฟนคลับเยอะ ผู้หวังดีก็มีหวังร้ายก็คงมีเหมือนกันโดยเฉพาะพวกที่อยากได้เงินจากการขายรูปถ่ายให้กับสำนักข่าว ฉันไม่สบายใจเรื่องนี้เอามาก ๆME: ถึงห้องแล้วKAI : โอเค ถึงแล้วเหมือนกัน อาบน้ำแล้วรีบเข้านอนเลยนะฉันไม่ใช่ไออุ่นนะแต่ก็ทำให้เผลอยิ้มแล้วพิมพ์ตอบกลับไปME : เรื่องคำตอบ คือว่าKAI : ไม่รีบ ค่อย ๆ คิด ไคล์จะจีบอิงทุกวันใบหน้าของฉันร้อนผ่าว ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าไคล์จะทำแบบนี้ เขาขอคบโดยที่ฉันยังไม่ได้ให้คำตอบแต่เขาก็ไม่ได้เร่งรัดบอกว่าจะจีบทุกวันจนกว่าฉันจะใจอ่อน ดูพ่อไออุ่นสิตลกชะมัดME : ตื่นเต้นจัง มีซุปตาร์มาตามจีบ ต้องเล่นตัวหน่อยแล้ว ^^KAI : เอาเลยตามสบาย แบบนี้ไคล์ชอบเขาหน่ะตัวร้ายเรื่องผู้หญิงเลย มีข่าวไ
ปัง ปัง ปัง!!!"อิง เสร็จยังวะ เข้าไปนานแล้วนะเว้ย ""อย่าเร่งดิฉี่ไม่ออก " ผลตรวจออกแล้วต่างหากแต่ฉันไม่กล้ายอมรับความจริงกับเรื่องที่เกิดขึ้น จากนี้ไปฉันจะอยู่ยังไง ต้องทำตัวแบบไหน แล้วต้องตอบคำถามคนอื่นๆ ยังไง มันเครียดไปหมด! เครียดจนไม่กล้ายอมรับว่านี่มันคือเรื่องจริงเรื่องเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน ฉันกับไคล์เกิดพลาดมีอะไรกัน อยากตบหน้าตัวเองแรงๆ ต้องไม่ใช่แบบนี้ ต้องไม่ใช่ไคล์นั่นมันเพื่อนรักของฉัน"อิง! " เสียงตะโกนของไคล์ดังเข้ามาอีกครั้ง ฉันคงหนีไม่พ้น ความจริงก็คือความจริงแต่ฉันไม่อยากให้เรื่องมันออกมาแบบนี้ ฉันไม่อยากท้อง ฉันยังอยากใช้ชีวิตอิสระอยู่เลย เราทั้งคู่ไม่ควรมาเจอเรื่องแบบนี้ ฉันยกมือขึ้นมาลูบท้องเบาๆ แล้วพูดในใจว่าเขาไม่ผิดเหมือนกัน เราทั้งคู่ต่างหากที่ใช้ชีวิตประมาทขาดสติ"จะออกไปแล้ว""เร็วๆ ดิวะ " น้ำเสียงรีบเร่งเจือกังวลนั้นทำให้ความเครียดที่มีสะสมมากขึ้น ถ้าไคล์รู้ว่าฉันท้อง เขาคงผิดหวังมากเพราะอนาคตที่กำลังจะไปได้สวยคงดับวูบ เพื่อนสนิทของฉันคนนี้กำลังจะบินไปเป็นซุป'ตาร์ที่เมืองจีน ใครกันอยากตัดอนาคตเพื่อน ฉันคิดอะไรไม่ออกเลยจริง ๆ"เออ ๆ ""ว่ายังไง ท้องม
สาธารณรัฐประชาชนจีน"ได้เรื่องบ้างมั้ย""ยังเลยครับ ค้นจากประวัติที่คุณไคล์ให้มาไม่พบประวัติของผู้หญิงที่ชื่ออิงฟ้าเลยครับ ที่อยู่ ชื่อและนามสกุลก็ไม่ปรากฏในทะเบียนราษฎร์เลยครับ" ผมถอนหายใจอีกครั้งเมื่อเรียกนักสืบมาถามความคืบหน้าการตามหาเพื่อนสนิทที่มีเพียงคนเดียว สองปีกว่าแล้วที่ผมไม่ได้รับข่าวและการติดต่อจากเพื่อนคนนี้อีกเลยเพราะอะไรวะอิง ทำไมถึงหายไปจนทำให้ใจหายแบบนี้"ตามหาต่อไป ตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานการเสียชีวิต ผมเชื่อว่าเธอยังมีชีวิตอยู่" นักสืบเอกชนหลายต่อหลายบริษัทที่ผมว่าจ้างทำงานไม่ได้เรื่องเลยสักบริษัท จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาผู้ใหญ่คนหนึ่งแนะนำบริษัทนี้มา ผ่านไปสองอาทิตย์ก็ยังไร้วี่แวว"เป็นไปได้มั้ยครับว่าเธอจะเปลี่ยนชื่อ" ผมชะงักแล้วหันไปมองหน้านักสืบ ผมลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่อิงจะเปลี่ยนชื่อ"อิงจะเปลี่ยนชื่อเพื่ออะไร""หนีคุณไงครับ""หนีผม" ผมชี้ตัวเองอย่างงงๆ เป็นไปไม่ได้หรอก เราสองคนไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อย ก่อนบินอิงก็มาส่งผมที่สนามบิน ช่วงต้นปีแรกเราก็ยังคุยกันปกติ แล้วหลังจากนั้นผมก็ติดต่ออิงไม่ได้อีกเลยไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร"เป็นไปได้ครั
"ยังไม่เลิกซื้อหวยอีกหรือไง""อะไรกันคะ เรียกมาพบก็เพราะเรื่องหวยเนี่ยนะ" ฉันดึงเก้าอี้ตรงหน้าแล้วหย่อนตัวลงนั่ง พี่ชายต่างแม่ของฉันคนนี้ทำหน้าซีเรียสแล้วสักพักก็ผ่อนคลายลงเมื่อเห็นหน้าเด็กหญิงไออุ่นที่วิ่งเข้ามาในห้องพร้อมกับเสียงออดอ้อน"พ่อพ่อขา""ไออุ่นของพ่อพ่อมาช่วยแม่ใช่มั้ย" เจ้าตัวอ้วนพยักหน้าแล้วโผเข้ากอดพ่อพ่อของเขาหลังจากที่ฉันไปส่งไคล์ที่สนามบินวันนั้นเสร็จฉันก็รีบติดต่อหาพี่ตฤณทันที เขาคือพี่ชายต่างแม่และเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ชีวิตฉันไม่เหลือใครแล้วนอกจากพี่ชายคนนี้ ก่อนหน้าฉันคิดว่าตัวเองสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งพาใคร พอท้องก็เริ่มกังวลทีแรกฉันจะทำแท้งเพราะไม่พร้อมจริงๆแต่พี่ตฤณห้ามเอาไว้ ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่ตฤณฟัง พี่ชายของฉันคนนี้เข้าใจและยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือโดยไม่ลังเล ปกปิดที่อยู่และจัดการเรื่องชื่อนามสกุลให้จนเสร็จสรรพ อิงดาวได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้มีแค่ฟ้ารดาเท่านั้น ฟ้ารดา อักษรศิลากุล เป็นนามสกุลที่ฉันปฏิเสธมาตลอดสุดท้ายฉันก็ต้องกลับมาพึ่งพานามสกุลนี้ ลดทิฐิในตัวลงเพื่อชีวิตน้อยๆ ที่ฉันเกือบจะตัดเขาออกจากตัวไป"พ่อพ่อดุแ
"ดูนั่นสิ แสดงเป็นต้นไม้ซะสมจริงเลย""พี่ตฤณ หลานตั้งใจออก ดูสิคะจ้องพี่ตฤณไม่วางตาเลย" สิ่งที่ไออุ่นกังวลมากที่สุดคือกลัวพ่อพ่อของเขามาไม่ได้ พอได้เห็นว่าพ่อพ่อมาได้ก็จ้องตาไม่กะพริบเลย เอ็นดูเจ้าต้นไม้น้อยนั่น"พี่ผิดนัดครั้งก่อนคงกลัว" ครั้งนั้นเป็นงานวันเด็ก ไออุ่นได้ขึ้นแสดงเต้นประกอบเพลง แววตาเศร้าหมองในวันนั้นทำให้พี่ตฤณรู้สึกผิดไม่น้อย รูปที่ฉันตั้งใจถ่ายไปอวดกลายเป็นภาพแห่งความเจ็บปวดไปซะงั้น แต่พี่ตฤณก็สั่งให้คนไปอัดใส่กรอบตั้งไว้บนโต๊ะทำงานเอาไว้เตือนใจว่าไม่ควรผิดสัญญากับใครอีก"ครั้งนั้นเต้นเกือบไม่ออก เอาแต่มองหาพ่อพ่อ""พี่รู้สึกว่าตัวเองเป็นพ่อของไออุ่นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วนะ" พี่ตฤณยื่นมือมาแตะบ่าฉันเบา ๆ แล้วหันไปมองลูกสาวที่กำลังทำการแสดงอยู่บนเวที วันนี้พ่อพ่อของไออุ่นออร่าจับมาก ๆ แม่ ๆ หลายคนมองตาไม่กะพริบ โดยเฉพาะแม่ของน้องอิ๊งที่นั่งอยู่ข้างหลัง เพราะไม่ค่อยได้เห็นพี่ตฤณสักเท่าไหร่"แสดงจบก็กลับบ้านได้เลย พี่ตฤณจะกลับก่อนก็ได้นะคะ" งานพี่ตฤณรออยู่อีกมาก ไออุ่นเห็นหน้าพี่ตฤณแล้วก็น่าจะพอใจแล้วล่ะ ได้ข่าวว่ามีประชุมอีก"รอกลับพร้อมกันนี่แหละ ถ่ายรูปกันก่อนสิ"
"อุ่นอยากขึ้นเครื่องบิน เครื่องบิน เครื่องบิน""รู้แล้วค่ะ ดี๊ด๊าใหญ่เลยนะเรา ป้าสุดใจเอากระเป๋ามาครบแล้วใช่มั้ยคะ""เอามาครบแล้วค่ะ" ฉันตรวจเช็กความเรียบร้อยของทุกคน โดยเฉพาะเด็กหญิงไออุ่นเพราะเมื่อวานมีไข้ต่ำ ๆ กำหนดเดินทางวันนี้ตอนแรกจะเลื่อนไปก่อน แต่งานที่นู่นดันมีปัญหาก็เลยเลื่อนไม่ได้ ปรึกษาคุณหมอแล้วว่าอาการของไออุ่นไม่รุนแรงกินยาลดไข้และเช็ดตัวบ่อยๆก็จะดีขึ้นดีขึ้นจริง ๆ นั่นแหละ เสียงแจ๋วเชียว"ถึงแล้วก็โทรมาบอกพี่ด้วย ""พ่อพ่อจะตามไปวันไหนคะ""อีกสองวันครับ ไหนจับตัวสิ ตัวไม่ร้อนแล้วคนเก่ง" ไม่ใช่แค่พ่อพ่อหรอกที่เป็นห่วงอาการของไออุ่นฉันเองก็ไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่ กลัวว่าลูกจะเป็นหนักระหว่างนั่งเครื่อง แต่บินแป๊บเดียวก็ถึงกรุงเทพแล้วเมื่อกี้ก็เพิ่งป้อนยากันไปกว่ายาจะหมดฤทธิ์ก็ตั้งสี่ชั่วโมงถึงก่อนชัวร์อยู่แล้ว"ต้องกินยา อุ่นไม่ชอบเลย""ถ้าไม่กินยาก็จะอดขึ้นเครื่องบินนะ""กินก็ได้ค่ะ""กินไปแล้วค่ะ เมื่อกี้ให้ป้าสุดใจป้อนแล้ว" ฉันทำหน้าเหนื่อย ๆ ถ้าไม่ได้เดินทางไออุ่นคงไม่ยอมกินยาง่ายขนาดนี้ งานนี้ไม่ยากเลยอดเป็นห่วงไม่ได้"เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่สบายใจเรื่องลูกเ
ทุกคนหลับหมดแล้ว ป้าสุดใจ ไออุ่น เวลาพักผ่อนนี่เนอะเที่ยงคืนแล้วด้วยฉันเพิ่งกลับถึงห้อง กลับมาพร้อมรอยยิ้มและความสบายใจ เราเคลียร์ทุกอย่างลงตัว ไคล์สัญญาแล้วว่าจะไม่ใช้ข้อกฎหมายมาต่อรองเรื่องลูก เรื่องอื่น ๆ เราก็ตกลงกันเรียบร้อยเพราะโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันยังไม่ค่อยสบายใจ ไคล์เพิ่งเดินทางกลับมาแล้วเขาก็มีชื่อเสียงมาก ไปไหนมาไหนก็ค่อนข้างลำบากเพราะแฟนคลับเยอะ ผู้หวังดีก็มีหวังร้ายก็คงมีเหมือนกันโดยเฉพาะพวกที่อยากได้เงินจากการขายรูปถ่ายให้กับสำนักข่าว ฉันไม่สบายใจเรื่องนี้เอามาก ๆME: ถึงห้องแล้วKAI : โอเค ถึงแล้วเหมือนกัน อาบน้ำแล้วรีบเข้านอนเลยนะฉันไม่ใช่ไออุ่นนะแต่ก็ทำให้เผลอยิ้มแล้วพิมพ์ตอบกลับไปME : เรื่องคำตอบ คือว่าKAI : ไม่รีบ ค่อย ๆ คิด ไคล์จะจีบอิงทุกวันใบหน้าของฉันร้อนผ่าว ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าไคล์จะทำแบบนี้ เขาขอคบโดยที่ฉันยังไม่ได้ให้คำตอบแต่เขาก็ไม่ได้เร่งรัดบอกว่าจะจีบทุกวันจนกว่าฉันจะใจอ่อน ดูพ่อไออุ่นสิตลกชะมัดME : ตื่นเต้นจัง มีซุปตาร์มาตามจีบ ต้องเล่นตัวหน่อยแล้ว ^^KAI : เอาเลยตามสบาย แบบนี้ไคล์ชอบเขาหน่ะตัวร้ายเรื่องผู้หญิงเลย มีข่าวไ
"ทำงานดีมาก เร็วมาก อะไรวะเนี่ยอิง" ผมทั้งโกรธ โมโห แล้วก็ดีใจในเวลาเดียวกัน ผมถูกอิงโกหกเรื่องท้องในวันนั้น ผิดที่ผมด้วยแหละที่ไม่เช็กให้ชัวร์ยอมปล่อยอิงไปง่าย ๆ เด็กที่ชื่อไออุ่นเป็นลูกของผมลูกของผมกับอิง ผลผลิตจากในคืนนั้นที่เราพลาดด้วยกันทั้งคู่ตอนนี้เขาอายุสามขวบแล้ว ให้ตายสิกว่าจะรู้ว่าตัวเองมีลูกใช้เวลาเกือบสามปีเลย ผมพลาดหลายๆ อย่างไปเยอะมาก"ผมช่วยได้เท่านี้นะครับ""ที่เหลือผมจัดการเอง เอาล่ะค่าจ้างที่เหลือผมจะโอนเข้าบริษัทให้ ทิ้งเลขบัญชีคุณไว้ให้ผมด้วย"ทำงานดีแบบนี้ไม่ให้พิเศษได้ยังไง และนี่คือเหตุผลที่ผมรีบโทรหาอิงแล้วนัดออกมาคุยข้างนอก แม้ว่ามันเสี่ยงมากก็ตามแต่ผมก็ต้องเคลียร์ให้รู้เรื่องหลังจากกลับจากสนามบินผมก็ร้อนใจเรื่องของอิงกับเด็กคนนั้นมาก รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกับว่ามันต้องมีอะไรสักอย่าง แล้วก็มีจริง ๆ นักสืบโทรมารายงานเรื่องอิงให้ผมฟังอย่างละเอียดพร้อมส่งข้อมูลเท่าที่หามาได้เข้าไลน์ หลังจากวางสายผมก็โทรนัดอิงส่งโลเคชั่นไปให้แล้วนั่งมองรูปเด็กน้อยตากลมโตไปด้วย รอยยิ้มนั่นเหมือนอิง ไออุ่นคือลูกสาวของผม เธอน่ารักมาก มีบางส่วนที่เหมือนผม ปากมั้งไม่แน่ใจโรงแรม K INผ
พอเคลียร์เรื่องที่สนามบินเสร็จฉันก็รีบหยิบมือถือไลน์ไปแจ้งพี่ตฤณพร้อมกับถ่ายรูปไออุ่นส่งไป พี่ตฤณส่งสติ๊กเกอร์ปาดเหงื่อกลับมาตามด้วยสติ๊กเกอร์รูปหัวใจ คงยุ่งอยู่จริง ๆ ถึงไม่โทรมาปกติพี่ตฤณจะต้องโทรกลับทุกครั้ง"กลับโรงแรมกันก่อนนะคะ""ดีเลยค่ะ เจ้าตัวแสบคงเหนื่อยแย่" ไออุ่นหลับไปแล้ว ป้าสุดใจอุ้มไออุ่นไม่ยอมวางจนขึ้นรถของโรงแรม กว่าจะถึงโรงแรมก็บ่ายแก่ๆ พอถึงห้องพักป้าสุดใจก็แยกพาไออุ่นไปนอน ห้องที่พี่ตฤณจองให้เป็นห้องคอนเน็กเชื่อมกันถึงสามห้องเหมาะสำหรับครอบครัวมาก ๆ เดาว่าพี่ตฤณคงมาพักที่นี่กับพวกเราด้วย"ป้าสุดใจก็ไปพักเถอะค่ะ""คุณอิงก็พักบ้างนะคะ" ฉันพยักหน้ารับ คงยังหลับตาไม่ลง สายตาของฉันจ้องไปที่หน้าจอมือถือตลอดเวลา เราได้เจอกันแล้วสินะ พ่อลูกได้เจอกันแล้ว จากนี้ไปจะเป็นยังไงฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้คิดเอาไว้เลย คนมีเป็นร้อยเป็นล้านทำไมต้องเป็นเขาด้วยที่ช่วยไออุ่นไว้ ฉันนั่งคิดเรื่องนี้นานนับชั่วโมงคิดเผื่อไปด้วยว่าถ้าไคล์รู้เรื่องไออุ่นจะเป็นยังไงเขาจะแย่งลูกไปจากอกฉันเหมือนในละครหรือว่าเราจะคุยตกลงรื่องลูกกันดี ๆ แบ่งเวลาให้กันอย่างเท่าเทียม อีกประเด็นที่ฉันคิดคือไคล์อาจ
"ป้าสุดใจ ไออุ่นล่ะคะ ไออุ่นไปไหนคะ " ฉันรีบวางแก้วกาแฟลงแล้วหันไปย้ำถามหาไออุ่นจากป้าสุดใจอีกครั้ง สีหน้าของป้าดูไม่ดีเลย มือไม้ของฉันมันสั่นไปหมด ไม่ต่างจากผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า"คือป้า ป้าแค่หันไปหยิบของในกระเป๋า หันมาก็ไม่เห็นน้องแล้วค่ะ" ใจฉันกระตุกวูบเชื่อว่าสิ่งที่ป้าสุดใจพูดคือความจริง ท่านเองก็ทำท่าจะเป็นลมอยู่เหมือนกัน"ป้านั่งพักก่อนนะคะ อิงจะไปประชาสัมพันธ์ อย่าเพิ่งเดินไปไหนนะคะ เดี๋ยวจะเป็นลม""ได้ค่ะๆ คุณอิงป้าขอโทษนะคะ น้องเพิ่งหายไปเมื่อกี้ค่ะ" น้ำเสียงสั่นเครือนั่นทำให้ฉันแอบน้ำตาคลอไปด้วย ห่วงทั้งป้าสุดใจและลูกสาวเพียงคนเดียว"ไม่เป็นไรค่ะ ไออุ่นคงซนตามประสา เดี๋ยวอิงกลับมานะคะ ป้ารออยู่ตรงนี้นะคะเผื่อไออุ่นกลับมา""ได้ค่ะๆ "ฉันรีบวิ่งไปที่ประชาสัมพันธ์ของสนามบิน โดยไม่ลืมจะหยิบมือถือออกมาแล้วกดโทรหาพี่ตฤณ พอพี่ตฤณรู้เรื่องก็ร้อนใจไม่ต่างจากฉัน"ใจเย็นๆ แล้วตอนนี้กำลังจะไปไหน""ประชาสัมพันธ์ค่ะ ถ้าวิ่งหากันคงไม่เจอ พี่ตฤณน้องกลัว ฮึก" ฉันกลัวตามหาลูกไม่เจอ กลัวไปหมด สนามบินทั้งใหญ่และกว้างขนาดนี้วิ่งตามหาวันก็คงไม่เจอ ไออุ่นหายไปไหน? คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของฉันซ
"อุ่นอยากขึ้นเครื่องบิน เครื่องบิน เครื่องบิน""รู้แล้วค่ะ ดี๊ด๊าใหญ่เลยนะเรา ป้าสุดใจเอากระเป๋ามาครบแล้วใช่มั้ยคะ""เอามาครบแล้วค่ะ" ฉันตรวจเช็กความเรียบร้อยของทุกคน โดยเฉพาะเด็กหญิงไออุ่นเพราะเมื่อวานมีไข้ต่ำ ๆ กำหนดเดินทางวันนี้ตอนแรกจะเลื่อนไปก่อน แต่งานที่นู่นดันมีปัญหาก็เลยเลื่อนไม่ได้ ปรึกษาคุณหมอแล้วว่าอาการของไออุ่นไม่รุนแรงกินยาลดไข้และเช็ดตัวบ่อยๆก็จะดีขึ้นดีขึ้นจริง ๆ นั่นแหละ เสียงแจ๋วเชียว"ถึงแล้วก็โทรมาบอกพี่ด้วย ""พ่อพ่อจะตามไปวันไหนคะ""อีกสองวันครับ ไหนจับตัวสิ ตัวไม่ร้อนแล้วคนเก่ง" ไม่ใช่แค่พ่อพ่อหรอกที่เป็นห่วงอาการของไออุ่นฉันเองก็ไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่ กลัวว่าลูกจะเป็นหนักระหว่างนั่งเครื่อง แต่บินแป๊บเดียวก็ถึงกรุงเทพแล้วเมื่อกี้ก็เพิ่งป้อนยากันไปกว่ายาจะหมดฤทธิ์ก็ตั้งสี่ชั่วโมงถึงก่อนชัวร์อยู่แล้ว"ต้องกินยา อุ่นไม่ชอบเลย""ถ้าไม่กินยาก็จะอดขึ้นเครื่องบินนะ""กินก็ได้ค่ะ""กินไปแล้วค่ะ เมื่อกี้ให้ป้าสุดใจป้อนแล้ว" ฉันทำหน้าเหนื่อย ๆ ถ้าไม่ได้เดินทางไออุ่นคงไม่ยอมกินยาง่ายขนาดนี้ งานนี้ไม่ยากเลยอดเป็นห่วงไม่ได้"เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่สบายใจเรื่องลูกเ
"ดูนั่นสิ แสดงเป็นต้นไม้ซะสมจริงเลย""พี่ตฤณ หลานตั้งใจออก ดูสิคะจ้องพี่ตฤณไม่วางตาเลย" สิ่งที่ไออุ่นกังวลมากที่สุดคือกลัวพ่อพ่อของเขามาไม่ได้ พอได้เห็นว่าพ่อพ่อมาได้ก็จ้องตาไม่กะพริบเลย เอ็นดูเจ้าต้นไม้น้อยนั่น"พี่ผิดนัดครั้งก่อนคงกลัว" ครั้งนั้นเป็นงานวันเด็ก ไออุ่นได้ขึ้นแสดงเต้นประกอบเพลง แววตาเศร้าหมองในวันนั้นทำให้พี่ตฤณรู้สึกผิดไม่น้อย รูปที่ฉันตั้งใจถ่ายไปอวดกลายเป็นภาพแห่งความเจ็บปวดไปซะงั้น แต่พี่ตฤณก็สั่งให้คนไปอัดใส่กรอบตั้งไว้บนโต๊ะทำงานเอาไว้เตือนใจว่าไม่ควรผิดสัญญากับใครอีก"ครั้งนั้นเต้นเกือบไม่ออก เอาแต่มองหาพ่อพ่อ""พี่รู้สึกว่าตัวเองเป็นพ่อของไออุ่นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วนะ" พี่ตฤณยื่นมือมาแตะบ่าฉันเบา ๆ แล้วหันไปมองลูกสาวที่กำลังทำการแสดงอยู่บนเวที วันนี้พ่อพ่อของไออุ่นออร่าจับมาก ๆ แม่ ๆ หลายคนมองตาไม่กะพริบ โดยเฉพาะแม่ของน้องอิ๊งที่นั่งอยู่ข้างหลัง เพราะไม่ค่อยได้เห็นพี่ตฤณสักเท่าไหร่"แสดงจบก็กลับบ้านได้เลย พี่ตฤณจะกลับก่อนก็ได้นะคะ" งานพี่ตฤณรออยู่อีกมาก ไออุ่นเห็นหน้าพี่ตฤณแล้วก็น่าจะพอใจแล้วล่ะ ได้ข่าวว่ามีประชุมอีก"รอกลับพร้อมกันนี่แหละ ถ่ายรูปกันก่อนสิ"
"ยังไม่เลิกซื้อหวยอีกหรือไง""อะไรกันคะ เรียกมาพบก็เพราะเรื่องหวยเนี่ยนะ" ฉันดึงเก้าอี้ตรงหน้าแล้วหย่อนตัวลงนั่ง พี่ชายต่างแม่ของฉันคนนี้ทำหน้าซีเรียสแล้วสักพักก็ผ่อนคลายลงเมื่อเห็นหน้าเด็กหญิงไออุ่นที่วิ่งเข้ามาในห้องพร้อมกับเสียงออดอ้อน"พ่อพ่อขา""ไออุ่นของพ่อพ่อมาช่วยแม่ใช่มั้ย" เจ้าตัวอ้วนพยักหน้าแล้วโผเข้ากอดพ่อพ่อของเขาหลังจากที่ฉันไปส่งไคล์ที่สนามบินวันนั้นเสร็จฉันก็รีบติดต่อหาพี่ตฤณทันที เขาคือพี่ชายต่างแม่และเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ชีวิตฉันไม่เหลือใครแล้วนอกจากพี่ชายคนนี้ ก่อนหน้าฉันคิดว่าตัวเองสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งพาใคร พอท้องก็เริ่มกังวลทีแรกฉันจะทำแท้งเพราะไม่พร้อมจริงๆแต่พี่ตฤณห้ามเอาไว้ ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่ตฤณฟัง พี่ชายของฉันคนนี้เข้าใจและยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือโดยไม่ลังเล ปกปิดที่อยู่และจัดการเรื่องชื่อนามสกุลให้จนเสร็จสรรพ อิงดาวได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้มีแค่ฟ้ารดาเท่านั้น ฟ้ารดา อักษรศิลากุล เป็นนามสกุลที่ฉันปฏิเสธมาตลอดสุดท้ายฉันก็ต้องกลับมาพึ่งพานามสกุลนี้ ลดทิฐิในตัวลงเพื่อชีวิตน้อยๆ ที่ฉันเกือบจะตัดเขาออกจากตัวไป"พ่อพ่อดุแ
สาธารณรัฐประชาชนจีน"ได้เรื่องบ้างมั้ย""ยังเลยครับ ค้นจากประวัติที่คุณไคล์ให้มาไม่พบประวัติของผู้หญิงที่ชื่ออิงฟ้าเลยครับ ที่อยู่ ชื่อและนามสกุลก็ไม่ปรากฏในทะเบียนราษฎร์เลยครับ" ผมถอนหายใจอีกครั้งเมื่อเรียกนักสืบมาถามความคืบหน้าการตามหาเพื่อนสนิทที่มีเพียงคนเดียว สองปีกว่าแล้วที่ผมไม่ได้รับข่าวและการติดต่อจากเพื่อนคนนี้อีกเลยเพราะอะไรวะอิง ทำไมถึงหายไปจนทำให้ใจหายแบบนี้"ตามหาต่อไป ตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานการเสียชีวิต ผมเชื่อว่าเธอยังมีชีวิตอยู่" นักสืบเอกชนหลายต่อหลายบริษัทที่ผมว่าจ้างทำงานไม่ได้เรื่องเลยสักบริษัท จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาผู้ใหญ่คนหนึ่งแนะนำบริษัทนี้มา ผ่านไปสองอาทิตย์ก็ยังไร้วี่แวว"เป็นไปได้มั้ยครับว่าเธอจะเปลี่ยนชื่อ" ผมชะงักแล้วหันไปมองหน้านักสืบ ผมลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่อิงจะเปลี่ยนชื่อ"อิงจะเปลี่ยนชื่อเพื่ออะไร""หนีคุณไงครับ""หนีผม" ผมชี้ตัวเองอย่างงงๆ เป็นไปไม่ได้หรอก เราสองคนไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อย ก่อนบินอิงก็มาส่งผมที่สนามบิน ช่วงต้นปีแรกเราก็ยังคุยกันปกติ แล้วหลังจากนั้นผมก็ติดต่ออิงไม่ได้อีกเลยไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร"เป็นไปได้ครั
ปัง ปัง ปัง!!!"อิง เสร็จยังวะ เข้าไปนานแล้วนะเว้ย ""อย่าเร่งดิฉี่ไม่ออก " ผลตรวจออกแล้วต่างหากแต่ฉันไม่กล้ายอมรับความจริงกับเรื่องที่เกิดขึ้น จากนี้ไปฉันจะอยู่ยังไง ต้องทำตัวแบบไหน แล้วต้องตอบคำถามคนอื่นๆ ยังไง มันเครียดไปหมด! เครียดจนไม่กล้ายอมรับว่านี่มันคือเรื่องจริงเรื่องเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน ฉันกับไคล์เกิดพลาดมีอะไรกัน อยากตบหน้าตัวเองแรงๆ ต้องไม่ใช่แบบนี้ ต้องไม่ใช่ไคล์นั่นมันเพื่อนรักของฉัน"อิง! " เสียงตะโกนของไคล์ดังเข้ามาอีกครั้ง ฉันคงหนีไม่พ้น ความจริงก็คือความจริงแต่ฉันไม่อยากให้เรื่องมันออกมาแบบนี้ ฉันไม่อยากท้อง ฉันยังอยากใช้ชีวิตอิสระอยู่เลย เราทั้งคู่ไม่ควรมาเจอเรื่องแบบนี้ ฉันยกมือขึ้นมาลูบท้องเบาๆ แล้วพูดในใจว่าเขาไม่ผิดเหมือนกัน เราทั้งคู่ต่างหากที่ใช้ชีวิตประมาทขาดสติ"จะออกไปแล้ว""เร็วๆ ดิวะ " น้ำเสียงรีบเร่งเจือกังวลนั้นทำให้ความเครียดที่มีสะสมมากขึ้น ถ้าไคล์รู้ว่าฉันท้อง เขาคงผิดหวังมากเพราะอนาคตที่กำลังจะไปได้สวยคงดับวูบ เพื่อนสนิทของฉันคนนี้กำลังจะบินไปเป็นซุป'ตาร์ที่เมืองจีน ใครกันอยากตัดอนาคตเพื่อน ฉันคิดอะไรไม่ออกเลยจริง ๆ"เออ ๆ ""ว่ายังไง ท้องม