ในที่สุดวันเดินทางก็มาถึง ชุยเหมยฮวาเหมาเกวียนให้ไปส่งที่สถานีรถไฟ โดยฝากบ้านไว้กับพ่อและพี่ใหญ่ของเธอ ส่วนวันนี้คนที่มาช่วยคือยายของฟางเซียน และท่านไม่ยอมรับเงินค่าจ้าง ท่านบอกว่านั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในบ้านก็น่าเบื่อ ไม่สู้ออกมาช่วยดีกว่า เพราะที่ผ่านมาหลานสาวได้อาหารจากที่นี่กลับไปให้กินทุกวันอีกทั้งตอนนี้ร่างกายก็แข็งแรงดีขึ้นแล้ว แต่ชุยซีหานกลัวว่ายายของฟางเซียนจะเหนื่อยเกินไปจึงจ้างน้ากู้จิงมาช่วยด้วยอีกคน ทำให้บ้านใหญ่เซียวและชุยเหมยฮวาหมดห่วงเรื่องคนช่วยงานทั้งสามร้านพอมาถึงสถานีรถไฟหญิงสาวจึงให้สามีไปซื้อตั๋วรถไฟ เธอต้องการให้สามีซื้อตู้นอนเพื่อความสะดวกสบายของพ่อกับแม่ เพราะสมัยนี้รถไฟยังคงธรรมดาและท่าจะเมื่อยหากได้นั่งนาน ๆ อีกทั้งตู้นอนก็ไม่ต้องกังวลว่าใครจะเข้ามาวุ่นวายจนเกินไปนอกจากคนที่มีตั๋วนอนในชั้นนี้บรรยากาศโดยรอบต่างก็มีชาวบ้านมาส่งลูกหลานและคนในครอบครัวไปต่างเมือง เมื่อได้ยินสัญญาณดังขึ้นบ่งบอกว่ารถไฟใกล้จะเคลื่อนขบวนออกแล้ว แต่ละคนจึงโบกไม้โบกมือเพื่ออำลาและหวังว่าอีกไม่นานจะได้พบกันอีกครั้ง“อีกสองวันเราก็จะถึงเมืองไคโจวแล้วนะคะ พ่อกับแม่ดีใจไหมที่จะได้เจอกับอาอิง
การเดินทางของทั้งสี่คนสิ้นสุดเสียทีเมื่อมาถึงเมืองไคโจว จากนั้นเซียวหย่งเสียนและชุยเหมยฮวาช่วยกันยกของลง ก่อนจะไปเช่าเหมาเกวียนเพื่อเดินทางต่อไปที่หมู่บ้านป้านไฉ แต่ชุยเหมยฮวาให้คนขับเกวียนแวะพาไปจองโรงแรมก่อน เธอจึงเลือกโรงแรมที่ดีที่สุดของเมืองนี้ เมื่อจัดการเรื่องห้องพักเรียบร้อยแล้วทั้งหมดจึงมุ่งหน้าไปหมู่บ้านป้านไฉตามที่ตั้งใจไว้ระหว่างทางมีรถยนต์คันหนึ่งขับชะลอเพื่อดูว่าใช่คนที่เขารู้จักไหม “นั่นมันเหมยฮวาและหย่งเสียนไม่ใช่เหรอ”นายท่านต้วนหรือลุงต้วนที่สองสามีภรรยารู้จักส่งเสียงถามลูกน้อง“ใช่ครับนายท่าน ส่วนอีกสองคนน่าจะเป็นพ่อกับแม่ของหย่งเสียน”“ทั้งสี่คนมาทำอะไรที่เมืองนี้ นายลองกลับรถและขี่ตามไปดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น”นายท่านต้วนบอกให้ลูกน้องไปกลับรถและขับตามเกวียนเล่มนั้นไป เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวนี้ ทำให้สองสามีภรรยาที่ไม่เคยหยุดร้านต้องเดินทางมาถึงที่นี่ เพราะตัวเขาเองต้องมาดูแลร้านค้าที่จะเปิดใหม่เดือนกว่าแล้วเลยยังไม่เจอกับทั้งสองคน“ครับนายท่าน”พอเกวียนเคลื่อนเข้ามาในหมู่บ้านก็กลายเป็นจุดสนใจของชาวบ้านที่นี่มาก เกวียนเล่มนี้ไม่เพียงแต่จะมีคนต่างถิ่นที่ไม่ค
เด็กหนุ่มให้เกวียนชะลอก่อนจะกระโดดลง และชี้ไปที่บ้านเฟิงด้วยสีหน้าหวาดกลัว เซียวหย่งเสียนส่งเงินให้เด็กหนุ่มหนึ่งหยวนเพื่อเป็นน้ำใจที่พาเขาและทุกคนมาที่นี่ ก่อนจะให้เกวียนขับไปจอดที่หน้าบ้านเฟิง แต่พอมาถึงกลับได้ยินคำพูดจาที่ไม่ค่อยรื่นหูดังออกมา“เลี้ยงพวกแกสองแม่ลูกนี่เสียข้าวสุกจริง ๆ แทนที่จะคลอดหลานชายออกมาดันได้หลานสาวที่ไร้ประโยชน์แทน เจ้าใหญ่ก็ไม่รู้คิดอะไร บอกให้หย่าเมียแล้วแต่งกับจินอี๋ บ้านเฟิ่งของเราจะได้มีหลานชายเสียที”“พอเถอะค่ะแม่สามี เรื่องนี้ถ้าหากพี่กวงฉีไม่เอ่ยปากขอหย่าด้วยตัวเอง ฉันก็ไม่มีทางหย่า ทำไมแม่ไม่พูดต่อหน้าสามีฉันล่ะ แล้วเสี่ยวซีของฉันแค่สองขวบกว่า แม่จะให้เด็กอายุแค่นี้ทำงานได้ยังไง สามีขอแยกบ้านพ่อกับแม่ก็ไม่ยอมเงินที่พี่กวงฉีหามาได้ แม่ก็ส่งไปให้น้องเล็กจนหมด เรียนมหาวิทยาลัยต่างเมืองมาตั้งแต่หลายปียังไม่จบอีกเหรอ ยังมีบ้านรองอีก ต่างก็อยู่ดีกินดี แล้วดูเสี่ยวซีสิ ตัวร้อนขนาดนี้ขอเงินไปหาหมอแม่ก็ไม่ยอมให้”ด้วยความอัดอั้นที่กัดกินใจมานาน ทำให้เซียวหร่านอิงพูดอย่างไม่เกรงกลัว ตอนนี้สามีเธอเข้าป่าล่าสัตว์เพื่อหาเงินพาลูกสาวตัวน้อยไปหาหมอยังไม่กลับมาเลย
“นั่นสิอาอิง พี่สะใภ้คิดว่าควรจะพาหลานตัวน้อยไปหาหมอก่อน เรื่องที่นี่ค่อยกลับมาจัดการ”ชุยเหมยฮวาเห็นด้วยที่จะพาหลานตัวน้อยไปหาหมอ เด็กคือผ้าขาวและกำลังป่วย อย่าให้มารับรู้กับเรื่องของผู้ใหญ่ดีกว่า“กลับไปอยู่บ้านเราไหมอาอิง น้องกับหลานพี่เลี้ยงได้”เซียวหย่งเสียงยืนตัดสินใจและเลือกที่จะถามขึ้นมา จากสภาพที่เห็นอาอิงคงไม่ได้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีเท่าไหร่“ฉันกลับไปได้เหรอพี่ใหญ่” เซียวหร่านอิงถามด้วยเสียงสั่นเครือ“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ บ้านอื่นพี่ไม่รู้ อาจจะมองลูกสาวที่แต่งออกไปเป็นคนอื่น แต่สำหรับพี่ ไม่ว่ายังไงอาอิงก็เป็นน้องสาวของพี่เสมอ”“แล้วพี่สะใภ้” เธอเหลือบมองพี่สะใภ้ที่ดูเหมือนจะอายุน้อยกว่า หากเธอกลับไปอยู่ด้วย กลัวพี่ชายจะมีปัญหา“ยินดีมาก ในเมื่ออาอิงอยู่ที่นี่แล้วไม่มีอะไรดีขึ้น พี่สะใภ้คิดว่าเรากลับไปอยู่ด้วยกันดีกว่านะ”ชุยเหมยฮวายิ้มให้ เธอเลี่ยงที่จะเรียกแทนตนเองว่าพี่เป็นพี่สะใภ้แทน ด้วยเพราะอายุที่น้องสามีแก่กว่าเธอหลายปี ทำให้ดูเขิน ๆ ถ้าต้องแทนตัวเองว่าพี่“อาอิง ระหว่างนี้พาหลานตัวน้อยไปหาหมอก่อน น้องลองคิดดูสิว่าจะตัดสินใจยังไง ถ้าอยากเปิดร้านค้าที่นี่พี่ก็ยินดี
เฟิงจ่างติงเดินแหวกชาวบ้านเข้ามา วันนี้เขาไปนั่งกินน้ำชาและสูบยาสูบกับเหล่าเพื่อนและโขกหมากรุกด้วยกัน ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องที่บ้าน จึงเดินกลับมาด้วยความโมโห แต่พอเห็นถุงข้าวของกองอยู่มากมายและยังมีคนแปลกหน้าอีกสองคน ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัย“แล้วนี่ใครมาบ้านเราละนี่ ข้าวของตั้งมากมายทำไมไม่เชิญเข้าบ้าน”“ไม่ต้องหรอกครับ ผมและภรรยาเพียงมาเยี่ยมน้องกับหลาน แต่ตอนนี้รอเพียงน้องเขยกลับมาและให้เขาเขียนใบหย่าให้อาอิงซะ”เซียวหย่งเสียนตอบกลับด้วยท่าทางเฉยชา น้องสาวเขาจะหย่าหรือไม่นั้นมันอีกเรื่อง ก่อนหน้านี้เขาได้ยินว่าพ่อสามีไม่ยินยอมให้แยกบ้าน อย่างน้อยถ้าน้องเขยรักเมียและลูกคงต้องหาวิธีตัดขาดกับบ้านเฟิง“หมายความว่าไง ทำไมถึงรอใบหย่าจากเจ้าใหญ่”“ผมต้องการพาน้องและหลานสาวกลับบ้าน ผู้เฒ่าเช่นคุณอย่าพูดว่าไม่มีส่วนรู้เห็นการกระทำของภรรยาตัวเอง แม้ว่าผมจะไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ผมก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด น้องสาวผมอยู่ที่นี่ไม่ต่างจากทาสในเรือนวันนี้ถ้าภรรยาผมไม่ช่วยหรือช่วยไม่ทัน หญิงสาวคนนั้นคงจะทำร้ายอาอิงไปแล้ว หัวอกคนเป็นพี่ ผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกอาอิงอีก น้องกับหลานผมยินดีเลี้
“นายแน่ใจแล้วเหรอว่ายอมทุกเรื่อง” เซียวหย่งเสียนหรี่ตามองน้องเขยอย่างเจ้าเล่ห์ “นายกล้าที่จะแยกบ้านหรือเปล่า ฉันให้นายเลือกสองทาง แยกและตัดขาดกับบ้านเดิมเพื่อลูกและเมียนาย ส่วนอีกทางคือเดินทางกลับพร้อมกับฉัน อ้อ...มีอีกทางหนึ่ง ทางเลือกสุดท้ายคือหย่ากับอาอิงซะ”“พวกแกกล้าดียังไงมาสร้างความแตกแยกให้กับครอบครัวเฟิง เจ้าใหญ่ไม่มีทางแยกบ้านได้หรอกนะ ในเมื่อฉันไม่อนุญาต”เฟิงจ่างติงให้ตายเขาก็ไม่ยอมให้ลูกชายคนโตแยกบ้านแน่ ตอนนี้ครอบครัวลูกสะใภ้ใหญ่ดูท่าแล้วน่าจะมีเงิน ซึ่งแตกต่างจากตอนที่แต่งเข้ามา ตอนนั้นเท่าที่เขารู้คือบ้านเซียวนั้นจนแสนจน“มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอก ทุกอย่างมันมีช่วงโหว่ของมันเอง”นายท่านต้วนที่นั่งรออยู่ในรถโดยให้ลูกน้องเดินเข้ามาดูสถานการณ์ เมื่อรู้ถึงเหตุผลที่บ้านใหญ่เซียวต้องเดินทางไกลมาถึงนี่ ทำให้เขาต้องลงมาช่วยออกหน้า“ลุงต้วน!” สองสามีภรรยาร้องเรียกอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะเจอลุงต้วนที่หมู่บ้านนี้“คุณเป็นใคร แล้วมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับเรื่องในครอบครัวเรา”“ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องในครอบครัว ผมยิ่งต้องยุ่งในเมื่อหลานสาวและหลานเขยมีเรื่องกับบ้านนี้ ส่วนเรื่องแยกบ้าน ผมรู้ว่าธรรม
“ไม่มีใครใส่ร้ายแม่ทั้งนั้น เรื่องนี้ผมเองก็เป็นพยานได้ ตลอดสองปีที่ผ่านมาแม่พูดกรอกหูผมทุกวัน พอผมไม่ทำตามแม่ก็ไปหาเรื่องอาอิง เพื่อให้เธอทนไม่ได้ เธอจะได้หย่ากับผม แต่ดีที่อาอิงกับผมมีความรักให้กันมากพอ เราทั้งสองจึงไม่แยกจาก”เฟิงกวงฉียืนยันหนักแน่น ตอนนี้เขามองหาลูกเมียไม่เจอ ไม่ว่าเขาจะต้องทำอะไรเขายอมทั้งนั้นเพื่อให้ได้ลูกเมียกลับมา“ไม่นะ เรื่องนี้ถึงแม้ว่าฉันจะชอบพี่กวงฉีมากแค่ไหน แต่ฉันไม่คิดจะแย่งสามีใคร ป้า…ใช่แล้ว ป้าเป็นคนติดต่อไปที่บ้านแล้วให้ฉันทำทีมาดูแลท่าน เพื่อจะได้แต่งงานกับพี่กวงฉี ส่วนเรื่องภรรยาและลูก ฉันไม่คิดที่จะทำอะไรเลย”เจียอี๋เมิ่งละล่ำละลักพูดอย่างเร็ว เธอไม่อยากโดนจับ แค่เรื่องที่เธอมาอยู่บ้านเฟิงชื่อเสียงเธอก็ไม่ดีแล้ว หากไม่ได้แต่งกับพี่กวงฉีหลังจากนี้เธอจะแต่งงานกับใครได้อีก จะมีใครมากล้าสู่ขอเธออีกหรือไหม ยังไงเธอต้องปัดเรื่องให้พ้นตัวก่อน“หน็อย นังหลานชั่ว! ไม่ใช่เพราะแกเหรอที่บอกอยากจะแต่งงานกับเจ้าใหญ่ ฉันต้องเขียนจดหมายไปบอกพ่อแม่แกให้ส่งแกมาที่นี่ นังเด็กไม่รักดี” สองป้าหลานต่างโยนความผิดให้กัน สร้างความอับอายให้กับบ้านเฟิงมาก จนเฟิงจ่างติงต้อ
ทางที่ดีเราควรพาน้องเขยไปที่สำนักงานพลเรือน เพื่อร้องเรียนเรื่องนี้ หนูเชื่อว่ากฎเกณฑ์ทุกอย่างย่อมมีทางออก แต่ถ้าบ้านเฟิงดีจริงไม่เคยทำผิดหรือว่ากดดันลูกชายคนโต ก็ไม่ต้องกลัวอะไร แต่ก่อนที่จะได้แยกบ้านของฝากที่นำมาฉันขอเอากลับก่อนก็แล้วกัน”ชุยเหมยฮวาบอกเป็นฉาก ๆ ทุกคนแทบจะเห็นภาพ ไม่รู้ว่าเรื่องจริงเป็นยังไง แต่ที่แน่ ๆ บ้านเฟิงเกิดอาการร้อนรนและกลัวขึ้นมา“ไม่ต้องไปถึงสำนักงานพลเรือนหรอก ผู้นำหมูบ้านทำเรื่องแยกบ้านให้เจ้าใหญ่ด้วย”เฟิงจ่างติงรีบบอกขึ้นมา และตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ตอนนี้ลูกสะใภ้ใหญ่ไม่ใช่หญิงยากจนอีกแล้ว และที่สำคัญคนหนุนหลังบ้านเซียวคือนายท่านต้วน ผู้ที่อยู่ในใจของชาวบ้าน หากต้องเลือก เขาขอใช้ชีวิตอย่างสงบสุขดีกว่าผู้นำหมู่บ้านรีบให้ลูกชายวิ่งกลับไปเอาเอกสารแยกบ้านและหนังสือตัดขาดมาพร้อมกันเลย เขาเชื่อว่าบ้านเซียวต้องการให้ตัดขาดมากกว่าเมื่อทำหนังสือสัญญาแยกบ้านเสร็จแล้ว ชุยเหมยฮวาเตรียมจะพาทุกคนกลับไปพักที่โรงแรม แต่นายท่านต้วนรีบเรียกไว้เสียก่อน“เดี๋ยวก่อนเหมยฮวา หย่งเสียน”“ลุงต้วนมีอะไรหรือเปล่าครับ” เซียวหย่งเสียนและทุกคนหันมาพร้อมกัน“น้องเขยของเราต้องการทำงา
ถ้าจะไม่พูดถึงเซียวหมิงหย่วนก็คงไม่ได้ ตอนนี้เธอเองก็แต่งงานกับลู่จื่อฉี และกำลังท้องลูกคนแรก แต่กว่าที่ทั้งสองคนจะตกลงปลงใจกันได้ ชุยเหมยฮวาเธอทั้งช่วยเข็นช่วยดันไม่น้อยเพราะลู่จื่อฉีมักคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสม อีกทั้งอาสะใภ้รองคอยกีดกันอยากให้ลูกสาวได้คนที่มีหน้ามีตากว่านี้ ส่วนเซียวเจี้ยนซูก็แต่งกับพนักงานของร้านเหมยฮวา เธอและสามีเคยบอกว่าจะให้สูตรอาหารเพื่อให้ทั้งสองคนได้มีกิจการเป็นของตัวเอง แต่สองพี่น้องบอกว่าแค่นี้พวกเขาก็พอใจแล้วส่วนไร่ผลไม้ของสองตระกูลเริ่มผลิดอกออกผล แต่บางอย่างก็ต้องรอให้เต็มวัยก่อนจะเก็บผลผลิตไปขายได้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ชุยเหมยฮวาพูดไว้ ชีวิตนี้ไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้า ไม่มีหนี้สินมีเพียงกิจการเล็ก ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว เพราะนี่คือความสุขที่แท้จริง“ในที่สุดสองแสบก็หลับเสียที”เซียวหย่งเสียนแทบจะปาดเหงื่อเมื่อต้องเอาลูกน้อยทั้งสองคนเข้านอน หน้าที่นี้เขาขอทำเองตั้งแต่ลูกเกิด ชายหนุ่มรู้สึกว่าแค่ภรรยาต้องอุ้มทองและเจ็บท้องคลอดก็พอแล้ว อะไรที่ทำได้เขายินดีที่จะทำ“เหนื่อยไหมคะ ทำงานเสร็จกลับมาบ้านยังต้องช่วยหนูเลี้ยงลูกอีก” ไม่ใช่ไม่เห็นใจสามีที่เหนื่อยจากงานแล้วต้อ
การใช้ชีวิตใจฐานะของพ่อและแม่ดำเนินไปอย่างมีความสุข แม้ว่าเซียวหย่งเสียนจะต้องไปดูร้านทั้งสองแทนภรรยาก็ตาม เมื่อเสร็จงานเขาก็จะรีบกลับมาหาลูกและภรรยา จนภาพพวกนี้ชินตากับลูกน้องและคนในครอบครัวเด็กน้อยทั้งสองคนเติบโตทุกวันจนอายุครบสามขวบ ความซนและความแสบไม่มีใครเกินใครเหมือนกับวันนี้“แม่ฮะ วันนี้พ่อจีบฉาว” เซียวคุนหยางหรือว่าหยางหยางวิ่งตัวกลมเข้ามาฟ้องแม่คนสวยของตัวเอง“หยุดเลยนะหยางหยาง พ่อยังไม่ได้ทำอย่างที่ลูกพูดสียหน่อย อยากให้พ่อโดนแม่ไล่มานอนนอกห้องหรือยังไง”คราวก่อนก็ทีหนึ่งแล้วช่างหาเรื่องให้เขาเสมอ ไม่รู้ได้ความแสบมายังไง“ไหนหยางหยางลองเล่าให้แม่ฟังสิครับ ว่าพ่อของลูกจีบสาวที่ไหน”“จีบที่ร้านที่อาเจี้ยนซูดูแลอยู่ฮะ ฉาวสวยมาก”ชุยเหมยฮวาหันมองหน้าสามีตาเขียว ก่อนจะมาตั้งใจฟังลูกชายเล่าต่อ“ฉาวชื่อ ป้าเจียงเย่วฮะ ป้าเอาบัญชีมาให้พ่อแทนลุงฉงซาน ฮ่า ๆ”นั่นปะไร เชื่อได้ที่ไหนกับความกวนของลูกชาย ไม่รู้ว่าทั้งสองคนเป็นพ่อกับลูกหรือว่าเป็นศัตรูคู่แค้นกันแน่“เป็นยังไงบ้างคะ วันนี้ร้านขนมตกแต่งเสร็จหรือยัง”นอกจากร้านอาหาร เธอเริ่มที่จะสร้างร้านขนมอีกด้วย ตอนนี้จึงเหลือเพียงตกแต่ง
บทส่งท้ายความสุขของครอบครัวเซียวหย่งเสียนมารอที่ห้องพักนานแล้ว ยังไม่เห็นภรรยารักตามเข้ามา ใจเขาเริ่มกระวนกระวายอีกครั้ง แต่ไม่นานพยาบาลและเจ้าหน้าที่เข็นคนป่วยเข้ามา“ตอนนี้คนไข้ยังไม่ตื่นนะคะ รออีกสักหน่อย แต่ปลอดภัยแล้วค่ะ” ดูจากสีหน้าของคนเป็นสามีพยาบาลวัยกลางคนจึงบอกด้วยรอยยิ้ม“ขอบคุณมากครับ”เซียวหย่งเสียนหันมาขอบคุณพยาบาล ก่อนจะเดินไปยืนข้างภรรยารักที่กำลังนอนอยู่ สายตาที่มองช่างอ่อนโยน ยากจะหาสิ่งใดเปรียบ จนนางหลินหลานอดที่จะปลื้มใจความรักของทั้งสองคนได้“เดี๋ยวแม่ขอไปดูหลานก่อนนะ แล้วจะรีบกลับมา ลูกจะไปด้วยไหม” ในเมื่อลูกสะใภ้ยังไม่ตื่น เจ้าหน้าที่คงยังไม่พาหลานทั้งสองคนมา เธอจึงขอไปดูด้วยตัวเองก่อน“ไม่ดีกว่าครับแม่ ผมขออยู่กับเสี่ยวฮวาดีกว่า เดี๋ยวตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจอใคร”นางหลินหลานพยักหน้าให้ก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปดูหลานรักทั้งสองคน“หิวน้ำ” เสียงอันอิดโรยของชุยเหมยฮวาดังขึ้น ทำให้เซียวหย่งเสียนตื่นตัวอีกครั้งและรีบไปรินน้ำใส่แก้วแล้วนำมาป้อนภรรยารัก“ค่อย ๆ กินนะครับ เดี๋ยวสำลัก”“ขอบคุณมากค่ะ หนูอิ่มแล้ว”เซียวหย่งเสียนวางแก้วไว้ตรงโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้ามาแทรกตัวข
เจ้าใหญ่ นั่งก่อนเถอะ เสี่ยวฮวาอยู่กับหมอแล้วไม่เป็นอะไรหรอก” นางหลินหลานอดที่จะบ่นลูกชายไม่ได้ เธอมองตามไปมาตอนนี้เริ่มจะหน้ามืดแล้วเหมือนกัน“ผมเป็นห่วงครับแม่ เสี่ยวฮวาเข้าไปนานแล้ว หมอยังไม่ออกมาบอกเลย ผม...ผมกลัว”แค่ได้ยินเสียงที่เจ็บปวดของภรรยารัก เขาแทบจะไม่อยากให้คลอดลูกแล้ว ถ้าเป็นไปได้เขาขอเจ็บแทบดีกว่า แค่เห็นน้ำตาเธอเขาก็ใจสลายแทน“เจ้าใหญ่มานั่งนี่”เธอกวักมือเรียกให้ลูกชายมานั่ง เซียวหย่งเสียนไม่อยากขัดจึงเดินมานั่งข้าง ๆ นางหลินหลานจึงจับมือลูกชายมาตบหลังมือเบา ๆ และพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน“ฟังแม่นะ ลูกผู้หญิงทุกคนเมื่อแต่งงานย่อมต้องเจอเหตุการณ์นี้ แม้ว่าจะเจ็บปวดสักแค่ไหน แต่เมื่อเห็นหน้าลูกย่อมหายเจ็บและรู้สึกว่าคุ้มค่ามากหากเทียบกับความเจ็บที่เจอมา เสี่ยวฮวาคนนี้ย่อมต้องผ่านมันไปได้ เธอรู้ดีว่ามีครอบครัวและสามีที่ดีเช่นลูกรออยู่ เธอไม่มีทางไปไหนแน่นอน”เซียวหย่งเสียนได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของแม่ แผ่นหลังของชายหนุ่มเย็นไปหมด แม่พูดเช่นนี้เท่ากับท่านรับรู้มาตลอดว่าชุยเหมยฮวาไม่ใช่คนเดิม เขาจึงหันมองหน้าแม่อย่างตื่นตกใจ“แม่รู้...”“อย่าลืมว่าพ่อของลูกกับพ่อของเสี่ยวฮ
“ยินดีด้วยนะคะ คุณแม่ท้องได้สองเดือนแล้ว” คุณหมอกล่าวหลังจากตรวจเสร็จ ชุยเหมยฮวาและเซียวหย่งเสียนมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดเจ้าตัวเล็กก็มาเสียทีตอนนี้ครอบครัวเขาสมบูรณ์แล้วจากนั้นคุณหมอจึงบอกวิธีการดูแลคนท้องให้กับสองสามีฟังอย่างละเอียด แต่มีเหรอที่เซียวหย่งเสียนจะไม่ถามเรื่องการแสดงความรักกับภรรยา“ยังคงปฏิบัติได้เหมือนเดิมค่ะ เพียงแค่รอให้พ้นช่วงสามเดือนแรกไปก่อน แต่หลังจากนั้นยังคงต้องระวังความรุนแรงสักเล็กน้อย จนกว่าจะใกล้กำหนดคลอด”คุณหมอใบหน้าเกิดริ้วแดง ไม่คิดว่าสามีคนไข้ท่านนี้จะถามออกมาตรงๆหลังจากรับยาบำรุงสองสามีภรรยาจึงกลับมาที่ร้านเพื่อบอกข่าวดีแก่ทุกคน“เสี่ยวฮวา น้องกำลังท้องอยู่นะ เดินเหินระวังด้วยสิ” เซียวหย่งเสียนปวดหัวมากกับความดื้อรั้นของภรรยารัก“พี่หย่งเสียน หนูท้องนะไม่ได้ป่วยพี่จะไม่ให้หนูทำอะไรเลยไม่ได้ ฮือ...พี่ไม่รักหนูแล้วใช่ไหม พี่เลยดุหนูตลอด หนูแค่เดินมาหาทุกคนเท่านั้นเอง” ชุยเหมยฮวาน้ำเสียงสะอื้นตอบกลับ เธอไม่รู้อารมณ์ตัวเองเหมือนกัน เพียงแค่โดนดุเล็กน้อยเธอก็น้ำตาซึมแล้ว“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับคนเก่ง ไม่ใช่พี่ไม่รักหนู แต่เพราะรัก พี่จึงเป็นห่วง ครั้
ชุยเหมยฮวายิ้มรับก่อนจะพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน “ไม่ใช่เพราะฉันคนเดียวหรอกป้า แต่ทุกคนต่างหากที่ร่วมด้วยช่วยกันจนมีวันนี้ ฉันเองก็ต้องขอบคุณพี่หย่งเสียนที่ยอมแต่งกับหญิงร้ายกาจเช่นฉัน พอวันหนึ่งที่ฉันคิดได้จึงรู้ว่าอะไรและใครสำคัญที่สุด ฉันเลยคิดที่จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนที่รัก”ชาวบ้านได้แต่ยิ้มให้ จากนั้นชุยเหมยฮวาจึงเดินดูความเรียบร้อยในส่วนอื่น ๆ ก่อนจะเดินมาหาสามีที่ยังนั่งดื่มกินกับเจ้าบ่าวและกลุ่มของเพื่อนที่มาจากในอำเภอและในหมู่บ้าน“พี่หย่งเสียน หนูจะเข้าไปหาพี่สะใภ้ พี่เองก็อย่าแกล้งพี่ใหญ่มากล่ะ เดี๋ยวจะเมาแล้วไม่ได้เข้าหอ”“พี่ไม่แกล้งพี่สัญญา เพราะคืนนี้พี่ต้องเข้าหอด้วยเหมือนกัน”เมื่อเจอการหยอกล้อของสามีใบหน้าของหญิงสาวจึงแดงขึ้นเพราะความเขินอายและรีบเดินจากไปทันทีชุยเหมยฮวาอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้อีกสักพักก่อนจะกลับไปจัดการอาหารที่บ้านใหญ่เซียวเพราะเดี๋ยวจะมีชาวบ้านมาขนไปที่บ้านชุย เพื่อนำไปแจกจ่าย และรอสามีรักกลับมาเข้าหอกับเธอเหมือนพี่ชายและพี่สะใภ้วันเวลาผ่านไปจนวันที่รอคอยของชุยเหมยฮวาและเซียวหย่งเสียนมาถึงเสียที ภัตตาคารเซียวเหมยเปิดทำการแล้ว พิธีเปิดในวันนี้เซียวจ้า
หลังจากจัดการเรื่องต่าง ๆ เสร็จสิ้น ทุกคนจึงดำเนินชีวิตอย่างปกติเช่นทุกวัน เซียวเจี้ยนซูไปช่วยงานที่ร้านเหมยฮวา เซียวหมิงหย่วนไปช่วยที่ร้านขายข้าวเหนียวหมูทอดของพ่อแม่สามี ตอนนี้บ้านชุยก็สร้างเสร็จแล้ว สองพ่อลูกบ้านชุยจึงย้ายกลับบ้านของตัวเอง แม้จะย้ายเข้าบ้านใหม่แล้วแต่ทั้งสองบ้านยังไม่ได้เลี้ยงฉลอง ทุกคนจึงเห็นว่าควรจะจัดงานแต่งของชุยซีหานและฟางเซียนเสียทีจะได้เลี้ยงพร้อมกันทีเดียวตอนนี้น้ำซอสปรุงอาหารเริ่มทยอยส่งขายแล้ว พร้อมกับลูกชิ้นชนิดต่าง ๆ ของชุยซีหาน ผลตอบรับทั้งสองอย่างดีเกินคาด ส่วนที่ดินที่สองครอบครัวซื้อไว้ ส่วนหนึ่งปลูกผลไม้ ส่วนหนึ่งนำมาเลี้ยงไก่เลี้ยงหมู ซึ่งเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ไม่น้อย ส่วนสองพี่น้องบ้านลู่ คนหนึ่งเป็นหัวหน้าคนงานในไร่โดยมีหวางห่าวสามีของกู้จิงคอยมาช่วยอีกแรง เวลาว่างก็จะมาช่วยที่ร้านเช่นเดิม อีกคนช่วยดูงานในโรงงานลูกชิ้นขนาดเล็กของบ้านชุย เพียงแค่นี้ค่าแรงทั้งสองคนแต่ละเดือนมากจนใครได้ยินก็ต่างตกใจในที่สุดวันแต่งงานของชุยซีหานและฟางเซียนมาถึง บรรยากาศในหมู่บ้านแทบจะติดผ้าสีแดงทั้งหมด วันนี้บ้านชุยและบ้านเซียวเลี้ยงฉลองนอกจากงานแต่งของชุยซีหานแล้วยังเล
ชุยเหมยฮวาแทบจะกระโดดปรบมือให้กับน้องสามีคนนี้เหลือเกิน เธอรู้มาตลอดว่าเนื้อแท้ของสองพี่น้องบ้านรองไม่ใช่คนเลว อาจจะหลงผิดไปบ้าง แต่ในเมื่อคิดปรับปรุงตัวเธอก็พร้อมจะให้อภัย ส่วนเรื่องของเซียวเจี้ยนซูจะโทษเขาฝ่ายเดียวคงไม่ถูก เพราะชุยเหมยฮวาคนเก่าเป็นฝ่ายตามตื๊อเขาเอง“ฉันรักพี่หย่งเสียนมาก่อน ในอดีตนังเหมยฮวาไม่ได้รักพี่หย่งเสียน มันรักพี่เจี้ยนซู มันไม่เหมาะที่จะเป็นเมียพี่” เจียวมิ่งยังคงดึงดัน แม้จะรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดก็ตาม“เหมาะหรือไม่ ผมเป็นคนตัดสินใจไม่เกี่ยวกับคุณ ครั้งนี้ผมจะยอมจบเรื่องแต่โดยดี ถ้ามีครั้งต่อไป คุณได้เป็นภรรยาของชายคนใดคนหนึ่งแน่ ในเมื่อรู้จักผมดีไม่ใช่เหรอ ย่อมรู้ว่าผมพูดจริงทำจริง”พูดจบเขาจูงมือภรรยาและชวนทุกคนออกจากห้องเพื่อไปกินอาหารที่ร้านเป็นการตอบแทน“พี่หย่งเสียนมีงานให้เราสองคนทำบ้างไหม”เซียวเจี้ยนซูเอ่ยถามโดยมีเซียวหมิงหย่วนพยักหน้าตาม ตอนนี้ทั้งสองพี่น้องอยากทำงานเก็บเงินมาก เพราะเงินในบ้านที่เคยมีพ่อเอาไปเล่นการพนันแทบจะไม่เหลือแล้ว“ได้สิ พี่เจี้ยนซูฝึกงานกับพี่ฉงซานไปก่อนนะ ฉันกับพี่หย่งเสียนตั้งใจจะเปิดร้านอาหารอีกแห่ง ตอนนี้ซื้อที่
“ฉันจะเปิดเข้าไปดูถ้าเป็นพี่หย่งเสียนจริง ฉันยินดีที่จะหย่าให้ถ้าเขาอยากอยู่กับอดีตคนรัก เมื่อฉันมาทีหลัง ฉันพร้อมจะหลีกทาง” พูดจบก็เปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นหากไม่รู้แผนการมาก่อนคงใจสลายไม่น้อย เพราะรูปร่างของชายหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าไม่ต่างจากสามีของเธอ“พี่หย่งเสียน! พี่ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง พี่ตื่นมาคุยกันให้รู้เรื่องนะ” ชุยเหมยฮวาเล่นเต็มที่ ทำเอาเซียวหมิงหย่วนอยากจะปรบมือให้พี่สะใภ้เสียเหลือเกินเจียวมิ่งแอบอมยิ้ม ก่อนจะแกล้งบิดขี้เกียจและทำเสียงงัวเงีย “ใครมารบกวนเราค่ะพี่หย่งเสียน” พอเห็นว่าเข้าตามแผนก็รีบปรับสีหน้าเป็นตกใจ และปลุกชายหนุ่มที่นอนข้างกัน“พี่หย่งเสียน ตื่นเถอะ ภรรยาพี่มา”“เกิดอะไรขึ้น ทำไมภรรยาผมมา ในเมื่อผมไม่มีภรรยาเสียหน่อย” ในเมื่อทุกอย่างลุล่วงเขาจึงแกล้งลืมตาและส่งเสียง ก่อนจะหันมาเจอหน้ากับทุกคน จึงทำให้เจียวมิ่งร้องลั่นห้อง“กรี๊ด! แกไม่ใช่พี่หย่งเสียน แกมาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง”“เอ้า... ผมนอนของผมอยู่ดี ๆ คุณนั่นแหละเป็นใคร มานอนแก้ผ้าทำไมในห้องผม หรือว่าคุณต้องการทำมิดีมิร้าย ต่อให้ผมหน้าตาแบบนี้แต่ผมก็เลือกนะ” ชายหนุ่มพูดตามความคิด ถ้าเขาเป็นพี่หย่งเสี