〝 ประลอง... กับผมงั้นเหรอ? 〞 ฟรอนตกใจอย่างมากเมื่อกรท้าประลองเขาท่ามกลางสถานการณ์ที่เป็นรอง จนถึงกับทำให้ลืมความโกรธไปได้ขณะนึงและเก็บดาบเข้าฝักไปได้เลยทีเดียว แต่แน่นอนว่ากรไม่ปล่อยให้คู่สนทนามีโอกาสใจเย็นได้นานนัก เขาจึงเริ่มพูดต่อ...〝 ใช่แล้ว! ได้ยินไม่ผิดหรอก... ฉันได้ยินว่าการประลองในประเทศนี้ คนที่แพ้ต้องทำตามเงื่อนไขเดิมพันของผู้ชนะ 〞 กรยื่นมือออกมาข้างนึงราวกับเชื้อเชิญฟรอนในขณะถาม〝 แล้วไงครับ? 〞 ฟรอนตอบกลับแบบไม่สบอารมณ์ ทำให้กรแสยะยิ้มออกมาอีกครั้งและเริ่มวางเงื่อนไขในทันทีโดยไม่รีรอท่าทีของฟรอนซักนิด〝 ทางนี้ต้องการให้นายยกเลิกโทษของพวกเรา... แล้วที่สำคัญ ทางนี้ต้องการให้นายขอโทษที่เสียมารยาทกับพวกเธอด้วย! 〞〝 วะ ว่าไงนะ! 〞 ไม่แม้แต่ฟรอนเท่านั้น แม้กระทั่งอัศวินที่คุมตัวชาลอตและซาช่า รวมถึงตัวพวกเธอเองต่างก็ตกตะลึงกับเงื่อนไขนั้นทั้งสิ้น ซึ่งชาลอตนั้นอยากจะเปิดปากห้ามกรเต็มที่ แต่ก็ไม่สามารถขัดจังหวะบทสนทนาได้เลยซักนิดเพราะกลัวเรื่องจะแย่ลงกว่าเดิม〝 คุณนี่มันเหลิงสิ้นดี! คิดว่าชนะลีโอนาโดได้แล้วจะเอาชนะผมได้งั้นเหรอ! 〞〝 ไม่ลองก็ไม่รู้หรอกน่า 〞 กรยังคงยิ้มเยาะแ
หลังจากกรและผองเพื่อนเดินเข้ามาในห้องประชุมและมีการทักทายเล็กน้อยกับเจ้าชาย โรนี่ก็นำทางไปนั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่ให้ โดยมีสายตาหลากหลายคู่ส่งมายังพวกกรทุกอณูของการเคลื่อนไหว ที่นั่งมีลักษณะเป็นครึ่งวงกลม โดยมีเจ้าชายนั่งอยู่จุดกึ่งกลางของวงกลมและมีสมาชิกจำนวน 24 คนล้อมรอบ ส่วนเก้าอี้ที่พวกกรนั่งนั้นเป็นแถวหลังสุดเยื้องไปขวาของเจ้าชายเล็กน้อย...〝 ถึงจะทราบกันอยู่แล้วว่าท่านผู้นี้เป็นใคร แต่ขอให้ท่านแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการอีกครั้งได้รึเปล่า? 〞 เจ้าชายวางกริยาอย่างเหมาะสมและนอบน้อมโดยไม่ถือตัว กำลังขอให้กรแนะนำตัวเองกับสมาชิกทุกคนในห้องประชุม กรยืนขึ้นด้วยท่าทีทะมัดทะแมงอกผายไหล่ผึ่ง และเริ่มแนะนำตัวในทันที〝 ชื่อของผมคือ อุษณกรครับ... ต่อจากนี้ขอรบกวนด้วย 〞กรแนะนำตัวสั้นๆก่อนจะโค้งศีรษะลงเล็กน้อยพอเป็นพิธี แล้วก็นั่งลงเช่นเดิม〝 อย่างที่ทราบว่าเขาคนนี้ถูกแนะนำให้มาร่วมสืบคดีโดยท่านโรนี่... แม้จะยังหนุ่มแต่ก็เป็นผู้ที่มีความสามารถ ดังที่ทุกท่านได้เห็นในการประลองเมื่อครู่... 〞 เจ้าชายกล่าวเสริมเล็กน้อย แต่พอพูดถึงการประลองที่ผ่านมาเมื่อครู่แล้ว ส
〝 เอ๋? ผมหน่ะเหรอ? 〞กรหันขวับกลับไปถามย้ำ เผื่อที่ว่าเขาจะฟังผิดหรือเข้าใจอะไรผิด ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่〝 อื้ม! ใช่แล้วหล่ะ... 〞เจ้าชายออริออนพยักหน้าเป็นการยืนยันด้วยสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ส่วนทางกรเองก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อยในความหมายที่ต่างออกไป เพราะไม่รู้จะถูกเรียกใช้งานหรือรับมอบภารกิจอื่นใดอีก... แถมมีอาและเมอร์ลิน ไม่สิ... ชาลอตและซาช่าต่างก็ทำสีหน้าเป็นกังวลออกมาแล้วด้วยอะไรกันหล่ะเนี่ย.... ต้องใช้ให้ทำเรื่องยุ่งยากอีกแหงแซะ...ตามสไตล์ไลท์โนเวลเลยอ่ะดิ! ก็อย่างเช่นพระเอกเมพกว่าชาวบ้าน ก็เลยให้ทำงานหินกว่าชาวบ้านไง ฉันอ่านเกมออกน่า ไม่ได้แอ้มหรอกเอ่อ... แต่จะให้ปฏิเสธก็กะไรอยู่... ไม่สิ เราเองยังไม่รู้จะปฏิเสธยังไงเลยด้วยแถมอีกฝ่ายยังเป็นเจ้าชาย หาทางปฏิเสธไม่เจอเลยด้วย... แต่ถึงระดับเรางานหินจะไม่หวั่นก็เถอะ แต่ก็ไม่รู้จะเสี่ยงโดยที่ไม่ได้รับประโยชน์อะไรไปทำไมหล่ะเนอะ...แถมที่สำคัญ... ทุกคนเริ่มเป็นห่วงเราแล้วด้วย〝 เข้าใจแล้วครับ... ขอโทษด้วยนะทุกคน ช่วยรอข้างนอกแปปนึงนะ... 〞กรพยักหน้าและตอบกลับสั้นๆ แต่กลับหันไปตอบพวกมีอาด้วยท่าทีที่ให้ความสำคัญยิ่งกว่าอย่างชั
หลังจากการนอนหลับพักผ่อนของพวกกร ในตอนเช้ามืดของวันรุ่งขึ้นพวกกรต้องเริ่มออกเดินทางในทันที เนื่องจากการที่จะไปยังเมืองนั้นมีรถม้าเพียงเที่ยวเดียวเท่านั้น... อนึ่ง แม้ที่จริงกรจะสามารถสร้างยานพาหนะได้เอง แต่ที่กรต้องมานั่งรถม้าแบบนี้ นั่นเป็นเพราะเจ้าชายออริออนได้ทำการเหมารถม้าที่ว่าไว้แล้วเพื่อพวกกร แถมยังตกแต่งซะหรูหรา ครั้นจะปฏิเสธก็คงเป็นการเสียมารยาทเกินไป กรจึงต้องทำตามอย่างช่วยไม่ได้เพราะแบบนั้นแหล่ะนะ บนรถถึงได้มีแค่ 7 คน....หืม? ยังดูเยอะเกินไปอยู่งั้นเหรอ? หรือคิดว่าฉันนับผิดกันหล่ะ?งั้นมาไล่นับกันใหม่.... หนึ่งตัวฉัน สองมีอา สามเมอร์ลิน สี่ชาลอต ห้าซาช่า หกคุณลุงคนคุมบังเหียน...อา... หกคน... นี่แหล่ะคือจำนวนที่ควรจะเป็นถ้างั้นอีกคนนึงคือใครหน่ะเหรอ?ก็คือผู้หญิงที่กำลังจ้องจี่มาทางฉันอยู่นี่แหล่ะ... กรคิดแบบนั้นพลางถอนหายใจให้กับสายตาของผู้หญิงที่จ้องตาเขม็งมาที่กร ซึ่งกำลังนั่งพับเพียบอยู่ในรถม้าที่กำลังวิ่งจี่—————— ที่กำลังจ้องกรอยู่ด้วยสายตาโหยหาบางสิ่งราวกับไม่ได้พบกันมานานก็คือ หญิงสาวเผ่าสุนัขที่มีผมและหางสีขาวโทนสีน้ำเงิน
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านไปได้เกือบ 4 ชั่วโมง ตอนนี้พวกกรได้เริ่มกิจกรรมสานสัมพันธ์ครั้งใหม่ รวมถึงแนะนำซาช่ากับเรเชลให้รู้จักกันและกันแล้วด้วย... ถึงส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะเห็นว่าบรรยากาศมันอึมครึมเกินไปก็เถอะ กรจึงจัดการใช้สกิล『หัตถ์สรรค์สร้าง(ต้นฉบับ)』สร้างไพ่ขึ้นมาสำรับนึง เพื่อที่จะเล่น『อีแก่กินน้ำ』ด้วยกันทั้ง 6 คน เพื่อให้บรรยากาศครึกครื้นกลับคืนมาอีกครั้ง〝 ฮืม............ 〞〝 เอ้า! เรเชล ตาเธอแล้วนะ เลือกไพ่สิ! 〞 กรเร่งเร้าเรเชลให้เลือกไพ่ 1 ใน 2 ใบจากในมือของเขาไป เรเชลที่ตอนนี้ในมือมีไพ่ 3 ใบกำลังใช้ความคิดอย่างมากกับการบลัฟของกร... นั่นเพราะ 1 ในไพ่ของกรมี『อีแก่』อยู่นั่นเอง...〝 เอ้าๆ! ไหงเลือกช้างั้นเล่า 〞〝 คะ คุณกรนี่หล่ะก็! โถ่ ก็ได้ค่ะ งั้นเอาใบนี้!!! 〞ฟุบ! เรเชลเลือกใบซ้ายมือของกรเพราะถูกกรเร่ง แล้วก็ต้องหางตกในทันทีเพราะที่เธอได้ไปจากกรก็คือ『อีแก่』นั่นเอง แล้วก็เป็นเพราะเธอหางตกนั่นแหล่ะ ทุกคนถึงได้รู้กันหมดว่าในมือของเรเชลมีอีแก่อยู่...〝 เอาหล่ะ! ขอให้ได้คู่ทีเถอะนะ! 〞〝 อึก! 〞ต่อจากนั้นกรก็หยิบไพ่ของซาช่า
กริ๊ง!〝 ยินดีต้อนรับ! 〞 เมื่อเรเชลเปิดประตูร้านเข้ามาจนเสียงกระดิ่งลมดัง เจ้าของร้านก็ส่งเสียงทักทายด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรในทันที การเดินทางมายังร้านนี้ค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากอยู่ในตรอกลึก นั่นจึงทำให้ที่นี่ไม่ค่อยมีลูกค้าหน้าใหม่... กลับกันแล้วจึงทำให้มีแต่ลูกค้าประจำ แต่กระนั้นก็ไว้ใจได้พอสมควรเนื่องจากส่วนใหญ่ลูกค้าประจำที่ว่ามักสนิทกับเจ้าของร้านอยู่ก่อนแล้วจึงจะหาร้านเจอ ที่นี่จึงเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์กรายๆในเมืองที่แสนน่ากลัวแห่งนี้ก็ว่าได้...หืม... หน้าร้านเนี่ยสภาพไม่ต่างจากในเมืองเลยแท้ๆนะ แต่ภายในกลับดูดีแล้วก็ยังสะอาดกว่าที่คิดซะอีก...ถึงจำนวนโต๊ะจะน้อยไปหน่อยก็เถอะ แต่ก็คงเพราะไม่จำเป็นต้องรองรับลูกค้าจำนวนมากสินะ...ในสุดมีลักษณะเคาน์เตอร์บาร์นั่งดื่มและเป็นที่กินอาหารในตัว...ก็ถือว่าใช้ได้นะเนี่ย ถ้าเทียบกับสภาพเมืองที่โคตรจะทรุดโทรมข้างนอกนั่นหน่ะ...〝 สวัสดีค่ะเถ้าแก่ ไม่เจอกันนานนะคะ! 〞เรเชลเดินนำเข้ามาในร้านและทักทายเถ้าแก่ร้านด้วยความสนิทสนม〝 โอ้ว! เสียงนั่นมัน เรเชลงั้นเหรอจ๊ะ! 〞หญิงสาววัยทองซึ่งมีหูสุนัขสีดำ ทักทายเรเชลกลับมาด้วยความน้ำเสีย
สังหารมิตร... หมายถึง... ให้ฆ่าเพื่อนพ้องอย่างงั้นเหรอ?จะบ้ารึไงว่ะ ไอ้ระบบเวรนี่!แถมยังมีอยู่แค่ข้อเดียวอีก...จะบอกว่าถ้าไม่ฆ่าเพื่อนหล่ะก็ จะไม่แข็งแกร่งไปกว่านี้แล้วงั้นเหรอ? นี่มันบังคับกันชัดๆ!ไอ้เงื่อนไขบ้าบอนี่มันอะไรกันว่ะ! หลังจากถูกความมืดครองสติไปชั่วขณะทั้งที่ยังไม่ได้ชันตัวขึ้นจากท่านั่งชันเข่าซักนิด เงื่อนไขเลเวลอัพแสนโหดร้ายก็เข้าทำร้ายจิตใจของกรอีกครั้งโดยไม่ให้หยุดพักหายใจ ในหัวของกรตอนนี้จึงมีแต่ความสับสน...〝 กะ กร วันนี้พักก่อนไหม? 〞ในขณะที่กำลังสับสนและใช้ความคิดจนสมองแทบแตก มีอาก็ส่งเสียงเรียกจากด้านข้างของเขาด้วยความเป็นห่วง〝 อะ อา... ยังไหวอยู่ ไม่เป็นไรหรอก... 〞กรพูดแบบนั้นแล้วก็ตบหน้าตัวเองเพื่อลืมเรื่องเงื่อนไขนั่นไปก่อน แล้วก็ชันตัวเองขึ้นก่อนมีอากับเมอร์ลินที่นั่งอยู่ข้างๆเสียอีก ทุกคนยังคงมองกรด้วยสายตาเป็นห่วง... แต่เวลาไม่เคยคอยใคร ทั้งที่ยังปรับตัวไม่ได้ กรก็ถูกบุคคลที่สามทักอีกครา〝 นี่เธอ เป็นอะไรรึเปล่า? หรือว่า บาดเจ็บงั้นเหรอ? 〞คุณลุงที่เป็นผู้เคราะห์ร้ายวิ่งเข้ามาดูอาการของกรหลังจากที่พวกกรจับโจรได้〝 ไม่เกี่ยวกับพวกโจรหรอก
หลังจากศึกครั้งแรกในดันเจี้ยนแห่งนี้จบลง พวกกรได้นั่งจับกลุ่มคุยกันโดยมีมีอา เมอร์ลินและชาลอตคอยสอดส่องบริเวณรอบๆ เพื่อให้กร ซาช่าและเรเชลปรึกษาเรื่องความสามารถของพวกเธอเอาหล่ะนะ... ในการต่อสู้เมื่อกี้ทำให้เห็นจุดที่ต้องแก้ไขมาแล้ว...ซาช่ายังมีสเตตัสไม่เพียงพอกับการเป็นแนวหน้าส่วนเรเชลยังร่ายเวทย์ต่อครั้งได้น้อยเกินไป... ดาเมจเองก็น้อยเนื่องด้วยสเตตัสของเธอที่พูดมาเมื่อกี้ในความเป็นจริงแล้วเป็นปัญหาในระยะยาวที่ไม่สามารถแก้ได้ในทันที...นั่นคือในกรณีที่พวกเธอเป็นคนธรรมดาหน่ะนะ...ตอนแรกคิดว่าจะเก็บไว้ใช้เพราะกลัวเจ้าหญิงแวมไพร์นั่นรู้เข้าหน่ะนะ...แต่ถ้าเป็นแบบนี้ซาช่ากับเรเชลจะเสี่ยงโดยใช่เหตุ... เพราะงั้นจะรออีกไม่ได้แล้ว... กรคิดแบบนั้นแล้วก็หัวเราะในลำคออย่างชั่วร้าย ต่อหน้าซาช่ากับเรเชลที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้ว พวกเธอทำได้แค่เอียงคอสงสัยเท่านั้น แต่สาวๆคนอื่นกลับยิ้มแหยๆออกมาแทนเพราะเข้าใจความคิดของกรในระดับนึง〝 งั้นก่อนอื่น... เรเชล ลองเปิดหน้าต่างสตัสของตัวเองดูสิ สู้ไปเมื่อกี้เลเวลคงอัพแล้วใช่ไหม? 〞〝 คะ ค่ะ! 〞เรเชลทำตามที่กรบอกในทันที แม้จะยังไม่เข้าใจก็
หลังจากที่รินกับอลิซลุกหายไป กรก็ช็อคอยู่ราวๆนาทีครึ่ง〝 เมอร์ลิน ขอทางหน่อย 〞พริบตาที่เรียกสติกลับมาได้กรก็ลุกขึ้นยืนขอทางเมอร์ลินในทันที แต่ทางเมอร์ลินกลับยืดขาซ้ายมาขวางไว้ก่อน〝 พวกเธอกำลังช็อคอยู่นะ ไม่ต่างจากนายเลย... ไปแล้วคิดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นรึไง? 〞 เมอร์ลินพูดแบบนั้นพร้อมกับจ้องตากรด้วยสายตาจริงจัง นั่นทำให้กรไหล่กระตุกเลยทีเดียวรู้อยู่แล้ว... เรื่องนั้นอยู่แล้วน่า!แต่นั่น... ยิ่งปล่อยให้นานไปมันจะยิ่งแย่ไม่ใช่รึไง?ต้องรีบปรับความเข้าใจกันให้เร็วที่สุดนอกจากทางนี้ ฉันก็คิดวิธีแก้อื่นไม่ออกแล้วนะ!〝 ไม่หรอก... ฉันเห็นด้วยกับกรนะ 〞มีอาพูดแบบนั้นขึ้นมา ก่อนที่จะจับข้อมือขวาของกรไว้แน่น〝 ก็จริงที่มันไม่ง่าย... แต่ฉันว่าวิธีที่ดีที่สุดคือกรต้องจริงใจกับพวกเธอ บอกความรู้สึกของตัวเองออกไป แค่นั้นก็พอแล้วหล่ะ! 〞 มีอาว่าแบบนั้นกรก็เบิกตาโพลงขึ้นเล็กน้อย ราวกับมีเทพธิดาชี้ทาง อีกทางนึง... เมอร์ลินเองที่เห็นด้วย เพียงแต่อยากให้กรใจเย็นลงกว่านี้ก็จ้องตากรตรงๆอีกครั้ง〝 บางทีคงทะเลาะกันแน่ แต่มันก็ยังดีกว่าคุยกันไม่รู้เรื่องหรือไม่ได้คุย...
หลังจากที่กรจัดการแม่ทัพของอีกฝ่ายได้ นั่นเป็นตอนที่สงครามระหว่างอาณาจักรอาลันและกองทัพราชาปีศาจจบลง แมมม่อนที่เป็นขุนพลคนนำทัพหลักเสียชีวิต ส่วนลูซิเฟอร์หนีไปได้ เหล่าผู้กล้าและปีศาจที่มีชีวิตรอดตกเป็นเฉลยสงครามด้วยเวทย์พันธะ ทำให้เป็นทาสดังที่กรคาดไว้ โดยให้เหล่าผู้กล้าที่มีเวทย์และพลังโกงใกล้เคียงกันเป็นคนจัดการ(เพราะถูกกล่าวอ้างไว้ว่าถ้าไม่ยอม กรจะเป็นคนจัดการ) ส่วนทางฝั่งอาณาจักรอาลันที่เป็นฝ่ายตั้งรับนั้นสูญเสียทั้งกำลังพลและประชาชนไปเป็นจำนวนกว่าครึ่ง บ้านเมืองและหมู่บ้านแถบชายแดนมาจนถึงเมืองหลวงทั้งหมดยกเว้นทิศตะวันออก เพราะฉะนั้น จะเรียกว่าเป็นชัยชนะของฝ่ายอาณาจักรอาลันก็คงพูดได้ไม่เต็มปากนัก แถมที่รอดมาได้ยังเป็นเพราะได้รับความช่วยเหลือจากคนนอกอย่างพวกกรอีกด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่หลังจากสงครามจบลงเพียงชั่วโมงเดียว ราชาเซารัสแห่งอาณาจักรบาซิเลียสก็เรียกพบกรในทันที...❖❖❖❖❖〝 ก่อนอื่นข้าขอต้อนรับกลับท่านอุษณกร วัชรวิรุฬห์... และขอกล่าวขอบคุณในนามของราชาแห่งอาณาจักรอาลันแทนทุกคนในที่นี้ ข้าขอขอบคุณท่านจากใจจริง 〞ราชาเซารัสว่าแบบนั้นแล้วก็ก
———— ก่อนหน้านี้ 10 นาที ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้เล็กน้อย ในเวลาที่กรเพิ่งพักฟื้นหลังจากการต่อสู้กับจิ๋นหลี่ และได้รับการแจ้งข่าวจากภูติน้อย ที่เป็นข้ารับใช้คอยเฝ้าระวัง〝 รินกับอลิซ ถูกโจมตี? 〞 กรได้ยินแบบนั้นแล้วก็ถึงกับตาค้างช็อคไปเลยทีเดียว ใจหายจนหล่นไปถึงตาตุ่มก็ไม่ปาน ใช้เวลาไปถึง 1 วินาทีซึ่งถือว่านานมากสำหรับกรในการเรียกสติตัวเองกลับคืน ก่อนที่จะลุกพรวดขึ้นพุ่งไปยังประตู แต่ว่า...〝 หยุดก่อนค่ะคุณกร!!! 〞〝 สภาพแบบนั้นไม่ไหวหรอกน้องกร! 〞เรเชลกับลิลิธพูดขึ้น ก่อนที่จะพุ่งตัวไปตะครุบกรไว้กับพื้น ทำให้ซิลเวีย ยูมิน่าและฟลอร่าทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว〝 ปล่อยนะ! ฉันต้องไปเดี๋ยวนี้ ไม่มีเวลาแล้ว! 〞〝 ดูสภาพตัวเองก่อนเถอะค่ะ! 〞〝 นายท่านล้าจะแย่อยู่แล้ว! 〞 ตามด้วยชาลอตกับซาช่าที่เข้ามากดแขนของกรไว้คนละข้างโดยไม่สนคำทัดทานของกร ตามด้วยคาเรนที่กระโดดเข้ามาทับร่างไว้พร้อมๆกับริต้า แน่นอนว่าถ้ากรเอาจริงก็คงสลัดหลุดได้สบายๆ แต่ทำแบบนั้นในสถานการณ์แบบนี้คงมีแต่จะแย่ลงซะเปล่าๆ เพราะมันไม่ต่างจากการมองข้ามความหวังดีของเหล่าแฟนสาวเลยซักนิด สำหรับกร
———— เช้าวันต่อมา ณ อาณาจักรอาลัน , เมืองหลวง ภายในวังหลวง... ณ ห้องบัญชาการรบขนาดใหญ่ มากพอจะบรรจุคนได้มากกว่า 100 คน ทั้งห้องถูกประดับด้วยเชิงเทียน เฟอร์นิเจอร์หรูหรา ภาพวาดต่างๆ แต่นั่นคงไม่สำคัญเท่ากับบรรยากาศตึงเครียดที่ถูกแผ่ออกมาจากคนที่อยู่ในห้อง อนึ่ง ในห้องมีโต๊ะไม้ขนาดยาวตั้งเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยมีพื้นที่เป็นด้านกว้างสำหรับเก้าอี้ 5 ตัว และด้านยาวสำหรับเก้าอี้ 10 ตัวอยู่ โดยที่ในสุดมีคนนั่งอยู่สองคนบนเก้าอี้ที่ดูหรูหรากว่าคนอื่น ตรงกลาง คือ ราชาแห่งอาณาจักรอาลัน คนเดียวกับที่นั่งบนบัลลังก์ครั้งเมื่อต้อนรับการมาจากต่างโลกครั้งแรกของพวกกร... ราชาเซารัส และอีกคนนึงก็คือเจ้าหญิงคริสติน คนเดียวกับที่ชอบเข้าไปอ่านหนังสือกับชาญในห้องสมุดนั่นเอง ด้านข้างสองฝั่งเต็มไปด้วยทหารระดับผู้บัญชาการ 2 ใน 3 จากทั้งหมดและข้าราชการระดับสูง โดยที่ใกล้มือขวาของราชาเซารัสที่สุด แน่นอนว่าคือหัวหน้าอัศวินอย่างฮันซี่ สายตาทุกคนจับจ้องไปยังคนสองคนที่ยืนอย่างหงอยๆอยู่ตรงหน้าประตู หรือก็คือตรงข้ามกับราชาเซารัส... ชาญและฟ้าในชุดพร้อมรบ〝 ว่าไงนะ!!! ไอ้หมอนั่
———— 1 วันก่อน ณ อาณาจักรอาลัน , ชายแดนประเทศตะวันออก ณ หมู่บ้านชายแดนตะวันออก อันประกอบไปด้วยทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตา ไร่นาอันเต็มไปด้วยพืชผล ท้องทุ่งที่เต็มไปด้วยปศุสัตว์ และบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยผู้คน... ทว่าตอนนี้ภาพความสงบสุขเหล่านั้นกำลังถูกแทนที่ด้วยไร่สวนที่พังทลาย ซากศพของสัตว์ป่าที่คล้ายวัวเลี้ยง บ้านเรือนที่ถูกเผาไหม้ดำเป็นตอตะโก ผู้คนที่หนีไม่ทันเองก็กลายเป็นร่างไร้วิญญาณข้างถนน โดยมีต้นเหตุคือ เหล่ามอนสเตอร์หลากประเภท สวมชุดเกราะหนักและเบา พวกมันยิ้มเยาะเย้ยให้กับสภาพของหมู่บ้านที่พวกมันเป็นคนก่อ ในขณะนั้น กลุ่มหลักของพวกมันอันประกอบไปด้วยออร์คสวมชุดเกราะหนักและสมุนก็อบลินสวมชุดเกราะเบาอีก 5 ตัว ได้เข้ารุมล้อมมนุษย์สองคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ นั่นคือแม่ลูกที่กำลังนั่งสั่นกับพื้น ชิดติดกำแพงปิดตายโดยที่ถูกมอนสเตอร์ทั้ง 6 ตัวที่ว่าปิดทางออกเพียงหนึ่งเดียวไว้ หญิงสาวผู้เป็นแม่กอดร่างของลูกสาวแน่นด้วยความกลัวทั้งน้ำตา เพราะรู้แก่ใจดีว่ายังไงก็คงไม่รอด ออร์คที่เห็นดังนั้นแสยะยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างน่ารังเกียจ ก่อนที่จะเงื้อข
————สองวันต่อมา ณ เมืองหลวงฟอเรสเตอร์ , ห้องรับรองในปราสาท ภายในห้องรับรองสำหรับแขกชั้นสูงของปราสาท ซึ่งมีลักษณะไม่แตกต่างจากที่เคยเห็นเท่าไหร่นัก เตียงสีขาวขนาดใหญ่แบบมีหลังคา มีพื้นที่พอจะนอนได้ประมาณ 3 คน มีเฟอร์นิเจอร์จำพวกโซฟาหนังสัตว์และเครื่องเรือนมีราคาอยู่มากมาย แต่นั่นคงไม่สำคัญเท่าคนที่อยู่ภายในห้องนี้ มีอา เมอร์ลิน ชาลอต ซาช่า ริต้า เรเชล ลิลิธ คาเรน รวมถึงซิลเวีย... เหล่าสาวๆต่างก็อยู่ภายในห้องนี้ด้วยสภาพเหนื่อยอ่อน พวกเธอทำสีหน้าเฝ้ารออะไรบางอย่างในขณะที่แยกย้ายกันนั่งตามจุดต่างๆของห้อง โดยเฉพาะมีอากับเมอร์ลินที่นั่งเก้าอี้อยู่ชิดกับเตียงสีขาวที่ว่าไปข้างต้นเพื่อเฝ้าดูคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนนั้น... กรนั่นเองหลังจากเหตุการณ์ที่แสนวุ่นวายนั่นก็ผ่านมาได้สองวันแล้ว...กรยังคงหลับสนิท แต่ไม่ได้มีบาดแผลภายนอกใดๆแต่ปัญหาก็คือภายในนี่แหล่ะ...เมื่อตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น จนถึงตอนนี้ก็คิดอะไรไม่ออกเลยซักนิดทั้งไอ้ออร่าสีดำสนิทที่มีความคิดเป็นของตัวเองนั่นทั้งดาบผ่าดารานั่นด้วย...แถมยัง... กรในร่างที่มีออร่าอุดมคติสีรุ้งนั่นก็อีกฉันสับสน
ว่ากันว่าเมื่อต้อนสัตว์ป่าจนกระทั่งมันจนมุมมันจะมีท่าทีดุร้ายขึ้นจากสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดในหมู่ผู้คนเอง... หากกระทำการใดอันเป็นการลดศักดิ์ศรีของคนๆนั้นลงเรื่อยๆผลลัพธ์สุดท้ายก็จะทำให้คนๆนั้นกลายเป็นบุคคลที่เลือดเย็น เยือกเย็นหรือตายด้านไปเสีย...เช่นนั้นในสถานการณ์นี้ก็คงเป็นไปตามการคาดการณ์ที่สองทว่าที่อยู่ตรงหน้านี้จะเรียกว่าเป็นอุษณกร วัชรวิรุฬห์ก็ใช่... แต่ก็ไม่ใช่ในขณะเดียวกัน...『ลุกซ์』... สิ่งที่ท่านสร้างได้อยู่ตรงหน้าข้าแล้ว...ทว่า... เด็กคนนี้... ในตอนนี้———〝 เป็นอะไรไป? ไม่ได้ยินที่ข้าพูดเรอะเจ้าไพร่? 〞 ในขณะที่จิ๋นหลี่กำลังใช้ความคิดบางอย่าง กร?ที่กำลังลอยอยู่เหนือทุกคนก็พูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกแต่ไม่เหมือนกับเจ้าตัวคนก่อนเลยซักนิด จิ๋นหลี่ก็ยังคงหลับตานิ่ง และกลับมาสงบเยือกเย็นอีกครั้งในเวลาไม่นาน ก่อนที่จะสบัดกระบี่อย่างแรงจนพื้นที่กระทบกับพื้นกระจุยเป็นชิ้นๆ〝 ราชาที่ข้าจักก้มหัวให้... มีเพียงผู้เดียวเท่านั้น 〞จิ๋นหลี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนอย่างเคย นั่นทำให้กรที่กำลังแผ่มือวางมือลงข้างลำตัวโดยไม่ได้เปลี่ยนสีหน้า〝 แม้ข
〝 เป็นอะไรไป? เหตุใดจึงยืนนิ่งเป็นหินเช่นนั้นเล่าพ่อหนุ่ม? 〞 จิ๋นหลี่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าของกรซึ่งตอนนี้ยังคงเหงื่อตกด้วยความกังวล ถามออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบยังจะมาถามอีกเหรอ? ก็เล่นแผ่จิตต่อสู้ออกมาซะขนาดนี้เองไม่ใช่เหรอ?สีหน้าไม่ได้เปลี่ยน แต่ฉันดูออกนะ... นี่นายจงใจใช่ไหมเนี่ย!?〝 อย่าแกล้งหมอนี่มากนักสิจิ๋นหลี่ 〞 ในระหว่างที่กรยังเฝ้าดูท่าทีของจิ๋นหลี่อยู่อย่างงั้น เมอร์ลินก็พูดออกมาอย่างหน่ายๆ พร้อมกับเดินนำออกมาอยู่ระหว่างเขากับจิ๋นหลี่ นั่นทำให้ลูกศิษย์ชายหญิงทั้งสองคนที่อยู่ข้างหลังทำท่าเหมือนกับจะเตรียมพร้อมต่อสู้ แต่จิ๋นหลี่ก็ยกมือขวาห้ามไว้ก่อน ทั้งคู่จึงกลับมายืนตรงเรียบร้อยเช่นเดิม〝 มิได้... นี่คือปกตินิสัยของข้าเจ้าก็รู้ 〞จิ๋นหลี่ว่าพลางหลับตาราวกับบอกว่ามันช่วยไม่ได้ และนั่นก็ทำให้เมอร์ลินถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆอีกครั้ง และเพราะทั้งคู่ได้เปิดปากคุยกันอย่างสนิทสนม พวกมีอาจึงได้วางการ์ดลงโดยอัตโนมัติ และแม้ซิลเวียจะยังสงสัยอยู่แต่เจ้าตัวก็ยังเฝ้าดูสถานการณ์อยู่เงียบๆเช่นเดียวกับคนอื่นแต่จะว่าไป... มหานักปราชญ์ทุกคนมีดันเจี้ยนเป็นของตัวเอ
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายทั้งหลายสงบลง กรก็ต้องแบกยูมิน่ากลับมาที่บริเวณรถม้า ซึ่งมีเหล่าแฟนสาว ซิลเวียและฟลอร่าที่ถูกจับรออยู่ เพราะเหตุการณ์เมื่อครู่เลยทำให้ม้ายังขวัญเสีย เพราะเหตุนั้นเลยต้องพักกันประมาณ 1 ชั่วโมงไปก่อน ในระหว่างที่พักก็ต้องทนเสียงบ่น&เพ้อของฟลอร่าไปด้วย ต่อให้กรขู่แค่ไหนก็ไม่ยักกะเงียบ แต่พอถูกถูกมีอาเข้าโหมดอัลติเมท... ฟลอร่าก็ดูเหมือนจะเงียบลงในทันทีแล้วจากนั้นซักพักก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางอ่ะนะ...แน่นอนว่าจับยัยฟลอร่ามัดไว้กับตัวรถม้าด้านนอกให้ตากลมน้ำตาซึมอยู่อย่างงั้นแหล่ะแต่ถึงจะบอกว่าข้างนอกก็เถอะ แต่ก็อยู่แถวๆหน้าต่างด้านหลังตัวรถม้านั่นแหล่ะนะ เพื่อไม่ให้อยู่นอกสายตาของฉันด้วยนั่นแหล่ะเพราะงั้น เสียงน่ารำคาญของยัยนี่ที่เป็นปัญหามันเงียบลงไปบ้างแล้วก็จริงอยู่แต่พอออกเดินทางไปได้ซักพัก... ยัยตัวปัญหาคนที่สองก็ตื่นขึ้นมาจนได้ก็นะ... เป็นเพราะยัยนี่เป็นตัวอันตรายมากกว่าฟลอร่าที่น่ารำคาญ ก็เลยเอามามัดไว้ในรถม้าแทนถึงที่มันจะแคบไปหน่อย แต่ก็ปลอดภัยกว่า... ก็มีเรเชลกับริต้านั่งคุมซ้ายขวาของยัยยูมิน่านี่แหล่ะเลยปลอดภัยได้ในระดับนึงแ