ก่อนหน้านี้เล็กน้อย ณ แคมป์หลักของแนวหน้าเหล่าทหารแห่งราชอาณาจักรฟอเรสเตอร์ กองกำลังขนาดใหญ่ที่มีทหารเผ่ามนุษย์สัตว์หลากเชื้อสายร่วมพันคนถูกจัดทัพขึ้นอย่างเป็นระเบียบเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องไม่คาดฝันตามคำสั่งของราชินีอย่างฟีโอน่า เหล่าทหารทั้งหลายต่างก็ทำหน้าเคร่งเครียดกังวลจนเหงื่อไหลไคลย้อย เมื่อคิดว่าหากพวกกรทำพลาด ตัวเองก็จะต้องเจอกับบอสของมหาดันเจี้ยนสุดน่ากลัว แต่ทว่าความกังวลนั้นก็อันตรธานหายไปในทันทีเมื่อคำประกาศถึงชัยชนะของกรดังก้องไปทั่ว ซึ่งเหมือนกับเป็นการจงใจของทางดันเจี้ยนมาสเตอร์ เหล่าทหารพากันดีใจยกใหญ่ไม่แม้แต่ระดับผู้บัญชาการสูงสุดที่เคยสบประมาทกร〝 แหมๆ ถึงจะเป็นกังวล แต่สุดท้ายก็เอาชนะได้จริงๆซะด้วย สุดยอดไปเลยนะครับเนี่ยว่าไหมครับท่านราชินี————เอ๊ะ!!!? 〞 ทว่าพริบตาที่หันไปมารอบๆตัว เพราะคิดว่าฟีโอน่ากำลังอยู่ใกล้ๆเพื่อแสดงความยินดี ก็ได้รู้ในเวลาเดียวกันว่าเธอไม่ได้อยู่แถวนี้มาตั้งนานแล้ว...❖❖❖❖❖ และอีกด้านหนึ่ง... พวกกรที่พิชิตชั้นที่สองของมหาดันเจี้ยนซึ่งไม่เคยถูกโค่นมาตลอดระยะเวลา 500 ปี
———— ในขณะเดียวกัน , ทางฝั่งของเหล่าแฟนสาวของกร〝 นี่เธอ... เป็นใครกันเนี่ย? 〞〝 เอ๋!? 〞 เสียงแปลกใจของสาวน้อยที่อยู่ท่ามกลางครอบครัวเล็กๆดังขึ้นด้วยความที่คนรู้จักของเธอ กลับทำสีหน้าประหลาดใจเมื่อพบหน้าเธอในยามเช้า... สาวน้อย... มีอาเบิกตาโพลงพร้อมกับกรอกลูกตามองไปรอบๆอย่างกังวล ทั้งที่รอบๆตัวเป็นเหล่าครอบครัวแสนสำคัญอย่าง ริน อลิซ เมอร์ลิน ชาลอต ซาช่า ริต้า เรเชล ลิลิธ คาเรน รวมถึงลูกสาวสุดที่รักที่อยู่กลางวงล้อมอย่างแมรี่กำลังนอนเกลือกกลิ้งในห้วงภวังค์แท้ๆ แต่ชายหนุ่มตรงหน้าที่ซึ่งเป็นคู่ครองของเธอ... กรกลับทำเป็นเหมือนว่าไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อนเสียอย่างงั้น〝 กะ กร พูดอะไรหน่ะ? ฉันไง มีอาไง! 〞มีอาส่งเสียงอีกครั้งด้วยความกังวลและหวาดกลัวขึ้นมา นั่นทำให้คนอื่นนอกจากกรเริ่มตื่นจากภวังค์บ้าง〝 ...ฉันจำไม่เห็นได้เลยนะว่ารู้จักคนชื่อนี้มาก่อน 〞แต่ท่าทางที่ตอบกลับมาของกรช่างแสนเย็นชา สายตาของกรที่มองมายังมีอานั้นเย็นยะเยือก แถมยังส่งออร่าแห่งความเป็นศัตรูออกมา นั่นราวกับเป็นสายตาที่มีอาพบกับกรครั้งแรกยังไงอย่างงั้น ในขณะเดียวกัน... เหล่าแฟนสาวของกร
หลังจากที่ดันเจี้ยนมาสเตอร์พูดออกมาว่าพวกเราไม่ผ่านการทดสอบ นั่นทำเอาฉันตกตะลึงไม่น้อยก็แหง... กลายเป็นว่าสุดท้ายไม่มีใครผ่านซะงั้นอะไรกันวะเนี่ย... นี่เจ้าพวกดันเจี้ยนมาสเตอร์มันไร้เหตุผลกันแบบนี้ทุกคนเลยรึไงฟะ! กรคิดในขณะที่หลังยังพิงกำแพง กำมือแน่นด้วยความเจ็บใจ แต่สิ่งนั้นก็อยู่ไม่นานเท่าความหวาดกลัวและความหนาวเหน็บ ทันทีที่ใจกลับมาอยู่กับปัจจุบัน กรก็ตระหนักได้ถึงความจริงที่ว่า ตัวเขาในตอนนี้กลับกลายเป็นคนโดดเดี่ยวไปเสียแล้ว นั่นทำให้มือของกรเริ่มสั่นขึ้นมา... ด้วยความหวาดกลัวแทนโดยไม่รู้ตัวจะทำยังไงต่อ... ดีวะเนี่ย❖❖❖❖❖ ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คนบนท้องถนนในมิติและสถานที่ที่ต่างกัน มีอยู่บางสิ่งที่ไม่แตกต่างสำหรับพวกของกรทุกคน ท้องถนนที่เต็มไปด้วยคู่รัก ร้านอาหารที่ครอบครัวนั่งทานด้วยกัน แลกรอยยิ้มแสนอบอุ่นให้แก่กัน โรงเรียนที่เต็มไปด้วยกลุ่มเพื่อน ครอบครัวสุนัขจิ้งจอกป่าที่วิ่งเลียบตามพงหญ้า หรือนกน้อยสองตัวที่บินเคียงกันไปบนท้องฟ้าอย่างร่าเริง ไม่แม้แต่ปลาที่ว่ายรวมกันเป็นฝูงสำหรับคนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมใต้น้ำอย่างคอร์ดิเรียซึ่งต่างจา
เอาหล่ะในที่สุดก็ถึงช่วงตัดสินซักที กรคิดเช่นนั้นด้วยความตื่นเต้น เมื่อศัตรูที่อยู่ต่อผน้าคือลาสบอสของมหาดันเจี้ยน ทั้งกลุ่มของกรในตอนนี้ประกอบไปด้วย มีอาที่ใช้ดาบยาวเอสต๊อค『แบล็คเอสต็อคออฟเคออส』และดาบสั้น『ขรรค์ชัย』ซึ่งเป็นดาบคู่ประจำตัวของเธอ รินใช้คฑาใหม่ที่ถูกตีขึ้นโดยชาลอตของตัวเองอย่าง『โซลาร์เซอร์เคิล』ซึ่งมีลักษณะเป็นคฑายาว โดยปลายคฑานั้นมีลักษณะคล้ายลูกโลก ส่วนโครงที่ใช้ยึดแกนเป็นดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว และส่วนที่แทนลูกโลกซึ่งอยู่ระหว่างดวงจันทร์เสี้ยวนั้นแทนที่ด้วยลูกแก้วสีดำที่ภายในแสดงประกายสีเงินส่องแสงและภาพจำลองดาวต่างๆราวกับบรรจุระบบสุริยะไว้ในนั้น อลิซที่ถือดาบยาวสองคมนาม『จัดจ์เมนท์เดย์』ซึ่งถูกชาลอตตีขึ้นด้วยเช่นกัน ตัวดาบอาบสีทองอร่ามตั้งแต่ปลายดาบจนสุดที่กั้นดาบ ที่กั้นดาบประดับด้วยเหล็กแกะสลักรูปเทพธิดาอย่างงดงามและประณีต ส่วนตัวด้ามดาบเป็นสีขาวบริสุทธิ์ลวดลายคล้ายกับใช้เชือกมัดตัวด้ามดาบ เมอร์ลินใช้คฑาเวทย์คู่ใจ『ออริจิ้นดราก้อน』พร้อมกับเรียกใช้『อักขระมาร』 ชาลอตถือค้อนมือคู่ใจอย่าง『โยเนียร์』 ริต้าถืออา
ลึกเข้าไปภายในมหาดันเจี้ยนโบราณ『ตัวตนที่หายไป』 อันเป็นสถานที่พำนักของดันเจี้ยนมาสเตอร์ โดยหากเทียบกับห้องลาสบอสที่พวกกรพิชิตไปคือชั้นที่ 4 แล้วหล่ะก็ ที่แห่งนี้ก็นับเป็นดันเจี้ยนชั้นในสุดนับเป็นชั้นที่ 5 หรือก็คือพื้นที่ส่วนจุดศูนย์กลางของดันเจี้ยน(เพราะดันเจี้ยนมีลักษณะเป็นวงกลมซ้อนกันหลายชั้น) ผืนหญ้าสีเขียวและไม้ยืนต้นประปรายเป็นของประดับ ทั้งพุ่มไม้ดอกและรูปปั้นประดับสวน ศูนย์กลางของสิ่งเหล่านั้นคือคฤหาสน์ ไม่สิ... ปราสาทหินอ่อนขนาดใหญ่ออกแบบสไตล์ยุโรปราวกับใช้ราชวังบักกิงแฮมเป็นต้นแบบ ภายในปราสาทถูกบ่งออกเป็นหลายห้องราวกับจุคนได้เป็นร้อยคน ทว่าตั้งแต่ทางเข้า ทางเดิน ไปจนถึงภายในห้องส่วนใหญ่กลับไร้ซึ่งเสียงใดๆ เห็นได้ชัดว่าที่แห่งนี้ไม่มีไม่มีคนอยู่ หรือไม่เช่นนั้นคนที่อยู่ก็คงจะยังไม่อยู่ในสภาพที่จะส่งเสียงใดอันเป็นการบ่งบอกว่าได้สติ... ดังเช่นห้องหนึ่งในปราสาท ซึ่งภายในถูกสร้างด้วยไม้ตั้งแต่ผนัง เพดานไปจนถึงพื้นห้อง... ที่แห่งนี้มีเตียงจำนวน 20 เตียงวางเรียงเข้าหากันราวกับห้องผู้ป่วยขนาดใหญ่ และ 12 เตียงจากในนั้นก็กำลัง
————วันต่อมา หลังจากเหตุการณ์ที่น่าหวาดหวั่นเมื่อวานซืนเริ่มขึ้น อันเกิดมาจากการที่บอสได้เปลี่ยนท่าทีเข้ามาโจมตีอาณาจักรทั้ง 5 จากทั้งหมด 6 อาณาจักร ยกเว้นเมืองของเผ่าชายทะเลอย่างกะทันหัน ทำให้มีผู้หายสาบสูญจำนวนมากมายมหาศาล ทว่าเหตุการณ์ที่น่าสลดนั้นก็จบลงในช่วงเช้าของวันต่อมา หลังจากเสียงประกาศของมหาดันเจี้ยนตัวต้นเหตุได้ยืนยันถึงชัยชนะของปาร์ตี้อันแสนโด่งดังอย่าง Darknight Sirius ความถวิลหาของประชาชนทุกคนก็ได้รับการตอบสนอง เหล่าผู้คนที่หายไปเมื่อวานซืนได้กลับมายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาทุกคน ผลลัพธ์สุดท้ายของการต่อสู้และโศกนาฎกรรมเมื่อวานคือไร้ซึ่งผู้เสียชีวิตราวกับปาฏิหารย์ ชื่อเสียงของ Darknight Sirius ขจรขจายไปทั่วทุกสารทิศมากยิ่งกว่าหนที่แล้ว สาเหตุหลักก็คือนี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ปาร์ตี้นี้เคลียร์มหาดันเจี้ยนโบราณได้สำเร็จ (หากนับจริงๆแล้วก็คงเป็นครั้งที่สาม แต่แน่นอนว่าไม่มีใครทราบเรื่องที่พวกกรเคลียร์ที่แรกไปแล้ว) นอกจากกรที่เป็นหัวหน้าปาร์ตี้จะได้รับชื่อเสียงมากมาย ชื่อของสาวๆคนอื่นในปาร์ตี้เองก็แพร่กระจายไปทั่วเช่นเดียวกัน ความแข็งแกร่งนั
หลังจากที่ฉันกับเมอร์ลินคืนดีกันแล้วพวกเราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่สิ น่าจะเรียกว่าหวานกันยิ่งกว่าเดิมซะอีกหล่ะมั้งตอนกินข้าวเย็นด้วยกันเนี่ยไม่รู้นึกครึ้มอะไรถึงมาป้อนข้าวฉันด้วยแต่... น่ารักอ่ะแหม แต่ทำแบบนั้นไปทุกคนเองก็งอนตามไปด้วย ผลสุดท้ายฉันเลยกลายเป็นตุ๊กตายัดนุ่นให้ทุกคนป้อนไปด้วยเลยเจนนี่ ไมน์กับรีเบคก้าเองก็ดูท่าทางเกรงใจพวกเราสุดๆเลย เพราะงั้นหลังทานข้าวเสร็จก็นั่งเล่นกันซักพักโดยที่ไม่ได้ทำอะไร(ที่มันขัดใจคนโสด)ต่อหลังจากนั้นพวกเราก็ตั้งวงเล่นไพ่กันเหมือนเดิมที่โต๊ะทานข้าวเล่นไปด้วย กินขนมไปด้วยแล้วก็ดูทีวีไปด้วย พอรู้ตัวอีกทีก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มแล้ว เป็นเวลาที่แมรี่เริ่มง่วงพอดี พวกเราก็เลยเลิกเล่นกันแล้วส่งแกเข้านอนพวกเจนนี่เองก็ขอตัวกลับด้วย เพราะดึกแล้วหล่ะนะ ตอนนั้นฉันก็เลยพูดออกไปว่า〝 โทษทีนะที่ให้อยู่ซะดึกเลย เดี๋ยวฉันพาไปส่งโรงแรมนะ 〞ด้วยความสัตย์จริง... ที่พูดไปก็เพราะอยากอยู่กับพวกเธอนั่นแหล่ะ ฉันนี่มันก็หน้าหม้อกว่าที่ตัวเองคิดอีกแฮะแต่เจนนี่ก็บอกออกมาว่า〝 ไม่เป็นไรๆ! พวกเรากลับเองได้น่า 〞เจนนี่ตอบกลับอย่างเกรงใจเหมือนเคยก็อย่างที่คาดหล่ะนะ แต่ในตอนนั้
บทที่ 4 『 The Last Sparkle 』ประกายแสงสุดท้าย❖❖❖❖❖———— 1 สัปดาห์ก่อน อาณาจักรอาลันเชี่ยน ซึ่งเป็นอาณาจักรที่บ้านของครอบครัวของกรตั้งอยู่นั้น ตั้งอยู่บนทวีปอาคาเซียซึ่งนับได้ว่าเป็นทวีปที่ใหญ่ที่สุดในดาวดวงนี้ และนับได้ว่าเป็นทวีปที่มีความสงบสุขที่สุด ในแง่ของการใช้การเจรจาทางการทูตหรือทำสนธิสัญญาเมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้น หากเทียบกันแล้ว... ทางฝั่งตะวันตก สุดขอบของทวีปอาคาเซียซึ่งเป็นพรมแดนติดกับทวีปอาลอส อันถูกขั้นระหว่างทวีปด้วยแนวภูเขานั้นกลับยังเต็มไปด้วยไฟสงครามเกือบทุกหนแห่ง ทวีปอาลอสนั้นถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ปากทางนรก” เพราะนอกจากจะเป็น 1 ใน 2 ทางผ่านไปยังทวีปปีศาจแล้ว อาณาจักรในทวีปยังก่อสงครามชิงดินแดนกันอย่างไม่หยุดหย่อน เหล่าขุนนางต่างสร้างกองทัพบุกยึดศัตรู ทหารเข้าล้อมปล้นหมู่บ้านประเทศข้างเคียงอย่างไร้ขื่อไร้แป ส่วนสาเหตุที่เป็นแบบนั้นว่ากันว่ามีหลายสาเหตุ... บ้างก็ว่าถูกปีศาจเชิดเป็นเกมกระดานฆ่าเวลา บ้างก็ว่าเหล่าอาณาจักรในทวีปก็แค่ไร้อารยธรรม ไม่เช่นนั้น... พวกเขาอาจจะกำลังคิดการใหญ่ด้วยการบุกยึดอาณาจักรทั้งหมดในทวีป ก็เพื่อเป
———— 1 เดือนต่อมา1 เดือนผ่านไปไวยังกับโกหก... ที่เขาว่ากันว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วนี่ดูท่าจะเป็นเรื่องจริงแฮะเพราะแล้วพอรู้ตัวอีกที ก็มาถึง ‘วันตัดสินชี้ชะตา’ ซะแล้วถึงจะไม่อยาก แต่ไม่ช้าก็เร็วยังไงวันนี้ก็ต้องมาถึงเข้าซักวันอยู่ดีส่วนเรื่องที่ว่าตลอด 1 เดือนที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นบ้างนั้น...ขออดเปรี้ยวไว้กินหวาน พูดถึงเรื่องงานก่อนก็แล้วกันหลังจากการประชุมสภาโต๊ะจัตุรัสหนก่อน จนได้ข้อสรุปว่าจะขยายกองกำลังป้องกันให้มากขึ้นกว่าเดิม พวกเราก็ดำเนินการตามแผนกันในทันทีเริ่มจากการจัดหาทรัพยากรสร้างเรือรบ ไม่สิ เพราะมีฟังก์ชั่นลอยตัวของแกนเวทใหม่ของเมอร์ลิน เพราะงั้นก็ต้องเป็น ‘เรือเหาะเวทมนตร์’เดิมทีแผนก็คือสร้างอู่ต่อเรือ 10 แห่งให้เสร็จภายในเวลา 1 สัปดาห์ แต่พอเอาเข้าจริง พวกเราภาคีโต๊ะจัตุรัสก็ทำผลงานได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้ผลก็คือสามารถสร้างอู่ต่อเรือเพิ่มได้ถึง 15 แห่งในเวลาเพียงแค่ 6 วันอาจมองว่าเป็นความต่างเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมากมหาศาลเลยเชียวล่ะเพราะตอนแรกประมาณการณ์ไว้ว่าจะมีเรือเหาะที่เป็นกำลังรบได้ 42 ลำ จากการใช้เวลาสร้าง 1 ลำต่อ 1 สัปดาห์ โดยใช้อู่
หลังจากที่ประชุมแผนการพิชิตมหาดันเจี้ยนอย่างเป็นรูปธรรมเสร็จแล้ว พวกเราทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเป็นภาระหน้าที่ที่หนักอึ้งเอาเรื่องเลยสำหรับเด็กหนุ่มเด็กสาวอายุไม่ถึง 20 (ไม่นับอายุทางจิตใจของฉันนะ)พอมานึกดูเล่น ๆ... กลับกลายเป็นพวกเราทุกคนมีงานมีการ มีหน้าที่รับผิดชอบกันเป็นชิ้นเป็นอันกันหมดแล้วก็ถ้าเป็นในโลกเดิม พวกเราทุกคนกำลังเรียน ม.ปลายกันอยู่เลยนี่นะแต่ดูตอนนี้สิ... มีทั้งงาน มีทั้งบ้าน มีทั้งครอบครัวแล้วด้วยมาไกลเหมือนกันแฮะตัวเรา... ทั้งที่เพิ่งจากโลกเดิมมาได้ไม่ถึงครึ่งปีเลยแท้ ๆที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเรามีคู่ชีวิตดี ๆ นั่นแหล่ะนะ ถึงมาได้ไกลขนาดนี้อ๊ะ... เผลอนอกเรื่องอีกแล้วประเด็นที่อยากจะบอกก็คือ ถึงตอนนี้จะมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ แต่ก็อย่าลืมครอบครัวที่คอยสนับสนุนอยู่ต่างหากก็นะ ถึงฉันจะยกเรื่องครอบครัวเป็นอันดับหนึ่งเหนือเรื่องงานอยู่แล้วก็เถอะ แต่ก็ยังอยากจะย้ำกับตัวเองอีกหลาย ๆ รอบอยู่ดีแล้วก็เพราะแบบนั้น ถึงได้ทำให้นึกถึงเรื่องสำคัญที่อยากจะทำออกด้วยคุยกับแมรี่ไว้แล้วนี่นะว่าจะให้แกเข้าโรงเรียนแล้วเดิมที จุดประสงค์หลักที่เป็นแบบนั้นก็คือ อยากจะ
เฮ้อ... ท่ามกลางบรรยากาศสงบสุขในเมือง กลางท้องถนนย่านการค้าที่กำลังคึกคักมากขึ้นเรื่อย ๆ กลับมีเด็กหนุ่มถอนหายใจราวกับไม่พอใจอะไรบางอย่างในชีวิต ทั้งที่เขาคนนี้มีสาวน้อยน่ารักเดินควงแขนอยู่แท้ ๆ“ กร ไม่สนุกที่มาเดทกับดิฉันเหรอคะ ” เด็กสาวเอ่ยถามเด็กหนุ่มที่ทำหน้าเหมือนกับผิดหวังอะไรบางอย่าง แต่พอเห็นสีหน้ากังวลใจของเด็กสาวที่เป็นแฟนของตัวเอง เด็กหนุ่มก็ดีดผึงจนหลังตรงหันมาให้ความสนใจกับเธอในทันที“ ไม่ ๆ ไม่ได้ไม่สนุกที่มาเดทกับเธอหรอกชาลอต แค่นึกถึงเรื่องเมื่อกี้นิดหน่อยน่ะ ” เด็กหนุ่ม... กรตอบกลับแฟนสาวอย่างชาลอตในทันทีเพื่อแก้ความเข้าใจผิด เพราะเดิมที การมาเดทกับเจ้าตัวก็เพื่อให้ชาลอตอารมณ์ดี รวมถึงต้องการจะเห็นแผนสาวสุดที่รักอย่าชาลอตยิ้มออกมาเยอะ ๆ ดังนั้นหากจะทำอะไรให้เธอกังวลและไม่พอใจ นั่นคงเป็นการผิดจุดประสงค์ที่ตั้งใจไว้ของตัวเอง“ เรื่องเมื่อกี้? ที่ทุกคนตกลงว่ากรต้องเดทกับทุกคนทุกวันน่ะเหรอ? ” ชาลอตเอ่ยถาม คิ้วเธอขมวดเล็กน้อยเหมือนไม่เข้าใจว่ากรจะกังวลเรื่องนี้ทำไม ซึ่งก็จริง เพราะกรมีแต่ได้กับได้“ ก็ฉันกลัวจะรับมือกับทุก
“ นาย... เอลกินจริงเหรอ? ” กรถึงกับต้องขมวดคิ้วจ้องมองชายคนที่อยู่ตรงหน้าเพราะไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ซึ่งมีอาเองก็ทำแบบเดียวกัน“ ขอโทษด้วยนะครับ มากะทันหันแบบนี้คงตกใจกันน่าดู ” เอลกินยิ้มตอบแบบไม่ได้คิดมาก“ ไม่ไม่ไม่ ไม่ได้ตกใจเรื่องที่มาปุบปับซะหน่อย ” กรอดที่จะพูดเหมือนกับตกมุกแบบนั้นไม่ได้“ นั่นสิ... ยังกับคนละคนเลยเนาะกร ” มีอาเองก็แอบกระซิบแบบนั้นข้างหูกรเหมือนกัน“ นั่นสินะครับ ต้องอธิบายเรื่องนั้นด้วย แต่ก่อนอื่น... ” และดูเหมือนเอลกินเองก็ได้ยินเสียงกระซิบของมีอา แต่ยังไงก็ตาม เจ้าตัวก็พยายามทำเรื่องที่ตั้งใจไว้หนแรกก่อน เขาจึงยื่นช่อดอกไม้ในมือให้กับกร“ อันนี้แทนคำขอโทษของผมนะครับ ขอโทษด้วยจริง ๆ ที่พูดจาเสียมารยาทไปมากมายเมื่อตอนนั้น ” เอลกินพูดจบก็โค้งให้พวกกรอย่างนอบน้อม ท่าทางนั้นออกมาจากใจจริงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เดิมที หากเขาเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีและโอ้อวดศักดาตัวเองแบบที่เจอกันครั้งแรกจริง เขาคงไม่มีทางยอมทำเรื่องแบบนี้อย่างเต็มใจแน่“ อืม... ยังไงก็เข้ามาก่อนแล้วกัน ว่างั้นไหมมีอา ”“ นั่นสินะ ถ้าขอโทษกันแล้วฉันก็ไม่ต
หลังจากค่ำคืนแห่งพันธะสัญญาจบสิ้นลง ความตื่นเต้นที่ได้รับมาตลอดทั้งวันแปรเปลี่ยนเป็นนิทราทำเอาเหล่าหนุ่มสาวนอนหลับเป็นตายทันทีที่หัวลงถึงหมอนในห้องส่วนตัวของบ้าน ทว่าทุกคนคงไม่คาดคิดมาก่อน ว่าความตื่นเต้นที่สั่งสมมาตลอดทั้งวันจะมีปริมาณเหลือล้นมาจนถึงเช้าอีกวัน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้กรตื่นนอนเช้ากว่าปกติ 30 นาที ทั้งยังไร้อาการสะลึมสะลือใด ๆ“ ...เด็กชะมัดเลยเราเนี่ย ” หลังบ่นอุบแบบนั้นด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ ให้ตัวเอง กรก็ชันตัวขึ้นจากเตียงทันที ต้องขอบคุณเวททำความสะอาดที่เมอร์ลินร่ายให้ทุกคนหลังจากที่กลับมาทำให้ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำก่อนเข้านอน แน่นอนว่ามันไม่ดีสำหรับแมรี่เพราะอาจทำให้ติดสบาย แต่ก็อย่างที่รู้ว่าแกเป็นเด็กฉลาด ย่อมมีวิจารณญาณพอจะเข้าใจได้ว่าอะไรจำเป็นไม่จำเป็นต่อให้เป็นเด็กก็ตาม และก็ต้องขอบคุณเวทของเมอร์ลินนั่น แม้จะผ่านไปคืนนึงแต่ยังรู้สึกสะอาดเหมือนเพิ่งจะขึ้นจากอ่างน้ำอยู่เลยเชียวอยากเจอทุกคนแล้วสิ คิดแบบนั้นกรจึงไม่รอช้าที่จะเปิดลูกบิดออกไปด้วยความตื่นเต้นที่เหลือล้นมาจากเมื่อคืน และคงเป็นแบบนี้ไปอีกหลายวันหรือ
“ ทุกคนคะ... ความรัก คืออะไรเหรอคะ? ”“ “ “ เอ๋!? ” ” ” สิ่งที่เฮเลน่าถามออกมากลางห้องรับรองเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวผู้ไร้อารมณ์คนนี้ตื่นตระหนก แม้จะมีคนมากถึง 18 คนจ้องเธออยู่ ในมือที่ถือทั้งดินสอและสมุดบันทึกเล่มเล็กเองก็ไม่มีแต่การสั่นไหว อนึ่ง... เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ฟลอร่ากับยูมิน่าลากตัวกรออกไปประมาณ 2 ชม. เห็นจะได้“ เห... ทำไมจู่ ๆ ถึงสนใจเรื่องนั้นกันล่ะ ” คนที่แสดงความสนใจเป็นคนแรกอย่างออกนอกหน้าคือเมอร์ลินเจ้าเดิม เธอที่อ่านหนังสือมาตลอดถึงกับปิดหนังสือในมือแล้วหันมาถามเฮเลน่าอย่างจริงจัง“ ฉันแค่ทำตามคำสั่งของมาสเตอร์เท่านั้นค่ะ ” เฮเลน่าตอบกลับในทันทีอย่างที่ทุกคนคาด แน่นอนว่าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนกับที่เป็นมาตลอด “จงตามหาความหมายในการใช้ชีวิตของตัวเอง” คำพูดของกรที่เป็นคำสั่งเพียงหนึ่งเดียวซึ่งมอบให้กับเฮเลน่า ในวันที่เฮเลน่าถูกปลดปล่อยจากพันธะทั้งปวงและเป็นอิสระ ทุกคนเองก็อยู่ที่นั่นจึงเข้าใจแม้ไม่ต้องเอ่ยปาก“ แล้ว? ” เมอร์ลินถามย้ำคล้ายกับกำลังสอบปากคำ แต่ในอี
หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นมาตลอดสองวัน(เรื่องที่เจนนี่ ไมน์และรีเบคก้าสุดท้ายก็ตอบตกลงคบกับกรในที่สุด) จนทำให้สถานการณ์ความปั่นป่วนของสาว ๆ รอบตัวกรลดน้อยลงไปครึ่งนึง ...ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ“ “ “ ยินดีด้วย!!! ” ” ” เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดังก้องไปทั่วทั้งบาร์ของโรงแรมอิกดราซิล มาจากเสียงของเหล่านักผจญภัยรวมถึงเพื่อนพ้องของกร ...ส่งไปยังเด็กสาว 3 คนที่กำลังยืนเด่นเป็นสง่ากลางร้าน ประกอบด้วยเจนนี่(ในร่างของเบลนด้า อัลบา) ไมน์และรีเบคก้า ที่กำลังน่าแดงก่ำเพราะความอาย“ พอเถอะน่า มันน่าอายนะ ”“ แหม ๆ เรื่องน่ายินดีแบบนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอายซักหน่อยนะฮ้า! ” คาลอสเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งเสียง วี๊ดวิ้ว! คล้ายกับจะกลั่นแกล้งสาว ๆ ที่กำลังบิดตัวไปมาด้วยความเขินอาย กรเห็นแบบนั้นก็เริ่มจะทนไม่ไหวจนต้องก้าวเข้ามาขัดจังหวะ“ เอาล่ะ ๆ แค่พอหอมปากหอมคอก็พอแล้ว... งานเลี้ยงจบแล้ว แยกย้าย ๆ ” กรพูดตัดบทพร้อมกับเดินเข้าไปกลางวงทั้งสามคนก่อนจะดันหลังทั้งสามให้ออกมาจากจุดรวมสายตา กระนั้นก็ไม่วายถูกทุกคนล้อในเชิงประมาณว่า “หึงด้วยเว้ย” ไ
“ แม้นโกรธาราวสิขานล แต่สิ่งที่ผู้อื่นยลต้องเป็นเหมันต์ ”นั่นคือคติประจำตระกูลของฉัน... มีความหมายว่า ต่อให้รู้สึกอย่างไรก็จงแสดงออกมาเสมือนว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นอย่าให้ใครรู้ว่าโกรธ... อย่าให้ใครรู้ว่ากำลังเศร้า... อย่าให้ใครรู้ว่ากำลังดีใจ...นั่นแหล่ะคือความหมายของมัน และยังเป็น... คุณสมบัติสำคัญขององครักษ์ที่ควรมีสำหรับฉันที่เกิดมาก็ได้รับหน้าที่นั้นเป็นเหมือนชนักติดตัว ถึงจะคิดว่าลำบากก็เถอะแต่ตอนนี้ก็ชินไปแล้วและสิ่งที่ทำให้ฉันสามารถทำมันได้ ก็เพราะรอยยิ้มของคนที่ฉันต้องปกป้อง... รอยยิ้มของไมน์เด็กคนนี้เหมือนกับทุ่งดอกไม้หลากสี ร่าเริงสดใส เริงระบำไปตามเสียงบรรเลงเพลงตามแต่สายลมจะพัดพา เป็นเด็กที่ชอบเรื่องสนุกสนาน ฉันถึงอยู่ด้วยไม่มีเบื่อ ถึงจะไม่แสดงออกก็เถอะเพราะยังไงการเก็บความรู้สึกสุขไว้ในใจไม่ให้แสดงออกมา มันง่ายกว่าการกักเก็บความทุกข์ไว้ในอกคนระดับเลยแต่ถึงคิดแบบนั้น เดิมทีตัวฉันก็ไม่ได้เป็นคนคิดอะไรมากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์แบบไหนก็พร้อมรับมือได้หมด และต่อให้ต้องสละชีวิตเพื่อปกป้องไมน์ก็ไม่รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อยเพราะงั้นความรู้สึกทุกข์ใจจึงไม่ค่อยมี หรือไม่ก
ตั้งแต่ตอนเด็ก ตัวฉันที่เป็นเจ้าหญิงก็ได้แต่อยู่ในปราสาทตามคำบอกกล่าวของคุณพ่อแต่มันก็ไม่ได้แย่นักหรอก เพราะอย่างน้อยฉันก็มีเพื่อนเล่นอยู่ คน ๆ นั้นก็คือรีเบคก้าที่เป็นเพื่อนอายุเท่ากันของฉัน คอยดูแลและเล่นด้วยกันมาตลอดตั้งแต่ที่จำได้แล้วและสิ่งที่ใช้ฆ่าเวลาอีกอย่างคือ หนังสือนิทานในห้องสมุดสำหรับเด็กผู้หญิงอย่างฉัน นิทานทั้งหมดเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ไม่เคยพบเคยเห็น โดยเฉพาะฉันที่ไม่เคยออกไปนอกตัวปราสาท เพราะแม้แต่การเดินทางฉันยังต้องปิดบังใบหน้าเอาไว้เลย แต่ตอนนั้นฉันยังเด็กถึงไม่รู้สึกว่าแปลกอะไรน่าตลกดี ที่สิ่งที่สอนให้ฉันรู้จักโลกภายนอกคือหนังสือเหล่านั้นที่อยู่ข้างกายมาตลอดความลึกลับอันน่าพิศวง มอนสเตอร์น่ากลัว ความงดงามของธรรมชาติ วิถีชีวิตของผู้คน เรื่องราวทั้งหมดที่ร้อยเรียงทำให้ฉันจินตนาการภาพฝันของโลกภายนอกไว้อย่างสวยงาม และหวังว่าซักวันจะได้ออกไปและในวันหนึ่ง ฉันก็ได้รู้จักอาชีพที่เรียกว่า ‘นักผจญภัย’อาชีพที่สามารถไปได้ทุกที่ที่อยากไป ทำได้ทุกสิ่งที่ต้องการ แสวงหาทุกสิ่งด้วยตัวเองกับพวกพ้องที่ไว้ใจได้แต่ถ้าจะว่ากันตามตรง เนื้อหาของมันก็ไม่ต่างจากนิทานทั่วไปที่มีพระเอ