หลังจากที่นั่งดื่ม(น้ำผลไม้)ทั้งคืน ผลสรุปก็เลยกลายเป็นว่าทั้งฉันทั้งทุกคนไม่ได้นอนกันเลยพอรู้สึกตัวอีกทีก็ 7 โมงเช้าแล้ว อารมณ์เหมือนเล่นเกมเพลิน ประมาณนั้นแหล่ะแล้วถึงจะไม่รู้ว่าทำได้ยังไงก็เถอะ แต่สรุปสาวๆเขาก็เคลียร์กันเรียบร้อยแล้วมติที่ทุกคนเป็นภรรยาของฉัน จึงเป็นเอกฉันท์โดยที่ไม่มีใครไม่พึงพอใจใครบางคนเป็นพิเศษก็นะ จบแบบนี้ค่อยโล่งอกหน่อยเรื่องจริงจังผ่านไปแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องของสิ่งที่ตามมาหลังจากสงครามเมื่อวานวันนี้เป็นวันเคารพศพของเหล่าทหารและเหล่าญาติของคนที่จากไปเพราะสงคราม ซึ่งจะจัดขึ้นพร้อมกันทั้งอาณาจักรเพราะงั้น ถึงจะสลึมสลืออยู่ แต่พวกรินก็ต้องไปที่งานศพของพวกทหารและเหล่าผู้กล้าซึ่งจัดขึ้นในบริเวณวังหลวง แต่ถึงจะพูดแบบนั้น แต่พอไปถึงงานก็ตาตื่นกันหมดแล้วหล่ะนะ ความอดทนสูงกันสุดๆเลยแล้วก็เห็นว่ามีสุสานไว้ฝังเหล่าทหารกล้าอย่างสมเกียรติ เฉพาะไว้อยู่ด้วยหล่ะดำเนินการกันเร็วน่าดูนะ ทั้งที่เรื่องเพิ่งจบไปไม่นานแท้ๆแต่ถึงจะพูดงั้นก็เถอะ เห็นว่าศพที่เอามาฝังยังไม่ครบหรอก ก็แค่ว่าอยากจัดพิธีศพเร็วๆ เพื่อที่จะรีบทวงคืนความเชื่อมั่นกลับมานั่นแหล่ะประมาณว่าสงครามจบแล
เสียงสายลมกระทบหาดทราย เช่นเดียวกับเสียงคลื่นอันน่าพิศวงที่พัดเข้ากระทบชายฝั่ง แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องกระทบแร่ธาตุบนหาด ทำให้เกิดประกายระยิบระยับงดงาม นกน้อยบรรเลงเพลง กาบหอยเดินอย่างสบายใจ มะพร้าวสอดส่ายตามท่วงทำนองของธรรมชาติ ทุกอย่างดูจะสวยงามไปหมดในฐานะของเกาะร้างไร้เจ้าของแห่งหนึ่งซึ่งห่างออกจากทวีปที่กรอยู่ไปราวๆ 100 กิโลเมตรทางตะวันตก〝 หนึ่งในหมื่น!!! 〞ตู้ม!!!!!! หากไม่มีเสียงแปลกๆเกิดขึ้น ก็คงเป็นเช่นนั้น〝 หนึ่งในพัน!!! 〞ตู้ม!!!!!! เสียงของเด็กหนุ่มคนหนนึ่งดังขึ้นกลางตัวเกาะ พร้อมๆกับเสียงระเบิดที่เด็กชายคนนั้นเป็นคนให้แหล่งกำเนิดเสียง〝 หนึ่งเปอร์เซนต์!!! 〞ตู้ม!!!!!! เหล่านกกาบินเตลิด กาบหอยและปลาทะเลวิ่งวนว่ายหนีตายเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกมันสัมผัสได้แค่ว่ามีแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นที่กลางเกาะราวกับแผ่นดินไหวก็เท่านั้น ทั้งที่ความจริงมันก็แค่... การต่อยพื้นของเด็กคนนึงเท่านั้น แต่มันจะไม่แปลกอะไรหากเด็กคนที่ว่า คือชายที่แข็งแกร่งเหนือมนุษย์มนาอย่างอุษณกร วัชรวิรุฬห์ เช่นเดียวกับเหล่าผู้ติดตามกรมา
หลังจากที่ความแตกเรื่องที่จะเซอร์ไพรซ์สาวๆในการสร้างบ้าน สุดท้ายเลยกลายเป็นว่าให้ทุกคนมาช่วยด้วยแต่ก็นะ... บ้านที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของทุกคนในครอบครัวมันก็ต้องน่าสนุกและมีความสุขสำหรับทุกคนมากกว่าอยู่แล้วแถมเราก็ลืมซะสนิทเลยว่าตอนนี้ไม่มีเวทย์มนแล้วเพราะงั้นการสร้างบ้านเลยเป็นหน้าที่ของเมอร์ลินกับเรเชลซะส่วนใหญ่โดยที่มีฉันและได้ทุกคนช่วยกันเสนอความคิดกันทุกคน บ้านของเรากลับเสร็จในเวลาเพียงแค่ 8 ชั่วโมงซึ่งไวอย่างไม่น่าเชื่อบ้านของเรามีรั้วอิฐประดับหินล้อมรอบ 4 ทิศสุดขอบที่ดินส่วนสูงของรั้วก็ 2 เมตร ส่วนด้านหน้าที่เป็นประตูรั้วจะกินเข้ามานิดนึงเพื่อเป็นพื้นที่ไว้วางถังขยะ ก็เอาไว้ทิ้งทีหลังตอนเยอะๆนั่นแหล่ะ ไม่มีเทศบาลมาเก็บให้หรอก เราต้องไปทิ้งในที่ที่กำหนดไว้เอง ก็ต่างโลกนี่นาส่วนประตูรั้วก็ทำจากไม้สีขาวโดยให้ชาลอตสลักตกแต่งตามความชอบ ซึ่งเป็นแบบสองบานเปิดเข้าด้านใน แน่นอนว่าติดกริ่งไว้ด้วย สำหรับคนรู้จักหน่ะนะอ้อ! กับอีกอย่างคืออีกฝั่งของถังขยะหน้าประตูรั้วเอาไว้วางตู้ไปรษณีย์หน้าบ้าน กล่องมันทาสีแดงสลับดำด้วยความชอบของฉันกับคาเรนก็นะมันอาจจะใช้ได้เฉพาะกับคนที่มาจากโลกเดิมท
ค่ำคืนอันแสนยาวนานได้จบลง แสงอาทิตย์ของวันใหม่ก็เริ่มสอดส่องเข้ามาในห้องนอนของเหล่านักรบราตรี โดยมีสาวงามในร่างเปลือยเปล่าถึง 10 คนนอนหลับอย่างเหนื่อยอ่อนเนื่องเพราะรำศึกอยู่ทั้งคืน เด็กหนุ่มที่เป็นศูนย์กลางของเหล่าสาวน้อยก็ลืมตาตื่นขึ้นฟู่...สุดท้ายก็เอาจนได้เรา... ทำแบบนั้นกับรินแล้วก็อลิซไปจนได้ กรคิดแบบนั้นพลางมองรินกับอลิซที่นอนซอบไหล่เขาอยู่โดยที่พวกเธอกับกรใช้ผ้าห่มผืนเดียวกัน สาวๆคนอื่นเองก็นอนกระจัดกระจายอยู่ทั่วฟูกใหญ่และแน่นอนว่ามีผ้าห่มคลุมอยู่(ซึ่งคนที่ไล่คลุมให้พวกเธอก็คือกรนั่นแหล่ะ) แต่ถึงแบบนั้น มีอากับเมอร์ลินก็ยังนอนเอาหัวเบียดเขาจนถึงตอนนี้อยู่ดีแหม... แต่เอาจริงๆก็ดีใจอยู่หรอกนะ ที่พวกเธออยากจะใกล้ชิดฉันมากขนาดนี้หน่ะถึงจะขัดๆหน่อยก็เถอะ แต่ครั้งแรกนี่นา... พวกเธอเองถึงจะเจ็บแต่ก็พยายามเต็มที่เลยนี่น่ารักมากเลยหล่ะเพราะงั้น... ขอบคุณมากนะทั้งสองคน กรคิดแบบนั้นแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างเป็นสุข แล้วก็จุมพิตหน้าผากของรินและอลิซที่นอนซบไหล่เขาอยู่〝 อือ... 〞〝 งึม... 〞 และนั่นทำให้สองสาวเริ่มตื่นจากนิทรา เป็นเ
เสียงฝนพรำดังขึ้นไปทั่วโดยที่ไม่มีผู้ใดทราบว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะเป็นตอนกลางคืน ไม่สิ... พูดให้ถูกคือเวลาตี 4 ใกล้จะตี 5 ต่างหาก เช่นเดียวกับเหล่าสาวน้อยที่นอนหลับสบายเกลือกกลิ้งไปมาบนฟูก ทว่าเสียงฝนที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆได้ทำให้เด็กหนุ่ม... กรตื่นขึ้นจากภวังค์ กรชันตัวขึ้นในในทันทีโดยไร้ซึ่งอาการงัวเงีย... กลับกัน สายตาของเขาช่างดูอ่อนระทวย ไร้เรี่ยวแรง ทั้งยังไร้ซึ่งจิตวิญญาณ เหม่อลอยเสมือนภายในไม่มีสิ่งใดอยู่ เป็นเพียงภาชนะที่ว่างเปล่า เด็กหนุ่มยืนขึ้นปราศจากความลังเล โดยทิ้งเหล่าแฟนสาวไว้ในห้องนอน ด้วยสภาพไร้เรี่ยวแรงเสมือนผ่านสมรภูมิรบมาร่วมพันปีโดยมิได้พักได้ผ่อน แต่จะว่าไป... ความจริงมันหนักหนากว่านั้นเยอะ เด็กหนุ่มเดินลงไปยังชั้นหนึ่งโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ แม้เสียงฟ้าผ่าจะดังลั่น ฟ้าแลบจะแยงตา สายตาไร้วิญญาณของเด็กหนุ่มไม่ได้เปลี่ยนไปเลยซักนิด... เขายังคงเดินลงไป และเข้าไปในห้องนั่งเล่น เดินไปที่อ่างล้างหน้า มองตัวเองในกระจก...นี่หน่ะเหรอ... ใบหน้าของไอ้คนอ่อนแอที่ทำอะไรไม่ได้... เด็
ด้วยความที่กรต้องเผชิญกับสถานการณ์ไม่คาดฝัน เพราะแบบนั้น วันนี้ที่วางแผนไว้ว่าจะเป็นวันออกเดินทางกลับอาณาจักรฟอเรสเตอร์เพื่อที่จะกลับไปเก็บข้อมูลของบอส กลับกลายเป็นวันพักผ่อนของกรด้วยการบังคับของสาวๆอีกครั้ง แต่ด้วยความเหนื่อยอ่อน ความดื้อรันของกรไม่ได้แสดงให้เห็นมากนัก แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจิตใจของกรล้าแค่ไหนแม้จะไม่แสดงออกมาให้เห็นภายนอกมากนัก เป็นดังที่ว่าไป ด้วยเหตุนี้การเดินทางกลับจึงเริ่มที่วันพรุ่งนี้แทน❖❖❖❖❖———— เช้าวันต่อมาหลังจากเหตุการณ์เมื่อวาน พวกเราก็เริ่มออกเดินทางโดยนัดกันจะใช้เวทย์วาร์ปที่บ้านของเรานี่แหล่ะดูเหมือนเมื่อวานในขณะที่ฉันหลับไปหลังจากที่ระบายกับทุกคน ลิลิธกับคาเรนจะไปบอกทุกคนก่อนแล้วว่าวันนี้จะเดินทางชาญกับโชตเจ้าพวกนั้นต้องอยู่ที่นี่ซักพักเพราะเป็นผู้กล้าความจริงรินกับอลิซเองก็ต้องอยู่ แต่พวกเธอรั้นจะตามมาด้วยเพราะเป็นห่วงเรา ให้ตายสิ... เรานี่ทำยัยพวกนี้ลำบากอีกแล้วแฮะแต่ก็เพราะแบบนั้นแหล่ะ สุดท้ายคนที่จะเดินทางกลับไปยังเมืองฟอเรสเตอร์ก็มีพวกเรา 11 คน พวกเจนนี่ ไมน์ รีเบคก้า ยูมิน่า ฟลอร่าแล้วก็ซิลเวียด้วยรถยนต์แ
หลังจากที่การเดท ไม่สิ... การเยียวยาจิตใจกรด้วยความอ่อนโยนของชาลอตจบลง กรกับชาลอตก็มุ่งหน้าไปยังหน้าผาจุดเดิมที่เคยมาครั้งเมื่อเผชิญหน้ากับจิ๋นหลี่ อนึ่ง หน้าผาที่เคยถล่มไปเพราะการต่อสู้ของกรกับจิ๋นหลี่ เมอร์ลินเป็นคนซ่อมแซมให้ด้วยเวทย์มนตั้งแต่ครั้งก่อนไปแล้ว นั่นทำให้กรโล่งใจอยู่เหมือนกัน เพราะหากดูจากนิสัยของราชินีฟีโอน่าแล้ว หากทำลายทรัพย์สิน?หรือพื้นที่ภายในประเทศของเธอคงสร้างความไม่พอใจให้เธอไม่มากก็มากที่สุดแน่ และทันทีที่มาถึง ชาลอตก็หยิบสมุดจดบันทึกของตัวเองออกมา โดยมีลักษณะเป็นกระดาษที่ทำจากเนื้อไม้คล้ายคลึงกับโลกเดิมของกร ทั้งยังมีสิ่งที่คล้ายกับดินสอแต่แร่ที่ใช้ไม่ใช่แกรไฟต์ด้วย ชาลอตใช้เวลาเก็บและบันทึกข้อมูลทั้งหมดของบอสด้วยใบหน้าจริงจัง ทว่าเหงื่อแห่งความกังวลกลับไหลไม่หยุดเมื่อได้มองเห็นความสามารถของมัน เช่นเดียวกันกับกรที่ได้เห็นสิ่งที่ชาลอตจดบันทึกก็ด้วย และทั้งที่ยังคงมีความกังวล แต่การจดบันทึกก็เสร็จสิ้นลงในเวลาเพียง 3 นาทีกว่าๆเท่านั้น ก่อนที่กรและชาลอตจะรีบกลับไปที่ห้องรับรองในปราสาทที่ทุกคนรออยู่❖❖❖❖❖———— ภายใน
ในมุมมืดของห้องเด็กสถานรับเลี้ยงชั่วคราว เด็กสาวคนหนึ่ง... แมรี่ยังคงนั่งกอดเข่าอยู่ที่มุมห้องเป็นกิจวัตร ออร่าเสมือนสีดำทมิฬได้ขับไล่เด็กๆที่อยู่โดยรอบไปหมดจนสุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เธอ แม้แต่กลุ่มพี่เลี้ยงที่เข้าหาด้วยรอยยิ้ม แมรี่ก็ยังไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆเสมือนเป็นตุ๊กตา ส่วนสาเหตุนั่นก็เป็นเพราะเธอกำลังอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองอยู่นั่นแหล่ะทำไม... ทำไมกัน...นี่หนูทำอะไรผิดเหรอ...ปะป๊ากับหม่าม้าเป็นชาวสวน ถึงจะไม่ได้รวยอะไร แต่ก็อยู่กันอย่างมีความสุขมาตลอดจนกระทั่งมอนสเตอร์พวกนั้น มาพรากทุกอย่างไปต่อหน้าต่อตา...โหดร้าย... โหดร้ายที่สุด...ท่านแอสทอเรียคะ? บาปของหนูมันร้ายแรงขนาดที่ต้องพรากทั้งบ้านทั้งครอบครัวของหนูไปเลยเหรอ?พอที... ไม่เอาแล้ว...จะให้หนูตายไปเลยก็ได้... แต่หนูอยากได้ปะป๊ากับหม่าม้าคืน!ถ้าท่านมีจริงก็ขอร้องเถอะค่ะ คืนครอบครัวของหนูมา! แมรี่เริ่มคร่ำครวญ สวดอ้อนวอนเทพจากศาสนาที่เธอศรัทธาโดยไม่ได้ร่ำไห้ออกมา ทว่าก็ยังกอดเข่าแน่น ความกลัดกลุ้มจำนวนมากและความอัดอั้นตันใจที่ไร้ที่พึ่งพิงของเธอเริ่มทำให้ความคิดติดลบลงเรื่อยๆ
———— ในเวลาเดียวกัน, ทางฝั่งของมีอา หลังจากการปรากฏตัวของดันเจี้ยนมาสเตอร์อย่างอาร์เคมีดีสในฐานะของศัตรูอย่างเป็นทางการ พร้อมการช่วยเหลืออย่างไม่คาดฝันจากเหล่าดันเจี้ยนมาสเตอร์ของดันเจี้ยนที่พวกกรเคยพิชิตมาแล้ว ทำให้พวกกรที่ตอนนี้ถูกแยกออกเป็น 4 ปาร์ตี้เข้าสู่ทางเข้าเพื่อไปยังชั้นที่ 2 ของมหาดันเจี้ยนโบราณแห่งนี้ได้สำเร็จ ดังเช่นปาร์ตี้ของมีอาที่ประกอบด้วยริน ชาลอต ซาช่าและเจนนี่ที่กำลังเดินวิ่งลงบันไดวนหลังจากผ่านทางเข้ามาได้ แต่อย่างไรก็ดี... การจะบอกว่าสถานการณ์ในตอนนี้โล่งอกก็คงพูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะรู้กันอยู่ว่ายิ่งลงไปดันเจี้ยนชั้นที่ลึกมาเท่าไหร่ อันตรายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นมหาทวีคูณ แม้จะปลอดภัยกว่าการที่ดันเจี้ยนมาสเตอร์ลงมาจัดการเองก็ตาม“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย! ฉันงงไปหมดแล้ว!”“แล้วดิฉันจะรู้ไหมคะเนี่ย!” แต่ที่สำคัญกว่าความอันตรายของสถานการณ์ คือเรื่องที่อยู่ ๆ เรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นดันเกิดขึ้น ทำให้ความกังวลและสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของทุกคนตื่นตัวถึงขีดสุด อาจเพราะแบบนั้นเจนนี่กับชาลอตถึงได้แสดงความกังวลออกมามากปกต
———— ในขณะเดียวกัน, บนผิวน้ำเหนือมหาดันเจี้ยน ในเวลาเดียวกันกับที่ปาร์ตี้ของพวกกรกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ไม่คาดฝันกันอยู่ ฝ่ายกองกำลังป้องกันทมี่เป็นปราการด่านแรกก่อนที่มอนสเตอร์ของมหาดันเจี้ยนจะเคลื่อนที่ไปถึงแผ่นดินใหญ่เองก็กำลังเจอศึกหนักไม่ต่างกัน เสียงปืนใหญ่ดังสนั่นไปทั่วน่าน้ำ เสียงปืนกลดังลั่นรัวราวประทัดงานเทศกาล ผสมปนเปกับเสียงร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งของเหล่ามอนสเตอร์ที่กรูกันออกมาจากปากทางน้ำวนด้วยจำนวนที่เกินกว่าจะนับด้วยสายตา ด้วยจำนวนราวกับมดแตกรังก็เพียงพอจะทำให้เหล่าทหารศึกและลูกเรือรบทุกคนหวาดผวาแล้ว ยังต้องยอมรับความจริงที่น่าสิ้นหวังอีกอย่างหนึ่งอีกคือ พวกมันทุกตัวมีสเตตัสสูงกว่าบอสของมหาดันเจี้ยนทุกตัวที่พวกกรเคยประมือด้วยเสียอีก แถมยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้สเตตัสของพวกมันเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ“เวรเอ้ย! นี่มันแย่กว่าที่คิดไว้ไม่ใช่รึไงวะเนี่ย!” เสือที่อยู่ในห้องศูนย์บัญชาการตวาดพลางทุบโต๊ะอย่างหงุดหงิด เพราะแผนที่ตนกับกรช่วยกันคิดเหมือนจะทำได้แค่ยื้อเวลาจนกว่าพวกกรจะเคลียร์มหาดันเจี้ยนได้ ซึ่งอันที่จริง การทำได้แค่ยื้อเวลาก็เ
หลังจากนั้นปาร์ตี้ของพวกกรก็ใช้เวลาไม่นานนักในการเดินออกมานอกป่าที่เป็นวิวทิวทัศน์ตลอดเกือบชั่วโมงที่ผ่านมา สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าและกลายเป็นจุดรวมสายตาเป็นอย่างแรกของพวกกร แน่นอนว่าคือต้นไม้ยักษ์สูงเสียดฟ้า แทบหาคำเปรียบเปรยมิได้ว่ามาปลายสุดของมันไปจรดที่ดาวดวงไหน ส่วนโบราณสถานที่อยู่ในสภาพเป็นซากปรักหักพังที่ฟลอร่าบอกก่อนหน้านี้ก็อยู่เบื้องหน้าพวกกรนี้เอง ดูจากภายนอกวัสดุที่ใช้คล้ายกับอิฐโบกทับด้วยสีขาว สภาพของมันดูเก่าแก่เป็นพันปีหากใช้มาตรฐานปกติเป็นเกณฑ์ แต่เพราะที่นี่เป็นดันเจี้ยน กาลเวลาไม่น่าเป็นปัจจัยสำคัญเท่าพลังที่ดึงมาจากชีพจรพิภพมาใช้ เพราะตราบใดที่พลังที่ดึงมาใช้ยังมีอยู่ การคงสภาพวัตถุในดันเจี้ยนย่อมไม่ใช่เรื่องยาก ดังนั้น การที่มันอยู่สภาพปรักหักพัง จึงเดาได้เกือบ 100% เลยว่าเป็นความตั้งใจของดันเจี้ยนมาสเตอร์“แต่ดูภายนอกแล้ว น่าจะเรียกว่าเป็นเขาวงกตมากกว่านะคะเนี่ย”“นั่นสิ เห็นด้วยเลย” ไมน์กับกรเห็นพ้องต้องกันในเรื่องนั้นหลังสังเกตด้วยสายตาในระยะที่มองเห็น การออกแบบภายในของมันดูซับซ้อนเกินกว่าที่จะเคยเป็นสถาน
———— ในขณะเดียวกัน, ทางฝั่งของปาร์ตี้ B หากนับปาร์ตี้ของพวกกรเป็นปาร์ตี้ A แน่นอนว่าในขณะเดียวกัน ทุกคนที่กระะจัดกระจายไปเพราะเวทมนตร์ที่น่าจะเป็นการเคลื่อนย้ายข้ามมิติสู่เกาะต่าง ๆ ในสถานที่แห่งหนึ่ง สมาชิกคนอื่น ๆ ของดาร์คไนท์ซิริอุสเองก็ถูกจับปาร์ตี้แบบสุ่มจากการที่โดนสุ่มเคลื่อนย้ายมาเช่นกัน และสำหรับปาร์ตี้ B อันมีสมาชิกประกอบไปด้วยมีอา ริน ชาลอต ซาช่าและเจนนี่ รวม 5 คน หากนับแค่จำนวนสมาชิก ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่วนถ้าประเมินจากกำลังรบเป็นรายคนก็ถือว่าใช้ได้ เพราะมีซาช่าที่ถูกประเมินจากในกลุ่มว่าเป็นระดับ S คือ ซาช่า ระดับ A อย่างมีอาและเจนนี่ ส่วนระดับ B ได้แก่รินและชาลอต ซึ่งผ่านขั้นต่ำที่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามข้อตกลงของกลุ่ม กระนั้น... ก็คงพูดไม่ได้ว่าสบายนัก เพราะตอนนี้ทั้งปาร์ตี้ก็กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันยากลำบากกันอยู่ สภาพพื้นที่ของเกาะที่พวกเธอทั้ง 5 คนกำลังเผชิญอยู่ต่างกับป่าดิบชื้นที่พวกกรเจออยู่บางส่วน นั่นคือมันเป็นป่าโปร่งเหนือทะเลทราย และมีหย่อมโอเอซิสเป็นพัก ๆ อากาศเองก็ร้อนกว่าพอสมควรแต่ไม่เกินคว
คงมีไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นทิวทัศน์อันกลมกลืนจนแทบจะเป็นสีเดียวอยู่เบื้องหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้ว กับทิวทัศน์ตามธรรมชาติก็ยิ่งยากแก่โอกาสเข้าไปใหญ่ สีฟ้าครามของท้องฟ้าที่สุดปลายขอบ แทบจะกลมกลืนเป็นสีเดียวกับน้ำทะเลที่อยู่สุดปลายสายตา เป็นภาพที่ดูแปลกประหลาดที่แต่ก็งดงามยิ่ง เสียงประกอบที่อยู่โดยรออบก่อเกิดจากคลื่นซัดกระแทกและจากเหล่าวิหคสีขาวนวลทำให้เสพบรรยากาศน่ามหัศจรรย์อันถูกรังสรรค์โดยธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ จะมีก็เพียงสิ่งเดียวที่มิได้เกิดขึ้นเอง หากแต่เป็นฝีมือของมนุษย์... มันคือเรือรบเหล็กขนาดมหึมาเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการถึง ขนาดที่คนที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนคิดว่ามันเป็นเปลือกทวีปเคลื่อนที่เลยทีเดียว มันฝ่าเกลียวคลื่นของมหาสมุทรโดยไม่ครั่นคร้ามต่อสิ่งใด เพราะนอกจากตัวมันเองแล้วก็ยังมีบริวารติดสอยห้อยตามมาอีกเป็นจำนวนที่มากพอควร นอกจากเรือธงที่เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่ที่สุดอย่าง UFG Glory ของมหาอำนาจอย่างแอนดรูวส์ แล้วก็ยังมีเรือประจัญบานกันกุต รีวาลูซาของคัทยูช่าแห่งไซบีเรียน ไทเกอร์ขนาบข้างมาด้วย นอกจากนั้นยังมีเรือบรรทุ
———— 1 เดือนต่อมา1 เดือนผ่านไปไวยังกับโกหก... ที่เขาว่ากันว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วนี่ดูท่าจะเป็นเรื่องจริงแฮะเพราะแล้วพอรู้ตัวอีกที ก็มาถึง ‘วันตัดสินชี้ชะตา’ ซะแล้วถึงจะไม่อยาก แต่ไม่ช้าก็เร็วยังไงวันนี้ก็ต้องมาถึงเข้าซักวันอยู่ดีส่วนเรื่องที่ว่าตลอด 1 เดือนที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นบ้างนั้น...ขออดเปรี้ยวไว้กินหวาน พูดถึงเรื่องงานก่อนก็แล้วกันหลังจากการประชุมสภาโต๊ะจัตุรัสหนก่อน จนได้ข้อสรุปว่าจะขยายกองกำลังป้องกันให้มากขึ้นกว่าเดิม พวกเราก็ดำเนินการตามแผนกันในทันทีเริ่มจากการจัดหาทรัพยากรสร้างเรือรบ ไม่สิ เพราะมีฟังก์ชั่นลอยตัวของแกนเวทใหม่ของเมอร์ลิน เพราะงั้นก็ต้องเป็น ‘เรือเหาะเวทมนตร์’เดิมทีแผนก็คือสร้างอู่ต่อเรือ 10 แห่งให้เสร็จภายในเวลา 1 สัปดาห์ แต่พอเอาเข้าจริง พวกเราภาคีโต๊ะจัตุรัสก็ทำผลงานได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้ผลก็คือสามารถสร้างอู่ต่อเรือเพิ่มได้ถึง 15 แห่งในเวลาเพียงแค่ 6 วันอาจมองว่าเป็นความต่างเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมากมหาศาลเลยเชียวล่ะเพราะตอนแรกประมาณการณ์ไว้ว่าจะมีเรือเหาะที่เป็นกำลังรบได้ 42 ลำ จากการใช้เวลาสร้าง 1 ลำต่อ 1 สัปดาห์ โดยใช้อู่
หลังจากที่ประชุมแผนการพิชิตมหาดันเจี้ยนอย่างเป็นรูปธรรมเสร็จแล้ว พวกเราทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเป็นภาระหน้าที่ที่หนักอึ้งเอาเรื่องเลยสำหรับเด็กหนุ่มเด็กสาวอายุไม่ถึง 20 (ไม่นับอายุทางจิตใจของฉันนะ)พอมานึกดูเล่น ๆ... กลับกลายเป็นพวกเราทุกคนมีงานมีการ มีหน้าที่รับผิดชอบกันเป็นชิ้นเป็นอันกันหมดแล้วก็ถ้าเป็นในโลกเดิม พวกเราทุกคนกำลังเรียน ม.ปลายกันอยู่เลยนี่นะแต่ดูตอนนี้สิ... มีทั้งงาน มีทั้งบ้าน มีทั้งครอบครัวแล้วด้วยมาไกลเหมือนกันแฮะตัวเรา... ทั้งที่เพิ่งจากโลกเดิมมาได้ไม่ถึงครึ่งปีเลยแท้ ๆที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเรามีคู่ชีวิตดี ๆ นั่นแหล่ะนะ ถึงมาได้ไกลขนาดนี้อ๊ะ... เผลอนอกเรื่องอีกแล้วประเด็นที่อยากจะบอกก็คือ ถึงตอนนี้จะมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ แต่ก็อย่าลืมครอบครัวที่คอยสนับสนุนอยู่ต่างหากก็นะ ถึงฉันจะยกเรื่องครอบครัวเป็นอันดับหนึ่งเหนือเรื่องงานอยู่แล้วก็เถอะ แต่ก็ยังอยากจะย้ำกับตัวเองอีกหลาย ๆ รอบอยู่ดีแล้วก็เพราะแบบนั้น ถึงได้ทำให้นึกถึงเรื่องสำคัญที่อยากจะทำออกด้วยคุยกับแมรี่ไว้แล้วนี่นะว่าจะให้แกเข้าโรงเรียนแล้วเดิมที จุดประสงค์หลักที่เป็นแบบนั้นก็คือ อยากจะ
เฮ้อ... ท่ามกลางบรรยากาศสงบสุขในเมือง กลางท้องถนนย่านการค้าที่กำลังคึกคักมากขึ้นเรื่อย ๆ กลับมีเด็กหนุ่มถอนหายใจราวกับไม่พอใจอะไรบางอย่างในชีวิต ทั้งที่เขาคนนี้มีสาวน้อยน่ารักเดินควงแขนอยู่แท้ ๆ“ กร ไม่สนุกที่มาเดทกับดิฉันเหรอคะ ” เด็กสาวเอ่ยถามเด็กหนุ่มที่ทำหน้าเหมือนกับผิดหวังอะไรบางอย่าง แต่พอเห็นสีหน้ากังวลใจของเด็กสาวที่เป็นแฟนของตัวเอง เด็กหนุ่มก็ดีดผึงจนหลังตรงหันมาให้ความสนใจกับเธอในทันที“ ไม่ ๆ ไม่ได้ไม่สนุกที่มาเดทกับเธอหรอกชาลอต แค่นึกถึงเรื่องเมื่อกี้นิดหน่อยน่ะ ” เด็กหนุ่ม... กรตอบกลับแฟนสาวอย่างชาลอตในทันทีเพื่อแก้ความเข้าใจผิด เพราะเดิมที การมาเดทกับเจ้าตัวก็เพื่อให้ชาลอตอารมณ์ดี รวมถึงต้องการจะเห็นแผนสาวสุดที่รักอย่าชาลอตยิ้มออกมาเยอะ ๆ ดังนั้นหากจะทำอะไรให้เธอกังวลและไม่พอใจ นั่นคงเป็นการผิดจุดประสงค์ที่ตั้งใจไว้ของตัวเอง“ เรื่องเมื่อกี้? ที่ทุกคนตกลงว่ากรต้องเดทกับทุกคนทุกวันน่ะเหรอ? ” ชาลอตเอ่ยถาม คิ้วเธอขมวดเล็กน้อยเหมือนไม่เข้าใจว่ากรจะกังวลเรื่องนี้ทำไม ซึ่งก็จริง เพราะกรมีแต่ได้กับได้“ ก็ฉันกลัวจะรับมือกับทุก
“ นาย... เอลกินจริงเหรอ? ” กรถึงกับต้องขมวดคิ้วจ้องมองชายคนที่อยู่ตรงหน้าเพราะไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ซึ่งมีอาเองก็ทำแบบเดียวกัน“ ขอโทษด้วยนะครับ มากะทันหันแบบนี้คงตกใจกันน่าดู ” เอลกินยิ้มตอบแบบไม่ได้คิดมาก“ ไม่ไม่ไม่ ไม่ได้ตกใจเรื่องที่มาปุบปับซะหน่อย ” กรอดที่จะพูดเหมือนกับตกมุกแบบนั้นไม่ได้“ นั่นสิ... ยังกับคนละคนเลยเนาะกร ” มีอาเองก็แอบกระซิบแบบนั้นข้างหูกรเหมือนกัน“ นั่นสินะครับ ต้องอธิบายเรื่องนั้นด้วย แต่ก่อนอื่น... ” และดูเหมือนเอลกินเองก็ได้ยินเสียงกระซิบของมีอา แต่ยังไงก็ตาม เจ้าตัวก็พยายามทำเรื่องที่ตั้งใจไว้หนแรกก่อน เขาจึงยื่นช่อดอกไม้ในมือให้กับกร“ อันนี้แทนคำขอโทษของผมนะครับ ขอโทษด้วยจริง ๆ ที่พูดจาเสียมารยาทไปมากมายเมื่อตอนนั้น ” เอลกินพูดจบก็โค้งให้พวกกรอย่างนอบน้อม ท่าทางนั้นออกมาจากใจจริงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เดิมที หากเขาเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีและโอ้อวดศักดาตัวเองแบบที่เจอกันครั้งแรกจริง เขาคงไม่มีทางยอมทำเรื่องแบบนี้อย่างเต็มใจแน่“ อืม... ยังไงก็เข้ามาก่อนแล้วกัน ว่างั้นไหมมีอา ”“ นั่นสินะ ถ้าขอโทษกันแล้วฉันก็ไม่ต