“เจ้าช่างเป็นผู้หญิงที่โง่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าสร้างปัญหามากมายเพียงใดให้กับจวนอัครมหาเสนาบดี?”“วันนี้เป็นเพราะเจ้า การสวดอธิษฐานตกหยุดลงกลางคัน เจ้าคิดว่าจะเกิดผลลัพธ์ใดตามมา? ข้าจะบอกเจ้าเอง ทางที่ดีสุดเจ้าจงอธิษฐานขอให้ภายในสามปีนี้ แคว้นตงเยว่ราบรื่น ไร้ภัยพิบัติ”“มิเช่นนั้น หากเกิดภัยพิบัติขึ้น ทุกคนจะคิดว่าเป็นเพราะเจ้า เพราะหญิงโง่อย่างเจ้าทำผิดต่อเทพเซียน เจ้าเข้าใจหรือไม่”นางหลิ่วไม่คิดถึงข้อนี้จริงๆ นางตกใจจนตะลึงงัน ตกใจจนร้องไห้ไม่ออกเฟิ่งอวี้เทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “นับตั้งแต่วันนี้ เจ้าอยู่ในเรือนทำตัวดีๆ หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า หากออกนอกเรือนแม้แต่ครึ่งก้าว”นางหลิ่วดึงสติกลับมา มองอีกฝ่ายด้วยความตกใจจนหน้าถอดสี“ท่านพี่ ท่าน ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“หึ ฮองเฮามีพระเสาวนีย์มาแล้ว ให้เจ้าคิดทบทวนความผิด เจ้าไม่เข้าใจอีกหรือ? เจ้าอยู่ในเรือนแต่โดยดี อย่าออกไปขายหน้าผู้อื่น”“อีกเรื่องหนึ่ง จงมอบเรื่องดูแลตระกูลออกมา ให้หวังซินเหอทำหน้าที่แทนชั่วคราว”“ไม่ได้นะ”เรื่องอื่นยังพอคุยกันได้ แต่เรื่องดูแลตระกูล นางหลิ่วปฏิเสธทันทีโดยไม่แม้แต่จะคิดนางเป็นฮูหยินใ
เสื้อผ้าที่เฟิ่งเชียนอวี่เปลี่ยนในทุกวัน ล้วนมีสาวใช้ที่ทำหน้าที่ซักและตากไปจัดการไม่ใช่ชุ่ยเตี๋ยบังเอิญเห็นบางอย่างบนเสื้อผ้าของนาง ก็คือได้ยินบางอย่างในเรือนกล่าวโดยสรุป สาวใช้คนนี้น่าสงสัยมากที่สุด“พระชายาเข้าใจผิดแล้วเจ้าค่ะ บ่าวตั้งใจทำงานในเรือนหลังทุกวัน ไม่กล้าละเมิดกฎแม้แต่น้อย พระชายา ท่านไม่อาจครหาบ่าวโดยไร้เหตุผลนะเจ้าคะ”ชุ่ยเตี๋ยเรียกร้องความเป็นธรรมเสียงดังเฟิ่งเชียนอวี่กลอกตามองบน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าร้องตะโกนอะไร? เจ้าเป็นคนของเรือนใหญ่ของจวนตระกูลเฟิ่ง ไม่ว่าเจ้าจะทำหรือไม่ ล้วนไม่ได้ถือว่าข้าใส่ความเจ้า”ชุ่ยเตี๋ยเงียบ“แต่ว่า ข้าเป็นคนมีเหตุผลมาโดยตลอด โดยทั่วไปนั้น ต้องมีหลักฐานจึงจะโน้มน้าวได้ ดังนั้น...เฟิ่งเชียนอวี่พูด เลิกคิ้วขึ้น หยิบพับไฟขึ้นมา เปิดและเป่าเบาๆ เปลวไฟสีส้มผุดขึ้นมา“ชุ่ยเตี๋ย มา มองที่นี่ จ้องมองเปลวไฟนี้ เจ้าเห็นสิ่งใด?”ชุ่ยเตี๋ยไม่เข้าใจ ส่ายหน้า “บ่าวไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเจ้าค่ะ”“เป็นไปได้อย่างไร เจ้ามองให้ถี่ถ้วน ต้องมีอะไรแน่นอน ขอเพียงเจ้ามองเห็น ข้าจะปล่อยเจ้าไป”ชุ่ยเตี๋ยได้ยินเช่นนั้น ตั้งใจมองทันที“ถูกต้อง เ
ฮูหยินหงพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เจ็บแล้ว ไม่เจ็บตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว”“เช่นนั้นก็ดีแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่คิดถึงเรื่องบางอย่าง จึงพูดเตือน “ฮูหยินหง อาการรักแร้เหม็นของท่านหายดีแล้ว แต่เพราะผลของการรักษา ทำให้ท่านมีรอยแผลสองเส้นนูนขึ้นมา ท่านเองก็มองเห็นได้”“หากท่านให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จริง...”ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวในยุคปัจจุบันหรืออดีต ล้วนไม่อยากมีรอยแผลเป็นเดิมทีนางอยากบอกว่า หากอีกฝ่ายรังเกียจ นางรักษารอยแผลเป็นให้ฮูหยินหงได้ ใช้เลเซอร์ยิงให้แผลนูนเรียบได้แต่ไม่รอเฟิ่งเชียนอวี่พูด ตัวฮูหยินหงยอมรับความจริงได้เป็นอย่างดี ยิ้มพร้อมกับส่ายมือ“ไม่เป็นไร ได้ผลลัพธ์เช่นทุกวันนี้ ข้าพอใจมากแล้ว”สำหรับสตรีทั่วไป ย่อมไม่อยากมีบาดแผลแต่สำหรับฮูหยินหง เทียบกับโรคเรื้อรังก่อนหน้านี้ แผลเป็นสองเส้นบางๆ เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นนางสามารถรักษาอาการที่คอยรบกวนมาโดยตลอดให้หายดีได้ ทำให้ฮูหยินหงรู้สึกซาบซึ้งใจมากแล้ว เรื่องอื่นนางไม่กล้าคิดเพ้อฝันเฟิ่งเชียนอวี่เห็นเช่นนี้ ทำได้เพียงเก็บความคิดเรื่องหาเงินนางพูดเตือน “แม้อาการป่วยของฮูหยินได้รักษาแล้ว แต่อนาคตยังคงต้องระวัง เพราะ
“ไม่ได้”“เพราะเหตุใด?” นางขมวดคิ้วเป็นปมตงฟางจิ่งชำเลืองมองนางครู่หนึ่ง “เพราะเหตุใดพระชายาไม่กระจ่างหรือ? หากไม่ใช่เพราะเจ้านอนขี้เกียจอยู่นาน ไม่ยอมตื่น นอนเหมือนหมู พวกเราก็ไม่ต้องรีบเช่นนี้”นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นผู้หญิงนอนขี้เซาเช่นนี้สีหน้าของตงฟางจิ่งเปี่ยมไปด้วยความรังเกียจ “เกรงว่าในเมืองหลวงไม่มีสตรีคนใดขี้เกียจเหมือนเจ้าแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”หลังจากเขาพูดจบ ตบหน้าต่างรถม้าด้วยสีหน้านิ่งสงบ “เร็วหน่อย”สารถีฉลาดหลักแหลม ฟาดแส้ลงบนบั้นท้ายของม้าอย่างแรง “เจี๊ยะ...”ชั่วขณะหนึ่งเฟิ่งเชียนอวี่ไม่ทันระวัง ถูกกระแทกทันที บั้นท้ายตกลงกับพื้นอย่างแรง สีหน้าของนางไม่สบอารมณ์อย่างมากให้ตายสิ!!!ชายชั่วคนนี้!เฟิ่งเชียนอวี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะกำลังเตรียมทะเลาะกับชายตรงหน้า รถม้ากลับหยุดลงกะทันหันตงฟางจิ่งขมวดคิ้วเป็นปม เปิดม่าน “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”สารถีรีบตอบ “ท่านอ๋อง องครักษ์เว่ยเซิงขอรับ”เว่ยเซิงขี่รถม้าตามมา สีหน้าเคร่งขรึม แววตาเปี่ยมไปด้วยความกังวล “อวี่...”“ท่านอ๋อง เกิดเรื่องแล้วขอรับ”เขาพูดแล้วยื่นกระบอกไม้ไผ่ขนาดเท่านิ้วโป้งให้ตงฟางจิ่งผ่าน
หลังจากเว่ยเซิงอธิบาย เฟิ่งเชียนอวี่เพิ่งรู้ว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตงฟางจิ่งที่แท้ ข่าวที่เว่ยเซิงเพิ่งได้รับเมื่อครู่คือ เรือมังกรที่จวนอ๋องหกทำเสร็จนั้นถูกคนเล่นตุกติกตามหลักแล้ว เรือมังกรทั้งหมดตั้งแต่แรกเริ่ม ลวดลายมังกรที่แกะสลักนั้น เป็นได้เพียงมังกรสี่เล็บตามบันทึกนิทานปรัมปรา สี่เล็บไม่อาจเรียกว่ามังกร แต่เรียกว่าเจียว ดังนั้นแกะสลักมังกรสี่เล็บ ไม่ถือว่าทำผิดแต่เรือมังกรของจวนอ๋องหกกลับมีคนทำบางอย่าง ด้านหลังเรือมังกร มีมังกรตัวหนึ่ง จากเดิมที่เป็นสี่เล็บ กลับกลายเป็นห้าเล็บนี่ถือเป็นปัญหาใหญ่มังกรห้าเล็บ คือมังกรที่แท้จริง ตามประวัติศาสตร์แล้วมีเพียงโอรสแห่งสวรรค์เท่านั้น ซึ่งก็คือมีเพียงฮ่องเต้เทียนหยวนเท่านั้น ที่มีสิทธิ์ใช้ภาพวาดมังกรนี้แกะสลักมังกรห้าเล็บบนเรือมังกร หากเกิดเรื่อง กล่าวรุนแรงเล็กน้อย ถือเป็นการก่อกบฏ แม้ตงฟางจิ่งจะเป็นอ๋อง ก็ไม่อาจเลี่ยงบทลงโทษสถานหนักได้หลังจากเฟิ่งเชียนอวี่ฟังจบ นางตกตะลึงเล็กน้อยสีหน้าเว่ยเซิงเปี่ยมไปด้วยความหงุดหงิด “ตั้งแต่เลือกวัสดุกระทั่งทำเรือมังกร ข้าน้อยเลือกผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไว้วางใจได้คอยดูตลอด แต่สุดท้ายก
ขอเพียงตนไม่พูด เขาคิดให้ตายอย่างไรก็ไม่มีทางคาดคิดถึงความลับเรื่องห้องทดลองของตนในเมื่อนางทำแล้ว นางไม่คิดจะทำลายความสงสัยนี้ ขอเพียงนางไม่ยอมรับ เขาจะทำอะไรได้เฟิ่งเชียนอวี่หาอย่ารวดเร็ว เวลามีจำกัด ทั้งยังไม่มีเวลาดูอะไรมากมาย นางหาเรือมังกรที่คล้ายกับของจวนอ๋องหก ขนาดและสีใกล้เคียงกัน แล้วสับเปลี่ยนแม้วิธีนี้ไร้คุณธรรม แต่ตามคำที่กล่าวว่า จะตายเจ้าก็ตายข้าไม่ตายด้วย นางเองก็อับจนหนทาง เฮ้อ ขอโทษด้วยๆหลังจากเฟิ่งเชียนอวี่สลับเรือมังกรแล้ว นางก็เปลี่ยนธงของทั้งสองฝ่ายด้วย นางเพิ่งเห็นว่า ธงที่นางเปลี่ยนนั้น เขียนคำว่าหล่างเอาไว้นางเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใครเฟิ่งเชียนอวี่ไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว นางก็แอบหนีออกไปด้วยความระมัดระวัง ยังคงซ่อนตัวอยู่ในมุมเดิมก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว ทหารรักษาพระองค์ไม่เจอตัวคนน่าสงสัย จึงกลับมาผ่านไปอีกครู่ใหญ่ ตงฟางจิ่งปรากฏตัวอีกครั้ง พาเฟิ่งเชียนอวี่ออกไปสำเร็จนอกที่ประทับ ทั้งสามคนกลับขึ้นรถม้าอีกครั้ง มองไปทางทะเลสาบอวี้หูเว่ยเซิงอดไม่ได้ที่จะถาม “พระชายา สำเร็จแล้วหรือขอรับ”เฟิ่งเชียนอวี่ทำมือโอเคเว่ยเซิงแ
“เสด็จพ่อ งานวันนี้ยิ่งใหญ่อลังการ เช่นนั้น เชิญนักพรตเฟิงมาร่วมงานด้วยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อฮ่องเต้เทียนหยวนได้ฟังก็เห็นด้วย ทอดสายพระเนตรมองไปทางตงฟางจิ่งตงฟางจิ่งก็ไม่ปฏิเสธ“หม่อมฉันให้คนไปเชิญนักพรตเฟิงพ่ะย่ะค่ะ”เวลานี้เฟิ่งเชียนอวี่เห็นที่นั่งฝั่งตรงข้าม คือฮูหยินหง นางค่อยเข้าใจทุกอย่างโรคเรื้อรังของฮูหยินหง เป็นที่รู้กันทั่วทั้งเมืองหลวง แม้นางจะเป็นภรรยาของขุนนาง อีกทั้งยศถาบรรดาศักดิ์ของสามีก็ไม่ธรรมดา ล้วนมีสิทธิ์มาร่วมงานเลี้ยงมากมายแต่ที่ผ่านมา เพราะอาการรักแร้เหม็นของฮูหยินเป็นเหตุ นางจึงไม่ออกจากเรือน จึงยิ่งอย่ากล่าวถึงเรื่องร่วมงาน รังแต่จะทำให้ผู้อื่นรังเกียจแต่ตอนนี้ อาการป่วยของนางดีแล้ว ย่อมออกมาได้ประจวบเหมาะถึงเทศกาลบ๊ะจ่างพอดี นี่เป็นครั้งแรกที่ฮูหยินหง ยืนอยู่ตรงหน้าผู้คนอย่างสง่าผ่าเผยอดีตที่ผ่านมา สามีล้วนพาอนุภรรยาคนอื่นๆ มาร่วมงาน ฮูหยินหงไม่มีแม้กระทั่งสิทธิ์ในการห้าม ต่อไปนี้ จะไม่เกิดเรื่องที่ทำให้ฮูหยินหงอับอายอีกแล้วเพราะจวนเจิ้นกว๋อกง บวกกับอาการป่วยของฮูหยินหง ทำให้นางถือเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเวลานี้นางปรากฏตัว ทุกคนต่างตกใจอย
ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “อย่าตื่นตระหนก เจ้าจัดการแล้วไม่ใช่หรือ”เฟิ่งเชียนอวี่เลิกคิ้ว ก็ใช่“แต่ว่า...”ตงฟางจิ่งมองดูธงผ้าสีแดงก่ำที่แขวนอยู่บนเรือมังกรของจวนตัวเอง ในดวงตามีความแปลกใจแวบผ่าน จากนั้นค่อยๆ ก้มหน้าลง แล้วโน้มไปข้างหูเฟิ่งเชียนอวี่“เจ้าแน่ใจหรือ ว่านี่คือเรือมังกรของข้า?”เมื่อครู่เขามองปราดเดียว ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เรือมังกรจากจวนของเขาดังนั้น วิธีแก้ปัญหาที่เฟิ่งเชียนอวี่กล่าวเมื่อครู่ ไม่ใช่อย่างที่เขาคิด แต่กลับเป็นการ...สลับเรือมังกรอย่างนั้นหรือ?ตกลงหญิงผู้นี้ทำได้อย่างไรตงฟางจิ่งใคร่รู้เหลือเกิน อีกทั้งรู้สึกน่าทึ่งอย่างที่สุด แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถกเถียงกันในเรื่องนี้ร่างเฟิ่งเชียนอวี่แข็งทื่อสักครู่ แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว แล้วกระแอมเสียงค่อย ทำเป็นไม่ได้ยินตงฟางจิ่งหันมองรัชทายาท “องค์รัชทายาทชมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?”สีหน้าของรัชทายาทไม่ดีนัก จึงเม้มปาก แล้วฝืนยิ้ม “เรือมังกรของจวนน้องหกไม่เลว”ขณะเดียวกัน ในใจเขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างในที่สุดคณะของฮ่องเต้เทียนหยวนก็เดินมาถึงตรงหน้าเรือมังกรลำสุดท้าย ซึ่งก็คือเร
“ฮือ ฮือ...”ตงฟางหล่างหน้าซีดด้วยความหวาดผวา พร้อมส่ายหน้าอย่างแรง ไม่ใช่นะเสด็จพ่อ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นทว่าฮ่องเต้เทียนหยวนกลับเชื่อไปเจ็ดแปดส่วนแล้วเพราะมือสังหารพูดอย่างมีเหตุมีผล หากตงฟางจิ่งลอบสังหารเขาจริง เหตุผลล่ะ?ตงฟางจิ่งร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก น้อยมากที่จะออกจากจวนอ๋อง ไม่มีเหตุผลในการลอบปลงพระชนม์แม้แต่น้อย เพราะต่อให้ทำสำเร็จ แล้วเขาจะทำอะไรได้?ทว่ารัชทายาทไม่เหมือนกันหากฮ่องเต้เทียนหยวนตาย รัชทายาทจะเป็นฮ่องเต้ตงเยว่คนต่อไป ถือเป็นผลประโยชน์มหาศาลสำหรับเขา จึงค่อนข้างเข้าใจได้ ฮ่องเต้เทียนหยวนเป็นฮ่องเต้ที่เห็นแก่ตัวและรักอำนาจ คำพูดของมือสังหารแต่ละคำกระแทกเข้าไปในใจเขา ราวกับรุกล้ำขีดจำกัดของเขา ทำให้เขาโกรธจนถึงขีดสุด“ทหาร มาลากตัวมือสังหารผู้นี้ลงไปประหารซะ”“ยังมีรัชทายาท คนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เนรคุณอกตัญญู ช่างน่าโมโหยิ่งนัก มาลากตัวไปรอรับโทษที่คุกหลวง”ฮ่องเต้เทียนหยวนโมโหมาก หลังจากสั่งเสร็จจึงจากไปทันทีเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว ตงฟางจิ่งถูกปล่อยออกจากวังอย่างปลอดภัย ส่วนรัชทายาทถูกนำไปคุมขังที่คุกหลวงรัชทายาทคงไม่นึกไม่ฝัน เมื
“รัชทายาท...”น้ำเสียงเย็นเยือกของฮ่องเต้เทียนหยวนทำให้ใจของตงฟางหล่างบีบรัด“เสด็จพ่อ ลูกถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่ามือสังหารผู้นี้ได้รับคำสั่งจากใคร ถึงได้ใส่ความลูกเช่นนี้”“ก่อนหน้านี้เขาซัดทอดน้องหกก่อน ตอนนี้ซัดทอดลูก เห็นได้ชัดว่ามีเงื่อนงำ ความภักดีที่ลูกมีต่อเสด็จพ่อ ฟ้าดินเป็นพยานได้ ไม่กล้าลบหลู่พระองค์แม้แต่น้อย”“เสด็จพ่อ นี่เป็นแผนการ ขอจงทรงตรวจสอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนบรรยายไม่ถูก แต่ไม่ดีแน่นอน สายตาของพระองค์หันมองตงฟางจิ่ง“เจ้าหก เรื่องนี้เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “ลูกไม่มีความเห็น มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ลูกเป็นผู้บริสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”ตงฟางหล่างกัดฟันกรอด แล้วถลึงตาใส่เขา เจ้าบริสุทธิ์หรือ? ดังนั้นคนที่มีปัญหาคือเขางั้นหรือ?เขาอดแค่นหัวเราะไม่ได้ “น้องหกพูดอย่างไม่เดือดร้อน ครั้งที่แล้วมือสังหารซัดทอดเจ้า คราวนี้กลับเปลี่ยนคำให้การกะทันหัน ช่างบังเอิญเสียจริง”ตงฟางจิ่งส่ายหน้าเชื่องช้า “มือสังหารชี้แจงสาเหตุแล้วไม่ใช่หรือ”“ท่านสังหารน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา คนเป็นพี่ชายอย่างเขาไม่ยินดีถวายชีวิตให้ท่านอีกแล้ว เรื่
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่ารัชทายาทสั่งการเจ้าหรือ?”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่กล้าโป้ปด ทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์รัชทายาท”ตงฟางหล่างที่อยู่อีกด้านกำหมัดแน่น มองดูมือสังหารด้วยแววตาอำมหิต แทบอยากจะเข้าไปแทงอีกฝ่ายให้ตายคามือเขากล้าได้อย่างไร...“ฮึ เจ้านึกว่าเราจะเชื่อเจ้าหรือ?”“ครั้งที่แล้วเจ้าซัดทอดอ๋องหก ครั้งนี้ซัดทอดรัชทายาท เจ้ากำลังปั่นหัวเราเหมือนคนโง่หรือ?”มือสังหารรีบกล่าว “กระหม่อมไม่กล้า”“เราว่าเจ้าใจกล้ามาก ในเมื่อเจ้าซัดทอดรัชทายาท เราจะถามเจ้าอีกครั้ง เหตุใดครั้งแรกเจ้าซัดทอดอ๋องหก แล้วตอนนี้ถึงเปลี่ยนคำให้การอีกครั้ง?”“หากเจ้าไม่มีเหตุผล เราจะให้เจ้าได้ลิ้มรสสุดยอดของเครื่องทรมาน” ฮ่องเต้เทียนหยวนทรงพลังดูน่าเกรงขามมือสังหารกัดฟันกรอก แล้วจ้องไปที่รัชทายาท ในดวงตามีความโกรธแค้นที่รุนแรงความโกรธแค้นนั้นเสมือนจริงมากตงฟางหล่างถูกเขาจ้องจนชะงักไป“กระหม่อมเป็นข้ารับใช้ขององค์รัชทายาทมาตลอด ทำงานให้องค์รัชทายาทด้วยความจงรักภักดี”“การลอบปลงพระชนม์ในครั้งนี้ เดิมทีกระหม่อมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตาย เพราะองค์รัชทายาทเคยบอกว่าหากกระหม่อมเกิดเรื่อง จะช่วยดูแลน้องสาวเพียง
ถูกต้อง หากไม่มีตราประทับนั่น แค่คำให้การของมือสังหาร คงไม่มีน้ำหนักมากพออ๋องทุกคนล้วนมีตราประทับเฉพาะของทุกคน เพื่อแสดงสถานะของตน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือฝีมือแกะสลักล้วนเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งยากจะเลียนแบบทว่าตราประทับนั่นกลับอยู่บนตัวมือสังหาร หนำซ้ำหลังผ่านการพิสูจน์ มันเป็นของจริงนี่จึงเป็นสาเหตุให้ฮ่องเต้เทียนหยวนสงสัยตงฟางจิ่งสีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนไม่สู้ดีนัก เขาหันมองตงฟางจิ่ง “เจ้าหก เจ้าเป็นลูกที่เรารักและเอ็นดูมาโดยตลอด หากเจ้ายอมรับตอนนี้ เราจะลงโทษสถานเบา”“ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าเราไม่ให้โอกาสเจ้า”เมื่อรัชทายาทได้ยิน แววตามีความไม่สบอารมณ์แวบผ่านตงฟางจิ่งสีหน้าเรียบเฉย “ลูกไม่มีความผิดพ่ะย่ะค่ะ”“ดี นำตัวเข้ามาเดี๋ยวนี้” ฮ่องเต้เทียนหยวนเอ่ยเสียงฮึดฮัดในไม่ช้า มือสังหารที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำกรมราชทัณฑ์ถูกคุมตัวเข้ามามือสังหารหมอบกราบอยู่บนพื้น ไม่มีปฏิกิริยาใดทั้งสิ้นฮ่องเต้เทียนหยวนมองเขาเยือกเย็น “เจ้าลองบอกเราอีกครั้งสิ คืนนั้นที่เจ้าลอบสังหารเรา ได้รับคำสั่งจากใครกันแน่?”“ทางที่ดีจงพูดความจริง หากกล้าโป้ปดแม้แต่น้อย เราจะเฉือนเจ้าท
“พระชายา ตกลงท่านทำอะไรลงไป?”เฟิ่งเชียนอวี่เท้าคางพร้อมโบกมือ “บอกไปพวกเจ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”นางหันมองเว่ยเซิงกับเว่ยชิว “พวกเจ้าสองคนมีวิธีทำให้ฮ่องเต้ไต่สวนคดีของตงฟางจิ่งอีกครั้งหรือไม่?”“จำไว้ ทางที่ดีต้องไต่สวนต่อหน้าเหล่าขุนนาง โดยเฉพาะสามารถไต่สวนในท้องพระโรง สอบสวนมือสังหารคนนั้นต่อหน้าทุกคน”“ไม่ได้นะขอรับพระชายา หากมือสังหารคนนั้นซัดทอดท่านอ๋องอีกครั้ง เช่นนั้นข้อหานี้ จะไม่มีวันรอดไปได้อีกเลย”สีหน้าเว่ยเซิงเคร่งเครียดมากเฟิ่งเชียนอวี่กลอกตามองเขา “เรื่องนี้ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? วางใจเถอะ หากอยากให้ท่านอ๋องของพวกเจ้าออกมาจากคุกหลวงอย่างปลอดภัย ต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ”“นี่มัน...”เว่ยเซิงเอ่ยอย่างลังเล “พระชายา ท่านมั่นใจหรือ?”“มั่นใจแน่นอน”“งั้น...ก็ดี ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” เว่ยเซิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทำความเคารพคดีลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้เทียนหยวน แม้จะถูกมือสังหารซัดทอด แต่ในทางความผิด ตงฟางจิ่งยังไม่ยอมรับแม้ภายนอกตงฟางจิ่งจะเป็นอ๋องที่อ่อนแอขี้โรค ไม่สนใจเรื่องภายนอก ทว่าหลายปีมานี้ แอบวางแผนอยู่เบื้องหลังไม่น้อยเรื่องลอบปลงพระชนม์ เป็นความผิดที่ใส่ร้
บ่าวทางซ้ายมือเข้าใจทันที จึงก้าวไปหนึ่งก้าวแล้วทำให้เหยียนความสลบเขาวางเหยียนควานไว้บนพื้น แล้วหันไปมองอีกคน “พระชายา ท่านเก่งกาจเหลือเกินขอรับ”นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเข้ามาอย่างง่ายดาย หนำซ้ำยังไม่มีใครขัดขวางที่แท้บ่าวรับใช้ทั้งสองคน คือเฟิ่งเชียนอวี่และเว่ยเซิงส่วนเหลิ่งหานและเว่ยชิว ทั้งสองคนรออยู่ด้านนอก“เจ้าเฝ้าเขาให้ดี ข้าจะไปพบมือสังหารคนนั้น”“ไม่ได้ขอรับพระชายา ให้ข้าน้อยไปเป็นเพื่อนเถอะ ท่านเข้าไปคนเดียวอันตรายมาก”“วางใจเถอะ ข้ารู้จักประมาณตน ไม่ต้องพูดมาก”หลังจากเฟิ่งเชียนอวี่เอากุญแจมาจากมือเหยียนควาน ในไม่ช้าก็หาห้องขังของมือสังหารคนนั้นเจอพื้นที่บริเวณนี้เป็นส่วนที่ลึกมาก ห้องขังรอบด้านล้วนว่างเปล่า มีเพียงหนึ่งห้องที่คุมขังคนเอาไว้ จึงหาได้ง่ายมากนางเปิดประตูห้องขัง แล้วเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้ามือสังหารที่เดิมทีนอนพักสายตาอยู่บนเตียงลืมตาโพลง แล้วระมัดระวังตัวมาก “เจ้าคือใคร? เข้ามาได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่มองสำรวจอีกฝ่ายสักครู่ ใบหน้าดำคล้ำ หน้าตาธรรมดา เป็นคนที่หน้าตากลืนหายเข้าไปในฝูงชนนางเลิกคิ้ว เดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี
“...”เว่ยเซิงตาลุกวาว “พระชายา ท่านรู้แล้วหรือว่าจะช่วยท่านอ๋องได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “มีวิธีที่ช่วยได้จริง แต่ว่า ข้าจำเป็นต้องได้พบมือสังหารคนนั้น”“ไม่มีปัญหา เรื่องนี้พวกข้าจะคิดหาวิธีเองขอรับ” เว่ยเซิงเว่ยชิวรีบรับปากทันทีเฟิ่งเชียนอวี่ผายมือ “ฤกษ์ดีไม่สู้ฤกษ์สะดวก ทำเสียตอนนี้เถอะ”“ตอนนี้หรือ?” ทั้งสามคนแปลกใจนางเลิกคิ้ว “ไม่ได้หรือ?”“ไม่ใช่แน่นอนขอรับ” พวกเขาแค่รู้สึกว่ากะทันหันเกินไปเท่านั้นแต่เรื่องช่วยท่านอ๋องจะรอช้าต่อไปไม่ได้แล้ว ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี พวกเว่ยเซิงจึงลงมือทันทีขณะนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว บนถนนหนทางจึงไม่มีผู้คน เงียบสงัดมาก คนชุดดำทั้งสี่คนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปที่เรือนจำของกรมราชทัณฑ์เรือนจำของกรมราชทัณฑ์ย่อมตั้งอยู่ภายในกรม และมีทหารป้องกันแน่นหนาเช่นกันหากอยากเคลื่อนไหวโดยไม่เอิกเกริก แทรกซึมเข้าไปโดยไม่ให้เหล่าทหารพวกนี้รู้ คงทำได้เพียง...เฟิ่งเชียนอวี่ครุ่นคิด “เสนาบดีกรมราชทัณฑ์สามารถเข้าออกเรือนจำได้ตลอดใช่หรือไม่?”เว่ยเซิงพยักหน้า “แน่นอนขอรับ”สำหรับเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ เรือนจำเปรียบเสมือนพื้นที่ของตัวเอง ย่อมเข้
“เกลียดหรือ...คงไม่ถึงขั้นนั้น”ปีศาจจิ๋วที่มีเงางอกออกมาบนหัวบินเข้ามา ทำเสียงฮึดฮัด “หากไม่ใช่เพราะตอนแรกเขาไม่ยอมหย่าร้างกับเจ้า ด้วยความสามารถของเจ้า ตอนนี้คงมีความสุขอิสรเสรีไปแล้ว”“เขาเป็นคนกักขังเจ้าเอาไว้ในจวนอ๋องหก ทำให้เจ้าไม่อาจทำตามความฝันได้”เฟิ่งเชียนอวี่กระพริบตา แล้วสงสัย “ความฝันของข้าคือสิ่งใดหรือ?”ปีศาจจิ๋วบินวนกลางอากาศหนึ่งรอบ กำหมัดขวาแล้วชูขึ้น “ความฝันของพวกเราคือ เงินทองที่ใช้ไม่หมด หนุ่มรูปงามที่เกี้ยวไม่หวาดไม่ไหว”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”นางฟ้าจิ๋วถีบปีศาจจิ๋วจนกระเด็น พร้อมมือเท้าเอว เอ่ยอย่างโกรธเคือง “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ”“เชียนอวี่ เจ้าอย่าฟังเขาพูดจาเหลวไหล เขาคือหายนะ เจ้าดูเขาสิแค่หน้าตาก็ไม่เหมือนคนดีแล้ว”เฟิ่งเชียนอวี่เอ่ยเชื่องช้า “พวกเจ้าสองคนหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน”“ใครเป็นคนบอก”“ไม่ใช่สักหน่อย”ปีศาจจิ๋วและนางฟ้าจิ๋วโต้แย้งพร้อมกันเฟิ่งเชียนอวี่ถอนหายใจ แล้วโบกพวกเขาให้พ้นทางอย่างน่ารำคาญ “เอาละ เอาละ หนวกหูจะตายแล้ว ไปไกล ๆ ข้าเลย”นางฟ้าจิ๋วเบะปาก “เจ้าต้องช่วยเขาให้ได้นะ หากสามีเจ้าตาย เจ้าเองก็จบเห่เช่นกัน”“ที่นี่
“เจ้านึกว่าข้าจับตัวช่างพวกนั้นไม่ได้หรือ?”“ตอนนี้ข้าใจดีเปิดโอกาสให้เจ้ามีชีวิตรอด อย่าทำตัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “หากรัชทายาทเก่งกล้าขนาดนั้น เชิญตามสบาย”เฟิ่งเชียนอวี่เคยกล่าวไว้ แม้ช่างเหล่านั้นจะรู้วิธีทำ แต่พวกเขาไม่รู้ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดหากไม่มีขั้นตอนนี้ จะไม่สามารถผลิตแก้วหลิวหลีที่เป็นผลึกใสออกมาได้คิดไปก็น่าจะใช่ นางรักเงินทองขนาดนั้น สิ่งที่ทำเงินได้มากมาย จะเปิดเผยออกไปหมดได้อย่างไร หญิงผู้นั้นฉลาดเป็นกรดตงฟางจิ่งจึงไม่เป็นห่วงสักนิดตงฟางหล่างเห็นว่าใช้ไม้ไหนก็ไม่ได้ผล จึงจากไปด้วยความโกรธจวนอ๋องหกเฟิ่งเชียนอวี่พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับในหัวของนางคิดถึงตงฟางจิ่งโดยไม่มีสาเหตุแม้นางจะไม่รู้ว่าคุกหลวงในยุคโบราณเป็นอย่างไร แต่คิดก็รู้ แม้คุกหลวงจะเป็นคุกระดับสูง ทว่าอย่างไรก็คือคุก จะสุขสบายได้อย่างไรตงฟางจิ่งถูกจับตัวไป ข้างในคงไม่มีใครใช้เครื่องทรมานกับเขาหรอกนะ?ไม่ไม่ ไม่น่าจะใช่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นท่านอ๋อง เป็นถึงองค์ชาย คงไม่ตกต่ำขนาดนั้นแต่เรื่องที่เขาถูกตั้งข้อหาไม่ใช่เรื่องเล็ก นั่นมันก่อกบฏเ