ครู่ต่อมา ภาพมายาเปลี่ยนเป็นภาพจริงทันทีภายในช่องว่าง ก็มีอุปกรณ์ผ่าตัดชุดหนึ่งเพิ่มขึ้นมาอีกครั้งการคาดเดาได้รับการพิสูจน์แล้ว เฟิ่งเชียนอวี่ข้อมือสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น เอามือจับหน้าอกเกือบจะกรีดร้องเสียงแหลมออกมา นะ นี่มันน่ามหัศจรรย์เกินไปแล้วมั้ง?เฟิ่งเชียนอวี่จ้องมองอุปกรณ์มีดชุดหนึ่งในมือ แล้วก็หันไปมองอีกสิบสองชุดที่จัดเรียงรายอยู่เต็มในตู้ตามเดิม สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งประกายเพราะฉะนั้น สิ่งของที่อยู่ภายในห้องทดลองนี้ เพียงแค่ถูกเธอหยิบออกไป มันก็จะเติมให้เองโดยอัตโนมัติเหรอ? นี่มันจะใจดีเกินไปหน่อยไหมถ้าอย่างนั้น ถ้าหากว่า นางเอาสิ่งของอื่น ๆ เข้าไปวาง จากนั้นหยิบออกมาละ?เฟิ่งเชียนอวี่หยิบตั๋วเงินใบหนึ่งออกมาแล้วโยนเข้าไปในตู้อย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย แล้วก็อยู่หลายนาทีด้วยความอดทน แล้วก็นำตั๋วเงินออกมา จากนั้นเริ่มเบิกตามองผลปรากฏว่าเบิกตามองจนปวดตา ก็ไม่เห็นจะมีตั๋วเงินเพิ่มขึ้นมาจากตรงไหนเลยเฟิ่งเชียนอวี่ถอนหายใจ ช่างเถอะ มนุษย์นี่นะ ไม่ควรจะละโมบโลภมากเกินไปจริง ๆ ดูท่า ฟังก์ชันที่คล้ายกับการเติมเลือดอัตโนมัติในเกม จะจำกัดแค่เพี
“ท่านแม้ ข้าทรมานเหลือเกิน เพราะเหตุใดพวกท่านถึงได้ยอมให้ใช้วิธีแบบนั้น เพราะเหตุใดถึงให้ข้าดื่มของสิ่งนั้น เพราะเหตุใด...”นางยิ่งพูดก็ยิ่งหวั่นไหว ตะโกนและร้องไห้อย่างทุกข์ทรมาน“ลูก พ่อแม่ของเจ้าเองก็จนปัญญาแล้วเช่นกัน ตอนนั้นเจ้าตัวร้อนจนใกล้จะสติเลอะเลือนแล้ว บรรดาหมอหลวงก็ไร้ซึ่งหนทาง”“จะปล่อยให้เจ้าตัวร้อนแบบนั้นต่อไป หัวสมองอาจจะเกิดปัญหาได้ ไร้ซึ่งหนทางแล้วจริง ๆ”นางหลิ่วหางตาแดงเล็กน้อย กล่าวเสียงสะอื้น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง “ยังดีที่ถึงแม้ว่าตำรายาสมุนไพรพื้นบ้านนั่นจะน่าสะอิดสะเอียนไปหน่อย แต่ก็ได้ผลจริง ๆ เจ้าดื่มลงไปไม่ทันไร ไข้บนตัวก็ลดลงแล้ว”“ลูก ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของเจ้าอีกแล้ว เรื่องพวกนี้ผ่านไปหมดแล้ว พวกเราอย่าคิดมากอีกเลย ดีหรือไม่”เฟิ่งหลิงหลงจ้องมองนางหลิ่ว “ผ่านไปแล้ว? ลูกของภรรยาเอกจวนตระกูลเฟิ่งผู้สง่าผ่าเผยเป็นขี้กลาก ดื่มของแบบนั้น ท่านคิดว่า ทันทีที่เรื่องราวแพร่งพรายออกไป ลูกจะมีผลตามมาอย่างไร?”“ลูกยังจะเป็นลูกของภรรยาเอกแห่งจวนอัครเสนาบดีที่ทุกคนในเมืองหลวงแหงนหน้ามองอยู่หรือไม่? ยังจะเป็นดาวหงส์ จะเป็นหญิงสาวที่มีชะตาที่สวรรค์ลิข
“พวกเจ้าว่า คุณหนูใหญ่ตระกูลเพิ่งนี้จะเป็นดาวหงส์ตามที่อู๋เหวยไต้ซือบอกจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? ข้าว่าเข้าใจผิดแล้วกระมัง ดาวหงส์เป็นหญิงสาวที่มีชะตาที่สวรรค์ลิขิตเชียวนะ จะเป็นโรคชนิดนี้ได้อย่างไร? ถึงอย่างไรข้าก็ไม่เชื่อ”“ข้าก็ไม่เชื่อเช่นกัน ข้าว่า อาจจะเข้าใจผิดจริง ๆ ก็ได้ อัครเสนาบดีเฟิ่งไม่ได้มีคุณหนูใหญ่ตระกูลเพิ่งเป็นบุตรสาวคนเดียวหน่อย ยังมีอีกตั้งหลายคนนะ”“ไม่ผิด ดาวหงส์นี้ ข้าว่าน่าจะเป็นคนอื่นแล้วล่ะ”ดาวหงส์ จะใช่เฟิ่งหลิงหลงหรือไม่กันแน่นะ?ไม่เพียงบรรดาชาวบ้านเท่านั้นที่คาดเดา แต่ละจวนที่มีอำนาจรวมทั้งในวังหลวงต่างก็พากันสงสัยเช่นเดียวกันไม่พูดไม่ได้ว่า พลังของน้ำมูลค่อนข้างมากเลยทีเดียว หญิงสูงศักดิ์ที่เคยดื่มน้ำมูล นางอาจจะมีสถานะสูงส่ง อาจจะมีภูมิหลังทางครอบครัวที่ดี และอาจจะมีหน้าตางดงามก็ได้แต่เมื่อนำอีกฝ่ายมาเชื่อมโยงเข้ากับคำว่าหญิงสาวที่มีชะตาที่สวรรค์ลิขิตแล้ว มีความเป็นไปได้ยากอยู่เล็กน้อยฮ่องเต้เทียนหยวนเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องบรรทมของตนเอง หว่างคิ้วขมวดแน่น“จงเสียน เจ้าว่า เฟิ่งหลิงหลงคนนี้จะใช่ดาวหงส์ตามที่อู๋เหวยไต้ซือกล่าวไว้หรือไม่?”เว่ยจงเ
ฮ่องเต้เทียนหยวนครุ่นคิด แล้วเอ่ยถาม “อีกสักระยะ ก็จะถึงเทศกาลฉีเฉี่ยวแล้วสินะ?”เว่ยจงเสียนชะงัก แล้วรีบพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”“เจ้าไปแจ้งกรมพิธีการ เทศกาลฉีเฉี่ยวปีนี้ ให้จัดงานชมบุปผาในวังหลวง”“ให้กรมพิธีการส่งเทียบเชิญไปให้เหล่าขุนชายตระกูลขุนนาง แล้วก็ไปแจ้งทางฮองเฮา ให้นางส่งเทียบเชิญไปให้สตรีในตระกูลขุนนาง ในบรรดาหญิงสูงศักดิ์ ขอเพียงมีอายุสิบปีขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นบุตรสายตรงหรือลูกอนุภรรยา จำเป็นต้องเข้าร่วม”“รวมถึงต้องแจ้งไปที่องค์ชายทั้งหลายด้วย พร้อมกับส่งราชโองการไปที่จวนอ๋องหก ให้เจ้าหกพานักพรตเฟิงมาร่วมงานด้วย”เว่ยจงเสียนเข้าใจความคิดของฮ่องเต้ทันที ไม่ว่าจะเป็นนักพรตเฟิงที่มีวิชาแพทย์ล้ำเลิศ หรือว่าลูกอนุภรรยาตระกูลเฟิ่งหลายคนนั้น พระองค์ล้วนอยากพบสักครั้ง“กระหม่อมรับบัญชา”……เฟิ่งเชียนอวี่ไม่ได้ไปที่เรือนหมีเซิ่งสักระยะแล้ว วันนี้จึงจะแวะไปดูการเจริญเติบโตของต้นกล้าดอกไม้และสมุนไพรเมื่อตงฟางจิ่งรับทราบอยากจะไปด้วย หนำซ้ำนางไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธชื่อเรือนหมีเซิ่งก่อนหน้านี้ ถูกนางเปลี่ยนเป็นสวนฟางเฟยไม่หยาบและไม่ดาษดื่น ไพเราะและจำง่ายหลังขึ้นเขา ตงฟา
นางแค่ตัวคนเดียว และมีเพียงห้องทดลองแค่ห้องเดียว สามารถผลิตได้แค่ปริมาณที่นางต้องการเท่านั้นทั้งสองคนมาถึงหลังบ้านสวน ที่ดินหนึ่งพันกว่าหมู่ มีส่วนหนึ่งปลูกดอกไม้ บนกิ่งก้านของดอกไม้ เต็มไปด้วยดอกตูมนานาสีสันในแปลงสมุนไพร ส่วนมากจะโผล่ขึ้นมาแค่ครึ่งข้อนิ้วเท่านั้น เมื่อทอดมองจะเห็นเป็นผืนสีเขียวขจีส่วนที่ดินที่เหลือ เฟิ่งเชียนอวี่คิดว่าคงปล่อยว่างให้สูญเปล่าไม่ได้ จึงให้คนเอาข้าวมาปลูกดังคำกล่าวที่ว่าปากท้องชาวบ้านเป็นเรื่องใหญ่ คำโบราณก็มีกล่าวไว้ในมือมีเสบียง ในใจไม่ร้อนรน ข้าวสารคือสิ่งที่สำคัญที่สุดต้นกล้าที่หลังเขาก็ปลูกแล้ว หากอยากเห็นผลของมันคงต้องรอฤดูเก็บเกี่ยวเฟิ่งเชียนอวี่ดูแล้วพอใจมากจู่ ๆ ตงฟางจิ่งชี้ไปที่บ้านมุงกระเบื้องที่เรียงรายตรงเชิงเขา“ข้าจำได้ว่าที่ตรงนั้น เดิมทีไม่มีบ้านเรือนไม่ใช่หรือ”เฟิ่งเชียนอวี่พยักหน้า “ถูกต้อง ตอนหลังข้าให้คนสร้างขึ้น”จากนั้นนางไปที่ตลาดค้าทาส เพื่อไปซื้อช่างที่มีฝีมือในการทำเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องกระเบื้องเฟิ่งเชียนอวี่คิดว่าต่อไปนางจำเป็นต้องใช้ขวดกระเบื้องขวดหยกเป็นจำนวนมาก นอกจากภาชนะที่ต้องใช้เป็นบรรจุภัณฑ์ในก
เฟิ่งเชียนอวี่ได้ยินดังนั้นดีใจมาก “ท่านอ๋อง ท่านสอนข้าเถอะ ข้าจะตั้งใจฝึกฝน”“เจ้าอยากฝึกอะไร?” ตงฟางจิ่งเลิกคิ้วเฟิ่งเชียนอวี่ตอบโดยไม่ลังเล “วิชาตัวเบา”ถูกต้อง หากฝึกวรยุทธ์ในสมัยโบราณได้ เฟิ่งเชียนอวี่อยากฝึกแค่วิชาตัวเบา ในฐานะคนจากยุคปัจจุบัน การสามารถบินได้เป็นสิ่งที่ยั่วยวนใจมาก“ได้สิ หากมีเวลาว่างจะสอนเจ้า”เฟิ่งเชียนอวี่ตบไหล่เขาอย่างดีใจ แล้วทำท่าเหมือนเป็นเพื่อนรักกัน “ได้ใจมาก”“ท่านอ๋องวางใจได้ ขอเพียงมีข้าอยู่ ไม่ว่าภายหน้าท่านจะป่วยเป็นโรคใดหรือถูกพิษใด ขอเพียงยังมีลมหายใจ ข้าต้องช่วยให้ท่านรอดกลับมาจนได้”ตงฟางจิ่งหัวเราะพร้อมส่ายหน้า “เช่นนั้นข้าขอบคุณเจ้าล่วงหน้า”“เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น”ช่างหลายคนที่กำลังเผาเครื่องกระเบื้องอยู่ไม่กล้ารบกวนพวกเขา เมื่อเห็นพวกเขาพูดจบแล้วจึงเดินมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ “คารวะท่านอ๋อง พระชายา”เฟิ่งเชียนอวี่โบกมือ “ไม่ต้องประหม่า สิ่งที่ข้าให้พวกเจ้าทำ เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”“เรียนพระชายา ตอนนี้ผลงานที่ทำสำเร็จมีเพียงไม่กี่ชิ้นขอรับ”หนึ่งในช่างเอ่ยอย่างละอายใจและหวาดกลัว เขารีบนำกล่องไม้ใบเล็กมาทันทีเมื่อเ
เฟิ่งเชียนอวี่เพิ่งจะรู้สึกตัว ใช่สินะ เทศกาลฉีเฉี่ยวในสมัยโบราณเหมือนกับเทศกาลชีซีในยุคปัจจุบัน เพียงแต่สมัยโบราณค่อนข้างสำรวมเท่านั้นในวันเทศกาลฉีเฉี่ยว ชายหญิงสามารถนัดหมายกันได้ หรือมอบสิ่งของแทนใจ อีกทั้งสามารถไปไหว้ขอพรที่ศาลเทพเจ้าจันทรา เพื่อขอให้มีความรักที่ดีเป็นต้นตัวนางเป็นหญิงที่ออกเรือนแล้ว เทศกาลเช่นนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางเลยแต่แล้วจะทำไมล่ะ ต่อให้พระชายาอ๋องหกไม่ไป นักพรตเฟิงก็ต้องไปอยู่ดี พูดไปพูดมาคนที่ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงก็คือนาง เฮ้อ ช่างน่าปวดหัวเฟิ่งเชียนอวี่กลุ้มใจอยู่สักครู่ก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว จากนั้นหันมองตงฟางจิ่ง“ท่านอ๋อง ในเมื่อท่านรับปากว่าจะสอนวรยุทธ์ข้า ฤกษ์ดีมิสู้ฤกษ์สะดวก เริ่มวันนี้เถอะนะ”ตงฟางจิ่งครุ่นคิด “ได้”เรือนชิงหลานเฟิ่งเชียนอวี่เปลี่ยนเสื้อเป็นชุดทะมัดทะแมงสีแดง จากนั้นยืนอยู่ในศาลาเพื่อ...ยืน ย่อ ขานางยืนงอขา ยื่นสองแขนออกไป สีหน้าถมึงทึง“ท่านอ๋อง ข้าต้องยืนอยู่นานเท่าใด?”“เจ้าเพิ่งยืนครั้งแรก ยืนให้ได้หนึ่งก้านธูปค่อยว่ากัน”“แล้วข้าต้องยืนกี่วัน?”“ยืนสักหนึ่งปีค่อยว่ากัน”“...” มุมปากเฟิ่งเชียนอวี่กระตุกอย่างแรง
นอกประตูเสินอู่รถม้าของแต่ละตระกูลทยอยมารวมตัวกัน คุณหนูแต่ละตระกูลเดินลงจากรถม้าเมื่อทอดมองออกไป สีสันสดสวย แต่ละนางใช้พัดกลมบังหน้า เสียงหัวเราะกังวาน ดั่งนกขมิ้น มองดูแล้วช่างเป็นทิวทัศน์ที่งดงามทว่าเมื่อรถม้าของจวนอัครเสนาบดีมาถึง ทุกคนต่างหยุดหัวเราะโดยมิได้นัดหมาย สีหน้าของแต่ละคนแตกต่างกันผู้ที่ลงมาคนแรกคือนางหลิ่ว จากนั้นคือเฟิ่งหลิงหลงต่อมาคือเฟิ่งชิงอวี่ เฟิ่งชิงหย่า อีกทั้งยังมีเฟิ่งอวี่เสวียน ซึ่งยังไม่ผ่านพิธีปักปิ่นมีอายุแค่สิบสองปีเท่านั้น ถือเป็นเด็กหญิงที่มีอายุน้อยที่สุดในจวนตระกูลเฟิ่ง “นี่ก็คือวังหลวงหรือ วังหลวงช่างใหญ่โตนัก” เฟิ่งชิงอวี่ดวงตาลุกวาว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดีใจตื่นเต้นนางหลิ่วกลับทำหน้าตึง แล้วมองค้อนนางอย่างเอาเรื่อง“หุบปาก ทำอย่างกับไม่เคยเห็นโลกภายนอก ถึงเวลาอย่าทำให้ตระกูลเฟิ่งเสียหน้าเชียว”เฟิ่งชิงอวี่รีบเก็บสีหน้าดีใจทันที จากนั้นตัวสั่นเล็กน้อย ทว่าในส่วนลึกของแววตากลับไม่พอใจอย่างมาก จึงหันมองเฟิ่งหลิงหลงแวบหนึ่ง แล้วไม่ยี่หระอยู่ในใจไม่รู้ว่าตอนนี้ผู้ที่ทำให้ตระกูลเฟิ่งเสียหน้ามากที่สุดคือใคร ฮึเมื่อนางหลิ่วเห็นพวกเฟิ่ง