จะเห็นได้ว่าแม่ทัพอย่างเหยลวี่เจิง มีความคิดชั่วร้ายขนาดไหน“ขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้ารู้จักลี่จีไหม?”“ข้ารู้จัก พวกเราทุกคนเป็นพี่น้องกันจากหอร้อยบุปผา ครั้งนี้นางทำภารกิจที่หนึ่ง ส่วนข้าทำภารกิจที่สอง ถ้าภารกิจที่หนึ่งสำเร็จ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องทำสองภารกิจที่สองต่อ แต่ถ้าภารกิจที่หนึ่งล้มเหลว ภารกิจที่สองของข้าจะเริ่มทันที”สุยเซียนพูดโดยจิตใต้สำนึก“เมื่อหลายวันก่อน ข้ารู้เรื่องการตายของลี่จี้ คาดเดาว่าภารกิจที่หนึ่งอาจจะล้มเหลว ดังนั้นจึงเริ่มภารกิจที่สองทันที”“งานเลี้ยงในวันนี้หรือ?”“ถูกต้อง โดยการแสดงให้ทุกคนในงานเลี้ยงได้เห็นว่าผิวพรรณของหลัวไฉ่ในวัยสามสิบนั้นบอบบางพอ ๆ กับตอนอายุสิบแปด ร่างกายก็ดีขึ้นด้วย ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นอย่างไม่มีข้อสงสัยอีก”ขอเพียงขุนนางระดับสูงเหล่านี้เชื่อถือ ประชาชนทั่วไปก็จะเลียนแบบ“ทำไมเจ้าไม่ใช้หน้าของตัวเอง?”กู้หว่านเยว่ค่อนข้างอยากรู้ เหตุใดสุยเซียนถึงต้องเสียเวลาใช้หน้ากากผิวหนังมนุษย์ด้วยผิวพรรณของสุยเซียนยังดูอ่อนเยาว์และงดงามมาก สามารถหลอกลวงผู้คนได้อย่างสมบูรณ์แบบ“ข้าเป็นชาวทูเจวี๋ย ถึงอย่างไรก็มีความแตกต่างบางอย่างจากชาวต้าฉี เป
ความหมายของเจ้าก็คือ เขาซ่อนตัวอยู่ในเมืองอวี้ เห็นกับตาตัวเองว่าสุยเซียนถูกพวกเราจับตัวไป ดังนั้นจึงมาปลิดชีวิตของสุยเซียนได้ทันท่วงที?”ซูจิ่งสิ่งเข้าใจความหมายของกู้หว่านเยว่ทันทีกู้หว่านเยว่ส่ายหัว “มันเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น”สายตาของซูจิ่งสิงจับจ้องไปที่ร่างของสุยเซียน ก่อนจะสั่งให้ผู้ว่าการอำเภอจัดการศพ สำหรับสมาชิกสกุลหลัวนั้น“คนของสกุลหลัวเหล่านี้ ให้ทางการมาจัดการเถอะ”คุกใต้ดินสกปรกเกินไป บวกกับการรีบเร่งไปศึกษาแมลงตัวน้อยของกู้หว่านเยว่ จึงไม่อยู่ในคุกใต้ดินนานนัก รีบออกไปอย่างรวดเร็วตอนที่ออกมา ก็บังเอิญพบกับซูจื่อชิง เนี่ยชิงหลานและคนอื่น ๆ ที่มีสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“พี่หญิงกู้ เป็นยังไงบ้าง หญิงผู้นั้นสารภาพแล้วหรือ เรื่องสูตรยาลับมันคืออะไรกัน?”หลายคนรายล้อมเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วขึ้นกล่าวว่า“สูตรยาลับเป็นของปลอม นางเป็นสายลับของทูเจวี๋ย”“เป็นสายลับของทูเจวี๋ยจริงด้วย ชาวทูเจวี๋ยนั้นน่ารังเกียจ ทำไมสายลับของทูเจวี๋ยถึงแทรกซึมเข้าไปในเจดีย์หนิงกู่ของพวกเราได้?”ซูจื่อชิงถามด้วยความอยากรู้ ซูจิงสิ่งไม่อยากพูดอะไรมากนักข้างนอ
“ขอรับ คุณหนู ท่านนี่รอบคอบจริง ๆ คนที่อยู่ชั้นบนคือคู่หมั้นของท่านใช่ไหม?”เจ้าของรับเงินไว้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดหยอกเย้า หงเจาแตะข้อมือที่เพิ่งถูกจับโดยสัญชาตญาณก่อนจะจากไปโดยไม่ได้โต้แย้งใด ๆ ครึ่งชั่วยามต่อมา บะหมี่หยางชุนก็ถูกนำมาให้หร่านถิง“ข้าไม่ได้สั่งบะหมี่หยางชุนนี่” เขาเอ่ยด้วยความมึนงงเล็กน้อยบริกรอธิบายว่า “คู่หมั้นของท่านสั่งให้ท่าน จ่ายค่าห้องไว้ห้าวัน ยังกำชับข้าเป็นพิเศษว่า ช่วงนี้ให้ทางเราทำอาหารบำรุงร่างกายให้ท่านทุกวันด้วย คู่หมั้นของท่านดีกับท่านมากจริง ๆ”คู่หมั้น? คู่หมั้นของเขามาจากไหนกัน หร่านถิงไม่รู้จักตัวตนของหงเจา อาจเป็นเพราะเขาผ่านความยากลำบากในช่วงนี้มามากเกินไป หัวใจที่ไม่ได้ถูกสัมผัสมาเป็นเวลายี่สิบปีเกิดความรู้สึกประทับใจบางอย่างตอนที่กู้หว่านเยว่และซ่งเสวี่ยพาลูก ๆ มาเที่ยวเล่น เมื่อเห็นหงเจากลับมาก็ไม่ได้ถามอะไรเลยการก่อสร้างสำนักศึกษาถงซันเสร็จสมบูรณ์แล้ว กู้หว่านเยว่และซ่งเสวี่ยหารือเรื่องการไปสอนหนังสือที่สำนักซ่งเสวี่ยยินดีปรีดามาก “ข้าเพิ่งพูดเรื่องนี้กับพ่อสามีไปเมื่อไม่นานมานี้เองเดิมทีคิดว่าเขาจะคัดค้าน แต่ไม่นึกว่าเขาจะตอบตก
“ให้ข้าตรวจดูสักหน่อย “กู้หว่านเยว่สวมถุงมือ สัมผัสกระดูกขาของเฉิงเซวียน ทำให้เขาต้องร้องโหยหวนอีกครั้ง“กระดูกหน้าแข้งหัก”กู้หว่านเยว่ชักมือออก พลางขมวดคิ้ว “ต้องต่อกระดูก”“กระดูกขาหักหรือ? ข้าจะไม่ขาเป๋ใช่ไหม?” เฉิงเซวียนค่อนข้างกลัวเนี่ยชิงหลานรีบปลอบใจ “เฮ้ย ๆ ๆ ไม่มีทาง พี่หญิงกู้มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม จะว่าไปแล้ว เมื่อก่อนข้าเคยเห็นคนในจวนขาหักมาก่อน รักษาหายดีแล้วก็กระโดดโลดเต้นได้เหมือนเดิม ไม่ได้รับผลกระทบอะไร”แต่เฉิงเซวียนกลับไม่เชื่อ ส่ายหัวด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับกล่าวว่า “ลุงสามของข้ากระดูกขาหัก ผลปรากฏว่าต่อกระดูกไม่ดี กลายเป็นคนขาเป๋”เขาหันไปมองกู้หว่านเยว่ที่เตรียมลงมือ“ชายาท่านอ๋อง ท่านทำได้หรือ ท่านเคยต่อกระดูกให้คนอื่นมาก่อนไหม? ได้ยินมาว่าการต่อกระดูกต้องใช้พลังมาก ท่านเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวจะไหวหรือ?”คนผู้นี้เอานิสัยเดิมมาใช้อีกแล้วกู้หว่านเยว่ทนฟังเขาไม่ได้ “ชิงหลานมาหาข้า ถ้าเจ้าไม่เชื่อในทักษะทางการแพทย์ของข้า ก็เปลี่ยนหมอเถอะ”“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อในทักษะทางการแพทย์ของท่าน ข้าแค่อยากจะยืนยันอีกครั้ง ที่ขาของลุงสามพิการก็เพราะเจอหมอเถื่อ
กู้หว่านเยว่พูดไป เนี่ยชิงหลานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“ฟื้นตัวได้ก็ดีแล้ว พี่หญิงกู้ไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะจับตาดูเขาให้ดี ไม่ปล่อยให้เขาเดินเล่นสุ่มสี่สุ่มห้าเด็ดขาด”ว่าแล้วก็รีบเข้าไปดูอาการของเฉิงเซวียนในห้อง กู้หว่านเยว่เช็ดมือ ขณะที่กำลังจะออกไปก็เห็นหญิงผู้หนึ่งรีบร้อนเข้ามาเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่นางยังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ข้าเซี่ยเหอขอคารวะชายาท่านอ๋อง”ชิงเหลียนรีบอธิบาย “คุณหนูเซี่ยบอกว่านางมาขอโทษคุณชายเฉิง”เซี่ยเหออธิบายว่า “น้องชายของข้าดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง เหยียบขาของคุณชายเฉิง ข้านำอาหารเสริมมาให้โดยเฉพาะ ตั้งใจมาขอโทษคุณชายเฉิง”กู้หว่านเยว่มองไปทางด้านหลังของนาง ในมือของสาวใช้มีกล่องใส่ของใบใหญ่สองกล่อง ดูเหมือนว่าจะเป็นอาหารเสริม“คุณชายเฉิงอยู่ข้างใน เจ้าเข้าไปสิ”“ขอบคุณชายาท่านอ๋องเจ้าค่ะ”เซี่ยเหอรีบเดินเข้าไปข้างใน แต่เนื่องจากใช้กำลังกายมากเกินในการต่อกระดูก กู้หว่านเยว่จึงยังไม่ได้ออกไปทันที แต่นั่งกินของว่างอยู่ข้าง ๆ แทนด้วยเหตุนี้จึงได้ยินเนี่ยชิงหลานแผดเสียงลั่น “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ยังทำให้ขาของท่านพี่ไม่สาหัสพออีกหรือ?“คุณหนูเนี่ย เจ้าใจเย็นก่อน
“ข้าไม่ได้ทำให้นางลำบากเลย” เนี่ยชิงหลานรู้สึกสับสนเล็กน้อย “นางคุกเข่าลงเองต่างหาก”ขอบตาของเซี่ยเหอแดงก่ำ “ใช่แล้ว คุณชายเฉิง อย่าเข้าใจผิด เหอเอ๋อร์เป็นคนทำผิดก่อน คุณหนูท่านนี้จะระบายอารมณ์ใส่เหอเอ๋อร์สักเท่าใดก็ไม่เป็นไรหรอก”ชิงเหลียนกำลังยื่นน้ำชาให้กู้หว่านเยว่ เมื่อได้ยินดังนั้นก็มองเซี่ยเหอด้วยความประหลาดใจนางติดตามฮูหยินมานาน ย่อมมองออกว่าเซี่ยเหอจงใจพลางเหลือบเห็นกู้หว่านเยว่ดื่มชาอย่างไม่สะทกสะท้าน นางจึงไม่พูดอะไรมากนัก ดูต่อไปเงียบ ๆเนี่ยชิงหลานเป็นที่โปรดปรานมาตั้งแต่เด็กจนโต มีภูมิหลังสะอาดไม่มีความลับที่น่าละอาย เติบโตมาก็ท่องไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ เห็นการรบราฆ่าฟันจนเคยชินการกระทำในครั้งนี้ของเซี่ยเหอทำให้นางรู้สึกสับสนจริง ๆไม่ใช่ ชัดเจนว่าคนที่ทำผิดคือพวกเขา ทำไมถึงทำเหมือนนางกำลังข่มเหงใคร?“ข้าไม่ได้ระบายอารมณ์ใส่เจ้า สิ่งที่ข้าพูดมาตลอดก็คือ ให้เรียกคุณชายเซี่ยมาที่นี่!”เซี่ยเหอดูตกใจกลัว ร่างกายผอมบางสั่นสะท้านเล็กน้อย จนทำให้เนี่ยชิงหลานพูดไม่ออก เมื่อเห็นว่านางกำลังจะระเบิดอารมณ์ เฉิงเซวียนก็รีบดึงนางไว้“ใจเย็น ใจเย็น เปลี่ยนเรื่องใหญ่ให้เป็นเ
“หากคราวหน้าเซี่ยเหอมาทำให้เจ้าอึดอัดอีก ก็อย่ายืนเฉย ตอบโต้กลับไป ถึงเจ้าฝีปากจะสู้นางไม่ได้ แต่ฝีมือก็เก่งกาจกว่านางอยู่ดี”ดวงตาของเนี่ยชิงหลานสว่างไสวขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว คราวหน้าหากรู้สึกสะอิดสะเอียนคนประเภทนี้อีก ก็ไม่ต้องโวยวาย ลงมือได้เลย!”กู้หว่านเยว่ส่งสายตาแบบเด็กที่โตแล้วให้นาง“แล้วพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเจ้า”“ไม่ต้องสนใจเขา ขาหักก็ไม่ต้องสนใจ ใครใช้ให้เขาตาบอดล่ะ!”แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่เนี่ยชิงหลานก็แค่โกรธ ดังที่คาดไว้เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ ก็เห็นเฉิงเซวียนนอนอยู่บนเตียงอย่างน่าสงสารโดยไม่มีใครสนใจ จึงถือข้าวเย็นเข้าไปดูเขา ไม่เหมือนกับที่พูดไว้เลยกู้หว่านเยว่กำลังเตรียมตัวสำหรับการเปิดเรียนของสำนักศึกษาถงซันในวันพรุ่งนี้อยู่ภายในเรือนหลายวันมานี้ นางคอยจับตาดูหนังสือโบราณและตำราเรียนบนแพลตฟอร์มซื้อขายอยู่ตลอดเวลาพอเห็นหนังสือก็ซื้อมาเลยภายในเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่วัน ก็รวบรวมหนังสือโบราณเอาไว้ได้นับพันเล่มแล้วไม่ถือว่ามากมายนัก เมื่อเทียบกับสำนักศึกษาเก่าแก่และครอบครัวขุนนางอายุนับร้อยปี มันยังไม่ควรค่าแก่การพิจารณาด้วยซ้ำแต่ก็ไม่เป็นไร สำนักศึกษาถงซันเพิ่ง
“ข้าน้อยหาในละแวกนี้นานมากแล้ว แต่กลับไม่พบร่องรอยขององค์กรเลยขอรับ”“รู้แล้ว”กู้หว่านเยว่โบกมือ“เจ้าหาต่อไปเถอะ”รอจนกระทั่งฉู่เฟิงจากไปแล้ว นางนึกคิดแล้วเข้ามิติ เปิดระบบระบุตำแหน่งซูจิ่งสิงเคยเข้ามิติมาก่อน ดังนั้นระบบสามารถอิงตามลมหายใจของเขา เพื่อหาร่องรอยของเขาได้ระบบระบุตำแหน่งอย่างว่องไว“นายหญิง อยู่ที่ใจกลางป่าเล็ก เดินเข้าไปข้างใน”“ขอบคุณมาก”ได้ยินถ้อยคำนี้ กู้หว่านเยว่ขี่ม้าเร็วเข้าไปในป่ามาถึงหน้าถ้ำแห่งหนึ่งอย่างว่องไว“ท่านพี่ ท่านอย่าเป็นอะไรไปเป็นอันขาด”กู้หว่านเยว่ภาวนาภายในใจ สรุปคือนางเพิ่งเดินเข้าถ้ำ ก็ได้เห็นภาพบาดตาเห็นเพียงสตรีชุดขาวคนหนึ่งกำลังหันหลังให้นาง ซูจิ่งสิงที่ได้รับบาดเจ็บกำลังพิงร่างนางสตรีชุดขาวคล้ายได้ยินเสียงที่ปากถ้ำ หันหน้ามา“เจ้าเป็นใคร?”นางกอดซูจิ่งสิงไว้ สีหน้าท่าทางปกป้องเข้าข้างอย่างเต็มที่กู้หว่านเยว่เร่งเดินทางเข้ามา คิดไม่ถึงจะได้เห็นภาพซูจิ่งสิงพิงบ่าสตรีคนอื่นเช่นนี้ เดิมทีก็โมโหมากอยู่แล้ว ยังถูกสตรีชุดขาวคนนี้ถามไล่เรียงอีกโทสะพลุ่งพล่าน เดินเข้าไป ดึงซูจิ่งสิงขึ้น“ข้าคือพระชายาเจิ้นเป่ยอ๋อง เจ้าพูดเ
“ในที่สุดก็มีที่ให้พักผ่อนแล้ว คิดไม่ถึงว่าคืนนี้จะราบรื่นถึงเพียงนี้ ยังนึกว่าพวกเราจะต้องออกจากเมืองจางโจวกลางดึก แล้วกลับไปยังค่ายใหญ่เสียอีก”แผนเดิมของกู้หว่านเยว่ หลิวชวี่จะต้องไม่ยอมจำนนง่าย ๆ อย่างแน่นอนไม่ว่าจะจับตัวหรือบุกโจมตี ก็ต้องกลับไปปรึกษากับหนานหยางอ๋องและคนอื่น ๆ เพื่อหาหนทางที่เป็นไปได้ผลปรากฏว่า หลิวชวี่เปิดฉากด้วยการมอบตราบัญชาการแล้วแบบเขานี่เรียกว่ายอมจำนนที่ไหนกัน?นี่มันคือการเฝ้ารอให้พวกเขามายึดเมืองจางโจวไปชัด ๆ “น้องหญิง เหนื่อยหรือไม่?”ซูจิ่งสิงเดินไปหากู้หว่านเยว่ นั่งลงข้างเตียง จากนั้นยื่นนิ้วเรียวยาวออกไป นวดขมับทั้งสองข้างให้นางเบา ๆ จะว่าไปแล้ว ก็นับว่าสบายมากจริง ๆ กู้หว่านเยว่หรี่ตาลงอย่างมีความสุข แล้วเหลือบมองซูจิ่งสิงภายใต้แสงเทียน ชายหนุ่มหล่อเหลาจนไม่อาจละสายตาไปนางขยับเข้าไปใกล้ซูจิ่งสิง“ท่านพี่ ข้าพบว่าท่านมีเสน่ห์จริง ๆ ” เสน่ห์เฉพาะตัว!ซูจิ่งสิงยิ้มเล็กน้อย จ้องมองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาเป็นประกาย“เทียบไม่ได้กับเจ้าแม้เพียงเศษเสี้ยว”บุรุษผู้นี้ก็รู้จักประจบประแจงแล้ว กู้หว่านเยว่ค่อนข้างพึงพอใจสองสามีภรรยาพูดคุย
หลิวชวี่ไม่รีรอ มอบตราบัญชาการออกมาโดยตรง“ท่านอ๋อง มอบให้ท่านขอรับ”ตราบัญชาการนี้ เขาอยากจะมอบให้ซูจิ่งสิงนานแล้ว“แหะ ๆ ขอบอกท่านอ๋องตามตรง”หลิวชวี่เกาหัว“ตั้งแต่วันที่ท่านยกทัพที่เจดีย์หนิงกู่ ข้าก็คิดอยู่เสมอว่า เมื่อไรท่านจะยกทัพมาถึงเมืองจางโจว ถึงตอนนั้น จะต้องมอบตราบัญชาการให้ท่านด้วยสองมือ”เขาค่อนข้างรู้สึกดีใจ“รอแล้วรอเล่า ในที่สุดก็ได้พบท่านแล้ว”ซูจิ่งสิงมองหลิวชวี่อย่างลึกซึ้ง “เจ้ามีน้ำใจแล้ว”ในเมื่อหลิวชวี่ยอมจำนน เรื่องต่อจากนี้ก็ง่ายดายแล้ว เพียงแค่นำกองทัพเคลื่อนพลเข้าเมืองก็พอ“พรุ่งนี้ ข้าจะสั่งให้คนนำทัพเข้าเมือง เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าก็เปิดประตูเมือง”“ขอรับ”หลิวชวี่รีบพยักหน้ามอบตราบัญชาการออกไปแล้วจะเปิดประตูเมืองหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดแล้วหลิวชวี่ยังอยากจะรำลึกความหลังกับซูจิ่งสิงต่อ ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบดังขึ้น“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพแย่แล้วขอรับ”“มีเรื่องอะไร?”หลิวชวี่ขมวดคิ้วถาม เขาได้สั่งไว้ล่วงหน้าแล้วว่า คืนนี้ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ห้ามมารบกวนเขา“คุณหนูอาการกำเริบอีกแล้
“รอข่าวจากน้องหญิง หากน้องหญิงบอกว่าพวกเราสามารถกลับไปได้ พวกเราก็ค่อยกลับไปจากสกุลหลี่”หลิ่วเพียวเพียวนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงรีบกำชับ“ท่านแม่ ท่านพี่ ฐานะของน้องหญิงและน้องเขยนั้นพิเศษ เรื่องที่ได้พบพวกเขาในคืนนี้ หวังว่าพวกท่านจะไม่บอกใคร”ทั้งสองคนเป็นคนมีเหตุผล ไม่ต้องให้หลิ่วเพียวเพียวกำชับพวกเขาก็เข้าใจ ตอนนี้จึงรีบพยักหน้า“น้องหญิงวางใจเถิด ข้าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับอย่างแน่นอน”อีกด้านหนึ่ง กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงออกจากจวนหลี่แล้ว ก็รีบพุ่งตัวไปยังจวนแม่ทัพ“ท่านพี่ ท่านว่าแม่ทัพหลิวผู้นั้นจะยอมเปิดประตูเมืองหรือไม่?”กู้หว่านเยว่คิดถึงแผนการรับมือ ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว หากแม่ทัพหลิวผู้นี้ไม่ยินยอม เช่นนั้นก็จับตัวเขาไปเลยดีกว่า จับกลับไปเป็นตัวประกันซูจิ่งสิงหรี่ตาลงเล็กน้อย“ตามความเข้าใจของข้าที่มีต่อเขา เขาน่าจะยินยอม”กู้หว่านเยว่คิด ๆ ดูแล้วก็เห็นด้วย หลิวชวี่ผู้นี้สามารถเป็นสหายกับซูจิ่งสิง แสดงว่าเป็นคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน“เช่นนั้นพวกเราไปดูกันก่อนเถอะ”ทั้งสองคนวาร์ปเข้าไปในจวนแม่ทัพ กู้หว่านเยว่เปิดระบบขึ้นมาโดยตรง ให้ระบบค้นหาห้องที่แม่
อย่างไรก็ตาม สกุลหลี่ใช้อำนาจข่มเหงผู้อื่นเช่นนี้ การอาศัยอยู่ที่นี่นาน ๆ ก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีกู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง อาศัยการปกปิดจากห่อผ้า หยิบน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กาหนึ่งและยาบำรุงครรภ์ขวดหนึ่ง รวมถึงตั๋วเงินสองพันตำลึงที่อยู่ข้างในออกมา “น้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์นี้ ข้านำมาจากเทียนซาน ท่านดื่มวันละนิด สามารถบำรุงร่างกายให้แข็งแรงได้นี่คือยาบำรุงครรภ์ กินวันละหนึ่งเม็ด จะช่วยให้ท่านคลอดบุตรได้ง่ายนี่คือตั๋วเงินสองพันตำลึง ท่านเก็บไว้ก่อนเถิด”กู้หว่านเยว่คิดว่า พวกเขายังไม่ได้พบใต้เท้าหลิว ไม่รู้ว่าหลิวชวี่ผู้นั้นมีความคิดอย่างไรกันแน่หากเขาปฏิเสธที่จะยอมจำนน เช่นนั้นสงครามใหญ่ก็คงยากที่จะหลีกเลี่ยงเมื่อถึงเวลานั้น นางค่อยมารับหลิ่วเพียวเพียวไป หรือไม่ก็เอาไปไว้ในมิติ หรือจัดหาที่อยู่ปลอดภัยให้หากว่าหลิวชวี่ยอมเปิดประตูเมืองโดยไม่ต้องมีการนองเลือดเช่นนั้นก็ให้คนสกุลเจี่ยนำตั๋วเงินสองพันตำลึงนี้ ไปซื้อบ้านสักหลังในเมืองจางโจวเพื่อพักอาศัยชั่วคราวก่อนรอจนกระทั่งหลิ่วเพียวเพียวคลอดบุตรแล้ว ค่อยพานางและลูกกลับไปยังเมืองเหยาหลังจากนั้นจะกลับไปยังเจดีย์หนิงกู่ หรือว่าคนสกุ
อีกอย่างพวกเขาหนีออกมาโดยไม่ได้นำเงินติดตัวมาด้วยสักแดงเดียวในขณะที่ทั้งสามคนกำลังโต้แย้งกันอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีเงาดำสองร่างกระโดดลงมาจากหลังคาเจี่ยฮูหยินและเจี่ยอวิ๋นเคยเจอกับโจรในเมืองเหยามาแล้ว จึงยังคงหวาดกลัว คิดว่าเป็นโจรกลุ่มนั้น จึงพากันตื่นตกใจในขณะที่กำลังจะตะโกนเสียงดังนั้น หลิ่วเพียวเพียวที่อยู่ถัดไปก็เห็นโฉมหน้าของกู้หว่านเยว่เสียงก่อน“ช้าก่อน อย่าเพิ่งส่งเสียงดัง นั้นคือลูกพี่ลูกน้องของข้าเอง!”นางรีบขวางสองคนนั้นไว้ จากนั้นก็เดินไปตรงหน้าของกู้หว่านเยว่“หว่านเยว่? ไม่เจอกันนานเลย”กู้หว่านเยว่คว้ามือของหลิ่วเพียวเพียวมาจับชีพจรให้นาง อื้อ ดีขึ้นมากแล้ว จังหวะการเต้นของชีพจรคงที่ ดูท่าทางเจี่ยอวิ๋นจะดูแลพี่หญิงคนนี้เป็นอย่างดี“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ข้ายังคิดว่าข้าตาฝาดอยู่เลย”ครั้นได้ยินเสียงของกู้หว่านเยว่ หลิ่วเพียวเพียวก็เชื่อสนิทใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือน้องหญิงของนาง!ครั้นนึกย้อนกลับไปตอนที่อยู่บนเตียงในช่วงแรก หลิ่วเพียวเพียวและคนในตระกูลหลิ่วต่เคยให้สิ่งของกับกู้หว่านเยว่แต่นางมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?อีกทั้งยังกระโดดลงมาจากหลังคาด
“อวิ๋นเอ๋อร์”เจี่ยฮูหยินเป็นคนขี้ขลาด ยามอยู่ต่อหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ที่มีอำนาจกลับพูดไม่ออกครั้นเห็นบุตรชายและลูกสะใภ้ ก็ราวกับเห็นเทพบุตรขี่ม้าขาวมาช่วย“พวกท่านสองคนทำอะไรกันขอรับ?”เจี่ยอวิ๋นเดินรุดขึ้นหน้า จากนั้นก็ลากคนรับใช้ของเจี่ยฮูหยินออกไป ก่อนจะจ้องมองคนตระกูลหลี่ด้วยสายตาโกรธเคือง “อวิ๋นเอ๋อร์ รังนกชิ้นนี้เป็นรังนกที่พี่หญิงของเจ้าให้ข้า ข้าเห็นว่าสุขภาพร่างกายของท่านพ่อในช่วงสองสามวันนี้ไม่ค่อยดีนัก จึงนำรังนกไปให้ในครัวตุ๋ยยาให้เขาดื่ม ปรากฏว่าท่านแม่เข้าใจผิดคิดว่าข้าขโมยรังนกชิ้นนี้มาจากนาง”เจี่ยฮูหยินพยายามรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองทันทีที่เจี่ยอวิ๋นและหลิ่วเพียวเพียวได้ยินเช่นนี้ ก็นึกสงสัยว่ายังมีสิ่งใดที่พวกเขายังไม่รู้อีกหรือ?คนในตระกูลหลี่มองพวกเขาราวกับญาติยาจกที่มาพึ่งพาพวกเขา จึงมักจะพูดจาถากถางให้พวกเขาได้ยินอยู่บ่อย ๆ บัดนี้พวกเขาชักจะเหิมเกินเกินไป กล่าวหาว่าท่านแม่ของเขาเป็นหัวขโมย!เจี่ยฮูหยินรักหลิ่วเพียวเพียวมาก ออกโรงช่วยพูดแทนแม่สามีทันที“ป้าหลี่ รังนกของท่านหายไปใช่หรือไม่?”ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ชำเลืองมองหลิ่วเพียวเพียวแวบหนึ่ง ก่อนจ
กู้หว่านเยว่หยิบเศษตำลึงเงินออกมาจากอกเสื้อและวางลงบนมือของเสี่ยวเอ้อร์“เก็บไว้กินเหล้านะ ลำบากเจ้าแล้วล่ะ กลับไปก่อนเถอะ ต่อไปข้าไม่จำเป็นต้องใช้เจ้าแล้ว”“ขอบคุณฮูหยินขอรับ”เสี่ยวเอ้อร์เป็นเด็กที่ฉลาดมาก เขารับตำลึงเงินและรีบจากไปทันทีจนกระทั่งแผ่นหลังของเสี่ยวเอ้อร์หายลับไปจากถนน กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ลอยตัวเข้าไปในจวนหลี่“ระบบ ช่วยข้าล็อกตำแหน่งที่อยู่ของพี่หญิงหน่อยสิ”กู้หว่านเยว่เคยเจอกับหลิ่วเพียวเพียวแล้ว ดังนั้นระบบจึงสามารถหาตำแหน่งของนางภายในขอบเขตขนาดเล็กได้“นายหญิง คุณหนูหลิ่วอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้”ภายในจวนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจวนหลี่ในเวลานี้ เจียอวิ๋นกำลังประคองหลิ่วเพียวเพียวนั่งลง“ไม่รู้ว่าท่านตา ท่านยาย ท่านพ่อ ท่านแม่และน้องชายของข้าจะเป็นอย่างไรบ้าง จากข่าวของเมืองฉูโจว ได้ยินมาว่าอุตสาหกรรมทั้งหมดของตระกูลพวกเขาล้มละลาย ตระกูลหลิ่วเองก็หายตัวไปอย่างไร้วี่แวว”หลิ่วเพียวเพียวเช็ดน้ำตา สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลเจี่ยอวิ๋นเห็นภรรยาเป็นกังวลเช่นนี้ ก็ทอดถอนใจเขาไร้อำนาจ ทำได้เพียงแค่ให้คำแนะนำเท่านั้น “เจ้าอย่าเพิ่งกังวลเกินไป วางใจเถอะ
ทิวทัศน์จากกำแพงเมืองช่างงดงามยิ่งนัก หากศัตรูคิดจะลอบโจมตี ทหารที่เฝ้าประจำการอยู่บนกำแพงจะเห็นเป็นคนแรกกองทัพที่อยู่ด้านล่างไม่สามารถเล็ดลอดสายตาของทหารเหล่านี้ไปได้“มิน่าล่ะหนานหยางอ๋องถึงได้เป็นกังวลยิ่งนัก”กู้หว่านเยว่หันไปมองซูจิ่งสิง “เราไปตามหาพี่หญิงของข้าก่อนหรือจะไปตามหาหลิวชวี่ก่อนดีเจ้าคะ?”นางรู้ว่าเหตุผลหลักที่ซูจิ่งสิงมายังเมืองจางโจวก็เพื่อตามหาสหายเก่า คาดว่าคงอยากเจอกับอีกฝ่ายสักครั้ง แล้วดูว่าแม่ทัพหลิวผู้นี้จะมีท่าทีอย่างไรหากสามารถหลีกเลี่ยงการเกิดสงครามได้ ก็คงจะดียิ่งนักสามารถแก้ไขปัญหาโดยปราศจากการนองเลือดได้ ราษฎรในเมืองจางโจก็จะได้รับความลำบากจากสงครามน้อยลง“ไปตามหาพี่หญิงของเจ้าก่อนเถิด”ซูจิ่งสิงกล่าวเพียงประโยคเดียวเขาไม่ได้รีบออกตามหาหลิวชวี่ขนาดนั้น ไปตามหาหลิ่วเพียวเพียวก่อน กู้หว่านเยว่จะได้วางใจ“ก็ดี เช่นนั้นก็ออกตามหาพี่หญิงของข้าก่อน”“ไปกันเถอะ เราเข้าเมืองก่อนแล้วค่อยว่ากัน”ซูจิ่งสิงกระซิบข้างหูของกู้หว่านเยว่เบา ๆ เพียงพริบตาเดียวก็พบว่าทั้งสองคนได้เข้ามาอยู่ในเมืองเรียบร้อยแล้ว เวลานี้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบนถนนมีจำนวนน้
กู้หวย่านเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลิ่วเพียวเพียวกำลังตั้งครรภ์ คนในตระกูลเจี่ยจะต้องไม่ปล่อยนางไปง่าย ๆ จะต้องพานางไปด้วยอย่างแน่นอนอีกอย่างในตอนที่นางสอบถามพวกโจร นางไม่เคยได้ยินเรื่องที่หัวหน้าตระกูลถูกฆ่าตายอยู่ในจวนเจี่ยจากปากของพวกเขาเลย“ท่านพี่ ข้าอยากสำรวจเมืองจางโจวในเวลากลางคืน”หลังจากที่ลงหลักปักฐานแล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปปรึกษากับซูจิ่งสิงในเมื่อมีเบาะแสของหลิ่วเพียวเพียวแล้ว นางจึงตัดสินใจว่าจะไปดูด้วยของตัวเอง ถึงอย่างไรพี่หญิงก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ ซึ่งเป็นช่วงที่อันตรายมากหากเกิดความผิดพลาดขึ้นมา คงไม่ใช่เรื่องตลก นางจะต้องมั่นใจที่อยู่ของอีกฝ่าย ถึงจะกล้าวางใจหากได้กลับไป ก็ไม่ถึงกับพูดไม่ออกต่อหน้าท่านลุงและท่านป้า“ข้าจะไปกับเจ้า” ซูจิ่งสิงเข้าใจความหมายของกู้หว่านเยว่ แต่เขาไม่วางใจให้กู้หว่านเยว่ไปเพียงลำพัง ไม่ว่าอย่างไรเขาจะตามนางไปด้วย“เจ้ายังต้องอยู่ในค่าย หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจะได้รับมือได้ทันท่วงที”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางกลัวว่าท่านแม่ทัพจางโจวจะจู่โจมในเวลากลางคืนโดยไม่ทันตั้งตัว หากซูจิ่งสิงไม่อยู่ที่นี่ สถานการณ์อาจจะเลวร้ายกว่านี้ก