หากฝ่ายหญิงถอนหมั้น โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ผู้คนรอบตัวก็จะคาดเดาและวิพากษ์วิจารณ์กันไปจะฆ่าโจวเซ่อตรง ๆ เลยก็ไม่ได้ ซ่งเสวี่ยสูญเสียสามีไปแล้วครั้งหนึ่ง หากคู่หมั้นยังมาตายอย่างไม่ทราบสาเหตุอีก จะต้องเป็นที่โจษจันเรื่องดวงกินผัวแน่นอนซ่งเสวี่ยกล่าวอย่างเด็ดขาด “อย่าคิดมาก ข้าเป็นคนมือสะอาด ถ้าใครอยากนินทาก็ปล่อยพวกเขาไป หรือจะให้ข้าผูกติดอยู่กับคนสารเลวนั่นจนตาย เพราะกลัวข่าวลือและคำติฉินนินทา?”สู้เจ็บแต่จบจะดีกว่า ซ่งเสวี่ยยอมถูกคนประณาม ดีกว่าให้มีความเกี่ยวข้องกับโจวเซ่อต่อไปเมื่อนึกถึงหน้าตาตอนที่เขาหว่านเสน่ห์ นางก็รู้สึกคลื่นไส้และอยากอาเจียน“ไม่ได้นะลูก”ฮูหยินผู้เฒ่าโจวส่ายหัว “คำคนน่ากลัว คนที่แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้ อะไรที่หยาบคายก็สามารถพูดออกมาได้ทั้งนั้น”แม้แต่คำว่าหญิงสำส่อน จงใจยั่วสวาท ไม่มีมูลหมาไม่ขี้ คำพูดประเภทนี้ยังเบาไปนางถอนหายใจ “เจ้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แล้วนานนานล่ะ?”“นานนาน?”นานนานสูญเสียพ่อไปแล้ว ถ้านางจะมีแม่ที่มีชื่อเสียงไม่ดีอีก ก็เลิกคิดเรื่องออกเรือนในอนาคตได้เลยใบหน้าของซ่งเสวี่ยเต็มไปด้วยความสิ้นหวังทันที ขบฟันแน่น ไม่รู้จะพูดอย่า
กู้หว่านเยว่อดพูดไม่ได้ว่า “โจวเซ่อเป็นคนต่ำช้าและเจ้าเล่ห์ หมายใจจะพึ่งพาความมั่งคั่งของสกุลโจว จะเป็นฝ่ายเสนอตัวขอถอนหมั้นได้ยังไง?”“เขายอม” ซูจิ่งสิงอมยิ้มกล่าว “ระหว่างชีวิตกับความมั่งคั่ง เจ้าคิดว่าเขาจะเลือกอะไร”ถึงตอนนั้นจริง ๆ เกรงว่าเขาจะไม่ใช่แค่ยินดีถอนหมั้นเท่านั้น แต่ยังคิดหาวิธีถอนหมั้นที่สมบูรณ์แบบโดยไม่ทำให้ซ่งเสวี่ยเสียหายอีกด้วยทันใดนั้นพวกเขาก็ถึงบางอ้อในทันใด แน่นอนเรื่องนี้ต้องมีคนไปบอกโจวเซ่อ ซูจิ่งสิงเสนอว่า “ข้าจะเข้าไปพูดคุยกับเขาหน่อย”กู้หว่านเยว่รีบชี้ไปที่ห้อง ซูจิ่งสิงพาฉู่เฟิงเข้าไป ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกับโจวเซ่อ แต่เมื่อเขาออกมา โจวเซ่อก็ตอบตกลงเรียบร้อยแล้วไม่ใช่แค่ตอบตกลง แต่ยังยินดีไปจัดการอย่างรวดเร็วอีกด้วยกู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว “ไม่ใช่ว่าเขากลับเรือนไปแล้ว จะเปลี่ยนใจมาทำลายชื่อเสียงของพี่หญิงซ่งให้มัวหมองหรอกนะ?”“ไม่มีทาง” ซูจิ่งสิงส่ายหัวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมเว้นแต่ว่าเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว และไม่อยากให้อี๋เหนียงของเขามีชีวิตอยู่ด้วยทว่าคนต่ำช้าอย่างโจวเซ่อที่ทำเพื่อความมั่งคั่งและชื่อเสียงอยู่แล้ว จะยอมตายได้อย่างไรหากยังไม่ไ
เขาเป็นผู้ชายด้วยกัน ก็รู้สึกอ่อนไหวอยู่บ้างและเขาไม่ใช่คนประเภทที่หึงหวงไม่เลือกหน้า ภรรยาดีเลิศ การมีชายอื่นมาชื่นชอบ เขาก็ห้ามไม่ได้ที่ทำได้ก็คือ ดีต่อกู้หว่านเยว่และลูกให้มากขึ้น“ข้าก็เตรียมของขวัญไว้ให้จ้านจ้านเหมือนกัน”ว่าแล้วเขาก็หยิบป้ายคำสั่งออกมาจากมือ กู้หว่านเยว่สังเกตเห็นว่ามันค่อนข้างคล้ายกับป้ายคำสั่งองครักษ์จันทราของนาง“นี่คงไม่ใช่?”กู้หว่านเยว่คาดเดาอะไรได้บางอย่าง นางค่อนข้างประหลาดใจไม่ใช่หรอกมั้ง จ้านจ้านยังเด็กมาก ชายผู้นี้ก็เตรียมสิ่งนี้ไว้ให้เขาแล้วหรือ?“ถูกต้อง เป็นองครักษ์เงาที่คล้ายกับองครักษ์จันทรา ทั้งหมดล้วนเป็นเด็กไร้บ้าน ข้าจัดให้พวกเขาฝึกฝนในความมืด กลายเป็นมือซ้ายมือขวาของเขาในอนาคต ส่วนชื่อขององครักษ์เงานี้ รอเขาโตขึ้นแล้วค่อยให้เขาตั้งเอง”ซูจิ่งสิงค่อย ๆ อธิบาย อนาคตของจ้านจ้านถูกกำหนดไว้ว่าต้องไม่ธรรมดา เขาในฐานะพ่อ จะวางแผนและปูทางให้เขาตั้งแต่เด็ก“ข้าขอบคุณแทนจ้านจ้านด้วย” กู้หว่านเยว่เขย่งปลายเท้าจูบซูจิ่งสิง ส่งให้ซูจิ่งสิงหน้าแดง พลางกระซิบว่า “ข้าเป็นพ่อของจ้านจ้าน มันเป็นสิ่งสมควรทำอยู่แล้ว จะขอบคุณทำไม”“ไม่ต้องขอบคุณหรือ
กู้หว่านเยว่ยิ้มบาง ๆ ซูจิ่นเอ๋อร์ก็อดพูดไม่ได้ “ช้าก่อน พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านรู้จักเด็กคนนี้หรือ?”“อืม นางคือน้องสาวของเหอตงจิ้นอ๋อง ชื่อเนี่ยชิงหลาน”กู้หว่านเยว่แนะนำให้รู้จัก ซูจิ่นเอ๋อร์ยิ่งรู้สึกแปลกใจกว่าเดิม พลางมองพิจารณาแผ่นไม้กระดานตรงหน้าจากหัวจรดเท้า“เจ้า เจ้าเป็นหญิงหรือ?”“ทำไมล่ะ มองไม่ออกหรือ?” เนี่ยชิงหลานเลิกคิ้วขึ้น ซูจิ่นเอ๋อร์พยักหน้าอย่างมึนงง “มองไม่ออกน่ะสิ ตรงนี้เจ้าดูแบนราบไปหน่อย”“เฮ้ เจ้าว่าใครแบน?” เนี่ยชิงหลานฉุนเฉียว นางแบนตรงไหน “ข้าใช้สายรัด!”“สายรัดคืออะไร?”เนี่ยชิงหลานรีบเข้าไปอธิบายที่ข้างหูของซูจิ่นเอ๋อร์“แต่ว่า สายรัดหน้าอกอาจจะไม่เหมาะกับเจ้า ของเจ้าใหญ่เกินไป”“เจ้า หยาบคายนัก” ใบหน้าของซูจิ่นเอ๋อร์แดงก่ำ พลางนั่งลงดื่มชาเพื่อปกปิดเนี่ยชิงหลานหัวเราะร่า ในขณะที่กู้หว่านเยว่รู้สึกกังวลเล็กน้อย “ถ้าเจ้ามาที่นี่โดยที่พี่ชายของเจ้าไม่รู้ เขาจะไม่เป็นห่วงเจ้าหรือ?”“ไม่หรอก ทันทีที่ข้ามาถึงสถานีพักม้าของเจดีย์หนิงกู่ ก็เขียนจดหมายถึงเขา บอกว่าข้ามาเยี่ยมท่านแล้ว”เนี่ยชิงหลานกะพริบตาปริบ ๆ “แหะ ๆ ความจริงแล้วข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาพี่
กู้หว่านเยว่รีบพูดคุยเรื่องนี้กับเขา ซูจิ่งสิงเลิกคิ้วขึ้น “พอดีเลย องครักษ์จันทราสืบได้ว่าอ๋องหกมาถึงเจดีย์หนิงกู่แล้ว น่าจะมาร่วมงานประมูลอินซาน”“อ๋องหกที่แอบวางแผนต่อต้านพวกเราอยู่ใช่ไหม?”“ถูกต้อง”ซูจิ่งสิงพยักหน้ากู้หว่านเยว่ยิ้มเยาะ “ดูเหมือนว่าเขาจะมีสิ่งของที่ต้องการซื้อในงานประมูล พอดีเลย สองครั้งก่อนหน้านี้ที่ถูกเขาซุ่มโจมตีและยังไม่ได้แก้แค้น ครั้งนี้ความแค้นทั้งเก่าและใหม่จะได้รวมกันสะสางทีเดียว”ซูจิ่งสิงกับนางคิดไปในทางเดียวกัน “ข้าได้ให้องครักษ์เงาไปสืบหาสาเหตุในการมาของอ๋องหกแล้ว”“หลังจากสืบได้แล้ว เราจะช่วยเขาที่งานประมูล”สองสามีภรรยาต่างยิ้มให้กันกู้หว่านเยว่ถาม “งานประมูลจะเริ่มต้นเมื่อไหร่?”“อีกสามวันถัดไป”งานประมูลที่ตลาดมืดอินซานจะจัดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบสามปี แต่ละครั้งก็ยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ ต้องใช้เวลาในการจัดเตรียมสถานที่ จัดเจ้าหน้าที่คุ้มกันเพื่อป้องกันการสูญหายของของล้ำค่า“สามวันเลยหรือ?” กู้หว่านเยว่ท่าทางใจร้อนแทบรอไม่ไหวแล้วอีกสามวันข้างหน้า ถ้ากู้หว่านเยว่ไม่ไปที่บ้านของซุนมู่เจี้ยงเพื่อรับตัวอักษรเรียงพิมพ์ ก็ไปที่สำนักศึกษาถงซันเ
“ได้สิ พี่หญิงซ่งรีบขึ้นรถม้าเถอะ”ซ่งเสวี่ยได้ยินดังนั้นก็ขึ้นรถม้า สีหน้าของซูจิ่งสิงมืดมนลงเล็กน้อย โลกของสองเรา โบยบินไปแล้วเมื่อเห็นซ่งเสวี่ยขึ้นมา ซูจิ่งสิงก็ลงไปขี่ม้า ทำให้นางรู้สึกเกรงใจ“ข้ามารบกวนพวกเจ้าหรือเปล่า?”“ไม่ ๆ” กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า แล้วนั่งลงข้างเสวี่ย “พี่หญิงซ่ง ท่านจะไปงานประมูลทำไมหรือ?”“พ่อตาได้ยินมาว่าในบรรดาสิ่งของที่นำมาประมูลในครั้งนี้ มีหัวใจหมีดำอยู่ด้วย จึงให้ข้าไปประมูล” ซ่งเสวี่ยอธิบายกู้หว่านเยว่พยักหน้า การกินหัวใจหมีดำมีสรรพคุณในการบำรุงหัวใจ ดูท่าทางโจวเหล่าจะซื้อมาให้ฮูหยินผู้เฒ่าโจว เป็นความรักของผู้สูงวัย!ซ่งเสวี่ยเอ่ยด้วยความเขินอาย “ข้าไม่เคยไปงานประมูลมาก่อน กังวลว่าจะเกิดความผิดพลาดขึ้น ได้ยินมาว่าพวกเจ้าก็จะไปเหมือนกัน ก็เลยรีบร้อนมา วางแผนจะไปพร้อมกับพวกเจ้า”กู้หว่านเยว่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ใช่แล้ว พวกข้ากำลังจะไปดูอะไรสนุก ๆ พอดี เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ” ซ่งเสวี่ยรู้สึกสบายใจขึ้นมาก กู้หว่านเยว่เลยถือโอกาสถามถึงเรื่องโจวเซ่อซ่งเสวี่ยยิ้มเยาะ “พ่อตาให้คนพาเขากลับไปส่งที่ปิงโจวแล้ว ได้ยินมาว่าเขาเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา จะแก
“แน่นอนอยู่แล้ว”เนี่ยชิงหลานพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “ข้าเคยไปงานประมูลตั้งแต่สิบขวบแล้ว งานประมูลอินซานในปีนั้นจัดขึ้นในเขตเหอตงของเราพอดี”ซูจื่อชิง...ก็ดี ตอนแรกนึกว่าเจ้าเสแสร้ง แต่ปรากฏว่าเจ้าเคยไปจริง ๆ“เดี๋ยวถ้าพวกเจ้ามีอะไรไม่เข้าใจ ก็สามารถถามข้าได้”เนี่ยชิงหลานสีหน้ากระตือรือร้น ในขณะที่ซูจิ่นเอ๋อร์เดินตามอยู่ข้างหลัง ดูไม่ค่อยสบายใจ“ขอสวรรค์โปรดอวยพร งานประมูลจงมีดอกน้ำแข็งนิลด้วยเถิด”ซูจิ่นเอ๋อร์ท่องในใจเงียบ ๆหลายคนขึ้นไปชั้นสอง ปรากฏว่าที่มุมหนึ่ง กู้หว่านเยว่มองเห็นเจ้าหน้าที่คุ้มกันทั้งหลายจับกุมชายชราไว้คนหนึ่ง“เจ้าแอบมาทำลับ ๆ ล่อ ๆ ที่นี่ทำไม? เจ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของงานประมูล”“เฮ้อ ข้าบอกไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ ข้ามากวาดพื้น ข้าเป็นพนักงานทำความสะอาด ในรายชื่อย่อมไม่มีชื่อของข้าอยู่แล้ว”ชายชราที่มีผมและหนวดเคราหงอกขาวคนนั้นคือปรมาจารย์แพทย์อย่างไม่น่าเชื่อกู้หว่านเยว่สับสนไปหมด ชายชราผู้นี้กำลังทำอะไรอยู่? “พูดจาเหลวไหล ต่อให้เป็นพนักงานทำความสะอาดในรายชื่อก็ต้องมีบันทึกไว้ พวกข้าค้นหาในรายชื่อจนทั่วแล้ว แต่ไม่มีชื่อของเจ้าเลย” เจ้าหน้าที่คุ้มกันเอ่
“ทุกท่านโปรดทราบ เชิญรับประทานของว่างและจิบน้ำชา”พนักงานบริการคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก เข็นรถเค้กผลไม้และสุราเลิศรสเข้ามาซูจื่อชิงเหลือบมอง พลางอุทานด้วยความประหลาดใจ “เป็นสุราซูเหอเซียงจริง ๆ สุราประเภทนี้มีราคาแพงมาก มีเฉพาะในราชสำนักเท่านั้น ตลาดมืดอินซานนำสุราประเภทนี้มาต้อนรับแขกเหรื่ออย่างเหลือเชื่อ? สุรุ่ยสุร่ายเกินไปหน่อยไหม!”เนี่ยชิงหลานบ่นพึมพำ “เงินที่ตลาดมืดอินซานหาได้จากการประมูลในทุก ๆ สามปีนั้น เพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะใช้ชีวิตได้หลายชั่วอายุคนแล้ว และเขายังมีตลาดซื้อขาย คนธรรมดาทั่วไปก็สามารถนำสิ่งของมาวางขายได้ที่ตลาดซื้อขาย งานประมูลก็เรียกเก็บค่าธรรมเนียมสูง”นางหยิบสมุดออกมาจากก้นลิ้นชักสองสามเล่ม “นี่คือสิ่งของที่ถูกนำขึ้นประมูลในวันนี้ อันที่จริงตอนนี้งานประมูลก็ยังไม่เริ่ม พวกเจ้าสามารถลองอ่านดูก่อนได้”ซูจิ่นเอ๋อร์รีบหยิบสมุดเล่มหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะพลิกดูกู้หว่านเยว่ยื่นสมุดมาตรงหน้าซูจิ่งสิง “ท่านรู้ไหมว่าอ๋องหกต้องการซื้ออะไร?”ซูจิ่งสิงส่ายหัว กู้หว่านเยว่ค่อนข้างผิดหวัง แต่คิดว่าเดี๋ยวงานประมูลเริ่มแล้วก็รู้เอง จึงไม่ตอแยอะไรมากเกินไปนางพลิกดูสม
นางออกคำสั่งเป็นปกติ ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้างกายทำได้แต่เพียงฟังอย่างเงียบ ๆ ไม่คิดจะออกความคิดเห็นแต่อย่างใดเฉิงเหลียนรู้ว่านางเชื่อถือได้ “ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”ตอนจากไป นางย่างก้าวราวกับเหาะออกไปเลยทีเดียว“พระชายาช่างใจดียิ่งนัก” ชิงเหลียนอดทอดถอนใจไม่ได้แน่นอนว่าครั้นแม่นางเฉิงเหลียนได้รับความไม่ยุติธรรมจากตระกูลเฉิง นางจึงอยากพาอีกฝ่ายไปด้วย“นางสมควรได้รับ”กู้หว่านเยว่เห็นฝีมือและประสบการณ์ด้านการนำทัพของเฉิงเหลียนแล้ว นับว่าเป็นพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่งเพียงแต่น่าเสียดายที่นางเป็นสตรี จึงได้รับข้อจำกัดทุกด้านแต่หากนางได้อยู่ที่นี่ ก็ไม่ต้องกังวลมากนักนางให้โอกาสเฉิงเหลียนได้แสดงความสามารถของตัวเองอย่างอิสระ“ท่านพี่ เรากลับกันเถอะ”หลังจากเสียเวลามาตลอดครึ่งเช้า ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับไปกินมื้อเที่ยงแล้วกู้หว่านเยว่จูงมือของซูจิ่งสิงกลับมาถึงจวน กระทั่งเห็นสาวใช้วิ่งออกมาอย่างกระวนกระวายใจ“ท่านอ๋อง พระชายา แย่แล้ว ท่านหญิงฉางเล่อหายตัวไปแล้วเจ้าค่ะ”นี่คือสาวใช้ของมู่หรงฉางเล่อ ชื่อว่ากู๋อวี่กู๋อวี่ถือจดหมายฉบับหนึ่ง ด้วยท่าทางเหมือนจะร้องไห้“ข้าน้อยไป
กู้หว่านเยว่กุมขมับ ไม่มีใครปากหนักได้เหมือนเฉิงซิน หวังว่านางจะจำมันไว้เป็นบทเรียน “โธ่ ๆ ท่านพี่ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!” แม่นางตั่วล้มลงไปกองบนพื้น พลางยกมือกุมอกด้วยท่าทางยั่วสวาท ความจริงแล้วนางมีรูปโฉมงดงามมาก แม้จะไม่ได้บอกว่านางงดงามยิ่งกว่าใครในปฐพี แต่ก็มั่นใจได้ว่าเป็นสตรีวัยกลางคนที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดมากและเย้ายวนเก่งมากทีเดียว ไม่แปลกใจที่เฉิงซินจะชื่นชอบ“ฮูหยิน ก่อนหน้านั้นแม่นางผู้นี้มีชื่อเสียงเลื่องลือที่สุดในหอนางโลมซุ่ยโจวเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนกระซิบนินทาเสียงเบาข้างหูของกู้หว่านเยว่ นางรู้ว่าพระชายาของตัวเองชอบฟังเรื่องเหล่านี้เป็นที่สุด“ต่อมาครั้นถึงวัยออกเรือน นางก็ได้แต่งงานกับคนขี่ม้าผู้หนึ่ง ทว่าแม้ว่านางจะมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว แต่กลับยังออกไปรับแขกเฉกเช่นเดิม...”กู้หว่านเยว่มีคำว่า ‘ให้ตายเถอะ’ ผุดขึ้นมาในใจโดยไม่รู้ว่าควรโพล่งหรือไม่ควรโพล่งออกมา “แม่นางตั่ว เจ้าเป็นอะไรไป?”ครั้นเฉิงซินได้ยินเสียงของแม่นางตั่วก็รีบวิ่งออกมาทันที ท่าทางนั้นของเขาดูร้อนใจกว่าตอนที่แม่เขาเป็นลมเสียอีก“ท่านอ๋อง ข้าเจ็บเจ้าค่ะ....” แม่นางตั่วถูเข่าของตัวเอง“ไปกันเถอะ”
“พระชายา ท่านอ่อง เรื่องนี้...”ซูจิ่งสิงโบกมือเบาๆ “เรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัว เจ้าจัดการเองเถอะ”ตอนเฉิงฮูหยินเพิ่งฟื้นขึ้น เอาแต่เป็นห่วงลูกชายที่ถูกแขวนไว้ด้านนอก ตอนนี้ถึงได้หันมาสนใจกู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงที่ยืนอยู่ด้านข้างเมื่อรู้ว่ากู้หว่านเยว่ช่วยนางไว้ จึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพอีกฝ่าย“ชีวิตอันต่ำต้อยของข้าน้อยจะให้พระชายามาเองได้อย่างไร รบกวนพระชายาเกินไปแล้ว”นอกจากรักลูกชายมากเกินไปแล้ว ด้านอื่นๆ ของเฉิงฮูหยินก็ยังถือว่าปกติดีกู้หว่านเยว่โบกมือ“เฉิงฮูหยินไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้น รีบลุกเถอะ สุขภาพของท่านไม่ค่อยดี”“ถูกต้องท่านแม่ ท่านรีบลุกขึ้นมาเถอะ”เฉิงซินเข้าไปประคองเฉิงฮูหยินอย่างกระตือรือร้น สายตาเหลือบมองกู้หว่านเยว่ เขายังรู้สึกกลัวกู้หว่านเยว่อยู่บ้างช่วงเวลาที่ถูกมู่หรงฉางเล่อจับตัวไป เขาถูกทรมานมาไม่น้อยในมือกู้หว่านเยว่มียาพิษมากมาย มียาพิษหลายชนิดที่เขาได้ลิ้มลองด้วยตัวเอง“รีบสั่งให้แม่นางตั่วของเจ้าไปซะ” เฉิงฮูหยินด่าทออย่างไม่สบอารมณ์“เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ได้เวลากลับตัวกลับใจได้แล้ว”ที่ลูกชายออกไปทำตัวสำมะเลเทเมาอยู่ข้างนอก ต้อง
“รีบให้คนไปปล่อยซินเอ๋อร์ลงมาเดี๋ยวนี้!”เมื่อเฉิงฮูหยินลุกขึ้น หัวใจพลันปวดแปลบ นางจึงต้องเชื่อฟังและนอนลงแต่โดยดีทว่าก็ยังชะเง้อคอ อยากจะมองดูลูกรักที่อยู่ตรงลานบ้าน“เหลียนเอ๋อร์อยู่ข้างนอกหรือ? เหลียนเอ๋อร์ รีบปล่อยตัวพี่ใหญ่เจ้าเร็วสิ!”“ฮูหยิน!”เฉิงทั่วไม่เห็นด้วยกับวิธีการของนาง“เจ้าลูกอกตัญญูทำเรื่องน่าอับอายขายหน้าขนาดนี้ หากไม่ลงโทษให้ดี ต่อไปเขาจะใจกล้ามากยิ่งกว่านี้”เขาอยากถือโอกาสนี้ ลงโทษเฉิงซินให้เข็ดหลาบ“เพราะหญิงสำส่อนนั่นให้ท่า เกี่ยวอะไรกับลูกด้วย?” แต่เห็นได้ชัดว่าเฉิงฮูหยินลำเอียงคนลำเอียงมักพบได้ทั่วไป แต่ผู้ที่ลำเอียงขนาดนี้พบได้ไม่บ่อยนักกู้หว่านเยว่จับมือซูจิ่งสิงยืนสอดรู้อยู่ด้านข้างอย่างมีความสุขแม้แต่เฉิงทั่วเองก็ทนฟังต่อไปไม่ได้ สั่งสอนเฉิงฮูหยินด้วยใบหน้าแดงเถือก“ฮูหยิน หากไม่ใช่เพราะลูกชายของเราทำตัวเละเทะเอง ออกไปลักลอบได้เสียกับแม่นางตั่วอะไรนั่น หนำซ้ำยังพานางกลับมาที่บ้าน เจ้าจะหมดสติได้อย่างไร?”เฉิงทั่วโกรธที่ลูกชายไม่เอาไหนเจ้าลูกชายทำตัวเละเทะก็ไม่ใช่วันสองวันแล้ว ก่อนหน้านี้เขาไม่มีโอกาสจัดการลูกชายสักที วันนี้จะต้องสั่งสอ
ข้าเป็นคนไร้ชื่อเสียงย่อมไม่กลัว แต่ต่อไปจวนแม่ทัพของพวกเจ้ายังจะมีหน้าอยู่ในซุ่ยโจวอีกหรือ”ระหว่างที่พูด แม่นางตั่วเดินไปใต้ต้นไม้อีกครั้ง แล้วกอดเฉิงซินที่ถูกมัดแขวนไว้“คุณชายน้อย ท่านหลอกบ่าวให้หลงเชื่อสนิทใจ ท่านบอกว่าจะพาบ่าวไปอยู่อย่างสุขสบาย บ่าวจึงได้ทิ้งผัวที่บ้านตามท่านมา แต่สุดท้าย ทุกคนในบ้านท่านกลับรังแกบ่าว ฮือฮือฮือ...”อย่าเห็นว่าแม่นางตั่วแต่งงานแล้ว กลับหน้าตาเย้ายวน ทั่วทั้งตัวมีจริตจะก้านแผ่ซ่านออกมาสวมกระโปรงเกาะอกรัดเอวตัวยาว ภายนอกมีเสื้อคลุมสีชมพูสวมทับ หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลง ทำให้เฉิงซินมองดูจนไม่อาจละสายตา“เฉิงเหลียน เจ้า เจ้าตะโกนโหวกเหวกใส่คนของข้า หากจะวางอำนาจก็กลับไปที่ค่ายทหารของเจ้า อย่ามาวางอำนาจให้ข้าดู”เฉินซินเห็นแม่นางตั่วถูกรังแกไม่ได้ จึงรีบตะโกนใส่เฉิงเหลียน“เจ้านี่มันกู่ไม่กลับแล้วจริงๆ ท่านแม่หมดสติเพราะโกรธเจ้าเรื่องหญิงคนนี้ แต่เจ้ากลับปกป้องนางหรือ”ทำไมถึงได้มีคนที่โง่ขนาดนี้?เฉิงเหลียนกำหมัดแน่นช่างเป็นลูกชายที่แน่จริง ทำให้พ่อแม่ลำเอียงรักแต่เขา“ก็เพราะท่านแม่โกรธข้าจนหมดสตินะสิ หากข้าไล่ให้นางไป ท่านแม่ไม่หมดสติเส
เมื่อหมอหลายคนได้ยินว่ากู้หว่านเยว่มาตรวจอาการของเฉิงฮูหยิน ทำให้โล่งอกทันทีรีบแจ้งข้อสรุปในการตรวจอาการให้กู้หว่านเยว่ส่วนข้อสรุปนั้นก็คือ...เอ่อ ไม่มีข้อสรุปกู้หว่านเยว่เองก็เป็นหมอเมื่อเห็นท่าทางเหงื่อแตกพลั่กของทุกคน นางก็เข้าใจทันทีพวกเขาไม่มีวิธีแต่ก็กลัวเฉิงทั่วลงโทษดูท่าอาการของเฉิงฮูหยินค่อนข้างอันตรายกู้หว่านเยว่มาถึงข้างเตียง แล้วเริ่มตรวจชีพจรให้เฉิงฮูหยิน ดูจากการเต้นของชีพจร นางวินิจฉัยว่าอาการหมดสติของเฉิงฮูหยินมีสาเหตุมาจากหัวใจแต่ความจริงจะใช่หรือไม่ คงต้องตรวจให้ลึกลงไปอีกขั้นกู้หว่านเยว่ลุกขึ้นแล้วให้เฉิงทั่วกับหมอหลายคนออกไป ส่วนนางอยู่ในห้องแล้วพาเฉิงฮูหยินเข้าไปตรวจในมิติหลังจากตรวจดู กู้หว่านเยว่แน่ใจว่าเฉิงฮูหยินมีปัญหาหัวใจแต่กำเนิดโชคดี ที่เรื่องนี้ยังไม่ถือว่าร้ายแรงมากนักหมอหลายคนสลับกันรักษา แม้จะไม่ทำให้เฉิงฮูหยินฟื้นขึ้นมา แต่อย่างไรก็ทำให้อาการของนางทรงตัวกู้หว่านเยว่พาเฉิงฮูหยินออกมาจากมิติ แล้วให้ซูจิ่งสิงปล่อยพวกเขาเข้ามา“พระชายา ฮูหยินของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”“แม่ข้าจะฟื้นขึ้นมาอีกหรือไม่?”เฉิงทั่วกับเฉิงเหลียนเข้ามาถึ
ไฟแห่งความอยากรู้อยากเห็นในใจของผู้ชมอย่างนาง ลุกโชนโชติช่วงตกลงเจ้าเฉิงซินพาสตรีแบบใดกลับมา ถึงได้ทำให้เฉิงฮูหยินโกรธจนหมดสติไป อีกทั้งแม่ทัพเฉิงยังด่าทอต่อว่าได้น่าเกลียดเช่นนี้หลังจากหันมองดูภายในเรือนหนึ่งรอบ เหมือนจะไม่เห็นสตรีผู้นั้น“ท่านพี่ พวกเขาเอาสตรีนางนั้นไปไว้ที่ใดหรือ?”กู้หว่านเยว่แอบกระซิบข้างหูซูจิ่งสิง อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างระอาเรื่องอย่างนี้ เขาจะสนใจได้อย่างไร?“ไปเถอะ เข้าไปดูข้างในก่อน”ช่วยคนสำคัญกว่า กู้หว่านเยว่ตามเฉิงทั่วเข้าไปในห้องขณะนี้ภายในห้องมีหมออีกสามคนกำลังรักษา หมอคนหนึ่งตรวจชีพจรให้เฉิงฮูหยินอยู่ข้างเตียง ส่วนหมออีกสองคนยืนสีหน้าร้อนใจอยู่ด้านหลัง“เป็นอย่างไร?”หมอคนหนึ่งแอบกระซิบถามหมอที่ตรวจชีพจรส่ายหน้าเบาๆ“นี่จะทำเช่นไรดี หากรักษาเฉิงฮูหยินไม่ได้ ด้วยนิสัยของท่านแม่ทัพ คงได้กุดหัวพวกเราจนหลุดแน่”หนึ่งในหมอเอ่ยถามด้วยสีหน้าร้อนรน ทุกคนรู้ถึงความสำคัญของเฉิงฮูหยินสำหรับเฉิงทั่ว“พวกเจ้าถามข้า ข้าเองก็ไม่รู้”“หมอโจว ที่นี่ทักษะวิชาแพทย์ของท่านสูงกว่าใคร ประสบการณ์โชกโชน ท่านลองดูสิว่าอาการของฮูหยินควรทำอย่างไร?”หมอสองคนมองด
เฉิงทั่วเป็นคนที่เย่อหยิ่งมากพอเจอหน้ากันก็ทำความเคารพอย่างเป็นทางการ พอเห็นได้ว่าเรื่องร้ายแรงเพียงใดกู้หว่านเยว่นึกถึงรองแม่ทัพที่เข้ามาอย่างเร่งรีบ แล้วเชิญเฉิงทั่วออกไปหรือว่าผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว เฉิงฮูหยินยังไม่ฟื้นอีก?“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน”“ข้าน้อยไม่ลุก นอกจากพระชายาจะรับปาก”เฉิงทั่วทำหน้าดื้อดึง เมื่อมองให้ละเอียดขอบตาของเขาแดง“เอาละ เจ้านำทางไปเถอะ แล้วบอกมาด้วยว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่”กู้หว่านเยว่ไม่มีทางเลือก ดูท่าคงกลับไปนอนต่อไม่ได้แล้วเฉิงทั่วถึงได้เช็ดน้ำตา แล้วลุกขึ้นจากพื้น อย่าว่าไป ท่าทางเช่นนั้นน่าสงสารเหลือเกินตาเฒ่าผู้นี้คงเป็นห่วงภรรยาของเขาจริงๆ“เมื่อคืนตั้งแต่ฮูหยินหมดสติไป ก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย นอนอยู่บนเตียงไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่ว่าหมอจะใช้วิธีใด ก็ไม่ได้ผลทั้งสิ้น”เฉิงทั่วพูดไปด้วย ขอบตาพลันแดงไปด้วยเขากับเฉิงฮูหยินแต่งงานกันตั้งแต่หนุ่มสาว ประคับประคองกันมาตลอดในอดีตยามออกศึกที่ชายแดน เฉิงฮูหยินติดตามเขาไปด้วย ต่อมาย้ายมารักษาการที่ซุ่ยโจว เฉิงฮูหยินก็ตามมาอีกคลอดบุตธิดาให้เขาสองคน ทั้งสองคนรักใคร่กันมากถ้าเฉิงฮูหยินเกิดเรื่องอะไ
คาดว่าน่าจะเป็นศัตรูของสกุลอวิ๋น เห็นอวิ๋นมู่พ่อลูกไม่กลับมานานจึงสบจังหวะหาช่องว่าง เล่นงานสกุลอวิ๋นในเมื่อเป็นเช่นนี้ อวิ๋นมู่ไม่กลับไปคงไม่ได้แล้วซูจิ่งสิงได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ข้าส่งคนไปคุ้มกันเจ้า”ตอนนี้สกุลอวิ๋นกับพวกเขาเจดีย์หนิงกู่ถือว่าร่วมงานกัน แม้เรื่องนี้จะเป็นความลับ แต่ยากจะรับประกันว่าไม่แพร่งพรายออกไปเกิดคนในราชสำนักรู้เข้า ความปลอดภัยของอวิ๋นมู่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง“ขอบคุณท่านอ๋อง”อวิ๋นมู่มองซูจิ่งสิงอย่างแปลกใจ ทำให้อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ“อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้า”เพราะกู้หว่านเยว่ บรรยากาศระหว่างทั้งสองมักจะแปลกประหลาด ตั้งแต่พบกันครั้งแรกก็ไม่ถูกกันแล้วอวิ๋นมู่ยิ้มเจื่อน “ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแต่ว่า ความหวังดีของท่านอ๋องข้าน้อยขอน้อมรับ และตื้นตันเหลือเกิน”การเดินทางไปเมืองหลวงในครั้งนี้มีอันตราย เขาจึงไม่ปฏิเสธ“เจ้าจะออกเดินทางเมื่อใด?”กู้หว่านเยว่รีบสอบถาม“คืนนี้มากล่าวลาท่านอ๋องและพระชายา พรุ่งนี้เมื่อฟ้าสางจะออกเดินทางทันที”“เวลาเร่งรีบขนาดนี้เชียว”กู้หว่านเยว่รีบถาม“พรุ่งนี้ท่านอย่าเพิ่งรีบไป