“ขอโทษที่ข้ามาช้า”ซุนมู่เจี้ยงสาวเท้าก้าวเข้ามา จมูกกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงไวต่อความรู้สึกมาก ทันทีที่ก้าวเข้ามาก็ได้กลิ่นทันทีเหม็น เหม็นมาก!ซุนมู่เจี้ยงผู้นี้ไม่ได้อาบน้ำมานานแค่ไหนแล้ว !เสี่ยวชิวยิ้มอย่างลำบากใจ “ท่านพ่อมักจะตั้งอกตั้งใจกับการแกะสลักมาก กินดื่มและใช้ชีวิตอยู่ภายในห้องนั้น ดังนั้นบางครั้งก็ไม่ได้อาบน้ำเลยสามสี่วัน ครั้งนี้เพื่อแกะสลักไม้ให้แขกกลุ่มก่อนหน้า จึงไม่ได้อาบน้ำมาเจ็ดแปดวันแล้ว.....”ทั้งสองคน “.....”อากาศแบบนี้ ไม่อาบน้ำเป็นเวลาสามวันก็ต้องเหม็นอยู่แล้ว อย่าว่าแต่จะไม่อาบน้ำเจ็ดวันเลย ซุนมู่เจี้ยงผู้นี้อดทนเก่งจริง ๆ ถือว่าเป็นการอุทิศให้กับงานศิลปะอย่างนั้นหรือ?ซุนมู่เจี้ยงเหมือนจะไม่ได้กลิ่นเหม็นบนตัวของตัวเอง เขานั่งลงตรงข้ามคนทั้งสอง จากนั้นก็กระดกชาดื่ม แล้วกล่าวถาม “พวกเจ้าสองคน อยากให้ข้าแกะสลักอะไรหรือ?”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตามกัน แม้จะบอกว่ากลิ่นตัวเหม็นของซุนมู่เจี้ยงคนนี้จะตีขึ้นหน้า แต่ผลงานแกะสลักของเขาที่พวกเขาเข้ามาดูเมื่อครู่ ก็ถือว่ามีกึ๋นอยู่ไม่น้อย “ข้าอยากให้เจ้าแกะสลักตัวอักษร”กู้หว่านเยว่หยิบกระดาษแผ่นหนึ่
“ลายมือของคนเหล่านี้ไม่สวยอย่างนั้นหรือ?”นี่คือบุรุษที่เขียนสวยที่สุดในเมืองเชียวนะ“เขียนสวย แต่ไม่ได้สวยขนาดนั้น ข้าเคยเห็นลายมือที่สวยกว่าพวกเขาอีก”กู้หว่านเยว่นึกย้อนกลับไปยังฉากที่นางกับซ่งเสวี่ยนั่งเขียนเทียบเชิญด้วยกันวันนั้น ตัวอักษรที่ซ่งเสวี่ยเขียนในวันนั้น เรียกได้ว่าสร้างความประหลาดใจให้นางอย่างมากหากทำให้ซ่งเสวี่ยมาเขียนได้ ....กู้หว่านเยว่ลุกขึ้นและกล่าวว่า “ท่านพี่ เจ้าวางแบบเขียนเหล่านี้ไว้ที่นี่ก่อน ข้าจะไปหาพี่หญิงซ่งที่ตระกูลโจว”“ได้”ซูจิ่งสิงพยักหน้า ประมาณว่ารู้ว่านางไม่พอใจกับลายมือเหล่านี้ตระกูลกู้และตระกูลโจว ห่างกันเพียงหนึ่งช่วงถนนเท่านั้น เวลาแค่ครึ่งถ้วยน้ำชา กู้หว่านเยว่ก็มาถึงตระกูลโจแล้วปรากฏว่าเจอกับโจวเซ่อ แต่ไม่เห็นซ่งเสวี่ย“เสวี่ยเอ๋อร์ไม่อยู่”โจวเซ่อกล่าวด้วยใบหน้าบึ้งตึง คนที่มีเล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้คงจะพอเดาออกว่ากู้หว่านเยว่ไม่ชอบเขา“ทหารเฝ้าประตูบอกว่าพี่หญิงซ่งอยู่ในบ้าน”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง น้ำเสียงฟังดูไม่สบอารมณ์อย่างมากโจวเซ่อหมายความว่าอย่างไร?“ข้าบอกว่านางไม่อยู่บ้าน ก็ไม่อยู่บ้านสิ หากเจ้าจะมาหานางก็ค่อยมาวันพรุ่
“เจ้าเยินยอข้าเกินไปแล้ว”ซ่งเสวี่ยบีบจมูกของนางเบา ๆ หลังจากตอบตกลงแล้ว จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า“แต่ทว่าสามหมื่นตัวอักษรก็เป็นจำนวนที่เยอะจริง ๆ ข้าเกรงว่าคงจะทำให้เสร็จภายในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ได้”กู้หว่านเยว่คิดไว้แล้ว “ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้ต้องการมากถึงเพียงนั้นในคราวเดียว เจ้าแค่เขียนส่งให้ข้าหนึ่งร้อยทุกสองวันก็ได้”“อย่างนี้ก็ได้”ซ่งเสวี่ยตอบรับสั้น ๆ กู้หว่านเยว่จึงปรึกษาเรื่องขนาดตัวอักษรกับนาง รวมถึงการจัดเรียงแถวครั้นเห็นซ่งเสวี่ยเข้าใจแล้ว จึงขอตัวกลับ“เสวี่ยเอ๋อร์ นางมาหาเจ้าทำไมหรือ?”ทันทีที่กู้หว่านเยว่จากไป โจวเซ่อก็ลอยตัวเข้ามาจากข้างนอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ”ซ่งเสวี่ยขุ่นเคืองเล็กน้อย“หว่านเยว่เป็นผู้มีพระคุณของข้าและนานนาน ท่านควรเกรงใจนางสักหน่อย นางเองก็ไม่เคยล่วงเกินท่าน เหตุใดท่านถึงทำตัวเหมือนเป็นศัตรูกับนาง ครั้งที่แล้วนางยังเคยช่วยชีวิตของท่านไว้เลยนะเจ้าคะ”โจวเซ่อไม่สบอารมณ์อย่างมาก “ข้าไม่ได้เห็นนางเป็นศัตรู ข้าเห็นเจ้าดีกับนางมาก ข้าชักหวงขึ้นมานะสิ”ซ่งเสวี่ยไม่เข้าใจกับวงจรความคิดของเขา “ข้าและหว่านเยว่เป็นสตรี
หรือว่าต้องจัดการโจวเซ่ออย่างเงียบ ๆ แบบนั้นจบเห่แน่ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย หากภายภาคหน้าตระกูลโจวรู้เรื่องนี้เข้า คงได้เกิดเรื่องยิ่งกว่านี้แน่นางคิดไม่ออกชั่วขณะ จึงเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจ โชคดีที่เวลานี้เฉินจื่อวั่งพาคนมาหานางพอดี ครั้นเห็นนางหน้านิ่วคิ้วขมวด จึงอดประหลาดใจไม่ได้“พระชายา ท่านเป็นอะไรไปหรือ มีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านต้องลำบากใจเช่นนี้หรือขอรับ?”“หากไม่ใช่เพราะโจวเซ่อผู้นั้น....” หงเจาเป็นคนปากเร็วมือเร็ว จึงถูกชิงเหลียนถีบหนึ่งครั้งนักศึกษาที่อยู่ด้านหลังของเฉินจื่อวั่งตะลึงงัน ก่อนจะมองไปทางหงเจา “โจวเซ่อคนไหน?”“คุณชายโจวโจวเซ่อแห่งปิงโจว คู่หมั้นของฮูหยินน้อยตระกูลโจว”ชิงเหลียนคลี่ยิ้มกว้าง“ฮูหยินน้อยตระกูลโจวและพระชายาของเราสนิทกันมาก ครั้นพระชายาได้ยินว่าฮูหยินน้อยมีคู่หมั้นแล้ว ก็เลยกังวลก็เท่านั้น”สีหน้าของนักศึกษาผู้นั้นเปลี่ยนเป็นดูสดใสขึ้นมาทันที “โจวเซ่อคือพี่ชายของข้า”“ว่าอย่างไรนะ?”อย่าว่าแต่ชิงเหลียนและหงเจาเลย แม้แต่กู้หว่านเยว่ก็ยังตะลึงงันเฉินจื่อวั่งรีบแนะนำตัวเอง “พระชายา นี่คือสหายร่วมชั้นที่ข้าเคยบอกท่าน ชื่อว่าโจวเซิง”ก
กู้หว่านเยว่กล่าวว่า “ไหน ๆ เจ้ามาก็จากแดนไกลแล้ว หากไม่รังเกียจก็พักอยู่ในจวนกู้ชั่วคราวก่อนก็ได้ ระหว่างรอเข้ารับการประเมินจากสำนักศึกษาถงซัน”โจวเซิงรีบโบกมือปฏิเสธทันที “ไม่ต้องหรอก ๆ ข้ารู้ว่าคนอย่างข้ามักจะโชคร้ายเสมอ ดังนั้นข้าไม่ขออยู่ในจวนดีกว่า ก่อนมานี่ข้าได้เช่าบ้านที่ไกลจากตัวเมืองเอาไว้หลังหนึ่งแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยพักอยู่ที่นั่นก็ได้”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่ได้บีบบังคับ ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็โชคร้ายจริง ๆ“จริงสิ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าโจวเซ่อเป็นพี่ชายของเจ้าใช่หรือไม่?”“ถูกต้อง” โจวเซิงพยักหน้าครั้นกู้หว่านเยว่เห็นเขาไม่พูดมากความ จึงรู้สึกผิดหากจะถามมากเกินไป ได้แต่เชิญทั้งสองคนดื่มชาหลังจากดื่มชาเสร็จแล้ว เฉินจื่อวั่งก็ลุกขึ้นและกล่าวว่า “พระชายา เราสองคนต้องเข้าไปคารวะอาจารย์ผู้มีพระคุณก่อน ขอตัว”“หงเจา เจ้าไปส่งพวกเขาเถอะ”หงเจ้าพยักหน้า หลังจากส่งพวกเขาเสร็จแล้วก็อดพูดแขวะไม่ได้ “ทั้งคู่เป็นบุตรชายที่เกิดจากบิดาคนเดียวกัน เหตุใดคุณชายโจวผู้นี้ถึงได้มีหน้าตาเฉลียวฉลาดกว่า วาจาไม่ธรรมดา แต่โจวเซ่อผู้นั้นกลับเป็นคนต่ำต้อยเสียได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ใครว่าไม่ใช่ละ
นางมองไปทางโจวเซ่อ “ท่าน?”โจวเซ่อหน้าแดงก่ำทันที และกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “ขอโทษนะ เสวี่ยเอ๋อร์ ข้าเป็นคนทำหมึกดำเปื้อนเอง”“เหตุใดท่านถึงทำเช่นนี้?” ซ่งเสวี่ยไม่อยากเชื่อ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความโกรธ“ข้าแค่อยากช่วยเจ้า อยากช่วยเจ้าเก็บของ แต่คาดไม่ถึงว่าข้าจะโง่เขลาทำของของเจ้าสกปรกจนได้”โจวเซ่อกล่าวทั้งน้ำตา ใบหน้าโศกเศร้า“เสวี่ยเอ๋อร์ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้ากลัวเจ้าโกรธ จึงไม่กล้าบอกเจ้า ข้าเขียนแบบเขียนตัวอักษรอีกใบขึ้นมาใหม่แล้ว เจ้าดูสิว่าใช้ได้หรือไม่?”ซ่งเสวี่ยพูดไม่ออกแบบเขียนแผ่นนี้ไม่มีประโยชน์ แต่ครั้นเห็นดวงตาแดงก่ำของโจวเซ่อ นางก็ทนตำหนิไม่ได้ อีกอย่างอีกฝ่ายก็หวังดี“ช่างเถอะ ๆ ต่อไปท่านห้ามเข้าไปในห้องตำราของข้าอีก”“หว่านเยว่ ต้องขอโทษด้วย ข้าจะไปเขียนใหม่ให้เจ้าหนึ่งชุด“ไม่เป็นไร เช่นนั้นข้าค่อยมาใหม่พรุ่งนี้”กู้หว่านเยว่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก่อนจากไป โจวเซ่อมองนางด้วยความลำพองใจ ทำให้ชิงเหลียนโกรธจนหน้าซีดเผือด“เขา...”“หุบปาก กลับกันเถอะ”เห็นได้ชัดว่าพี่หญิงซ่งเป็นคนใจอ่อน เวลานี้หากโวยวายขึ้นมาอีก คนที่อับอายคงจะเป็นพี่หญิงซ่ง ส่วนโจวเซ่อนั้นไ
“ซุนมู่เจี้ยงเจ้าทำได้ดีมาก แม่พิมพ์ที่เหลืออีกสามหมื่นตัวอักษร ไว้ข้าค่อยข้าทำมาให้เจ้า”กู้หว่านเยว่มองสินค้าตัวอย่างด้วยความดีใจ“เจ้าคิดมาเลยว่าอักษรหนึ่งตัวราคาเท่าไหร่”“ตัวละห้าสิบตำลึงเงิน”ซุนมู่เจี้ยงคิดไม่ถึงว่ากู้หว่านเยว่จะชอบเพียงนี้ อย่างนี้เจ้าหนี้ก็จะใจเย็นลงบ้างแล้วตัวอักษรสามหมื่นตัว เท่ากับหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเงินสำหรับกู้หว่านเยว่แล้วเป็นแค่เงินก้อนเล็ก ๆ นางพยักหน้า “อีกสองวันข้าจะให้คนนำแม่พิมพ์มาให้เจ้า”ซุนมู่เจี้ยงพยักหน้า และหลบเลี่ยงสายตา“ข้าขอร้องเจ้าอย่างหนึ่งได้หรือไม่”เขามองออกว่าสถานะของกู้หว่านเยว่และคนอื่นไม่ธรรมดา หากพูดไปเกรงว่าจะเป็นการล่วงเกินพวกเขา“ช่วยจ่ายเงินค่ามัดจำให้ข้าสักก้อนก่อนได้หรือไม่? ต่อไปก็ค่อยจ่ายเป็นเงินเดือนเดือนละครั้งให้ข้า”เขาขัดสนเงินจริง ๆ “ซุนมู่เจี้ยง เจ้าคงไม่ได้ไปบ่นหรอกนะ?”กู้หว่านเยว่จำได้ว่าเห็นคนจากบ่อนพนันมาเยือนหน้าประตูบ้านของพวกเขาในวันนั้น หากเป็นเช่นนี้จริง ๆ การแกะสลักนี้ต้องคิดทบทวนเสียใหม่“ไม่ใช่ท่านพ่อของข้า แต่เป็นสามีของข้า”เสี่ยวชิวกัดริมฝีปาก สีหน้าลำบากใจ “เขาติดหนี้บ่อนจำนวนห
แม่นมฉินแสดงสีหน้าเจ็บปวดใจ ซ่งเสวี่ยรู้สึกขมขื่น นางก็รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปแล้วมักจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสุขเหมือนเมื่อก่อน และยังคิดว่าตัวเองเป็นคนไร้เหตุผลอีกช่วงเวลาที่อยู่กับโจวเซ่อ นางก็บอกไม่ถูกว่าตรงไหนที่ผิดปกติ แต่กลับรู้สึกไม่สบายใจไปเสียทุกอย่างแต่ทุกครั้งที่นางมีความคิดเช่นนี้ พอหันไปมองใบหน้าที่ซื่อสัตย์และจริงใจ พร้อมกับปรากฏคำว่าข้าทำเพื่อเจ้าของโจวเซ่อ นางก็รู้สึกว่าตนคิดมากไปเองนางถึงขั้นเริ่มสงสัยว่า หรือเป็นเพราะหลังจากที่ตัวเองสูญเสียสามีไป นิสัยก็เลยเปลี่ยน กลายเป็นคนขี้ระแวงเสียแล้ว“แม่นม ข้ารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน”ซ่งเสวี่ยยกมือขึ้นปิดหน้าของตัวเองแม่นมฉินถอนหายใจ บางคำคนอื่นอาจไม่กล้าพูด แต่นางจำเป็นต้องพูด“ฮูหยินน้อยลองคิดดูเองนะเจ้าคะ โจวเซ่อคนนี้เหมาะสมกับท่านจริงหรือ บ่าวจะไม่พูดอะไรมาก ตอนที่คุณชายยังอยู่ ฮูหยินน้อยเคยรู้สึกแย่แบบนี้หรือไม่”ตอนที่สามีผู้ล่วงลับยังอยู่?แน่นอนว่าไม่มีสามีผู้ล่วงลับดีกับนางมากแม้กระทั่งวันที่นางขมวดคิ้วก็ยังน้อยมากซ่งเสวี่ยส่ายหัว แม่นมฉินเตือน “ถูกต้องแล้ว คนที่จริงใจกับท่านจริง ๆ จะไม่ทำให้ท่า
“ในที่สุดก็มีที่ให้พักผ่อนแล้ว คิดไม่ถึงว่าคืนนี้จะราบรื่นถึงเพียงนี้ ยังนึกว่าพวกเราจะต้องออกจากเมืองจางโจวกลางดึก แล้วกลับไปยังค่ายใหญ่เสียอีก”แผนเดิมของกู้หว่านเยว่ หลิวชวี่จะต้องไม่ยอมจำนนง่าย ๆ อย่างแน่นอนไม่ว่าจะจับตัวหรือบุกโจมตี ก็ต้องกลับไปปรึกษากับหนานหยางอ๋องและคนอื่น ๆ เพื่อหาหนทางที่เป็นไปได้ผลปรากฏว่า หลิวชวี่เปิดฉากด้วยการมอบตราบัญชาการแล้วแบบเขานี่เรียกว่ายอมจำนนที่ไหนกัน?นี่มันคือการเฝ้ารอให้พวกเขามายึดเมืองจางโจวไปชัด ๆ “น้องหญิง เหนื่อยหรือไม่?”ซูจิ่งสิงเดินไปหากู้หว่านเยว่ นั่งลงข้างเตียง จากนั้นยื่นนิ้วเรียวยาวออกไป นวดขมับทั้งสองข้างให้นางเบา ๆ จะว่าไปแล้ว ก็นับว่าสบายมากจริง ๆ กู้หว่านเยว่หรี่ตาลงอย่างมีความสุข แล้วเหลือบมองซูจิ่งสิงภายใต้แสงเทียน ชายหนุ่มหล่อเหลาจนไม่อาจละสายตาไปนางขยับเข้าไปใกล้ซูจิ่งสิง“ท่านพี่ ข้าพบว่าท่านมีเสน่ห์จริง ๆ ” เสน่ห์เฉพาะตัว!ซูจิ่งสิงยิ้มเล็กน้อย จ้องมองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาเป็นประกาย“เทียบไม่ได้กับเจ้าแม้เพียงเศษเสี้ยว”บุรุษผู้นี้ก็รู้จักประจบประแจงแล้ว กู้หว่านเยว่ค่อนข้างพึงพอใจสองสามีภรรยาพูดคุย
หลิวชวี่ไม่รีรอ มอบตราบัญชาการออกมาโดยตรง“ท่านอ๋อง มอบให้ท่านขอรับ”ตราบัญชาการนี้ เขาอยากจะมอบให้ซูจิ่งสิงนานแล้ว“แหะ ๆ ขอบอกท่านอ๋องตามตรง”หลิวชวี่เกาหัว“ตั้งแต่วันที่ท่านยกทัพที่เจดีย์หนิงกู่ ข้าก็คิดอยู่เสมอว่า เมื่อไรท่านจะยกทัพมาถึงเมืองจางโจว ถึงตอนนั้น จะต้องมอบตราบัญชาการให้ท่านด้วยสองมือ”เขาค่อนข้างรู้สึกดีใจ“รอแล้วรอเล่า ในที่สุดก็ได้พบท่านแล้ว”ซูจิ่งสิงมองหลิวชวี่อย่างลึกซึ้ง “เจ้ามีน้ำใจแล้ว”ในเมื่อหลิวชวี่ยอมจำนน เรื่องต่อจากนี้ก็ง่ายดายแล้ว เพียงแค่นำกองทัพเคลื่อนพลเข้าเมืองก็พอ“พรุ่งนี้ ข้าจะสั่งให้คนนำทัพเข้าเมือง เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าก็เปิดประตูเมือง”“ขอรับ”หลิวชวี่รีบพยักหน้ามอบตราบัญชาการออกไปแล้วจะเปิดประตูเมืองหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดแล้วหลิวชวี่ยังอยากจะรำลึกความหลังกับซูจิ่งสิงต่อ ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบดังขึ้น“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพแย่แล้วขอรับ”“มีเรื่องอะไร?”หลิวชวี่ขมวดคิ้วถาม เขาได้สั่งไว้ล่วงหน้าแล้วว่า คืนนี้ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ห้ามมารบกวนเขา“คุณหนูอาการกำเริบอีกแล้
“รอข่าวจากน้องหญิง หากน้องหญิงบอกว่าพวกเราสามารถกลับไปได้ พวกเราก็ค่อยกลับไปจากสกุลหลี่”หลิ่วเพียวเพียวนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงรีบกำชับ“ท่านแม่ ท่านพี่ ฐานะของน้องหญิงและน้องเขยนั้นพิเศษ เรื่องที่ได้พบพวกเขาในคืนนี้ หวังว่าพวกท่านจะไม่บอกใคร”ทั้งสองคนเป็นคนมีเหตุผล ไม่ต้องให้หลิ่วเพียวเพียวกำชับพวกเขาก็เข้าใจ ตอนนี้จึงรีบพยักหน้า“น้องหญิงวางใจเถิด ข้าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับอย่างแน่นอน”อีกด้านหนึ่ง กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงออกจากจวนหลี่แล้ว ก็รีบพุ่งตัวไปยังจวนแม่ทัพ“ท่านพี่ ท่านว่าแม่ทัพหลิวผู้นั้นจะยอมเปิดประตูเมืองหรือไม่?”กู้หว่านเยว่คิดถึงแผนการรับมือ ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว หากแม่ทัพหลิวผู้นี้ไม่ยินยอม เช่นนั้นก็จับตัวเขาไปเลยดีกว่า จับกลับไปเป็นตัวประกันซูจิ่งสิงหรี่ตาลงเล็กน้อย“ตามความเข้าใจของข้าที่มีต่อเขา เขาน่าจะยินยอม”กู้หว่านเยว่คิด ๆ ดูแล้วก็เห็นด้วย หลิวชวี่ผู้นี้สามารถเป็นสหายกับซูจิ่งสิง แสดงว่าเป็นคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน“เช่นนั้นพวกเราไปดูกันก่อนเถอะ”ทั้งสองคนวาร์ปเข้าไปในจวนแม่ทัพ กู้หว่านเยว่เปิดระบบขึ้นมาโดยตรง ให้ระบบค้นหาห้องที่แม่
อย่างไรก็ตาม สกุลหลี่ใช้อำนาจข่มเหงผู้อื่นเช่นนี้ การอาศัยอยู่ที่นี่นาน ๆ ก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีกู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง อาศัยการปกปิดจากห่อผ้า หยิบน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กาหนึ่งและยาบำรุงครรภ์ขวดหนึ่ง รวมถึงตั๋วเงินสองพันตำลึงที่อยู่ข้างในออกมา “น้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์นี้ ข้านำมาจากเทียนซาน ท่านดื่มวันละนิด สามารถบำรุงร่างกายให้แข็งแรงได้นี่คือยาบำรุงครรภ์ กินวันละหนึ่งเม็ด จะช่วยให้ท่านคลอดบุตรได้ง่ายนี่คือตั๋วเงินสองพันตำลึง ท่านเก็บไว้ก่อนเถิด”กู้หว่านเยว่คิดว่า พวกเขายังไม่ได้พบใต้เท้าหลิว ไม่รู้ว่าหลิวชวี่ผู้นั้นมีความคิดอย่างไรกันแน่หากเขาปฏิเสธที่จะยอมจำนน เช่นนั้นสงครามใหญ่ก็คงยากที่จะหลีกเลี่ยงเมื่อถึงเวลานั้น นางค่อยมารับหลิ่วเพียวเพียวไป หรือไม่ก็เอาไปไว้ในมิติ หรือจัดหาที่อยู่ปลอดภัยให้หากว่าหลิวชวี่ยอมเปิดประตูเมืองโดยไม่ต้องมีการนองเลือดเช่นนั้นก็ให้คนสกุลเจี่ยนำตั๋วเงินสองพันตำลึงนี้ ไปซื้อบ้านสักหลังในเมืองจางโจวเพื่อพักอาศัยชั่วคราวก่อนรอจนกระทั่งหลิ่วเพียวเพียวคลอดบุตรแล้ว ค่อยพานางและลูกกลับไปยังเมืองเหยาหลังจากนั้นจะกลับไปยังเจดีย์หนิงกู่ หรือว่าคนสกุ
อีกอย่างพวกเขาหนีออกมาโดยไม่ได้นำเงินติดตัวมาด้วยสักแดงเดียวในขณะที่ทั้งสามคนกำลังโต้แย้งกันอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีเงาดำสองร่างกระโดดลงมาจากหลังคาเจี่ยฮูหยินและเจี่ยอวิ๋นเคยเจอกับโจรในเมืองเหยามาแล้ว จึงยังคงหวาดกลัว คิดว่าเป็นโจรกลุ่มนั้น จึงพากันตื่นตกใจในขณะที่กำลังจะตะโกนเสียงดังนั้น หลิ่วเพียวเพียวที่อยู่ถัดไปก็เห็นโฉมหน้าของกู้หว่านเยว่เสียงก่อน“ช้าก่อน อย่าเพิ่งส่งเสียงดัง นั้นคือลูกพี่ลูกน้องของข้าเอง!”นางรีบขวางสองคนนั้นไว้ จากนั้นก็เดินไปตรงหน้าของกู้หว่านเยว่“หว่านเยว่? ไม่เจอกันนานเลย”กู้หว่านเยว่คว้ามือของหลิ่วเพียวเพียวมาจับชีพจรให้นาง อื้อ ดีขึ้นมากแล้ว จังหวะการเต้นของชีพจรคงที่ ดูท่าทางเจี่ยอวิ๋นจะดูแลพี่หญิงคนนี้เป็นอย่างดี“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ข้ายังคิดว่าข้าตาฝาดอยู่เลย”ครั้นได้ยินเสียงของกู้หว่านเยว่ หลิ่วเพียวเพียวก็เชื่อสนิทใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือน้องหญิงของนาง!ครั้นนึกย้อนกลับไปตอนที่อยู่บนเตียงในช่วงแรก หลิ่วเพียวเพียวและคนในตระกูลหลิ่วต่เคยให้สิ่งของกับกู้หว่านเยว่แต่นางมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?อีกทั้งยังกระโดดลงมาจากหลังคาด
“อวิ๋นเอ๋อร์”เจี่ยฮูหยินเป็นคนขี้ขลาด ยามอยู่ต่อหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ที่มีอำนาจกลับพูดไม่ออกครั้นเห็นบุตรชายและลูกสะใภ้ ก็ราวกับเห็นเทพบุตรขี่ม้าขาวมาช่วย“พวกท่านสองคนทำอะไรกันขอรับ?”เจี่ยอวิ๋นเดินรุดขึ้นหน้า จากนั้นก็ลากคนรับใช้ของเจี่ยฮูหยินออกไป ก่อนจะจ้องมองคนตระกูลหลี่ด้วยสายตาโกรธเคือง “อวิ๋นเอ๋อร์ รังนกชิ้นนี้เป็นรังนกที่พี่หญิงของเจ้าให้ข้า ข้าเห็นว่าสุขภาพร่างกายของท่านพ่อในช่วงสองสามวันนี้ไม่ค่อยดีนัก จึงนำรังนกไปให้ในครัวตุ๋ยยาให้เขาดื่ม ปรากฏว่าท่านแม่เข้าใจผิดคิดว่าข้าขโมยรังนกชิ้นนี้มาจากนาง”เจี่ยฮูหยินพยายามรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองทันทีที่เจี่ยอวิ๋นและหลิ่วเพียวเพียวได้ยินเช่นนี้ ก็นึกสงสัยว่ายังมีสิ่งใดที่พวกเขายังไม่รู้อีกหรือ?คนในตระกูลหลี่มองพวกเขาราวกับญาติยาจกที่มาพึ่งพาพวกเขา จึงมักจะพูดจาถากถางให้พวกเขาได้ยินอยู่บ่อย ๆ บัดนี้พวกเขาชักจะเหิมเกินเกินไป กล่าวหาว่าท่านแม่ของเขาเป็นหัวขโมย!เจี่ยฮูหยินรักหลิ่วเพียวเพียวมาก ออกโรงช่วยพูดแทนแม่สามีทันที“ป้าหลี่ รังนกของท่านหายไปใช่หรือไม่?”ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ชำเลืองมองหลิ่วเพียวเพียวแวบหนึ่ง ก่อนจ
กู้หว่านเยว่หยิบเศษตำลึงเงินออกมาจากอกเสื้อและวางลงบนมือของเสี่ยวเอ้อร์“เก็บไว้กินเหล้านะ ลำบากเจ้าแล้วล่ะ กลับไปก่อนเถอะ ต่อไปข้าไม่จำเป็นต้องใช้เจ้าแล้ว”“ขอบคุณฮูหยินขอรับ”เสี่ยวเอ้อร์เป็นเด็กที่ฉลาดมาก เขารับตำลึงเงินและรีบจากไปทันทีจนกระทั่งแผ่นหลังของเสี่ยวเอ้อร์หายลับไปจากถนน กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ลอยตัวเข้าไปในจวนหลี่“ระบบ ช่วยข้าล็อกตำแหน่งที่อยู่ของพี่หญิงหน่อยสิ”กู้หว่านเยว่เคยเจอกับหลิ่วเพียวเพียวแล้ว ดังนั้นระบบจึงสามารถหาตำแหน่งของนางภายในขอบเขตขนาดเล็กได้“นายหญิง คุณหนูหลิ่วอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้”ภายในจวนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจวนหลี่ในเวลานี้ เจียอวิ๋นกำลังประคองหลิ่วเพียวเพียวนั่งลง“ไม่รู้ว่าท่านตา ท่านยาย ท่านพ่อ ท่านแม่และน้องชายของข้าจะเป็นอย่างไรบ้าง จากข่าวของเมืองฉูโจว ได้ยินมาว่าอุตสาหกรรมทั้งหมดของตระกูลพวกเขาล้มละลาย ตระกูลหลิ่วเองก็หายตัวไปอย่างไร้วี่แวว”หลิ่วเพียวเพียวเช็ดน้ำตา สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลเจี่ยอวิ๋นเห็นภรรยาเป็นกังวลเช่นนี้ ก็ทอดถอนใจเขาไร้อำนาจ ทำได้เพียงแค่ให้คำแนะนำเท่านั้น “เจ้าอย่าเพิ่งกังวลเกินไป วางใจเถอะ
ทิวทัศน์จากกำแพงเมืองช่างงดงามยิ่งนัก หากศัตรูคิดจะลอบโจมตี ทหารที่เฝ้าประจำการอยู่บนกำแพงจะเห็นเป็นคนแรกกองทัพที่อยู่ด้านล่างไม่สามารถเล็ดลอดสายตาของทหารเหล่านี้ไปได้“มิน่าล่ะหนานหยางอ๋องถึงได้เป็นกังวลยิ่งนัก”กู้หว่านเยว่หันไปมองซูจิ่งสิง “เราไปตามหาพี่หญิงของข้าก่อนหรือจะไปตามหาหลิวชวี่ก่อนดีเจ้าคะ?”นางรู้ว่าเหตุผลหลักที่ซูจิ่งสิงมายังเมืองจางโจวก็เพื่อตามหาสหายเก่า คาดว่าคงอยากเจอกับอีกฝ่ายสักครั้ง แล้วดูว่าแม่ทัพหลิวผู้นี้จะมีท่าทีอย่างไรหากสามารถหลีกเลี่ยงการเกิดสงครามได้ ก็คงจะดียิ่งนักสามารถแก้ไขปัญหาโดยปราศจากการนองเลือดได้ ราษฎรในเมืองจางโจก็จะได้รับความลำบากจากสงครามน้อยลง“ไปตามหาพี่หญิงของเจ้าก่อนเถิด”ซูจิ่งสิงกล่าวเพียงประโยคเดียวเขาไม่ได้รีบออกตามหาหลิวชวี่ขนาดนั้น ไปตามหาหลิ่วเพียวเพียวก่อน กู้หว่านเยว่จะได้วางใจ“ก็ดี เช่นนั้นก็ออกตามหาพี่หญิงของข้าก่อน”“ไปกันเถอะ เราเข้าเมืองก่อนแล้วค่อยว่ากัน”ซูจิ่งสิงกระซิบข้างหูของกู้หว่านเยว่เบา ๆ เพียงพริบตาเดียวก็พบว่าทั้งสองคนได้เข้ามาอยู่ในเมืองเรียบร้อยแล้ว เวลานี้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบนถนนมีจำนวนน้
กู้หวย่านเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลิ่วเพียวเพียวกำลังตั้งครรภ์ คนในตระกูลเจี่ยจะต้องไม่ปล่อยนางไปง่าย ๆ จะต้องพานางไปด้วยอย่างแน่นอนอีกอย่างในตอนที่นางสอบถามพวกโจร นางไม่เคยได้ยินเรื่องที่หัวหน้าตระกูลถูกฆ่าตายอยู่ในจวนเจี่ยจากปากของพวกเขาเลย“ท่านพี่ ข้าอยากสำรวจเมืองจางโจวในเวลากลางคืน”หลังจากที่ลงหลักปักฐานแล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปปรึกษากับซูจิ่งสิงในเมื่อมีเบาะแสของหลิ่วเพียวเพียวแล้ว นางจึงตัดสินใจว่าจะไปดูด้วยของตัวเอง ถึงอย่างไรพี่หญิงก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ ซึ่งเป็นช่วงที่อันตรายมากหากเกิดความผิดพลาดขึ้นมา คงไม่ใช่เรื่องตลก นางจะต้องมั่นใจที่อยู่ของอีกฝ่าย ถึงจะกล้าวางใจหากได้กลับไป ก็ไม่ถึงกับพูดไม่ออกต่อหน้าท่านลุงและท่านป้า“ข้าจะไปกับเจ้า” ซูจิ่งสิงเข้าใจความหมายของกู้หว่านเยว่ แต่เขาไม่วางใจให้กู้หว่านเยว่ไปเพียงลำพัง ไม่ว่าอย่างไรเขาจะตามนางไปด้วย“เจ้ายังต้องอยู่ในค่าย หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจะได้รับมือได้ทันท่วงที”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางกลัวว่าท่านแม่ทัพจางโจวจะจู่โจมในเวลากลางคืนโดยไม่ทันตั้งตัว หากซูจิ่งสิงไม่อยู่ที่นี่ สถานการณ์อาจจะเลวร้ายกว่านี้ก