เดิมทีวิชายุทธ์ของเขาก็ไม่สูง หลังผ่านความตกตะลึง ขาก็ลื่นร่วงหล่นจากคานบ้านปรมาจารย์แพทย์ ‘...เหล่านี้ล้วนคือสมุนไพร ดอกไม้อะไรกัน!’“พูดเช่นนี้หมายความว่าเจ้ามาหาเจียงอวิ๋นจิ่น เจ้าอยากพานางหนีไป?” กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วเอ่ยถามเฉินจื่อวั่งสบสายตาของทั้งคู่ รีบส่ายหน้า “ข้าเปล่า ข้ารู้นางไม่มีวันไปกับข้า แม่ของนางยังอยู่ในเมืองหลวง หากนางไป แม่ของนางก็ต้องตาย ข้าเพียงอยากลอบมาดูนางสักครั้ง”กู้หว่านเยว่รู้สึกเห็นใจคนผู้นี้อยู่บ้าง เขาก็คือคนหลงใหลในความรักคนหนึ่งยิ่งไปกว่านั้นฟังจากคำพูดของอีกฝ่ายแล้ว เจียงอวิ๋นจิ่นไม่ได้ยินดีมาเป็นชายารองที่เจดีย์หนิงกู่เฉินจื่อวั่งขบกรามแน่นพูดว่า “เรื่องคืนนี้ล้วนเป็นความผิดของข้า พวกเจ้าจะฆ่าก็ฆ่า แต่อย่าโทษนางเป็นอันขาด นางน่าสงสารพอแล้ว”เขากำหมัดแน่น “จะโทษก็โทษที่ข้าไร้ประโยชน์ ไม่สามารถปกป้องนางและครอบครัวของนางเอาไว้ได้”เขามองทางซูจิ่งสิง “ท่านอ๋องขอร้องท่านหนึ่งเรื่อง อวิ๋นจิ่นเป็นคนน่าสงสารจริงๆ ต่อให้ท่านไม่รักนาง แต่ฝ่าบาทพระราชทานนางให้ท่านแล้ว ในเมื่อนางเป็นสตรีของท่านแล้ว ขอร้องท่านดีต่อนางด้วย แม้ข้าและนางเป็นคู่รักในวัยเย
หลังใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง ทันใดนั้นเขาคุกเข่าต่อหน้าคนทั้งสอง“ท่านอ๋องพระชายา ข้ามันขี้ขลาด ขอร้องพวกท่านช่วยไว้ชีวิตอวิ๋นจิ่นได้หรือไม่”เขาคล้ายคว้าต้นหญ้าช่วยชีวิตเอาไว้ ซูจิ่งสิงกลับไม่อยากสนใจเรื่องห่วยๆ พรรค์นี้ เขาสนใจเพียงกู้หว่านเยว่จะมีชีวิตดีๆ ได้หรือไม่“สตรีของเจ้า เจ้าปกป้องเอง”ใต้หล้ามีคู่รักที่น่าสงสารมากเพียงนั้น หรือว่าเขาต้องสนใจทุกคนกันเล่า?ไม่ยอมให้คุณธรรมมาบังคับให้ฝืนใจ“หากข้ามีความสามารถปกป้อง ก็คงพานางไปตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ใช่ทำได้เพียงตามหลังมาที่เจดีย์หนิงกู่”อยู่ต่อหน้าอำนาจของฮ่องเต้ สามัญชนจะต่อต้านได้เยี่ยงไร?“แค้นนักข้าเป็นเพียงบัณฑิตเล็กๆ คนหนึ่ง แม้แต่คนรักก็ปกป้องไว้ไม่ได้”สีหน้าเฉินจื่อวั่งพ่ายแพ้ ครู่ต่อมาถึงขั้นคล้ายแก่ลงไปสิบปีกู้หว่านเยว่ได้ยินว่าเขาเป็นบัณฑิต หวั่นไหวภายในใจ “เจ้าเป็นบัณฑิต เช่นนั้นเจ้าสอบติดขุนนางแล้วหรือไม่?”นางอยากสร้างสำนักศึกษาแห่งหนึ่งที่เจดีย์หนิงกู่ แต่ก็ยังไม่ได้ลงมือเสียที ก็เพราะไม่มีนักเรียนเฉินจื่อวั่งพยักหน้า “ข้าไม่มีพรสวรรค์ เป็นเพียงทั่นฮวา อันดับสามของรุ่น”“เจ้าเป็นทั่นฮวา?” กู้หว่านเยว่ตกต
“หลังข้าออกจากคุก ก็ได้รับข่าวว่าเจียงอวิ๋นจิ่นถูกฝ่าบาทพระราชทานเป็นชายารองให้เจิ้นเป่ยอ๋อง ข้าไปสืบข่าวดู เรื่องนี้เป็นองค์หญิงเสนอฝ่าบาท”เฉินจื่อวั่งหางตาแดงเรื่อ “เป็นข้าที่ทำร้ายอวิ๋นจิ่น”เจียงอวิ๋นจิ่นเคราะห์ร้ายยิ่งนักกู้หว่านเยว่เข้าใจต้นสายปลายเหตุเรื่องนี้แล้ว คำถามที่ต้องการถามก็ถามไปทั้งหมดแล้ว“เฉินจื่อวั่ง ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ แต่ข้าต้องการให้เจ้ารับปากข้าหนึ่งเรื่อง”เฉินจื่อวั่งไม่ต่อต้าน พูดเสียงหนักแน่น “ขอเพียงอวิ๋นจิ่นอยู่ดีมีสุข ต่อให้พระชายาต้องการชีวิตของข้า ข้าก็ยินดี”กู้หว่านเยว่หัวเราะ “หากเจ้าตาย ก็คือศพทั้งเหม็นทั้งแข็ง ข้าจะเอาชีวิตเจ้าไปทำอันใดภายภาคหน้า ข้าต้องการให้เจ้าเป็นผู้อยู่ใต้อาณัติของข้า ทำงานให้ข้า”เฉินจื่อวั่งรีบพูด “ขอเพียงพระชายาไม่ให้ทำเรื่องผิดศีลธรรม ข้ายินดีฟังคำสั่งของพระชายา”“ดี”กู้หว่านเยว่โบกมือ “ชิงเหลียน เจ้าไปหาทาง ลักพาตัวเจียงอวิ๋นจิ่นมา”นางตั้งใจให้ทั้งสองได้กลับมาครองคู่กัน แต่ ก็ต้องดูท่าทีของเจียงอวิ๋นจิ่นด้วยภายในโรงเตี๊ยม โจวกงกงกำลังโมโหเดือดดาล“ข้าโมโหยิ่งนัก พวกเรายังไม่เคยอับอายเช่นนี้มาก่อนในชีว
“อวิ๋นจิ่น ขอโทษ ขอโทษ ข้ามาช้าไปแล้ว”“เป็นเจ้าจริงหรือ?”เสียงของเจียงอวิ๋นจิ่นอ่อนแอ กระอักเลือดอีกครั้ง“ข้าคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้พบเจ้าอีกแล้ว จื่อวั่ง ข้าเคยพูดไว้ ชาตินี้นอกจากเจ้าข้าก็ไม่แต่งกับผู้ใด ข้า ข้าทำได้แล้ว”“อวิ๋นจิ่น เจ้าโง่เหลือเกิน โง่เหลือเกิน”เฉินจื่อวั่งจับมือของนางไว้ หัวใจแทบแหลกสลาย “ข้าขอร้องเจ้า ขอร้องเจ้าให้มีชีวิตอยู่ ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอเดี๋ยวนี้”เฉินจื่อวั่งพูดไปก็อุ้มเจียงอวิ๋นจิ่นขึ้น ขอบตาแดงเรื่อสบมองกู้หว่านเยว่ “ท่านอ๋อง พระชายา สามารถเชิญหมอมาช่วยนางได้หรือไม่?”กู้หว่านเยว่เองก็คิดไม่ถึงเจียงอวิ๋นจิ่นจะอุปนิสัยรุนแรงเพียงนี้ หลังผ่านความตกตะลึง ก็รีบพูดว่า“อุ้มคนเข้าไปในห้อง ข้าเป็นหมอ ข้าสามารถช่วยนางได้”“ช้าก่อน นั่นคือห้องของข้า อุ้มไปที่ห้องด้านข้าง!”ปรมาจารย์แพทย์รีบตะโกนห้าม ภายในห้องของเขามีสมุนไพรมากมาย หากเข้าไปวุ่นวาย เขาต้องปวดใจตายเป็นแน่“ท่านเป็นหมอ ดียิ่งนัก”เฉินจื่อวั่งรีบอุ้มเจียงอวิ๋นจิ่นเข้าห้องด้านข้าง วางคนลงบนเตียง ก็หลีกทางให้กู้หว่านเยว่จับชีพจร“คือพิษดอกยี่โถ”กู้หว่านเยว่ดมกลิ่นขวดกระเบื้องเคลือบทีหนึ
นางส่ายหน้า “เจ้าไม่ต้องมาหาข้า ข้าถูกฝ่าบาทพระราชทานเป็นชายารองให้ท่านอ๋องแล้ว”นางกังวลซูจิ่งสิงจะตำหนิเฉินจื่อวั่ง รีบพูด “ท่านอ๋อง พระชายา พวกท่านจะตำหนิก็ตำหนิข้า ได้โปรดปล่อยเขาไปเถอะ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์”กู้หว่านเยว่เห็นเสียงนางเจือคำวิงวอน ยกมุมปาก “แม่นางเจียง เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ มิสู้ฟังก่อนว่าเฉินจื่อวั่งจะพูดอะไร”เฉินจื่อวั่งมองเจียงอวิ๋นจิ่น ตอนนี้หัวใจแหลกสลายแล้ว“เหตุใดเจ้าโง่งมเพียงนั้น เหตุใดเจ้าต้องกินยาพิษฆ่าตัวตายด้วย?”เจียงอวิ๋นจิ่นคิดว่าแม้ซูจิ่งสิงไม่ให้นางเข้าจวน แต่อย่างไรนางก็เป็นคนที่ฝ่าบาทส่งมาหากมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับเฉินจื่อวั่ง ก็ยากจะรับประกันได้ว่าซูจิ่งสิงจะไม่โกรธ แล้วฆ่าเฉินจื่อวั่งโดยตรงดังนั้นนางขบเม้มกลีบปาก “เพราะเหตุใด ข้าเพียงแค่เข้าจวนอ๋องไม่ได้ รู้สึกกลัวภายในใจ ดังนั้นจึงกินยาพิษฆ่าตัวตาย ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า”“เจ้าพูดเหลวไหล” เฉินจื่อวั่งส่ายหน้า “ตั้งแต่เด็กขอเพียงเจ้าโกหกก็จะไม่กล้าสบตาข้า เจ้าสบตาข้าและบอกข้า เจ้าไม่อยากเข้าจวนอ๋องใช่หรือไม่?”น้ำตาของเจียงอวิ๋นจิ่น ไหลลงมาอย่างสุดระงับนางพูดอย่างสติแตก “เหตุใดเจ้าต้
“เพียงแต่ลงท้ายจะเลือกเยี่ยงไร ยังต้องดูพวกเจ้าทั้งสอง”การเลือกของเฉินจื่อวั่ง นางรู้แล้ว“แม่นางเจียง หากเจ้ายินดี ข้าสามารถทำให้เจ้าและเฉินจื่อวั่งสมปรารถนาได้”“ข้า...” ดวงตาเจียงอวิ๋นจิ่นทอประกาย ขณะต้องการพยักหน้า ก็นึกถึงอะไรขึ้นได้ รีบส่ายหน้า“ข้าไม่สามารถรับปากได้ ท่านแม่ข้ายังอยู่ในเมืองหลวง หากข้าไป ข่าวนี้ส่งไปถึงเมืองหลวง ท่านแม่ข้าก็ไม่มีชีวิตรอดแล้ว”ดังนั้นนางจึงเลือกกินยาพิษ ต่อให้ต้องตาย ก็ไม่กล้าหนี“อวิ๋นจิ่น...” พูดถึงเรื่องนี้ เฉินจื่อวั่งเงียบลงเฉกเช่นเดียวกันเขาไม่มีครอบครัว ไม่มีพันธนาการจึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ทว่าเจียงอวิ๋นจิ่นไม่เหมือนกัน ตั้งแต่เด็กนางและมารดาดูแลกันและกัน ไฉนเลยจะสามารถใช้ชีวิตของมารดามาแลกความสุขได้?เจียงอวิ๋นจิ่นพูดอย่างจริงใจ “ท่านอ๋องพระชายา ข้ารู้ทั้งสองท่านรักกันด้วยใจจริง พวกท่านไม่สามารถฝืนทนต่อสิ่งที่ตนไม่ชอบได้ ข้าเองก็ไม่เคยคิดทำลายพวกท่าน”เจียงอวิ๋นจิ่นรู้ ฝ่าบาทส่งนางเข้าไป ไม่มีอะไรมากไปกว่าต้องการส่งคนสอดแนมคนหนึ่งเข้าไปอยู่ข้างกายเจิ้นเป่ยอ๋อง ในขณะเดียวกันก็ทำลายความรักระหว่างซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่“หากท่
“ยังไม่นับว่าโง่เกินไปนัก สามารถเข้าใจต้นสายปลายเหตุภายในนี้ได้”กู้หว่านเยว่พูดยิ้มๆ “เพื่อความปลอดภัย เจ้ากินยาแกล้งตายนี้ลงไปแล้ว เจ้าจะไม่สามารถเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาได้เป็นเวลายาวนานสักระยะหนึ่ง”เจียงอวิ๋นจิ่นชะงักพลางพยักหน้าเบาๆ “เช่นนั้นทางฝั่งท่านแม่ข้า...”“ข้าจะส่งคนไปที่เมืองหลวง พาแม่ของเจ้ากลับมา ให้พวกเจ้าสองแม่ลูกได้อยู่กันพร้อมหน้า”เจียงอวิ๋นจิ่นได้ยินประโยคนี้แล้ว เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อในที่สุด ยังคิดว่าตนเองฟังบางอย่างพลาดไป นางคิดไม่ถึงว่า กู้หว่านเยว่จะช่วยนางถึงขั้นนี้“พระชายา ท่าน ท่านพูดจริงหรือ?”“ใช่แล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ว่ากันว่าช่วยคนแล้วก็ต้องช่วยจนถึงที่สุด ในเมื่อตัดสินใจช่วยคู่รักชะตาอาภัพแล้ว นั่นก็ต้องจัดการให้สมบูรณ์แบบ“ขอบคุณพระชายามาก!”เจียงอวิ๋นจิ่นรีบลุกขึ้นต้องการคุกเข่าให้นาง กู้หว่านเยว่ยิ้มตาหยีพูดว่า“ไม่ต้องขอบคุณข้า ข้าไม่มีความสามารถมากเพียงนั้น เรื่องนี้ย่อมต้องมอบให้ท่านอ๋องเป็นผู้จัดการ”ซูจิ่งสิงเอือมระอา มุมปากยกขึ้นระบายยิ้มอ่อนโยน เดิมทีเขาไม่อยากช่วยสองคนนี้ คิดว่าน่ารำคาญแต่ในเมื่อน้องหญิงต้องการช่วย
“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?!”โจวกงกงดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอน เกือบตกใจตาย“รอก่อน ข้าอาจยังไม่ตื่นจากฝัน วิธีการลืมตาผิดไป เจ้าพูดอีกรอบชายารองเจียงเป็นอะไรไป?” สาวใช้มีสีหน้าโศกเศร้า “พูดอีกรอบก็เหมือนเดิมเจ้าค่ะ ชายารองของพวกเราตายไปแล้ว”โจวกงกงไม่ได้สวมรองเท้า ก็วิ่งไปห้องด้านข้างแล้วครั้งนี้มาเจดีย์หนิงกู่มีสองหน้าที่สำคัญประการแรกคือถ่ายทอดพระราชโองการ คืนตำแหน่งเจิ้นเป่ยอ๋องซูจิ่งสิงประการที่สองคือส่งชายารองเจียง เข้าไปอยู่ภายในจวนของซูจิ่งสิงยิ่งไปกว่านั้นประการที่สองนี้ เป็นฝ่าบาทและองค์หญิงกำชับด้วยพระองค์เองบัดนี้ ชายารองคนนี้ถึงขั้นตายไปแล้ว?!โจวกงกงร้อนใจรีบมาห้องด้านข้าง หลังผ่านเข้าประตูก็มองเห็นเจียงอวิ๋นจิ่นนอนแข็งทื่อบนเตียง สาวใช้สองคนทางด้านข้างกำลังคุกเข่าตัวสั่นๆเขารีบวิ่งเข้าไปวางนิ้วใต้จมูกเจียงอวิ๋นจิ่น ไม่มีลมหายใจแล้ว“แย่แล้วๆ แย่แน่แล้ว คราวนี้ฝ่าบาทจะต้องบั่นคอข้าแน่”โจวกงกงคิดไม่ถึงเลยจริงๆ เพียงคืนเดียวเจียงอวิ๋นจิ่นจะตายไปเช่นนี้“ตายแล้ว เหตุใดนางตายได้เล่า เมื่อวานนางยังมีชีวิตชีวาอยู่เลย!”โจวกงกงถีบสาวใช้สองคนนั้น “พวกเจ้าสองคนพูดออ
สี่ตระกูลนี้ นอกจากตระกูลกู่ลี่ที่โดนเนรเทศแล้ว อีกสามตระกูลที่เหลือ ไม่ว่าจะตระกูลไหนใครก็ล่วงเกินไม่ได้สามตระกูลนี้ล้วนแต่มีองค์ชายที่อยากจะสนับสนุน ดังนั้นเขาไม่มีทางที่ยอมจำนนต่อพวกเขาอย่างแน่นอนเสี่ยวถ่านเดินมาถึงตรงหน้ากู้หว่านเยว่ พลางวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้ของสองสามีภรรยานางเริ่มกังวลหลังจากที่กู้หว่านเยว่ฟังจบ นางกลับคลี่ยิ้มและขยี้ปลายจมูก “ใครบอกว่าทั้งสามตระกูลนี้ เจ้าไม่สามารถใช้ประโยชน์จากตระกูลไหนได้เลย?”“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?”เสี่ยวถ่านยังไม่ได้สติกลับมาแต่ซูจิ่งสิงกลับเข้าใจความหมายของภรรยา จากนั้นก็ส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูสมแล้วที่เป็นภรรยาของเขา และเป็นโจรได้สมบทบาท ชอบปล้นคลังสินค้าของผู้อื่นก็เรื่องหนึ่ง แม้กระทั่งกองกำลังของผู้อื่นที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีนางก็ปล้นชิงไม่มีเหลือ“หากข้าเดาไม่ผิด น้องหญิง เจ้าน่าจะอยากช่วงชิงกองกำลังในมือของกษัตริย์ทูเจวี๋ยมาด้วยสินะ?”ซูจิ่งสิงมองนางด้วยสายตาเปล่งประกาย กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างเก้อเขิน“ตอบถูก แต่ไม่มีรางวัลให้หรอกนะ”ซูจิ่งสิงคลี่ยิ้มพลางพยักหน้า “วิธีนี้ได้ผลแน่นอน อีกอย่างกษัตริย์ทูเจวี๋ยก็อ
ในเมื่อกู้หว่านเยว่เสนอเงื่อนไขนี้ นั้นก็หมายความว่านางตอบตกลงแล้วเสี่ยวถ่านแสดงสีหน้าดีใจ จากนั้นก็รีบคำนับโขกดินให้กู้หว่านเยว่สามครั้ง “ท่านอาจารย์ ได้โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถิด”“ได้ ลุกขึ้นเถอะ”กู้หว่านเยว่ดึงตัวของเสี่ยวถ่านขึ้นมา ในเมื่อเสี่ยวถ่านคือลูกศิษย์ของนางแล้ว เช่นนั้นอาจารย์อย่างนางก็ต้องช่วยลูกศิษย์สักหน่อย คงไม่เป็นไร“เจ้ายังมีศิษย์พี่อีกคน นั้นคือลูกศิษย์ของสามีข้า ตอนนี้อยู่ในเจดีย์หนิงกู่ ไว้มีโอกาส ข้าจะพาเขามาพบเจ้า”ครั้นเอ่ยถึงหลี่เฉินอัน ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่เจดีย์หนิงกู่เป็นอย่างไรบ้าง นัยน์ตาของกู้หว่านเยว่ฉายแววคะนึงหา เสี่ยวถ่านพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ในขณะเดียวกันก็มองกู้หว่านเยว่อย่างเป็นกังวล “ท่านอาจารย์ เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรกันดี?”หากต้องขึ้นครองบัลลังก์ คงไม่ใช่กล่าวเพียงปากเปล่าแล้วจะทำได้“ไม่รีบ”กู้หว่านเยว่มองไปทางอื่น ก่อนที่สายตาจะมาตกอยู่ที่กษัตริย์ทูเจวี๋ย มุมปากยกยิ้มที่แฝงไปด้วยเลศนัยบางอย่าง“ท่านพี่ ท่านคลายจุดให้กษัตริย์ทูเจวี๋ยก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่เดินมาตรงหน้าของทั้งสองคน เพื่อป้องกันไม่ให้กษัตริย์ทูเจวี๋ยหนีไปไ
“ข้า....” เสี่ยวถ่านหวนนึกถึงคืนที่เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่นั้น เพื่อปกป้องนาง ราชินีทิ้งโอกาสรอดชีวิตของตัวเองในทันที“ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อเจ้าค่ะ”เสี่ยวถ่านตอบอย่างเด็ดเดี่ยว “เพื่อเสด็จแม่ ข้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อ”“ได้”กู้หว่านเยว่ไม่ได้ใส่ใจกับคำตอบนี้ของเสี่ยวถ่าน จากการเฝ้าสังเกตการณ์ในสองวันที่ผ่านมานี้ นางได้พบว่าถึงแม้เด็กคนนี้จะเป็นเพียงเด็กสาว แต่นางมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวมากเพียงแต่เพราะอายุยังน้อยนัก ความสามารถในการจัดการเรื่องราวจึงยังอ่อนต่อโลกนัก ตราบใดที่ได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างดี เมื่อถึงเวลานั้นจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง“เสี่ยวถ่าน เจ้าจงฟังข้า เมื่อครู่เจ้าเองก็เห็นท่าทีที่เสด็จพ่อเจ้ามีต่อเจ้า หากบัดนี้เจ้าปล่อยเสด็จพ่อของเจ้าไป ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ในทูเจวี๋ย เสด็จพ่อของเจ้าคงไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่” กู้หว่านเยว่มองเข้าไปในดวงตาของนาง พลางกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หากเจ้าอยากมีชีวิตเป็นของเจ้าเอง เพื่อแก้แค้นให้เสด็จแม่ ข้ายังมีอีกวิธีหนึ่ง เพียงแต่ไม่รู้ว่าเจ้าจะยอมทำหรือไม่”“วิธีอะไรเจ้าคะ?”เสี่ยวถ่านกล่าวถามด้วยจิตใต้สำนึก“เจ้าตามข้ามา”กู้หว่านเยว่
“ไฟกองนั้น ท่านตั้งใจปล่อยให้มันเกิดขึ้นหรือเป็นคนบงการเองกันแน่?” เสี่ยวถ่านจ้องเขม็งไปทางกษัตริย์ทูเจวี๋ย นางอยากได้ยินคำสารภาพจากเสด็จพ่อด้วยตัวเองกษัตริย์ทูเจวี๋ยรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นสายตาที่จ้องเขม็งของนาง ครั้นเผชิญหน้ากับการซักไซ้ไล่ถามของเสี่ยวถ่าน นัยน์ตาก็ฉายแววประหม่า“ตระกูลกู่ลี่ยกตระกูลของแม่เจ้ามาข่มขู่ข้าในราชสำนักหลายครั้ง ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อความสงบสุขของทูเจวี๋ย”เขารู้สึกละอายใจ “ในเมื่อเจ้าเป็นบุตรสาวของข้า ก็ยิ่งต้องเข้าใจความยากลำบากของเสด็จพ่อของเจ้า”เขาเอื้อมมือไปทางเสี่ยวถ่าน “เสี่ยวถ่าน มานี่ เจ้าคือสายเลือดกษัตริย์ทูเจวี๋ยของข้า ก็ควรมีใจเป็นหนึ่งเดียวกับข้า”ครั้นเสี่ยวถ่านเห็นกษัตริย์ทูเจวี๋ยเดินมาหาตน นางที่ยังจมปลักอยู่กับความเจ็บปวดจากการเห็นเสด็จแม่ถูกเสด็จพ่อปลิดชีพ ถึงกับตกใจจนพูดไม่ออกในตอนนี้เองได้เกิดแสงเย็นสว่างวาบขึ้นภายใต้ฝ่ามือของกษัตริย์ทูเจวี๋ย กริชด้ามหนึ่งได้พุ่งเข้ามาแทงเสี่ยวถ่านโดยไม่ทันตั้งตัว “เสด็จพ่อ ท่านจะทำสิ่งใด?”รูม่านตาของเสี่ยวถ่ายหดลงอย่างฉับพลัน นางยังรับความจริงเรื่องที่เสด็จพ่อฆ่าเสด็จแม่ไม่ได้ เพียงพ
“เหยลวี่เจิงตายแล้ว เขาตายแล้ว ตายได้แล้วก็ดี กดขี่ข่มเหงข้ามานานเพียงนี้ ข้าหวังให้เขารีบตาย ๆ ไปได้ตั้งนานแล้ว สมควรตายแล้ว!” พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์ทูเจวี๋ยและเหยลวี่เจิง ก็ค่อนข้างซับซ้อน เดิมกษัตริย์ทูเจวี๋ยและเหยลวี่เจิงมีความสัมพันธ์แบบพันธมิตร แต่เพราะอำนาจของตระกูลฝ่ายราชินีของกษัตริย์ทูเจวี๋ยแข็งแกร่งเกินไป จนเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงมาถึงราชบัลลังก์ของกษัตริย์ทูเจวี๋ย ทำให้กษัตริย์ทูเจวี๋ยต้องร่วมมือกับเหยลวี่เจิง เพื่อล้มอำนาจของตระกูลฝ่ายราชินี ไหนเลยจะรู้ว่าเหยลวี่เจิงจะไม่สนคุณธรรมการทหาร หลังจากโค่นล้มราชินีได้แล้ว กุมอำนาจยิ่งใหญ่ในมือ และหันมีดกระบี่ใส่กษัตริย์ทูเจวี๋ยแทน กษัตริย์ทูเจวี๋ยเรียกได้ว่าเคลื่อนหินไม่พ้นปลายเท้าตนเอง “รีบไป ไปเรียกขุนพลเกา คนสนิทของข้าเข้ามา” กษัตริย์ทูเจวี๋ยรีบออกคำสั่ง สีหน้าฉายแววตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย ขันทีรีบผงกศีรษะ เตรียมจะออกไปส่งข่าว แต่พอเดินไปถึงประตู สุดท้ายก็มีหินก้อนหนึ่งพุ่งเข้ามา กระแทกเขาหมดสติไปทันที “ใคร?” กษัตริย์ทูเจวี๋ยสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ “เสด็จพ่อ ข้าเอง!” เสียงของเสี่ยวถ่านดังมาจาก
สองคนกลับมาหาเสี่ยวถ่านแล้ว พร้อมกับ แจ้งข่าวการตายของเหยลวี่เจิงให้กับทุกคน “เหยลวี่เจิงตายแล้ว?!” เยียนสือซานตกตะลึงไม่สิ้นสุด เขาไม่คิดเลยว่า ระยะเวลาเพียงไม่นาน สองคนสามีภรรยาก็สามารถลงมือสังหารเหยลวี่เจิงได้จริง ๆ “หากเหยลวี่เจิงตายไปแล้ว เกรงว่าทูเจวี๋ยจะต้องเกิดเหตุจลาจลใหญ่หลวงขึ้นแน่?” กู้หว่านเยว่ผงกศีรษะ “พวกข้ามาคราวนี้ ก็ด้วยเรื่องของทูเจวี๋ย” สายตาของนางทิ้งมองบนตัวเสี่ยวถ่าน “เสี่ยวถ่าน เจ้าเคยบอกว่าเจ้าอยากจะกลับเข้าวังไปหาเสด็จพ่อของเจ้า และทวงความยุติธรรมกลับมามิใช่หรือ? บัดนี้ข้าจะพาเจ้ากลับเข้าวัง” เสี่ยวถ่านยืนอยู่ด้านข้าง ครั้นได้ยินข่าวการตายของเหยลวี่เจิง ก็เผยสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมาอยู่ก่อนแล้ว กระทั่งตอนที่กู้หว่านเยว่ทิ้งสายตามองบนตัวนาง และบอกกับนางว่าจะพานางกลับเข้าไปในวังหลวง นางก็ตื่นเต้นดีใจจนแทบจะคลุ้มคลั่งแล้ว “พี่หญิงกู้ ท่านพูดจริงหรือ ท่านมีหนทางจะพาข้ากลับเข้าวังจริงหรือ?” “แน่นอน” กู้หว่านเยว่ผงกศีรษะ บอกให้ซูจิ่งสิงแบกเสี่ยวถ่านขึ้นหลัง และสองคนก็จากไปอีกครั้ง ต่างจากตอนที่พวกเขาออกไป กระทั่งพวกเขาย่างเท้าเข้าไปในเมืองอูถ่
ความจริงจะกล่าวโทษเขาก็ไม่ได้ เมื่อก่อนเขากับซูจิ่งสิงต่อสู้โรมรันกันในสนามรบเป็นส่วนมาก น้อยครั้งที่จะมีโอกาสได้ต่อสู้กันซึ่งหน้าตัวต่อตัวเช่นนี้ ครั้งนั้นที่เจดีย์หนิงกู่ เขาใส่ผงพิษเพื่อลอบทำร้ายเอาไว้ก่อน ถึงทำให้ซูจิ่งสิงได้รับบาดเจ็บ ทว่าหนนี้กลับมีกู้หว่านเยว่จับตามองอยู่ด้านข้าง แม้ว่าเขาจะอยากลอบใช้อาวุธลับผงพิษอะไร ก็ทำไม่ได้ “ซูจิ่งสิง ข้าจะสังหารเจ้า!” เหยลวี่เจิงแผดเสียงคำรามอย่างโหดเหี้ยม สถานที่แห่งนี้คือสถานที่ซึ่งคึกคักที่สุดในเมืองอูถ่าน ถูกซูจิ่งสิงกระทืบต่อหน้าชาวบ้านจำนวนมากเช่นนี้ เขารับไม่ไหวแล้วจริง ๆ พยายามหยัดกายลุกขึ้นจากพื้น แต่ผลสุดท้ายซูจิ่งสิงก็พุ่งเข้ามาถึงตัวเขาอีกครั้งด้วยความรวดเร็วอีกครั้ง “เจ้าอยากสังหารข้านักหรือ?” ซูจิ่งสิงประชิดเข้าไปข้างใบหูของเขา ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะเยียบเย็นออกมา “น่าเสียดายที่ข้าจะไม่มีวันมอบโอกาสนี้ให้กับเจ้าอีกแล้ว” กู้หว่านเยว่พุ่งมาข้างตัวซูจิ่งสิง “ท่านพี่พลทหารใกล้จะมาถึงแล้ว รีบสังหารเขาเถิด” ตัวร้ายมักตายเพราะพูดมาก กู้หว่านเยว่เห็นด้วยกับประโยคนี้อย่างยิ่ง จึงเตือนสติซูจิ่งสิงอย่ามัวแต่พล่ามอาร
เขานึกเหิมเกริมในใจ คิดว่าที่แห่งนี้คือเมืองอูถ่าน สองคนนั้นไม่มีทางทำร้ายเขาได้แน่ ซูจิ่งสิงอุ้มกู้หว่านเยว่ไว้ ปลายเท้าย่องบนหลังคาไปตลอดทาง ไม่นานนักก็พากู้หว่านเยว่หนีออกไปไกลจากจวนแม่ทัพแล้ว เหยลวี่เจิงไล่ตามหลังพวกเขามาอย่างไม่ลดละ วิชาตัวเบาของเขาก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน เพียงครู่เดียว สามคนก็ทิ้งห่างพลทหารด้านหลังแล้ว ผ่านไปไม่นานทั้งสามคน ก็มาอยู่เหนือหอสุราที่คึกคักที่สุดในเมืองอูถ่านแล้ว ตอนนั้นเอง ชาวบ้านที่อยู่ใต้หอสุราก็ถูกดึงดูดด้วยเสียงเอะอะด้านนอก และพากันชะโงกหน้ายื่นศีรษะออกมาดูเหตุการณ์ เหยลวี่เจิงเห็นซูจิ่งสิงหยุดชะงัก ก็คิดว่าเขาหมดหนทางหนีแล้ว หัวเราะเสียงดังสนั่นพลางกระโจนเข้ามา “ซูจิ่งสิงเอยซูจิ่งสิง ต่อให้น้องสาวเจ้าจะไม่อยู่ในมือข้า บัดนี้ข้าก็ล่อเจ้ามาที่เมืองอูถ่านสำเร็จแล้ว ข้าอยากรู้นัก ว่าคนอย่างเจ้าจะหนีไปที่ใดพ้น” ซูจิ่งสิงปล่อยกู้หว่านเยว่ลง ก่อนจะดึงกระบี่อาทิตย์คำรามออกมาจากเอว พลางจ้องมองเหยลวี่เจิงอย่างเยือกเย็น “เหตุใดข้าจะต้องหนีด้วย หนี้แค้นในอดีตของข้ากับเจ้า วันนี้ถึงคราวต้องสะสางให้จบสิ้นแล้ว” “โอหังนัก!” เหยลวี่เจิงแผดเสียงด
แม้จะแต่งกายไม่คล้ายสตรี ทว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของสตรีอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเป็นสตรีปลอมตัวเป็นบุรุษ “ข้าน่ะหรือ ก็คือกู้หว่านเยว่พระชายาอ๋องเจิ้นเป่ย” กู้หว่านเยว่เปิดเผยตัวตนออกมาโดยไม่ขลาดกลัว ถึงอย่างไร วันนี้ นางจะทำให้ชาวทูเจวี๋ยทุกคนได้เห็นประจักษ์ว่า เหยลวี่เจิงจะต้องถูกนางสังหารโหดอย่างไร “กู้หว่านเยว่?” เหยลวี่เจิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เข้าใจสถานการณ์แล้ว เขาจำได้ว่าคนสอดแนมที่ถูกส่งตัวเข้าไปที่เจดีย์หนิงกู่เคยกลับมารายงานว่า ซูจิ่งสิงมีภรรยาที่ฉลาดเฉลียวแข็งแกร่งอยู่หนึ่งคน ไม่เพียงเชี่ยวชาญวิชาการแพทย์ แต่ยังมีความคิดล้ำเลิศเหนือคนธรรมดา ความสามารถไม่ด้อยไปกว่าซูจิ่งสิงแม้แต่เสี้ยวเดียว เห็นความยุ่งเหยิงอลหม่านของจวนแม่ทัพแล้ว เขาเดือดดาลจนเส้นผมแทบจะตั้งตรงขึ้นมา “พวกเจ้าเผาจวนแม่ทัพของข้าหรือ?” “ไม่ผิด เป็นฝีมือพวกข้าเอง ความจริงก็อยู่ตรงหน้าท่านแล้วมิใช่หรือ เหตุใดท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิงถึงยังต้องถามซ้ำอีก?” กู้หว่านเยว่แบมือท่าทางไม่แยแส ต่อให้โกรธจนตายก็ไม่คิดจะยื่นมือไปช่วย ทำให้ซูจิ่งสิงหัวเราะออกมาอย่างรักใคร่ปนเอ็นดู เหยลวี่เจิงหน้าเ