หลังใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง ทันใดนั้นเขาคุกเข่าต่อหน้าคนทั้งสอง“ท่านอ๋องพระชายา ข้ามันขี้ขลาด ขอร้องพวกท่านช่วยไว้ชีวิตอวิ๋นจิ่นได้หรือไม่”เขาคล้ายคว้าต้นหญ้าช่วยชีวิตเอาไว้ ซูจิ่งสิงกลับไม่อยากสนใจเรื่องห่วยๆ พรรค์นี้ เขาสนใจเพียงกู้หว่านเยว่จะมีชีวิตดีๆ ได้หรือไม่“สตรีของเจ้า เจ้าปกป้องเอง”ใต้หล้ามีคู่รักที่น่าสงสารมากเพียงนั้น หรือว่าเขาต้องสนใจทุกคนกันเล่า?ไม่ยอมให้คุณธรรมมาบังคับให้ฝืนใจ“หากข้ามีความสามารถปกป้อง ก็คงพานางไปตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ใช่ทำได้เพียงตามหลังมาที่เจดีย์หนิงกู่”อยู่ต่อหน้าอำนาจของฮ่องเต้ สามัญชนจะต่อต้านได้เยี่ยงไร?“แค้นนักข้าเป็นเพียงบัณฑิตเล็กๆ คนหนึ่ง แม้แต่คนรักก็ปกป้องไว้ไม่ได้”สีหน้าเฉินจื่อวั่งพ่ายแพ้ ครู่ต่อมาถึงขั้นคล้ายแก่ลงไปสิบปีกู้หว่านเยว่ได้ยินว่าเขาเป็นบัณฑิต หวั่นไหวภายในใจ “เจ้าเป็นบัณฑิต เช่นนั้นเจ้าสอบติดขุนนางแล้วหรือไม่?”นางอยากสร้างสำนักศึกษาแห่งหนึ่งที่เจดีย์หนิงกู่ แต่ก็ยังไม่ได้ลงมือเสียที ก็เพราะไม่มีนักเรียนเฉินจื่อวั่งพยักหน้า “ข้าไม่มีพรสวรรค์ เป็นเพียงทั่นฮวา อันดับสามของรุ่น”“เจ้าเป็นทั่นฮวา?” กู้หว่านเยว่ตกต
“หลังข้าออกจากคุก ก็ได้รับข่าวว่าเจียงอวิ๋นจิ่นถูกฝ่าบาทพระราชทานเป็นชายารองให้เจิ้นเป่ยอ๋อง ข้าไปสืบข่าวดู เรื่องนี้เป็นองค์หญิงเสนอฝ่าบาท”เฉินจื่อวั่งหางตาแดงเรื่อ “เป็นข้าที่ทำร้ายอวิ๋นจิ่น”เจียงอวิ๋นจิ่นเคราะห์ร้ายยิ่งนักกู้หว่านเยว่เข้าใจต้นสายปลายเหตุเรื่องนี้แล้ว คำถามที่ต้องการถามก็ถามไปทั้งหมดแล้ว“เฉินจื่อวั่ง ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ แต่ข้าต้องการให้เจ้ารับปากข้าหนึ่งเรื่อง”เฉินจื่อวั่งไม่ต่อต้าน พูดเสียงหนักแน่น “ขอเพียงอวิ๋นจิ่นอยู่ดีมีสุข ต่อให้พระชายาต้องการชีวิตของข้า ข้าก็ยินดี”กู้หว่านเยว่หัวเราะ “หากเจ้าตาย ก็คือศพทั้งเหม็นทั้งแข็ง ข้าจะเอาชีวิตเจ้าไปทำอันใดภายภาคหน้า ข้าต้องการให้เจ้าเป็นผู้อยู่ใต้อาณัติของข้า ทำงานให้ข้า”เฉินจื่อวั่งรีบพูด “ขอเพียงพระชายาไม่ให้ทำเรื่องผิดศีลธรรม ข้ายินดีฟังคำสั่งของพระชายา”“ดี”กู้หว่านเยว่โบกมือ “ชิงเหลียน เจ้าไปหาทาง ลักพาตัวเจียงอวิ๋นจิ่นมา”นางตั้งใจให้ทั้งสองได้กลับมาครองคู่กัน แต่ ก็ต้องดูท่าทีของเจียงอวิ๋นจิ่นด้วยภายในโรงเตี๊ยม โจวกงกงกำลังโมโหเดือดดาล“ข้าโมโหยิ่งนัก พวกเรายังไม่เคยอับอายเช่นนี้มาก่อนในชีว
“อวิ๋นจิ่น ขอโทษ ขอโทษ ข้ามาช้าไปแล้ว”“เป็นเจ้าจริงหรือ?”เสียงของเจียงอวิ๋นจิ่นอ่อนแอ กระอักเลือดอีกครั้ง“ข้าคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้พบเจ้าอีกแล้ว จื่อวั่ง ข้าเคยพูดไว้ ชาตินี้นอกจากเจ้าข้าก็ไม่แต่งกับผู้ใด ข้า ข้าทำได้แล้ว”“อวิ๋นจิ่น เจ้าโง่เหลือเกิน โง่เหลือเกิน”เฉินจื่อวั่งจับมือของนางไว้ หัวใจแทบแหลกสลาย “ข้าขอร้องเจ้า ขอร้องเจ้าให้มีชีวิตอยู่ ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอเดี๋ยวนี้”เฉินจื่อวั่งพูดไปก็อุ้มเจียงอวิ๋นจิ่นขึ้น ขอบตาแดงเรื่อสบมองกู้หว่านเยว่ “ท่านอ๋อง พระชายา สามารถเชิญหมอมาช่วยนางได้หรือไม่?”กู้หว่านเยว่เองก็คิดไม่ถึงเจียงอวิ๋นจิ่นจะอุปนิสัยรุนแรงเพียงนี้ หลังผ่านความตกตะลึง ก็รีบพูดว่า“อุ้มคนเข้าไปในห้อง ข้าเป็นหมอ ข้าสามารถช่วยนางได้”“ช้าก่อน นั่นคือห้องของข้า อุ้มไปที่ห้องด้านข้าง!”ปรมาจารย์แพทย์รีบตะโกนห้าม ภายในห้องของเขามีสมุนไพรมากมาย หากเข้าไปวุ่นวาย เขาต้องปวดใจตายเป็นแน่“ท่านเป็นหมอ ดียิ่งนัก”เฉินจื่อวั่งรีบอุ้มเจียงอวิ๋นจิ่นเข้าห้องด้านข้าง วางคนลงบนเตียง ก็หลีกทางให้กู้หว่านเยว่จับชีพจร“คือพิษดอกยี่โถ”กู้หว่านเยว่ดมกลิ่นขวดกระเบื้องเคลือบทีหนึ
นางส่ายหน้า “เจ้าไม่ต้องมาหาข้า ข้าถูกฝ่าบาทพระราชทานเป็นชายารองให้ท่านอ๋องแล้ว”นางกังวลซูจิ่งสิงจะตำหนิเฉินจื่อวั่ง รีบพูด “ท่านอ๋อง พระชายา พวกท่านจะตำหนิก็ตำหนิข้า ได้โปรดปล่อยเขาไปเถอะ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์”กู้หว่านเยว่เห็นเสียงนางเจือคำวิงวอน ยกมุมปาก “แม่นางเจียง เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ มิสู้ฟังก่อนว่าเฉินจื่อวั่งจะพูดอะไร”เฉินจื่อวั่งมองเจียงอวิ๋นจิ่น ตอนนี้หัวใจแหลกสลายแล้ว“เหตุใดเจ้าโง่งมเพียงนั้น เหตุใดเจ้าต้องกินยาพิษฆ่าตัวตายด้วย?”เจียงอวิ๋นจิ่นคิดว่าแม้ซูจิ่งสิงไม่ให้นางเข้าจวน แต่อย่างไรนางก็เป็นคนที่ฝ่าบาทส่งมาหากมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับเฉินจื่อวั่ง ก็ยากจะรับประกันได้ว่าซูจิ่งสิงจะไม่โกรธ แล้วฆ่าเฉินจื่อวั่งโดยตรงดังนั้นนางขบเม้มกลีบปาก “เพราะเหตุใด ข้าเพียงแค่เข้าจวนอ๋องไม่ได้ รู้สึกกลัวภายในใจ ดังนั้นจึงกินยาพิษฆ่าตัวตาย ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า”“เจ้าพูดเหลวไหล” เฉินจื่อวั่งส่ายหน้า “ตั้งแต่เด็กขอเพียงเจ้าโกหกก็จะไม่กล้าสบตาข้า เจ้าสบตาข้าและบอกข้า เจ้าไม่อยากเข้าจวนอ๋องใช่หรือไม่?”น้ำตาของเจียงอวิ๋นจิ่น ไหลลงมาอย่างสุดระงับนางพูดอย่างสติแตก “เหตุใดเจ้าต้
“เพียงแต่ลงท้ายจะเลือกเยี่ยงไร ยังต้องดูพวกเจ้าทั้งสอง”การเลือกของเฉินจื่อวั่ง นางรู้แล้ว“แม่นางเจียง หากเจ้ายินดี ข้าสามารถทำให้เจ้าและเฉินจื่อวั่งสมปรารถนาได้”“ข้า...” ดวงตาเจียงอวิ๋นจิ่นทอประกาย ขณะต้องการพยักหน้า ก็นึกถึงอะไรขึ้นได้ รีบส่ายหน้า“ข้าไม่สามารถรับปากได้ ท่านแม่ข้ายังอยู่ในเมืองหลวง หากข้าไป ข่าวนี้ส่งไปถึงเมืองหลวง ท่านแม่ข้าก็ไม่มีชีวิตรอดแล้ว”ดังนั้นนางจึงเลือกกินยาพิษ ต่อให้ต้องตาย ก็ไม่กล้าหนี“อวิ๋นจิ่น...” พูดถึงเรื่องนี้ เฉินจื่อวั่งเงียบลงเฉกเช่นเดียวกันเขาไม่มีครอบครัว ไม่มีพันธนาการจึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ทว่าเจียงอวิ๋นจิ่นไม่เหมือนกัน ตั้งแต่เด็กนางและมารดาดูแลกันและกัน ไฉนเลยจะสามารถใช้ชีวิตของมารดามาแลกความสุขได้?เจียงอวิ๋นจิ่นพูดอย่างจริงใจ “ท่านอ๋องพระชายา ข้ารู้ทั้งสองท่านรักกันด้วยใจจริง พวกท่านไม่สามารถฝืนทนต่อสิ่งที่ตนไม่ชอบได้ ข้าเองก็ไม่เคยคิดทำลายพวกท่าน”เจียงอวิ๋นจิ่นรู้ ฝ่าบาทส่งนางเข้าไป ไม่มีอะไรมากไปกว่าต้องการส่งคนสอดแนมคนหนึ่งเข้าไปอยู่ข้างกายเจิ้นเป่ยอ๋อง ในขณะเดียวกันก็ทำลายความรักระหว่างซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่“หากท่
“ยังไม่นับว่าโง่เกินไปนัก สามารถเข้าใจต้นสายปลายเหตุภายในนี้ได้”กู้หว่านเยว่พูดยิ้มๆ “เพื่อความปลอดภัย เจ้ากินยาแกล้งตายนี้ลงไปแล้ว เจ้าจะไม่สามารถเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาได้เป็นเวลายาวนานสักระยะหนึ่ง”เจียงอวิ๋นจิ่นชะงักพลางพยักหน้าเบาๆ “เช่นนั้นทางฝั่งท่านแม่ข้า...”“ข้าจะส่งคนไปที่เมืองหลวง พาแม่ของเจ้ากลับมา ให้พวกเจ้าสองแม่ลูกได้อยู่กันพร้อมหน้า”เจียงอวิ๋นจิ่นได้ยินประโยคนี้แล้ว เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อในที่สุด ยังคิดว่าตนเองฟังบางอย่างพลาดไป นางคิดไม่ถึงว่า กู้หว่านเยว่จะช่วยนางถึงขั้นนี้“พระชายา ท่าน ท่านพูดจริงหรือ?”“ใช่แล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ว่ากันว่าช่วยคนแล้วก็ต้องช่วยจนถึงที่สุด ในเมื่อตัดสินใจช่วยคู่รักชะตาอาภัพแล้ว นั่นก็ต้องจัดการให้สมบูรณ์แบบ“ขอบคุณพระชายามาก!”เจียงอวิ๋นจิ่นรีบลุกขึ้นต้องการคุกเข่าให้นาง กู้หว่านเยว่ยิ้มตาหยีพูดว่า“ไม่ต้องขอบคุณข้า ข้าไม่มีความสามารถมากเพียงนั้น เรื่องนี้ย่อมต้องมอบให้ท่านอ๋องเป็นผู้จัดการ”ซูจิ่งสิงเอือมระอา มุมปากยกขึ้นระบายยิ้มอ่อนโยน เดิมทีเขาไม่อยากช่วยสองคนนี้ คิดว่าน่ารำคาญแต่ในเมื่อน้องหญิงต้องการช่วย
“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?!”โจวกงกงดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอน เกือบตกใจตาย“รอก่อน ข้าอาจยังไม่ตื่นจากฝัน วิธีการลืมตาผิดไป เจ้าพูดอีกรอบชายารองเจียงเป็นอะไรไป?” สาวใช้มีสีหน้าโศกเศร้า “พูดอีกรอบก็เหมือนเดิมเจ้าค่ะ ชายารองของพวกเราตายไปแล้ว”โจวกงกงไม่ได้สวมรองเท้า ก็วิ่งไปห้องด้านข้างแล้วครั้งนี้มาเจดีย์หนิงกู่มีสองหน้าที่สำคัญประการแรกคือถ่ายทอดพระราชโองการ คืนตำแหน่งเจิ้นเป่ยอ๋องซูจิ่งสิงประการที่สองคือส่งชายารองเจียง เข้าไปอยู่ภายในจวนของซูจิ่งสิงยิ่งไปกว่านั้นประการที่สองนี้ เป็นฝ่าบาทและองค์หญิงกำชับด้วยพระองค์เองบัดนี้ ชายารองคนนี้ถึงขั้นตายไปแล้ว?!โจวกงกงร้อนใจรีบมาห้องด้านข้าง หลังผ่านเข้าประตูก็มองเห็นเจียงอวิ๋นจิ่นนอนแข็งทื่อบนเตียง สาวใช้สองคนทางด้านข้างกำลังคุกเข่าตัวสั่นๆเขารีบวิ่งเข้าไปวางนิ้วใต้จมูกเจียงอวิ๋นจิ่น ไม่มีลมหายใจแล้ว“แย่แล้วๆ แย่แน่แล้ว คราวนี้ฝ่าบาทจะต้องบั่นคอข้าแน่”โจวกงกงคิดไม่ถึงเลยจริงๆ เพียงคืนเดียวเจียงอวิ๋นจิ่นจะตายไปเช่นนี้“ตายแล้ว เหตุใดนางตายได้เล่า เมื่อวานนางยังมีชีวิตชีวาอยู่เลย!”โจวกงกงถีบสาวใช้สองคนนั้น “พวกเจ้าสองคนพูดออ
“ยามใดแล้ว ยังสมควรพูดไม่สมควรพูดอะไรอีก!รักษาชีวิตไว้สำคัญที่สุด รีบพูด”โจวกงกงโมโหหนัก บัดนี้ยังมีอะไรสำคัญยิ่งกว่าชีวิตด้วยหรือ?คนผู้นั้นเลียริมฝีปาก พูดอย่างกล้าหาญ “ชายารองตายไปแล้ว คนตายไม่สามารถฟื้นคืนได้ ต่อให้พวกเราทำทุกวิธีแล้ว ก็ไม่สามารถส่งชายารองคนที่สองเข้าจวนอ๋องได้”“ถ้อยคำนี้ไม่ต้องให้เจ้าพูด” ทุกคนที่นี่ล้วนรู้ทั้งหมด“แท้จริงแล้วต่อให้ชายารองเจียงยังมีชีวิตอยู่ อิงตามสถานการณ์เมื่อวานดูแล้ว ต้องการส่งนางเข้าจวนอ๋องกลับยากเสียยิ่งกว่ายาก”บ่าวรับใช้วิเคราะห์“ใครบ้างไม่รู้อุปนิสัยของเจิ้นเป่ยอ๋อง บัดนี้เขามีอำนาจตัดสินใจที่เจดีย์หนิงกู่แห่งนี้ ถึงตอนนั้นเขาโมโหฆ่าพวกเราทั้งหมด ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”โจวกงกงพยักหน้า อีกฝ่ายพูดมีเหตุผลจริง“ดังนั้นข้าเห็นว่าชายารองตายแล้ว อาจเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง”“ก่อนจากมามิใช่นำเงินทองมามากมายหรือ? มิสู้พวกเรานำเงินเหล่านี้มาแบ่งกัน แต่ละคนซ่อนตัวเปลี่ยนชื่อแซ่ ย่อมดีกว่าคอหลุดจากบ่ามากนัก”ในที่สุดบ่าวรับใช้ก็อาศัยความกล้าพูดเจตนาสุดท้ายออกมาจะว่าไป ทีแรกทุกคนล้วนคิดเรื่องนี้ไม่ถึง แต่ได้ฟังคำพูดวิเคราะห์นี้ของเข
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก