เนื่องจากภัยตั๊กแตนนั้นรุนแรงเหลือเกิน ตั๊กแตนฝูงใหญ่บินเข้ามา ถึงขั้นโจมตีมนุษย์ทั้งสองต้องหาที่หลบภัยในหมู่บ้านก่อน“ภัยตั๊กแตนครั้งนี้ร้ายแรงมาก มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน?” กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วบาง ๆจิตสำนึกเข้าสู่มิติทันที เปิดภาพกลุ่มเมฆดู“เราขับมาทั้งคืน ที่แห่งนี้อยู่ในอาณาเขตของฉีหลู่แล้ว”“ดูสภาพอากาศสิ” ซูจิ่งสิงเอ่ยเตือน “โดยทั่วไปภัยตั๊กแตนจะเกิดขึ้นเฉพาะในฤดูแล้งเท่านั้น”กู้หว่านเยว่รีบเปิดบันทึกสภาพอากาศ “ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า ในเขตฉีหลู่มีวันท้องฟ้าแจ่มใสติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งเดือน”เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียด ก็พบว่าไม่มีวันที่ฝนตกเลย“ยิ่งไปกว่านั้นอุณหภูมิก็สูงขึ้นอย่างฉับพลัน สภาพอากาศเลวร้ายมาก”กู้หว่านเยว่เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก หลังลงจากเฮลิคอปเตอร์ นางก็รู้สึกถึงความแห้งแล้งในอากาศ“ไม่แปลกใจที่จะกระตุ้นให้เกิดภัยตั๊กแตน”กู้หว่านเยว่นึกถึงภัยน้ำท่วมและพายุหิมะที่รุนแรงในระหว่างเส้นทางเนรเทศตอนนี้เกิดภัยแล้งขึ้นอีกครั้ง อุณหภูมิสูงมาก“ภัยแล้งมาแทนที่อุทกภัย ส่งผลให้บริเวณน้ำตื้นในแม่น้ำและทะเลสาบหลายแห่งโผล่ออกมา ตั๊กแตนแพร่พันธุ์ลุกลาม”ในใจซูจิ่งสิงยัง
พวกเขาเคยลองใช้มาหลายวิธีเหลือเกิน ทั้งหมดจบลงด้วยความล้มเหลวน่าเป็นห่วงจริง ๆ!แต่กลับเห็นกู้หว่านเยว่ยังนิ่งเฉย ก็เลยหยิบแอปเปิลผลหนึ่งออกมากัด“อย่ากังวล ถ้าไม่ได้ผล ข้าจะตัดหัวตัวเองมาเป็นลูกบอลให้ท่านเตะ”“เมียข้าบอกว่าได้ ก็ต้องได้สิ” ซูจิ่งสิงเชื่อมั่นในตัวกู้หว่านเยว่อย่างไม่มีเงื่อนไขหัวหน้าหมู่บ้านกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “แม่นางน้อยล้อเล่นแล้ว เจ้าพยายามช่วยพวกเรา แม้ว่ามันจะไม่ได้ผล ข้าก็ไม่สามารถตัดหัวเจ้าได้!”และหลังจากที่กู้หว่านเยว่บอกหลักการของการกำจัดตั๊กแตนกับเขา เขาก็รู้สึกว่าวิธีนี้เข้าท่าดี“ดูสิ มีฝูงตั๊กแตนมาอีกแล้ว!”จู่ ๆ ชาวบ้านก็ตะโกนเสียงดังทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นตั๊กแตนฝูงใหญ่บินมาจากทุกทิศทุกทางสำหรับตั๊กแตนพวกนี้ ทุกคนล้วนเกลียดเข้ากระดูกดำแต่ละคนหยิบไม้กวาดและมีดตัดฟืนขึ้นมา วาดท่าทางใส่ตั๊กแตน บางคนถึงกับสาดน้ำใส่ตั๊กแตก พยายามทำให้พวกมันจมน้ำตายน่าเสียดายที่มันไม่มีผลกระทบต่อฝูงตั๊กแตนเลยยิ่งไปกว่านั้น ฝูงตั๊กแตนยังมีแนวโน้มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ“จบแล้ว จบเห่แล้ว...”“ตั๊กแตนมากมายเช่นนี้ไม่ถูกกำจัด เมื่อตั๊กแตนกัดกินพืชผลหมดแล้ว ก็
ภัยธรรมชาติรุนแรงเช่นนี้ นางแอบคิดจะดึงผู้คนมาสู่เจดีย์หนิงกู่“หากพวกท่านไม่มีเสบียงอาหาร หรือไม่สามารถอยู่รอดได้ ฉีหลู่นั้นอยู่ไม่ไกลจากเจดีย์หนิงกู่ พวกท่านสามารถไปขอพึ่งพิงที่เจดีย์หนิงกู่ได้”ก่อนที่นางจะจากไป ได้ทักทายผู้ว่าการอำเภอหลายคนในเจดีย์หนิงกู่แต่ผู้ประสบภัยทั้งหมดที่เข้ามาขอพึ่งพิง ไม่อนุญาตให้ขับไล่ออกไปจัดการให้อยู่ในศูนย์ผู้ประสบภัยในเมือง ให้พวกเขาไปซ่อมแซมถนนและเปิดเหมืองหัวหน้าหมู่บ้านครุ่นคิดในใจว่าเจดีย์หนิงกู่นั้นยากจนมากมิใช่หรือ?แต่เขาก็เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ“คำพูดของแม่นางน้อย ข้าจดจำไว้แล้ว”กู้หว่านเยว่เหลือบมองท้องฟ้า เวลานี้ดึกมากแล้ว พวกเขาไม่เหมาะที่จะอยู่ต่ออาศัยจังหวะที่หัวหน้าหมู่บ้านไปจัดระเบียบผู้คนและก่อกองไฟ นางจึงบินจากไปพร้อมกับซูจิ่งสิงอย่างเงียบ ๆหลังจากทั้งสองมาถึงที่ว่างแห่งหนึ่ง กู้หว่านเยว่ก็เอาเฮลิคอปเตอร์ออกมาอีกครั้งหลังจากนั้น ในหมู่บ้านก็มีแสงไฟทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากู้หว่านเยว่ประเมินขอบเขตของภัยตั๊กแตนระบาดในครั้งนี้ พืชผลส่วนใหญ่ถูกกัดกินหมด แม้แต่ใบของพืชในป่าก็ถูกจิกถอนจนหมดนั่นก็หมายความว่า แม้ว่าในช่วงเวลาข้
หมาป่านักรบเหล่านี้ ตอนนี้น่าจะถูกควบคุมโดยฮ่องเต้แล้ว“ไม่ต้องกลัว พวกเราหายตัวไปก็ได้”กู้หว่านเยว่ประเมินระยะทางด้วยสายตา การหายตัวของนางน่าจะสามารถไปถึงในเมืองได้สองสามีภรรยาสบตากัน กู้หว่านเยว่ใช้การหายตัวพาซูจิ่งสิงเข้ามาในเมืองโดยตรงทั้งสองลงสู่พื้นอย่างราบรื่นภายในตรอกเล็ก ๆ กู้หว่านเยว่สังเกตการแต่งตัวของนางและซูจิ่งสิง“เพื่อความสะดวกในการทำงาน เรามาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูเหมือนคนภาคตะวันตกเฉียงเหนือกันเถอะ ไม่เช่นนั้นทันทีที่ก้าวออกไป จะถูกคนอื่นจับได้”“น้องหญิงพูดมีเหตุผล” ซูจิ่งสิงรีบอธิบายการแต่งกายของคนภาคตะวันตกเฉียงเหนือให้ฟัง“ข้าเคยมาอยู่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือพักหนึ่ง พอจะคุ้นเคยกับที่นี่อยู่บ้าง สำเนียงที่นี่แตกต่างจากพวกเรา ดังนั้นน้องหญิง เจ้าพยายามอย่าพูดดีกว่า”“ตกลง”กู้หว่านเยว่รีบพยักหน้า ในขณะเดียวกันก็ค้นหาเสื้อผ้าของภาคตะวันตกเฉียงเหนือออกมาจากมิติ ทั้งสองเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วเมื่อมองดูกันและกันอีกครั้ง บนศีรษะของทั้งคู่ก็คาดผ้าสีเงิน สง่าผ่าเผย กลายเป็นชาวภาคตะวันตกเฉียงเหนือท้องถิ่นสองคน“พวกเราออกไปกันเถอะ”เชื่อว่าในเวลานี้แม้แต่ทหารลา
กู้หว่านเยว่จับมือซูจิ่งสิง เหาะเหินไปอย่างรวดเร็วทั้งสองสวมหน้ากากป้องกันแก๊สพิษ เผชิญหน้ากับผู้พิทักษ์ตลอดทาง จึงสาดผงพิษให้ผู้พิทักษ์หมดสติไปในส่วนลึกของห้องขัง มีชายร่างผอมคนหนึ่งถูกกักขังไว้“พวกท่าน?”ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นเรือนจำใหญ่ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดที่สุดในหลินซีโข่ว สองคนนี้บุกเข้ามาได้อย่างไร?“ท่านคือเฉินจิ่งเส้าใช่ไหม?”กู้หว่านเยว่พลิกดูหนังสือต้นฉบับ พบคำพูดไม่กี่คำที่กล่าวถึงสกุลเฉินในมุมหนึ่งสกุลเฉินและสกุลกงซุนคบหากันมาหลายชั่วอายุคน แต่เมื่อสกุลกงซุนเติบโตขึ้น สกุลเฉินก็ตกต่ำลงไปนับร้อยปีแล้วแต่สกุลกงซุนก็ไม่ได้รังเกียจคนจนชอบคนรวย ยังคงยึดมั่นในข้อตกลงกับสกุลเฉินลูกหลานเกี่ยวดองกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน“ถูกต้อง”เฉินจิ่งเส้าพยักหน้า เมื่อเห็นใบหน้าของทั้งสองดูไม่มีเจตนาร้าย แทนที่จะตะโกนขอความช่วยเหลือ กลับถามว่า “พวกท่านเป็นใครมาจากไหน?”“พวกข้าเป็นมิตรกับสกุลกงซุน มาที่นี่เพื่อช่วยท่าน”ในเรือนจำใหญ่ไม่สะดวกจะพูดอะไร กู้หว่านเยว่เอากุญแจที่ได้มาจากตัวผู้คุมนักโทษมาเปิดประตูห้องขัง“ออกไปจากที่นี่แล้วค่อยว่
เขาคือฉินทง แห่งหลินซีโข่ว”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเฉินจิ่งเส้าก็เผยความขุ่นเคืองออกมา“ฉินทงเดิมทีเป็นคนรับใช้ของสกุลกงซุน แต่จู่ ๆ ก็คิดกบฏ ถ้าไม่ใช่เพราะการสมคบคิดกับภายนอก สกุลกงซุนก็คงจะไม่พ่ายแพ้โดยไม่ทันตั้งตัว”เมื่อพูดถึงใต้เท้าฉิน เฉินจิ่งเส้าก็โกรธจัดคนผู้นี้ยังยืนยันว่าเขาให้ที่หลบซ่อนแก่กงซุนเสว่ จับตัวเขามาลงโทษเฆี่ยนตีในเรือนจำใหญ่ ตอนนี้เฉินจิ่งเส้ายังมีบาดแผลจากท่อนไม้อยู่บนร่างกาย“ท่านซ่อนตัวอยู่ในเรือนก่อน อย่าออกไปไหน รอจนกว่าพวกข้าสองคนจะเอาตัวใต้เท้าฉินผู้ชั่วช้ามาได้”กู้หว่านเยว่พูดจบก็ดึงตัวซูจิ่งสิงไป“เฮ้ พวกท่านจะไปจริงหรือ!”ตอนแรกเฉินจิ่งเส้ายังคิดว่าทั้งสองแค่พูดเล่นกัน ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะไปจริง ๆ จึงตกใจเป็นอย่างมากอยู่ชั่วขณะหนึ่งแต่เขาก็ไม่ได้ขัดขวางทั้งสองไว้หากทั้งสองฆ่าฉินทงได้จริง ๆ ก็แสดงว่าพวกเขาไม่ได้เป็นสายลับที่ฮ่องเต้ชั่วส่งมาแน่นอนไม่แปลกใจที่เขาจะระแวดระวังเช่นนี้ เป็นศัตรูเหลี่ยมจัดอย่างที่เขากังวลจริง ๆ จงใจใช้ลูกไม้นี้เพื่อล่อให้เผยที่ซ่อนของสกุลกงซุน“เช่นนั้น ข้าจะรอพวกท่านอยู่ที่นี่”“อืม ท่านอย่าเที่ยวเดินไป
“กริชมีความเร็วมาก ถ้าท่านกล้าเสียงดัง” กู้หว่านเยว่ข่มขู่ด้วยรอยยิ้ม“ท่านลองดูสิ ว่าคนของท่านจะเข้ามาเร็วกว่า หรือว่ากริชของข้าจะตัดหัวท่านเร็วกว่า”ดวงตาของฉินทงหรี่ลง “จอมยุทธหญิงโปรดไว้ชีวิตด้วย ข้าจะไม่ส่งเสียงดัง”กู้หว่านเยว่ยื่นกริชให้ซูจิ่งสิง แล้วหาเก้าอี้มานั่งเดิมทีนางต้องการฆ่าฉินทงเสียเลย แต่คิดว่าอาจมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายจากปากของเขา จึงตัดสินใจที่จะไว้ชีวิตเขาไปก่อน“ข้าขอถามท่านว่า สกุลกงซุนยังมีใครที่ยังมีชีวิตอยู่อีกไหม?”กู้หว่านเยว่ยกถ้วยขึ้นมา พลางดื่มชาอย่างสบายใจฉินทงกลอกดวงตาน้อย ๆ “ข้า ไม่รู้...”“ไม่รู้บ้าอะไร ตอบมาตามความจริง”ซูจิ่งสิงใช้เท้าถีบหัวเข่าของอีกฝ่าย จนเขาใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด“มี ยังมีคนที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากผู้นำสกุลกงซุนรวมถึงคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองแล้ว ก็ไม่พบร่องรอยของคนอื่นอีก”ฉินทงรีบบอก“ข้าน้อยได้รับคำสั่งให้สืบหาที่อยู่ของพวกเขา”ดวงตาของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเป็นประกายด้วยความประหลาดใจดูเหมือนว่าสัญชาตญาณของกงซุนจ่างเย่จะแม่นยำมาก“ผู้นำตระกูล คุณหนูใหญ่ คุณหนูรอง ทั้งสามคนอยู่ที่ไหน?”“ข้าไม่รู้”
“กงซุนจ่างเย่เคยบอกไว้ว่า มีเพียงลูกหลานของสกุลกงซุนเท่านั้นที่มีจี้หยกนี้ ภายในคือโลหิตจากหัวใจของทุกคน ท่านดูข้างในจี้หยกอันนี้สิ มันมีสีแดงอยู่เล็กน้อยหรือเปล่า”“ถูกต้อง ดูเหมือนว่าหญิงผู้นี้จะเป็นพี่สาวของกงซุนจ่างเย่จริง ๆ”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงดีใจเป็นที่สุดสำเร็จโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ เลยอย่างแท้จริงเดิมทีคิดจะฆ่าฉินทงเท่านั้น ไม่นึกมาก่อนว่าจะได้ผลสำเร็จโดยบังเอิญแม้ว่าจะหาพบเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ในเมื่อพบคนหนึ่งแล้ว ที่เหลือจะยังห่างไกลอีกหรือ?“เจ้าถอยกลับมาก่อน” กรงเหล็กนี้ทำจากเหล็กนิล แต่โชคดีที่กริชในมือของซูจิ่งสิงเล่มนี้ เป็นเล่มที่หนานหยางอ๋องเคยมอบให้กับกู้หว่านเยว่กริชเล่มนี้ตัดเหล็กได้ง่ายดั่งโคลน ตัดโซ่ขาดเป็นสองท่อนได้ในทันทีที่นี่ไม่เหมาะจะอยู่นานนัก กู้หว่านเยว่ให้ซูจิ่งสิงพาทั้งสองไปด้วยก่อนจากไป นางยังหยิบตำรารับมือสัตว์เดรัจฉานในมือฉินทงไปด้วย จากนั้นจึงออกจากที่ว่าการอำเภอขณะนี้ เฉินจิ่งเส้ากำลังรอคอยอย่างกระวนกระวายอยู่ภายในเรือน“ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว ข้ายังคิดว่าพวกท่านจะตกอยู่ในอันตรายเสียอีก”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า พลาง
กู้หว่านเยว่หยิบน้ำเชื่อมออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้เขา พร้อมกับอธิบาย“ข้าและท่านพี่ได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”หนานหยางอ๋องได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ประสานมือคารวะทั้งสองคน“ขอบคุณท่านอ๋องและพระชายาที่ยังเป็นห่วงข้า”กู้หว่านเยว่เห็นเขามีสีหน้าอ่อนเพลีย จึงรีบเอ่ยขึ้น “รีบดื่มน้ำเชื่อมนี่เถิด จะช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้”“ตกลง”หนานหยางอ๋องเปิดขวดน้ำเชื่อมอย่างเชื่อฟัง แล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาไม่น้อยเลยจริง ๆ จึงรีบดื่มน้ำเชื่อมที่เหลือจนหมดขวดในขณะที่หนานหยางอ๋องดื่มน้ำเชื่อมอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ไปดูชาวประมงคนอื่น ๆ พบว่าชาวประมงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นลมเพราะความหิวชุนจวี๋รีบวิ่งเข้ามาดู แต่หลังจากที่ตามหาหนึ่งรอบแล้ว ก็ไม่พบสามีของนาง“พี่ต้าหนิว เหตุใดจึงไม่เห็นพี่ต้าหนิวเลยล่ะ?”ต้าหนิวเป็นคนกลุ่มแรกที่ตกลงไปในวังน้ำวน ตามหลักแล้ว เขาก็น่าจะอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดจึงไม่พบเขาเลย?ชุนจวี๋ร้อนใจจนแทบบ้าเมื่อเห็นชาวประมงเหล่านี้ นางก็รู้สึกดีใจอย่างมาก คิดว่าในที่สุดก็ได้พบกับสามีของนางแล้ว แ
กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงตกตะลึงเล็กน้อย “เจ้ามาจับปลาคนเดียวหรือ เจ้ามีสามีด้วยมิใช่หรือ?”พูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของชุนจวี๋ก็น้ำตาคลอ“เขาหายตัวไปสามวันแล้ว เมื่อคืนข้าแอบออกมาตามหาเขา”ชุนจวี๋พูดพลางร้องไห้ “คนอื่นบอกว่าเขาตายแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อข้าแอบพายเรือลำเล็กมาที่ใจกลางทะเลสาบคนเดียว แล้วก็รู้สึกได้ถึงแรงดูดมหาศาลกำลังดึงข้าอยู่ ข้ายังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกดึงลงไปพร้อมกับเรือ”นางเงยหน้าขึ้น “พอข้าตื่นขึ้นมา ก็เห็นพวกท่านทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าข้า”ชุนจวี๋นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบมองไปรอบ ๆ “สามีของข้าอาจจะตกลงมาด้วย พวกท่านเห็นเขาแถวนี้บ้างหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “พวกเราเห็นแค่เจ้าคนเดียว”ชุนจวี๋หัวใจสลายในทันที“แต่พื้นที่ข้างล่างนี้กว้างมาก น่าจะเป็นสุสานใต้ดิน พวกเราลองหาทางเข้าสุสานใต้ดินดู พวกเขาลงมานานแล้ว อาจจะเข้าไปในสุสานใต้ดินนานแล้วก็ได้”กู้หว่านเยว่อธิบาย เมื่อครู่นางให้ระบบส่งแผนที่ของสุสานใต้ดินมาให้นางแล้ว“ข้าจะไปหาพร้อมกับพวกท่าน”น้ำเสียงที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยของชุนจวี๋ ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าไม่กลัวหรือ? ในส
“อืม”เขาตัดสินใจกัดฟันถอดเสื้อผ้าออก แต่พอถอดถึงกางเกง กู้หว่านเยว่ก็หันหน้าหนี ทำให้ซูจิ่งสิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาเปลี่ยนเป็นกางเกงสะอาดตัวใหม่ ไม่ได้ใส่เสื้อ รอให้กู้หว่านเยว่ทายาให้“ผู้ชายอย่างท่านนี่ เหตุใดทั้งตัวมีแต่กล้ามเนื้อแบบนี้ล่ะ?”กู้หว่านเยว่ทนไม่ไหว จึงลูบกล้ามท้องของเขา ทำเอาชายหนุ่มตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันทีถ้าเขาเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็นห้องนอนในมิติของกู้หว่านเยว่สินะทั้งห้องเป็นสีชมพู มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวอบอวลอยู่เมื่อได้กลิ่นหอมนั้น มองไปที่เตียงใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหลังกู้หว่านเยว่ ใบหูของเขาก็ร้อนผ่าวกู้หว่านเยว่หัวเราะชอบใจ ถ้าไม่นึกถึงภารกิจสำคัญที่จะต้องทำเดี๋ยวนี้ นางต้องลากท่านพี่มากลิ้งบนเตียงสักหน่อยหลังจากฆ่าเชื้อโรคที่บาดแผลอย่างง่าย ๆ และโรยยาจินชวงสมานแผลแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“น่าจะเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่แผลนี้ไม่ลึกมาก แค่ช่วงสองสามวันนี้ระวังอย่าให้โดนน้ำก็พอ”“ขอบคุณน้องหญิง”ซูจิ่งสิงใส่เสื้อ กู้หว่านเยว่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย มองไม่เห็นกล้ามท้องแล้วรอจนกระทั่งซูจิ่งสิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เอ่
“หากถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวน ยังมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่?”เมี่ยชิงหว่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน พอเห็นกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางก็ทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาแดงก่ำกู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงไปด้านข้าง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย “ท่านพี่ ใต้วังน้ำวนนั่นอาจจะมีของบางอย่าง”เมื่อครู่ระบบบอกกับนางว่า ใต้วังน้ำวนอาจจะมีสมบัติอยู่กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมืออีกแล้ว“ข้าตั้งใจว่าจะไปดู ถ้าเห็นชาวประมงที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะพากลับมา”ซูจิ่งสิงเห็นดวงตาของนางเป็นประกาย ก็รู้ว่านางอยากไปมาก ในเมื่อน้องหญิงอยากไป เขาก็จะไม่ห้ามแน่นอน“เราสองคนไปด้วยกัน”“ก็ได้”อย่างมากก็หากเจออันตราย ก็จะลากซูจิ่งสิงเข้าไปหลบในมิติด้วยกันเมื่อตัดสินใจได้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปบอกทุกคน“พวกเจ้ารอคำสั่งอยู่บนเรือใหญ่ หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามใครพายเรือเด็ดขาด ข้าและท่านอ๋องจะนั่งเรือเล็กไปสำรวจที่ใจกลางทะเลสาบก่อน”คนที่นำมาล้วนเป็นองครักษ์จันทรา ไม่กลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อฟังชิงเหลียนและฉู่เฟิงรีบไปที่ท้ายเรือ จากนั้นค่อย ๆ วางเรือลำเล็กไว้บนผิวน้ำ“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านต้องระวังตัวด้วย” ชิง
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่