“เป็นไปไม่ได้ โรคที่ข้ารักษาไม่ได้ นางไม่มีทางรักษาได้”ลั่วยางเป็นคนยโส เชื่อว่าไม่มีใครที่อายุเท่านางในโลกนี้ สามารถเอาชนะนางได้นางเป็นถึงศิษย์ของปรมาจารย์แพทย์เชียวนะนางมองดูมู่หรงอวี้ที่กำลังโกรธ “ท่านอ๋อง วางใจเถอะเจ้าค่ะ นางก็แค่พยายามทำให้คนอื่นพอใจ”มู่หรงอวี้สงบลงเล็กน้อย มองดูกู้หว่านเยว่ราวกับว่านางไม่มีความสามารถนั้นจริงๆ“กู้หว่านเยว่ เจ้าไม่ควรเอาเรื่องฮูหยินผู้เฒ่าโจวมาล้อเล่น ไม่เช่นนั้น ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปง่ายๆ แน่”เขาจงใจแสดงเกียรติว่าสูงส่ง เพราะเห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการให้กู้หว่านเยว่รักษาฮูหยินผู้เฒ่าโจวกู้หว่านเยว่ยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ท่านอ๋องดูเหมือนจะไม่อยากให้ข้ารักษาฮูหยินผู้เฒ่าโจวนะเจ้าคะ?”“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” การแสดงออกของมู่หรงอวี้เปลี่ยนไปได้อย่างมาก เขาจะยอมให้กู้หว่านเยว่ขุดหลุมให้เขากระโดดเข้าไปได้อย่างไร?“เอาล่ะ ให้หมอกู้ดูก่อนอาการก่อนเถอะ” โจวเหล่าขัดจังหวะพวกเขาด้วยเสียงทุ้มลึก ตราบใดที่ยังมีความหวัง แม้จะริบหรี่ เขาก็จะไม่ยอมแพ้“ตอนที่ข้าตรวจชีพจร กรุณาอย่าส่งเสียงรบกวน”กู้หว่านเยว่ยิ้ม เหลือบมองไปทางมู่หรงอวี้อย่างอารมณ์ดี
“พิษ?”ทันทีที่พูดจบ การแสดงออกของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โจวเหล่าที่ขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนใจร้ายถึงขนาดวางยาพิษภรรยาของเขา“ไม่มีทางเป็นพิษแน่”ลั่วยางพูดอย่างรวดเร็ว“ถ้ามันเป็นพิษ เข็มเงินจะตรวจไม่พบได้อย่างไร?”กู้หว่านเยว่กล่าวประชดเบาๆ ว่า “บนโลกใบนี้มีพิษมากมายที่เข็มเงินตรวจไม่พบ ท่านหมอลั่วน่าจะรู้ดีกว่าข้ากระมัง?”หน้าของลั่วยางเห่อร้อน พิษที่นางให้มู่หรงอวี้ไปทำร้ายซูจิ่งสิง เข็มเงินก็ไม่อาจตรวจพบเช่นกันกู้หว่านเยว่พบมันแล้วจริงๆแต่นางก็ยังคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ “ถ้าเป็นพิษ ไม่มีทางที่ข้าจะตรวจไม่พบ”กู้หว่านเยว่เสียอารมณ์ในทันที“ถ้าเช่นนั้นเจ้าว่ามันคืออะไร?”“ข้า...” เมื่อเผชิญหน้ากับการจ้องมองที่เฉียบคมของกู้หว่านเยว่ ลั่วยางก็เริ่มอับอายมากขึ้นเรื่อยๆ “ข้าไม่รู้”“ในเมื่อเจ้าบอกไม่ได้ ก็อย่าตั้งคำถามกับการวินิจฉัยของข้า”กู้หว่านเยว่ไม่มีปัญหากับทักษะการแพทย์ของคนอื่น แต่กับลั่วยางที่หยิ่งผยอง นางดูถูกสุดใจ“ก็ได้” ลั่วยางหายใจเข้าลึกๆ “ถ้าเจ้ามีความสามารถ เช่นนั้นก็บอกว่าฮูหยินผู้เฒ่าโจวถูกพิษชนิดใด?”นี่คือสิ่งที่โจวเหล่า
“หว่านเยว่ ข้าไปกับเจ้า” ซูจิ่งสิงพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็วการเดินทางครั้งนี้อันตราย และมู่หรงอวี้จะต้องสร้างปัญหาแน่ๆ เขากังวลเกินกว่าจะปล่อยให้กู้หว่านเยว่ไปคนเดียว“แต่ท่านและข้าต่างก็เป็นนักโทษ…”“ข้าจะไปคุยให้” ซ่งเสวี่ยพูด “ล่าช้าไปสักสองสามวัน ข้าคิดว่าเหล่านักการน่าจะเข้าใจได้”เมื่อซ่งเสวี่ยออกหน้า ซุนอู่ย่อมไม่มีปัญหาไร้สิ่งเรื่องต้องกังวลใจ กู้หว่านเยว่ออกเดินทางทันที เพื่อปกป้องพวกเขา โจวเหล่าจึงมอบกลุ่มองครักษ์มากฝีมือกลุ่มเล็กๆ ให้พวกเขา“สวะ!”เมื่อไม่มีใครอยู่รอบๆ มู่หรงอวี้ก็ตบหน้าลั่วยางอย่างแรง“ข้าเชื่อใจเจ้าขนาดนั้น แต่สุดท้ายแล้ว เจ้าก็สู้หญิงแพศยาอย่างกู้หว่านเยว่ไม่ได้”หากกู้หว่านเยว่เอาเมล็ดโพธิ์กลับมาได้และรักษาฮูหยินผู้เฒ่าโจวได้แล้ว โจวเหล่าจะต้องอยู่ข้างซูจิ่งสิงแน่นอน“ใช่แล้ว หมอหญิงลั่ว ท่านไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว นี่ไม่ใช่ว่าทำลายแผนการของท่านอ๋องหรอกหรือ?”ฟู่เยียนหรานยินดีบนคราวเคราะห์ของผู้อื่นถ้าไม่ใช่เพราะนางเป็นคนของมู่หรงอวี้ นางคงหัวเราะเยาะให้ฟันร่วงลั่วยางคนนี้ดูเย็นชาวางท่า ไม่ชอบหน้ายิ่งนักลั่วยางก้มศีรษะลงด้วยความหงุดหงิด จู่ๆ
ซูจิ่งสิงต้องการแต่ไม่อาจได้มา จึงจ่ายเงินออกไปทันที“พวกเราเอาห้องนั้น”กู้หว่านเยว่ไม่สนใจห้องที่ได้มา แต่ดวงตาจับจ้องไปที่ขอบเข็มขัดของเขา“ท่านเอาเงินมาจากไหน?”ซูจิ่งสิงเงียบไปครู่หนึ่ง ตอบไปตามตรง “... วันนั้น เก็บมาจากชายชุดดำกับพวกนักการกู้หว่านเยว่จำได้ว่าวันนั้นนางจดจ่ออยู่กับการเผาจดหมายจนลืมค้นตัวพวกเขา ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะเรียนรู้วิธีการปล้นคนแล้วทั้งสองรับกุญแจมา ห้องชั้นบนอักษรเทียนกว้างขวางดีจริงๆ ไม่เพียงแต่มีเตียงเท่านั้น แต่ยังมีเบาะนั่งนุ่มๆ โต๊ะกลมตรงกลางห้อง ชาร้อนอีกหนึ่งกาหลังจากปิดประตู ซูจิ่งสิงก็หยิบถุงเงินออกมา“นี่คือเงินที่เหลือ มอบให้ภรรยาเก็บไว้”โดยทั่วไปแล้ว กู้หว่านเยว่จะไม่ปฏิเสธเงินที่มาส่งถึงประตูบ้าน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมีคนมามอบให้“ท่านช่างรู้ความเสียจริง”กู้หว่านเยว่รับมันมาอย่างมีความสุข พูดอย่างลื่นไหล“เห็นแก่ที่ท่านรู้ความเช่นนี้ จากนี้ไป ข้าจะดูแลท่านเอง”ซูจิ่งสิงตกตะลึง ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ จากนั้นมุมตาก็ปรากฏหยาดน้ำแห่งความรัก ให้ความร่วมมือและพูดว่า“ผู้น้องขอบคุณพี่ใหญ่กู้!”“เกรงใจแล้ว เกรงใจแล้ว!”กู้หว่านเยว่หั
ลั่วยางหันไปหาผู้นำตระกูลเหยาแล้วพูดว่า “ขอท่านนำทางข้าไปเอาเมล็ดโพธิ์ด้วย”เรื่องนี้ได้ข้อสรุปเป็นเช่นนี้แล้ว ผู้นำตระกูลเหยาไม่อาจต่อต้านศิษย์ของปรมาจารย์แพทย์ได้เขาพยักหน้า ส่งคนไปตามหาคุณหนูใหญ่ของตระกูลเหยามา เพราะเมล็ดโพธิ์นั่น คุณหนูหญิงของตระกูลเหยาเป็นคนที่คอยเลี้ยงไว้กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมองหน้ากันด้วยสีหน้าย่ำแย่ พวกเขาจะทำอย่างไรดี? ต้องมองกูเมล็ดโพธิ์ถูกลั่วยางเอาไปหรือ?เช่นนั้นผลโรคที่นางตรวจเจอของฮูหยินผู้เฒ่าโจวจะนับเป็นอะไรได้? ความพยายามก่อนหน้านี้ของนางไม่ใช่ว่าไร้ความหมายหรอกหรือ? อีกอย่าง ลั่วยางรู้วิธีถอนพิษให้ฮูหยินผู้เฒ่าโจวหรือไร?ในเวลานี้ คุณหนูใหญ่ของตระกูลเหยา ก็ปรากฏตัวหลังจากบ่าวไปเชิญมา“น้องหญิง เจ้ามาแล้วหรือ? พาพวกเขาไปเอาเมล็ดโพธิ์เถอะ” ผู้นำตระกูลเหยาสั่งมู่หรงอวี้รีบแสดงรอยยิ้มให้เหยาฮุ่ยซินที่คิดว่ามีเสน่ห์เกินจะบรรยายให้นาง “รบกวนคุณหนูใหญ่เหยาแล้ว”เหยาฮุ่ยซินมองไปยังผู้คนในห้องรับรองดวงตากระจ่างใส่กลมโตดวงนั้น ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกคุ้นเคย“เจ้าก็มาที่นี่เพื่อขอเมล็ดโพธิ์ด้วยหรือ?”“ใช่ พวกเราต้องการใช้เมล็ดโพธิ์ไปช่วยชีวิตค
นางมีความมั่นใจว่า สมุนไพรที่ตนเองเคยเห็นและได้กลิ่นมาตั้งแต่เด็กจนโตนั้น เกรงว่าจะมากกว่าจำนวนเกลือที่กู้หว่านเยว่เคยกินเสียอีกเหยาฮุ่ยซินมองไปยังกู้หว่านเยว่“ฮูหยินซู ท่านคิดว่าอย่างไรเล่า?”กู้หว่านเยว่มีท่าทีลำบากใจเล็กน้อย “ดูเหมือนว่านี่จะไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่กระมัง?”“ไม่ยุติธรรมตรงไหนกัน นี่เป็นความรู้พื้นฐานของหมอ หรือว่าเจ้าไม่มีแม้แต่ความรู้พื้นฐาน?” ลั่วยางเห็นว่าการแข่งขันนี้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง จึงรีบกล่าวว่า “คุณหนูใหญ่เหยา มาแข่งกันเรื่องนี้กันเถอะ”“ก็ได้” กู้หว่านเยว่ถอนหายใจ “หากหมอหญิงลั่วไม่ขัดข้องก็ดี”นางพูดเช่นนี้? มู่หรงอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องแต่ลั่วยางมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ จึงเริ่มสอบถามกฎกติกาการแข่งขันแล้วเหยาฮุ่ยซินเอ่ยขึ้น “กฎของการแข่งขันนั้นง่ายมาก พวกท่านเลือกสมุนไพรสามชนิดจากคลังของสกุลเหยา หรือจะใช้สมุนไพรที่พกติดตัวมาก็ได้ จากนั้นหยิบออกมาให้ฝ่ายตรงข้ามดม“หากอีกฝ่ายสามารถบอกชื่อได้ถูกต้อง ก็ถือว่าฝ่ายนั้นชนะ แต่ถ้าบอกไม่ได้ ถือว่าฝ่ายที่นำสมุนไพรออกมาเป็นผู้ชนะ”ลั่วยางได้ยินดังนั้น ก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น
ถูกหรือไม่ แน่นอนว่าถูกต้อง!กู้หว่านเยว่ตอบถูกไปแล้วสองอย่าง คราวนี้มือของลั่วยางเริ่มสั่น นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้หว่านเยว่จะเก่งกาจขนาดนี้ นางเดาออกได้อย่างไรกัน เป็นไปได้อย่างไร?เชียงหัวและตู๋หัว* นี้ แม้แต่นางลืมตา ก็ยังไม่แน่ว่าจะแยกแยะได้“หมอหญิงลั่วเชิญนำชนิดที่สามออกมาเถอะ” กู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยภายในเวลาสั้น ๆ กู้หว่านเยว่ก็ทายถูกไปแล้วสองชนิด มือที่ลั่วยางงถือสมุนไพรชนิดที่สามเริ่มสั่น นางไม่กล้าแม้แต่จะหยิบสมุนไพรชนิดที่สามมาไว้ตรงหน้ากู้หว่านเยว่ทันใดนั้น นางก็เก็บสมุนไพรกลับ“ฮูหยินซูทายถูกไปแล้วสองอย่าง คราวนี้ให้ข้าปิดตาแล้วทายบ้าง”นางไม่เชื่อว่า กู้หว่านเยว่จะหยิบสมุนไพรอะไรที่นางทายไม่ถูกออกมา“ได้” กู้หว่านเยว่ถอดผ้าปิดตาออกอย่างใจเย็น ไม่มีความกลัวแม้แต่น้อยนางยื่นสมุนไพรชนิดแรกให้ลั่วยางพ่ายแพ้ติดต่อกันสองครั้ง มือของลั่วยางเริ่มมีเหงื่อออกเล็กน้อย หลังจากรับสมุนไพรมา นางก็ก้มศีรษะเพื่อดมอย่างไรก็ตาม แม้เวลาจะผ่านไปครึ่งถ้วยชา* แล้ว นางก็ยังไม่สามารถดมออกว่าสมุนไพรชนิดนี้คืออะไรกลิ่นนี้แปลกประหลาดเกินไป มีกลิ่นเหม็นจาง ๆ นางคิดไม่ออ
แพ้แล้ว?แล้วได้อย่างไรกัน?ลั่วยางกระชากผ้าปิดตาออกอย่างแรง จนกระทั่งเห็นสมุนไพรที่อยู่ในมือของกู้หว่านเยว่ นางจึงรู้ว่าตัวเองโง่เขลามาก โง่จนน่าสมเพช“บัวหิมะเทียนซาน...”บัวหิมะและบัวหิมะเทียนซานต่างกันเพียงสองคำ แต่สรรพคุณกลับต่างกันราวฟ้ากับเหวลั่วยางจ้องมองกู้หว่านเยว่ ไม่สนใจเรื่องแพ้ชนะแต่กลับเอ่ยถามขึ้นว่า“อาจารย์ของเจ้าเป็นใครกันแน่?”แม้แต่ปรมาจารย์แพทย์ก็ยังไม่มีบัวหิมะเทียนซาน หรือว่าอาจารย์ของกู้หว่านเยว่จะเก่งกว่าปรมาจารย์แพทย์เสียอีก?กู้หว่านเยว่เก็บบัวหิมะเทียนซานกลับ จากนั้นเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ข้ามีหน้าที่แค่ชนะเจ้า ส่วนคำถามอื่น ๆ เจ้าค่อย ๆ คิดเอาเองก็แล้วกัน”พูดจบก็หันไปมองเหยาฮุ่ยซิน “คุณหนูเหยา ข้าชนะแล้ว นำเมล็ดโพธิ์ให้ข้าได้หรือไม่?”“ได้แน่นอน!”เหยาฮุ่ยซินเผยรอยยิ้มยินดี ดูเหมือนจะดีใจยิ่งกว่าตัวเองชนะเสียอีก“ท่านตามข้ามาเร็ว”“เดี๋ยวก่อน” ลั่วยางจะยอมให้นางไปได้อย่างไรกัน วิ่งเข้าไปถามคำถามอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าจะไปไม่ได้ ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นใคร!”ลั่วยางนี่ดูเหมือนจะบ้าไปแล้ว ก็พูดกันแล้วว่าแพ้ก็ต้องยอมรับ แต่ตอนนี้นางกลับยอมรั