ในอากาศตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอุจจาระใช่ ไม่ได้ดมผิด เป็นกลิ่นอุจจาระจริง ๆ กู้หว่านเยว่บีบจมูกแน่น“ดูเหมือนว่าข่าวซุบซิบของหญิงชราคนนั้นจะไม่ผิด ใต้เท้าหลิวโดนแทงก้นเข้าจริง ๆ กลั้นอุจจาระไม่อยู่แล้ว”ซูจิ่งสิงก็กุมขมับ ช่างเป็นเรือนที่มีกลิ่นแรงจริง ๆ “โอ๊ย เจ็บ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายอยู่แล้ว”เสียงหนึ่งดังมาจากในห้องซูจิ่งสิงรีบจูงกู้หว่านเยว่ไปหลบในภูเขาจำลอง“ใต้เท้า ท่านอดทนหน่อยเถิด นี่มันฉีกขาดแล้ว ต้องทายานะขอรับ”“ลูกผู้ชายฆ่าได้ หยามไม่ได้!โจวเหยียนข่มเหงข้าถึงเพียงนี้ ข้าจะต้องแก้แค้นให้ได้!”น้ำเสียงของใต้เท้าหลิวค่อนข้างอ่อนแรง“ใต้เท้า ท่านอย่าเพิ่งโมโห ให้ข้าน้อยทายาให้ท่านเถิด”“โอ๊ย โอ๊ย...” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างอ่อนแรงดังขึ้นอีกครั้ง“เจ็บ เจ็บเหลือเกิน...”“ใต้เท้า!” ทันใดนั้น เด็กรับใช้ก็ร้องตะโกนเสียงดัง “ก้นของท่านมีเลือดไหลออกมาเยอะเลยขอรับ!”“หา? เช่นนี้จะทำอย่างไรดี?”“ข้าน้อยจะไปตามหมอนะขอรับ”“ยะ อย่าไป ยังอับอายไม่พออีกหรือ?”น้ำเสียงอันอ่อนแรงของใต้เท้าหลิวกล่าวห้ามเรื่องนี้ไว้ หลังจากที่เกิดเรื่อง เขาก็ถูกเพื่อนขุนนางในเมืองห
“หนุ่มน้อย ในจวนของพวกเจ้ามีผงห้ามเลือดหรือไม่ ผ้าพันแผลก็ด้วย”กู้หว่านเยว่หันกลับไปมองเด็กรับใช้ของพวกนี้ในมิติของนางมีทั้งหมด ที่พูดเช่นนี้ก็เพื่อให้เด็กรับใช้คนนี้เข้าใจว่า พวกเขาสองคนมาช่วยหลิวเต๋อวั่ง ไม่ได้มาทำร้ายเขา“มี มีทั้งหมดขอรับ”เด็กรับใช้ก็มองออกว่า สองสามีภรรยาคู่นี้ไม่เหมือนคนร้าย สายตาบริสุทธิ์ มาเพื่อช่วยเหลือหลิวเต๋อวั่งเขารีบเอ่ยขึ้น “อยู่ในห้องนี้ขอรับ”เขารีบนำกล่องยามาให้กู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กวาดตามอง “เจ้าช่วยไปตักน้ำสะอาดมาให้ข้าสักอ่างได้หรือไม่? ข้าจะทำความสะอาดบาดแผลให้ใต้เท้าของเจ้า”“ได้ขอรับ”เด็กรับใช้เชื่อฟังมาก พยักหน้าหงึก ๆ หยิบอ่างที่อยู่ด้านข้าง แล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็วกู้หว่านเยว่ฉวยโอกาสตอนที่เขาออกไป หยิบถุงมือยางจากในมิติมาสวม และหยิบยาแก้อักเสบออกมา เตรียมทำแผลให้หลิวเต๋อวั่งนางขมวดคิ้วเล็กน้อยอ๊ะ!น่าขยะแขยง!งานของแผนกศัลยกรรมลำไส้ใหญ่และทวารหนักนี่ ทำยากจริง ๆ !“น้องหญิง ข้าทำเอง” ซูจิ่งสิงหยิบถุงมืออีกคู่มาสวม“เจ้าคอยชี้แนะข้าอยู่ข้าง ๆ ก็แล้วกัน”“ทะ ท่านจะทำได้หรือ?”กู้หว่านเยว่มองเขาด้วยความประหลาดใจ
“ใต้เท้า แย่แล้ว ๆ ข้างนอกฟ้าใกล้จะมืดแล้วขอรับ”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงวุ่นวายอยู่ในห้องตั้งครึ่งค่อนวัน ไม่ทันสังเกตว่าตอนบ่ายนั้นผ่านไปแล้ว ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว“อะไรนะ ใกล้จะมืดแล้วหรือ?”หลิวเต๋อวั่งเหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ แทบจะตกลงมาจากเตียงยังดีที่ซูจิ่งสิงประคองเขาไว้กู้หว่านเยว่ถามด้วยความสงสัย “ใต้เท้าหลิว ฟ้ามืดแล้วเป็นอย่างไร? เหตุใดท่านถึงตื่นตระหนกเช่นนี้?”หลิวเต๋อวั่งทั้งร้อนใจทั้งโกรธ จากนั้นกำหมัดแน่นภายใต้สายตาของทั้งสองคน เขารู้สึกอับอายจนแทบไม่อยากจะเอ่ยปากจนกระทั่งเตรียมใจพร้อมแล้ว จึงค่อย ๆ พูดออกมาทีละคำ“หลายวันมานี้ เพียงแค่ฟ้ามืดลง เจ้าสัตว์เดรัจฉานโจวถิงเว่ยนั่นก็จะมาหาข้าน้อย”เขาก้มหน้าลง รู้สึกหมดอาลัยตายอยากกู้หว่านเยว่รู้สึกได้ถึงความโชคร้าย ไม่แปลกใจเลยที่อาการบาดเจ็บของใต้เท้าหลิวจะสาหัสขนาดนี้“ท่านอ๋อง พระชายา โจวถิงเว่ยใกล้จะมาถึงแล้ว ข้าจะให้คนรับใช้นำท่านทั้งสองไปที่ปลอดภัยก่อน รอให้เขาไปแล้ว...พวกเราค่อยมาปรึกษาหารือกันอย่างรอบคอบ”ใต้เท้าหลิวคับแค้นใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาเขาอยากจะฆ่าโจวถิงเว่ยตอนนี้เลยแต่เขาก็รู้ว่า โจวถ
แม้ว่าจะไม่ถึงกับอ้วนท้วนสมบูรณ์ แต่ใบหน้าก็เต็มไปด้วยหลุมสิว รูปร่างก็ทั้งดำทั้งเตี้ย คาดว่าสูงไม่เกินหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร แต่แขนขากลับแข็งแรงอย่างยิ่ง มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นแม่ทัพกู้หว่านเยว่รู้สึกไม่อาจทนมองตรง ๆ ได้หลิวเต๋อวั่งก็แทบจะอาเจียนออกมา ในแววตาอดแสดงความรังเกียจโจวถิงเว่ยไม่ได้“โจวคนชั่ว เจ้ายังกล้ามาอีกหรือ?ลูกผู้ชายฆ่าได้ หยามไม่ได้เจ้าไม่ฆ่าข้า สักวันหนึ่งข้าก็จะฆ่าเจ้าให้ได้”โจวถิงเว่ยหัวเราะเสียงดัง ถอดเข็มขัดกางเกงออก ไม่ได้สนใจคำขู่ของหลิวเต๋อวั่งเลยแม้แต่น้อย“เจ้าจะฆ่าข้า ฮ่า ๆ เช่นนั้นก็มาเถิด เจ้าเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นจะเอาอะไรมาฆ่าข้า?”เขาเหิมเกริมอย่างเห็นได้ชัดเมื่อผู้มีอำนาจไม่อยู่ ลูกน้องก็ขึ้นมามีอำนาจแทน ฮ่องเต้ไม่อยู่ในเมืองหลวง เขามีอำนาจคุมกองทัพ ก็ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงแล้ว“หึ ๆ เจ้าขัดขืนมากเท่าไร ข้าก็ยิ่งชอบ”โจวถิงเว่ยถูมือ เดินเข้าไปหาหลิวเต๋อวั่ง ใบหน้าขาว ๆ ของหลิวเต๋อวั่งนี้ เขาหมายตาไว้ตั้งแต่ตอนที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นทั่นฮวาแล้วน่าเสียดายที่ต่อให้เขาจะกร่างแค่ไหน ก็ไม่กล้าลงมือกับขุนนางในราชสำนักใครจะคาดคิดว่าควา
“ไม่กี่นาที ไม่เกินสิบนาที”หลิวเต๋อวั่งอยากจะอาเจียน“ดี ใต้เท้าหลิว รบกวนท่านร้องครวญครางแสดงละครสักหน่อย ข้าจะให้โจวถิงเว่ยออกไปกับพวกเขา”“ท่านยังจะปล่อยเขาไปอีกหรือ”หลิวเต๋อวั่งไม่เข้าใจ กว่าจะจับตัวมาได้ก็ยากเย็น เหตุใดถึงต้องปล่อยไป? เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงคิดจะทำอะไร“แน่นอนว่าไม่ได้จะปล่อยตัวไป”กู้หว่านเยว่ยิ้ม หยิบหน้ากากหนังมนุษย์ออกมาจากอกเสื้อ“เดี๋ยวข้าจะปลอมตัว แสดงเป็นโจวถิงเว่ย”“ท่านใช้วิชาแปลงโฉมได้หรือ?”หลิวเต๋อวั่งก็เป็นปัญญาชน เวลาว่างก็อ่านหนังสือหลากหลายประเภท ย่อมรู้ว่าในยุทธภพมีผู้มีความสามารถพิเศษบางคน สามารถแปลงโฉมเป็นคนอื่นได้ เหมือนจริงจนแยกไม่ออก“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่ยิ้มพลางพยักหน้าหลิวเต๋อวั่งเข้าใจทันที รีบแสร้งทำเป็นร้องครวญครางด้วยความอ่อนแรง เหมือนอย่างที่เคยถูกรังแกตามปกติองครักษ์ที่อยู่หน้าประตูได้ยินเสียงนี้ก็ผ่อนคลายลงแล้วกู้หว่านเยว่ฉวยโอกาสนี้รีบไปที่หลังฉากกั้น เริ่มทำการแปลงโฉมซูจิ่งสิงก็ถอดเสื้อผ้าบนร่างกายของโจวถิงเว่ยออกแล้วโยนให้กู้หว่านเยว่ไม่นานนัก “โจวถิงเว่ย” ที่เหมือนกับตัวจริงก็เดินออ
ทันทีที่พวกเขาได้ยินว่าโจวถิงเว่ยมีเรื่องต้องสั่งการ ก็ไม่กล้าทำอะไรคลุมเครืออีก รีบคุ้มกันโจวถิงเว่ยกลับกองทัพ“พาเขาออกไปก่อน”องครักษ์ชี้ไปที่ซูจิ่งสิงกู้หว่านเยว่รีบบอกว่า “ช้าก่อน ข้างกายข้ายังขาดคนคอยปรนนิบัติ ให้เขามาคอยปรนนิบัติก็แล้วกัน”“ขอรับ”ซูจิ่งสิงแสร้งทำเป็นหวาดกลัวมาก รีบเข้ามาอยู่ข้างกายกู้หว่านเยว่ เดินตามหลังเขาอย่างเชื่อฟังกู้หว่านเยว่แอบมองซูจิ่งสิง แล้วยกนิ้วโป้งให้ซูจิ่งสิงอย่างเงียบ ๆอย่าเอ็ดไป สามีของนางท่าทางเช่นนี้เหมือนชายรักชายฝ่ายรับเลย“ไปเรียกรองแม่ทัพทั้งหลายมา ข้าต้องการสั่งการ”เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็ดูจริงจังขึ้นมาทันที“แม่ทัพใหญ่ต้องการสั่งการ”“แม่ทัพใหญ่สั่งการ”“ทุกคน ทุกคนเร็วเข้า ท่านแม่ทัพจะสั่งการแล้ว”บรรดาทหารตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกันได้ไม่นาน รองแม่ทัพทั้งหลายก็แต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วรีบเร่งเข้ามากู้หว่านเยว่กวาดตามองเขานั่งไขว่ห้างลงบนเก้าอี้ พลางชี้ไปที่ซูจิ่งสิง“เจ้าเข้ามานี่ มานั่งบนตักข้า”รองแม่ทัพทั้งหลายสบตากัน แล้วก้มหน้าลงไม่กล้าพูดอะไรเห็นได้ชัดว่าทุกคนไม่ได้มองรสนิยมของโจวถิงเว่ยเป็นเรื่องแป
รองแม่ทัพทั้งหลายสบตากันแวบหนึ่ง ไม่อาจเข้าใจว่า “โจวถิงเว่ย” หมายความว่าอย่างไร“ท่านแม่ทัพต้องการเลี้ยงฉลองให้กับสามเหล่าทัพหรือ?”“ถูกต้อง รวมถึงกองทัพของค่ายเฟิงไถทุกกองทัพด้วย”กู้หว่านเยว่เลียนแบบน้ำเสียงของโจวถิงเว่ย และตบโต๊ะตัดสินใจโดยไม่รอคำตอบจากทุกคน“เรื่องนี้ตัดสินใจตามนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจของสามเหล่าทัพ ข้าจะใช้เงินจากกรมพระคลัง”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดสักครู่ แล้ววางนิ้วมือลงบนตัวรองแม่ทัพคนหนึ่ง”“แม่ทัพเฉียน เรื่องนี้ขอมอบหมายให้เจ้าไปจัดการ”เดิมทีแม่ทัพเฉียนตั้งใจจะพูดคัดค้าน แต่หลังจากได้ยินคำพูดของกู้หว่านเยว่แล้ว ก็มีสีหน้ายินดีปรีดา หากมอบหมายเรื่องนี้ให้เขาจัดการ เขาก็จะสามารถตักตวงผลประโยชน์จากในนั้นได้ไม่น้อยเลย“ขอบคุณท่านแม่ทัพสำหรับความไว้วางใจ ข้าน้อยจะจัดการเรื่องนี้ให้ดี หากจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดี ก็ตัดหัวคนอย่างข้าน้อยได้เลย”แม่ทัพเฉียนรีบคุกเข่าลงที่เหลือไม่กี่คนต่างพยักหน้า โดยไม่มีทีท่าคัดค้าน“เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปได้แล้ว”สายตาของกู้หว่านเยว่จับจ้องไปที่ใบหน้าของซูจิ่งสิง เริ่มสมคบคิดแผนร้ายกับเขาเหล่าทหารพากันก้มหน้าลง ไม่กล
ทั้งสองคลำทางเข้าไปในเรือน พบว่าไฟในห้องเปิดอยู่ เลยเที่ยงคืนแล้ว พวกเขายังไม่ได้นอนอีกหรือเมื่อเดินเข้าไปใกล้ มีคนสองคนกำลังพูดคุยกัน“พี่หญิงลั่วยาง ท่านรีบไปพักผ่อนเถอะ”“ไม่ล่ะ ข้าต้องดูตำราแพทย์อีกสักครู่”“ตอนนี้อาการป่วยของคุณชายเฟิ่งไม่เร่งด่วนนัก ท่านต้องพักผ่อนให้เต็มที่ หน้าซีดหมดแล้วเงาร่างของทั้งสองสะท้อนอยู่บนหน้าต่างกู้หว่านเยว่เอียงศีรษะ พลางยิ้มกล่าวว่า “บังเอิญจริง ๆ ฉางเล่อกับลั่วยางอยู่ด้วยกันอย่างไม่น่าเชื่อ”ซูจิ่งสิงกุมมือนางขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องตามหาไปทั่วแล้วไป เราสองคนไปมอบความประหลาดใจให้พวกเขากันเถอะ”สองสามีภรรยาพูดจบ ก็เข้ามาในห้องลั่วยางและมู่หรงฉางเล่อสะดุ้งตกใจ“ท่าน พวกท่าน...”“เจิ้นเป่ยอ๋อง? พี่หญิงหว่านเยว่!” ลั่วยางจำทั้งสองได้เป็นคนแรกเป็นความประหลาดใจมากมายดังคาด ทั้งมู่หรงฉางเล่อและลั่วยางต่างก็รู้สึกดีใจมาก“เป็นพวกท่านจริงหรือ?”มู่หรงฉางเล่อมองไปที่กู้หว่านเยว่ด้วยท่าทีใหม่ “พี่สะใภ้ เหตุใดท่านถึงแต่งตัวในสภาพนี้?”กู้หว่านเยว่ลูบเครา “ยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดเพียงไม่กี่คำ ข้ากับญาติผู้พี่ของเจ้าแฝงตัวเ
“ลูกชายของเจ้าตายแล้ว แต่ลูกสะใภ้เจ้าก็เป็นมนุษย์เช่นกัน นางเสียใจไม่เป็นหรือ?เจ้าเสียใจ เจ้าก็ไปหาคนที่เป็นต้นเรื่อง เจ้ามาระบายใส่คนกันเองเช่นนี้ นี่มันตรรกะอะไร?“เจ้า เจ้า…” ฮูหยินผู้เฒ่าโจวโมโหจนพูดไม่ออก นายท่านโจวก็โมโหยายเฒ่าอู่เช่นกันพวกเขาคุยกันในบ้านตัวเอง เหตุใดจึงมีหญิงชราที่ไม่รู้จักคนหนึ่งแทรกเข้ามาอีกทั้งหญิงชราคนนี้ยังพูดจาไม่น่าฟังเลยเขาอยากถกเถียงกับยายเฒ่าอู่ด้วยเหตุผลแต่ยายเฒ่าอู่เป็นใคร?นางเป็นคนบ้านนอก และยังเป็นแม่หม้าย ปากร้ายจนคนทั้งหมู่บ้านต้องยอม นายท่านโจวหาใช่คู่ต่อสู้ของนาง เถียงกันไปเถียงกันมาครู่หนึ่ง ก็โดนนางต่อว่าจนหน้าแดง“ข้าก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของครอบครัวเจ้าหรอก ใครใช้ให้พวกเจ้าร้องไห้เสียงดังจนข้าได้ยิน เห็นพวกเจ้ารังแกคนเช่นนี้ ข้าไม่สามารถนิ่งดูดายได้ ข้าขอแนะนำพวกเจ้าสักคำ สร้างสมบุญกุศล อย่าให้ลูกชายของพวกเจ้าไม่สามารถไปสู่สุคติ”“เจ้า เจ้า!”นายท่านโจวทนไม่ไหวแล้ว“เจ้าเป็นคนของบ้านไหนกันแน่?”เขาดูการแต่งตัวของยายเฒ่าอู่ คิดว่านางเป็นคนรับใช้ของเจ้าของบ้าน“ไปเรียกเจ้านายเจ้ามา ข้าจะลองถามเขาดูว่า เขาอบรมสั่งสอนคนรับใช้เช่
ฮูหยินผู้เฒ่าโจวเจ็บใจ นางมีลูกชายแค่คนเดียว เพื่อเหลียงถงอวี้คนนี้ เขาดึงดันจะออกจากด่านหานกู่ พานางมาเมืองหลวง“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า เขาก็ยังอยู่ด่านหานกู่ เบื้องบนก็จะไม่ส่งเขาไปทำงานนี้ ล้วนเป็นเพราะเจ้า!”ฮูหยินผู้เฒ่าโจวผลักหน้าอย่างแรง เหลียงถงอวี้กัดริมฝีปากล่างแน่นเพราะคำพูดของนางนางมองผู้อาวุโสทั้งสองคนใบหน้าฮูหยินผู้เฒ่าโจวเต็มไปด้วยความเคียดแค้นที่มีต่อนาง สายตาที่นายท่านโจวมองนางก็เต็มไปด้วยเจตนาร้ายเช่นกันโจมเสี้ยนเป็นแม่ทัพ ถ้าหากตายในสนามรบ นั่นก็ถือว่าตายอย่างมีเกียรติตายด้วยน้ำมือของชาวหนานเจียง?และยังตายไปพร้อมกับคำกล่าวหาเช่นนี้ ชื่อเสียงที่สร้างมาทั้งชีวิตจบสิ้นแล้วเขาที่เป็นพ่อคนนี้ จะไม่แค้นเคืองได้อย่างไร?“นางพูดถูก เสี้ยนเอ๋อร์ตายเพราะเจ้า”“เจ้าคืนลูกชายข้ามา เจ้าคืนลูกชายข้ามา!”ฮูหยินผู้เฒ่าโจวพุ่งออกไป ตบตีตามร่างกายเหลียงโจวอวี้ นางเสียใจและสิ้นหวังจนเกือบจะเป็นลม“เจ้ายังจะอยู่ที่นี่ทำไม เจ้ายังไม่รีบไปอีก!”นายท่านโจวอุ้มฮูหยินผู้เฒ่าโจวไว้ หันไปไล่เหลียงถงอวี้ ราวกับนางเป็นโรคระบาด“ข้างบ้านทะเลาะอะไรกัน?”ข้างบ้าน ยายเฒ่าอู่ยืนอุ้มเ
“ฮึ่ม ต้าฉีกล้าฆ่าชวีเฟิง และยังกล้าขังพี่หญิงใหญ่ของข้า ข้าย่อมต้องทำให้พวกมันสำนึก”เฟิ่งหวู่โจวควบคุมแมงป่องยักษ์ไปพลาง คิดจะทำร้ายราษฎรอีกเวลานี้เอง เกาเจี้ยนขี่ม้า พาองครักษ์จันทรากลุ่มหนึ่งวิ่งมา“หยุดเดี๋ยวนี้!”เกาเจี้ยนกล่าวด้วยเสียงอันดังก้องราวกับฟ้าผ่า “เหลวไหลสิ้นดี ราษฎรไม่รู้อะไรด้วยเลย เจ้าปล่อยแมลงร้ายนี่ออกมาทำร้ายราษฎรตามใจชอบได้อย่างไร!”เขาชีทวนยาวไปทางเฟิ่งหวู่โจว“องค์ชายสาม รีบเก็บแมลงร้ายของเจ้ากลับไปซะ เช่นนั้นข้าไม่ละเว้นเจ้าแน่”“เจ้ากล้าพูดจาเช่นนี้กับข้า?!”เฟิ่งหวู่โจวหรี่ตา กำลังจะระเบิดอารมณ์ ทว่าผู้ติดตามที่อยู่ข้างๆ ห้ามเขา“องค์ชายสาม ท่านอย่าวู่วาม”ผู้ติดตามห้ามปรามเสียงเบา“องค์หญิงใหญ่ยังอยู่ในมือพวกเขาขอรับ”เฟิ่งหวู่โจวหยุดการกระทำอย่างที่คิด“บ้าจริง ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวพวกเขาจะทำอะไรพี่หญิงใหญ่ ข้าไม่สนใจความเป็นความตายของพวกมันหรอก ให้ราชาแมงป่องพิษกินพวกเขาทั้งเป็นให้หมดเลย!”“กลับไป”เขาเป่าขลุ่ยในมือ แมงป่องเหลือบมองเกาเจี้ยนแวบหนึ่ง หมุนกายกลับเข้ารถม้า“สถานีพักม้าอยู่ทางนี้ องค์ชายสามเชิญตามพวกเรามา” เกาเจี้ยนมองซากศพท
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของหนานเจียง มีจุดประสงค์เพื่อตบหน้าต้าฉี ทำให้ราชวงศ์ต้าฉีที่เพิ่งก่อตั้งอับอายขายหน้า“โจวฮูหยิน ข้ากับฝ่าบาทจะให้คำอธิบายกับเจ้าแน่นอน”“ขอบพระทัยพระมเหสีเพคะ”เหลียงถงอวี้คำนับจากใจ ก้าวเดินออกจากวังหลวงไปอย่างสิ้นหวังทีละก้าว“หนานเจียง ไม่ควรเก็บไว้อีกแล้ว”สายตาซูจิ่งสิงเย็นเยียบ เกิดเจตนาฆ่าในใจวันต่อมา เฟิ่งหวู่โจวมาถึงเมืองหลวงหลังจากเขาฆ่าโจวเสี้ยนไม่เพียงไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย ตอนอยู่ที่ประตูเมือง ยังทำร้ายราษฎร ถีบขุนนางตกจากม้า และถ่มน้ำลายใส่ชาวต้าฉีเหิมเกริมสุดขีด“องค์ชายสาม พวกเราทำเช่นนี้ มันจะเกินไปหน่อยหรือไม่?”แม้แต่ผู้ติดตามก็รู้สึกผิด กล่าวเกลี้ยกล่อม“อย่างไรก็อยู่ถิ่นของต้าฉี ถ้าหากทำให้ต้าฉีโกรธ นี่…”“เจ้ากลัวทำไม?”ถนนจูเชวี่ย เฟิ่งหวู่โจวขี่อยู่บนหลังม้าที่สูงใหญ่ สีหน้าได้ใจนักหน้าตาของเขาสู้เฟิ่งอู๋ชีไม่ได้ แต่แต่งกายประณีตมาก สวมชุดเจียงหนาน และยังสวมกำไลเงินบนข้อมือหลายวง ขณะที่เขาดึงสายบังเหียน เสียงกรุ๊งกริ๊งดึงดูดความสนใจเป็นพิเศษราษฎรที่ผ่านไปมาล้วนได้ยินพฤติกรรมที่เหิมเกริมของเขาแล้ว รีบหลบตามสองข้างทางด้ว
“บ่าวไปเดี๋ยวนี้เพคะ!”ชิงเหลียนหมุนกายวิ่งออกไปทันทีวันนี้คนที่เข้าเวรที่สำนักหมอนหลวงคือลั่วยางพอดี เมื่อเห็นชิงเหลียงมาเรียกคน คิดว่ากู้หว่านเยว่เป็นอะไรเสียอีก รีบคว้ากล่องยาตามออกไปทันทีหลังจากตามมาจึงจะรู้เรื่องของโจวเสี้ยนจากปากชิงเหลียน“นายท่านกับฮูหยินกำลังรู้สึกผิด ไม่ว่าจะส่งใครไป ท้ายที่สุดนี่ก็คือจุดจบของเรื่องนี้ ไม่มีใครถ้าคิดว่าองค์ชายหนานเจียงจะบ้าเช่นนี้หมอหญิงลั่ว หลังจากท่านเข้าไป ต้องเกลี้ยกล่อมฮูหยินดีๆ นะ”ลั่วยางพยักหน้า “น่าสงสารโจวฮูหยินมาก”“ก็นั่นน่ะสิ กว่าจะได้อยู่ด้วยกันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”เดิมทีสกุลโจวก็ไม่ชอบนางอยู่แล้ว ในที่สุดโจวเสี้ยนก็ได้แต่งงานกับนาง และมาซื้อบ้านอยู่ในเมืองหลวงวันดีๆ กำลังจะมาอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าเพิ่งแต่งงานได้หนึ่งเดือน ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ระหว่างที่ทั้งสองสนทนา ก็ได้มาถึงตำหนักข้างที่ให้โจวฮูหยินพักชั่วคราวแล้วหลังจากลั่วยางคำนับทั้งสอง ก็เข้าไปตรวจชีพจรให้โจวฮูหยิน“เสียใจมากเกินไป ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หม่อมฉันจ่ายยาก็ดีขึ้นเองเพคะ”ลั่วยางเขียนตำรับยาหนึ่งแผ่น ให้ผู้ช่วยไปเอายาที่สำนักหมอหลวง ผ่านไปครู่หนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น?” กู้กว่านเยว่ถามชิงเหลียนคนหนักแน่น น้อยครั้งที่จะตื่นตระหนกเช่นนี้“องค์ชายสามของหนานเจียงเพคะ”นางกำหมัดแน่น โมโหจนยากจะควบคุมอารมณ์ “เขาเหิมเกริมเกินไปแล้ว เขา เขาฆ่าแม่ทัพโจวตายแล้ว!”“อะไรนะ?”สีหน้ากู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงเปลี่ยนฉับพลันโจวเสี้ยนเป็นคนไปต้อนรับทูตหนานเจียงหลังจากโจวเสี้ยนยอมจำนนที่ด่านหานกู่ ก็กลายเป็นขุนนางคนสำคัญของซูจิ่งสิง ทั้งสองคิดไม่ถึงว่าคนหนานเจียงจะใจกล้าถึงขั้นฆ่าเขา“ทำไมถึงฆ่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”สีหน้าซูจิ่งสิงขรึมลงโจวเสี้ยนอายุยังน้อย เพิ่งแต่งงานเดือนที่แล้วชิงเหลียนกล่าวตอบ “ข่าวที่ส่งกลับมาบอกว่าแม่ทัพโจวลวนลามสนมรักขององค์ชายสาม ด้วยความโกรธ องค์ชายสามจึง…ฆ่าเขา”นางหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกจากหน้าอก“ใช่แล้ว นี่คือหนังสือยอมรับผิดขององค์ชายสามหนานเจียง”สีหน้าซูจิ่งสิงดูน่าเกลียดมาก เขารับหนังสือยอมรับผิดมา ยิ่งอ่านสีหน้าก็ยิ่งบูดบึ้ง“เขาเขียนว่าอะไร?”“เจ้าดูสิ”กู้หว่านเยว่รับหนังสือยอมรับผิดมาจากมือซูจิ่งสิง หลังจากอ่านครู่หนึ่ง ไม่น่าแปลกใจที่ซูจิ่งสิงโกรธเช่นนี้ นางก็โมโหเช่นกันองค์ชายสามคนนี้แสร้งเขี
ทว่าท่าทีของซูจิ่งสิงแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เคยเห็นธัญพืชเช่นนี้มาก่อน“มองใบสีเขียวมรกตนี้ หรือว่าจะเป็นผัก?” ซูจิ่งสิงถามตอบด้วยตนเอง ทำเสียจนกู้หว่านเยว่หัวเราะดังลั่น“ของกินนี้เรียกว่ามันฝรั่ง อีกทั้งยังสามารถเรียกว่ามันฝรั่งหม่าหลิงได้อีกด้วย ใบของมันไม่ได้นำมากิน หัวมันฝรั่งโตที่รากต่างหากที่นำมากินเจ้าค่ะ” กู้หว่านเยว่อธิบายซูจิ่งสิงเข้าใจในทันใด “คล้ายมันเทศใช่หรือไม่?”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ส่งจอบให้อันหนึ่ง“ท่านพี่ ท่านขุดออกมาดูเถอะ”“ได้”ซูจิ่งสิงรับจอบไป เดินมายังตำแหน่งใกล้ที่สุด ขุดดินอย่างระมัดระวัง จากนั้นดึงรากของมันฝรั่งออกมาปริมาณมันฝรั่งภายในมิติชวนให้คนตกใจ ยิ่งไปกว่านั้นรูปร่างอ้วนกลมยังทำให้คนชอบมาก“รสชาติเจ้าสิ่งนี้เป็นเช่นไร?”ซูจิ่งสิงแปลกใจอยู่บ้าง เจ้าสิ่งที่เรียกว่า “มันฝรั่ง” นี้ เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน อีกทั้งยังไม่เคยกินมาก่อนด้วยไม่รู้ว่าเทียบกับมันเทศที่คล้ายกันแล้วจะมีรสชาติเช่นไร“ไม่มีวันทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน”กู้หว่านเยว่จูงซูจิ่งสิงมายังพื้นที่กว้างแห่งหนึ่งเพื่อแสดงรสชาติอร่อยที่สุดของมันฝรั่ง กู้หว่านเยว่ไม่ได้ใช้ครัวอ
“หนานเจียงส่งคนมาแล้ว?”ดวงตาเฟิ่งอู๋ชีเผยแววประหลาดใจ “ส่งใครมาหรือ?”“องค์ชายสามหนานเจียง” กู้หว่านเยว่พูดเฟิ่งอู๋ชีเผยสีหน้าเย้ยหยันตนเอง ก้มหน้าเล่นถ้วยชาบนโต๊ะ“เป็นเฟิ่งหวู่โจวนี่เอง”“เขาน่ะ มีความสัมพันธ์อันดีกับเสด็จพี่ใหญ่ของข้ามากที่สุด”ความเสียใจบนใบหน้าเขาสะท้อนออกอย่างชัดเจน กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงล้วนสามารถรับรู้ได้ ทั้งคู่สบตากันแวบหนึ่งจึงเอ่ยถามไล่เรียง“เฟิ่งอู๋ชี พูดเช่นนี้อาจล่วงเกินท่านอยู่บ้าง แต่ตกลงสถานการณ์ที่หนานเจียงของท่านเป็นเช่นไรกันแน่?”เฟิ่งอู๋ชีเบือนหน้าหนี เขาถูกกระตุ้นให้นึกถึกเรื่องที่เสียใจจึงหลีกเลี่ยงคำถามของทั้งคู่“ข้าบอกพวกท่านได้เพียงว่าน้องสามของข้าท่านนี้ไม่มีอันใดน่ากลัว เขาเป็นสุนัขตัวหนึ่งของเฟิ่งหมิงกวง ขอเพียงพวกท่านจับเฟิ่งหมิงกวงไว้ได้อยู่หมัดก็เท่ากับจับเขาไว้ได้แล้ว”แม้ว่ากู้หว่านเยว่อยากสืบข่าวให้มากยิ่งกว่านี้ แต่เห็นว่าเฟิ่งอู๋ชีถูกพูดแทงใจ นางเองก็ไม่ได้ถามต่อ“ได้ ท่านพักผ่อนดีๆ พวกเราจะมาเยี่ยมท่านใหม่วันหลัง”นางลุกขึ้นบอกลา“น้อมส่งฝ่าบาท น้อมส่งฮองเฮา”เฟิ่งอู๋ชีอยากลุกขึ้นทำความเคารพ กลับถูกกู้หว่านเยว่
“คนที่ส่งมาคือใคร?”“องค์ชายสามของหนานเจียงพ่ะย่ะค่ะ”“องค์ชายสาม?”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันแวบหนึ่ง หนานเจียงไม่ข้องเกี่ยวกับโลกภายนอกมานานหลายปี พวกเขารู้เรื่องหนานเจียงน้อยมาก ย่อมไม่รู้จักองค์ชายสามคนนี้ดังนั้นสองคนจึงตัดสินใจไปสอบถามเฟิ่งอู๋ชีก่อน“ช่วงนี้ร่างกายของเฟิ่งอู๋ชีเป็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่เอ่ยถามชิงเหลียน ช่วงนี้เป็นนางเฝ้าเฟิ่งอู๋ชีอยู่ตลอด“หลังท่านมอบเลือดของเทพเต่าให้เขาแล้ว เขาปรุงสมุนไพรด้วยตนเองจึงดีกว่าแต่ก่อนมากเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่พยักหน้าได้รู้ว่าเลือดเต่าของเฟิ่งอู๋ชีถูกเฟิ่งหมิงกวงขโมยไป กู้หว่านเยว่ก็เข้าไปในมิติปรึกษากับเต่าทะเลยักษ์หนึ่งรอบ หวังว่าจะได้รับเลือดจากตัวมันอีกเล็กน้อยแน่นอน ภายในใจนางนับเต่าทะเลยักษ์เป็นสหายแล้วหากเต่าทะเลยักษ์ไม่ยอม นางย่อมไม่บังคับเต่าทะเลยักษ์ยอมรับกู้หว่านเยว่ในฐานะเจ้านายอย่างมาก ได้รู้ว่ากู้หว่านเยว่ทำเพื่อช่วยสหายของตนก็ยื่นกรงเล็บน้อยๆ ออกไปอย่างไม่ลังเล ให้กู้หว่านเยว่เจาะเลือดหลังกู้หว่านเยว่รับไปแล้วก็รีบไปหาเฟิ่งอู๋ชีและมอบเลือดเต่าทะเลให้เขาหลังจากนั้นเขาก็พักรักษาตัวภายในตำหนักแห่งหน