ชิงเหลียนพูดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพียงกู้หว่านเยว่ได้ยิน ก็แน่ใจยิ่งขึ้นว่าซูจิ่งสิงอยู่ที่วัดเทียนหวัง เกินครึ่งคือถูกเหยลวี่เจิงพบเบาะแส นี่จึงถูกเขาล้อมไว้ที่วัดเทียนหวังเวลารอช้าไม่ได้ กลุ่มคนขึ้นรถม้าโดยตรงพวกชิงเหลียนอยู่ที่เมืองอูถ่านหลายวัน รู้จักสิ่งปลูกสร้างละแวกนี้อย่างชัดเจน เพียงครู่เดียวก็ขับรถม้าพาพวกเขามาหยุดบริเวณห่างจากวัดเทียนหวังไม่ไกล“มีทหารมากเหลือเกิน”กู้หว่านเยว่แหวกผ้าม่านออกกลัวเผยพิรุธ รถม้ามิได้เข้าไป แต่จอดที่ข้างทางอยู่ไกลๆกู้หว่านเยว่หยิบกล้องส่องทางไกลออกจากมิติ มองสถานการณ์ภายนอกของวัดเทียนหวังอยู่ไกลๆ ภายนอกวัดถูกทหารล้อมไว้อย่างแน่นหนา“วัดเทียนหวังเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาของเชื้อพระวงศ์ทูเจวี๋ยพวกเรา อีกทั้งยังเป็นสถานที่แห่งความศรัทธาของคนทูเจวี๋ย วัดเทียนหวังบูรณะ มีนานนับพันปี ภายในวัดมีเส้นทางลับมากมาย เพียงเจดีย์ที่สูงที่สุดของวัดก็มีถึงเก้าชั้น”เสี่ยวถ่านนั่งข้างกายกู้หว่านเยว่ อธิบายกับนาง“ข้าเดา พี่ใหญ่ของพวกเราน่าจะซ่อนอยู่ภายในวัดเทียนหวัง เหยลวี่เจิงกำลังส่งคนมาค้นหาพวกเขา”เพราะวัดเทียนหวังได้รับความศรัทธามาก ดังนั้นเหย
กู้หว่านเยว่เองก็ได้ยินเสียงแล้ว รีบพาเยียนอวิ๋นชูหลบเข้ามิตินางอยู่ภายในมิติมองเห็นทหารหนึ่งหน่วยเดินเข้ามา พูดคุยกันอย่างผ่อนคลาย“หาไม่พบก็ต้องหาอยู่ดี ท่านแม่ทัพออกคำสั่งตายมาแล้ว หากพรุ่งนี้ก่อนอาทิตย์ตกยังหาคนไม่พบ หัวพวกเราทั้งหมดล้วนต้องตกลงพื้น”“ที่นี่หาทั้งภายในภายนอกหนึ่งรอบแล้ว ไม่รู้จะไปหาที่ใดจริงๆ”“ก็มีเพียงเจดีย์เก้าชั้นที่ยังไม่ได้หา ค้นหารอบข้างนี้แล้วพวกเราก็ไปหาที่เจดีย์เก้าชั้น”ภายในวัดเทียนหวังมีเส้นทางลับกลไกมากมาย ยามตามหาต้องเสียแรงมากเห็นว่าทหารหน่วยนั้นพูดพลางเดินออกไปไกลแล้ว กู้หว่านเยว่พาเยียนอวิ๋นชูออกจากมิติ“เจดีย์เก้าชั้น?”เมื่อครู่ยามอยู่ในมิติ กู้หว่านเยว่ให้ระบบส่งมอบแผนที่เจดีย์เก้าชั้นให้นางแล้วขยับมือเพียงเล็กน้อย แผนที่ก็ปรากฏอยู่ในมือนางแล้วสามารถมองเห็นว่าเจดีย์เก้าชั้นอยู่ด้านหลังสุดของวัดเทียนหวัง เจดีย์นี้มีเก้าชั้น ดังนั้นจึงเรียกว่าเจดีย์เก้าชั้นเยียนอวิ๋นชูอธิบายข้างใบหูนาง “เจดีย์เก้าชั้นมีเก้าชั้นตามชื่อ แต่พิเศษคือ ทุกชั้นล้วนไม่มีบันได”“เช่นนั้นจะขึ้นไปเช่นไร?”“ผ่านด่านท้าทาย ทุกชั้นล้วนติดตั้งด่านท้าทายไว้ จาก
ครั้งนี้ข้ากลับอยากเห็น เขายังจะหนีไปจากเงื้อมมือข้าได้เยี่ยงไร”เหยลวี่เจิงออกคำสั่ง ทหารที่ได้รับคำสั่งภายนอกต่างพากันเข้ามา เข้าไปค้นหาภายในเจดีย์เก้าชั้นกลไกของเจดีย์เก้าชั้นมิอาจฝืนทำลายได้ กลับรั้งฝีเท้าของพวกเขาเอาไว้แล้วขณะเดียวกัน บนเจดีย์เก้าชั้นซูจิ่งสิงได้ยินการเคลื่อนไหวข้างล่าง เยียนสือซานที่อยู่ทางด้านข้างเผยสีหน้ารู้สึกผิด“ขออภัยจริงๆ สหาย หากไม่ใช่เพราะข้า เจ้าก็คงไม่ติดอยู่ที่นี่”ที่แท้ สาเหตุที่เยียนสือซานมายังเมืองอูถ่าน ก็เพราะเหยลวี่เจิงบอกเขา เขาพบยาเทวดาที่สามารถรักษาน้องชายเขาได้แล้วสรุปคือหลังมาถึงเมืองอูถ่าน เหยลวี่เจิงกลับแลกเปลี่ยนข้อเสนอกับเขา ให้เขาฆ่าซูจิ่งสิงถึงจะมอบยาเทวดาให้แก่เขาแม้ว่าเยียนสือซานเป็นคนของหอมือสังหาร แต่เขากลับเคยได้ยินเรื่องเจิ้นเป่ยอ๋องซูจิ่งสิงมาก่อน รู้สึกเคารพซูจิ่งสิงอย่างมากดังนั้นจึงปฏิเสธข้อเสนอของเหยลวี่เจิง หวังว่าจะสามารถใช้อย่างอื่นแลกเปลี่ยนได้ใครรู้เล่าว่าเหยลวี่เจิงเผยท่าทีตกลง แต่ภายในใจถึงขั้นกักบริเวณเขาไว้ที่จวนแม่ทัพเยียนสือซานเป็นคนเช่นไร องครักษ์ลับเหล่านั้นจะสามารถขวางเขาไว้ได้หรือ?ชั่วขณ
“เจ้าไม่ทิ้งข้า เจ้าโง่ไปแล้วกระมัง หรือเจ้าคิดจะตายไปด้วยกันกับข้าที่นี่?”เยียนสือซานเป็นคนตรงไปตรงมาคนหนึ่ง โบกมือ“สหายเจ้าอย่าใช้อุบายขั้นสูงนี้กับข้าเลย เจ้าและข้าเพียงบังเอิญพบกันเท่านั้น เจ้าสามารถช่วยส่งจดหมายให้น้องรองข้าได้ ยังสามารถช่วยชีวิตข้าจากผู้อยู่ใต้อาณัติเหยลวี่เจิงได้ ข้าเยียนสือซานซาบซึ้งใจต่อเจ้ามากแล้ว”เขาพูดออกมาใบหน้าภาคภูมิใจ“ข้าเยียนสือซานชาตินี้นอกจากน้องรอง ก็ไม่เคยผูกสัมพันธ์เป็นพี่น้องกับคนอื่นอีกช่างน่าเสียดายโดยแท้ หากข้าสามารถมีชีวิตรอดออกไปได้ จะต้องสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้าแน่ร่ำสุรา กินเนื้อเพลิดเพลินอย่างเต็มที่!”เขาและซูจิ่งสิงมีความรู้สึกเสียดายที่ได้พบกันช้าไป แม้ว่าซูจิ่งสิงคนนี้ประหยัดถ้อยคำอย่างมาก แต่มองปราดเดียว เยียนสือซานก็รู้ อีกฝ่ายเป็นคนพวกเดียวกับตน“พวกเราจะต้องได้มีวันสาบานเป็นพี่น้องแน่”ซูจิ่งสิงเลิกคิ้วขึ้น เขาเองก็ชอบอุปนิสัยของเยียนสือซานมาก“ช้าก่อน ไปไกลแล้ว ข้าให้เจ้ารีบหนีเอาชีวิตรอด”“ข้า แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยทิ้งพวกพ้อง”ซูจิ่งสิงเอ่ยหนึ่งประโยค ทำเสียจนดวงตาเยียนสือซานสั่นไหว พูดว่าพวกพ้องได้ดีขณะเดียวกัน
“วางใจเถอะ ข้าไม่มีวันเป็นอะไร”กู้หว่านเยว่เอ่ยปลอบหนึ่งประโยค ขณะเดียวกันการต่อสู้ระหว่างซูจิ่งสิงและทหารทูเจวี๋ยกำลังเข้าสู้ช่วงเวลาดุเดือดแม้ว่าสองคนวิชายุทธ์สูงมาก แต่ทหารทูเจวี๋ยเข้ามามากเกินไป ทั้งคู่เองก็สู้ไม่ไหวเยียนสือซานร้องตะโกนใส่ซูจิ่งสิงอีกครั้ง“สหาย ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร บัดนี้ข้าจะเปิดทางให้เจ้า เจ้ารีบหนีออกไป”ถ่วงเวลาทหารทูเจวี๋ยเหล่านี้ได้ ก็นับว่าได้ตอบแทนบุญคุณซูจิ่งสิงที่ช่วยเขาออกมาจากใต้อาณัติของเหยลวี่เจิงได้แล้ว“ฮ่าๆ พวกเจ้าสองคนไม่ต้องรีบ ไม่ว่าเจ้าหรือซูจิ่งสิง ใครก็หนีเงื้อมมือของข้าไม่พ้น พวกเจ้าสองคนยอมรับความตายที่เจดีย์แห่งนี้ดีๆ เถอะ”เหยลวี่เจิงหัวเราะฮ่าๆ ดังลั่น เยียนสือซานเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งของทำเนียบฟ้า เขาไม่อยากเป็นศัตรูกับเยียนสือซานครั้งนี้เชิญเขามา ก็เพื่อให้เขาช่วยตนฆ่าซูจิ่งสิงใครรู้เขากลับไม่รู้ดีชั่ว ไม่ยอมทำงานให้เขา ย่อมต้องฆ่าให้ตายถึงจะดี“เยียนสือซาน ไม่ต้องกังวล น้องสายเจ้าเองก็อยู่ใต้แม่น้ำเหลือง เจ้าใกล้จะได้ไปพบเขาแล้ว”เหยลวี่เจิงมีความสุขในคราวเคราะห์ของผู้อื่น ขณะเดียวกันเสียงหัวเราะเสนาะใสสายหนึ่งพลันดังข
ร่างกายร้อนผ่าวอยู่บ้างกู้หว่านเยว่ลืมตาขึ้นมา พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงแกะสลักขนาดใหญ่ มีกลิ่นอายโบราณหลังหนึ่ง ข้างเตียงมีชายสวมชุดแต่งงานนั่งอยู่หนึ่งคนนี่คงฝันไปใช่ไหม แต่เหตุใดเหมือนจริงถึงเพียงนี้?นางเบือนหน้ามองฝ่ายชายฝ่ายชายผิวพรรณขาวดุจหยก ใบหน้าหล่อเหลางดงาม มองแวบเดียวก็ทำให้คนจมดิ่งสู่ภวังค์อย่างยากจะหักห้ามใจ เพียงแต่สีหน้าของเขาเย็นชาเกินไป สุ้มเสียงเองก็ไร้อารมณ์เสียนี่กระไร“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากแต่งกับข้า พระบรมราชโองการยากจะฝ่าฝืน หากเจ้าไม่ยินยอม...”“ข้ายินยอม ข้ายินยอม!”ชายหนุ่มรูปงามหาใครเทียบได้เช่นนี้ นางครองโสดมายี่สิบกว่าปีไม่เคยได้พบพานมาก่อน ไฉนเลยจะไม่ยินยอมกันเล่า!กู้หว่านเยว่พยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจสีหน้าตกตะลึงของฝ่ายชาย ยื่นมือออกไปเกี่ยวเข็มขัดโผเข้าหาอ้อมอกของเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง อ้า หอมยิ่งนัก กลิ่นหอมเย็นของชายหนุ่มรูปงามเห็นได้ชัดว่านี่คือครั้งแรกของฝ่ายชาย ทีแรกยังคิดปฏิเสธ แต่กลับไม่อาจต้านทานเสียงที่ดังออดอ้อนออเซาะขึ้นมาของนางได้ สติค่อยๆ เลือนรางไป ทว่า ครู่เดียวก็ทำเอากู้หว่านเยว่วิญญาณหลุดลอยทั้งสองเกี
“ฝ่าบาทมีรับสั่ง เจิ้นเป่ยอ๋องซูจิ่งสิงคิดก่อกบฏ หลักฐานชัดเจน!”“นับแต่นี้ไปปลดออกจากตำแหน่ง เป็นสามัญชน ยึดทรัพย์เนรเทศไปยังหนิงกู่ถ่า ผู้ใดกล้าฝ่าฝืน ฆ่าได้ไม่ละเว้น!”ฮูหยินผู้เฒ่าทุบอกกระทืบเท้า “สกุลซูของข้าซื่อสัตย์ภักดี ไฉนเลยจะก่อกบฏได้?”หัวหน้าหน่วยยึดทรัพย์เจียงเต๋อจื้อสบถเสียงเย็น “ฝ่าบาทมีพระกระแสรับสั่งออกจากพระโอษฐ์ของพระองค์เอง เจ้ากำลังกล่าวหาว่าฝ่าบาท ทรงวินิจฉัยผิดพลาดงั้นหรือ?”ทุกคนไม่กล้าโวยวายอีก กอดกันร่ำไห้โอดครวญทหารหลวงหลั่งไหลเข้ามา ถีบเปิดประตูเรือน ทุบทำลายข้าวของทั่วทุกสารทิศคล้ายโจรก็มิปาน ไม่ว่าที่ผ่านมาเจ้ามีตำแหน่งสูงส่งเยี่ยงไร หากถูกลงโทษยึดทรัพย์ นั่นก็คือคนต่ำต้อยมองภาพวุ่นวายภายในจวนอ๋อง ฮูหยินผู้เฒ่าคิดห้าม แต่กลับถูกเจียงเต๋อจื้อผลักล้มลงกับพื้น กระดูกของหญิงชราเกือบหักถัดมา เจียงเต๋อจื้อหรี่ตามองทางญาติฝ่ายหญิงของจวนอ๋อง“เพื่อป้องกันมิให้พวกเจ้านำทรัพย์สินส่วนตัวออกไป ญาติฝ่ายหญิงทั้งหมดต้องเปลื้องผ้าตั้งแต่ใต้สะดือลงมาเพื่อตรวจสอบหนึ่งรอบ!”“ไม่ได้!”สีหน้าเหล่าญาติฝ่ายหญิงทั้งโกรธทั้งอายฮูหยินผู้เฒ่าก่นด่าออกมา “เจียงเต๋อจื
“กบฏ ไม่ตายดี!”“สมรู้ร่วมคิดกับทูเจวี๋ย คลอดลูกชายไม่สมประกอบ!”ซูจิ่งสิงนอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่บนกระดานเกวียน รับก้อนหิน มูลแพะและผักเน่าที่โยนเข้ามาทุกทิศทาง...ยามรบชนะกลับมา เขาคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องแคว้น ราษฎรล้วนโห่ร้องแสดงความยินดีบัดนี้เขาถูกใส่ร้ายข้อหากบฏ ไม่เพียงไม่มีคนขอความเป็นธรรมแทนเขา ทุกคนยังร้องตะโกนใส่ กลายเป็นคนบาปที่ทุกคนตราหน้าหันมองไปที่คนอื่น ๆ ของสกุลซู แต่ละคนเกือบซุกหน้าลงบนบ่าแล้วฮูหยินผู้เฒ่าร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง “เวรกรรม สกุลซูของข้าตกต่ำถึงขั้นนี้เชียวหรือ...”นายท่านบ้านรองซูหัวหลินอดตำหนิไม่ได้ “ล้วนต้องตำหนิจิ่งสิง อยู่ดีๆ ก็คิดไม่ตก ไปสมรู้ร่วมคิดกับกบฏขายบ้านเมือง ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ทั้งครอบครัวล้วนต้องเดือนร้อนเพราะเขา ข้าเป็นคนรักศักดิ์ศรีที่สุด ถูกราษฎรกลุ่มนี้สบถด่า หน้าก็ไม่กล้าเงยขึ้นมาแล้ว ภายภาคหน้าจะใช้ชีวิตเยี่ยงไร!”นับตั้งแต่ยึดทรัพย์จนถึงตอนนี้ เริ่มแรกทุกคนยังงุนงง จนถึงตอนนี้แต่ละคนก็เกิดความคิดขึ้นมาแล้ว มีทั้งคนเชื่อว่าซูจิ่งสิงมิได้ก่อกบฏ และมีคนที่ไม่เชื่อ นายท่านรองเป็นคนแรกที่มิอาจอดกลั้นบ้านอื่นสบตากันแวบ
“วางใจเถอะ ข้าไม่มีวันเป็นอะไร”กู้หว่านเยว่เอ่ยปลอบหนึ่งประโยค ขณะเดียวกันการต่อสู้ระหว่างซูจิ่งสิงและทหารทูเจวี๋ยกำลังเข้าสู้ช่วงเวลาดุเดือดแม้ว่าสองคนวิชายุทธ์สูงมาก แต่ทหารทูเจวี๋ยเข้ามามากเกินไป ทั้งคู่เองก็สู้ไม่ไหวเยียนสือซานร้องตะโกนใส่ซูจิ่งสิงอีกครั้ง“สหาย ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร บัดนี้ข้าจะเปิดทางให้เจ้า เจ้ารีบหนีออกไป”ถ่วงเวลาทหารทูเจวี๋ยเหล่านี้ได้ ก็นับว่าได้ตอบแทนบุญคุณซูจิ่งสิงที่ช่วยเขาออกมาจากใต้อาณัติของเหยลวี่เจิงได้แล้ว“ฮ่าๆ พวกเจ้าสองคนไม่ต้องรีบ ไม่ว่าเจ้าหรือซูจิ่งสิง ใครก็หนีเงื้อมมือของข้าไม่พ้น พวกเจ้าสองคนยอมรับความตายที่เจดีย์แห่งนี้ดีๆ เถอะ”เหยลวี่เจิงหัวเราะฮ่าๆ ดังลั่น เยียนสือซานเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งของทำเนียบฟ้า เขาไม่อยากเป็นศัตรูกับเยียนสือซานครั้งนี้เชิญเขามา ก็เพื่อให้เขาช่วยตนฆ่าซูจิ่งสิงใครรู้เขากลับไม่รู้ดีชั่ว ไม่ยอมทำงานให้เขา ย่อมต้องฆ่าให้ตายถึงจะดี“เยียนสือซาน ไม่ต้องกังวล น้องสายเจ้าเองก็อยู่ใต้แม่น้ำเหลือง เจ้าใกล้จะได้ไปพบเขาแล้ว”เหยลวี่เจิงมีความสุขในคราวเคราะห์ของผู้อื่น ขณะเดียวกันเสียงหัวเราะเสนาะใสสายหนึ่งพลันดังข
“เจ้าไม่ทิ้งข้า เจ้าโง่ไปแล้วกระมัง หรือเจ้าคิดจะตายไปด้วยกันกับข้าที่นี่?”เยียนสือซานเป็นคนตรงไปตรงมาคนหนึ่ง โบกมือ“สหายเจ้าอย่าใช้อุบายขั้นสูงนี้กับข้าเลย เจ้าและข้าเพียงบังเอิญพบกันเท่านั้น เจ้าสามารถช่วยส่งจดหมายให้น้องรองข้าได้ ยังสามารถช่วยชีวิตข้าจากผู้อยู่ใต้อาณัติเหยลวี่เจิงได้ ข้าเยียนสือซานซาบซึ้งใจต่อเจ้ามากแล้ว”เขาพูดออกมาใบหน้าภาคภูมิใจ“ข้าเยียนสือซานชาตินี้นอกจากน้องรอง ก็ไม่เคยผูกสัมพันธ์เป็นพี่น้องกับคนอื่นอีกช่างน่าเสียดายโดยแท้ หากข้าสามารถมีชีวิตรอดออกไปได้ จะต้องสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้าแน่ร่ำสุรา กินเนื้อเพลิดเพลินอย่างเต็มที่!”เขาและซูจิ่งสิงมีความรู้สึกเสียดายที่ได้พบกันช้าไป แม้ว่าซูจิ่งสิงคนนี้ประหยัดถ้อยคำอย่างมาก แต่มองปราดเดียว เยียนสือซานก็รู้ อีกฝ่ายเป็นคนพวกเดียวกับตน“พวกเราจะต้องได้มีวันสาบานเป็นพี่น้องแน่”ซูจิ่งสิงเลิกคิ้วขึ้น เขาเองก็ชอบอุปนิสัยของเยียนสือซานมาก“ช้าก่อน ไปไกลแล้ว ข้าให้เจ้ารีบหนีเอาชีวิตรอด”“ข้า แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยทิ้งพวกพ้อง”ซูจิ่งสิงเอ่ยหนึ่งประโยค ทำเสียจนดวงตาเยียนสือซานสั่นไหว พูดว่าพวกพ้องได้ดีขณะเดียวกัน
ครั้งนี้ข้ากลับอยากเห็น เขายังจะหนีไปจากเงื้อมมือข้าได้เยี่ยงไร”เหยลวี่เจิงออกคำสั่ง ทหารที่ได้รับคำสั่งภายนอกต่างพากันเข้ามา เข้าไปค้นหาภายในเจดีย์เก้าชั้นกลไกของเจดีย์เก้าชั้นมิอาจฝืนทำลายได้ กลับรั้งฝีเท้าของพวกเขาเอาไว้แล้วขณะเดียวกัน บนเจดีย์เก้าชั้นซูจิ่งสิงได้ยินการเคลื่อนไหวข้างล่าง เยียนสือซานที่อยู่ทางด้านข้างเผยสีหน้ารู้สึกผิด“ขออภัยจริงๆ สหาย หากไม่ใช่เพราะข้า เจ้าก็คงไม่ติดอยู่ที่นี่”ที่แท้ สาเหตุที่เยียนสือซานมายังเมืองอูถ่าน ก็เพราะเหยลวี่เจิงบอกเขา เขาพบยาเทวดาที่สามารถรักษาน้องชายเขาได้แล้วสรุปคือหลังมาถึงเมืองอูถ่าน เหยลวี่เจิงกลับแลกเปลี่ยนข้อเสนอกับเขา ให้เขาฆ่าซูจิ่งสิงถึงจะมอบยาเทวดาให้แก่เขาแม้ว่าเยียนสือซานเป็นคนของหอมือสังหาร แต่เขากลับเคยได้ยินเรื่องเจิ้นเป่ยอ๋องซูจิ่งสิงมาก่อน รู้สึกเคารพซูจิ่งสิงอย่างมากดังนั้นจึงปฏิเสธข้อเสนอของเหยลวี่เจิง หวังว่าจะสามารถใช้อย่างอื่นแลกเปลี่ยนได้ใครรู้เล่าว่าเหยลวี่เจิงเผยท่าทีตกลง แต่ภายในใจถึงขั้นกักบริเวณเขาไว้ที่จวนแม่ทัพเยียนสือซานเป็นคนเช่นไร องครักษ์ลับเหล่านั้นจะสามารถขวางเขาไว้ได้หรือ?ชั่วขณ
กู้หว่านเยว่เองก็ได้ยินเสียงแล้ว รีบพาเยียนอวิ๋นชูหลบเข้ามิตินางอยู่ภายในมิติมองเห็นทหารหนึ่งหน่วยเดินเข้ามา พูดคุยกันอย่างผ่อนคลาย“หาไม่พบก็ต้องหาอยู่ดี ท่านแม่ทัพออกคำสั่งตายมาแล้ว หากพรุ่งนี้ก่อนอาทิตย์ตกยังหาคนไม่พบ หัวพวกเราทั้งหมดล้วนต้องตกลงพื้น”“ที่นี่หาทั้งภายในภายนอกหนึ่งรอบแล้ว ไม่รู้จะไปหาที่ใดจริงๆ”“ก็มีเพียงเจดีย์เก้าชั้นที่ยังไม่ได้หา ค้นหารอบข้างนี้แล้วพวกเราก็ไปหาที่เจดีย์เก้าชั้น”ภายในวัดเทียนหวังมีเส้นทางลับกลไกมากมาย ยามตามหาต้องเสียแรงมากเห็นว่าทหารหน่วยนั้นพูดพลางเดินออกไปไกลแล้ว กู้หว่านเยว่พาเยียนอวิ๋นชูออกจากมิติ“เจดีย์เก้าชั้น?”เมื่อครู่ยามอยู่ในมิติ กู้หว่านเยว่ให้ระบบส่งมอบแผนที่เจดีย์เก้าชั้นให้นางแล้วขยับมือเพียงเล็กน้อย แผนที่ก็ปรากฏอยู่ในมือนางแล้วสามารถมองเห็นว่าเจดีย์เก้าชั้นอยู่ด้านหลังสุดของวัดเทียนหวัง เจดีย์นี้มีเก้าชั้น ดังนั้นจึงเรียกว่าเจดีย์เก้าชั้นเยียนอวิ๋นชูอธิบายข้างใบหูนาง “เจดีย์เก้าชั้นมีเก้าชั้นตามชื่อ แต่พิเศษคือ ทุกชั้นล้วนไม่มีบันได”“เช่นนั้นจะขึ้นไปเช่นไร?”“ผ่านด่านท้าทาย ทุกชั้นล้วนติดตั้งด่านท้าทายไว้ จาก
ชิงเหลียนพูดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพียงกู้หว่านเยว่ได้ยิน ก็แน่ใจยิ่งขึ้นว่าซูจิ่งสิงอยู่ที่วัดเทียนหวัง เกินครึ่งคือถูกเหยลวี่เจิงพบเบาะแส นี่จึงถูกเขาล้อมไว้ที่วัดเทียนหวังเวลารอช้าไม่ได้ กลุ่มคนขึ้นรถม้าโดยตรงพวกชิงเหลียนอยู่ที่เมืองอูถ่านหลายวัน รู้จักสิ่งปลูกสร้างละแวกนี้อย่างชัดเจน เพียงครู่เดียวก็ขับรถม้าพาพวกเขามาหยุดบริเวณห่างจากวัดเทียนหวังไม่ไกล“มีทหารมากเหลือเกิน”กู้หว่านเยว่แหวกผ้าม่านออกกลัวเผยพิรุธ รถม้ามิได้เข้าไป แต่จอดที่ข้างทางอยู่ไกลๆกู้หว่านเยว่หยิบกล้องส่องทางไกลออกจากมิติ มองสถานการณ์ภายนอกของวัดเทียนหวังอยู่ไกลๆ ภายนอกวัดถูกทหารล้อมไว้อย่างแน่นหนา“วัดเทียนหวังเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาของเชื้อพระวงศ์ทูเจวี๋ยพวกเรา อีกทั้งยังเป็นสถานที่แห่งความศรัทธาของคนทูเจวี๋ย วัดเทียนหวังบูรณะ มีนานนับพันปี ภายในวัดมีเส้นทางลับมากมาย เพียงเจดีย์ที่สูงที่สุดของวัดก็มีถึงเก้าชั้น”เสี่ยวถ่านนั่งข้างกายกู้หว่านเยว่ อธิบายกับนาง“ข้าเดา พี่ใหญ่ของพวกเราน่าจะซ่อนอยู่ภายในวัดเทียนหวัง เหยลวี่เจิงกำลังส่งคนมาค้นหาพวกเขา”เพราะวัดเทียนหวังได้รับความศรัทธามาก ดังนั้นเหย
“ไม่ได้”กู้หว่านเยว่ห้ามนางไว้ “เจ้าอยากพาตนเองไปตกหลุมพรางหรือ?”หากวังหลวงถูกเหยลวี่เจิงควบคุมไว้แล้วจริง เช่นนั้นหากเสี่ยวถ่านเข้าไป ก็คือแกะเข้าปากเสือ“พี่หญิงกู้ เช่นนั้นข้าจะทำเช่นไร?”ขอบตาเสี่ยวถ่านแดงเรื่อ พูดไปแล้วนางเองก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงอายุเก้าขวบ จิตใจแข็งแกร่งอย่างมาก“รอก่อน”กู้หว่านเยว่ลูบเส้นผมเสี่ยวถ่าน ย่อตัวลงในระนาบเดียวกันกับนาง“รอพวกเราเข้าใจสถานการณ์เมืองอูถ่านก่อน ค่อยวางแผนระยะนี้เจ้าอยู่ที่โรงเตี๊ยม ห้ามมิให้ไปที่ใด ทั้งยังห้ามเปิดเผยฐานะเป็นอันขาด”เสี่ยวถ่านจับชายเสื้อไว้อย่างเจ็บปวด นางอยากเหินบินไปที่วังหลวงมากเหลือเกินแต่มองเห็นสายตากู้หว่านเยว่แล้ว นางรู้พี่หญิงกู้พูดได้ไม่ผิด“ข้ารู้แล้ว”“เด็กดี”กู้หว่านเยว่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เสี่ยวถ่านได้ฟังคำพูดนางแล้ว นี่ทำให้นางลดปัญหาไปได้ไม่น้อย“เดิมทีคิดว่ามาถึงเมืองอูถ่าน ข้าก็สามารถเข้าวังไปพบเสด็จพ่อได้ บัดนี้ต้องรบกวนพี่หญิงกู้ให้ดูแลข้าอีกด้วย”เสี่ยวถ่านรู้สึกผิด พี่หญิงกู้และนางพบกันโดยบังเอิญ ไม่เพียงช่วยชีวิตนางไว้ ยังพานางมาถึงเมืองอูถ่านอย่างปลอดภัยแต่นางไม่เพียงไม่สามารถ
“ในเมื่อเป็นคนของเจ้า เช่นนั้นก็ไม่ต้องกังวล ข้าอยู่ที่เมืองอูถ่านก็ไม่มีคนรู้จัก แทนที่จะไปหาโรงเตี๊ยมใหม่อีกครั้ง มิสู้ไปพร้อมกับเจ้า”กู้หว่านเยว่เองก็คิดเช่นนี้ บัดนี้ไม่แน่ว่าซูจิ่งสิงและเยียนสือซานอาจอยู่ด้วยกัน เช่นนั้น นางและเยียนอวิ๋นชูอยู่ด้วยกันก็ไม่มีอันใดผิดถึงตอนนั้นก็ให้ซูจิ่งสิงพาเยียนสือซานมาหา พวกเขาเองก็ไม่จำเป็นต้องเสียแรงออกไปตามหาเบาะแสของเยียนอวิ๋นชูอีกยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่กู้หว่านเยว่คิดมาก นางมักคิดว่าด้วยอุปนิสัยเจ้าเล่ห์ของเหยลวี่เจิง ไม่แน่ว่าอาจลงมือกับเยียนอวิ๋นชูได้ทุกเมื่อ ดังนั้นคนผู้นี้อยู่ข้างกายนางย่อมปลอดภัยที่สุดหลังสองคนปรึกษากันดีแล้ว ก็ให้ชิงเหลียนขับรถม้าออกเดินทางในทันที มุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมหลังเวลาผ่านไปราวครึ่งถ้วยชา รถม้าก็มาถึงโรงเตี๊ยมกู้หว่านเยว่รอคนลงจากรถม้า เข้าไปภายในโรงเตี๊ยม เหตุเพราะห้องพักถูกจองไว้ตั้งนานแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงขึ้นไปบนชั้นสองเลยก็พอ ไม่จำเป็นต้องทักทายปราศรัยกับเสี่ยวเอ้อร์มองออกว่าต่อจากนี้กู้หว่านเยว่ยังมีธุระให้จัดการ ดังนั้นเยียนอวิ๋นชูจึงเลือกไม่รบกวน แต่กลับเข้าห้องของตนอย่างรู้ความหลังกู้หว่า
เสี่ยวถ่านรีบพยักหน้า ตลอดทางมานี้นางฝ่าฟันอันตรายทั้งหมดมา เบื้องหน้าก็คือเมืองอูถ่าน นางใกล้จะได้พบหน้าเสด็จพ่อแล้วนางรู้บัดนี้มิใช่เวลาทำตัวน่ารำคาญ ดังนั้นจึงรีบเช็ดน้ำตา“รีบเข้าไปเถอะ หลังฟ้ามืด ประตูเมืองก็จะปิดแล้ว”คนเหล่านั้นมาถึงเมืองอูถ่าน อีกครึ่งชั่วยาม ประตูเมืองก็จะปิดลงพวกเขาจะต้องเข้าเมืองอูถ่านก่อนประตูปิด หาไม่แล้วก็ทำได้เพียงนอนกลางดินกินกลางทรายอยู่ภายนอก“ไป”กู้หว่านเยว่รีบพาคนเหล่านั้นไปเข้าแถวเสี่ยวถ่านเข้าออกเมืองอูถ่านหลายครั้ง รู้ว่าต้องประจบเอาใจทหารรักษาการณ์เยี่ยงไรเพียงสามคำสองประโยค ก็พาพวกเขาลอบเข้าเมืองอูถ่านได้หลังเข้าเมืองอูถ่านแล้ว กู้หว่านเยว่กลับไปนั่งรถม้าอีกครั้ง มองบ้านเรือนสองข้างทางบ้านเรือนเหล่านี้พื้นฐานล้วนคือบ้านหินเตี้ยๆ สายตาทอดมองไป สองข้างทางมีร้านรวงไม่น้อย กำลังวางขายของเมืองอูถ่านเทียบกับคูเมืองอื่นของทูเจวี๋ย ล้วนเงียบสงบ เจริญรุ่งเรืองมองไปแล้วเทียบกับเมืองหลวงของต้าฉี นอกจากการก่อสร้าง กลับไม่มีอันใดแตกต่างสองสามคนเข้าเมืองอูถ่านได้ไม่นาน เงาร่างสายหนึ่งก็ขวางรถม้าไว้“คุณชาย”เสียงคุ้นหูพลันดังขึ้นจากภ
“ผ่อนคลายไปทั้งตัว”เยียนอวิ๋นชูยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า แม้ว่าตอนนี้เขายังเดินเหมือนคนปกติไม่ได้ แต่ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายรู้สึกสบายตัวขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่ถูกพิษ ไม่รู้สึกกระสับกระส่ายและกดดันอีกต่อไป แม้แต่จิตใจก็ยังเบิกบานขึ้นมาก“ดี เดี๋ยวข้าจะเขียนใบสั่งยาเพื่อบำรุงร่างกายให้ท่าน”หลังจากตื่นแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เป็นห่วงความปลอดภัยของซูจิ่งสิงเขามุ่งหน้าไปส่งจดหมายที่เมืองอูถ่านตามลำพัง และไม่รู้ว่าได้พบกับเยียนสือซานหรือไม่เช่นเดียวกับกู้หว่านเยว่ เยียนอวิ๋นชูก็เป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ชายของตัวเองเช่นกัน กลัวว่าเขาจะตกหลุมพรางของเหยลวี่เจิงทั้งสองตัดสินใจทันทีว่าจะรับประทานอาหารกลางวันบนรถม้า ตอนนี้พวกเขาจะไปเก็บสัมภาระ มุ่งหน้าไปยังเมืองอูถ่านทันที“ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ใหญ่จะเป็นอย่างไรบ้าง”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเป็นกังวล เสี่ยวถ่านจับจ้องไปที่ใบหน้าที่หล่อเหลาจนทั่วหล้าต้องขุ่นเคืองของเขา พลางถามอย่างอ่อนแรง“พี่รอง ควรอำพรางตัวให้พี่รองเยียนด้วยหรือไม่?ท่านดูสิเขาหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ ออกไปเดินบนท้องถนนต้องดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายเป็นแน่ ทัน