ฉินกงกงกลับตกตะลึงพรึงเพริด สบมองสองสามีภรรยาอย่างตกใจ โดยเฉพาะหลังได้เห็นซูจิ่งสิงแล้ว กลับยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกกลัว“พวก พวกท่าน” ขาสองข้างเริ่มสั่น เป็นไปได้เยี่ยงไร?ยังดีแต่ไหนแต่ไรมาท่านหญิงใจดีมีเมตตา ก็แค่เอาแต่ใจไปบ้าง เมื่อครู่มิได้ฝืนบังคับ เพียงแต่ล้อมรถม้าของพวกเขาไว้ พูดอวดเบ่งเท่านั้นหาไม่แล้ว บัดนี้ศพของพวกเขาคงเย็นไปแล้ว“ฉินกงกง เหตุใดขาของเจ้าจึงสั่นเล่า?”มู่หรงฉางเล่อเอียงศีรษะ กู้หว่านเยว่แสยะยิ้ม“บะ บ่าวไม่เป็นไร” ฉินกงกงปาดเหงื่อ สองคนมิได้เป็นฝ่ายเปิดเผยฐานะก่อน เขาเองก็ไม่กล้าพูดเหลวไหลต่อหน้าพวกเขา“เจ้าไปพักก่อนเถอะ พวกเราไปล่ะ”กู้หว่านเยว่กลับมาที่รถม้าของตน ซูจิ่งสิงครุ่นคิด หยิบพู่กันเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ สั่งฉู่เฟิงมอบให้ท่านหญิงฉางเล่อ“บอกท่านหญิงฉางเล่อ จะต้องมอบจดหมายฉบับนี้ถึงมือองค์หญิงใหญ่”ซูจิ่งสิงกำชับ ฉู่เฟิงรีบพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง หยิบจดหมายเร่งจากไปเขากลับไม่กังวลท่านหญิงฉางเล่อจะเปิดอ่านจดหมาย อย่างไรเสียฉินกงกงก็รู้ฐานะของพวกเขา จะต้องห้ามไว้แน่“ท่านพูดอะไรกับองค์หญิงใหญ่หรือ?”กู้หว่านเยว่เห็นสีหน้าเขาเศร้าหมองเล็กน้อย ซู
“สวรรค์คุ้มครอง ยังดีเมื่อครู่พวกเรามิได้ลงมือ หาไม่แล้วบัดนี้ศีรษะคงกลิ้งเกลื่อนพื้นไปแล้ว”“เจ้าพูดว่าเจิ้นเป่ยอ๋อง คือเจิ้นเป่ยอ๋องที่กำหนดเขตแดนทูเจวี๋ยท่านนั้นน่ะหรือ?”มู่หรงฉางเล่อเพียงแค่ไม่ใส่ใจเรื่องในราชสำนัก แต่มิใช่ไม่รู้เรื่องเหล่านั้นเลย โดยเฉพาะซูจิ่งสิงมีชื่อเสียงโด่งดังถึงเพียงนั้น มากน้อยอย่างไรนางก็ยังเคยได้ยินมาบ้าง“สตรีคนเมื่อครู่ก็คือภรรยาของเขา ข้าก็พูดแล้วพี่หญิงกู้มองดูแล้วไม่คล้ายคนธรรมดา คิดไม่ถึงเลยว่าถึงขั้นมีที่มาที่ไปเช่นนี้”มู่หรงฉางเล่อจึงวางใจลงแล้ว นางเก็บยาฟื้นคืนจิตวิญญาณไว้ในอ้อมอกอย่างระมัดระวัง“ดีเหลือเกิน ท่านแม่มีทางรักษาแล้ว...”ทางฝั่งนี้กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเดินทางไม่หยุดพักมุ่งหน้าไปยังเจดีย์หนิงกู่ ในที่สุดหลังผ่านไปสิบวันก็มาถึงเขตแดนของเจดีย์หนิงกู่ตลอดการเดินทาง เซี่ยเหอยังหน้าหนาตามหลังพวกเขาเดิมทีเฉิงเซวียนคร้านจะสนใจพวกเขา สรุปคือไม่รู้เซี่ยเหอพูดอะไร เขาจึงกลับไปที่รถม้าของพวกเขาอย่างไม่เต็มใจ“ได้ยินว่าเซี่ยเหอตั้งครรภ์แล้ว”ชิงเหลียนเห็นว่าเนี่ยชิงหลานไม่อยู่ เล่าเรื่องซุบซิบนินทาให้กู้หว่านเยว่ฟัง“หญิงคนนี้มี
ม้าเร็วเดินทางถึงเมืองอวี้ตลอดทางล้วนนั่งบนรถม้า ทำให้กู้หว่านเยว่ทรมานเพียงพอแล้ว“ท่านพี่ ครั้งหน้าพวกเรานั่งเฮลิคอปเตอร์เถอะ”สีหน้านางเขียวเหมือนผัก รู้แต่แรกคงหาข้ออ้างหนึ่ง ไม่ร่วมเดินทางพร้อมกับพวกเนี่ยเติ้ง“กลับจวนแล้วก็แช่น้ำดีๆ เถอะ”ซูจิ่งสิงสงสารมาก นวดเอวที่กำลังปวดชาแทนนาง ขณะเดียวกันก็สั่งรถม้าให้หยุดลง“เจ้ากลับจวนก่อน ข้าจะไปศาลาว่าการสักเที่ยว”จากไปนานถึงเพียงนี้ เรื่องต้องใส่ใจมีมากมาย เขาไม่วางใจ“ท่านรีบไปเถอะ”กู้หว่านเยว่มองส่งเขาลงรถม้า ขณะเดียวกันเนี่ยชิงหลานที่อยู่รถม้าทางด้านข้างก็รีบมาหยุดต่อหน้านาง“พี่หญิงกู้ ข้าไม่ขอตามพวกท่านกลับไปแล้ว”ภายในสายตาเนี่ยชิงหลานเปี่ยมความอาลัยอาวรณ์ เนี่ยเติ้งอธิบาย“ข้ายังมีการค้าเครื่องประดับหยกต้องจัดการอีกหนึ่งชุด บังเอิญจะได้ให้นางไปพร้อมข้า”“รอวันพี่หญิงซ่งแต่งงาน ข้าค่อยมาดื่มสุรามงคล”“ได้”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่ฝืนบังคับ โบกมือบอกลากลับจวนแล้วสรุปคือหน้าประตูจวนว่างเปล่า ไม่มีคนออกมาต้อนรับแปลกยิ่งนัก อิงตามอุปนิสัยของพวกนางหยาง จะต้องมารออยู่ที่หน้าประตูจวนแน่“ฮูหยิน ท่านกลับมาเสียที”หงเจา
กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “ทั้งหมดราบรื่น ท่านพี่อยู่ที่ศาลาว่าการ เย็นหน่อยค่อยกลับมาเจ้าค่ะ”“ราบรื่นก็พอแล้ว”ซูจิ้งเอ่ยปาก แม้ว่าเสียงแหบพร่าอยู่บ้าง กลับทำให้กู้หว่านเยว่ต้องแปลกใจ เขาสามารถพูดได้แล้วซูจิ้งหัวเราะให้กับสายตาตกตะลึงของลูกสะใภ้“ต้องขอบคุณยาของเจ้า บัดนี้สามารถฝืนพูดได้สองสามประโยคแล้ว”“เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ดีใจแทนซูจิ้งจากก้นบึ้งของหัวใจ “จ้านจ้านเล่า?”“แม่นมพาไปนอนกลางวันแล้ว”นางหยางพูดยิ้มๆ ช่วงเวลาที่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงจากไป นางวางเรื่องฟาร์มหมูไว้ที่ฝั่งหนึ่งก่อน ทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแลจ้านจ้านกู้หว่านเยว่อยากไปกอดลูกชายโดยเร็ว กู้หว่านหรูร้องตะโกนทำลายบรรยากาศ“กู้หว่านเยว่?!”นางรู้สึกบิดเบี้ยวภายในก้นบึ้งของหัวใจ คนผู้นี้ถูกเนรเทศมาที่เจดีย์หนิงกู่แล้ว เหตุใดใช้ชีวิตดีเสียยิ่งกว่านาง?ผิวเนียนนุ่มบอบบางเพียงลมพัดก็แตกได้ ทำให้นางริษยา“บังอาจ”ชิงเหลียนตบปากทีหนึ่ง ทำเสียจนใบหน้ากู้หว่านหรูบวมแดง“ชื่อล้ำค่าของพระชายาพวกเราเจ้าสามารถเรียกได้หรือ เจ้าเป็นใครกัน?”นางรู้ตั้งแต่แรกว่าจวนกู้โหวปฏิบัติไม่ดีต่อฮูหยิน จึงตั้งใจแก้แค้นแทนฮูหยินก
“ที่แท้ก็ตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้ว ข้ายังคิดว่าเป็นญาติของพวกเราเสียอีก”นางหยางเยาะหยันออกมาอย่างอดไม่ได้ นางสงสารกู้หว่านเยว่ คนกลุ่มนี้ทำกับกู้หว่านเยว่เช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วต้องได้รับกรรม“มิใช่หรือ ตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้วยังมีหน้ามาขอเงินถึงที่จวนโหวผู้ยิ่งใหญ่เชียวนะ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง”ซูจื่อชิงบังเอิญพาเมี่ยชิงหว่านเดินผ่านประตูเข้ามาจากภายนอกพอดี นี่จึงเยาะหยันพวกเขาผู้อาวุโสสูงสุดหน้าแดงไปถึงหู เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้“ตัดขาดความสัมพันธ์อะไรกัน หว่านหรูนี่เรื่องอะไร?”กู้หว่านหรูหน้าบวมแดง กระซิบอธิบาย “ก่อนหน้านี้เจิ้นเป่ยอ๋องถูกเนรเทศ ท่านพ่อและกู้หว่านเยว่ตัดขาดความสัมพันธ์กันไปแล้ว”นางรีบอธิบาย“ท่านพ่อทำเช่นนี้ ก็เพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของพวกเราตระกูลกู้ตอนนั้นโทษของเจิ้นเป่ยอ๋องคือสมคบคิดศัตรูขายบ้านเมือง หากทำให้พวกเราเดือดร้อน ทั้งตระกูลกู้ก็จะพลอยลำบากไปด้วย เขาเองก็จนใจที่ต้องทำเช่นนี้เจ้าค่ะ”สีหน้าผู้อาวุโสสูงสุดดีขึ้นไม่น้อย “เจ้าพูดเช่นนี้ก็ไม่ผิด”สกุลกู้ทั้งหมดมีหลายร้อยคน ไม่สามารถปล่อยให้ทุกคนเดือดร้อนเพราะกู้หว่านเยว่คนเดียวไ
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านหรูโมโหถลันขึ้นมาจะทำร้ายนาง กลับถูกซูจิ่งสิงเตะกระเด็นออกไป“เด็กๆ โยนพวกเขาออกไป”เขาไม่รักหยกถนอมบุปผาองครักษ์เข้ามาอย่างว่องไว จับคนทั้งสามไว้ หามออกไปภายนอก ผู้อาวุโสสูงสุดอายุมากแล้ว ยังถูกหามไว้บนบ่า หน้าตาศักดิ์ศรีล้วนหมดไปจนสิ้นสองสามคนร้องตะโกนด่าทออย่างอดไม่ได้“กู้หว่านเยว่ เจ้าไม่สามารถทำกับพวกเราเช่นนี้ได้ พวกเราดีชั่วอย่างไรก็เป็นบ้านมารดาของเจ้า”“อย่าคิดว่าตอนนี้ท่านอ๋องปกป้องเจ้า สตรีไม่มีบ้านมารดา รอเจ้าถูกรังเกียจ เจ้าก็ไม่นับเป็นอะไรอีก!”สีหน้าซูจิ่งสิงดำทึบทึม ถึงขั้นทำเช่นนี้ต่อหน้าเขา?“โยนออกไป โยนออกไปยิ่งไกลยิ่งดี”เขาออกคำสั่ง องครักษ์ลงมือว่องไวมากยิ่งขึ้นซูจิ่งสิงกลัวคำพูดของพวกเขาจะเข้ามาอยู่ภายในใจกู้หว่านเยว่ หันหลังกลับไปรับปากอย่างน้อยใจ“น้องหญิง เจ้าวางใจ ชาตินี้ข้าไม่มีวันรังเกียจเจ้า”“ใช่แล้ว” นางหยางรีบจับมือกู้หว่านเยว่ ผินมองซูจิ่งสิงแวบหนึ่ง“หว่านเยว่ หากเขาทำไม่ดีต่อเจ้า พวกเราทั้งครอบครัวไม่มีวันปล่อยเขาไป”“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าจะยืนอยู่ฝั่งท่านแน่”ซูจื่อชิงเองก็รีบพูด ซูจิ้งมีสีหน้าจริงจังเคร่งขรึม
เมื่อคำนวณจากเวลา ท่านอ๋องหกน่าจะพักอยู่ที่เจดีย์หนิงกู่สักระยะหนึ่งแล้ว“ให้พวกเขารอข้าที่ห้องหนังสือ”กู้หว่านเยว่วางจ้านจ้านลง แล้วหอมแก้มของเขาต่อไปไปห้องหนังสือพร้อมซูจิ่งสิง ขณะนี้ท่านอ๋องหกมู่หรงฝูกำลังรออย่างร้อนใจหลังจากได้เห็นกู้หว่านเยว่ มู่หรงฝูจึงโล่งอก“ขอบคุณฟ้าดิน ในที่สุดเจ้าก็มาสักที”กู้หว่านเยว่นำโอสถออกมาเม็ดหนึ่ง “นี่คือยาถอนพิษของยาพิษที่เจ้ากินเข้าไป”มู่หรงฝูรีบรับยาถอนพิษมาทันที แล้วกินเข้าไป จึงได้โล่งอก“โชคดีที่ผู้อาวุโสหมอปีศาจใช้ยาไปหลายครั้ง จึงคุมพิษตัวนี้เอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นชีวิตของข้าน้อยคงรักษาไว้ไม่ได้”เขายิ้มเจื่อน กู้หว่านเยว่รู้สึกกระอักกระอ่วน จึงยิ้มแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา“ร่างกายของไท่เฟยเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเอ่ยถึงไท่เฟย ใบหน้าของมู่หรงฝูยิ้มแย้มกว่าเดิม“หลังท่านแม่กินยาถอนพิษของผลต้นเกล็ดหิมะ พิษในร่างกายหายไปจนหมด ตอนนี้เหมือนคนธรรมดาทั่วไป”สีหน้าเขาตื้นตัน “ข้าน้อยขอให้หมอปีศาจบำรุงร่างกายนางสักระยะ สุขภาพจึงแข็งแรงกว่าเมื่อก่อน อยู่ต่ออีกสักสิบหรือยี่สิบปีก็ไม่น่าจะมีปัญหา”“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”กู้หว่านเยว่รู้สึกโล่
“ขอบคุณมาก พวกเราจะจำข่าวนี้ไว้”ถ่านหินหรือ พวกนางต้องการมากจริงๆกู้หว่านเยว่เองก็ไม่อิดออด นำกระดาษกับพู่กันออกมาให้มู่หรงฝูเขียนข้อมูลที่แน่ชัดของถ่านหินออกมาทันที“งั้นข้าไปก่อนนะ”หลังจากมู่หรงฝูเขียนเสร็จ ก็วางพู่กันลงแล้วจากไปอย่างรู้ตัว“ของสิ่งนี้จะตกอยู่ในมือราชวงศ์ไม่ได้”กู้หว่านเยว่ยื่นกระดาษให้ซูจิ่งสิง ซูจิ่งสิงพยักหน้า“น้องหญิงวางใจเถอะ ข้าจะให้คนไปจัดการเดี๋ยวนี้”เขาจากไปอย่างรวดเร็ว กู้หว่านเยว่กลับรีบออกไปตรวจตราร้านดอกท้อกับบ้านสวนหลังจากแน่ใจว่าทุกอย่างไม่มีสิ่งใดผิดปกติ นางจึงกลับไปในมิติ แล้วจัดเตรียมของขวัญแต่งงานให้ซ่งเสวี่ยต่อไปตอนอาหารเย็น ซ่งเสวี่ยพานานนานมาเยี่ยมนาง โจวเซิงเองก็ตามมาด้วยเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ใบหน้าเขามีความสง่าองอาจเพิ่มขึ้น“ท่านอ๋องล่ะ?”โจวเซิงมองดูหนึ่งรอบ ไม่เห็นซูจิ่งสิงจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หลังจากเขาไม่ดวงซวยอีกแล้ว คิดจะช่วยซูจิ่งสิงทำอะไรบ้าง“ออกไปแล้ว พรุ่งนี้เจ้าค่อยมาหาเขา”กู้หว่านเยว่ยื่นมือมาอุ้มนานนานไป พร้อมหอมแก้มนาง“แม่บุญธรรม! แม่บุญธรรมสวย!” เสียงอ้อแอ้ของนานนานหวานใส มุมปากมีลักยิ้มน้อยหนึ่
“เจ้าเป็นใคร?”เขามองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาเย็นชา และมองออกว่า ตรงหน้าคือสตรีผู้หนึ่งสตรีผู้นี้เป็นใครกัน? เข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?“รีบปล่อยฝ่าบาทเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้น...”แม่ทัพเกาเถียนมองนางด้วยสายตาเยือกเย็น น้ำเสียงเต็มไปด้วยการข่มขู่ เมื่อเขาโกรธ ดวงตาของเขาดูเหมือนมีน้ำแข็งเกาะอยู่ชั้นหนึ่ง ทำให้ผู้คนอดตัวสั่นไม่ได้กู้หว่านเยว่กลับยิ้มอย่างดูถูก ไม่กลัวเขาแม้แต่น้อย“มิเช่นนั้นแล้วจะทำไม? กษัตริย์ทูเจวี๋ยอยู่ในมือข้าวิชาตัวเบาของเจ้าแม้จะรวดเร็วเพียงใด แต่ก็ไม่เร็วเท่ากริชของข้า”กริชเลื่อนไปมาเบา ๆ บนลำคอของกษัตริย์ทูเจวี๋ย กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างสดใสรอยยิ้มนี้ทำให้แม่ทัพเกาเถียนตาพร่าไปชั่วขณะ“อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามทั้งนั้น”กษัตริย์ทูเจวี๋ยหวาดกลัวจริง ๆ เขาตกใจกับการกระทำของกู้หว่านเยว่จนแทบแย่เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังปรากฏตัวต่อหน้าท่านยมบาล!“อย่าทำร้ายฝ่าบาท ข้าจะไม่เข้าไป”ในที่สุดแม่ทัพเกาเถียนก็ยอมจำนนสตรีผู้นี้นิสัยแปลกประหลาด ไม่ทำตามแบบแผน เขาไม่สามารถเสี่ยงได้“เจ้าต้องการอะไร เพียงแค่เจ้าปล่อยฝ่าบาท ข้ายินดีทำให้เจ้าทุกอย่าง”เขาพยา
“เรื่องที่ข้าต้องการจะประกาศนั้น เกี่ยวข้องกับรัชทายาทในอนาคต”กษัตริย์ทูเจวี๋ยกัดฟันกรอด“ข้าได้พบที่อยู่ขององค์หญิงเก้าแล้ว และตั้งใจจะมอบตำแหน่งองค์หญิงรัชทายาทให้แก่องค์หญิงเก้า”เขาแทบจะเอ่ยคำเหล่านี้ออกมาทีละคำ ทีละพยางค์แม้ว่าเขาจะวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะหาโอกาสกล่าวถึงเรื่องการแต่งตั้งรัชทายาทแต่ว่านั่นหมายถึงเด็กที่อยู่ในครรภ์ของพระสนมลี่ทว่าตอนนี้กู้หว่านเยว่ได้ทำลายแผนการของเขาอย่างสิ้นเชิง เด็กที่เขาหมายตาไว้ ไม่สามารถขึ้นเป็นรัชทายาทได้อีกต่อไปแล้วเพื่อความปลอดภัยของพระสนมลี่และลูก เขาจำต้องยอมประนีประนอมดวงตาของกษัตริย์ทูเจวี๋ยเปล่งประกายความคับแค้นใจ“อะไรนะ?”แม่ทัพเกาเถียนถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกษัตริย์ทูเจวี๋ยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ และทันใดนั้นก็เห็นสีหน้าผิดปกติของกษัตริย์ทูเจวี๋ยเข้าพอดี“พบองค์หญิงเก้าแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เขาลังเลเล็กน้อย“แต่ก่อนหน้านี้ ท่านสงสัยว่าราชินีและองค์หญิงเก้าคิดก่อกบฏมิใช่หรือ และท่านยังเนรเทศทุกคนในตระกูลกู่ลี่ไปแล้ว”ดวงตาของแม่ทัพเกาเถียนเปล่งประกายความฉลาดเฉลียว ไม่ถูกต้อง เหตุใดคำพูดของฝ่าบาท
“องค์หญิงเก้าพูดความจริง ท่านเป็นคนเลือกตระกูลกู่ลี่เอง ไปหาพวกเขาเอง พวกเขาไม่ได้เป็นฝ่ายคุกคามท่านก่อน”พระสนมลี่รู้สึกตัวเองนั้นน่าขบขันยิ่งนัก นางยังคิดว่ากษัตริย์ทูเจวี๋ยถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับราชินี ดังนั้นหลังจากที่นางเข้าวัง นางจึงเห็นราชินีเป็นศัตรูมาโดยตลอด และมักจะสร้างความเดือดร้อนให้กับเสี่ยวถ่านและราชินีเสมอมาพอมาคิดดูตอนนี้ ที่แท้นางต่างหาที่น่ารังเกียจ“เรื่องสำคัญขนาดนี้ เหตุใดฝ่าบาทถึงไม่บอกหม่อมฉัน?”พระสนมลี่รู้สึกผิดหวัง กษัตริย์ทูเจวี๋ยไม่กล้ามองตาของนาง“ลี่เอ๋อร์ ข้า ... ข้าไม่อยากทำลายภาพลักษณ์ในใจของเจ้า”“พระองค์ทำให้หม่อมฉันรู้สึกตัวเองเหมือนเป็นตัวตลก”พระสนมลี่มองกษัตริย์ทูเจวี๋ยด้วยความผิดหวังแวบหนึ่ง กษัตริย์ทูเจวี๋ยเป็นห่วงความรู้สึกของนางจริง ๆ ท่าทีดูอ่อนน้อมยิ่งนัก“ลี่เอ๋อร์ ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าผิดหวัง”“สิ่งที่พระองค์ไม่อาจสูญเสียได้ไม่ใช่หม่อมฉัน แต่เป็นอำนาจของพระองค์”พระสนมลี่ส่ายหน้า จู่ ๆ นางก็รู้สึกว่านางไม่รู้จักคนที่อยู่ตรงหน้าเลยสักนิดนางไม่เอ่ยสิ่งใด สีหน้าของกษัตริย์ทูเจวี๋ยเคร่งขรึมลงกู้หว่านเยว่มองพระสนมลี่อย่างสูงส
กู้หว่านเยว่รับมาตรวจดูอีกครั้ง จนมั่นใจว่าเนื้อหาในพระราชโองการนั้นไม่มีข้อผิดพลาด จึงยื่นพระราชโองการนั้นให้เสี่ยวถ่าน“เก็บราชโองการนี้ไว้ให้ดี ๆ ต่อไปเจ้าสามารถใช้ของสิ่งนี้ยืนยันสถานะของเจ้าได้”“ขอบคุณ ท่านอาจารย์”เสี่ยวถ่านรับราชโองการอย่างทะนุถนอม และเก็บไว้ในอกเสื้อ นับตั้งแต่บัดนี้ไป มีเพียงท่านอาจารย์ที่ดีกับนางอย่างจริงใจ“ข้าเขียนราชโองการให้พวกเจ้าไปแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าก็ปล่อยพระสนมลี่กลับตำหนักของนางได้แล้ว”กษัตริย์ทูเจวี๋ยออกคำสั่งอย่างเคยตัว กู้หว่านเยว่หัวเราะเยาะอย่างไม่ไว้หน้า“ใครบอกว่าพวกเราจะปล่อยนางไปตอนนี้”“พวกเจ้ายังคิดจะทำสิ่งใดอีก?”กษัตริย์ทูเจวี๋ยเริ่มหงุดหงิด เขาเขียนพระราชโองการตามคำสั่งของสองคนนี้แล้ว พวกนางยังคิดจะเล่นตุกติกอะไรอีก?“แม้ว่าท่านจะเขียนพระราชโองการแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าขุนพลเกาเถียนจะยอมรับในพระราชโองการนี้”กู้หว่านเยว่ยกยิ้มบาง ๆ นางไม่ได้โง่ พระราชโองการนี้เป็นแค่เครื่องพิสูจน์ให้เสี่ยวถ่านขึ้นครองบัลลังก์ในอนาคตได้ง่ายขึ้นป้องกันไม่ให้นางโดนกล่าวหาในราชสำนักว่าชิงบัลลังก์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหากมีพระราชโองการนี้แ
กู้หว่านเยว่ตัดบทพวกเขาอย่างไร้ความปรานี นางไม่มีทางเห็นใจกษัตริย์ทูเจวี๋ยอย่างแน่นอนแม้ว่าเขาจะแต่งงานกับราชินีทูเจวี๋ยแล้วอย่างไรเล่า เป็นสามีภรรยามานานนับสิบปี นึกจะฆ่าก็ฆ่า ไร้ศีลธรรมยิ่งนัก“ฝ่าบาท พระองค์ห้ามเขียนนะเพคะ”พระสนมลี่ส่ายหน้า “อย่าให้พวกเขาเอาหม่อมฉันมาขู่พระองค์ได้”กษัตริย์ทูเจวี๋ยเกิดความลังเล เขาคิดไว้แล้ว ว่าในอนาคตจะยกบัลลังก์ให้กับบุตรที่อยู่ในครรภ์ของพระสนมลี่ หากร่างพระราชโองการนี้ออกมาจริง ๆ แผนการที่ทำมาทั้งหมดของเขาก็ต้องพังทลายลง“ท่านคิดให้ดี ๆ”กริชของกู้หว่านเยว่ขยับเข้ามาใกล้คอของพระสนมลี่ กระทั่งคมมีดบาดคอของนางจนเลือดไหลซึมความจริงแล้วนางไม่ได้อยากฆ่าพระสนมลี่ ถึงอย่างไรเสียบุตรในครรภ์ของนางก็ยังไร้เดียงสา นางแค่อยากขู่กษัตริย์ทูเจวี๋ยเท่านั้นหากกษัตริย์ทูเจวี๋ยให้ความร่วมมือกับนางอย่างว่าง่าย เรื่องหลังจากนี้ก็จะง่ายมากขึ้นเลือดสีแดงของพระสนมลี่ไหลเปื้อนกริช นางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดกษัตริย์ทูเจวี๋ยแทบใจสลาย “หยุดนะ อย่าทำร้ายนาง”เขามองใบหน้าของพระสนมลี่อย่างรักใคร่ แม้ว่าเขาจะหลงใหลในอำนาจแห่งกษัตริย์ทูเจวี๋ย แต่หากพระสนมลี่แล
“ดูท่าพระสนมลี่ผู้นี้จะเป็นนางในดวงใจของพระองค์นะเพคะ”น้ำเสียงของกู้หว่านเยว่แฝงไปด้วยการข่มขู่ จากนั้นกริชก็ได้พุ่งเข้ามาใส่หน้าของพระสนมลี่พระสนมลี่เป็นคนขี้ขลาด นางกรีดร้องในทันที“ฝ่าบาท ฝ่าบาทช่วยหม่อมฉันด้วย!”“หยุดร้อง หากดึงดูดทหารเข้ามา ข้าจะฆ่าเจ้าเป็นคนแรก”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือน พระสนมลี่ตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือดกษัตริย์ทูเจวี๋ยรีบกล่าว “อย่าทำร้ายนาง พวกเจ้าอย่าทำร้ายนาง นางกำลังตั้งครรภ์!”นัยน์ตาของเขาเปล่งประกาย เสี่ยวถ่านมองท้องของพระสนมลี่อย่างไม่อยากจะเชื่อ“นางกำลังตั้งครรภ์หรือ?”จู่ ๆ นางก็ได้สติกลับมา จากนั้นก็เปิดจดหมายลับที่กู้หว่านเยว่ให้นางเมื่อครู่ หลังจากที่กวาดสายตาอ่านอย่างละเอียดแล้ว สีหน้าก็พลันซีดเผือดลงในทันที“ดังนั้น เสด็จพ่อ เพื่อจะได้เปิดทางให้เด็กในครรภ์ของพระสนมลี่ พระองค์ถึงกับยอมเสียสละชีวิตของลูกและเสด็จแม่หรือเพคะ?”เสี่ยวถ่านจำได้ขึ้นใจพระสนมลี่มีฐานะยากจน ตระกูลฝ่ายมารดาไร้ซึ่งอำนาจเพราะเหตุนี้ แม้ว่านางจะได้ความรักอย่างลึกซึ้งจากเสด็จพ่อ แต่เสด็จแม่กลับไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตา ฐานะที่ต่ำต้อย ต่อให้ได้รับความโปรดปรานเพียง
กษัตริย์ทูเจวี๋ยรู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวกู้หว่านเยว่ตัดนิ้วของเขาอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่กะพริบตานั้น นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำได้ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันนั้น กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะได้ล้วงหยิบพระราชโองการออกมาจากห้วงมิติ แล้วโยนให้กษัตริย์ทูเจวี๋ย“เขียน แต่งตั้งให้องค์หญิงเก้าขึ้นเป็นรัชทายาทแห่งทูเจวี๋ย”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นกษัตริย์ทูเจวี๋ยแทบจะตะโกนออกมาในทันที“ไม่ได้! จะยกราชบัลลังก์ให้นางไม่ได้!”สองคนนี้ต้องการให้เขาเขียนพระราชโองการแต่งตั้งองค์รัชทายาท แล้วออกคำสั่งให้ขุนพลเกาเถียนตกอยู่ภายใต้อำนาจของเสี่ยวถ่าน! เลวทรามยิ่งนัก! เขาไม่มีทางเขียนอย่างแน่นอน!นัยน์ตาของกษัตริย์ทูเจวี๋ยวูบไหว อีกอย่างในใจของเขามีตัวเลือกสำหรับตำแหน่งองค์รักชทายาทแล้วกู้หว่านเยว่เข้าใจความคิดของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง “ท่านคงอยากให้องค์ชายสิบขึ้นเป็นองค์รัชทายาทสินะ?”“เจ้า!” กษัตริย์ทูเจวี๋ยตกใจอย่างมาก นางผู้นี้รู้ได้อย่างไร?“ไม่ใช่!”“ข้าเห็นมันในตอนที่เปิดอ่านจดหมายลับของท่านแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นจดหมายลับหลายฉบับ
หากเปลี่ยนเป็นเหยลวี่เจิง ต่อให้นิ้วจะถูกตัดจนครบทุกนิ้ว เขาก็ไม่มีวันยอมคุกเข่าร้องขอชีวิตอย่างแน่นอนแม้ว่าเขาจะร้ายกาจและฉลาดแกมโกง แต่กลับยังคงเย่อหยิ่งกษัตริย์ทูเจวี๋ยผู้นี้ กลับเป็นคนรักตัวกลัวตายกษัตริย์ทูเจวี๋ยหน้าแดงเถือกเมื่อเห็นสายตาเยาะเย้ยของกู้หว่านเยว่ แต่เขาไม่อยากตาย ทำได้เพียงฝืนหยิบพู่กันที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดภายใต้แววตาที่เปล่งประกาย ซูจิ่งสิงก็พลันกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก“ข้าว่าทางที่ดีที่สุดท่านควรเชื่อฟังดีกว่า หากกล้าเล่นตุกติกกับข้า โกหกพวกเรา ข้าจะทำให้ท่านทรมานยิ่งกว่าตายเป็นพันเท่า”“พวกเจ้า!”กษัตริย์ทูเจวี๋ยกัดฟันกรอด กระทั่งหางตาของเขาเห็นเสี่ยวถ่านไม่ได้สนใจเขา คาดว่าเด็กคนนี้คงจะตัดหางปล่อยวัดเขาไปแล้วเพื่อชีวิตของตัวเอง เขาทำได้แต่เขียนจดหมายอย่างว่าง่าย เพื่อเรียกคนสนิทเข้าวัง“ที่แท้ขุนพลเกาเถียนผู้นี้ก็เป็นคนของท่านนี่เอง”กู้หว่านเยว่หยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน ในตอนที่ได้ยินเสี่ยวถ่านเล่าความเป็นมาของทั้งสี่ตระกูล นางได้ยินชื่อของตระกูลเกาเถียนด้วย“กองกำลังของท่านคงมีไม่น้อย”กู้หว่านเยว่หยิบตราประทับกษัตริย์ออ
สี่ตระกูลนี้ นอกจากตระกูลกู่ลี่ที่โดนเนรเทศแล้ว อีกสามตระกูลที่เหลือ ไม่ว่าจะตระกูลไหนใครก็ล่วงเกินไม่ได้สามตระกูลนี้ล้วนแต่มีองค์ชายที่อยากจะสนับสนุน ดังนั้นเขาไม่มีทางที่ยอมจำนนต่อพวกเขาอย่างแน่นอนเสี่ยวถ่านเดินมาถึงตรงหน้ากู้หว่านเยว่ พลางวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้ของสองสามีภรรยานางเริ่มกังวลหลังจากที่กู้หว่านเยว่ฟังจบ นางกลับคลี่ยิ้มและขยี้ปลายจมูก “ใครบอกว่าทั้งสามตระกูลนี้ เจ้าไม่สามารถใช้ประโยชน์จากตระกูลไหนได้เลย?”“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?”เสี่ยวถ่านยังไม่ได้สติกลับมาแต่ซูจิ่งสิงกลับเข้าใจความหมายของภรรยา จากนั้นก็ส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูสมแล้วที่เป็นภรรยาของเขา และเป็นโจรได้สมบทบาท ชอบปล้นคลังสินค้าของผู้อื่นก็เรื่องหนึ่ง แม้กระทั่งกองกำลังของผู้อื่นที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีนางก็ปล้นชิงไม่มีเหลือ“หากข้าเดาไม่ผิด น้องหญิง เจ้าน่าจะอยากช่วงชิงกองกำลังในมือของกษัตริย์ทูเจวี๋ยมาด้วยสินะ?”ซูจิ่งสิงมองนางด้วยสายตาเปล่งประกาย กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างเก้อเขิน“ตอบถูก แต่ไม่มีรางวัลให้หรอกนะ”ซูจิ่งสิงคลี่ยิ้มพลางพยักหน้า “วิธีนี้ได้ผลแน่นอน อีกอย่างกษัตริย์ทูเจวี๋ยก็อ