ฉินกงกงกลับตกตะลึงพรึงเพริด สบมองสองสามีภรรยาอย่างตกใจ โดยเฉพาะหลังได้เห็นซูจิ่งสิงแล้ว กลับยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกกลัว“พวก พวกท่าน” ขาสองข้างเริ่มสั่น เป็นไปได้เยี่ยงไร?ยังดีแต่ไหนแต่ไรมาท่านหญิงใจดีมีเมตตา ก็แค่เอาแต่ใจไปบ้าง เมื่อครู่มิได้ฝืนบังคับ เพียงแต่ล้อมรถม้าของพวกเขาไว้ พูดอวดเบ่งเท่านั้นหาไม่แล้ว บัดนี้ศพของพวกเขาคงเย็นไปแล้ว“ฉินกงกง เหตุใดขาของเจ้าจึงสั่นเล่า?”มู่หรงฉางเล่อเอียงศีรษะ กู้หว่านเยว่แสยะยิ้ม“บะ บ่าวไม่เป็นไร” ฉินกงกงปาดเหงื่อ สองคนมิได้เป็นฝ่ายเปิดเผยฐานะก่อน เขาเองก็ไม่กล้าพูดเหลวไหลต่อหน้าพวกเขา“เจ้าไปพักก่อนเถอะ พวกเราไปล่ะ”กู้หว่านเยว่กลับมาที่รถม้าของตน ซูจิ่งสิงครุ่นคิด หยิบพู่กันเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ สั่งฉู่เฟิงมอบให้ท่านหญิงฉางเล่อ“บอกท่านหญิงฉางเล่อ จะต้องมอบจดหมายฉบับนี้ถึงมือองค์หญิงใหญ่”ซูจิ่งสิงกำชับ ฉู่เฟิงรีบพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง หยิบจดหมายเร่งจากไปเขากลับไม่กังวลท่านหญิงฉางเล่อจะเปิดอ่านจดหมาย อย่างไรเสียฉินกงกงก็รู้ฐานะของพวกเขา จะต้องห้ามไว้แน่“ท่านพูดอะไรกับองค์หญิงใหญ่หรือ?”กู้หว่านเยว่เห็นสีหน้าเขาเศร้าหมองเล็กน้อย ซู
“สวรรค์คุ้มครอง ยังดีเมื่อครู่พวกเรามิได้ลงมือ หาไม่แล้วบัดนี้ศีรษะคงกลิ้งเกลื่อนพื้นไปแล้ว”“เจ้าพูดว่าเจิ้นเป่ยอ๋อง คือเจิ้นเป่ยอ๋องที่กำหนดเขตแดนทูเจวี๋ยท่านนั้นน่ะหรือ?”มู่หรงฉางเล่อเพียงแค่ไม่ใส่ใจเรื่องในราชสำนัก แต่มิใช่ไม่รู้เรื่องเหล่านั้นเลย โดยเฉพาะซูจิ่งสิงมีชื่อเสียงโด่งดังถึงเพียงนั้น มากน้อยอย่างไรนางก็ยังเคยได้ยินมาบ้าง“สตรีคนเมื่อครู่ก็คือภรรยาของเขา ข้าก็พูดแล้วพี่หญิงกู้มองดูแล้วไม่คล้ายคนธรรมดา คิดไม่ถึงเลยว่าถึงขั้นมีที่มาที่ไปเช่นนี้”มู่หรงฉางเล่อจึงวางใจลงแล้ว นางเก็บยาฟื้นคืนจิตวิญญาณไว้ในอ้อมอกอย่างระมัดระวัง“ดีเหลือเกิน ท่านแม่มีทางรักษาแล้ว...”ทางฝั่งนี้กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเดินทางไม่หยุดพักมุ่งหน้าไปยังเจดีย์หนิงกู่ ในที่สุดหลังผ่านไปสิบวันก็มาถึงเขตแดนของเจดีย์หนิงกู่ตลอดการเดินทาง เซี่ยเหอยังหน้าหนาตามหลังพวกเขาเดิมทีเฉิงเซวียนคร้านจะสนใจพวกเขา สรุปคือไม่รู้เซี่ยเหอพูดอะไร เขาจึงกลับไปที่รถม้าของพวกเขาอย่างไม่เต็มใจ“ได้ยินว่าเซี่ยเหอตั้งครรภ์แล้ว”ชิงเหลียนเห็นว่าเนี่ยชิงหลานไม่อยู่ เล่าเรื่องซุบซิบนินทาให้กู้หว่านเยว่ฟัง“หญิงคนนี้มี
ม้าเร็วเดินทางถึงเมืองอวี้ตลอดทางล้วนนั่งบนรถม้า ทำให้กู้หว่านเยว่ทรมานเพียงพอแล้ว“ท่านพี่ ครั้งหน้าพวกเรานั่งเฮลิคอปเตอร์เถอะ”สีหน้านางเขียวเหมือนผัก รู้แต่แรกคงหาข้ออ้างหนึ่ง ไม่ร่วมเดินทางพร้อมกับพวกเนี่ยเติ้ง“กลับจวนแล้วก็แช่น้ำดีๆ เถอะ”ซูจิ่งสิงสงสารมาก นวดเอวที่กำลังปวดชาแทนนาง ขณะเดียวกันก็สั่งรถม้าให้หยุดลง“เจ้ากลับจวนก่อน ข้าจะไปศาลาว่าการสักเที่ยว”จากไปนานถึงเพียงนี้ เรื่องต้องใส่ใจมีมากมาย เขาไม่วางใจ“ท่านรีบไปเถอะ”กู้หว่านเยว่มองส่งเขาลงรถม้า ขณะเดียวกันเนี่ยชิงหลานที่อยู่รถม้าทางด้านข้างก็รีบมาหยุดต่อหน้านาง“พี่หญิงกู้ ข้าไม่ขอตามพวกท่านกลับไปแล้ว”ภายในสายตาเนี่ยชิงหลานเปี่ยมความอาลัยอาวรณ์ เนี่ยเติ้งอธิบาย“ข้ายังมีการค้าเครื่องประดับหยกต้องจัดการอีกหนึ่งชุด บังเอิญจะได้ให้นางไปพร้อมข้า”“รอวันพี่หญิงซ่งแต่งงาน ข้าค่อยมาดื่มสุรามงคล”“ได้”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่ฝืนบังคับ โบกมือบอกลากลับจวนแล้วสรุปคือหน้าประตูจวนว่างเปล่า ไม่มีคนออกมาต้อนรับแปลกยิ่งนัก อิงตามอุปนิสัยของพวกนางหยาง จะต้องมารออยู่ที่หน้าประตูจวนแน่“ฮูหยิน ท่านกลับมาเสียที”หงเจา
กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “ทั้งหมดราบรื่น ท่านพี่อยู่ที่ศาลาว่าการ เย็นหน่อยค่อยกลับมาเจ้าค่ะ”“ราบรื่นก็พอแล้ว”ซูจิ้งเอ่ยปาก แม้ว่าเสียงแหบพร่าอยู่บ้าง กลับทำให้กู้หว่านเยว่ต้องแปลกใจ เขาสามารถพูดได้แล้วซูจิ้งหัวเราะให้กับสายตาตกตะลึงของลูกสะใภ้“ต้องขอบคุณยาของเจ้า บัดนี้สามารถฝืนพูดได้สองสามประโยคแล้ว”“เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ดีใจแทนซูจิ้งจากก้นบึ้งของหัวใจ “จ้านจ้านเล่า?”“แม่นมพาไปนอนกลางวันแล้ว”นางหยางพูดยิ้มๆ ช่วงเวลาที่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงจากไป นางวางเรื่องฟาร์มหมูไว้ที่ฝั่งหนึ่งก่อน ทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแลจ้านจ้านกู้หว่านเยว่อยากไปกอดลูกชายโดยเร็ว กู้หว่านหรูร้องตะโกนทำลายบรรยากาศ“กู้หว่านเยว่?!”นางรู้สึกบิดเบี้ยวภายในก้นบึ้งของหัวใจ คนผู้นี้ถูกเนรเทศมาที่เจดีย์หนิงกู่แล้ว เหตุใดใช้ชีวิตดีเสียยิ่งกว่านาง?ผิวเนียนนุ่มบอบบางเพียงลมพัดก็แตกได้ ทำให้นางริษยา“บังอาจ”ชิงเหลียนตบปากทีหนึ่ง ทำเสียจนใบหน้ากู้หว่านหรูบวมแดง“ชื่อล้ำค่าของพระชายาพวกเราเจ้าสามารถเรียกได้หรือ เจ้าเป็นใครกัน?”นางรู้ตั้งแต่แรกว่าจวนกู้โหวปฏิบัติไม่ดีต่อฮูหยิน จึงตั้งใจแก้แค้นแทนฮูหยินก
“ที่แท้ก็ตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้ว ข้ายังคิดว่าเป็นญาติของพวกเราเสียอีก”นางหยางเยาะหยันออกมาอย่างอดไม่ได้ นางสงสารกู้หว่านเยว่ คนกลุ่มนี้ทำกับกู้หว่านเยว่เช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วต้องได้รับกรรม“มิใช่หรือ ตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้วยังมีหน้ามาขอเงินถึงที่จวนโหวผู้ยิ่งใหญ่เชียวนะ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง”ซูจื่อชิงบังเอิญพาเมี่ยชิงหว่านเดินผ่านประตูเข้ามาจากภายนอกพอดี นี่จึงเยาะหยันพวกเขาผู้อาวุโสสูงสุดหน้าแดงไปถึงหู เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้“ตัดขาดความสัมพันธ์อะไรกัน หว่านหรูนี่เรื่องอะไร?”กู้หว่านหรูหน้าบวมแดง กระซิบอธิบาย “ก่อนหน้านี้เจิ้นเป่ยอ๋องถูกเนรเทศ ท่านพ่อและกู้หว่านเยว่ตัดขาดความสัมพันธ์กันไปแล้ว”นางรีบอธิบาย“ท่านพ่อทำเช่นนี้ ก็เพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของพวกเราตระกูลกู้ตอนนั้นโทษของเจิ้นเป่ยอ๋องคือสมคบคิดศัตรูขายบ้านเมือง หากทำให้พวกเราเดือดร้อน ทั้งตระกูลกู้ก็จะพลอยลำบากไปด้วย เขาเองก็จนใจที่ต้องทำเช่นนี้เจ้าค่ะ”สีหน้าผู้อาวุโสสูงสุดดีขึ้นไม่น้อย “เจ้าพูดเช่นนี้ก็ไม่ผิด”สกุลกู้ทั้งหมดมีหลายร้อยคน ไม่สามารถปล่อยให้ทุกคนเดือดร้อนเพราะกู้หว่านเยว่คนเดียวไ
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านหรูโมโหถลันขึ้นมาจะทำร้ายนาง กลับถูกซูจิ่งสิงเตะกระเด็นออกไป“เด็กๆ โยนพวกเขาออกไป”เขาไม่รักหยกถนอมบุปผาองครักษ์เข้ามาอย่างว่องไว จับคนทั้งสามไว้ หามออกไปภายนอก ผู้อาวุโสสูงสุดอายุมากแล้ว ยังถูกหามไว้บนบ่า หน้าตาศักดิ์ศรีล้วนหมดไปจนสิ้นสองสามคนร้องตะโกนด่าทออย่างอดไม่ได้“กู้หว่านเยว่ เจ้าไม่สามารถทำกับพวกเราเช่นนี้ได้ พวกเราดีชั่วอย่างไรก็เป็นบ้านมารดาของเจ้า”“อย่าคิดว่าตอนนี้ท่านอ๋องปกป้องเจ้า สตรีไม่มีบ้านมารดา รอเจ้าถูกรังเกียจ เจ้าก็ไม่นับเป็นอะไรอีก!”สีหน้าซูจิ่งสิงดำทึบทึม ถึงขั้นทำเช่นนี้ต่อหน้าเขา?“โยนออกไป โยนออกไปยิ่งไกลยิ่งดี”เขาออกคำสั่ง องครักษ์ลงมือว่องไวมากยิ่งขึ้นซูจิ่งสิงกลัวคำพูดของพวกเขาจะเข้ามาอยู่ภายในใจกู้หว่านเยว่ หันหลังกลับไปรับปากอย่างน้อยใจ“น้องหญิง เจ้าวางใจ ชาตินี้ข้าไม่มีวันรังเกียจเจ้า”“ใช่แล้ว” นางหยางรีบจับมือกู้หว่านเยว่ ผินมองซูจิ่งสิงแวบหนึ่ง“หว่านเยว่ หากเขาทำไม่ดีต่อเจ้า พวกเราทั้งครอบครัวไม่มีวันปล่อยเขาไป”“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าจะยืนอยู่ฝั่งท่านแน่”ซูจื่อชิงเองก็รีบพูด ซูจิ้งมีสีหน้าจริงจังเคร่งขรึม
เมื่อคำนวณจากเวลา ท่านอ๋องหกน่าจะพักอยู่ที่เจดีย์หนิงกู่สักระยะหนึ่งแล้ว“ให้พวกเขารอข้าที่ห้องหนังสือ”กู้หว่านเยว่วางจ้านจ้านลง แล้วหอมแก้มของเขาต่อไปไปห้องหนังสือพร้อมซูจิ่งสิง ขณะนี้ท่านอ๋องหกมู่หรงฝูกำลังรออย่างร้อนใจหลังจากได้เห็นกู้หว่านเยว่ มู่หรงฝูจึงโล่งอก“ขอบคุณฟ้าดิน ในที่สุดเจ้าก็มาสักที”กู้หว่านเยว่นำโอสถออกมาเม็ดหนึ่ง “นี่คือยาถอนพิษของยาพิษที่เจ้ากินเข้าไป”มู่หรงฝูรีบรับยาถอนพิษมาทันที แล้วกินเข้าไป จึงได้โล่งอก“โชคดีที่ผู้อาวุโสหมอปีศาจใช้ยาไปหลายครั้ง จึงคุมพิษตัวนี้เอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นชีวิตของข้าน้อยคงรักษาไว้ไม่ได้”เขายิ้มเจื่อน กู้หว่านเยว่รู้สึกกระอักกระอ่วน จึงยิ้มแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา“ร่างกายของไท่เฟยเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเอ่ยถึงไท่เฟย ใบหน้าของมู่หรงฝูยิ้มแย้มกว่าเดิม“หลังท่านแม่กินยาถอนพิษของผลต้นเกล็ดหิมะ พิษในร่างกายหายไปจนหมด ตอนนี้เหมือนคนธรรมดาทั่วไป”สีหน้าเขาตื้นตัน “ข้าน้อยขอให้หมอปีศาจบำรุงร่างกายนางสักระยะ สุขภาพจึงแข็งแรงกว่าเมื่อก่อน อยู่ต่ออีกสักสิบหรือยี่สิบปีก็ไม่น่าจะมีปัญหา”“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”กู้หว่านเยว่รู้สึกโล่
“ขอบคุณมาก พวกเราจะจำข่าวนี้ไว้”ถ่านหินหรือ พวกนางต้องการมากจริงๆกู้หว่านเยว่เองก็ไม่อิดออด นำกระดาษกับพู่กันออกมาให้มู่หรงฝูเขียนข้อมูลที่แน่ชัดของถ่านหินออกมาทันที“งั้นข้าไปก่อนนะ”หลังจากมู่หรงฝูเขียนเสร็จ ก็วางพู่กันลงแล้วจากไปอย่างรู้ตัว“ของสิ่งนี้จะตกอยู่ในมือราชวงศ์ไม่ได้”กู้หว่านเยว่ยื่นกระดาษให้ซูจิ่งสิง ซูจิ่งสิงพยักหน้า“น้องหญิงวางใจเถอะ ข้าจะให้คนไปจัดการเดี๋ยวนี้”เขาจากไปอย่างรวดเร็ว กู้หว่านเยว่กลับรีบออกไปตรวจตราร้านดอกท้อกับบ้านสวนหลังจากแน่ใจว่าทุกอย่างไม่มีสิ่งใดผิดปกติ นางจึงกลับไปในมิติ แล้วจัดเตรียมของขวัญแต่งงานให้ซ่งเสวี่ยต่อไปตอนอาหารเย็น ซ่งเสวี่ยพานานนานมาเยี่ยมนาง โจวเซิงเองก็ตามมาด้วยเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ใบหน้าเขามีความสง่าองอาจเพิ่มขึ้น“ท่านอ๋องล่ะ?”โจวเซิงมองดูหนึ่งรอบ ไม่เห็นซูจิ่งสิงจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หลังจากเขาไม่ดวงซวยอีกแล้ว คิดจะช่วยซูจิ่งสิงทำอะไรบ้าง“ออกไปแล้ว พรุ่งนี้เจ้าค่อยมาหาเขา”กู้หว่านเยว่ยื่นมือมาอุ้มนานนานไป พร้อมหอมแก้มนาง“แม่บุญธรรม! แม่บุญธรรมสวย!” เสียงอ้อแอ้ของนานนานหวานใส มุมปากมีลักยิ้มน้อยหนึ่
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก