ทะเลโลหิตเหอะ......คนในอดีตเรียกมันว่าทะเลโลหิต ช่างน่ากลัวยิ่งนัก"ประครองเขาเข้าไปในถัง"กู้ชูหน่วนทำยาสมุนไพร พลางเอ่ยที่แห่งนี้ร้อนระอุสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเย่จิ่งหานแล้ว กลับไม่รู้สึกถึงความร้อนแต่อย่างใดเย่จิ่งหานเพิ่งเข้าไปในถัง อุณหภูมิในถังก็พลันเย็นเยียบกู้ชูหน่วนสาดตัวยาจำนวนไม่น้อยลงไปในถัง ก่อนจะตีน้องเก้าที่พันข้อมือนางอยู่เบาๆเย่จิ่งหานรีบคว้าพวกพ้องของตนเอาไว้ ถลึงตามองกู้ชูหน่วนด้วยความระวังตัว"เจ้าคิดจะทำอะไรอีก"กู้ชูหน่วนมองบนใส่ไปหนึ่งที "ท่านคิดว่าข้าจะทำอะไร"ที่นี่ร้อนจะตายอยู่แล้ว จะไปหามดมวกแมลงพิษที่ไหนมาให้เขาแช่"น้องเก้า ไป เอาน้ำจากทะเลโลหิตมาใส่ในถังหน่อย"ทุกคนตกตะลึงนั่นคือลาวาทะเลโลหิตเชียวนะลาวาทะเลโลหิตมีอุณหภูมิที่สูงจนคร่าชีวิตได้ แม้แต่หินเหล็กยังละลายได้หากนำน้ำจากทะเลโลหิตเข้ามาในถัง จะไม่ลวกนายท่านให้ตายทั้งเป็นเลยหรือ"พระชายา ท่านล้อกันเล่นใช่หรือไม่""เจ้าเห็นท่าทางข้าเหมือนกำลังล้อเล่นรึ" กู้ชูหน่วนพูดด้วยความจริงจังแววตาของนางเต็มไปด้วยความหนักแน่น ไม่มีแววหยอกล้อเลยแม้แต่น้อย"แต่...นั่นคือลาวาทะเลโลหิตเชี
มองไปที่ศีรษะของมันอีกที จากหนึ่งเป็นสาม จากสามเป็นห้า จากห้าเป็นเจ็ด จากเจ็ดเป็นเก้า...นี่มัน...นี่มันมีหัวใหญ่มหึมาเก้าหัวเลยรึฉางชิง องครักษ์ลับที่ยืนอยู่ข้างหลีลั่วพลันขาอ่อน ร่างกายสั่นสะท้านไม่หยุดหลีลั่วเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าใดนักงูหลามยักษ์เก้าหัวที่สามารถแปลงร่างได้ ?นี่มันงูอะไรกันแน่หันไปดูอีกที หางงูสะบัดไปมา หินก้อนโตตกลงไปในลาวาทะเลโลหิตโครมคราม ทำให้ลาวาเดือดระอุกระเซ็นขึ้นมาลาวาหล่นลงในถังไม้พอดีอย่างไม่น่าเชื่อหลีลั่วและคนอื่นๆ มองด้วยความตะลึง หากทะเลโลหิตกระเซ็นใส่ร่างนายท่าน ทำให้ร่างของนายท่านถูกลวกตายจะทำเช่นไรตูมตูมตูม...น้องเก้าสลัดหินยักษ์ด้วยความสนุกสนานกู้ชูหน่วนได้แต่งงไปเลยเจ้านี่ สลัดหินจนติดใจแล้วรึลาวากระเซ็นเข้าถังไม้ไม่หยุด ทำให้อุณหภูมิในถังสูงขึ้นอย่างกะทันหัน แม้ไอหนาวในร่างของเขาทำลายความร้อนของลาวาไปแล้ว แต่ลาวาที่หลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ ก็ยังทำให้เขาทรมานจนยากจะรับไหวร้อนร้อนเกินไปไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนใส่ยาอะไรลงไปในถังบ้าง ไอเย็นในร่างของเขาค่อยๆ หายไป ไม่มีพละกำลังที่จะทำลายความอุ่นของลาวาในถังได้แล้วเหงื่อไหลล
นางไม่กังวลที่จะให้พวกเขายืมเกล็ดผลึกหิมะน้ำจากทะเลโลหิตในถังเริ่มเปลี่ยนจากสีเหลืองทองเป็นสีแดงเลือด ค่อยๆ กลายเป็นสีดำ ส่งกลิ่นเหม็นคาวคุ้งกู้ชูหน่วนปาดเหงื่อ มุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้มแห่งความยินดีนางเดาไม่ผิด หากต้องการจะกดพิษในร่างของเขา ก็จำเป็นต้องหาวิธีที่รุนแรงเผด็จการกว่าภายในร่างของเขาตั้งแต่อดีตกาล น้ำกับไฟไม่ถูกกัน พิษเหมันต์ใช้ลาวาข่มเป็นดีที่สุดน้องเก้ายังคงตั้งใจนำน้ำจากทะเลโลหิตเข้าถังอย่างไม่ลดละหัวที่ใหญ่โตของมันส่ายไปมาไม่หยุด ราวกับไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่า อุณหภูมิของน้ำจากทะเลโลหิตสูงเพียงนี้ เหตุใดพอเข้าไปในถังไม้ก็ลดฮวบกะทันหัน"ตอนนี้ข้าจะฝังเข็มให้ท่าน เข็มนี้หากฝังลงไปแล้ว ในเจ็ดวัน กำลังภายในของท่านจะหายไปโดยสิ้นเชิง ท่านเตรียมพร้อมหรือยัง"ดวงตามืดดำคู่นั้นของเย่จิ่งหานกวาดไปมองทางหลีลั่วหลีลั่วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "นายท่านโปรดวางใจ ข้าน้อยเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้หมดแล้ว รับประกันได้ว่าไม่มีผู้ใดรู้ได้ว่าท่านและพระชายามาที่เมืองอู๋ซวง ยิ่งไม่มีผู้ใดรู้ได้ว่าท่านและพระชายาอยู่ที่นี่"เย่จิ่งหานกำมือแน่น พยายามจะระงับความเจ็บปวดภายในร่างกาย เขากัด
"ก็ได้ๆๆ นอกจากจุดที่ฝังเข็ม บริเวณอื่นท่านสามารถปกปิดเอาไว้ได้หมดเลย แค่นี้ได้แล้วใช่ไหม"สีหน้าของเย่จิ่งหานดูดีขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่นานนัก เขาก็ได้รู้ว่าตนถูกนางผู้นี้หลอกอีกแล้วเขานอนราบลงไปบนแผ่นหินที่ร้อนระอุ เสื้อผ้าบนร่างถูกกู้ชูหน่วนปลดออกแทบทุกส่วน ตั้งแต่แผงอกลงไปแน่นขนัดไปด้วยเข็มเงินจำนวนนับไม่ถ้วน เจ็บจนเขาเกือบจะน้ำตาไหลที่น่าหงุดหงิดไปกว่านั้นคือ เขาเผยเรือนร่างต่อหน้ากู้ชูหน่วนอีกครั้งแล้วเย่จิ่งหานพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว "กู้ชูหน่วน เจ้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าจุดที่ไม่จำเป็นต้องฝังเข็มก็ปิดเอาไว้ได้น่ะ""ก็เพราะข้าเคยพูดน่ะสิ ข้าถึงได้ช่วยคลุมคอให้ท่านแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร"คลุมคอจะไปมีประโยชน์อะไรประเด็นหลักคือ ตั้งแต่ช่วงคอลงมาไม่มีสิ่งใดคลุมเลยรักษาขาทั้งสองข้าง จุดที่ฝังเข็มควรจะเป็นขาทั้งสองข้างของเขาไม่ใช่หรือเหตุใดฝังเข็มบนตัวเขาเต็มไปหมดแล้วก็ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนใช้ยาอะไร ทั้งร่างของเขาอ่อนปวกเปียก ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะยกมือราวกับรู้ว่าในใจเย่จิ่งหานกำลังเดือดดาล นางจึงอธิบาย "ขาทั้งสองข้างของท่านเป็นเพียงแค่ภาชนะเท่านั้น อยากจะรักษาขาให้หายดี ต้
กู้ชูหน่วนพูดพลางออกแรงตี "น้องชาย" ของเขาเบาๆเย่จิ่งหานจุกจนงอตัวขึ้นมาเขาไม่รู้ว่าไปเอาแรงมากจากไหน ใช้ฝ่ามือกระแทกลงไปที่พื้นอย่างแรง พลางจ้องกู้ชูหน่วนด้วยความดุดันแม้จะไม่มีกำลังภายในแล้ว แม้จะแช่ยาจนร่างกายอ่อนปวกเปียก ไม่เหลือพละกำลังเลยแต่อย่างใด แต่ฝ่ามือเดียวของเขาก็ยังคงทำให้พื้นสะเทือนได้กู้ชูหน่วนหดคอหมอนี่ ฤทธิ์มากจริงๆ ไม่แน่ว่าจู่ๆ จากความอายแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธกะทันหัน แล้วอาจปลิดชีวิตนางก็เป็นได้กู้ชูหน่วนเอ่ย "พวกเจ้าสองคน ใช้ผ้าเหล่านี้มัดเย่จิ่งหานเอาไว้ จำไว้ จะต้องมัดให้แน่น อย่าให้เขาขยับไปเรื่อยได้เด็ดขาด จะได้ไม่กระทบกับการฝังเข็ม""เหนียงเหนี่ยง ทำเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด นายท่านสูงศักดิ์นัก ข้าเป็นเพียงแค่ผู้ใต้บัญชาตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ไหนเลยจะกล้ามัดนายของตัวเอง""เช่นนั้นข้ามีทางเลือกให้พวกเจ้าสองทาง หนึ่ง มัดเย่จิ่งหานเอาไว้ ป้องกันไม่ให้เขาขยับเรื่อยเปื่อย สอง มองดูฤทธิ์ยาของเขาคอยๆ จางหายไป แล้วถูกพิษจนตาย พวกเจ้าเลือกเองแล้วกัน เขาไม่มีเวลาเหลือแล้ว แต่อย่างไรข้าก็มีเวลาเหลือเฟือ หากกลายเป็นหม้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ ข้ายังแต่งงานใหม่ได้""นี่.....
สีหน้าของเย่จิ่งหานพลันมืดขรึม สายตาค้นหามองไปทางกู้ชูหน่วนกู้ชูหน่วนรีบเรียกร้องความยุติธรรมให้ตนเอง "ไม่ใช่ข้า ข้าเตรียมยาอยู่ที่ห้องกลั่นยาจวนอ๋องอยู่ตลอด ข้าจะไปแพร่งพรายเส้นทางได้อย่างไร อีกอย่าง ข้าแพร่งพรายเส้นทางการเดินทางของท่าน แล้วมีผลดีอะไรต่อข้ารึ"ไม่ใช่นาง ?เช่นนั้นคือผู้ใดผู้ที่รู้ว่าเขาจะมาเมืองอู๋ซวงมีไม่กี่คน แม้แต่ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยก็ไม่รู้ อีกอย่าง...สิ่งที่ควรเตรียมเขาเตรียมพร้อมทุกอย่างหมดแล้ว ไม่มีทางที่จะมีคนรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่เย่จิ่งหานถลึงตามองหลีลั่วด้วยความเยือกเย็นหลีลั่วเสียวสันหลังวาบ เอาผ้าที่ยัดปากเขาอยู่ออกอย่างรู้งาน"นายท่าน กำลังอยู่ระหว่างการสืบหาตัวตนของผู้ที่มา แต่คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอต่างก็มากันหมด คนของเผ่าหมอที่มาคือนายท่านหลันและนายท่านหมู่ตาน คนของเผ่าเทียนเฝินมากันมากมาย มากี่คนนั้นตอนนี้ยังไม่อาจทราบได้ แต่ผู้ที่นำมาดูเหมือนจะเป็นเวินเส้าอี๋ผู้สืบทอดหัวหน้าเผ่าเทียนเฝิน"เวินเส้าอี๋......เป็นเขาเสียได้......เขามาด้วยตัวเอง แสดงให้เห็นว่าการมาเขาโลหิตเมืองอู๋ซวงครั้งนี้ จะต้องมีจุดมุ่งหมายเป็นแน่สีหน้ากู้ชูหน่วนช
ด้านล่างของเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฝินหลายสิบคนกำลังมา โดยมีเวินเส้าอี๋เป็นผู้นำ พวกเขาล้วนแต่เป็นชายหนุ่มทั้งหมด มีทั้งวัยเยาว์และชราเมื่อยิ่งเข้าใกล้เทือกเขา หลายๆ คนก็รู้สึกร้อนจนเหงื่อไหลผู้อาวุโสตงที่รูปร่างผอมบาง ช่ำชองในการควบคุมงูขมวดคิ้วมุ่น "ที่แห่งนี้มีทะเลโลหิตอยู่ทั่ว อุณหภูมิสูงเกินไป ยากนักที่ศิษย์ทั่วไปจะข้ามไปได้ แม้แต่ลูกรักของข้าก็ขึ้นไปไม่ได้"ใครๆ ต่างก็รู้ว่าลูกรักที่เขาพูดถึงก็คือฝูงงูพิษแมลงพิษผู้อาวุโสสืออายุเลยหกสิบ ท่าทางชราภาพ ทว่าดวงตากลับเป็นใสเป็นประกาย ไม่เหมือนผู้สูงอายุเลยสักนิดเขากวาดสายตามองปากน้ำเต้าที่สูงเสียดฟ้า และลาวาทะเลโลหิตสองฝั่งที่เดือดระอุอยู่ใต้หน้าผา อดไม่ได้ที่จะใจเต้นตึกตัก"ไม่รู้ว่าข้อมูลมีความคลาดเคลื่อนหรือไม่ คนของพวกเราค้นที่นี่จนทั่วแล้ว ก็ไม่พบข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวกับกับแก้วมังกรเลย""หากที่นี่ไม่มี เหตุใดคนของเผ่าหมอและหุบเขาตานหุยถึงมาที่นี่เล่า"คนของเผ่าเทียนเฝินคิดไม่ตกทว่ายิ่งขึ้นไปด้านบน อุณหภูมิก็ยิ่งสูงขึ้น ผู้อาวุโสของพวกเขายังพอทนได้ แต่ลูกศิษย์เด็กหนุ่มทั่วไปไม่มีผู้ใดอดทนไปจนถึงปากน้ำเต้าเส้นที่สองได้
ไม่ไกลออกไป กู้ชูหน่วนที่ช่วยเย่จิ่งหานฝังเข็มเสร็จแล้วและซ่อนตัวอยู่ไกลๆ ได้ยินคำพูดของพวกเขาชัดทุกคำไม่ตกหล่นชาวเขาตานหุย ?เป็นขั้วอำนาจใดอีกชนเผ่าที่คอยกลั่นยาเม็ดโดยเฉพาะอย่างนั้นหรือแล้วพวกเขารู้ได้อย่างไรว่าแก้วมังกรอยู่ที่นี่กระดิ่งภินวิญญาณอยู่กับนางตลอด ไม่น่าจะมีใครรู้ได้ว่าแก้วมังกรอยู่ที่นี่หากรู้ พวกเขาก็ต้องมาชิงไปตั้งนานแล้ว เหตุใดถึงต้องรอให้ถึงตอนนี้คนของเผ่าเทียนเฝินมุ่งหน้าเดินต่อไป ไม่รู้ว่าหลีลั่วมาปรากฏตัวข้างกายนางตั้งแต่เมื่อใด เขาเอ่ยถาม “พระชายา เปลี่ยนยาสำหรับแช่ตัวให้นายท่านตามที่พระชายารับสั่งแล้ว ไม่ทราบว่าข้าน้อยยังต้องทำอะไรอีกบ้าง”"ไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น คอยเปลี่ยนยาให้เขาทุกสองชั่วยามก็พอ""เช่นนั้นพระชายาจะไม่อยู่เฝ้านายท่านหรือ""พวกเจ้าเฝ้าไว้ให้ดีก็พอ ข้ายังมีเรื่องให้ต้องไปจัดการนิดหน่อย ไม่จำเป็นต้องตามข้ามา หากร่างกายของเย่จิ่งหานมีสิ่งใดผิดปกติ ป้อนสิ่งนี้ให้เขาดื่ม" กู้ชูหน่วนส่งยาให้เขาขวดหนึ่ง"พระชายา..."หลีลั่วตะลึงงันพวกเขาจะไม่สนใจพระชายาได้อย่างไร ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นเขตพื้นที่อันตรายที่มีความเสี่ยง อีกทั้งย
เวินเส้าอี๋ยิ้มเยาะกับตัวเอง ด้วยความสัมพันธ์ที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่งของสำนักซิวหลัวและเผ่าเทียนเฝิน มีหรือที่ประมุขชิงจะยอมปล่อยเขาไป หากเป็นเขาที่อยู่ในจุดนั้น เขาเองก็ไม่มีทางปล่อยประมุขชิงไปเช่นกัน เวินเส้าอี๋กวาดสายตามองผาหินแวววาวและทะเลโลหิตที่เดือดระอุ เขาเคยคิดว่าจะต้องตายด้วยน้ำมือเจ้าสำนักซิวหลัว เคยคิดว่าต้องตายด้วยน้ำมือหอเลิศหล้า เคยคิดว่าต้องตายด้วยน้ำมือของเย่จิ่งหาน สิ่งเดียวที่ไม่เคยคิดมาก่อนคือต้องมาตายในที่แห่งนี้ "สำนักซิวหลัวและเผ่าเทียนเฝินมีความแค้นอันใดต่อกันกันแน่" กู้ชูหน่วนเอ่ยถาม "เป็นแค้นที่ฝังลึกยิ่งนัก เป้าหมายในการมีชีวิตอยู่ของชาวสำนักซิวหลัวทุกคนก็คือหาแก้วมังกรให้พบ แล้วกำจัดเผ่าเทียนเฝิน อาหน่วน หากเจ้ายังเห็นข้าเป็นสหาย ก็อย่ายุ่งเรื่องนี้เลย" ประมุขชิงไม่ได้อธิบายรายละเอียด แต่จุดยืนของเขาหนักแน่น ไม่เหลือทางให้หันหลังกลับอีกแล้ว เขารวบรวมกำลังภายในไว้ที่ฝ่ามือ ยกมือขึ้นมาตั้งใจจะสะเทือนกระดูกของเวินเส้าอี๋ให้แหลก ไม่พูดถึงเรื่องที่เวินเส้าอี๋ถูกพิษดอกพันรักทำให้ทรมานราวกับตายทั้งเป็น แต่แค่กำลังภายในของเขาที่สูญไปแทบจะหมดสิ้น
กู้ชูหน่วนลุกลน อยากจะขวางการถ่ายทอดกำลังภายในให้นางของประมุขชิง ทว่ากลับช้าไปหนึ่งก้าว กำลังภายในของประมุขชิงเหมือนกับเวินเส้าอี๋ ไม่รู้ด้วยเหตุใดถึงได้ถูกนางดูดเข้าไปไม่หยุด "ข้าไม่ต้องการดูดกำลังภายในของเจ้า เจ้ารีบดึงมือออก" "ไม่เป็นไร หากเจ้าต้องการ ข้าให้เจ้าทั้งหมดจะเป็นไรไป" ประมุขชิงคลี่ยิ้ม ภายในดวงตาอ่อนโยนเต็มไปด้วยความทะนุถนอมเอ็นดู เขาไม่ได้ดึงมือออก แต่กลับพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อสยบพิษของดอกพันรัก เมื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูคู่นั้นและรอยยิ้มที่คุ้นเคย กู้ชูหน่วนก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของตน ประมุขชิงก็คืออี้เฉินเฟย กู้ชูหน่วนทั้งร้อนรนทั้งโมโหและทุกข์ทรมาน ที่ร้อนรนเพราะ นางอยากจะเอามือออกแต่กลับทำไม่ได้ ที่โมโหเพราะอี้เฉินเฟยโง่เง่านัก มีผู้ใดบ้างที่จะยอมมอบกำลังภายในที่ตนฝึกฝนมาอย่างยากลำบากให้ผู้อื่น เขาไม่รู้หรือว่านางอาจจะดูดกำลังภายในของเขาจนหมดและตายได้ ที่ทุกข์ทรมานเพราะ พิษของดอกพันรักแล่นไปทั่วทั้งร่างกายของนางยังพอว่า กำลังภายในของประมุขชิงก็หลั่งใหลไปทั่วร่างนางด้วย คล้ายกับร่างของนางถูกดึงให้ฉีกออกจากกันไม่หยุด
เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ กู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ก็ไม่รู้ว่าทนกับคลื่นความร้อนไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ พวกเขาทั้งสองเหงื่อโชก ลมหายใจหอบถี่ ล้วนแต่อยู่ในจุดที่กำลังจะทนไม่ไหว ลมอุ่นพัดผ่านไป สติของกู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋แตกกระเจิงโดยสิ้นเชิง ทนไม่ไหวอีกต่อไป ไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน แต่ทั้งคู่ก็คลอเคลียอยู่ด้วยกันแล้ว ในขณะที่พวกเขากำลังจะพัฒนาไปถึงขั้นสุดท้าย ยอดหน้าผาพลันปรากฏเงาร่างสีครามอาบเลือดมือเกาะเถาวัลย์ที่วางไว้ก่อนหน้านี้แล้วกระโดดลงมาจากยอดของหน้าผาด้วยความรวดเร็ว สายตาของประมุขชิงมองไปรอบๆ ด้วยความร้อนรน พยายามตามหาหญิงในความทรงจำผู้นั้น คลื่นลาวายักษ์ซัดเข้าไปเป็นระยะ ทุกครั้งที่คลื่นซัดสาด คล้ายกับยืนอยู่ใจกลางกองเพลิงแผดเผาร่างของเขาไม่หยุดหย่อน แต่เขาไร้ซึ่งความหวาดกลัว ดวงตาดื้อรั้นคู่นี้ราวกับว่าหากหากู้ชูหน่วนไม่เจอ ก็จะไม่มีทางรามือ ทันใดนั้น เขาเห็นกู้ชูหน่วนบนผาหินที่ยื่นออกไป หัวใจที่บีบรัดอยู่ของประมุขชิงพลันผ่อนคลายลงมาในพริบตา ทว่าไม่ทันไร ใจของเขาพลันตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง เพราะแววตาของนางล่องลอย เสื้อผ้าไม่เป็นระเบียบ กำลั
เวินเส้าอี๋ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองกู้ชูหน่วน เขากลัวว่าหากมองแล้วตนจะทนไม่ไหว ตรงกลางหน้าผา ร่างของกู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ล้วนแต่ขดตัวเป็นวง ต่างก็พยายามอดกลั้นด้วยชีวิต ลมอ่อนๆ พัดโชยไป เกิดคลื่นลาวาเป็นชั้นๆ ลมที่พัดผ่านไปก็เป็นลมร้อน ไร้ซึ่งความเย็นแต่อย่างใด เจ็บปวดจนเกินจะทน เวินเส้าอี๋พยายามนั่งขัดสมาธิ ปากก็คอยสวดมนต์ไม่หยุด หวังว่าใจจะสงบลงตามธรรมชาติ กู้ชูหน่วนตวาดออกมาอย่างอดไม่ได้ "ให้ตายสิ เวลานี้แล้วยังจะสวดมนต์อะไรอีก หากสวดมนต์ได้ผล แม่หมูคงปีนต้นไม้ได้แล้ว" เขาไม่รู้บ้างเลยหรือ ว่าทันทีที่เขาเอ่ยปาก มีแต่จะกระตุ้นความต้องการที่นางอดกลั้นเอาไว้ด้วยความยากลำบากให้รุนแรงขึ้นกว่าเดิม คิ้วดกดำดั่งขุนเขาของเวินเส้าอี๋ขมวดเข้าหากัน เขาใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว ความรู้สึกนี้หากจะบอกว่า จะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ดี ไม่เกินจริงเลยสักนิด สวดมนต์ก็ไม่อาจทำให้อารมณ์ที่พลุ่งพล่านรุนแรงของเขาดีขึ้นได้แต่อย่างใด เวินเส้าอี๋จึงยอมแพ้ไป และยังคงขดตัวเป็นวงอยู่ติดกับผาหินอย่างไร้ที่พึ่ง "แม่เจ้าโว้ย ข้าทนไม่ไหวแล้ว" กู้ชูหน่วนไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเวินเส้าอี๋สมาธิดีเ
อยู่ดีๆ เหตุใดจึงถูกวางยาเสียได้ กู้ชูหน่วนพยายามคิดทบทวน ทันใดนั้นเอง นางก็พลันโมโหจนต้องตบเข่าฉาด บ้าเอ้ย... เมื่อกี้ตอนที่เวินเส้าอี๋เกาะยึดผาพลางกอดนางไว้ บนกำแพงหินมีดอกพันรักขึ้นอยู่เต็มไปหมด ดอกพันรักเป็นดอกไม้ปลุกกำหนัดที่มีฤทธิ์รุนแรงนัก ยามนี้ดอกพันรักบานสะพรั่ง ทุกที่บนกำแพงหินล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ คนธรรมดาเพียงแค่ดมกลิ่นของดอกไม้ชนิดนั้นเข้าไป ก็จะจมดิ่งลงสู่ห้วงทะเลแห่งความปรารถนา ส่วนพวกนาง......เมื่อครู่สูดกลิ่นของดอกพันรักบนกำแพงไปปริมาณมาก โดยเฉพาะมือของเวินเส้าอี๋ที่ชุ่มไปด้วยเลือดแล้วยังไปสัมผัสโดนเกสรของดอกพันรัก จึงโดนพิษเข้าไปลึกกว่านางนัก กู้ชูหน่วนอยากจะเป็นลมตายลงไปเสียตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอด เพิ่งข้ามมิติมาได้ไม่นาน นางก็ถูกวางยาไปแล้วสองหน อีกทั้งสองครั้งนี้ล้วนแต่เป็นยาปลุกกำนัดอานุภาพรุนแรงทั้งสิ้น "ร้อน......" เวินเส้าอี๋ปากลิ้นแห้งผาก ทรมานจนต้องฉีกคอเสื้อของตนออก กู้ชูหน่วนเอ่ยด้วยความลนลาน "เฮ้ย ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อน หญิงชายไม่ควรใกล้ชิดกัน เจ้าอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามเชียวล่ะ" นางตามหาในแหวนปริภูมิจนทั่วแล้ว ยาส
นอกเจ้านายท่านหลันและคนอื่นๆ เย่จิ่งหานและพวกต่างก็รู้สึกบีบคั้นหัวใจ เย่จิ่งหานพยายามดีดดิ้นเพื่อให้หลุดจากพันธนาการแล้วออกไปตามหากู้ชูหน่วนด้วยตนเอง เขาไม่อยากจะจินตนาการเอาเองอีกต่อไปว่ากู้ชูหน่วนต้องประสบพบเจอกับเรื่องแบบใดกันแน่ถึงได้กรีดร้องอย่างกับจะขาดใจเช่นนั้น ประมุขชิงตื่นตระหนกยิ่งกว่า ร่างของเขาสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจหยุดได้ ฝีเท้าเร่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ อาหน่วน... เจ้าอย่าเป็นอะไรไปเด็ดขาด จะต้องรอข้าก่อน หากเจ้าตาย ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติใด ข้าไม่มีวันอภัยให้เจ้าเป็นแน่ เสียงร้องที่หดหู่ดังก้องไปเรื่อยๆ ประมุขชิงมาถึงบริวเวณปากคอขวดน้ำเต้าที่กู้ชูหน่วนเพิ่งไปเมื่อครู่แล้ว บนปากคอขวด มีร่องรอยของกรงเล็บมังกรยักษ์หลงเหลืออยู่ รอยเท้าฝังลึกลงไปในพื้นดิน ทุกรอยเท้ามีความลึกหลายสิบเมตร เห็นได้เลยว่าเรี่ยวแรงที่ประทับลงไปนั้นมหาศาลเพียงใด ทอดมองออกไปยังสนามรบที่เละไม่เหลือชิ้นดีหลังจากการสู้ครั้งใหญ่ของยอดฝีมือ ประมุขชิงสั่นสะท้าน ลึกลงไปในใจรู้สึกถึงลางไม่ดีบางอย่าง อาหน่วนเคยบอกไว้ โลกนี้มีมังกรอสูรขั้นเจ็ดทั้งหมดสองตัว ตัวหนึ่งคือมังกรน้ำ อยู่ในสถ
แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะมีชีวิตถึงหมื่นชีวิต ก็คงต้องตายอย่างแน่นอนภารกิจบนบ่าของเขานั้นหนักอึ้งนัก เขาควรจะสลัดออกไปอย่างเต็มกำลัง เพื่อรักษาพลังปราณที่เหลืออยู่ในร่างกาย แต่......ไม่รู้ทำไม เขาถึงลังเลภาพของกู้ชูหน่วนที่ดูมีชีวิตชีวาและฉลาดหลักแหลมค่อยๆ ปรากฏขึ้นในสมองของเขาพร้อมกับใบหน้าเล็กๆ ของนางที่กำลังดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดและอดทนต่อความทุกข์ทรมานอย่างแข็งขัน เวินเส้าอี๋ก็แอบลังเลเวินเส้าอี๋รีบดึงพลังฝ่ามือของเขากลับ เขาพยายามมาหลายวิธีแต่ก็ไม่ได้ผล ทำได้เพียงเฝ้าดูพลังภายในที่เขาฝึกฝนมาหลายปี ค่อยๆ หายไปในชั่วข้ามคืน และกลายเป็นของคนอื่นเมื่อหันมองกู้ชูหน่วนอีกครั้งใบหน้าเล็กๆ ของนางขมวดเป็นปมด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าอันงดงามไร้ที่ติของนางค่อยๆ เปลี่ยนจากซีดขาวเป็นแดงระเรื่อ ในที่สุดร่างกายของนางก็เหมือนถูกไฟไหม้ ร้อนจนคนไม่กล้าสัมผัสร่างกายของนางรับพลังภายในมากเกินไปไม่ได้ พลังปราณในร่างกายของนางพุ่งชนไปมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับจะทำลายร่างกายของนาง"วิชาดูดพลังคืออะไร" กู้ชูหน่วนอดทนต่อความเจ็บปวดระลอกแล้วระลอกเล่าอย่างอดทน แล้วกัดฟันถาม"……""เวินเส้าอี๋ รีบถอนมือเร็ว
ณ หน้าผาเวินเส้าอี๋ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา ภาพที่เห็นคือแผ่นหินที่ยื่นออกมาจากกลางหน้าผา เมื่อมองขึ้นไปด้านบนก็เห็นเมฆสีขาวจำนวนมาก ไม่รู้ว่าสูงเพียงใดเมื่อมองลงไปด้านล่างเป็นทะเลโลหิตที่เดือดพล่าน คลื่นเลือดสาดกระเซ็นเป็นระยะๆ อุณหภูมิสูงจนน่าตกใจเมื่อมองไปด้านข้าง กู้ชูหน่วนหมดสติอยู่ข้างเขา ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรเวินเส้าอี๋พยายามลุกขึ้นยืน เดินโซเซไปหากู้ชูหน่วน มือที่เต็มไปด้วยเลือดของเขาลองแตะที่จมูกของนาง ยังมีลมหายใจอ่อนๆ ทำให้ใจที่ตึงเครียดของเวินเส้าอี๋๋ผ่อนคลายลงโชคดีที่มีแผ่นหินที่ยื่นออกมานี้ มิฉะนั้นพวกเขาคงตายไปแล้วหน้าผาสูงเกินไป เขาถูกมังกรไฟทำร้ายสาหัส หากอยู่คนเดียวอาจจะขึ้นไปได้ แต่การพากู้ชูหน่วนขึ้นไปบนยอดผา ช่างยากยิ่งกว่าการปีนขึ้นสวรรค์เสียอีก"เจ้าขมวดคิ้วดูไม่ดีเลย"กู้ชูหน่วนฟื้นตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ แล้วพึมพำเสียงเบา"แค่ก แค่ก......"นางไอออกมาเป็นชุด ไอออกมาเป็นกองเลือดเวินเส้าอี๋จับชีพจรของนาง มองสีหน้าที่อ่อนแรงและซีดเซียวของนาง น้ำเสียงของเขาค่อนข้างหนักแน่น "เจ้าตกจากที่สูง ปอดและอวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ""ข้าดวงแข็ง พญายมยังกลัวข้า
"ปัง......"กู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ตกลงมา เพียงแต่สถานที่ที่ตกลงมาไม่ใช่ทะเลโลหิต แต่ตกลงกระแทกบนแผ่นหินที่ยื่นออกมา"โอ๊ย......"กู้ชูหน่วนส่งเสียงครางเบาๆ เอวของนาง......เกือบหักแล้ว"ฟิ้ว......"เวินเส้าอี๋โยนกู้ชูหน่วนขึ้นไปในอากาศ เพื่อลดแรงกระแทกจากการตกลงมาของนาง ส่วนตัวเองก็ตกลงกระแทกบนแผ่นหินอย่างจัง แรงกระแทกนั้นรุนแรงมาก จนเขาอดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง กระดูกทั่วร่างราวกับแตกกระจาย แม้แต่อวัยวะภายในก็ยังกระเพื่อมอย่างรุนแรงทั้งสองหมดสติไปพร้อมกัน เสียงคำรามของสัตว์อสูรบนยอดผา พร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนยังคงดังต่อเนื่องในหุบเขาทางทิศตะวันตก เย่จิ่งหานและน้องเก้าราวกับรับรู้ได้ว่ากู้ชูหน่วนประสบเคราะห์ร้ายเย่จิ่งหานพยายามลุกขึ้นยืน โดยไม่สนใจสิ่งใดๆ ต้องการออกไปตามหากู้ชูหน่วน แต่ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนทำอะไรกับเขา ไม่เพียงทำให้เขาทั้งร่างกายอ่อนแรง พลังภายในสูญสิ้น แม้แต่จะขยับตัวก็ทำไม่ได้เลย จึงทำได้เพียงร้อนใจอยู่ภายใน"หลีลั่ว ส่งคนออกไปทั้งหมด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องนำพระชายากลับมาอย่างปลอดภัย""นายท่าน หากทำเช่นนั้น สถานะของพวกเราก็จะถูกเปิดเผย ถึงย