ก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่มีโอกาสประจบประแจง เวลานี้เป็นพิธีเสกสมรส จะไม่รีบเอาอกเอาใจอย่างสุดกำลังได้อย่างไร"ย่อมเป็นเช่นนั้น นี่คือของกำนัลแสดงความยินดีต่อพิธีเสกสมรสที่พวกเขามอบให้แก่นายท่านและพระชายา""เช่นนั้นก็หมายความว่า ของกำนัลเหล่านี้ ที่จริงแล้วเป็นของข้าครึ่งหนึ่ง""เอ่อ..."องครักษ์ลับมึนงง ไม่เข้าว่าพระชายาต้องการจะสื่ออะไรกู้ชูหน่วนโบกมือ ยิ้มอย่างมีเลศนัย "เอาแบบนี้ เจ้าไปบอกผู้ที่จัดการเรื่องรับของขวัญ ให้ผู้ที่นำของขวัญมาลงนาม ของชิ้นใดให้ท่านอ๋อง ของชิ้นใดให้พระชายา จะมาฝักใฝ่แต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ ไม่เช่นนั้นพระชายาจะโกรธได้""ห้ะ..."องครักษ์ลับนิ่งอึ้งตั้งแต่โบราณกาลมา ของกำนัลที่นำมามอบให้ในพิธีเสกสมรสก็ล้วนแต่มอบให้ทั้งคู่ด้วยกันไม่ใช่หรือ นี่...นี่มันชักจะ...องครักษ์ลับท้วงติง "พระชายา เช่นนี้จะไม่เหมาะสมเท่าใดนัก ผู้ที่ไม่รู้จะคิดว่าท่านถือโอกาสนี้รีดไถเงินได้""ไม่เหมาะสมตรงไหน ข้าเห็นว่าเหมาะสมยิ่งนัก ดูคนเหล่านั้นที่มาสิ แต่ละคนดูไร้มารยาท สวมเงินสวมทองเต็มตัว แก้วแหวนเงินทองเหล่านั้น ดูแล้วส่วนใหญ่ล้วนมาจากการขูดเลือดขูดเนื้อชาวบ้านเป็นแน่ ไปบอก
ในจวนหานอ๋อง ชิวเอ๋อร์ยิ้มแป้น แต่งตัวทำผมให้กับกู้ชูหน่วน ปากก็พลอยเจื้อยแจ้วไม่หยุด "คุณหนู มงกุฎหงส์และสายสะพายของคุณหนูงดงามยิ่งนัก คนในจวนอิจฉากันใหญ่ คุณหนูรู้หรือไม่ ไข่มุกทุกเม็ดบนมงกุฎของคุณหนูล้วนแต่เป็นไข่มุกชั้นสูงสุดที่มาจากมหาสมุทรตะวันออก ทุกเม็ดล้วนมีขนาดเท่ากัน เม็ดกลมวาว มูลค่าไม่อาจประเมินได้ มงกุฎยังตกแต่งด้วยพลอยไพฑูรณ์และหินโมราร้อยแปดเม็ด ทุกเม็ดก็มูลค่าสูงจนไม่อาจประเมินได้เช่นกัน""ที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุดก็คือมุกราตรีตรงกลางเม็ดนี้ ได้ยินมาว่าเป็นมุกราตรีที่ใหญ่และดีที่สุดในเวลานี้ ตอนนั้นแคว้นฉู่คิดทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งมุกราตรีเม็ดนี้มอบให้กับฮองเฮาแคว้นฉู่ น่าเสียดายที่หาไม่เจอ ท่านอ๋องกลับสั่งให้คนนำมันมาฝังไว้ที่มงกุฎหงส์มอบให้กับท่าน นี่ก็พอจะพิสูจน์ได้แล้วว่า ท่านอ๋องโปรดปรานคุณหนูมากจริงๆ"กู้ชูหน่วนไม่ได้นอนมาทั้งคืน ง่วงจนสะลึมสะลือ ปล่อยให้ชิวเอ๋อร์หวีผมไปมงกุฎหงส์มีมูลค่ามหาศาล นางสนใจ แต่พอมาสวมอยู่บนหัว นางก็ไม่รู้สึกสนใจแล้วหนักเกินไป จนนางกลัวว่าคอจะถูกกดจนหักได้"คุณหนู ชิวเอ๋อร์รู้ว่าสมองของคุณหนูได้รับบาดเจ็บ ความทรงจำมากมายไม่ค
"แค่รูปแบบชุดแต่งงานของนาง ก็เกินหน้าเกินตาฮองเฮาแล้วกระมัง เทพสงครามไม่กลัวจะถูกคนติฉินนินทาบ้างเลยหรืออย่างไร""กำลังทหารแคว้นเย่ล้วนแต่อยู่ในมือเทพสงคราม ฮ่องเต้ทรงไม่กล้ามีปากมีเสียง ผู้ใดจะกล้าเล่า"กู้ชูหน่วนเงี่ยหูฟังคำวิจารณ์ของพวกเขาอยู่เงียบๆ ไม่รู้เลยว่าชุดแต่งงานชุดนี้จะมีมูลค่าขนาดนั้น ดูเหมือนว่างานแต่งครั้งนี้ นางคงไม่ขาดทุนแล้วผ้าแดงคลุมหน้าก็ไม่รู้ว่าเย่จิ่งหานสั่งให้คนออกแบบมาโดยเฉพาะหรือเปล่า จากด้านใน สามารถมองเห็นทุกคนได้อย่างชัดเจน ทว่ามองจากด้านนอกกลับไม่เห็นรูปโฉมของนาง"นี่ไม่นับอะไรเลย ได้ยินมาว่ากู้ชูหน่วนขอของกำนัลแสดงความยินดีอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งยังสั่งให้คนประกาศรายชื่อของกำนัลทั้งหมดออกมาอย่างชัดเจนแหม ก็เคยได้ยินอยู่หรอกเรื่องใช้งานแต่งมารีดไถเงิน แต่ไม่เคยพบเห็นผู้ใดจะเปิดเผยเช่นนี้""ก็นั่นน่ะสิ เดิมทีพวกข้าสองสามีภรรยาตั้งใจจะมอบหยกหรูอี้ชั้นดีหนึ่งคู่ แต่ผู้ดูแลจดบันทึกรายงานของกำนัลกลับบอกว่า พระชายามีคำสั่ง ของขวัญต้องให้แยกกัน เจ้าคิดดูสิ พวกข้าไม่มีทางแยกหยกหรูอี้หนึ่งคู่ออกจากกันหรอก แยกกันแล้วก็จะไม่เป็นมงคล หากรู้ถึงหูเทพสงคราม พวกข้าจะยัง
"หนึ่ง คำนับฟ้าดิน"เย่จิ่งหานสวมชุดแต่งงานสีแดงสดทั้งตัว ทำให้ดูมีพลังมีชีวิตชีวายิ่งกว่าเดิม เขามองไปทางเจ้าสาวที่อยู่ข้างกาย ภายในดวงตาฉายแววยิ้มขาทั้งสองข้างของเขาพิการ ทำได้เพียงแค่นั่งอยู่บนรถเข็นทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินวินาทีนี้ ภายในใจของเย่จิ่งหานทั้งกระสับกระส่ายและปลาบปลื้มยินดี ไม่เคยคิดมาก่อนว่า จะมีวันที่เขาได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเหมือนคนปกติทั่วไปตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หญิงที่อยู่ข้างกาย ก็จะกลายเป็นสตรีที่เขาจะปกป้องไปจนวันตายเทียบกับความยินดีของเย่จิ่งหาน กู้ชูหน่วนกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไร คิดเพียงแค่อยากจะรีบทำพิธีให้จบ แล้วกลับไปนอนหลับให้เต็มอิ่มองค์หญิงตังตังมุ่ยปากเอ่ยเสียงเบา "ไม่รู้ว่านางผู้นี้ทำบุญด้วยอะไร ถึงได้แต่งกับเสด็จอาจริงๆ"เย่มู่เจ๋อไม่ได้รู้สึกยินดีสักเท่าใดนักหากตอนนั้นเขาไม่ขอถอนหมั้น ยามนี้คนที่นางต้องแต่งด้วยควรจะเป็นเขาถึงจะถูกในการประลองศิลปะ กู้ชูหน่วนทำให้เขาเสียหน้าจนหมดสิ้น เขาควรจะเกลียดนาง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด หลายวันมานี้ ในหัวมีแต่ภาพรอยยิ้มพิมพ์ใจวนเวียนอยู่ในนั้นไม่หยุดทุกสีหน้า ทุกท่าทางของนางช่างงดงามถึงเพียงนั้นเขารู้สึ
เจ๋ออ๋องก็ไม่แน่ใจว่าตนรู้สึกอย่างไร รู้สึกชอบกู้ชูหน่วน หรือไม่ยอมที่สตรีที่เดิมควรจะเป็นของตน ต้องไปแต่งงานกับผู้อื่น เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าไปเอาความกล้ามาจากที่ใด ถึงได้กล้ายืดอกหลังตรง เอ่ยเสียงดังฟังชัด"หลานไม่กล้า เพียงแต่หากคุณหนูสามกู้ไม่อยากแต่งกับเสด็จอา แม้เสด็จอาจะเป็นเทพสงคราม แต่ก็ไม่อาจบังคับผู้อื่นได้"ไอเย็นจากร่างของเย่จิ่งหานแผ่ซ่าน เขาเคยคิดว่าหัวหน้าเผ่าหมอจะมาก่อกวน เคยคิดว่าเผ่าเทียนเฝินจะมาก่อกวน เพียงอย่างเดียวที่คิดไม่ถึงคือเจ๋ออ๋องจะกล้าชิงตัวเจ้าสาวอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ทุกคนในโถงต่างก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศประหลาด หนาวจนลำตัวสั่นเทิ้มแทบจะไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเทพสงครามมีน้ำโหแล้วหากเขาโกรธ ไม่แน่ชีวิตนี้ของเจ๋ออ๋องอาจต้องจบสิ้นลงตรงนี้บรรดาอ๋องแห่งแคว้นเย่ มีหลายคนที่ล้วนแต่ถูกเทพสงครามฆ่า หนึ่งในนั้นรวมไปถึงพี่ชายแท้ๆ ของเขาเองพี่ชายแท้ๆ เทพสงครามยังกล้าฆ่า นับประสาอะไรกับหลานชายหลายคนถึงกับปาดเหงื่อลุ้นแทนเจ๋ออ๋องกู้ชูหน่วนได้แต่สบถในใจ อืดอาดยืดยาดอะไรอยู่ เมื่อไหร่จะทำพิธีเสร็จสักทีนางพูดด้วยความเกรี้ยวกราด "ข้าว่านะเจ๋ออ๋อง วันนี้เป็นวันมงคลข
เย่จิ่งหานเองก็คิดไม่ถึง ว่าภรรยาของเขาจะ...ห้าวหาญ...ขนาดนี้ที่ยิ่งห้าวหาญไปกว่านั้น นางจามออกมาอีกครั้ง ก่อนจะบ่นพึมพำ "ผู้ใดกัน ทาแป้งหนาขนาดนี้ จะสำลักตายอยู่แล้ว ในเมื่อทำพิธีกราบไหว้เสร็จแล้ว เช่นนี้ก็เข้าห้องหอเลยเถอะ"นางพูดจบ ดูเหมือนจะรู้สึกว่าไม่ค่อยทางการเท่าใดนัก จึงเสริมขึ้นมาอีกประโยค "ส่งตัวเข้าหอ"เงียบกริบทั้งงานยังคงเงียบสนิทเหมือนเก่า แต่ละคนล้วนแต่อ้าปากค้าง มองดูกู้ชูหน่วนที่มีผ้าปิดหน้าคุมอยู่มุมปากกู้ชูอวิ๋นนยกยิ้มเย้ยหยันเบาๆในวันพิธีเสกสมรสเช่นนี้ การจามทำให้ผ้าแดงคลุมหน้าปลิวหลุดไป นี่เท่ากับเป็นการฉีกหน้าเทพสงครามโดยตรงนางอยากจะเห็นเหลือเกินว่า เทพสงครามจะโกรธ แล้วฆ่านางเสียตรงนั้นเลยหรือไม่ไม่เพียงแต่นาง หลายคนในที่นั้นก็รอดูความอลหม่านนี้เช่นกัน แต่ละคนต่างก็คิดว่ากู้ชูหน่วนจบเห่แล้วทว่า...ที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงก็คือ เย่จิ่งหานโมโหจริงแต่สิ่งที่เขาโมโห ไม่ใช่กู้ชูหน่วนแต่เป็นสตรีผู้ที่ทาแป้งหน้าเตอะในงานผู้นั้น"ใครก็ได้ เข้ามาจับตัวหญิงผู้ที่ทาแป้งหนาเตอะทั้งหมดออกไป พระชายาของข้าทนกลิ่นแสบจมูกไม่ได้"เอิ่ม......นี่มันเกิดอะไรขึ้น
"อาสะใภ้ ท่านช่างใจดียิ่งนัก" องค์หญิงตังตังยิ้มด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์ สั่งให้คนไปยกน้ำชามา แล้วรินให้นางด้วยตัวเองถ้วยหนึ่ง"ท่านอาสะใภ้ ตังตังขอใช้น้ำชาแทนเหล้า เพื่อแสดงความเคารพ"สายตาเย็นชาของเย่จิ่งหานฉายรีงสีอำมหิตผาดหนึ่งคนที่รู้จักเขาดีต่างก็รู้ว่า หากใส่อะไรลงไปในชาถ้วยนี้ วันนี้ก็จะเป็นวันตายของตังตัง เพราะเขาฉายไอสังหารออกมาแล้วจริงๆไม่รู้ว่าเจี้ยงเสวี่ยปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อใด พูดกระซิบเสียงเบาอยู่ข้างเย่จิ่งหาน "นายท่าน ในน้ำชาขององค์หญิงตังตังไม่มีพิษ"ไม่มีพิษ ?เช่นนั้นนางยกน้ำชากับนางเพื่อสิ่งใด"ความหวังดีขององค์หญิงตังตัง พระชายาของข้ารับไว้ด้วยใจแล้ว วันนี้เป็นคืนส่งตัวเข้าหอของข้า ข้าขอตัวก่อน"กู้ชูหน่วนกลับใจกว้าง พูดแก้ให้ด้วยท่าทางหนักแน่นมั่นใจ "ท่านอ๋อง ความตั้งใจจริงขององค์หญิงตังตัง พวกเราจะไม่รับไว้ได้อย่างไร หากทำร้ายจิตใจดวงน้อยๆ ของนางเล่า จะทำเช่นไร"เย่จิ่งหานขมวดคิ้วมุ่นพระชายาของเขาคิดจะทำการใดอีกแล้ว"องค์หญิงตังตังเรียกข้าท่านอาสะใภ้ทุกคำ ข้าฟังแล้วอารมณ์ดียิ่งนัก ต่อไปก็ต้องรักษาไว้ล่ะ" กู้ชูหน่วนพูดพลางรับถ้วยน้ำชาจากนางมา ดวงตาใสเ
กู้ชูหน่วนมองดูสายตาตกตะลึงของคนทั้งงานด้วยความพึงพอใจเดิมทีนางไม่ได้อยากทำให้เป็นเรื่องเอิกเริกเช่นนี้ แต่เป็นพวกเขาที่อยู่ดีไม่ว่าดี บีบบังคับให้นางเผยโฉมที่แท้จริงองค์หญิงตังตังพึมพำ "เจ้า...เจ้าเป็นใคร""เมื่อครู่องค์หญิงยังเรียกข้าว่าอาสะใภ้อยู่เลยไม่ใช่หรือ เหตุใดไม่รู้จักกันเสียแล้ว""เจ้า...เจ้าคือกู้ชูหน่วน ? เป็นไปได้อย่างไร รูปโฉมของเจ้าอัปลักษณ์ไม่ใช่หรือ เหตุใดถึง..." เหตุใดถึงได้งดงามเพียงนี้ก่อนหน้านี้นางคิดว่ากู้ชูอวิ๋นรูปโฉมงดงาม ยามนี้เมื่อเปรียบเทียบกัน นางกลับรู้สึกว่ากู้ชูอวิ๋นเทียบไม่ได้เลย"องค์หญิงพูดอะไรประหลาดเช่นนี้ ป่วยยังรักษาให้หายได้ รูปโฉมของข้าอัปลักษณ์ไปบ้าง ยามนี้รักษาหายแล้ว มีสิ่งใดน่าแปลกหรือ"องค์หญิงตังตังชะงักงันใบหน้านี้เด้งตึงเปล่งปลั่ง ผิวพรรณเนียนนุ่ม ราวกับทารกแรกเกิด ช่างทำให้คนอิจฉานักกู้ชูอวิ๋นสีหน้าไม่สู้ดี ร่างกายสั่นไปทั้งตัวนางเปลืองแรงไปตั้งมากมาย กว่าจะยั่วยุให้องค์หญิงตังตังกระชากผ้าคลุมของกู้ชูหน่วนได้ เดิมทีตั้งใจจะทำให้กู้ชูหน่วนอับอายขายหน้า คิดไม่ถึงว่ากลับกลายเป็นการให้โอกาสกู้ชูหน่วนได้ทำให้ทุกคนตกตะลึงรูป
"เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า"เซียวอวี่เชียนถอนหายใจยาวเหยียดตอนนั้นเทพสงครามฉุนเฉียวเช่นนั้น เขาคิดว่ายัยขี้เหร่จะต้องไม่ได้มีจุดจบที่ดีแน่หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาพยามคิดหาหนทางหนีออกไปจากจวนแม่ทัพเพื่อไปเยี่ยมยัยขี้เหร่ที่จวนหานอ๋อง แต่ช่วยไม่ได้ที่ถูกปิดตายอยู่ในห้อง ไม่ว่าเขาจะคิดหาทนทางเพียงไรก็หนีออกไปไม่ได้"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว"เขาพูดพลางเหลือบไปมองหน้าท้องของนางปราดหนึ่งนี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว เหตุใดท้องของนางยังแบนราบเช่นนี้ หรือสารอาหารจะไม่เพียงพอแต่สีหน้าของนางดูเหมือนจะดีกว่าแต่ก่อนเยอะ แม้แต่ราศีที่เปล่งออกมาก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนที่ใช้ชีวิตอย่างตรอมตรมเลยสักนิด"เหลือเวลาอีกเท่าไหร่กว่าจะถึงพิธีแต่งงานของเจ้า""งานประชุมสวินหลงเสร็จสิ้นก็ต้องจัดแล้ว แต่เจ้าวางใจ ข้าไม่มีทางแต่งกับนางเด็ดขาด"กู้ชูหน่วนแค่นหัวเราะ "แน่นอนว่าแต่งกับนางไม่ได้"ผู้ที่มารยาร้อยเล่มเกวียน ประพฤติไม่ชอบอย่างกู้ชูอวิ๋น จะแต่งมาทำอะไร"ยัยขี้เหร่ เจ้าไม่อยากให้ข้าแต่งกับนางจริงๆ ใช่หรือไม่"เอิ่ม......เซียวอวี่เชียนจะตื่นเต้นขนาดนี้ไปทำไมในฐานะเพื่อน นางย่อมไม่อยากให้เซียวอวี่เชียนแต
"ทูลพระชายา นายท่านไปพำนักที่เรือนชิวเฟิงชั่วคราว อีกสองสามวันก็จะกลับมาแล้ว"เรือนชิวเฟิง ?ไปที่นั่นทำไม"เขาได้รับบาดเจ็บหรือ" กู้ชูหน่วนถามอย่างระแวดระวัง"หามิได้ นายท่านไม่ได้ไปที่เรือนชิวเฟิงมาระยะหนึ่งแล้ว จึงอาจอยากอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน ข้าน้อยก็ไม่ทราบแน่ชัด หน้าที่ของข้าน้อยคือปกป้องคุ้มครองพระชายา"กู้ชูหน่วนกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย รู้สึกอยู่ตลอดว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นงานประชุมสวินหลงที่สำนักบัณฑิตหลวงจะจัดผลัดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งผลัดมาจนถึงวันนี้นางเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้าเจ็ดวันก่อน นางรับปากเสี่ยวลู่ ลานประมูลเฟิงเซียงไว้แล้วว่าวันนี้จะไปตามเวลาที่นัด แต่หากไปลานประมูลเฟิงเซียง เช่นนั้นก็ไปร่วมงานประชุมสวินหลงไม่ได้ระหว่างที่นางกำลังลังเลว่าจะไปร่วมงานประมูลเฟิงเซียงหรืองานประชุมสวินหลงดี บ่าวรับใช้ก็เข้ามารายงานกะทันหัน"พระชายา ลานประมูลเฟิงเซียงส่งข่าวมาว่า ยกเลิกงานประมูลวันนี้ เลื่อนไปจัดในอีกสิบวันให้หลัง ลานประมูลขอเชิญท่านไปเข้าร่วมในอีกสิบวันข้างหน้า"บังเอิญเพียงนี้เลยรึหรือลานประมูลเฟิงเซียงจะรู้ว่าวันนี้นางอยากไปร่วมงานประชุมสวินหลง
ครั้งนี้ นางใช้โชคเข้าปะทะชีพจรยุทธ ทุกครั้งที่ใกล้จะทะลวงชีพจรยุทธได้สำเร็จ นางจะคว้ายาชำระไขกระดูกจำนวนมากมากินเพื่อเพิ่มพลังงานเช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ ทุกครั้งที่นางเพิ่งจะเปิดรอยแยกได้ ก็จะปิดลงทันที กู้ชูหน่วนไม่ยอมแพ้ นางทะลวงครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ ในที่สุดนางก็เปิดชีพจรยุทธได้สำเร็จ"เฮือก......"เลือดสดอีกคำไหลหยดออกมา คนอื่นทะลวงชีพจรยุทธแล้วจะรู้สึกสบายไปทั้งตัว มีพลังงานเต็มเปี่ยม แต่นางกลับเหมือนหนีความตายมาได้ และเกือบเอาชีวิตนางไปกู้ชูหน่วนคราบเลือดติดมุมปาก แต่นางก็แย้มรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมานางพยายามใช้โชคหมุนเวียนพลังงานภายในร่างกาย เปลวไฟกลุ่มหนึ่งในตันเถียนของนางกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และร่างกายของนางก็เบาขึ้นกว่าเดิมมากนางมีพลังภายในแล้ว...... แม้ว่าพลังภายในจะอ่อนแอมากก็ตาม......การเปิดชีพจรยุทธบ่งชี้ว่านางสามารถฝึกวิชายุทธได้แล้วกู้ชูหน่วนหายใจออกมายาวและเปิดตำรารวมสูตรปรุงยาอีกครั้งยายกระดับเป็นยาที่ช่วยเพิ่มพลังภายในอย่างรวดเร็วและทะลวงผ่านหนึ่งขั้นได้กู้ชูหน่วนรู้สึกสนใจขึ้นมา"ชิงเฟิง"ชิงเฟิงทำหน้าบูดบึ้ง "พระชาย
บ่าวรับใช้ในจวนอ๋องกำลังช่วยกันดับไฟ ผมของกู้ชูหน่วนถูกระเบิดจนยุ่งเหยิง ราวกับรังไก่ ชิงเฟิงจัดให้นางไปอยู่ในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามอีกห้องหนึ่งภายในห้อง กู้ชูหน่วนมองกล่องยาชำระไขกระดูกขนาดใหญ่ตรงหน้า ทั้งกังวลและโล่งใจกังวลคือยาชำระไขกระดูกยังห่างไกลจากผลลัพธ์ที่นางต้องการโล่งใจคือในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว"ชิวเอ๋อร์ ไปเฝ้าหน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามา รวมถึงท่านอ๋องด้วย""คุณหนู ท่านจะทำอะไรอีกแล้วหรือเจ้าคะ?"ชิวเอ๋อร์กลัวจนตัวสั่น ชีวิตของคุณหนูเกือบจะจบสิ้นแล้ว นางคงไม่คิดที่จะปรุงยาอีกแล้วใช่หรือไม่"เจ้ารู้อะไร รีบออกไปเถิด""แต่ว่า......"ก่อนที่ชิวเอ๋อร์จะพูดจบ กู้ชูหน่วนก็ผลักนางออกไป แล้วนั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบยาชำระไขกระดูกในกล่องตรงหน้ามากินหนึ่งเม็ดความร้อนไหลขึ้นมาจากตันเถียน แต่ชีพจรยุทธไม่เปิดออกเสียทีกู้ชูหน่วนกินอีกหลายเม็ด ความร้อนในตันเถียนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เส้นลมปราณทั้งเจ็ดและแปดเส้นรู้สึกสบาย แต่ชีพจรยุทธยังคงไม่เปิดออกนางขมวดคิ้ว "ใช้สมุนไพรที่คล้ายกันมาทดแทน ผลลัพธ์ก็ยังแตกต่างกันมาก ยาชำระไขกระดูกนี้แย่เกินไป"กู้ชูหน่วนกัดฟัน กลืนยาชำระไขกระ
"พระชายา โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย ข้าน้อยก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น"เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนตั้งใจจะออกไป ชิงเฟิงก็ตกใจและเอ่ยว่า "พระชายา ท่านต้องการไปหายาใช่หรือไม่? หรือว่าท่านจะให้ใบสั่งยาแก่ข้าน้อย แล้วให้ข้าน้อยปหายามาให้""ก็ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี""ขอรับ"ความเร็วของชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นรวดเร็วมาก แต่หลังจากกลับมา คำตอบของพวกเขาก็เหมือนกับที่ชิวเอ๋อร์พูดไม่มีผิดเพี้ยน"พระชายา ข้าน้อยได้ไปหาหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงแล้ว พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรในใบสั่งยาของท่านเลย และไม่สามารถหายาเหล่านั้นมาให้ท่านได้"ด้วยความกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะโกรธ ชิงเฟิงจึงหยุดชะงักแล้วเอ่ยต่อทันทีว่า "ข้าน้อยได้พาหมอหลวงจากสำนักหมอหลวง รวมถึงหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาด้วย พระชายาสามารถสอบถามพวกเขาได้โดยตรงเลย"เมื่อโบกมือ หมอจำนวนมากก็เดินเข้ามาทีละคน และทำความเคารพนาง "คารวะพระชายา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พันปี พันๆ ปี""พอเถอะ ข้าขอถามพวกท่าน พวกท่านไม่เคยได้ยินชื่อซานหลิง ซูเหอเซียง การบูร จริงๆ หรือ?""ทูลพระชายา พวกข้าประกอบอาชีพหมอมาหลายสิบปี บรรพบุรุษของพวกข้าก็เป็นหมอเช่นกัน พวกข้าไ
นิ้วเรียวสวยของกู้ชูหน่วนพลิกดูตำรารวมสูตรปรุงยาที่ขาดวิ่นอย่างต่อเนื่อง นางมองอย่างตั้งใจจนลืมตัว และไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาที่จวนหานอ๋องตั้งแต่เมื่อใด"เย่จิ่งหานล่ะ?" กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นถามทันทีชิงเฟิงเม้มปาก การต่อสู้ดุเดือดขนาดนั้น พระชายาของเขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่?"นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินมาชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียว นายท่านต่อสู้กับเขา และยามนี้ยังอยู่ในป่าไผ่ นายท่านให้ข้าพาพระชายากลับจวนก่อน""อย่างนั้นหรือ สามหมื่นล้านตำลึง ล่อตาล่อใจโจรจริง ๆ แผนที่ไข่มุกสีเขียวต้องได้รับการปกป้องอย่างดี อาจจะเป็นทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจวนหานอ๋องก็ได้นะ" นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินบาดเจ็บไม่ใช่หรือ? เย่จิ่งหานน่าจะรับมือได้เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนพูดเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง คิ้วเข้มของชิงเฟิงก็ขมวดแน่นสิ่งที่นางควรเป็นห่วงไม่ใช่นายท่านหรอกหรือ?"ข้าจะกลับไปศึกษาตำรารวมสูตรปรุงยา บอกบ่าวรับใช้ว่าห้ามใครรบกวนหากไม่มีคำสั่งจากข้า""ขอรับ"ภายในห้อง กู้ชูหน่วนจรดพู่กันเขียนตำรับยาหลายแผ่นอย่างคล่องแคล่ว แล้วส่งให้ชิวเอ๋อร์ "ไปร้านขายยา ซื้อยาตามตำรับที่ข้าให้มา กลับมามากหน่อย"
กู้ชูหน่วนรับจดหมายเชิญ แล้วเกี่ยวคางของนางอย่างเย้าแหย่ "เมื่อมีสาวงามมาเชิญ เราจะกล้าไม่มาได้อย่างไร วางใจได้ งานประมูลเฟิงเซียงสิ้นเดือนนี้ พวกเราจะไปให้ตรงเวลาแน่นอน""เช่นนั้น เสี่ยวลู่จะรอแขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่านอยู่ที่งานประมูลเฟิงเซียง"หลังออกจากงานประมูลเฟิงเซียง เย่จิ่งหานก็ยังคงทำหน้าเย็นชาตลอดเวลาระหว่างทางกลับ พวกเขานั่งรถม้าประจำตัวของเย่จิ่งหาน กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่ารถม้าทำจากวัสดุอะไร ภายนอกดูธรรมดา แต่ภายในกลับมีพื้นที่กว้างขวางมาก สามารถดื่มชา เล่นหมากรุก หรือนอนพักผ่อนได้ อีกทั้งยังป้องกันลูกธนูพิษและอาวุธทุกชนิดได้ เมื่อสัมผัสกับรถม้า จะมีเพียงเสียงโลหะกระทบกันเท่านั้นตลอดทาง เสียงการต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะๆ ไม่ขาดสาย พร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดพื้นดินสั่นสะเทือนเป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าข้างนอกต่อสู้กันดุเดือดเพียงใดกู้ชูหน่วนรู้ว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาเพื่อแย่งชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียวของเย่จิ่งหานแต่เมื่อมองไปที่เย่จิ่งหาน เขานั่งจิบชาอ่านหนังสืออย่างสง่างามริมหน้าต่างรถม้า ราวกับไม่รับรู้ถึงการต่อสู้ภายนอกกู้ชูหน่วนเปิดม่านรถม้าดู ข้างนอกมีแต่แ
อี้เฉินเฟยพิจารณาความหมายในคำพูดของกู้ชูหน่วนอย่างถี่ถ้วนครู่หนึ่งเขาก็เข้าใจกระจ่างแจ้ง ยิ้มอย่างอ่อนโยน "สุภาพบุรุษไม่แย่งชิงสิ่งที่ผู้อื่นชื่นชอบ ในเมื่อแขกชั้นล่างชื่นชอบแผนที่ไข่มุกสีเขียวขนาดนี้ ข้าก็จะไม่แย่งแล้ว"กู้ชูหน่วนลูบปลายคาง คำพูดนี้ฟังดูคุ้นหูเหลือเกิน?แต่อี้เฉินเฟยก็มีสมองขึ้นมาบ้างแล้วสามพันล้าน......จุ จุ จุทรัพย์สมบัติของเย่จิ่งหานถูกสูบไปหมดแล้วใช่หรือไม่"สามพันล้านครั้งที่หนึ่ง สามพันล้านครั้งที่สอง สามพันล้านครั้งที่สาม ขอแสดงความยินดีกับแขกผู้มีเกียรติหมายเลขยี่สิบเก้า ได้รับแผนที่ไข่มุกสีเขียวไปครอง"ทุกคนต่างมองเย่จิ่งหานด้วยความอิจฉาในหมู่พวกเขาบางคนเคยคิดที่จะแย่งชิง แต่ฝ่ายตรงข้ามคือเทพสงครามแห่งแคว้นเย่ พวกเขาจะแย่งชิงได้อย่างไร?เด็กรับใช้ของอี้เฉินเฟยเสียดายแล้วเสียดายอีกสามพันล้านสูงเกินไป......น่าเสียดายที่อาจารย์อี้เตรียมการมานาน สุดท้ายก็ยังพลาดการประมูลเจ๋ออ๋องขมขื่นในใจ เดินออกงานประมูลอย่างอ้างว้างหางตาของซ่างกวานฉู่ฉายแววเย็นเยือก มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ายวนคนของเผ่าเทียนเฝินเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ "ดำเนินการตามแผนเดิม ต้อง
"อะไรนะ เขาคือเทพสงคราม"ทุกคนต่างถอยหลังด้วยความหวาดกลัว พยายามรักษาระยะห่าง เพราะกลัวว่าเย่จิ่งหานจะลงมือกับพวกเขาหากเป็นคนอื่นที่เสนอราคานี้ พวกเขาคงจะประหลาดใจมาก แต่หากเป็นเทพสงครามที่เสนอราคา ก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเพราะเทพสงครามคือบุคคลสำคัญของแคว้นเย่ ทั้งศักยภาพ ความมั่งคั่ง และอิทธิพลของเขายิ่งใหญ่กว่าฮ่องเต้เสียอีกเด็กรับใช้ของอี้เฉินเฟยเอ่ยว่า "อาจารย์อี้ เราจะเพิ่มราคาอีกหรือไม่?"อี้เฉินเฟยเงียบไป ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักมูลค่าอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงยกป้ายขึ้น "หนึ่งพันเจ็ดร้อยล้าน"อะไรนะ......คนในห้องหมายเลขเจ็ดเป็นใครกัน?เพิ่มราคาครั้งละสองร้อยล้านเงินในสายตาพวกเขาเป็นเพียงตัวเลขหรืออย่างไร?เจ๋ออ๋องโยนป้ายทิ้งอย่างหมดแรงจะประมูลไปทำไม ประมูลไปก็เปล่าประโยชน์เขาไม่สามารถประมูลได้แม้แต่เศษเสี้ยวของพวกเขาในชั่วพริบตา เจ๋ออ๋องรู้สึกว่าตนแตกต่างจากพวกเขาอย่างมาก"สองพันล้าน" เย่จิ่งหานเอ่ยชิงเฟิงเหงื่อออกที่ฝ่ามือแม้นายท่านจะมีทรัพย์สมบัติจำนวนมาก แต่การสูญเสียสองพันล้านในคราวเดียวก็ต้องทำให้บาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอนซ่างกวานฉู่หน้าตายไร้อารมณ์ มองไม่ออ