ก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่มีโอกาสประจบประแจง เวลานี้เป็นพิธีเสกสมรส จะไม่รีบเอาอกเอาใจอย่างสุดกำลังได้อย่างไร"ย่อมเป็นเช่นนั้น นี่คือของกำนัลแสดงความยินดีต่อพิธีเสกสมรสที่พวกเขามอบให้แก่นายท่านและพระชายา""เช่นนั้นก็หมายความว่า ของกำนัลเหล่านี้ ที่จริงแล้วเป็นของข้าครึ่งหนึ่ง""เอ่อ..."องครักษ์ลับมึนงง ไม่เข้าว่าพระชายาต้องการจะสื่ออะไรกู้ชูหน่วนโบกมือ ยิ้มอย่างมีเลศนัย "เอาแบบนี้ เจ้าไปบอกผู้ที่จัดการเรื่องรับของขวัญ ให้ผู้ที่นำของขวัญมาลงนาม ของชิ้นใดให้ท่านอ๋อง ของชิ้นใดให้พระชายา จะมาฝักใฝ่แต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ ไม่เช่นนั้นพระชายาจะโกรธได้""ห้ะ..."องครักษ์ลับนิ่งอึ้งตั้งแต่โบราณกาลมา ของกำนัลที่นำมามอบให้ในพิธีเสกสมรสก็ล้วนแต่มอบให้ทั้งคู่ด้วยกันไม่ใช่หรือ นี่...นี่มันชักจะ...องครักษ์ลับท้วงติง "พระชายา เช่นนี้จะไม่เหมาะสมเท่าใดนัก ผู้ที่ไม่รู้จะคิดว่าท่านถือโอกาสนี้รีดไถเงินได้""ไม่เหมาะสมตรงไหน ข้าเห็นว่าเหมาะสมยิ่งนัก ดูคนเหล่านั้นที่มาสิ แต่ละคนดูไร้มารยาท สวมเงินสวมทองเต็มตัว แก้วแหวนเงินทองเหล่านั้น ดูแล้วส่วนใหญ่ล้วนมาจากการขูดเลือดขูดเนื้อชาวบ้านเป็นแน่ ไปบอก
ในจวนหานอ๋อง ชิวเอ๋อร์ยิ้มแป้น แต่งตัวทำผมให้กับกู้ชูหน่วน ปากก็พลอยเจื้อยแจ้วไม่หยุด "คุณหนู มงกุฎหงส์และสายสะพายของคุณหนูงดงามยิ่งนัก คนในจวนอิจฉากันใหญ่ คุณหนูรู้หรือไม่ ไข่มุกทุกเม็ดบนมงกุฎของคุณหนูล้วนแต่เป็นไข่มุกชั้นสูงสุดที่มาจากมหาสมุทรตะวันออก ทุกเม็ดล้วนมีขนาดเท่ากัน เม็ดกลมวาว มูลค่าไม่อาจประเมินได้ มงกุฎยังตกแต่งด้วยพลอยไพฑูรณ์และหินโมราร้อยแปดเม็ด ทุกเม็ดก็มูลค่าสูงจนไม่อาจประเมินได้เช่นกัน""ที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุดก็คือมุกราตรีตรงกลางเม็ดนี้ ได้ยินมาว่าเป็นมุกราตรีที่ใหญ่และดีที่สุดในเวลานี้ ตอนนั้นแคว้นฉู่คิดทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งมุกราตรีเม็ดนี้มอบให้กับฮองเฮาแคว้นฉู่ น่าเสียดายที่หาไม่เจอ ท่านอ๋องกลับสั่งให้คนนำมันมาฝังไว้ที่มงกุฎหงส์มอบให้กับท่าน นี่ก็พอจะพิสูจน์ได้แล้วว่า ท่านอ๋องโปรดปรานคุณหนูมากจริงๆ"กู้ชูหน่วนไม่ได้นอนมาทั้งคืน ง่วงจนสะลึมสะลือ ปล่อยให้ชิวเอ๋อร์หวีผมไปมงกุฎหงส์มีมูลค่ามหาศาล นางสนใจ แต่พอมาสวมอยู่บนหัว นางก็ไม่รู้สึกสนใจแล้วหนักเกินไป จนนางกลัวว่าคอจะถูกกดจนหักได้"คุณหนู ชิวเอ๋อร์รู้ว่าสมองของคุณหนูได้รับบาดเจ็บ ความทรงจำมากมายไม่ค
"แค่รูปแบบชุดแต่งงานของนาง ก็เกินหน้าเกินตาฮองเฮาแล้วกระมัง เทพสงครามไม่กลัวจะถูกคนติฉินนินทาบ้างเลยหรืออย่างไร""กำลังทหารแคว้นเย่ล้วนแต่อยู่ในมือเทพสงคราม ฮ่องเต้ทรงไม่กล้ามีปากมีเสียง ผู้ใดจะกล้าเล่า"กู้ชูหน่วนเงี่ยหูฟังคำวิจารณ์ของพวกเขาอยู่เงียบๆ ไม่รู้เลยว่าชุดแต่งงานชุดนี้จะมีมูลค่าขนาดนั้น ดูเหมือนว่างานแต่งครั้งนี้ นางคงไม่ขาดทุนแล้วผ้าแดงคลุมหน้าก็ไม่รู้ว่าเย่จิ่งหานสั่งให้คนออกแบบมาโดยเฉพาะหรือเปล่า จากด้านใน สามารถมองเห็นทุกคนได้อย่างชัดเจน ทว่ามองจากด้านนอกกลับไม่เห็นรูปโฉมของนาง"นี่ไม่นับอะไรเลย ได้ยินมาว่ากู้ชูหน่วนขอของกำนัลแสดงความยินดีอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งยังสั่งให้คนประกาศรายชื่อของกำนัลทั้งหมดออกมาอย่างชัดเจนแหม ก็เคยได้ยินอยู่หรอกเรื่องใช้งานแต่งมารีดไถเงิน แต่ไม่เคยพบเห็นผู้ใดจะเปิดเผยเช่นนี้""ก็นั่นน่ะสิ เดิมทีพวกข้าสองสามีภรรยาตั้งใจจะมอบหยกหรูอี้ชั้นดีหนึ่งคู่ แต่ผู้ดูแลจดบันทึกรายงานของกำนัลกลับบอกว่า พระชายามีคำสั่ง ของขวัญต้องให้แยกกัน เจ้าคิดดูสิ พวกข้าไม่มีทางแยกหยกหรูอี้หนึ่งคู่ออกจากกันหรอก แยกกันแล้วก็จะไม่เป็นมงคล หากรู้ถึงหูเทพสงคราม พวกข้าจะยัง
"หนึ่ง คำนับฟ้าดิน"เย่จิ่งหานสวมชุดแต่งงานสีแดงสดทั้งตัว ทำให้ดูมีพลังมีชีวิตชีวายิ่งกว่าเดิม เขามองไปทางเจ้าสาวที่อยู่ข้างกาย ภายในดวงตาฉายแววยิ้มขาทั้งสองข้างของเขาพิการ ทำได้เพียงแค่นั่งอยู่บนรถเข็นทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินวินาทีนี้ ภายในใจของเย่จิ่งหานทั้งกระสับกระส่ายและปลาบปลื้มยินดี ไม่เคยคิดมาก่อนว่า จะมีวันที่เขาได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเหมือนคนปกติทั่วไปตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หญิงที่อยู่ข้างกาย ก็จะกลายเป็นสตรีที่เขาจะปกป้องไปจนวันตายเทียบกับความยินดีของเย่จิ่งหาน กู้ชูหน่วนกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไร คิดเพียงแค่อยากจะรีบทำพิธีให้จบ แล้วกลับไปนอนหลับให้เต็มอิ่มองค์หญิงตังตังมุ่ยปากเอ่ยเสียงเบา "ไม่รู้ว่านางผู้นี้ทำบุญด้วยอะไร ถึงได้แต่งกับเสด็จอาจริงๆ"เย่มู่เจ๋อไม่ได้รู้สึกยินดีสักเท่าใดนักหากตอนนั้นเขาไม่ขอถอนหมั้น ยามนี้คนที่นางต้องแต่งด้วยควรจะเป็นเขาถึงจะถูกในการประลองศิลปะ กู้ชูหน่วนทำให้เขาเสียหน้าจนหมดสิ้น เขาควรจะเกลียดนาง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด หลายวันมานี้ ในหัวมีแต่ภาพรอยยิ้มพิมพ์ใจวนเวียนอยู่ในนั้นไม่หยุดทุกสีหน้า ทุกท่าทางของนางช่างงดงามถึงเพียงนั้นเขารู้สึ
เจ๋ออ๋องก็ไม่แน่ใจว่าตนรู้สึกอย่างไร รู้สึกชอบกู้ชูหน่วน หรือไม่ยอมที่สตรีที่เดิมควรจะเป็นของตน ต้องไปแต่งงานกับผู้อื่น เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าไปเอาความกล้ามาจากที่ใด ถึงได้กล้ายืดอกหลังตรง เอ่ยเสียงดังฟังชัด"หลานไม่กล้า เพียงแต่หากคุณหนูสามกู้ไม่อยากแต่งกับเสด็จอา แม้เสด็จอาจะเป็นเทพสงคราม แต่ก็ไม่อาจบังคับผู้อื่นได้"ไอเย็นจากร่างของเย่จิ่งหานแผ่ซ่าน เขาเคยคิดว่าหัวหน้าเผ่าหมอจะมาก่อกวน เคยคิดว่าเผ่าเทียนเฝินจะมาก่อกวน เพียงอย่างเดียวที่คิดไม่ถึงคือเจ๋ออ๋องจะกล้าชิงตัวเจ้าสาวอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ทุกคนในโถงต่างก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศประหลาด หนาวจนลำตัวสั่นเทิ้มแทบจะไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเทพสงครามมีน้ำโหแล้วหากเขาโกรธ ไม่แน่ชีวิตนี้ของเจ๋ออ๋องอาจต้องจบสิ้นลงตรงนี้บรรดาอ๋องแห่งแคว้นเย่ มีหลายคนที่ล้วนแต่ถูกเทพสงครามฆ่า หนึ่งในนั้นรวมไปถึงพี่ชายแท้ๆ ของเขาเองพี่ชายแท้ๆ เทพสงครามยังกล้าฆ่า นับประสาอะไรกับหลานชายหลายคนถึงกับปาดเหงื่อลุ้นแทนเจ๋ออ๋องกู้ชูหน่วนได้แต่สบถในใจ อืดอาดยืดยาดอะไรอยู่ เมื่อไหร่จะทำพิธีเสร็จสักทีนางพูดด้วยความเกรี้ยวกราด "ข้าว่านะเจ๋ออ๋อง วันนี้เป็นวันมงคลข
เย่จิ่งหานเองก็คิดไม่ถึง ว่าภรรยาของเขาจะ...ห้าวหาญ...ขนาดนี้ที่ยิ่งห้าวหาญไปกว่านั้น นางจามออกมาอีกครั้ง ก่อนจะบ่นพึมพำ "ผู้ใดกัน ทาแป้งหนาขนาดนี้ จะสำลักตายอยู่แล้ว ในเมื่อทำพิธีกราบไหว้เสร็จแล้ว เช่นนี้ก็เข้าห้องหอเลยเถอะ"นางพูดจบ ดูเหมือนจะรู้สึกว่าไม่ค่อยทางการเท่าใดนัก จึงเสริมขึ้นมาอีกประโยค "ส่งตัวเข้าหอ"เงียบกริบทั้งงานยังคงเงียบสนิทเหมือนเก่า แต่ละคนล้วนแต่อ้าปากค้าง มองดูกู้ชูหน่วนที่มีผ้าปิดหน้าคุมอยู่มุมปากกู้ชูอวิ๋นนยกยิ้มเย้ยหยันเบาๆในวันพิธีเสกสมรสเช่นนี้ การจามทำให้ผ้าแดงคลุมหน้าปลิวหลุดไป นี่เท่ากับเป็นการฉีกหน้าเทพสงครามโดยตรงนางอยากจะเห็นเหลือเกินว่า เทพสงครามจะโกรธ แล้วฆ่านางเสียตรงนั้นเลยหรือไม่ไม่เพียงแต่นาง หลายคนในที่นั้นก็รอดูความอลหม่านนี้เช่นกัน แต่ละคนต่างก็คิดว่ากู้ชูหน่วนจบเห่แล้วทว่า...ที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงก็คือ เย่จิ่งหานโมโหจริงแต่สิ่งที่เขาโมโห ไม่ใช่กู้ชูหน่วนแต่เป็นสตรีผู้ที่ทาแป้งหน้าเตอะในงานผู้นั้น"ใครก็ได้ เข้ามาจับตัวหญิงผู้ที่ทาแป้งหนาเตอะทั้งหมดออกไป พระชายาของข้าทนกลิ่นแสบจมูกไม่ได้"เอิ่ม......นี่มันเกิดอะไรขึ้น
"อาสะใภ้ ท่านช่างใจดียิ่งนัก" องค์หญิงตังตังยิ้มด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์ สั่งให้คนไปยกน้ำชามา แล้วรินให้นางด้วยตัวเองถ้วยหนึ่ง"ท่านอาสะใภ้ ตังตังขอใช้น้ำชาแทนเหล้า เพื่อแสดงความเคารพ"สายตาเย็นชาของเย่จิ่งหานฉายรีงสีอำมหิตผาดหนึ่งคนที่รู้จักเขาดีต่างก็รู้ว่า หากใส่อะไรลงไปในชาถ้วยนี้ วันนี้ก็จะเป็นวันตายของตังตัง เพราะเขาฉายไอสังหารออกมาแล้วจริงๆไม่รู้ว่าเจี้ยงเสวี่ยปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อใด พูดกระซิบเสียงเบาอยู่ข้างเย่จิ่งหาน "นายท่าน ในน้ำชาขององค์หญิงตังตังไม่มีพิษ"ไม่มีพิษ ?เช่นนั้นนางยกน้ำชากับนางเพื่อสิ่งใด"ความหวังดีขององค์หญิงตังตัง พระชายาของข้ารับไว้ด้วยใจแล้ว วันนี้เป็นคืนส่งตัวเข้าหอของข้า ข้าขอตัวก่อน"กู้ชูหน่วนกลับใจกว้าง พูดแก้ให้ด้วยท่าทางหนักแน่นมั่นใจ "ท่านอ๋อง ความตั้งใจจริงขององค์หญิงตังตัง พวกเราจะไม่รับไว้ได้อย่างไร หากทำร้ายจิตใจดวงน้อยๆ ของนางเล่า จะทำเช่นไร"เย่จิ่งหานขมวดคิ้วมุ่นพระชายาของเขาคิดจะทำการใดอีกแล้ว"องค์หญิงตังตังเรียกข้าท่านอาสะใภ้ทุกคำ ข้าฟังแล้วอารมณ์ดียิ่งนัก ต่อไปก็ต้องรักษาไว้ล่ะ" กู้ชูหน่วนพูดพลางรับถ้วยน้ำชาจากนางมา ดวงตาใสเ
กู้ชูหน่วนมองดูสายตาตกตะลึงของคนทั้งงานด้วยความพึงพอใจเดิมทีนางไม่ได้อยากทำให้เป็นเรื่องเอิกเริกเช่นนี้ แต่เป็นพวกเขาที่อยู่ดีไม่ว่าดี บีบบังคับให้นางเผยโฉมที่แท้จริงองค์หญิงตังตังพึมพำ "เจ้า...เจ้าเป็นใคร""เมื่อครู่องค์หญิงยังเรียกข้าว่าอาสะใภ้อยู่เลยไม่ใช่หรือ เหตุใดไม่รู้จักกันเสียแล้ว""เจ้า...เจ้าคือกู้ชูหน่วน ? เป็นไปได้อย่างไร รูปโฉมของเจ้าอัปลักษณ์ไม่ใช่หรือ เหตุใดถึง..." เหตุใดถึงได้งดงามเพียงนี้ก่อนหน้านี้นางคิดว่ากู้ชูอวิ๋นรูปโฉมงดงาม ยามนี้เมื่อเปรียบเทียบกัน นางกลับรู้สึกว่ากู้ชูอวิ๋นเทียบไม่ได้เลย"องค์หญิงพูดอะไรประหลาดเช่นนี้ ป่วยยังรักษาให้หายได้ รูปโฉมของข้าอัปลักษณ์ไปบ้าง ยามนี้รักษาหายแล้ว มีสิ่งใดน่าแปลกหรือ"องค์หญิงตังตังชะงักงันใบหน้านี้เด้งตึงเปล่งปลั่ง ผิวพรรณเนียนนุ่ม ราวกับทารกแรกเกิด ช่างทำให้คนอิจฉานักกู้ชูอวิ๋นสีหน้าไม่สู้ดี ร่างกายสั่นไปทั้งตัวนางเปลืองแรงไปตั้งมากมาย กว่าจะยั่วยุให้องค์หญิงตังตังกระชากผ้าคลุมของกู้ชูหน่วนได้ เดิมทีตั้งใจจะทำให้กู้ชูหน่วนอับอายขายหน้า คิดไม่ถึงว่ากลับกลายเป็นการให้โอกาสกู้ชูหน่วนได้ทำให้ทุกคนตกตะลึงรูป
เดิมทีคนของเผ่าเทียนเฝินก็สงสัยในตัวนายท่านหลันอยู่แล้ว เมื่อกู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ คนของเผ่าเทียนเฝินก็อดไม่ได้ที่จะมองนายท่านหลันเป็นศัตรูยิ่งกว่าเดิม กู้ชูหน่วนเอ่ยออกมาเบาๆ อีกประโยค "อีกอย่างหินก้อนใหญ่จากยอดเขากลับร่วงมาบนหัวผู้อาวุโสทุกท่านของเผ่าเทียนเฝิน ทว่าพวกเจ้าทั้งหมดกลับอยู่ริม และหลบได้อย่างง่ายดาย" "กู้ชูหน่วน เจ้าหมายความเช่นไร หรือเจ้าสงสัยว่าเป็นแผนของข้ารึ" "ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนั้นหรอก ชีวิตน้อยๆ ของข้ายังอยู่ในมือเจ้า" "เช่นนั้นหินก็ไม่ได้ร่วงใส่เจ้าไม่ใช่หรือ" "ข้าไม่โดนหินทับตาย เพราะข้าดวงแข็ง ใครจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวทางที่เจ้าพาไป จะหลอกข้าไปตายหรือไม่" "หากวันนี้ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ใช่นายท่านหลันแห่งกองธงทั้งสิบสองของเผ่าหมออีก" นายท่านหลันเดือดดาล ไม่ลังเลที่จะลงมืออีกต่อไป ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ต้องการจะสังหารกู้ชูหน่วนให้ถึงแก่ชีวิต ผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินก็มีน้ำโหด้วยเช่นกัน บวกกับกู้ชูหน่วนคอยยุแยงทุกประโยค คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอจึงแตกหักกันโดยสิ้นเชิง หันมาฆ่าฟันกันเอง ผู้อาวุโสจวินพูดด้วยความฉุนเฉียว "พวกหัวขโมยอ
ไฟโทสะในใจของนายท่านหลันสุมเป็นกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “กู้ชูหน่วน เจ้าวกไปวนมา จะวนไปถึงไหนกัน” “พวกเจ้าให้ข้าพาพวกเจ้าไปสุดยอดเขาเพื่อตามหาแก้วมังกรไม่ใช่รึ ข้ากำลังหาทางอยู่นี่อย่างไร” นายท่านหลันโกรธจนอยากจะฟาดฝ่ามือใส่นางให้ตาย กู้ชูหน่วนพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “ที่แห่งนี้มีทางแยกมากมาย ข้าพยายามหาเส้นทางเต็มที่แล้ว อีกอย่างทุกเส้นทางที่ไป ล้วนแต่ผ่านความเห็นชอบของพวกเจ้าแล้ว นายท่านหลัน เจ้าจะใส่ร้ายว่าข้าจงใจพาพวกเจ้าวกไปวนมาได้อย่างไร” นายท่านหลันหงุดหงิด ทั้งๆ ที่กู้ชูหน่วนจงใจหลอกพวกเขา ทว่านางกลับเอาเหตุผลมาอ้างทุกประโยค แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ทำให้เขาหาข้อกังขาไม่ได้ ทุกครั้งที่นางจะวนอยู่ที่ทางแยก นางถามพวกเขาก่อนแล้ว แต่นางแทบไม่ให้เวลาเขาดูแผนที่ก็มุ่งหน้าเดินต่อไปแล้ว ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเริ่มจะหมดความอดทน พวกเขาวนอยู่ในถ้ำมาครึ่งวันแล้ว ขืนวนต่อไป เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของพวกเขาก็จะถูกใช้จนหมด ต้องไปถึงยอดเขาให้ได้โดยเร็ว เขาเอ่ยเสียงขรึม พยายามข่มความเหลืออดไว้ในใจ “ยังต้องเดินอีกไกลเพียงใด” “เ
ครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฝินเองก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว อยากจะแทงกู้ชูหน่วนให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น ทว่ากู้ชูหน่วนกลับชิงร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเสียก่อน พลางสะอึกสะอื้น "เหล่าสหายทั้งหลาย เป็นข้าเองที่ทำร้ายพวกเจ้า หากรู้แต่แรกว่าที่นี่อันตรายถึงเพียงนี้ หากรู้แต่แรกว่าถ้าบุกเข้ามาจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างทรมานที่นี่ ข้ายอมถูกพวกเจ้าตีตายไปเสีย แต่จะไม่ยอมยกกระดิ่งภินวิญญาณให้เด็ดขาด ข้าผิดต่อพวกเจ้า" "ข้าสมควรตาย ข้าทำผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ ชีวิตคนมากมายเช่นนี้ คุณพระช่วย...ข้าควรชดใช้เช่นไร" นางร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ปวดใจเป็นที่สุด คนของเผ่าเทียนเฝินพลันใจอ่อนฮวบในทันที คนของเผ่าหมอก็คลายความโกรธลงไปไม่น้อย มีเพียงแค่นายท่านกองธงที่กัดฟันกรอด เส้นเลือดสีเขียวปูดจนจะระเบิดออกมา "ในเมื่อเจ้าอยากตายถึงเพียงนี้ เช่นนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง" หัวหน้ากองธงพูดพลางฟาดฝ่ามือไปที่กะโหลกของนาง คนของเผ่าเทียนเฝินมองดูหน้าตาเฉย อยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไร คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนเพียงแค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่ตอบโต้ ท่าทางรอคว
เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงเป็นกังวล ยามนี้พวกเขาต่างก็เจ็บหนัก หากฝืนตามไป ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรอาการของแต่ละคนก็สาหัสปางตายกันทั้งสิ้น แต่หากไม่ไปแล้วแก้วมังกรถูกชิงไป คิดจะแย่งกลับมา เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว พวกเขาออกตามหามาหลายปี ใช้คนไปตั้งมากมาย จนมาพบที่ตั้งของแก้วมังกรในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรยอมแพ้ กู้ชูหน่วนพิงอยู่ข้างโขดหิน มองดูท่าทีลังเลของพวกเขาอยู่เงียบๆ มุมปากยกยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น แก้วมังกรล่อตาล่อใจเสียขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่ติดกับ เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ คนเหล่านี้กัดฟันเค้นออกมาหนึ่งประโยค "ไป ขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย เจ้าก็ไปกับพวกข้าด้วย" กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เมื่อครู่พวกท่านเพิ่งรับปากว่าจะให้ข้าออกไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ หรือท่านจะกลับคำพูด" "แผนที่ที่เจ้าให้มามีเพียงครึ่งเดียว นอกเสียจากเจ้าช่วยพวกข้าตามหาอีกครึ่งหรือหาแก้วมังกรพบ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะได้ไปไหน" "ท่านไม่รักษาคำพูดนี่" "เช่นนั้นเจ้าอยากถูกฝังอยู่ที่นี่หรือไม่" คนของเผ่าเทียนเฝินผลักนางไปด้านหน้า กู้ชูหน่วนทำได้เพียงแค่มุ่งหน้า
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความโกรธ กู้ชูหน่วนผงะถอยหลังไปหลายก้าว พูดด้วยความระวัง "อีกครึ่งถูกชาวเขาตานหุยชิงไป พวกเจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากข้ามีแผนที่อีกครึ่ง อย่างไรก็ต้องส่งให้พวกเจ้าอยู่ดี" "ชาวเขาตานหุย ?" นายท่านหลันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่า เหตุใดชาวเขาตานหุยถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น รอพวกเจ้าต่อสู้อยู่ด้านนอกตั้งนาน เว้นเสียแต่นอกจากทางลงเขาเส้นนี้ บริเวณปากเขาน้ำเต้ายังมีทางอีกเส้นที่สามารถออกไปจากเขาน้ำเต้าแห่งนี้ได้ หากพวกเขาได้แก้วมังกรแล้ว ก็น่าจะลงเขาไปทางนั้นเลย" นายท่านหลันสงสัยเคลือบแคลงในคำพูดของนางเป็นอย่างยิ่ง"ทุกท่าน สตรีนางนี้ไม่เคยมีความจริงออกจากปากนาง พวกเจ้าอย่าไปเชื่อนางเด็ดขาด" ผู้อาวุโสอวิ๋นสองจิตสองใจ "คนของพวกเราเข้ามาในเขาน้ำเต้า บาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก แต่ชาวเขาตานหุยดูเหมือนจะราบรื่นตลอดทาง อีกทั้งยังไม่พบเจออุปสรรคใดๆ เลย" เมื่อผู้อาวุโสอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสจวินก็คิดขึ้นมาได้ "เป็นจริงอย่างที่พูด ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าเหตุใดชาวเขาตานหุยถึงได้โชคดีเพียงนี้ ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยามนี้มาคิด
"เยี่ยเฟิงออกไปจากเขาน้ำเต้าแล้ว" "เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้" สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานิ่งสงบอย่างรวดเร็ว นางวางมือทั้งสองข้างลง แสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจ "ข้าสตรีอ่อนแอตัวคนเดียว จะมีสิ่งใดในครอบครองได้ ก็แค่กลัวว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเจ้าจะเสียมารยาทกับข้าก็เท่านั้น" คำพูดนี้ของนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อ เพราะสีหน้าที่แสดงออกมาเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้หักหลังนางหมดแล้ว ต่อให้นางจะนิ่งเพียงใด ทุกคนก็จับได้อยู่ดี คนของเผ่าหมอพากันเข้ามาล้อมนางเอาไว้ คนของเผ่าเทียนเฝินแม้จะนิ่งดูดาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยกู้ชูหน่วนไป "นังหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ส่งของมาดีๆ ไม่เช่นนั้น...เหอะ..." คำพูดของนายท่านหลันเต็มไปด้วยความตักเตือน นายท่านหมู่ตานกลับพูดจีบปากจีบคอ "นังเด็กคนนี้แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง แต่รูปร่างดีใช้ได้ เอามาใช้อุ่นเตียงแก้ขัดก็น่าจะไม่เลว" "เจ้า...พวกเจ้าคิดจะทำอะไร..." "ข้าบอกพวกเจ้าไว้ก่อน ข้าเป็นถึงหานอ๋องเฟย ขืนพวกเจ้ากล้าทำอะไรข้า หานอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่" "ว่าอย่างไรนะ...เจ้าคือภรรยาของเย่จิ่งหาน เช่นนั้นพวกเราเผ่าเทียนเฝินยิ่
ด้านล่างตีนเขาของเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอลงจากเขาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส และกองทัพที่แพ้จนหมดสภาพ สีหน้าของพวกเขาต่างก็ไม่สู้ดีนัก ข่มความฉุนเฉียวเอาไว้ เลือดสีแดงสดไหลคดเคี้ยวลงมาจากร่างของพวกเขา ผู้อาวุโสจวินแห่งเผ่าเทียนเฝินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "หากคนเผ่าหมอของพวกเจ้าลงมือตั้งแต่แรก พวกเราก็คงไม่ต้องพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ แล้วปล่อยให้พวกชาวเขาตานหุยได้ประโยชน์ไป" นายท่านหลันยิ้มเยาะ "พวกเจ้าเผ่าเทียนเฝินยังเหลือยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยไว้ระวังพวกข้า หากร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมต่อสู้ด้วยกัน มังกรอสูรขั้นเจ็ดก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือ พวกเจ้าจัดการเองก็ได้แล้ว สุดท้ายแล้ว พวกเจ้าก็ไม่ไว้ใจพวกข้า" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฟยเย่มีนิสัยใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไร เขาเดือดดาลขึ้นมาทันที "หากพวกข้าเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็เจ็บหนักกันหมด หลังจากนั้นพวกเจ้าจะได้ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ไปได้ง่ายๆ น่ะสิ" ผู้อาวุโสหวงหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงติเตียน "พอได้แล้ว แทนที่จะมัวมาพูดมากอยู่ตรงนี้ ไม่สู้คิดหาหนทางว่าจะชิงแก้วมังกรมาจากชาวเขาตานหุยอย่างไรจะดีกว่า" ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเอ่ย ก
"โฮ่ว..." "โฮก..." "เฮือก..." นายท่านกองธงเผ่าหมอและมังกรอสูรต่างก็เจ็บหนัก ครั้งนี้ล้วนแต่บาดเจ็บเสียหายกันทั้งคู่ "นายหญิง นายท่านสองคนนั้นเป็นนายท่านจากอีกสองกองธง หนึ่งในนั้นนายท่านเถาฮวาถูกมังกรอสูรโจมตีบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย เกรงว่าคงไม่อาจรอดไปได้แล้ว มังกรอสูรก็เจ็บไม่เบาเช่นกัน กรงเล็บหักไปเล็บหนึ่งแล้ว นายหญิง พวกเราเข้าไปตอนนี้เลยดีหรือไม่" "เจ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร จะร้อนรนกระวนกระวายไปไหน" "แต่ขืนพวกเรายังไม่ไป แล้วแก้วมังกร..." "หากแก้วมังกรชิงไปได้ง่ายเพียงนั้น พวกเจ้าคงได้ไปนานแล้ว ต้องรอถึงตอนนี้อีกรึ เสี่ยวฝูกวง ข้าเห็นปกติเจ้าก็ฉลาดดีอยู่หรอก เหตุใดพอเกี่ยวกับแก้วมังกร เจ้าถึงได้กลายเป็นคนโง่แบบนี้ไปได้" แน่นอนว่าต้องโง่อยู่แล้ว เขาจะไม่กระวนกระวายได้อย่างไร คนทั้งเผ่าต่างก็ตั้งตารอแก้วมังกรเพื่อจะได้ถอนคำสาปเลือด นั่นคือชีวิตนับพันนับหมื่นชีวิต "เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไปแล้ว" ไม่ผิดไปจากที่กู้ชูหน่วนคาดการณ์ไว้ คนของเผ่าหมอและเผ่าเทียนเฝินลงมือโจมตีอีกครั้ง สู้กันสนั่นหวั่นไหว มืดฟ้ามัวดิน
ฮองเฮาฉู่และเยี่ยเฟิงไม่ยอมแยกจากัน กู้ชูหน่วนเปลืองแรงไปมากมายกว่าจะส่งพวกเขาสองคนกลับไปได้ บนฟ้ามีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังไม่หยุด ลมฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องราวกับพายุรุนแรง ยอดเขาโลหิตน้ำเต้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น เพราะความสั่นไหวอย่างแรงของยอดเขาทำให้ลาวาประทุขึ้นมา ซัดกระเซ็นไปบนโขดหิน ดอกไม้ใบหญ้าบนโขดหินที่แสนน่าสงสารจมอยู่ใต้ลาวา นี่คือศึกใหญ่ที่มีเพียงแค่ยอดฝีมืออันดับต้นๆ เท่านั้นที่จะก่อได้ กู้ชูหน่วนเงยหน้าไปมอง กลับพบว่ากลางอากาศมีมังกรไฟตัวสีทองที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังทะยานโลดแล่นพลางกรีดร้องไม่หยุด มังกรตัวใหญ่ยักษ์เพียงแค่สะบัดปลายหาง ยอดเขาลูกเล็กๆ บริเวณใกล้เคียงก็ราบเป็นหน้ากอง ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือ ลูกไฟที่มันพ่นออกมา มีพื้นที่แผ่ขยายไปถึงครึ่งหนึ่งของเขาโลหิตน้ำเต้า คล้ายจะแผดเผาทำลายเขาโลหิตน้ำเต้าทั้งหมดให้สิ้นซาก นอกจากมังกรไฟ ยังมีผู้อาวุโสผมขาวอีกสี่คน ฝูกวงเอ่ย "นายหญิง สี่สุดยอดผู้อาวุโสระดับสูงแห่งเผาเทียนเฝินวิทยายุทธแก่กล้านัก พวกเขาปลีกวิเวกมานานหลายปี น้อยครั้งที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวทางโลก คิดไม่ถึงว่าคราวนี้เผ่าเทียนเฝิน