"ชีวิตย่อมเดินต่อไป เรื่องของวันหน้า ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง"กู้ชูหน่วนใช้แขนเป็นหมอนหนุน พิงก้อนหินก้อนหนึ่ง เงยหน้ามองจันทร์เพ็ญบนท้องฟ้าพลางทอดถอนใจจัดการแผลเกือบทั้งคืน ทั้งยังเดินอยู่ในป่ามาทั้งวัน ร่างกายของทั้งสองเหนื่อยล้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงนอนไม่หลับเมื่อเยี่ยเฟิงค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา ภาพที่ปรากฏสู่ม่านตาคือกู้ชูหน่วนและเซียวอวี่เชียนทีนอนหลับอย่างเหนื่อยอ่อนทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหมดสติไปไหลทะลักเข้ามาในหัว เยี่ยเฟิงตื่นตระหนก ยกมือขึ้นปกปิดร่างกายตามสัญชาตญาณ แต่เพราะขยับโดนบากแผล จึงเจ็บจนต้องร้องสูดปากกู้ชูหน่วนและเซียวอวี่เชียนตกใจตื่นเพราะการเคลื่อนไหวของเขา"เจ้าฟื้นแล้วหรือ ยังเจ็บอยู่หรือไม่" เซียวอวี่เชียนดีใจเยี่ยเฟิงถอยหลัง ไม่กล้ามองสายตาของพวกเขา เขากลัวสายตาเหยียดหยามพวกนั้นเหลือเกินวินาทีที่ก้มหน้าลง เขาถึงได้พบว่ามีคนสวมเสื้อผ้าหรูหราเซียวอวี่เชียนให้เขา"บนเนื้อตัวเจ้ายังมีแผล หากดิ้นไปมา แผลจะเปิดเอาได้ง่ายๆ" กู้ชูหน่วนรู้ว่าเขาไม่อยากใ้ห้ใครเข้าใกล้ จึงตั้งใจรักษาระยะห่างจากเขาหลายสิบเก้าแววตาเย็นชาของเยี่ยเฟิงพลันอ่อนลง ความปวดร้าวแล่นริ้วไ
เมื่อมองไปที่หน้ากระท่อมฟาง หญิงชราสวมเสื้อผ้าเรียบง่ายที่มีรอนปะชุนมากมาย ใบหน้าเหี่ยวย่น กำลังยืนอยู่หน้ากระท่อมฟาง ราวกับรอบางสิ่งอย่างร้อนใจเบ้าตาของนางกลวงโบ๋ ไม่รู้ว่าตาบอดมานานแล้วเท่าใด แต่สายตาของนางยังคงทอดมองออกไปข้างหน้าเซียวอวี่เชียนถาม "ผู้เฒ่าคนนั้นคือย่าของเยี่ยเฟิงหรือ? หน้าตาไม่เหมือนเลยแฮะ"กู้ชูหน่วนไม่ตอบ เพียงแต่มองเยี่ยเฟิงที่อดกลั้นความเจ็บปวด เดินกลับบ้านราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เอ่ยเสียงอ่อนโยน "ท่านย่า ท่านแข้งขาไม่ดี เหตุใดถึงมายืนรอข้าตรงนี้ ข้าพยุงท่านกลับเข้าไปนอนพักดีกว่า"หัวใจที่เต้นรัวของแม่เฒ่าเยี่ยผ่อนคลายลงไปมาห เอ่ยถามเสียงร้อนรน "เฟิงเอ๋อร์รึ?""ขอรับ ข้ากลับมาแล้ว ขอโทษขอรับ ที่สำนักบัณฑิตมีเรื่องนิดหน่อย จึงได้กลับมาช้า ทำให้ท่านต้องเป็นห่วง"เยี่ยเฟิงพยุงนางให้นั่งลงบนม้านั่งหิน แววตาเย็นชานั้นแฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรเทาแม่เฒ่าเยี่ยกุมมือเขาเอาไว้ เผลอไปโดนแผลบนข้อมือของเขาเข้า เยี่ยเฟิงฝืนทนเอาไว้ เรียวคิ้วขมวดแน่น"หิวแล้วกระมัง ข้าต้มข้าวต้มไว้ให้เจ้า อุ่นไว้อยู่ตลอด รอเจ้ากลับมากิน ข้าจะไปยกมาให้เจ้า"แม่เฒ่าเยี่ยคลำทา
เซียวอวี่เชียนถอนหายใจ "ยัยขี้เหร่ เยี่ยเฟิงบาดเจ็บหนักขนาดนั้น เขาจะไปไหนของเขา?""คงจะ... หาที่ที่ไม่คนเห็นเพื่อหลบเลียแผลใจกระมัง ไปกัน ไปเดินดูรอบๆ บ้านเขา""พวกเราเข้าไปตอนนี้ไม่ดีกระมัง"เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนเดินมุ่งไปยังกระท่อมฟาง เซียวอวี่เชียนจึงรีบตามไปยังไม่ทันถึงหน้ากระท่อม แม่เฒ่าเยี่ยก็พึมพำออกมา "แม่หนูกู้ มาแล้วหรือ""ท่านย่าหูดีนัก อยู่ห่างตั้งไกลยังได้ยินเสียงพวกข้า""กายเจ้ามีกลิ่นยาเฉพาะตัว แค่ลมพัดผ่าน กลิ่นยาก็ฟุ้งไปทั่ว ข้าย่อมได้กลิ่นเป็นธรรมดา"กลิ่นยาอย่างนั้นหรือ?เหตุใดนางถึงไม่ได้กลิ่น?แม่เฒ่าเยี่ยหันไปทางเซียวอวี่เชียน ท่าทางราวกับกำลังมองสำรวจกู้ชูหน่วนแนะนำ "เขาชื่อเซียวอวี่เชียนเจ้าค่ะ เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่สำนักบัณฑิตหลวง เขาเองก็เป็นเพื่อนของเยี่ยเฟิง"แม่เฒ่าเยี่ยเศร้าโศกอยู่ไม่น้อย ดูท่าไม่ค่อยดีใจเหมือนก่อนหน้า หลังจากทักทายพวกเขาแล้วก็นั่งลง ทอดถอนใจอย่างเซื่องซึม "เยี่ยเฟิง เด็กคนนั้นชอบโทษตัวเอง เก็บตัว พูดน้อย มักคิดว่าตัวเองเป็นตัวซวย คนที่อยู่กับเขาไม่มีใครมีจุดจบที่ดีเลยสักคน เขาจึงไม่ผูกมิตรกับใครง่ายๆ"กู้ชูหน่วนนั่งลง เรียวคิ้
"นายท่านหลัน ประมุขสูงสุดแห่งตระกูลหลัน เขานิสัยโหดเหี้ยม ฆ่าคนเหมือนผักปลา ชอบทรมานคน ทั้งยังมีรสนิยมประหลาดด้านนั้น เยี่ยเฟิงแสนน่าสงสาร เพิ่งอายุได้ห้าปี ก็ถูกเขาย่ำยีเสียแล้ว"แม่เฒ่าเยี่ยเล่าถึงเรื่องราวอันเจ็บปวด ระทมใจจนต้องกุมหน้าอกเอาไว้ อารมณ์อ่อนไหวนักกู้ชูหน่วนและเซียวอวี่เชียนมองหน้ากัน นึกถึงบาดแผลฟกช้ำบนตัวเยี่ยเฟิง ก็เข้าใจในทันทีว่าถูกย่ำยีนั้นหมายความว่าอย่างไร?สีหน้าของทั้งสองไม่สู้ดีนัก เซียวอวี่เชียนเดือดดาลขึ้นมาในทันใด "เพิ่งจะห้าขวบ เขาเป็นอสูรกายหรืออย่างไร? เหตุใดถึงทำได้ลงคอ?""ข้าเป็นแม่ครัว เดิมทำกับข้าวให้กับพวกองครักษ์ที่เรือนทาส แต่เพราะทำอาหารอร่อยจึงถูกบังคับให้ย้ายไปทำอาหารในตระกูล วันนั้นข้าเป็นกับตาว่าเยี่ยเฟิงถูกทรมานจนแทบขาดใจ ช่างน่าอนาถนัก เด็กอายุห้าขวบถูกทารุณปานนั้น ช่างน่าสงสารเหลือเกิน"ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นได้ ร่างทั้งร่างของแม่เฒ่าเยี่ยจึงได้สั่นสะท้าน"ข้าอยากเอายาให้เขา แต่ก็กลัวจะโดนหางเลข ทำได้เพียงมองเขาหลบเลียแผลตัวเองอยู่ห่างๆ ครั้งนั้นเขานอนซบอยู่บนเตียงครึ่งเดือนเต็มๆ เกือบเอาชีวิตไม่รอด""ข้าเคยเห็นเยี่ยเฟิงคิดจะฆ่าตัวตา
"เพราะข้าให้ซาลาเปาลูกหนึ่งกับเขา ปีนั้นเขาอายุหกขวบ คนหนึ่งในกลุ่มของเขาลอบฆ่านายท่านหลัน ถูกจับแล้วสับทั้งเป็น หลังจากเก้าคนที่เหลือถูกซ้อมจนน่วมแล้ว ก็ถูกจับไปทิ้งหลังเขาหิมะ""ฤดูหนาวปีนั้นหนาวนัก หิมะตกหนักไม่หยุด บนภูเขาหิมะไม่มีของกิน ทั้งยังมีหมาป่าหิมะพลุกพล่าน แปดคนที่เหลือตายหมด เหลือเขาเพียงคนเดียว ข้าเห็นเขาทั้งหนาวทั้งหิวทั้งทรมาน จึงแอบเอาซาลาเปาให้เขาลูกหนึ่ง เพราะเหตุนั้น... เขาถึงเห็นข้าเหมือนครอบครัว""ต่อมาสามีฆ่าผิดใจกับพ่อบ้านผู้ดูแลจึงถูกฆ่า ลูกๆ ที่น่าสงสารของข้าก็โดนหางเลข ตายก่อนวัยอันควร ข้าเองก็ชีวิตพลิกผัน ถูกส่งไปเป็นบ่าวรับใช้ของแม่ครัว ทั้งยังป่วยหนัก นั่นคือช่วงเวลาอันมืดมนของข้า โชคดีที่เยี่ยเฟิงตอบแทบบุญคุณซาลาเปาลูกนั้น ดูแลข้ามาตลอด หากไม่มีเขา ข้าคงสิ้นไปตั้งนานแล้ว""ตัวเขาเองยังกินไม่อิ่มนอนไม่อุ่น แต่ยังเก็บของที่ดีที่สุดไว้ให้ข้า หลายปีมานี้ เขาดูแลข้าทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงเพราะซาลาเปาลูกเดียวที่ข้าให้เขา""ครึ่งปีก่อนหน้านี้ ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเขา เป็นครั้งแรกที่เขาขัดขืนนายท่านหลัน นายท่านหลันเดือดดาลนัก ควักลูกตาของข้าทั้งส
"เขามีสติปัญญา เขามีฝีมือ หากไม่มีข้า บางทีเขาอาจหาทางหลุดพ้นจากเผ่าหมอได้ แต่เขายังพาตัวถ่วงอย่างข้าไปด้วย ยอมลำบากทุกข์ทน""ครึ่งปีมานี้เขาแบกข้าตะเวนไปหมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่า ต่อให้ชีวิตของพวกเราจะลำบากเพียงใด เขาก็ไม่เคยลักขโมยเงินแม้แต่อีแปะเดียว แล้วก็ไม่มีทางทำเรื่องเลวร้ายด้วย""ข้าให้ซาลาเปาเขาแค่ลูกเดียว เขายังดีกับข้าถึงเพียงนี้ พวกเจ้าว่าคนเช่นนี้ จะฆ่าเจ้าสำนักที่มีพระคุณต่อเขาได้หรือ"แม่เฒ่าเยี่ยพูดจบอารมณ์ก็พลันอ่อนไหว เสียงสะอึกสะอื้น ทั้งยังคุกเข่าลงให้กับกู้ชูหน่วนและเซียวอวี่เชียน"เจ้าทั้งสอง ข้ารู้ว่าข้าชาติกำเนิดต่ำต้อย ไม่มีสิทธิ์ร้องขอพวกเจ้า แต่ข้าก็ยังอยากอ้อนวอนพวกเจ้า โปรดช่วยเยี่ยเฟิงด้วยเถิด เขาเป็นเด็กซื่อตรงคนหนึ่ง เขาไม่มีทางฆ่าคนแน่นอน""ท่านย่า ท่านรีบลุกขึ้นเถิด"กู้ชูหน่วนประคองนางยืนขึ้น แม่เฒ่าเยี่ยกลับไม่ยอมลุก กลับกันยังโขกหัวจรดพื้นอย่างแรง"ข้าขอร้องพวกเจ้าละ เยี่ยเฟิงโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง นอกจากคนแก่อย่างข้าแล้ว เขาไม่มีเพื่อน ไม่มีครอบครัวข้างกายแม้สักคน เขาพูดไม่ค่อยเก่ง คนอื่นใส่ร้ายเขา เขาก็พูดแก้ตัวไม่เป็น ได้แต่เงียบอย่างเดียว"
หลังกลับจากหมู่บ้านเสี่ยวเหอชุน ฟ้าก็มืดแล้วแต่ที่คาดไม่ถึงก็คือ เยี่ยเฟิงก็กลับมาเร็วกว่าที่คิดเขาเปลี่ยนชุดใหม่ทั้งตัว เนื้อผ้าหยาบ ทว่าตัดเย็บอย่างประณีต"เสื้อผ้าของเจ้า ข้าซักเรียบร้อยแล้ว แต่ว่ามีรอยขาดอยู่แห่งหนึ่ง ขอโทษด้วย... เสื้อผ้าเจ้าราคาเท่าไหร่ ข้าจะชดใช้ให้"อาจเป็นเพราะริมฝีปากบวมเบ่ง ซ้ำใบหน้ายังมีรอยฟกช้ำและรอยฝ่ามือ เยี่ยเฟิงจึงคลุมหน้าด้วยผ้าโปร่งสีดำ ปกปิดร่อยรอยพวกนั้นเผยให้เห็นเพียงตาสองข้างของเขาท่าทีเขาไม่สู้ดีนัก ในตามีแต่เส้นเลือดฝอยแดงฉาน แต่เพราะเปลี่ยนชุดใหม่ หากมองจากภายนอกจึงไม่เห็นบาดแผลมากมายบนตัวเขาเซียวอวี่เชียนยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ "แค่เสื้อผ้าผืนเดียว ขาดก็ขาดไปเถอะ จะทิ้งก็ได้ ร่างกายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง""ดีขึ้นมาแล้ว ขอบใจ"แววตาของเยี่ยเฟิงไหววูบ ค่อยๆ ก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาพวกเขากู้ชูหน่วนพลันยิ้มบาง เดินอ้อยอิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเยี่ยเฟิง ชี้ไปที่เสื้อผ้าที่พับเป็นระเบียบเรียบร้อยในมือเขา ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม"เยี่ยเฟิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเสื้อตัวนี้ทำมาจากผ้าอะไร?"เยี่ยเฟิงชะงักไปเซียวอวี่เชียนเองก็พลันตกใจไม่เข้าใจว่านาง
จวนเจ๋ออ๋องหรูหราโอ่อ่า สมยศฐาบรรดาศักดิ์เจ๋ออ๋องย้ายออกไปแล้ว แต่ในจวนยังเหลือบ่าวไพร่ที่ไม่มีที่ไปอยู่มากมาย กู้ชูหน่วนเมตตาให้พวกเขาอยู่ต่อไป ทั้งยังเปลี่ยนป้ายจากจวนเจ๋ออ๋องเป็นเรือนหน่วนเจ๋ออ๋องนับว่ารักษาคำพูด ไม่ได้เอาของมีค่าในจวนอ๋องไปด้วยเลย กู้ชูหน่วนเข้าครัวเอง ทำโจ๊กตุ๋นยาให้เยี่ยเฟิง ทั้งยังอาหารค่ำมื่้อสำหรับสามคนอาหารรสเลิศนั้นเป็นเพียงเรื่องรอง แต่ประเด็นคือโจ๊กตุ๋นยาชามนั้นเซียวอวี่เชียนชาติตระกูลดี โจ๊กตุ๋นยานั่นใช้วัตถุดิบใดบ้าง เขามองปราดเดียวก็รู้"ยัยขี้เหร่ ของข้าเล่า""ของอร่อยเยอะแยะขนาดนี้ยังไม่พออีกหรือ?" กู้ชูหน่วนถลึงตาใส่เขา บ่งบอกว่าเขากำลังพูดจาเพ้อเจ้อ"กินๆ จะกินให้เจ้าล่มจมไปเลย""รีบกินเถอะ" กู้ชูหน่วนกินพลางช้อนตามอง บอกให้เยี่ยเฟิงกินด้วยกันเยี่ยเฟิงเหม่อมองอาหารเรียงรายบนโต๊ะ ดวงตาแดงก่ำนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย"คิดอะไรอยู่น่ะ เจ้ากินได้แต่โจ๊กตรงหน้านั่นแหละ จานอื่นไม่ใช่ของเจ้า""ข้าไม่หิว"เยี่ยเฟิงผลักโจ๊กตุ๋นยาตรงหน้าออกเขาชาติกำเนิดต่ำต้อย แต่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้จักของดีแต่ก่อนยามปรนนิบัตินายท่านหลัน เขาเองก็เคยเห็นโจ๊กที่ต
ด้านบนมีค้างคาวกินคน ด้านล่างมีฝูงงูพิษวิธีการเช่นนี้ช่างโหดร้ายเกินไปองครักษ์ลับพากันเลียนแบบฝูกวง ใช้กำลังภายในของตนโจมตีฝูงค้างคาว พยายามปกป้องกู้ชูหน่วนสุดกำลังที่ตนมีกู้ชูหน่วนเอ่ย "เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ฝูกวง เจ้าคิดหาวิธีตามหาผู้อาวุโสที่แซ่ตงผู้นั้น แล้วคุมตัวนางไว้ ไม่เช่นนั้นพวกเราไม่มีผู้ใดหนีรอดไปได้แน่""แต่หากข้าน้อยไปแล้ว นายหญิงจะทำเช่นไร""ข้ามีวิธีของข้า ข้าจะคุ้มกันเจ้า เจ้ารีบไป ไม่เช่นนั้นรอจนเจ้าใช้กำลังภายในหมด อยากจะจัดการนางก็คงไม่ไหวแล้ว"ฝูกวงกวาดสายตามองดูสถานการณ์การต่อสู้รอบๆสภาพการณ์ตรงหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่นักผู้ใต้บัญชาของเย่จิ่งหานแต่ละรายต่างได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อยเยี่ยเฟิงบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังต้องปกป้องแม่เฒ่าเยี่ย ไม่มีความสามารถในการต่อสู้แล้วที่ยังสู้ได้ก็มีเพียงแค่เขากับองครักษ์ลับของเย่จิ่งหานจำนวนไม่กี่คนหากประวิงเวลาต่อไป เกรงว่าพวกเขาจะต้องตายเพราะใช้กำลังภายในจนหมดจริงๆคิดได้เช่นนี้ ฝูกวงจึงทำได้เพียงแค่กัดฟันพูด "ข้าพอจะรู้ตำแหน่งที่นางอยู่ นายหญิง อดทนไว้ ข้าน้อยจะใช้เวลาให้น้อยที่สุดหานางให้เจอ แล้วจะจัดการนางเสีย""ด
ท่ามกลางความมืด มีเสียงซู่ซู่ดังมาจากกอหญ้าทันทีที่กู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ หันไปก็อดตกตะลึงไม่ได้ งูพิษที่กำลังแลบลิ้นขู่ฟ่อๆ หลายตัวกำลังเลื้อยเข้ามาทางพวกเขาจากทุกทิศงูพวกนี้มีหลายสายพันธุ์ หลากสีสันปะปนอยู่ด้วยกัน พุ่งเข้ามาฉกราวกับมีเป้าหมายอยู่แล้วทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็รู้ว่างูทุกตัวล้วนแต่มีพิษร้ายแรง หากทุกฉก ชีวิตพวกเขาก็คงหาไม่"เหตุใดถึงได้มีงูมากมายเพียงนี้" ไม่รู้ว่าใครในกลุ่มตะโกนออกมาฝูกวงเอ่ยเสียงขรึม "นายหญิง คงเป็นผู้อาวุโสตงเผ่าเทียนเฝิน นางสันทัดเรื่องการควบคุมแมลง งูและมดมีพิษ""มีวิธีจัดการหรือไม่""นอกเสียจากฆ่าผู้อาวุโสตง หรือไม่ก็คุมตัวนางไว้ แต่โดยปกติแล้วนางจะควบคุมผ่านการใช้เวทคาถาจากที่ที่อยู่แสนไกล พวกเราไม่รู้ตำแหน่งของนาง"เขาเองก็ไม่กล้าทิ้งนายหญิงไป ด้วยเกรงว่านายหญิงจะมีอันตรายฝูงงูเลื้อยเข้ามาใกล้ องครักษ์ลับห้อมล้อมกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ ไว้ตรงกลางโดยอัตโนมัติ ทุกคนชักดาบเอามาเล็งไปที่ฝูงงูทว่าฝูงงูมีมากเกินไป ฟันไปตัวหนึ่ง ก็มีอีกตัวเข้ามาอีก เลื้อยกันเข้ามายั้วเยี้ย ไม่มีทางฟันให้หมดไปได้เข็มเงินของกู้ชูหน่วนถูกยิงออกไป ฟึ่บฟึ่บฟึ่บ
อีกด้าน กู้ชูหน่วนกำลังพาฝูกวงมุ่งหน้าไปยังเขาหมายวิญญาณเขาหมายวิญญาณทั้งลูกสนั่นหวั่นไหว นางซวนเซทรงตัวไม่อยู่ มองดูสิ่งมหึมาที่อยู่กลางฟ้าด้วยความตกตะลึงหากไม่ได้เห็นกับตา นางไม่มีทางเชื่อว่าจะมีคนสามารถเปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นมังกร เปลี่ยนใบไม้ให้กลายเป็นเฟิ่งหวงได้ อีกทั้งยังเป็นมังกรและเฟิ่งหวงที่ดูสมจริง ไอสังหารรุนแรงถึงขนาดนี้"ช่างเป็นพละกำลังที่กล้าแกร่งยิ่งนัก" กู้ชูหน่วนตะลึงอยู่ในใจจะต้องเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจเพียงใดถึงได้มีความสามารถเช่นนี้สีหน้าของฝูกวงดูไม่สู้ดี ใบหน้าตุ๊กตาที่ดูจิ้มลิ้มฉายให้เห็นแววความเกลียดชังปราดหนึ่ง"เผ่าเทียนเฝิน คนของเผ่าเทียนเฝินเริ่มต่อสู้กับเทพสงครามแล้ว นั่นคือหนึ่งในกระบวนท่าเด็ดของหัวหน้าเผ่ารุ่นต่อไปของเผ่าเทียนเฝินผลึกวารีหมื่นลี้""ผลึกวารีหมื่นลี้ ?""ขอรับ ในช่วงที่พลังของเขากำลังโชติช่วง เขาสามารถใช้น้ำแข็งผนึกเขาหมายวิญญาณทั้งลูก และช่วงชิงทั้งหมดที่นี่ไปในชั่วพริบตา" แต่หลังจากที่เขาใช้ผลึกวารีแล้ว เขาเองจะเจ็บหนัก เขาจึงไม่ใช้กระบวนท่านี้ง่ายๆตลอดทั้งชีวิตของเขา บางทีอาจจะใช้เพียงครั้งเดียว ครั้งนั้นคือการใช้มาจัดการกับ
เย่จิ่งหานเล่นขลุ่ยหยกขาวในมือด้วยท่าทางหน่ายคร้าน ริมฝีปากเรียวบางเปล่งออกมาหนึ่งประโยค"แค่เขาหมายวิญญาณเล็กๆ ข้าอยากจะตีก็ตี จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากเจ้าหรือ"บ้าบ้าคลั่งเกินไปแล้ว...เย่จิ่งหานวิทยายุทธสูงส่ง พลังอำนาจแข็งกล้าวิทยายุทธของหัวหน้าเผ่าหมอไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา พลังอำนาจก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเขา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเผ่าเทียนเฝินที่คอยจ้องตามันเย่จิ่งหานพูดเช่นนี้ เป็นการฉีกหน้าหัวหน้าเผ่าหมออย่างไม่ต้องสงสัยหรือควรจะพูดว่า ตอนที่เขาส่งทหารไปตีเขาหมายวิญญาณ ก็เท่ากับท้าทายอำนาจของหัวหน้าเผ่าหมอ แตกหักกับเขาโดยสิ้นเชิงหัวหน้าเผ่าหมอหัวเราะเจ้าเล่ห์ ดวงตาสีฟ้าอ่อนเผยให้เห็นความเย้ายวนที่ชวนให้คนหวาดกลัวชายชุดขาวยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ ลมเย็นพัดเสื้อของเขาไหวสะบัด ราวกับจะติดปีกเป็นเซียนได้ทุกเมื่อภายใต้หน้ากากผีเสื้อ ดวงตาใสเป็นประกายเผยให้เห็นความชอบใจ เหมือนกำลังรอดูฉากเด็ดอยู่ทว่าประโยคต่อไปของหัวหน้าเผ่าหมอกลับทำให้ชายชุดขาวเกิดความสับสนว้าวุ่นเล็กน้อย"พวกเจ้าทั้งสองสู้กันไป หากสู้ไม่ไหว ข้าจะสู้แทนเอง"ทุกคน "..."นี่คือคำพูดที่หัวหน้าเผ่าหมอควรจะพูดเช
"ไม่นาน เพิ่งจะเดือนกว่าเท่านั้น" เย่จิ่งหานแม้จะกำลังยิ้ม แต่รอยยิ้มก็ไม่ได้ส่งไปที่ดวงตาเช่นกันหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา เขาหลงกลแผนของเผ่าเทียนเฝิน ทำให้ถูกพิษ สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวไป สุดท้ายก็ถูกนางผู้นั้นลากเข้าไปในกองหญ้า จากนั้น...เมื่อคิดถึงค่ำคืนนั้น ไอความหนาวเหน็บของเย่จิ่งหานก็รุนแรงขึ้นกว่าเดิม"เทพสงครามดูน่าเกรงไม่ลดไปจากตอนนั้นเลย การต่อสู้อย่างดุเดือด สังหารผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินของข้าไปถึงสิบหกคน ช่างเก่งกาจยิ่งนัก""ไม่เก่งกาจเท่าเผ่าเทียนเฝินหรอก ที่ทำเป็นแค่เรื่องไร้ศักดิ์ศรีลับหลังผู้อื่นเท่านั้น"ประโยคเดียวของเย่จิ่งหานทำให้ถึงทางตัน บรรยากาศพลันครุกรุ่นความบาดหมางเคียดแค้นของทั้งสอง เกิดขึ้นนานแล้ว ระหว่างนี้ผ่านมาหลายสิบรุ่น ไม่ใช่สิ่งที่จะสะสางได้วันสองวันเชื้อเพลิงสงครามพร้อมจะลุกโชนได้ทุกเมื่อการปะทะกันระหว่างยอดฝีมือเช่นนี้ ผู้อื่นในเหตุการณ์ไม่มีใครกล้าเข้าร่วม เพียงแค่ถอยหลังไปหลายก้าว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องโดนลูกหลงในขณะที่สงครามกำลังจะเริ่มพลันมีเงาร่างสีแดงเพลิงอีกร่างลงมาจากกลางอากาศผู้ที่มาก็เป็นชายหนุ่มวัยเยาว์ เพียงแต่เ
ประโยคเดียว ทำให้บรรยากาศในโรงเตี๊ยมหมองหม่นลงไปอย่างรู้สึกได้หากหัวหน้าเผ่าหมอไม่มา แม้นายท่านหลันจะมีวิทยายุทธที่สูงล้ำ แต่การจะล้มเขาก็เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วแต่หัวหน้าเผ่าหมอมาด้วยตัวเอง เรื่องก็เริ่มจะตึงมือขึ้นมาเล็กน้อยที่สำคัญที่สุดคือ การสู้กับเขตกองธงหลันในคราวนี้ เผ่าเทียนเฝินจะต้องเข้ามาประสมโรงเป็นแน่ ศัตรูรายใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือเผ่าเทียนเฝิน"รีบสู้รีบจบ เอาหัวของนายท่านหลันมา แล้วค่อยล่อหัวหน้าเผ่าหมอออกมา"ซูมู่พลันเงยหน้า พูดด้วยความตกตะลึง "เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ผู้ที่มาครานี้มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นหัวหน้าเผ่าเทียนเฝินรุ่นต่อไป ด้วยแรงของเจ้าคนเดียวจะสู้เขากับหัวหน้าเผ่าหมอได้หรือ เจ้าคิดว่าเจ้าจะชนะได้หรือ หัวหน้าเผ่าหมอยกให้ข้า เจ้าตั้งใจรับมือกับเผ่าเทียนเฝินไปเถอะ""ไม่ทันแล้ว" ดวงตามืดดำคู่นั้นของเย่จิ่งหานมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ พลังลมปราณที่แข็งแกร่งจากทางนั้นค่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ด้วยความเร็วสูงหากเขาทายไม่ผิด เผ่าเทียนเฝินและหัวหน้าเผ่าหมอกำลังทางนี้เย่จิ่งหานให้คนเข็นเขาออกไปพลางเอ่ย "หากเจ้าอยากช่วยข้า ก็ช่วยข้าตามหาก
ดวงตาที่นิ่งเรียบของเย่จิ่งหานไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆชายชุดครามซูมู่ยิ้มเยาะ"สำนักซิวหลัว เผ่าหมอ และเจ้า ต่างฝ่ายต่างอยู่ ไม่ก้าวล้ำซึ่งกันและกัน หากความสัมพันธ์เช่นนี้ถูกทำลาย สองพยัคฆ์ช่วงชิงกัน เผ่าเทียนเฝินจะต้องถือโอกาสเข้ามาผสมโรงเป็นแน่""เผ่าเทียนเฝินเป็นเผ่าเก่าแก่กว่าพันปี แกร่งกล้ามั่นคง วิทยายุทธหัวหน้าเผ่าเกินกว่าจะประเมินได้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้า ภายในเผ่ายังมีท่านผู้อาวุโสอีกมากมาย หรือแม้กระทั่งปรมาจารย์อาวุโส ได้ยินมาว่า หัวหน้าเผ่าเทียนเฝินรุ่นต่อไปเหนือกว่ารุ่นก่อน วิทยายุทธก็ไม่ได้แย่ไปกว่าหัวหน้าเผ่า ต่อให้ผู้ใต้บัญชาของเจ้าจะเก่งกาจเพียงใด แต่จะเทียบพวกเขาได้อย่างไร""ยิ่งไปกว่านั้นพลังอำนาจของเผ่าเทียนเฝินนั้นสลับซับซ้อนนัก มีคนของพวกเขาอยู่ทั่วทั้งใต้หล้า แคว้นเย่...เหอะ หากไม่มีเจ้า คงถูกแคว้นต่างๆ แบ่งกลืนดินแดนไปนานแล้ว ยามนี้ฮ่องเต้น้อยยังจะใจเย็นอยู่ได้อีก"เย่จิ่งหานเอ่ยเสียงขรึม "ข้าว่าเจ้าคงว่างเกินไป"ซูมู่จัดระเบียบแขนเสื้อที่ใหญ่โคร่งของเขา ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ ด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย ระหว่างที่กินผลไม้อย่างสง่างาม ปากก็พลอยคลี่ยิ้ม
ดวงตาสุกสกาวของกู้ชูหน่วนฉายประกายความเจ้าเล่ห์ผาดหนึ่งจู่ๆ นางก็กุมหัวใจของตัวเองไว้แน่น เลือดพลันพุ่งทะลักออกมา ส่วนร่างของนางก็ล้มลงไปที่พื้น ร่างที่อ่อนแรงพูดด้วยความตกตะลึง "ผู้ใด...ผู้ใดช่างเหี้ยมโหด ถึงกับกล้า...วางยา..."ซืดดด....ทุกคนต่างก็ตกตะลึงพากันมองไปยังกู้ชูหน่วนที่นอนหลับตาปี๋จมกองเลือดอยู่อย่างไม่เชื่อสายตา สายตาเต็มไปด้วยความลนลาน“หมอหลวง รีบตามหมอหลวง”ไม่รู้ผู้ใดในกลุ่มคนตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนกเหล่าองครักษ์พากันวิ่งออกไปตามหมอหลวงอย่างรีบร้อน“พระชายา ท่านเป็นอะไรไป…”องครักษ์หญิงนางหนึ่งรวบรวมความกล้าเข้าไปจับชีพจรของนาง สีหน้าที่เดิมก็ดูหวาดกลัวอยู่แล้วพลันซีดเผือด“ไม่…ไม่มีชีพจรแล้ว…พระชายาไม่มีชีพจรแล้ว”ฟู่วววร่างของทุกคนสั่นผวาไม่มีชีพจรก็หมายความว่าตายแล้วไม่ใช่หรือคุณพระช่วย หากพระชายาเป็นอะไรไป พวกเขาจะอธิบายกับท่านอ๋องอย่างไรแต่พวกเขาคุ้มกันอย่างหนาแน่น ไม่มีทางที่ผู้ใดจะมีโอกาสวางยาพระชายาได้"ฟึบ ฟึบ ฟึบ..."ร่างที่อยู่ทั้งในที่ลับและที่สว่างต่างพากันออกไป บ้างก็ไปรายงานเย่จิ่งหาน บ้างก็ไปตามหมอ แค่เพียงในระยะเวลาสั้นๆ ผู
หลายวันมานี้อยู่แต่ในจวนหานอ๋องมาตลอด กู้ชูหน่วนคุ้นเคยกับพื้นที่นี้เป็นอย่างดีนางคลำทางไปด้วยความชำนาญ เพิ่งจะออกจากสวนไปได้ก็ถูกผู้อารักขาขวางเอาไว้"พระชายาอยากกินขนมตงฝูดอกกุ้ยฮวา พวกเจ้ารีบหลีกไป""ท่านอ๋องมีรับสั่ง ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามออกจากสวนไปแม้แต่ก้าวเดียว โดยเฉพาะท่าน พระชายา"บ้าเอ้ยนางพรางตัวแล้ว คนพวกนี้ยังจำได้อีกหรือเหมือนจะรู้ว่านางกำลังสงสัย อารักขาจึงอธิบาย"ใต้เท้าชิงเฟิงปฏิบัติตามคำสั่งของท่านอ๋องอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด เขาไม่มีทางออกไปจากเรือนทอจันทร์ อีกอย่าง ท่านอ๋องก็กำชับไว้แล้วว่าพระชายาเชี่ยวชาญเรื่องค่ายกลปากว้า แปลงกาย และบิดเบือนหลักการ ไม่ว่าผู้ใดคิดจะออกจากเรือนนี้ไปล้วนแต่เป็นไปได้ว่าคือพระชายาปลอมตัวมา""……"กู้ชูหน่วนหน้าเหวอวิเคราะห์นางได้อย่างทะลุปรุโปร่งขนาดนี้เลยหรือ"เช่นนี้หากข้าจะดื้อดึงออกไป พวกเจ้าก็จะตัดขาของข้า หรือจะคร่าชีวิตเด็กในท้องแล้วค่อยสังหารข้า ?""ข้าน้อยไม่บังอาจ แต่ท่านอ๋องรับสั่งไว้แล้ว หากพระชายาออกไปจากเรือนทอจันทร์ ให้ทุบขาของแม่นางชิวเอ๋อร์เสีย"กู้ชูหน่วนแสยะยิ้ม "วันนี้ ข้าขอประกาศไว้ ณ ที่นี้ ข้าจะต้องออก