"ทว่าเยี่ยเฟิงไม่เพียงแต่ล้มเหลวในการคว้าอันดับหนึ่ง ทั้งยังทำพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วยังถึงขั้น...ถึงขั้นช่วยเหลือนายท่าน ครั้งนี้น่าจะทำให้นายท่านหลันโกรธเกรี้ยวนัก ถึงได้ทรมานเขา"ฝูกวงพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย แต่กู้ชูหน่วนและเซียวอวี่เชียนรู้ ว่าความอัปยศและความเจ็บปวดตลอดสิบเก้าปี ไม่ใช่สิ่งที่จะแก้ไขได้ด้วยคำพูดไม่กี่ประโยคนับประสาอะไรกับผู้ที่ห่วงหน้าตาชื่อเสียงของตนอย่างเยี่ยเฟิงจนถึงตอนนี้ ในที่สุดนางก็เข้าใจเสียทีว่าเหตุใดสายตาของเยี่ยเฟิงถึงได้เศร้าสลดเช่นนั้นเหตุใดเสียงฉินของเยี่ยเฟิงถึงเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและกร้านโลก ราวกับอยู่ท่ามกลางโลกที่มืดดำไร้ที่พึ่งพิง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจหนีออกมาได้ยิ่งเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเยี่ยเฟิงถึงได้ต่อต้านที่ผู้อื่นจะสัมผัสร่างกายของเขาถึงเพียงนั้นที่แท้...ต้นเหตุของทุกสิ่งก็คือนายท่านหลัน"กึก..."กู้ชูหน่วนหักกิ่งไม้เป็นสองท่อน ดวงตาที่ใสสว่างถูกย้อมด้วยความโกรธเกรี้ยวนายท่านหลัน ?ดีความขัดแย้งนี้ของพวกเขาไม่ใช่เล็กๆ แล้ว"เช่นนั้นนายท่านหลันก็ต่ำช้าเกินคน ยัยขี้เหร่ พวกเราหาโอกาสทำลายเขากันเถอะ แก้แค้นแทนเยี่ยเฟิง"ท
ทั่วทั้งร่างของเยี่ยเฟิงเต็มไปด้วยรอยแผล กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ทำได้เพียงแค่ควานหาขวดยาในตัวออกมาด้วยความกระสับกระส่าย ก่อนจะเลือกยาห้ามเลือดออกมาป้อนให้เขา แล้วเปิดเสื้อที่ยังเหลืออยู่น้อยนิดบนร่างเยี่ยเฟิงออกถึงแม้จะสลบไปด้วยบาดแผลที่สาหัส ทว่ามือยังคงปิดหน้าอกไว้แน่น กู้ชูหน่วนออกแรงอย่างหนักกว่าจะเปิดเสื้อของเขาออกได้"เสี่ยวเชียนเชียน ไปตักน้ำมา เร็วเข้า""อ่อ...ได้"เซียวอวี่เชียนไม่กล้าประวิงเวลา หลังจากตามหาทั่วทั้งวัดแล้ว เจอเพียงแค่อ่างเก่าๆ ก็รีบวิ่งออกไปทันทีผ่านไปไม่ถึงนาทีก็ยกน้ำอ่างหนึ่งกลับเข้ามากู้ชูหน่วนฉีกปลายเสื้อออกมาชิ้นเล็กๆ ชุบน้ำแล้วเช็ดคราบเลือดที่ผสมกับดินโคลนบนตัวเขาออกไป"โอ๊ย..."เยี่ยเฟิงมุ่นคิ้วด้วยความเจ็บปวด ร่างพลันขดตัวเป็นวงกลมกู้ชูหน่วนคิ้วขมวด พยายามทำอย่างเบามือเสียงฟืนที่เผาไหม้ดังเปาะแปะ ภายในวัดร้าง กู้ชูหน่วนเช็ด เซียวอวี่เชียนบิดผ้า ไม่รู้ว่าเปลี่ยนน้ำไปแล้วกี่อ่างระหว่างเช็ดทำความสะอาด กู้ชูหน่วนพบว่าไม่เพียงแค่จากบริเวณไหล่ไปถึงน่องของเขาที่ถูกกัดเนื้อหลุดเป็นชิ้นๆหลายจุดบนลำตัวก็เป็นหลุมบ่อเช่นกัน หากนางเดาไ
"บนตัวเขามีรอยแผลเต็มไปหมด บนตัวเจ้ามีหรือ?""แต่ข้ามีเสื้อแค่ตัวเดียว หากต้องให้เขา ข้าจะสู้หน้าคนอย่างไร?"กู้ชูหน่วนชี้ไปที่ใบไม้นอกวัดร้าง แล้วโยนเข็มเงินให้เขาเล่มหนึ่ง "ด้านนอกมีใบไม้เยอแยะ เจ้าก็ร้อยๆ ออกมาเป็นชุดสิ ข้าไม่ล้อเลียนเจ้าหรอกน่า"เหม่อมองเข็มเงินในมือ เซียวอวี่เชียนแทบเสียสติ"ไม่มีด้ายเสียหน่อย แถมนี่เป็นเข็มเงินที่ใช้ฝังเข็ม ไม่ใช่เข็มเย็บผ้า ข้าไม่สน เป็นตายอย่างไรข้าก็ไม่ถอด หากแพร่ออกไป ชื่อเสียงข้าคงเป็นอันป่นปี้พอดี"กู้ชูหน่วนสองแขนกอดอก ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี "ข้าใช้เสื้อตัวนอกของข้าพันแผลให้เขาแล้ว ตอนนี้ก็เหลือตัวเดียวเช่นกัน เจ้าไม่ถอด แล้วจะให้ข้าถอดหรือ?""แต่...แต่ก็ยังมีฝูกวงมิใช่หรือ? ประเดี๋ยวเขากลับมาก็ให้เขาถอดก็ได้นี่?""ไม่รู้ว่าฝูกวงจะกลับมาเมื่อไหร่ หรือเจ้าจะให้เขาเปลือยกายอยู่เช่นนี้"เซียวอวี่เชียนอยากจะบ้าตายนี่มันเรื่องอะไรกันกู้ชูหน่วนกลอกตามองบน ก่อนจะลงมือกระชากเสื้อเขาออกมา"เฮ้ย เจ้าไม่รู้หรือไรว่าชายหญิงห้ามใกล้ชิด หยุดเดี๋ยวนี้นะ ข้าบอกให้เจ้าหยุดเดี๋ยวนี๋"เซียวอวี่เชียนก็ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงจากไหนมาขัดขืนนาง ก่
"ชีวิตย่อมเดินต่อไป เรื่องของวันหน้า ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง"กู้ชูหน่วนใช้แขนเป็นหมอนหนุน พิงก้อนหินก้อนหนึ่ง เงยหน้ามองจันทร์เพ็ญบนท้องฟ้าพลางทอดถอนใจจัดการแผลเกือบทั้งคืน ทั้งยังเดินอยู่ในป่ามาทั้งวัน ร่างกายของทั้งสองเหนื่อยล้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงนอนไม่หลับเมื่อเยี่ยเฟิงค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา ภาพที่ปรากฏสู่ม่านตาคือกู้ชูหน่วนและเซียวอวี่เชียนทีนอนหลับอย่างเหนื่อยอ่อนทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหมดสติไปไหลทะลักเข้ามาในหัว เยี่ยเฟิงตื่นตระหนก ยกมือขึ้นปกปิดร่างกายตามสัญชาตญาณ แต่เพราะขยับโดนบากแผล จึงเจ็บจนต้องร้องสูดปากกู้ชูหน่วนและเซียวอวี่เชียนตกใจตื่นเพราะการเคลื่อนไหวของเขา"เจ้าฟื้นแล้วหรือ ยังเจ็บอยู่หรือไม่" เซียวอวี่เชียนดีใจเยี่ยเฟิงถอยหลัง ไม่กล้ามองสายตาของพวกเขา เขากลัวสายตาเหยียดหยามพวกนั้นเหลือเกินวินาทีที่ก้มหน้าลง เขาถึงได้พบว่ามีคนสวมเสื้อผ้าหรูหราเซียวอวี่เชียนให้เขา"บนเนื้อตัวเจ้ายังมีแผล หากดิ้นไปมา แผลจะเปิดเอาได้ง่ายๆ" กู้ชูหน่วนรู้ว่าเขาไม่อยากใ้ห้ใครเข้าใกล้ จึงตั้งใจรักษาระยะห่างจากเขาหลายสิบเก้าแววตาเย็นชาของเยี่ยเฟิงพลันอ่อนลง ความปวดร้าวแล่นริ้วไ
เมื่อมองไปที่หน้ากระท่อมฟาง หญิงชราสวมเสื้อผ้าเรียบง่ายที่มีรอนปะชุนมากมาย ใบหน้าเหี่ยวย่น กำลังยืนอยู่หน้ากระท่อมฟาง ราวกับรอบางสิ่งอย่างร้อนใจเบ้าตาของนางกลวงโบ๋ ไม่รู้ว่าตาบอดมานานแล้วเท่าใด แต่สายตาของนางยังคงทอดมองออกไปข้างหน้าเซียวอวี่เชียนถาม "ผู้เฒ่าคนนั้นคือย่าของเยี่ยเฟิงหรือ? หน้าตาไม่เหมือนเลยแฮะ"กู้ชูหน่วนไม่ตอบ เพียงแต่มองเยี่ยเฟิงที่อดกลั้นความเจ็บปวด เดินกลับบ้านราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เอ่ยเสียงอ่อนโยน "ท่านย่า ท่านแข้งขาไม่ดี เหตุใดถึงมายืนรอข้าตรงนี้ ข้าพยุงท่านกลับเข้าไปนอนพักดีกว่า"หัวใจที่เต้นรัวของแม่เฒ่าเยี่ยผ่อนคลายลงไปมาห เอ่ยถามเสียงร้อนรน "เฟิงเอ๋อร์รึ?""ขอรับ ข้ากลับมาแล้ว ขอโทษขอรับ ที่สำนักบัณฑิตมีเรื่องนิดหน่อย จึงได้กลับมาช้า ทำให้ท่านต้องเป็นห่วง"เยี่ยเฟิงพยุงนางให้นั่งลงบนม้านั่งหิน แววตาเย็นชานั้นแฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรเทาแม่เฒ่าเยี่ยกุมมือเขาเอาไว้ เผลอไปโดนแผลบนข้อมือของเขาเข้า เยี่ยเฟิงฝืนทนเอาไว้ เรียวคิ้วขมวดแน่น"หิวแล้วกระมัง ข้าต้มข้าวต้มไว้ให้เจ้า อุ่นไว้อยู่ตลอด รอเจ้ากลับมากิน ข้าจะไปยกมาให้เจ้า"แม่เฒ่าเยี่ยคลำทา
เซียวอวี่เชียนถอนหายใจ "ยัยขี้เหร่ เยี่ยเฟิงบาดเจ็บหนักขนาดนั้น เขาจะไปไหนของเขา?""คงจะ... หาที่ที่ไม่คนเห็นเพื่อหลบเลียแผลใจกระมัง ไปกัน ไปเดินดูรอบๆ บ้านเขา""พวกเราเข้าไปตอนนี้ไม่ดีกระมัง"เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนเดินมุ่งไปยังกระท่อมฟาง เซียวอวี่เชียนจึงรีบตามไปยังไม่ทันถึงหน้ากระท่อม แม่เฒ่าเยี่ยก็พึมพำออกมา "แม่หนูกู้ มาแล้วหรือ""ท่านย่าหูดีนัก อยู่ห่างตั้งไกลยังได้ยินเสียงพวกข้า""กายเจ้ามีกลิ่นยาเฉพาะตัว แค่ลมพัดผ่าน กลิ่นยาก็ฟุ้งไปทั่ว ข้าย่อมได้กลิ่นเป็นธรรมดา"กลิ่นยาอย่างนั้นหรือ?เหตุใดนางถึงไม่ได้กลิ่น?แม่เฒ่าเยี่ยหันไปทางเซียวอวี่เชียน ท่าทางราวกับกำลังมองสำรวจกู้ชูหน่วนแนะนำ "เขาชื่อเซียวอวี่เชียนเจ้าค่ะ เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่สำนักบัณฑิตหลวง เขาเองก็เป็นเพื่อนของเยี่ยเฟิง"แม่เฒ่าเยี่ยเศร้าโศกอยู่ไม่น้อย ดูท่าไม่ค่อยดีใจเหมือนก่อนหน้า หลังจากทักทายพวกเขาแล้วก็นั่งลง ทอดถอนใจอย่างเซื่องซึม "เยี่ยเฟิง เด็กคนนั้นชอบโทษตัวเอง เก็บตัว พูดน้อย มักคิดว่าตัวเองเป็นตัวซวย คนที่อยู่กับเขาไม่มีใครมีจุดจบที่ดีเลยสักคน เขาจึงไม่ผูกมิตรกับใครง่ายๆ"กู้ชูหน่วนนั่งลง เรียวคิ้
"นายท่านหลัน ประมุขสูงสุดแห่งตระกูลหลัน เขานิสัยโหดเหี้ยม ฆ่าคนเหมือนผักปลา ชอบทรมานคน ทั้งยังมีรสนิยมประหลาดด้านนั้น เยี่ยเฟิงแสนน่าสงสาร เพิ่งอายุได้ห้าปี ก็ถูกเขาย่ำยีเสียแล้ว"แม่เฒ่าเยี่ยเล่าถึงเรื่องราวอันเจ็บปวด ระทมใจจนต้องกุมหน้าอกเอาไว้ อารมณ์อ่อนไหวนักกู้ชูหน่วนและเซียวอวี่เชียนมองหน้ากัน นึกถึงบาดแผลฟกช้ำบนตัวเยี่ยเฟิง ก็เข้าใจในทันทีว่าถูกย่ำยีนั้นหมายความว่าอย่างไร?สีหน้าของทั้งสองไม่สู้ดีนัก เซียวอวี่เชียนเดือดดาลขึ้นมาในทันใด "เพิ่งจะห้าขวบ เขาเป็นอสูรกายหรืออย่างไร? เหตุใดถึงทำได้ลงคอ?""ข้าเป็นแม่ครัว เดิมทำกับข้าวให้กับพวกองครักษ์ที่เรือนทาส แต่เพราะทำอาหารอร่อยจึงถูกบังคับให้ย้ายไปทำอาหารในตระกูล วันนั้นข้าเป็นกับตาว่าเยี่ยเฟิงถูกทรมานจนแทบขาดใจ ช่างน่าอนาถนัก เด็กอายุห้าขวบถูกทารุณปานนั้น ช่างน่าสงสารเหลือเกิน"ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นได้ ร่างทั้งร่างของแม่เฒ่าเยี่ยจึงได้สั่นสะท้าน"ข้าอยากเอายาให้เขา แต่ก็กลัวจะโดนหางเลข ทำได้เพียงมองเขาหลบเลียแผลตัวเองอยู่ห่างๆ ครั้งนั้นเขานอนซบอยู่บนเตียงครึ่งเดือนเต็มๆ เกือบเอาชีวิตไม่รอด""ข้าเคยเห็นเยี่ยเฟิงคิดจะฆ่าตัวตา
"เพราะข้าให้ซาลาเปาลูกหนึ่งกับเขา ปีนั้นเขาอายุหกขวบ คนหนึ่งในกลุ่มของเขาลอบฆ่านายท่านหลัน ถูกจับแล้วสับทั้งเป็น หลังจากเก้าคนที่เหลือถูกซ้อมจนน่วมแล้ว ก็ถูกจับไปทิ้งหลังเขาหิมะ""ฤดูหนาวปีนั้นหนาวนัก หิมะตกหนักไม่หยุด บนภูเขาหิมะไม่มีของกิน ทั้งยังมีหมาป่าหิมะพลุกพล่าน แปดคนที่เหลือตายหมด เหลือเขาเพียงคนเดียว ข้าเห็นเขาทั้งหนาวทั้งหิวทั้งทรมาน จึงแอบเอาซาลาเปาให้เขาลูกหนึ่ง เพราะเหตุนั้น... เขาถึงเห็นข้าเหมือนครอบครัว""ต่อมาสามีฆ่าผิดใจกับพ่อบ้านผู้ดูแลจึงถูกฆ่า ลูกๆ ที่น่าสงสารของข้าก็โดนหางเลข ตายก่อนวัยอันควร ข้าเองก็ชีวิตพลิกผัน ถูกส่งไปเป็นบ่าวรับใช้ของแม่ครัว ทั้งยังป่วยหนัก นั่นคือช่วงเวลาอันมืดมนของข้า โชคดีที่เยี่ยเฟิงตอบแทบบุญคุณซาลาเปาลูกนั้น ดูแลข้ามาตลอด หากไม่มีเขา ข้าคงสิ้นไปตั้งนานแล้ว""ตัวเขาเองยังกินไม่อิ่มนอนไม่อุ่น แต่ยังเก็บของที่ดีที่สุดไว้ให้ข้า หลายปีมานี้ เขาดูแลข้าทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงเพราะซาลาเปาลูกเดียวที่ข้าให้เขา""ครึ่งปีก่อนหน้านี้ ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเขา เป็นครั้งแรกที่เขาขัดขืนนายท่านหลัน นายท่านหลันเดือดดาลนัก ควักลูกตาของข้าทั้งส
อินต้ากุ่ยกับนายท่านหลันสบตากันกัน พวกเขาล้วนเห็นเจตนาฆ่าในดวงตาของอีกฝ่ายกู้ชูหน่วนอาจจะเกี่ยวพันกับสำนักซิวหลัว และยังฆ่าคนแคระเจี่ยน ยุยงเทพสงครามให้โจมตีเขาหมายวิญญาณ ทำให้พวกเขาล้มตายไปจำนวนมาก แม้แต่เขาหมายวิญญาณก็ถูกทำลายไปเกินครึ่งหากไม่ฆ่านาง ก็คงไม่สามารถคลายความแค้นในใจได้ขอเพียงคนเหล่านี้ถูกฆ่าทั้งหมด ถึงเวลานั้นก็ไม่มีหลักฐาน และหัวหน้าเผ่าหมออาจจะไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นคนฆ่าด้วยซ้ำสิ่งที่นายท่านหลันเกลียดที่สุดคือความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนของนางกับเยี่ยเฟิงเยี่ยเฟิงเป็นคนของเขา ชีวิตนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถแตะต้องได้ แม้แต่ความตายก็มีเพียงเขาเท่านั้นที่ฆ่าได้กู้ชูหน่วนถอยหลังไปหลายก้าวและเอ่ยเสียงดังว่า "พวกเจ้ารีบไปเร็ว ไปหาเย่จิ่งหาน""ไป? นอกจากนรกแล้ว พวกเจ้าไปที่ไหนไม่ได้ทั้งสิ้น"เจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานและพวกนายท่านหลันยืนอยู่ในทิศทางเดียว แล้วก่อตัวเป็นวงล้อมปิดกั้นเส้นทางของพวกเขาพวกเขาทั้งหก ไม่ว่าใคร ล้งนเป็นยอดฝีมือผู้เลื่องชื่อแห่งยุค โดยเฉพาะนายท่านหลันกับอินต้ากุ่ย ซึ่งหาคู่ต่อสู้บนโลกได้ยากยิ่งแต่ที่นี่ พวกเขาทั้งหมดเป็นคนแก่และคนพิการ ไม่ม
กู้ชูหน่วนค่อนข้างรู้สึกแปลกๆ และเมื่อหันศีรษะไปเห็นนายท่านหลันผู้มีสีหน้ามืดมนจนน่ากลัว นางก็ตกใจจนตัวสั่น"คนทำให้คนตกใจจนตายได้เลยนะ"ผู้พิทักษ์ซานเงื้อค้อนฟาดไปข้างหน้าด้วยความโกรธ "นังผู้หญิงสมควรตาย ไม่เพียงยุยงเทพสงครามโจมตีเขาหมายวิญญาณ ยังกล้ายุแหย่ให้แตกแยกกันอีก สมควรตายนัก"สีหน้าขององครักษ์ลับเปลี่ยนไป พลิกดาบยาวในมือ ปัดป้องค้อนเหล็กขนาดใหญ่"ปัง ปัง ปัง......"เพียงชั่วครู่ ก็ปะทะกันไปหลายสิบกระบวนท่าแล้ว"ตู้ม......"เสียงดังสนั่น องครักษ์ลับกระอักเลือด ผู้พิทักษ์ซานกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ชัยชนะและความพ่ายแพ้จึงปรากฏขึ้นทันทีกู้ชูหน่วนยิ้มเยาะ "ทำไม พูดความจริงแล้วโกรธจนทนไม่ได้รึ? นายท่านหลัน ไม่ใช่ว่าข้าว่าเจ้านะ เจ้านี่หน้าไม่อายเสียจริงๆ พวกเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานเห็นเจ้าเป็นพี่ เป็นสหาย แต่เจ้ากลับหลอกแม้กระทั่งพวกเขา"พลังภายในมือของนายท่านหลันรวมตัวเป็นลูกไฟ และเห็นได้ชัดว่าขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่ไร้ซึ่งอุณหภูมินั้นก็จ้องมองไปที่กู้ชูหน่วน ราวกับว่ากู้ชูหน่วนกลายเป็นคนตายไปแล้วเยี่ยเฟิงคลานขึ้นอย่างยากลำบาก และเตือนด้วยเสียงสั่นเครือ
สวีซานเหนียงหัวเราะเยือกเย็น "นังหนู ข้าจะบอกพวกเจ้าตามตรงแล้วกัน นายท่านหลันกับพวกเราสนิทกันนัก เจ้าจะว่าร้ายผู้ใดก็ได้ แต่กลับชี้ไปที่เขา เจ้าคิดว่าพวกเราจะเชื่อเจ้าหรือ อีกอย่าง พวกเราก็เพิ่งกลับมาจากเขาหมายวิญญาณ"กู้ชูหน่วนเหยียดหยันในใจช่างสมเป็นปลาข้องเดียวกันเสียจริง มีเพื่อนที่วิปริตอย่างนายท่านหลัน ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาน่าขยะแขยงขนาดนี้กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อพวกเจ้าเป็นเพื่อนของนายท่านหลัน นายท่านหลันยังหลอกพวกเจ้าได้ลงอีกหรือ"สวีซานเหนียงและคนอื่นๆ ขมวดคิ้วมุ่นกู้ชูหน่วนถอนหายใจอย่างจนปัญญา "เจ้าคิดว่าเหตุใดหานอ๋องถึงส่งทหารไปที่เขาหมายวิญญาณเล่า เป็นเพราะข้าอย่างนั้นหรือ พวกเจ้าช่างใสซื่อเหลือเกิน เทพสงครามบุกเขาหมายวิญญาณ เพียงเพราะกระดิ่งภินวิญญาณอยู่ที่นายท่านหลันก็เท่านั้น ไม่เช่นนั้นเขาจะยอมทำเพื่อสตรีเพียงผู้เดียว ทั้งยังเป็นหญิงอัปลักษณ์ เพื่อผิดใจกับหัวหน้าเผ่าหมอได้อย่างไร"เดิมทีตีเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานให้ตาย พวกเขาก็ไม่มีทางเชื่อคำพูดของกู้ชูหน่วนแต่เหตุการณ์ตรงหน้า คำพูดนี้ของนาง ฟังดูมีเหตุผลยิ่งนักเทพสงครามคือผู้ใด เขาต้อง
เจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน ไม่ว่าคนไหนก็ล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญที่เลื่องชื่อในยุทธภพ โดยเฉพาะอินต้ากุ่ย ลูกพี่ใหญ่ของเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน วิทยายุทธสูงล้ำถึงขั้นที่แม้แต่เทพและปีศาจก็ไม่อาจคาดเดา แทบจะสูสีคู่คี่กับนายท่านหลันได้เลยยามนี้พวกเขาทั้งสามปรากฏตัวขึ้นที่นี่พร้อมกัน คิดว่าต้องไม่ประสงค์ดีเป็นแน่องครักษ์ลับคุ้มกันกู้ชูหน่วน พูดเสียงกร้าว "พวกเราคือคนของเทพสงครามหานอ๋อง ใต้เท้าไม่ใช่คนของเผ่าเทียนเฝิน แล้วก็ไม่ใช่คนของเผ่าหมอ จะช่วยไว้หน้ากันได้หรือไม่"จู่ๆ สวีซานเหนียงก็หัวเราะออกมาด้วยความคุ้มคลั่ง ดวงตาคู่นั้นจ้องเขม็งไปยังเยี่ยเฟิงที่บาดแผลเต็มตัว มีทั้งความชื่นชอบ ความโกรธ ซับซ้อนยากจะเข้าใจ"ไว้หน้าพวกเจ้างั้นรึ ตอนนั้นที่นังเด็กนั่นกับเจ้าเด็กคนนั้นฆ่าพี่น้องของข้า เคยไว้หน้าพวกข้าหรือไม่"ดวงตาทั้งสองข้างของสวีเจิ้นบอดสนิท มองไม่เห็นรูม่านตา เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด "ยังมีดวงตาของข้า ลูกตาทั้งสองข้างของข้าถูกควักออกไป ล้วนแต่เป็นเพราะพวกเจ้า แค้นนี้ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องสะสางให้รู้เรื่อง"แม้ตาทั้งสองข้างของสวีเจิ้นจะมืดบอด แต่ความสามารถในการฟังกลับเป็นเล
ด้านบนมีค้างคาวกินคน ด้านล่างมีฝูงงูพิษวิธีการเช่นนี้ช่างโหดร้ายเกินไปองครักษ์ลับพากันเลียนแบบฝูกวง ใช้กำลังภายในของตนโจมตีฝูงค้างคาว พยายามปกป้องกู้ชูหน่วนสุดกำลังที่ตนมีกู้ชูหน่วนเอ่ย "เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ฝูกวง เจ้าคิดหาวิธีตามหาผู้อาวุโสที่แซ่ตงผู้นั้น แล้วคุมตัวนางไว้ ไม่เช่นนั้นพวกเราไม่มีผู้ใดหนีรอดไปได้แน่""แต่หากข้าน้อยไปแล้ว นายหญิงจะทำเช่นไร""ข้ามีวิธีของข้า ข้าจะคุ้มกันเจ้า เจ้ารีบไป ไม่เช่นนั้นรอจนเจ้าใช้กำลังภายในหมด อยากจะจัดการนางก็คงไม่ไหวแล้ว"ฝูกวงกวาดสายตามองดูสถานการณ์การต่อสู้รอบๆสภาพการณ์ตรงหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่นักผู้ใต้บัญชาของเย่จิ่งหานแต่ละรายต่างได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อยเยี่ยเฟิงบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังต้องปกป้องแม่เฒ่าเยี่ย ไม่มีความสามารถในการต่อสู้แล้วที่ยังสู้ได้ก็มีเพียงแค่เขากับองครักษ์ลับของเย่จิ่งหานจำนวนไม่กี่คนหากประวิงเวลาต่อไป เกรงว่าพวกเขาจะต้องตายเพราะใช้กำลังภายในจนหมดจริงๆคิดได้เช่นนี้ ฝูกวงจึงทำได้เพียงแค่กัดฟันพูด "ข้าพอจะรู้ตำแหน่งที่นางอยู่ นายหญิง อดทนไว้ ข้าน้อยจะใช้เวลาให้น้อยที่สุดหานางให้เจอ แล้วจะจัดการนางเสีย""ด
ท่ามกลางความมืด มีเสียงซู่ซู่ดังมาจากกอหญ้าทันทีที่กู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ หันไปก็อดตกตะลึงไม่ได้ งูพิษที่กำลังแลบลิ้นขู่ฟ่อๆ หลายตัวกำลังเลื้อยเข้ามาทางพวกเขาจากทุกทิศงูพวกนี้มีหลายสายพันธุ์ หลากสีสันปะปนอยู่ด้วยกัน พุ่งเข้ามาฉกราวกับมีเป้าหมายอยู่แล้วทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็รู้ว่างูทุกตัวล้วนแต่มีพิษร้ายแรง หากทุกฉก ชีวิตพวกเขาก็คงหาไม่"เหตุใดถึงได้มีงูมากมายเพียงนี้" ไม่รู้ว่าใครในกลุ่มตะโกนออกมาฝูกวงเอ่ยเสียงขรึม "นายหญิง คงเป็นผู้อาวุโสตงเผ่าเทียนเฝิน นางสันทัดเรื่องการควบคุมแมลง งูและมดมีพิษ""มีวิธีจัดการหรือไม่""นอกเสียจากฆ่าผู้อาวุโสตง หรือไม่ก็คุมตัวนางไว้ แต่โดยปกติแล้วนางจะควบคุมผ่านการใช้เวทคาถาจากที่ที่อยู่แสนไกล พวกเราไม่รู้ตำแหน่งของนาง"เขาเองก็ไม่กล้าทิ้งนายหญิงไป ด้วยเกรงว่านายหญิงจะมีอันตรายฝูงงูเลื้อยเข้ามาใกล้ องครักษ์ลับห้อมล้อมกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ ไว้ตรงกลางโดยอัตโนมัติ ทุกคนชักดาบเอามาเล็งไปที่ฝูงงูทว่าฝูงงูมีมากเกินไป ฟันไปตัวหนึ่ง ก็มีอีกตัวเข้ามาอีก เลื้อยกันเข้ามายั้วเยี้ย ไม่มีทางฟันให้หมดไปได้เข็มเงินของกู้ชูหน่วนถูกยิงออกไป ฟึ่บฟึ่บฟึ่บ
อีกด้าน กู้ชูหน่วนกำลังพาฝูกวงมุ่งหน้าไปยังเขาหมายวิญญาณเขาหมายวิญญาณทั้งลูกสนั่นหวั่นไหว นางซวนเซทรงตัวไม่อยู่ มองดูสิ่งมหึมาที่อยู่กลางฟ้าด้วยความตกตะลึงหากไม่ได้เห็นกับตา นางไม่มีทางเชื่อว่าจะมีคนสามารถเปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นมังกร เปลี่ยนใบไม้ให้กลายเป็นเฟิ่งหวงได้ อีกทั้งยังเป็นมังกรและเฟิ่งหวงที่ดูสมจริง ไอสังหารรุนแรงถึงขนาดนี้"ช่างเป็นพละกำลังที่กล้าแกร่งยิ่งนัก" กู้ชูหน่วนตะลึงอยู่ในใจจะต้องเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจเพียงใดถึงได้มีความสามารถเช่นนี้สีหน้าของฝูกวงดูไม่สู้ดี ใบหน้าตุ๊กตาที่ดูจิ้มลิ้มฉายให้เห็นแววความเกลียดชังปราดหนึ่ง"เผ่าเทียนเฝิน คนของเผ่าเทียนเฝินเริ่มต่อสู้กับเทพสงครามแล้ว นั่นคือหนึ่งในกระบวนท่าเด็ดของหัวหน้าเผ่ารุ่นต่อไปของเผ่าเทียนเฝินผลึกวารีหมื่นลี้""ผลึกวารีหมื่นลี้ ?""ขอรับ ในช่วงที่พลังของเขากำลังโชติช่วง เขาสามารถใช้น้ำแข็งผนึกเขาหมายวิญญาณทั้งลูก และช่วงชิงทั้งหมดที่นี่ไปในชั่วพริบตา" แต่หลังจากที่เขาใช้ผลึกวารีแล้ว เขาเองจะเจ็บหนัก เขาจึงไม่ใช้กระบวนท่านี้ง่ายๆตลอดทั้งชีวิตของเขา บางทีอาจจะใช้เพียงครั้งเดียว ครั้งนั้นคือการใช้มาจัดการกับ
เย่จิ่งหานเล่นขลุ่ยหยกขาวในมือด้วยท่าทางหน่ายคร้าน ริมฝีปากเรียวบางเปล่งออกมาหนึ่งประโยค"แค่เขาหมายวิญญาณเล็กๆ ข้าอยากจะตีก็ตี จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากเจ้าหรือ"บ้าบ้าคลั่งเกินไปแล้ว...เย่จิ่งหานวิทยายุทธสูงส่ง พลังอำนาจแข็งกล้าวิทยายุทธของหัวหน้าเผ่าหมอไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา พลังอำนาจก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเขา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเผ่าเทียนเฝินที่คอยจ้องตามันเย่จิ่งหานพูดเช่นนี้ เป็นการฉีกหน้าหัวหน้าเผ่าหมออย่างไม่ต้องสงสัยหรือควรจะพูดว่า ตอนที่เขาส่งทหารไปตีเขาหมายวิญญาณ ก็เท่ากับท้าทายอำนาจของหัวหน้าเผ่าหมอ แตกหักกับเขาโดยสิ้นเชิงหัวหน้าเผ่าหมอหัวเราะเจ้าเล่ห์ ดวงตาสีฟ้าอ่อนเผยให้เห็นความเย้ายวนที่ชวนให้คนหวาดกลัวชายชุดขาวยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ ลมเย็นพัดเสื้อของเขาไหวสะบัด ราวกับจะติดปีกเป็นเซียนได้ทุกเมื่อภายใต้หน้ากากผีเสื้อ ดวงตาใสเป็นประกายเผยให้เห็นความชอบใจ เหมือนกำลังรอดูฉากเด็ดอยู่ทว่าประโยคต่อไปของหัวหน้าเผ่าหมอกลับทำให้ชายชุดขาวเกิดความสับสนว้าวุ่นเล็กน้อย"พวกเจ้าทั้งสองสู้กันไป หากสู้ไม่ไหว ข้าจะสู้แทนเอง"ทุกคน "..."นี่คือคำพูดที่หัวหน้าเผ่าหมอควรจะพูดเช
"ไม่นาน เพิ่งจะเดือนกว่าเท่านั้น" เย่จิ่งหานแม้จะกำลังยิ้ม แต่รอยยิ้มก็ไม่ได้ส่งไปที่ดวงตาเช่นกันหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา เขาหลงกลแผนของเผ่าเทียนเฝิน ทำให้ถูกพิษ สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวไป สุดท้ายก็ถูกนางผู้นั้นลากเข้าไปในกองหญ้า จากนั้น...เมื่อคิดถึงค่ำคืนนั้น ไอความหนาวเหน็บของเย่จิ่งหานก็รุนแรงขึ้นกว่าเดิม"เทพสงครามดูน่าเกรงไม่ลดไปจากตอนนั้นเลย การต่อสู้อย่างดุเดือด สังหารผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินของข้าไปถึงสิบหกคน ช่างเก่งกาจยิ่งนัก""ไม่เก่งกาจเท่าเผ่าเทียนเฝินหรอก ที่ทำเป็นแค่เรื่องไร้ศักดิ์ศรีลับหลังผู้อื่นเท่านั้น"ประโยคเดียวของเย่จิ่งหานทำให้ถึงทางตัน บรรยากาศพลันครุกรุ่นความบาดหมางเคียดแค้นของทั้งสอง เกิดขึ้นนานแล้ว ระหว่างนี้ผ่านมาหลายสิบรุ่น ไม่ใช่สิ่งที่จะสะสางได้วันสองวันเชื้อเพลิงสงครามพร้อมจะลุกโชนได้ทุกเมื่อการปะทะกันระหว่างยอดฝีมือเช่นนี้ ผู้อื่นในเหตุการณ์ไม่มีใครกล้าเข้าร่วม เพียงแค่ถอยหลังไปหลายก้าว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องโดนลูกหลงในขณะที่สงครามกำลังจะเริ่มพลันมีเงาร่างสีแดงเพลิงอีกร่างลงมาจากกลางอากาศผู้ที่มาก็เป็นชายหนุ่มวัยเยาว์ เพียงแต่เ