Share

บทที่ 18

last update Last Updated: 2024-12-01 20:35:53

ฮวงจุ้ยของจวนไท่เว่ยน่าจะดีเป็นพิเศษ นอกจากมีข่าวเรื่องการหมั้นหมายระหว่างคุณหนูรองตระกูลจ้าวกับรองเสนาบดีกรมพิธีการในช่วงเช้ากระจายออกไปแล้ว ช่วงบ่ายก็มีขบวนรถจากวังหลวงเดินทางมาถึงจวนไท่เว่ย รถม้าติดตราราชวงศ์หลายสิบคันจอดเรียงรายยาวเหยียดแทบปิดเส้นทางสัญจรฝั่งตะวันออกของเมือง

        เฉินซือหยางนำหวังกงกงมาเยือนจวนไท่เว่ยกะทันหัน ทำเอาจ้าวมู่ที่เพิ่งได้รับรายงานจากทหารรับใช้รีบควบม้ากลับจวน เห็นองค์รัชทายาทยืนรอพร้อมกับสมาชิกในครอบครัวของเขา จ้าวมู่ก็รีบเข้าไปค้อมกายทักทายทันที

       “องค์รัชทายาท”

       “เจิ้งกั๋วกง” เฉินซือหยางพยักหน้าให้อีกฝ่ายยิ้มๆ อีกฝ่ายมาต้อนรับเขารวดเร็วถึงเพียงนี้ คงได้รับข่าวตั้งแต่เขาก้าวเท้าออกจากวังเลยกระมัง

       “เหตุใดองค์รัชทายาทถึงให้เกียรติมาเยือนจวนของผู้น้อยได้ขอรับ”

       “เราบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าเราถูกชะตากับบุตรชายของท่านยิ่งนัก ไหนๆ วันนี้เสด็จพ่อก็มีเรื่องจะแจ้งให้ท่านทราบอยู่แล้ว เราเลยอาสาพาหวังกงกงมาด้วยเสียเลย”

       หวังกงกงก้าวออกมาค้อมกายคารวะ จ้าวมู่คารวะตอบด้วยสีหน้าฉงน

       “ฝ่าบาทมีเรื่องอะไรจะแจ้งกับกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ”

       “จะเรียกว่ามีเรื่องแจ้งกับท่านก็ไม่เชิง เรียกว่ามีเรื่องกับบุตรชายของท่านจะเหมาะกว่า... หวังกงกง” เฉินซือหยางพยักหน้าให้

       “พ่ะย่ะค่ะ” หวังกงกงคลี่ราชโองการออกประกาศเสียงดังให้ผู้คนที่มามุ่งดูได้ยินกันถ้วนทั่ว

       “จ้าวลี่หมิงรับราชโองการ”

       ตระกูลจ้าวตื่นตระหนกกันถ้วนหน้า กู้ฟางเหนียงสั่งให้บ่าวรับใช้ไปอุ้มคุณชายน้อยมาอย่างรวดเร็ว จ้าวลี่หมิงที่เพิ่งนอนกลางวันได้ไม่นาน พอถูกแม่นมปลุกก็ร้องไห้งอแง น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะ ใบหน้าอ้วนกลมยับยู่ไม่พอใจเมื่อถูกรบกวนการนอน

       เห็นจ้าวลี่หมิงสะอึกสะอื้นไม่หยุด หัวใจของเฉินซือหยางก็เกิดอาการคันยุบยิบราวกับมีแมวน้อยข่วนเกา อยากจะเข้าไปปลอบเด็กน้อยแทนกู้ฟางเหนียงก็ได้แต่ข่มใจไว้

       จ้าวลี่หมิงโยเยอยู่ชั่วครู่ พอถูกหลายคนปลอบโยนจึงหยุดร้องไห้ ดวงหน้าน่ารักน่าเอ็นดูยังคงแดงก่ำเปื้อนหยาดน้ำตามองดูแล้วหัวใจแทบละลายเพราะความน่ารักน่าใคร่ของเด็กน้อย

       “จ้าวลี่หมิงรับราชโองการ”

       “แอ๊ะ” จ้าวลี่หมิงได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองร้องอ้อแอ้ตอบ กู้ฟางเหนียงจับจ้าวลี่หมิงนั่งคุกเข่ารับราชโองการ

       “ลี่หมิงตระกูลจ้าวเพียบพร้อมด้วยคุณธรรม ความสามารถ รูปโฉมงดงามน่าใคร่ ชาติกำเนิดสูงส่งเหมาะแก่การดำรงตำแหน่งชายาองค์รัชทายาท เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ปวงประชา จึงพระราชทานสมรสให้แก่โอรสของเราเฉินซือหยางกับจ้าวลี่หมิง ประกาศต่อฟ้าดินให้รับรู้ ขอให้ทั้งสองครองคู่กันยาวนาน ร่วมกันสืบทอดแผ่นดินต้าเฉินของเราให้รุ่งเรืองสืบไป จบราชโองการ”

       เกิดความเงียบอันยาวนานขึ้นหลังจากหวังกงกงประกาศราชโองการจบ กู้ฟางเหนียงบีบข้อมือจ้าวมู่แน่นจนขึ้นข้อขาว ราชโองการที่ประกาศออกมาเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจผู้เป็นมารดาอย่างนาง อนาคตของบุตรชายจะต้องผูกติดกับองค์รัชทายาท หากรุ่งโรจน์ก็จะรุ่งโรจน์ไปด้วยกัน แต่ถ้าหากว่าไม่เล่า...

       กู้ฟางเหนียงเนื้อตัวสั่นสะท้าน นึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ วังหลวงที่กลืนคนไม่คายกระดูกแห่งนั้น บุตรชายของนางจะไปอยู่ได้อย่างไร

       “ท่านพี่”

       จ้าวมู่ตบหลังมือปลอบคู่ชีวิตเบาๆ ก้าวออกไปรับราชโองการแทนบุตรชายด้วยหัวใจหนักอึ้ง “เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

       “เสด็จพ่อยังมีของหมั้นหมายมามอบให้เจิ้งกั๋วกงด้วย เชิญเจิ้งกั๋วกงตรวจดู” เฉินซือหยางรับม้วนผ้ามาจากหวังกงกงส่งต่อให้จ้าวมู่ พอคลี่ออกดูม้วนผ้าก็ทิ้งตัวยาวเหยียด รายการของหมั้นหมายมีตั้งแต่ไข่มุกราตรีหลายร้อยหีบ ผ้าแพรไหมเนื้อดีหลายพันพับ เครื่องประดับหยก กวานหยก ทองคำ เครื่องเงินล้วนมีครบ สายคาดเอว รองเท้าหนังกวาง เสื้อคลุมขนจิ้งจอกเงินหายาก ผ้าห่มลายนกยวนยางคู่ ผ้าปูโต๊ะ ผ้าม่าน โต๊ะ ตู้ ตั่งเตียงที่ทำจากไม้หวงฮวาหลีชั้นยอด นอกจากนี้ยังมีชาบรรณาการ สุราบ่มร้อยปี กระดานหมากล้อมที่ทำมาจากหยกเหอเถียนน้ำงาม เงินตำลึง ตั๋วเงิน ที่ดิน ไร่นา ของเล่นแปลกตา ของสะสมหายากอย่างภาพวาด อักษรภาพของยอดกวี หรือคัมภีร์ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยก่อน สุ่มหยิบชิ้นไหนก็ล้วนแล้วแต่มีค่าควรเมือง

       หีบหลายร้อยพันหีบถูกยกเข้าจวนไท่เว่ยหีบแล้วหีบเล่า แทบจะตั้งท้องพระคลังหลวงที่จวนไท่เว่ยได้อีกแห่ง ทำเอาชาวบ้านที่มามุ่งดูล้วนได้เปิดหูเปิดตากับความหรูหราร่ำรวยของชนชั้นสูง

       “เชิญองค์รัชทายาทเข้าไปเสวยสุธารสชาก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” จ้าวมู่กวาดตามองรายการของหมั้นหมายอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเชื้อเชิญเฉินซือหยางเข้าไปพูดคุยกันด้านใน เฉินซือหยางพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจยิ่ง

       “ต้องขอรบกวนแล้ว ชีชีเราไปเล่นด้วยกันเถอะ” เฉินซือหยางยอบกายพูดคุยกับเด็กน้อย จ้าวลี่หมิงจำเสียงของอีกฝ่ายได้เลยเดินเตาะแตะเข้าไปหาเฉินซือหยาง สร้างความตกตะลึงให้กับคนตระกูลจ้าวทั้งตระกูล เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวลี่หมิงเริ่มหัดเดิน แต่ทำไมถึงเดินไปหาคนอื่นด้วยเล่า

       จ้าวมู่หน้าดำเป็นก้นหม้อ ตอนแรกหนักใจเรื่องสมรสพระราชทานของบุตรชาย ตอนนี้ต้องมาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความอิจฉาริษยาเฉินซือหยาง ทำไมคนที่บุตรชายเดินไปหาคนแรกไม่เป็นเขา ทำไมต้องเป็นเจ้าเด็กหน้าเหม็นผู้นี้ด้วย! นี่สินะที่เขาบอกว่า บุตรพอแต่งออกไปก็เหมือนน้ำถูกสาดทิ้ง เห็นคนอื่นดีกว่าบิดา!!

       จ้าวลี่หมิงไม่รู้ตัวว่าได้ทำร้ายจิตใจของผู้เป็นบิดาอย่างแสนสาหัส โผเข้าสู่อ้อมแขนของเฉินซือหยาง เด็กน้อยจับใบหน้าอวบยุ้ยเหมือนตัวเองด้วยความอยากรู้อยากเห็น บีบไปบีบมาจนองค์รัชทายาทหน้าตาบู้บี้

       หวังกงกงถึงกับเหงื่อตกแทนเด็กน้อย แต่เฉินซือหยางซึ่งปกติเป็นคนหยิ่งทะนงและถือตนยิ่งนักกลับหัวเราะชอบใจเสียอย่างนั้น ทำเอาหวังกงกงที่เห็นเฉินซือหยางมาตั้งแต่เด็กอดแปลกใจไม่ได้ คงจะจริงอย่างที่จางกงกงบอกว่าองค์รัชทายาททรงโปรดปรานจ้าวลี่หมิงด้วยใจจริง

       “ชีชีคิดถึงข้าหรือไม่”

       “แอ๊” จ้าวลี่หมิงตบหน้าเฉินซือหยางแปะๆ ริมฝีปากเล็กดูดแก้มเฉินซือหยางด้วยความหิวจนน้ำลายยืด ทำเอาผู้คนในบริเวณนั้นตกตะลึงตาค้างไปตามๆ กัน ถึงกับกล้ากระตุกหนวดมังกรเล่น ความกล้าหาญของคุณชายจ้าวช่างน่านับถือโดยแท้

       เฉินซือหยางหัวเราะเบาๆ ด้วยความจั๊กจี้ อุ้มเด็กน้อยเดินเข้าจวนไท่เว่ยราวกับเป็นตำหนักของตนเอง “ห้องของชีชีอยู่ไหนหรือ” เขาหยุดถามคนตระกูลจ้าว ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องของจ้าวลี่หมิงตามการนำทางของกู้ฟางเหนียง

       เรือนหลังน้อยท่ามกลางทุ่งดอกทานตะวันพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้า แสงทองมลังเมลืองจากดอกไม้สาดประกายไปทั่ว ทำให้เรือนช่านไฉ่แลดูสว่างสดใสสมชื่อ เฉินซือหยางยืนชมผีเสื้อเชยบุปผาร่วมกับจ้าวลี่หมิงชั่วครู่ค่อยย่างกรายเข้าไปในเรือนหลังเล็ก ตรงเข้าไปในห้องนอนของเด็กน้อยโดยไม่รอให้ใครอนุญาต

       “พวกเจ้าออกไปเถอะ ข้าจะดูแลชีชีเอง”

       กู้ฟางเหนียงและจ้าวมู่มองหน้ากันไปมา ดูจากท่าทางขององค์รัชทายาทตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว หากปล่อยให้บุตรชายอยู่ด้วยคงจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกระมัง

       “พ่ะย่ะค่ะ / เพคะ”

       ทั้งคู่ถอยห่างจากห้องตามพระประสงค์ แต่ก็ยังไม่วายเกาะขอบหน้าต่างแอบมองบุตรชายด้วยความห่วงใย

       เฉินซือหยางไม่สนใจพ่อแม่ของเด็กน้อย เขาวางจ้าวลี่หมิงลงบนเตียงอุ่นอย่างเบามือ แต่เด็กน้อยกลับไม่ยอมนั่งดีๆ ลุกขึ้นเกาะคอยื่นหน้ามาจะงับใบหูเขาให้ได้ เฉินซือหยางเลยฟัดแก้มป่องเป็นการเอาคืน จนจ้าวลี่หมิงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากสนุกสนาน

       “นี่แน่ะๆ หิวมาจากไหนหึเรา”

       “แอ๊ะ แอ๊” จ้าวลี่หมิงขยุ้มผมนิ่ม ดึงทึ้งไปมาจนองค์รัชทายาทน้อยผู้เคร่งขรึมหมดสภาพ จำต้องยกมือยอมแพ้เด็กน้อยแต่โดยดี

       “โอ๊ยๆ ยอมแล้วๆ ปล่อยผมเราก่อนได้หรือไม่ ข้าเอาของกินมาให้เจ้าด้วยนะ นี่ไง” เฉินซือหยางล้วงขนมในแขนเสื้อออกมาล่อ เด็กน้อยจึงยอมปล่อยผมของเขาแต่โดยดี ขนมนี้เขาให้แม่ครัวในห้องเครื่องนำนมวัวกวนผสมกับแป้งข้าวโพดและน้ำผึ้ง แล้วนำมาปั้นเป็นรูปกระต่ายชิ้นเล็กๆ พอดีคำ ซึ่งกระต่ายขาวกลิ่นหอมละมุนนี่เองที่ดึงดูดให้จ้าวลี่หมิงเกาะติดเขามาตั้งแต่ต้น

       “มา ข้าป้อนเจ้า อ้า... อ้ำ” เฉินซือหยางส่งกระต่ายน้อยตัวนุ่มเข้าปากจ้าวลี่หมิง เด็กน้อยเคี้ยวกระต่ายรสนมอย่างไร้ความปรานี ท่าทางเอร็ดอร่อยยิ่ง ไม่นานก็เกาะแขนร้องขอขนมจากเฉินซือหยางอีกชิ้น เฉินซือหยางเองก็ไม่อิดออดป้อนเด็กน้อยแต่โดยดี

       “อร่อยหรือไม่”

       “\(@^0^@)/”

       จ้าวลี่หมิงเคี้ยวตุ่ยๆ ไม่ตอบคำ เฉินซือหยางเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าเด็กน้อยจะส่งเสียงตอบเขา เด็กชายหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเศษขนมเลอะตรงมุมปากของเด็กน้อยอย่างเอาอกเอาใจ ทั้งยังรินน้ำอุ่นบนโต๊ะไม้ข้างเตียงไว้รอท่าเผื่อจ้าวลี่หมิงสำลัก ท่าทางปรนนิบัติคนเช่นนี้ชำนิชำนาญยิ่งเหมือนเคยทำแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ในความเป็นจริงแล้วนี่คือครั้งแรกที่เขาปรนนิบัติเอาใจผู้อื่นนอกเหนือจากเสด็จพ่อ

       เฉินซือหยางรอจนเด็กน้อยกินอิ่ม ค่อยเช็ดหน้าเช็ดมือให้ พอจ้าวลี่หมิงตาปรือทำท่าจะหลับ เด็กชายจึงจัดการห่มผ้าให้จ้าวลี่หมิง มือป้อมตบก้นนิ่มเบาๆ ฮัมเพลงกล่อมเด็กน้อย กล่อมไปกล่อมมากลายเป็นว่าตัวเองเผลอหลับตามไปด้วยอีกคน เพราะต้องจัดการสะสางราชกิจแทนเสด็จพ่อที่ยังไม่ได้สติอยู่หลายวัน ตกกลางคืนยังต้องคอยปรนนิบัติข้างแท่นบรรทมด้วยความห่วงใยจนไม่มีเวลาพักผ่อนดีๆ สักวัน ทำให้เหนื่อยล้าสะสมทั้งกายทั้งใจ เฉินซือหยางจึงหลับไปอย่างง่ายดาย ทั้งยังเป็นการหลับสนิทโดยไม่ต้องกังวลสิ่งใดอย่างแท้จริง

       ภาพที่ปรากฏในครรลองสายตาตั้งแต่ต้นจนจบ ทำเอาจ้าวมู่และกู้ฟางเหนียงได้แต่มองหน้ากันไปมา สุดท้ายทั้งคู่จึงปล่อยให้เด็กน้อยนอนกลางวันด้วยกัน เรียกเพียงหวังกงกงและแม่นมมากำชับให้ดูแลเด็กทั้งสองคนให้ดีค่อยเดินจากมา

Related chapters

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 19

    จ้าวมู่เดินนำกู้ฟางเหนียงกลับเรือนนอน หลังจากสองสามีภรรยาปิดประตูห้องสนิท กู้ฟางเหนียงที่ร้อนอกร้อนใจเรื่องของบุตรชายอยู่เป็นทุนเดิมก็ผวาจับมือสามีแน่น “ท่านพี่ เราจะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ เหตุใดฝ่าบาทถึงทรงรับสั่งเช่นนี้ แล้วท่าทีขององค์รัชทายาทที่มีต่อเสี่ยวชีนี่มันอะไรกัน” “น้องหญิงใจเย็นๆ ก่อน” “จะให้น้องใจเย็นได้อย่างไร นี่มันชีวิตทั้งชีวิตของลูกเราเลยนะเจ้าคะ” “แล้วเจ้าจะให้พี่ทำเช่นไร ขัดราชโองการอย่างนั้นหรือ ถ้าทำเช่นนั้นคนที่จะถูกประหารเป็นคนแรกคือเสี่ยวชีรู้หรือไม่” กู้ฟางเหนียงทรุดตัวลงนั่งบนเตียงอย่างอ่อนแรงเมื่อได้ยินคำตอบของสามี ดวงตากลมโตของนางแดงระเรื่อ สะท้อนใจกับอนาคตที่ไม่แน่นอนของบุตรชาย “ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ หรือ” จ้าวมู่นั่งลงข้างกายกู้ฟางเหนียง รวบร่างบางเข้ามาโอบกอดไว้ในอ้อมแขน มือหนาลูบไล้บ่าบ

    Last Updated : 2024-12-02
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 20

    ทันทีที่เฉินซือหยางกลับวังข่าวพระราชทานสมรสระหว่างองค์รัชทายาทกับจ้าวลี่หมิงบุตรชายของเจิ้งกั๋วกงก็แพร่สะพัดออกไปราวกับพายุลูกใหญ่ ราษฎรโจษจันกันเป็นวงกว้าง บ้างก็ว่าองค์ฮ่องเต้วิปลาสไปแล้ว มีที่ไหนออกราชโองการให้บุตรชายหมั้นหมายกับบุรุษด้วยกันเอง บ้างก็เล่าลือว่าองค์รัชทายาทไม่เป็นที่โปรดปรานอีกต่อไปจึงมีพระราชทานสมรสเช่นนี้ออกมา บ้างก็บอกว่าฮ่องเต้กลัวองค์รัชทายาทสั่นคลอนบัลลังก์จึงคิดตัดไฟแต่ต้นลมโดยการให้สมรสกับบุรุษจนอีกฝ่ายสิ้นไร้ทายาท บ้างก็ว่าจ้าวลี่หมิงผู้มีรูปโฉมงดงามล่มเมืองยั่วยวนให้องค์รัชทายาทหลงใหลจนเก็บไปละเมอเพ้อหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันไม่เป็นอันกินอันนอน ฮ่องเต้ทรงเห็นองค์รัชทายาทปวดพระทัยไข้ใจรุมเร้าจึงมีรับสั่งบังคับให้บุตรชายของผู้อื่นหมั้นหมายด้วยเช่นนี้ บ้างก็เล่าลือว่าความสัมพันธ์ระหว่างองค์รัชทายาทกับจ้าวลี่หมิงลึกซึ้งเกินหยั่งถึง ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกไปเสียแล้ว ฮ่องเต้จึงจำใจต้องออกราชโองการพระราชทานสมรสให้ ยิ่งลือยิ่งไปกันใหญ่ โดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริงเลยว่าบุคคลผู้กำลังเป็นที่ฮือฮาถูกพูดถึงกันอยู่นั้น

    Last Updated : 2024-12-03
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 21

    อย่างไรก็ดีข่าวเรื่องการคัดค้านการแต่งตั้งชายาองค์รัชทายาทในครั้งนี้ก็ไม่อาจกลบความจริงที่ว่าตอนนี้จวนไท่เว่ยทะยานขึ้นฟ้ากระทั่งไก่สุนัขยังพลอยได้ขึ้นสวรรค์[1] ตามไปด้วย ของขวัญแสดงความยินดีกับจ้าวลี่หมิงหลั่งไหลมาดุจสายน้ำหลากในยามวสันต์ มีคนคิดประจบเอาใจย่อมมีคนอิจฉาริษยา คนไม่พอใจที่เจิ้งกั๋วกงได้ดีแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นมี 'ต่งเซิน' รวมอยู่ด้วย หลังออกจากท้องพระโรง เสนาบดีกรมคลังผู้อุดมไปด้วยไขมันพกความไม่พอใจที่มีอยู่เต็มท้องไปเยือน 'หอผู่เยว่' หอโคมเขียวอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง ที่นี่มีทั้งคณิกาหญิงและชายไว้คอยปรนนิบัติรับใช้ แต่ละคนล้วนมีใบหน้างดงามตรึงใจ แน่นอนว่าดาวเด่นของหอผู่เยว่คือ แม่นางฟางเซียนที่ต่งเซินพลาดประมูลคืนแรกไปอย่างน่าเสียดาย มิหนำซ้ำนางยังถูกส่งไปเป็นอนุของเจิ้งกั๋วกงอีก สมัยก่อนกู้ฟางเหนียงขึ้นชื่อว่าเป็นโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง ยอดบุปผางามที่ชายทุกคนต่างหมายปอง ฟางเซียนผู้มีดวงหน้าคล้ายคลึงย่อมไม่ด้อยไปกว่ากันสักเท่าใด เขาแอบชื่นชมกู้ฟางเหนียงใจสลายมาแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้ยังมีฟ

    Last Updated : 2024-12-04
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 22

    ค่ำคืนดึกสงัดร้างไร้ผู้คน จันทราหลบเร้นหลังม่านเมฆไร้แสงดาวเงาร่างในอาภรณ์สีนิลหลายนายอาศัยความมืดอำพรางกายเร้นหายไปในย่านชุมชนแออัดฝั่งตะวันตกของเมือง ณ เรือนไม้ผุพังหลังหนึ่งท้ายชุมชน “มา! ดื่ม” ผู้คุ้มกันที่ต่งเซินจ้างวานมาปลอมตัวเป็นคนงานแบกหามกำลังนั่งก๊งเหล้ากับพรรคพวกภายในเรือนเก่าโทรมหลังน้อยที่ใช้กักขังหมอใบ้ผู้ชรา หลังจากเห็นว่าหมอเฒ่าเข้านอนแล้ว ทั้งสองคนก็ออกมาดื่มเหล้าท้าลมหนาวตั้งแต่หัวค่ำ ดึกดื่นเที่ยงคืนก็ไม่มีทีท่าว่าจะเลิกรา ทำงานคุ้มกันมาเป็นสิบปียังไม่เคยมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น ทุกคนจึงชะล่าใจไม่ได้เข้มงวดกวดขันเหมือนตอนที่เริ่มทำงานใหม่ๆ เลยไม่ได้ระมัดระวังปล่อยตัวตามสบายดั่งเช่นทุกวันที่ผ่านมา ขณะที่ทั้งสองเมามายไร้สติอยู่นั้น เงาร่างสูงใหญ่ในชุดพรางกายสีดำสนิทก็โผล่มาข้างกายผู้คุ้มกันทั้งสองอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะลงมือปลิดชีพพวกเขาในดาบเดียว  

    Last Updated : 2024-12-05
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 23

    หลี่เหยียนเจี๋ยเองก็กำลังหัวเสียพอกัน หลังออกจากที่ประชุมเช้าก็ตรงดิ่งขอเข้าเฝ้าหลี่ไทเฮาทันที “เหนียงเหนียง” “ท่านพี่มาหาข้าด้วยเหตุอันใด” “เหนียงเหนียงทรงทราบหรือไม่ว่าองค์รัชทายาทเองก็ทรงเข้าร่วมประชุมเช้าเหมือนกัน” “หืมมม มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ เหตุใดข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน” “คนที่เราวางไว้ในตำหนักอี้ชิ่งคงต้องกำจัดทิ้งแล้ว หากไม่มีข่าวคราวของอีกฝ่ายเล็ดลอดออกมาถึงเราเช่นนี้ แสดงว่าคนพวกนั้นอาจถูกเปิดโปงแล้ว จะเก็บเอาไว้ไม่ได้” “จัดการตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ยังไงเจ้าเด็กนั่นก็หาทางสอดเท้าเข้าไปบริหารราชกิจบ้านเมืองได้อยู่ดี ราชสำนักประดุจดั่งบ่อโคลนคอยดูดกลืนผู้คน ผู้ใดโถมตัวลงไปก็มีแต่จะแปดเปื้อนไปทั้งตัวก็เท่านั้น ดีเสียอีกเราจะได้หาทางกำจัดพวกมันได้ง่ายหน่อย ท่านพี่หาทางขัดแข้งขัดขามันเข้าเถอะ ช่วงนี้ข้ายุ่งอยู่กับการบำรุงร่างกายของเหม่ยเอ

    Last Updated : 2024-12-06
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 24

    เฉินซือหยางกลับจากจวนไท่เว่ยก็เรียกที่ปรึกษาส่วนตัวเข้าร่วมประชุมทันที คนทั้งหมดประชุมกันจนดึกดื่นค่อนคืน จัดทำแผนงานจนรัดกุมดีแล้ว รุ่งเช้าเฉินซือหยางจึงนำเข้าที่ประชุมให้เฉินเทียนอี้ทอดพระเนตร “สำนักป้องกันอัคคีภัยที่ก่อตั้งขึ้นนั้นจะต้องสร้างไว้ใจกลางเมือง โดยเราจะขุดบ่อน้ำขนาดใหญ่ไว้ตรงกลางที่ทำการเพื่อประหยัดพื้นที่ใช้สอย หอสังเกตการณ์จะตั้งอยู่ทางทิศเหนือซึ่งสะดวกต่อการสังเกตทิศทางลม และสัญญาณควัน หากเจ้าหน้าที่บนหอสังเกตการณ์เห็นเพลิงไหม้หรือควันไฟจะรีบตีระฆังแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่คนอื่นทันที ด้านหน้าลูกจะเอาไว้เป็นที่จอดรถม้าสำหรับใช้ขนส่งน้ำ โดยจะต่อตัวรถเป็นถังไม้สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่เพื่อใช้บรรจุน้ำ เพิ่มจำนวนล้อเพื่อรับน้ำหนักของน้ำและตัวรถเป็นหกล้อ" เฉินซือหยางคลี่แบบแปลนอาคาร และภาพร่างรถขนน้ำประกอบคำอธิบาย "ลูกกลัวว่าตัวรถจะสูงเกินไปทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงตักน้ำลำบากลูกจึงทำท่อระบายน้ำไว้รอบตัวรถจำนวน 40 ท่อเปิดปิดได้สะดวกยิ่ง เจ้าหน้าที่และชาวบ้านที่มาช่วยดับไฟจะได้รองน้ำใส

    Last Updated : 2024-12-07
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 25

    บรรยากาศในท้องพระโรงขมุกขมัวเต็มไปด้วยเขม่าดินปืน ไม่นึกว่าแค่คำพูดเพียงไม่กี่คำขององค์รัชทายาทก็สามารถผลักเสนาบดีหลี่ที่เป็นผู้กุมอำนาจในราชสำนักมาช้านานตกลงไปในหุบเหวลึกจนไม่อาจฟื้นตัวขึ้นมาได้อีก ขุนนางฝ่ายสนับสนุนตระกูลหลี่จึงพากันร้อนๆ หนาวๆ หวั่นกลัวองค์รัชทายาทผู้นี้ยิ่งนัก แต่เฉินซือหยางไม่สนใจเห็บหมัดพวกนี้แม้แต่น้อย วันนี้เขาอารมณ์ดียิ่งจึงเอ่ยปากออกทรัพย์สินสมทบโครงการก่อตั้งสำนักป้องกันอัคคีภัยอย่างหาได้ยาก “ในเมื่อไม่มีผู้ใดคัดค้านการก่อตั้งสำนักป้องกันอัคคีภัยอีก ลูกขอบริจาคเงินหนึ่งแสนตำลึงทองเพื่อเป็นต้นทุนในการก่อสร้างพ่ะย่ะค่ะ” “กระหม่อมถึงจะมีเบี้ยหวัดเพียงน้อยนิดแต่ก็มีใจห่วงใยประชาชนดุจเดียวกัน ขอหน้าหนาพึ่งใบบุญองค์รัชทายาทร่วมสมทบหมื่นตำลึงเงินพ่ะย่ะค่ะ” จ้าวมู่หาจังหวะประจบเอาใจเฉินเทียนอี้และเฉินซือหยางได้อย่างประจวบเหมาะเพราะพอเขาออกปากเช่นนั้น ขุนนางน้อยใหญ่ในราชสำนักจะไม่ออกปากร่วมสมทบเลยก็กระไร จึงจำใจกรีดเลือดควักเนื้อออกมาสมทบกันคนละนิดคนละหน่อย

    Last Updated : 2024-12-08
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 26

    “ท่านพ่อนี่มันเรื่องอันใดกัน เหตุใดท่านพี่ถึงถูกปลดจากตำแหน่งเสนาบดีง่ายดายถึงเพียงนี้ สภาขุนนางฝ่ายเราทำอะไรกันอยู่ ตายกันหมดแล้วหรืออย่างไร” หลี่ย่าเสียงซักถามทันทีที่เห็นหลี่เจียงเดินเข้าประตูตำหนักมา “เหนียงเหนียงประทับบนพระที่นั่งก่อนเถิด เรื่องนี้พ่อหารือกับที่ประชุมลับแล้วคงต้องให้อาเจี๋ยลำบากแบกพุ่มหนามไปขอขมาฝ่าบาทกับองค์รัชทายาท ทางสภาขุนนางก็รับปากว่าจะถวายฎีกาขออภัยโทษให้ ต้องรอดูว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร” “ขอโทษ? เหตุใดท่านพี่ถึงต้องลดเกียรติลงไปขอโทษพวกมัน” หลี่ย่าเสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกรี้ยวโกรธ “เหนียงเหนียงยังไม่รู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้อีกหรือ ข้อหาขัดขวางความเจริญของชาติบ้านเมืองโทษร้ายแรงนัก อาเจี๋ยยังจงใจขัดขวางการแก้ปัญหาบ้านเมืองต่อหน้าขุนนางนับร้อยในท้องพระโรงถึงสองครั้งสองครา ตอนนี้เรื่องที่อาเจี๋ยไม่เห็นความทุกข์ยากของราษฎรอยู่ในสายตาถูกลือออกไปทั่วแคว้น ชาวบ้านที่โกรธแค้นต่างก็มารุมปาข้าวของใส่ประตูจวนจนแทบพังลงมา ต่อให้มีร้อยปากตอนนี้เราก็แก้ต่างอะไรไม่ขึ้นแล้ว” หลี่เจียงปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก พอเข้าฤดูหนาวสุ

    Last Updated : 2024-12-10

Latest chapter

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 57

    นาวาลำน้อยล่องลอยกลางธารากว้างใหญ่ แสงจากโคมไฟสว่างไสวทั่วลำเรือ ดวงจันทราสาดแสงส่องสะท้อนผืนน้ำดำมืดตกกระทบเงาคลื่นเปล่งประกายสีเงินพราวระยับ สายลมยามค่ำคืนในฤดูใบไม้ผลิพัดโชยนำพาความเย็นชื้นมาสู่ผู้ที่นั่งชมจันทร์ในคืนเดือนฉายจนรู้สึกสั่นสะท้านอยู่บ้าง “หนาวหรือ” “อืม” จ้าวลี่หมิงพยักหน้ารับ เฉินซือหยางกอดกระชับคนร่างเล็กแนบอก เดินลมปราณส่งผ่านความอบอุ่นขับไล่ความหนาวเหน็บให้คนในอ้อมแขน จ้าวลี่หมิงครางอืออา รู้สึกอุ่นสบายราวกับแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อน อดบดเบียดเนื้อตัวเข้าไปในอ้อมแขนกว้างกว่าเดิมไม่ได้ เพื่อซึมซับความอบอุ่นอันแสนคุ้นเคยนี้ให้มากขึ้นอีกหน่อย “คราวนี้หยางหยางหายโกรธแล้วใช่หรือไม่” เห็นเฉินซื

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 56

    “แล้วจะให้จูบตรงไหนเล่า” “เจ้าก็ลองเดาดูสิ” จ้าวลี่หมิงมองหน้าเฉินซือหยางด้วยสีหน้าครุ่นคิด สายตายั่วเย้าสบเข้ากับดวงตากลมโตทำเอาจ้าวลี่หมิงเผลอไผล ยื่นหน้าไปหอมแก้มชายหนุ่มเบาๆ ราวกับต้องมนต์สะกด “ตรงนี้ใช่หรือไม่” “หึ” เฉินซือหยางส่ายหน้าตอบยิ้มๆ จ้าวลี่หมิงเลยหันไปหอมแก้มอีกข้างของเขา แต่ชายหนุ่มก็ยังส่ายหน้าตอบจ้าวลี่หมิงอยู่ดี “เช่นนั้น...” สายตาของจ้าวลี่หมิงเลื่อนไปหยุดที่ริมฝีปากหนา จู่ๆ ใบหน้างามก็ขึ้นสีระเรื่อ รู้สึกร้อนที่หน้าแปลกๆ จนต้องหลบสายตา ไม่กล้ามองริมฝีปากหนานานๆเพราะริมฝีปากของเฉินซือหยางแลดูเย้ายวนเกินไป หากมองนานกว่านี้คงไม่ดีต่อหัวใจดวงน้อยของตนเท่าไหร่ “เป็นอะไรไป ในเมื่อเดาได้แล้วเหตุใดไม่ลงมือเสียเล่า” เฉินซือหยางเชยคางเรียวขึ้น สายต

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 55 สู่ปัจจุบัน

    ร่างสูงตระหง่านดุจต้นสนสาวเท้าลงจากรถม้า ใบหน้าหล่อเหลาคมคายกดยิ้มมุมปากน้อยๆ แลดูสุภาพอ่อนโยนน่าเข้าหาขัดกับประกายตาเข้มลึกซุกซ่อนความไม่พอใจเอาไว้เข้มข้น แต่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น เนื่องจากกิริยาสง่างามเหนือสามัญดึงดูดสายตาของผู้คนในบริเวณนั้นไปจนหมดสิ้น ทุกย่างก้าวที่เฉินซือหยางย่ำผ่านแผ่อำนาจกดข่มผู้คน จนบัณฑิตที่ยืนอยู่หน้าสถานศึกษาต่างพากันขยับเท้าเปิดทางให้องค์รัชทายาทหนุ่มเสด็จผ่านเป็นทางยาว ดูยิ่งใหญ่ตระการตา เฉินซือหยางเดินเข้าใกล้จ้าวลี่หมิงทุกขณะ สายตามองตรงไปยังสองคนเบื้องหน้า ได้ยินบุรุษผู้นั้นชื่นชมชีชีของเขาแว่วๆ น้ำเสียงฟังดูขัดหูเกินทน “ท่าทางยามที่ท่านง้างธนูแลดูห้าวหาญยิ่ง ยิงเข้าเป้าทุกดอกไม่มีพลาด นับถือๆ” “ท่านยกย่องเกินไปแล้ว ฝีมือข้ายังนับว่าอ่อนด้อยนัก หากท่านสนใจศาสตร์นี้สามารถไปเยือนที่จวนของข้าได้ทุกเมื่อเพื่อขอ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 54

    สายลมพลิ้วไหว เมฆาไหลเอื่อย แสงอาทิตย์สาดส่องตกต้องตำหนักหลังงามที่รังสรรค์จากผลึกวิญญาณหลิวหลีสีมรกตเปล่งแสงเรืองรองโดดเด่นเป็นสง่าบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ภายในตำหนักวิจิตรงดงามเต็มไปด้วยพลังปราณบริสุทธิ์เข้มข้นกลับร้างไร้ผู้คน มีเพียงร่างสูงใหญ่ในภูษาสวรรค์สีขาวราวแพรไหมนั่งเท้าคางอยู่บนบัลลังก์ในห้องโถงหลักด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพียงไม่นานร่างบอบบางในอาภรณ์สีเพลิงก็ปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าบุรุษผู้นั้น “คารวะองค์รัชทายาทเพคะ” หญิงสาวยอบกายทำความเคารพอย่างอ่อนช้อย ดวงตาหงส์หลุบต่ำไม่กล้ามองตรงเพราะมีชนักปักหลัง “รู้ความผิดของตนเองหรือไม่” “ความผิด? ช่านเอ๋อร์หาทราบไม่” เพี๊ยะ!!! เพียงคำพูดไขสือนี้หลุดออกจากริมฝีปากบาง มือหนาของ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 53

    เมืองหยางโจวตกอยู่ในความโกลาหล เมื่อทุกที่ที่หลินเสวี่ยเฟิ่งย่างกรายเกิดเป็นชั้นน้ำแข็งจับตัวหนา แต่ถ้าไม่มีใครแตะต้องหรือพยายามจะจับตัวเขา ก็ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอันตรายถึงชีวิต หลินเสวี่ยเฟิ่งตรงไปยังคุกที่ใช้คุมขังสองสามีภรรยาแซ่เกา ร่างสูงโปร่งทรุดตัวลงนั่งอยู่หน้าห้องขังท่ามกลางเหล่าองครักษ์ที่ถือกระบี่คุมเชิงอยู่ แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้เลยสักคน เพราะกลัวปีศาจร้ายจะหันมาเล่นงานตนเข้า “อาต๋า เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่หรือไม่” ซานเหนียงละล่ำละลักถามบุตรชายด้วยความเป็นห่วง แต่กลับถูกสามีรั้งไว้ไม่ให้เข้าใกล้หลินเสวี่ยเฟิ่ง “อย่า! ซานเหนียงนั่นไม่ใช่ลูกของเรา” เกาซวงห้ามเสียงสั่น มองเรือนผมสีเงินพลิ้วไหว กลิ่นอายเย็นเฉียบที่แช่แข็งคนให้ตายได้ยิ่งทำให้หวาดผวา มิน่าเล่าอยู่ด้วยกันมานานปีถึงเพียงนี้ รูปลักษณ์ของบุตรชายถึงไม

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 52

    ด้วยเหตุนี้ทั้งสี่ชีวิตจึงออกเดินทางไปเจียงโจว เกาซวงและซานเหนียงตั้งรกรากอยู่ที่นั่นโดยมีกงชุนออกหน้าจัดการให้ทุกอย่าง เกาซวงเองก็จัดว่าเป็นผู้มีความสามารถผู้หนึ่ง พอได้เรียนรู้การค้าขายกับกงชุนก็สามารถเปิดร้านขายพืชพรรณธัญญาหารได้อย่างราบรื่น ทั้งสองเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ช่วยกันทำมาค้าขายจนมั่งคั่งร่ำรวยเป็นคหบดีอันดับหนึ่งสองในเมืองเจียงโจว พอเกาซวงมีเงินมากขึ้นก็ประกาศหาหมอมากฝีมือมารักษาบุตรบุญธรรมไปทั่ว แต่ไม่มีผู้ใดสามารถรักษาอาการคล้ายคนสติไม่สมประกอบของหลินเสวี่ยเฟิ่งได้ นานวันเข้าสองสามีภรรยาต่างก็พากันถอดใจ “พวกท่านอย่าเพิ่งหมดหวัง ข้าได้ยินมาว่าหากได้เป็นวาณิชหลวงก็จะสามารถเชิญหมอหลวงมารักษาอาต๋าได้ ท่านสนใจหรือไม่” กงชุนนำข่าวดีมาบอกเกาซวงและภรรยาในวันหนึ่ง ซึ่ง ‘อาต๋า’ หรือ ‘เกาต๋า’ ที่อีกฝ่ายเรียกคือชื่อที่เกาซวงตั้งให้หลินเสวี่ยเฟิ่ง “อาชุน เจ้าพูดจริงหรือ” “เป็นเพื่อนกันมานานปีถึงเพียงนี้

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 51

    กำไลหยกโลหิตวงนี้หลินเสวี่ยเฟิ่งใส่ติดตัวมาตั้งแต่ถือกำเนิดมันคืออาวุธเทพซึ่งเกิดจากการหลวมรวมพลังของราชาและราชินีเผ่าหงส์หรือก็คือบิดามารดาของหลินเสวี่ยเฟิ่งนั่นเอง ถือเป็นสุดยอดศาสตราวุธด้านการป้องกัน แรงระเบิดจึงรุนแรงยิ่ง กระแทกสองสามีภรรยาปลิวหายไปคนละทิศคนละทางไกลนับพันหมื่นลี้ กำไลหยกแตกละเอียดเป็นผุยผง ละอองสีแดงฟุ้งกระจายเปล่งแสงระยิบระยับงามจับตาก่อนจะสลายหายไปพร้อมๆ กับร่างกายของหลินเสวี่ยเฟิ่งเปลี่ยนจากสตรีกลายเป็นบุรุษผู้มีเรือนผมสีดำนิลดุจท้องฟ้ายามราตรีในชั่วพริบตา ร่างสูงโปร่งหล่นลงจากฟากฟ้ากระแทกภูเขาลูกหนึ่งในโลกมนุษย์ จนเกิดเป็นแอ่งหลุมขนาดใหญ่พร้อมๆ กับดวงจิตหลุดลอยหายไป ร่างของหลินเสวี่ยเฟิ่งหลับใหลไม่รู้คืนวัน ผ่านสารทวสันต์จากวันนานเป็นเดือนเคลื่อนเป็นปี ไม่ว่าจะฝนตก แดดออก หรือพายุหิมะโหมกระหน่ำ เนิ่นนานจนร่างกายถูกฝังอยู่ใต้หุบเขาที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน  

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 50

    เสิ่นอวิ๋นไม่ได้ปิดด่านกักตนอย่างที่ได้บอกกับเฉินเทียนอี้ แต่กลับมาปรากฏตัวบนเส้นทางหวงเฉวียน[1]ทุ่งดอกปี่อั้น[2] สีแดงเพลิงทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตา ดวงวิญญาณนับร้อยล้านดวงต่างมุ่งสู่แม่น้ำลืมเลือน เพื่อข้ามสะพานไน่เหอรอการกลับไปเกิดใหม่ แต่พอใช้จิตเพ่งพิศดูกลับไม่พบดวงวิญญาณของหลานซือเยว่ที่เขากำลังตามหา ยมทูตเฮ่ยไป่อู่ฉาง[3] สัมผัสได้ถึงพลังปราณอันยิ่งใหญ่ต่างปรากฏขึ้นข้างกายเสิ่นอวิ๋น “ไม่ทราบว่าเซียนท่านนี้มาเยือนปรภพด้วยเหตุอันใดหรือ” เฮ่ยอู่ฉางหรือยมทูตหน้าดำเห็นพลังที่ซ่อนเร้นของชายชราตรงหน้าก็ไม่กล้าดูแคลน ถึงแม้อีกฝ่ายจะอยู่ในรูปลักษณ์ของผู้บำเพ็ญเพียร แต่กลิ่นอายเทพเซียนบางเบาซึ่งเล็ดลอดออกมาจากร่างของคนตรงหน้า ทำให้เฮ่ยอู่ฉางและไป่อู่ฉางยำเกรงอยู่ค่อนข้างมาก “ข้ามาตามหาดวงวิญญาณของคนผู้หนึ่ง ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองพอจะช่วยเหลือได้หรือไม่”

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 49 ความหลังของหลานซือเยว่

    16 ปีก่อน ท้องฟ้าขมุกขมัวเมฆหมอกดำทะมึนหนักอึ้งฟ้าแลบแปล๊บๆส่งเสียงดังครั่นครื้น เพียงไม่นานหยาดพิรุณก็โปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ม่านสีขาวขุ่นมัวปกคลุมไปทั่วเมืองผิงอาน นำพาความชุ่มฉ่ำและความอุดมสมบูรณ์มาสู่แคว้นต้าเฉิน ภายในตำหนักซูเซียว นางกำนัลและขันทีประจำตำหนักต่างวิ่งวุ่น อ่างน้ำผสมเลือดสีแดงฉานอ่างแล้วอ่างเล่าถูกยกออกมาจากห้องบรรทม เมื่อมองลึกเข้าไปภายในห้องจะเห็นเงาร่างแบบบางของสตรีนางหนึ่งนอนร้องครวญครางเสียงดังปานจะขาดใจ “ออกแรงอีกเพคะเหนียงเหนียง หนึ่ง สอง” “อื้ออออ” หลานซือเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกออกแรงเบ่งเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ ตลอดสี่ชั่วยามที่ผ่านมาร่างกายท่อนล่างของนางเจ็บปวดรุนแรง ทุกครั้งที่ออกแรงแทบจะ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status