แชร์

บทที่ 322

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
ชิงชิวกับหนิงตงพยุงหญิงวัยกลางคนขึ้นมาจากพื้นอย่างแข็งขัน

แม้หนิงตงจะไม่สุขุมเท่าชิงชิว แต่ช่วงเวลาสำคัญการข่มขู่คนก็ถือว่ามีฝีมือทีเดียว นางอดไม่ได้ที่จะอธิบาย “ท่านป้า เชิญ ฮูหยินของพวกข้าเป็นถึงฉางซินโหวฮูหยิน หากไม่ให้ความร่วมมือ พวกข้าก็จะเอาท่านเข้าคุกหลวงในข้อหาคิดร้ายกับนายหญิง”

หญิงวัยกลางคนเพิ่งคิดจะต่อต้านและตะโกนให้คนช่วย เมื่อได้ยินว่าต้องเข้าคุกหลวง ทันใดนั้นก็ตกใจจนไม่กล้าขัดขืน หากนางเข้าคุกหลวง ตายไปก็ไม่เป็นไร แต่ครอบครัวของนางจะทำเช่นไรดี? คุณหนูใหญ่ก็คงไม่ปล่อยครอบครัวนางไปเช่นกัน ดังนั้นจึงตามพวกนางไปอย่างยอมจำนน ไม่กล้าแม้กระทั่งจะรบกวนให้พวกนางช่วยพยุง แต่พวกนางราวกับกลัวว่านางจะเล่นลูกไม้ จึงประคองนางไว้อย่างแน่นหนา และพาไปห้องรับรองแขก

ระหว่างทาง แม้ภายนอกเมิ่งจิ่นเหยาจะเย็นชา แต่ความคิดกลับสับสนวุ่นวาย และในสมองก็ยุ่งเหยิงไปหมด

พอถึงห้องรับรองแขก หลังปิดประตู เมิ่งจิ่นเหยาก็เหลือบมองหญิงวัยกลางคนที่ป่วย และให้นางนั่งลงก่อน จากนั้นก็ถามอย่างเข้าประเด็น “การตายของท่านแม่ข้า มีความลับซ่อนอยู่ หรือว่าเสียชีวิตจากการคลอดยากจริง ๆ?”

ขณะที่นางกล่าว ใบหน้าก็เคร่ง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Warintorn
ขออ่านให้จบหน่อยค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 323

    คำพูดนี้ราวกับฟ้าผ่าตอนกลางวัน โจมตีใส่หน้าผากของเมิ่งจิ่นเหยา ทำให้สมองของนางส่งเสียงวิ้ง ๆ ไม่หยุดใบหน้าของนางไร้สี สีหน้าขาวซีดความยากที่จะเชื่อ ความเคียดแค้น ความโกรธ ความไม่เต็มใจ...อารมณ์ต่าง ๆ ผสมปนเปกัน มือที่อยู่ในแขนเสื้อสั่นเทาเล็กน้อย นางเปิดปาก แต่กลับหาเสียงของตนเองไม่เจอมารดานางคลอดยากเพราะเกิดจากการกระทำของมนุษย์?หลายปีมานี้ คนในบ้านต่างบอกว่านางเป็นตัวกาลกิณี และเกิดมาเป็นภัยกับมารดาแม้นางไม่คิดว่าตนเองเป็นตัวกาลกิณี แต่ในใจก็รู้สึกแย่ แม้กระทั่งรู้สึกว่าหากนางไม่เกิดมาก็คงจะดี เพราะมารดาเสียชีวิตเพราะคลอดนาง ตอนนั้นมีเพียงคนเดียวที่สามารถรอดชีวิต มารดานางจึงทิ้งความหวังในการมีชีวิตอยู่ให้กับนางตอนนี้จู่ ๆ ก็พบว่า มารดานางถูกคนทำร้ายจนเสียชีวิต ส่วนคนที่ทำร้ายมารดานางจนเสียชีวิตก็คือนางซุนแม่เลี้ยงที่ทรมานนางมานานหลายปี แถมบิดานางยังเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด และเป็นหนึ่งในคนร้ายอีกมีสิทธิ์อะไร?เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ความผิดของนาง แต่นางกลับแบกเอาไว้ทุกอย่าง และฆาตกรที่แท้จริงกลับอยู่อย่างมีความสุขมานานหลายปีสมควรตายจริง!บิดานางรู้เรื่องทุกอย่าง แต่กลับช่วยนาง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 324

    เมิ่งจิ่นเหยานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง และถามอีกว่า “ท่านพ่อข้าตอนแรกก็เคยมีอนุภรรยา แม้จะสนใจนางซุน แต่ท่านแม่เป็นคนตัดสินใจรับนางมาเป็นอนุภรรยาให้เขา เหตุใดถึงโกรธถึงเพียงนี้ด้วย?หญิงวัยกลางคนตอบกลับ “เพราะนายท่านหลอกฮูหยินบอกว่ามีนัดกับสหาย สุดท้ายถูกฮูหยินพบว่าพวกเขานัดกันอย่างลับ ๆ ฮูหยินรู้สึกถึงการถูกหลอกและทรยศ ก็โมโหขึ้นมาในตอนนั้น อีกอย่าง ฮูหยินเคยเจอนางซุนในงานเลี้ยง พวกนางเข้ากันได้ดี จะอย่างไรฮูหยินก็คิดไม่ถึงว่าสหายที่เพิ่งคบหากับสามีของตนเองจะมีความสัมพันธ์ลับ ข้าน้อยเดาว่า นายท่านกับนายซุนรู้จักกันมาก่อนแล้ว แต่เพียงเพราะคำสั่งของบิดามารดาและแม่สื่อ นายท่านจึงแต่งงานกับฮูหยินเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยิน เมิ่งจิ่นเหยาก็หัวใจกระตุกวูบ นางไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน แต่รู้ว่าบิดานางจะต้องชอบนางซุนอย่างแน่นอนนางหลับตาลงและลืมตาอีกครั้ง พลางถาม “สิ่งที่เจ้าพูดมาทั้งหมดในวันนี้ มีคำโกหกบ้างหรือไม่?หญิงวัยกลางคนรีบกล่าว “คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยพูดจริงทุกคำ หากมีคำโกหกแม้แต่น้อย ขอให้ลูกหลานของข้าน้อยไม่ได้ตายดีเจ้าค่ะ!”เมิ่งจิ่นเหยามองนางอย่างแปลกใจ สามารถมาสักการะพระพุทธได้ อย่างน้อยคง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 325

    เมิ่งจิ่นเหยาไปโถงหว่างเซิงอีกครั้ง และจุดธูปให้มารดาผู้ให้ดำเนิดนางโจวนางคุกเข่าลงบนเบาะรองนั่ง สีหน้าเหม่อลอย และเอียงศีรษะเล็กน้อย มองป้ายวิญญาณของนางโจวเงียบ ๆ โดยไม่มีการส่งเสียงใด ๆ หนิงตงกับชิงชิวคุกเข่าตามบนเบาะรองนั่งที่อยู่ด้านซ้ายและด้านขวาของนาง เห็นนางดูเงียบจนเกินไป พวกนางจึงกังวลใจอย่างมาก แต่รู้ว่าพูดปลอบใจอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ นายหญิงของพวกนางต้องการอยู่เงียบ ๆ สักพักเดิมทีพวกนางคิดว่านางซุนเป็นแค่แม่เลี้ยงใจร้าย ใครจะคาดคิดว่านางซุนกับนายท่านจะเป็นชู้กัน และเพราะนางซุนเสียชีวิตจากการคลอดเกินกำหนด มิน่าเล่าถึงจะไม่ใช่บุตรแท้ ๆ เหมือนกัน แต่นางซุนกลับปฏิบัติต่อนายหญิงของพวกนางแย่กว่าคุณชายรองเสียอีกนี่ก็เป็นเหตุผลแล้วหากวันนี้นายหญิงไม่ได้ไปจุดธูปที่วัดหลิงอวิ๋น หลังท่านป้าที่ป่วยท่านนั้นเสียชีวิตไป ความลับนี้คาดว่านายหญิงคงจะไม่มีวันได้รู้ไปตลอดชีวิตพระอาทิตย์ตกดิน แสงสว่างของโถงหว่างเซิงก็มืดลงเรื่อย ๆ แสงพระอาทิตย์ตกดินเส้นสุดท้ายที่ส่องเข้ามาในห้องโถงหายไปตอนที่ชิงชิวกับหนิงตงกำลังโน้มน้าวให้นางกลับห้องรับรองแขก จู่ ๆ เมิ่งจิ่นเหยาก็ส่งเสียงออกมา “พวกเรา

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 326

    ชิงชิว “แต่ว่า…”เมิ่งจิ่นเหยาขัดจังหวะคำพูดของนาง “ข้าไม่เป็นไร”ชิงชิวมองไปที่บาดแผลตรงฝ่ามือของนาง โชคยังดีที่บาดแผลไม่ลึกนัก เหมือนว่าจะไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อันใด ถึงได้พยักหน้าอย่างเชื่อฟังผ่านไปไม่นาน หนิงตงก็ไปรับอาหารเจกลับมาตอนนี้มีเพียงพวกนางสามคนนายบ่าวเท่านั้น ไม่มีคนนอกอยู่ที่นี่ เมิ่งจิ่นเหยาให้พวกนางมานั่งกินข้าวด้วยกันกับตนเอง ชิงชิวกับหนิงตงก็ไม่ได้ปฏิเสธอาหารเจของวัดหลิงอวิ๋นรสชาติไม่เลวนัก แต่ว่าภายในใจของเมิ่งจิ่นเหยากลัดกลุ้มอย่างยิ่ง ไม่มีความอยากอาหารอันใด จึงกินอาหารไปคำสองแล้วก็วางชามข้าวกับตะเกียบลงเมื่อหนิงตงเห็นว่านางไม่ได้แตะต้องอาหารเท่าใดนัก จึงกล่าวโน้มน้าวว่า “ฮูหยิน ท่านกินให้มากหน่อยเถิดเจ้าค่ะ กินน้อยถึงเพียงนี้ หากว่าอดหิวจนทำลายสุขภาพจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ? บ่าวรู้ว่าในใจของท่านเป็นทุกข์ แต่หากว่าท่านอดจนเสียสุขภาพ จะมิเป็นไปตามที่นางซุนปรารถนาหรือเจ้าคะ?”เมื่อเมิ่งจินเหยาได้ฟังดังนั้น ก็กินข้าวอีกคำสองคำ จากนั้นก็วางชามวางตะเกียบลงเมื่อเห็นดังนั้น ชิงชิวกับหนิงตงก็สบตากัน พลางลอบถอนหายใจ ทันใดนั้นก็เห็นว่าในเวลานี้ หากว่าท่านโหวอยู่ที่น

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 327

    “ฮวาหลิงเซียว รีบปล่อยฮูหยินท่านนี้เดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นวันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า”เสียงร้อนรนแว่วดังมาจากด้านหลังเมื่อสาวใช้ทั้งสองหันไปมอง ก็พบว่าด้านหลังมีคนแต่งกายด้วยชุดมือปราบหลายคน กำลังจับจ้องบุรุษผู้นั้นด้วยสีหน้าตึงเครียด หากเป็นเช่นนี้ละก็ บุรุษที่จับตัวฮูหยินของพวกนางเป็นตัวประกัน ก็เป็นผู้ร้ายกระนั้นหรือ?วินาทีต่อมา ก็มีบุรุษอีกคนทะยานลงมาจากกำแพง เมื่อมองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยของบุรุษผู้นั้น ดวงตาของหนิงตงก็เป็นประกายในฉับพลัน พลางกล่าวด้วยเสียงร้อนรนว่า “ท่านโหว รีบช่วยฮูหยินเร็วเข้าเถิดเจ้าค่ะ!”เมื่อกู้จิ่งซีมองเห็นพวกนางนายบ่าวทั้งสามคน ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ เขารู้ว่าแม่นางน้อยอยู่ที่วัดหลิงอวิ๋น แต่คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญถึงขนาดพบกับฮวาหลิงเซียวและถูกจับเป็นตัวประกัน สายตากวาดมองไปที่ฮวาหลิงเซียว และมองไปยังแม่นางน้อยมองเห็นแค่เพียงดาบแหลมคมที่ส่องประกายเย็นเยียบจ่ออยู่ที่ลำคอของแม่นางน้อย ดวงหน้าของนางซีดขาว ดวงตาเผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนก กำลังมองดูเขาอย่างกังวล ท่าทางหวาดกลัวและอับจนหนทางนี้ ทำให้ใจของเขาหวาดหวั่นยิ่งนักเมื่อฮวาหลิงเซียวได้ยินคำพูดของหนิงตง ก็

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 328

    ดูเหมือนเมิ่งจิ่นเหยาจะไม่รับฟังคำแนะนำ ดึงดันที่จะทำตามใจของตนเอง “จะใส่ใจทำไมว่าเขาเป็นโจรข่มขืนหรือไม่ ตราบใดที่เขาต้องการข้า ข้าก็จะไปกับเขา หากว่าเจ้ากล้าต้องการข้า ข้าก็จะไปกับเจ้าเช่นกัน”เมื่อสิ้นเสียงของนาง กู้จิ่งซีก็สีหน้าเคร่งขรึม กล่าวด้วยเสียงเย็นชาว่า “ให้พวกเขาไป เอาม้าให้พวกเขาไปตัวหนึ่ง”“แต่ว่า…”บรรดามือปราบมองหน้ากันเลิกลั่ก เมื่อได้ยินเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจ พวกเขาก็รู้ว่าในใจของกู้จิ่งซีกำลังเดือดดาลอยู่เป็นแน่ ทว่าพวกเขาก็สามารถเข้าใจได้ คนปกติที่ไหนเห็นภรรยาของตัวเองโวยวายจะหนีไปกับบุรุษอื่น แล้วไม่มีโทสะบ้างเล่า?มีมือปราบผู้หนึ่งกล่าวเสนอว่า “ใต้เท้า ตอนนี้ฮูหยินเป็นพวกเดียวกับฮวาหลิงเซียวแล้ว ถ้าจะทำก็ทำให้เด็ดขาดดีหรือไม่ขอรับ?”“ข้าจะดูซิว่าผู้ใดกล้าแตะต้อง?” กู้จิ่งซีสีหน้าเย็นชา ดวงตาอันแหลมคมกวาดมองไปที่บรรดามือปราบ แล้วออกคำสั่งอย่างไม่ยอมให้ผู้ใดสอดปาก “ไปเตรียมม้าให้พวกเขา!”เมื่อบรรดามือปราบได้สบเข้ากับสายตาอันแหลมคมนั้น ก็ไม่กล้าที่จะทำอันใดลับหลัง มิเช่นนั้นหากฮูหยินเป็นอันใดขึ้นมา พวกเขาก็อย่าได้คิดว่าจะมีชีวิตรอด สามีตัวจริงเป็นถึงเสนาบ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 329

    ชิงชิวกับหนิงตงตกใจเสียจนใบหน้าซีดเผือด อุทานออกมาอย่างตื่นตระหนก “ฮูหยิน!”เมิ่งจิ่นเหยาหันหน้าไปโดยไม่รู้ตัว มองเห็นแค่เพียงดาบอันแหลมคมเล่มหนึ่งแทงมายังนาง นางตกใจเสียจนรูม่านตาหดตัวอย่างฉับพลัน เลือดทั่วทั้งร่างแข็งตัว ความเย็นยะเหยียบแพร่กระจายไปทั่วแขนขาและกระดูก ในใจของนางรู้สึกเสียใจ เสียใจที่กระทำการบุ่มบ่ามไปชั่วขณะ พลางหลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรม คิดว่าในชาติหน้าต้องสุขุมให้มากขึ้นและในช่วงเวลาที่วิกฤตอย่างที่สุด ดาบอีกเล่มหนึ่งที่ราวกับลูกศรหลุดออกมาจากสายธนู ก็แทงไปยังใบดาบที่อยู่ในมือของฮวาหลิงเซียวด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ก่อให้เกิดเสียงดัง “เช้ง” ฮวาหลิงเซียวถูกโจมตีเสียจนง่ามมือเกิดอาการชา ดาบยาวหลุดออกจากมือหล่นลงไปที่พื้น เขาตะลึงงันไปชั่วขณะ ไม่นานก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง กำลังเตรียมจะก้มตัวลงไปลากเมิ่งจิ่นเหยาขึ้นมาเป็นตัวประกัน จากนั้น กู้จิ่งซีก็เคลื่อนไหวดุจสายฟ้า ไปอยู่เบื้องหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว เขาจึงทำได้เพียงล้มเลิกความตั้งใจที่จะให้เมิ่งจิ่นเหยาเป็นตัวประกันและเป็นโล่กำบังไว้ชั่วคราว แล้วรับมือกับกู้จิ่งซีก่อน เขายกมือขึ้นเพื่อรับฝ่ามือที่ฟาดลงมาของกู้จิ่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 330

    การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับหลวงจีนในวัดด้วยเช่นกัน ฉีอวิ้นเหวินกำลังเตรียมจะนำนักโทษไป ก็มองเห็นเจ้าอาวาสพาหลวงจีนสองสามรูปเร่งรุดมาที่นี่เมื่อเจ้าอาวาสเห็นมีคนแต่งกายเป็นมือปราบ และมีคนหมดสติถูกมือปราบสองคนหิ้วซ้ายหิ้วขวา ก็รีบเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเพื่อถามไถ่ฉีอวิ้นเหวิน “อามิตาภพุทธ ขอถามประสกหน่อยเถิด เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ?”ฉีอวิ้นเหวินกล่าวว่า “ศาลต้าหลี่จับกุมคนร้าย รบกวนท่านเจ้าอาวาสแล้ว ต้องขออภัยจริง ๆ ขอรับ”เมื่อเจ้าอาวาสได้ยินว่าทางการมาจัดการคดี ก็ไม่ได้ถามอันใดมาก มองเห็นเมิ่งจิ่นเหยากับสาวใช้ทั้งสองคน ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างว่าศาลต้าหลี่จัดการคดี ไยถึงได้เกี่ยวข้องกับสตรีด้วย จึงถามไถ่อีกไม่กี่ประโยค ถึงได้รู้ว่าเป็นผู้ที่มากราบไหว้และพักค้างภายในวัด ประสบเข้ากับศาลต้าหลีจัดการคดี เมื่อเห็นกู้จิ่งซีกับเมิ่งจิ่นเหยายืนอยู่ด้วยกัน ก็คิดว่าเขาก็เป็นผู้ที่มากราบไหวและพักค้างคืนอยู่ในวัดเช่นกัน เจ้าอาวาสปลอบใจกู้จิ่งซีรวมถึงเมิ่งจิ่นเหยาและสาวใช้ทั้งสองคน เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่เป็นอันใด ก็พาหลวงจีนที่รีบร้อนมาที่นี่ด้วยกันจากไปเมื่อทุกคนไปแ

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 332

    เมื่อกู้จิ่งซีได้ฟังก็รู้สึกใจอ่อน พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “ให้ข้าดูหน่อย” เมื่อกล่าวจบ เขาก็ยอบกายลง ยกชายกระโปรงของนางขึ้น เตรียมจะดูอาการบาดเจ็บของนาง เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าชะงักค้าง กำลังจะเอ่ยปากขัดขวาง ทว่าเมื่อกลับมาคิดดูอีกทีแล้ว ต่างก็เป็นสามีภรรยาที่นอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องรักษาขอบเขตระหว่างชายหญิงอันใดหลังจากกู้จิ่งซียกชายกระโปรงของนางขึ้นแล้ว มือหนึ่งก็จับไปที่ข้อเท้าขวาของนาง ส่วนอีกข้างม้วนขากางเกงของนางขึ้น เมื่อม้วนขากางเกงไปจนถึงเหนือหัวเข่า ก็จะเห็นได้ว่าตรงหัวเข่าที่ถูกกระแทกตอนล้ม เป็นรอยฟกช้ำไปเรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่ได้ร้ายแรงนักกู้จิ่งซีเห็นว่าบาดแผลไม่หนักมาก จึงวางขานางลง แล้วไปดูบาดแผลที่ข้อศอกของนางนางล้มลงไปข้างหน้า บาดแผลตรงข้อศอกจึงชัดเจนมากนัก เสื้อผ้าในฤดูร้อนจะค่อนข้างบางเบา เสื้อผ้าบริเวณข้อศอกล้วนมีร่องรอยขีดข่วนอย่างชัดเจนพอพับแขนเสื้อของนาง ก็เผยให้เห็นแขนที่ขาวราวกับหิมะ เมื่อพลิกข้อศอกก็สามารถมองเห็นได้ว่าผิวหนังถลอกและมีเลือดออกที่แขนทั้งสองข้างของนาง ผิวหนังโดยรอบบวมแดงเล็กน้อย บาดแผลนี้เมื่ออยู่บนมือที่เดิมทีขาวสะอาดไร้ที่ติรา

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 331

    อยู่ ๆ ถูกผู้อื่นอุ้มลอยขึ้นมา สภาวะไร้น้ำหนักในเสี้ยววินาทีนั้นทำให้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกไม่ปลอดภัย จึงเอื้อมมือไปโอบลำคอของกู้จิ่งซีโดยไม่รู้ตัว งุนงงอยู่ชั่วครู่ ถึงได้เห็นว่าตนเองถูกกู้จิ่งซีอุ้มขึ้นมานางเปิดปากเล็กน้อย อยากจะบอกว่าสามารถเดินเองได้ ทว่าเมื่อมองเห็นท่าทางทั้งโมโหและจนใจของบุรุษผู้นั้น นางก็ปิดปากไว้แน่นสนิท เอนตัวอยู่ในอ้อมแขนของกู้จิ่งซีอย่างสงบเสงี่ยมไม่พูดอันใดกู้จิ่งซีเบนสายตาไปมองสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างทั้งสองคนที่ยังตกใจไม่หาย พลางกล่าวด้วยเสียงเรียบเฉย “ห้องรับรองแขกอยู่ที่ใด? พวกเจ้านำทางไป”ชิงชิวได้สติก่อนเป็นคนแรก รีบร้อนรับคำ ทว่านางเป็นสาวใช้ จะกล้าเดินนำหน้าเจ้านายได้เช่นไร? จึงได้แต่ชี้ทางแก่เขา จากนั้นนางกับหนิงตงก็เดินตามหลังเขาไประหว่างทาง บรรยากาศเงียบงันเมิ่งจิ่นเหยาแหงนหน้ามองเขาอย่างเงียบ ๆ อยู่หลายครั้ง ในเวลานี้เขาดูเฉยเมย ดูไม่ออกว่ารู้สึกเช่นไร นางในตอนนี้รู้สึกขี้ขลาดเล็กน้อย จึงกล่าวอย่างชั่งใจว่า “ท่านพี่ ผู้ที่ทำให้ท่านกับใต้เท้าฉีออกมาตามจับพร้อมกันได้ คงจะเป็นผู้ร้ายที่สำคัญมาก มิสู้ท่านกลับไปจัดการธุระก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ?”เ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 330

    การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับหลวงจีนในวัดด้วยเช่นกัน ฉีอวิ้นเหวินกำลังเตรียมจะนำนักโทษไป ก็มองเห็นเจ้าอาวาสพาหลวงจีนสองสามรูปเร่งรุดมาที่นี่เมื่อเจ้าอาวาสเห็นมีคนแต่งกายเป็นมือปราบ และมีคนหมดสติถูกมือปราบสองคนหิ้วซ้ายหิ้วขวา ก็รีบเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเพื่อถามไถ่ฉีอวิ้นเหวิน “อามิตาภพุทธ ขอถามประสกหน่อยเถิด เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ?”ฉีอวิ้นเหวินกล่าวว่า “ศาลต้าหลี่จับกุมคนร้าย รบกวนท่านเจ้าอาวาสแล้ว ต้องขออภัยจริง ๆ ขอรับ”เมื่อเจ้าอาวาสได้ยินว่าทางการมาจัดการคดี ก็ไม่ได้ถามอันใดมาก มองเห็นเมิ่งจิ่นเหยากับสาวใช้ทั้งสองคน ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างว่าศาลต้าหลี่จัดการคดี ไยถึงได้เกี่ยวข้องกับสตรีด้วย จึงถามไถ่อีกไม่กี่ประโยค ถึงได้รู้ว่าเป็นผู้ที่มากราบไหว้และพักค้างภายในวัด ประสบเข้ากับศาลต้าหลีจัดการคดี เมื่อเห็นกู้จิ่งซีกับเมิ่งจิ่นเหยายืนอยู่ด้วยกัน ก็คิดว่าเขาก็เป็นผู้ที่มากราบไหวและพักค้างคืนอยู่ในวัดเช่นกัน เจ้าอาวาสปลอบใจกู้จิ่งซีรวมถึงเมิ่งจิ่นเหยาและสาวใช้ทั้งสองคน เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่เป็นอันใด ก็พาหลวงจีนที่รีบร้อนมาที่นี่ด้วยกันจากไปเมื่อทุกคนไปแ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 329

    ชิงชิวกับหนิงตงตกใจเสียจนใบหน้าซีดเผือด อุทานออกมาอย่างตื่นตระหนก “ฮูหยิน!”เมิ่งจิ่นเหยาหันหน้าไปโดยไม่รู้ตัว มองเห็นแค่เพียงดาบอันแหลมคมเล่มหนึ่งแทงมายังนาง นางตกใจเสียจนรูม่านตาหดตัวอย่างฉับพลัน เลือดทั่วทั้งร่างแข็งตัว ความเย็นยะเหยียบแพร่กระจายไปทั่วแขนขาและกระดูก ในใจของนางรู้สึกเสียใจ เสียใจที่กระทำการบุ่มบ่ามไปชั่วขณะ พลางหลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรม คิดว่าในชาติหน้าต้องสุขุมให้มากขึ้นและในช่วงเวลาที่วิกฤตอย่างที่สุด ดาบอีกเล่มหนึ่งที่ราวกับลูกศรหลุดออกมาจากสายธนู ก็แทงไปยังใบดาบที่อยู่ในมือของฮวาหลิงเซียวด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ก่อให้เกิดเสียงดัง “เช้ง” ฮวาหลิงเซียวถูกโจมตีเสียจนง่ามมือเกิดอาการชา ดาบยาวหลุดออกจากมือหล่นลงไปที่พื้น เขาตะลึงงันไปชั่วขณะ ไม่นานก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง กำลังเตรียมจะก้มตัวลงไปลากเมิ่งจิ่นเหยาขึ้นมาเป็นตัวประกัน จากนั้น กู้จิ่งซีก็เคลื่อนไหวดุจสายฟ้า ไปอยู่เบื้องหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว เขาจึงทำได้เพียงล้มเลิกความตั้งใจที่จะให้เมิ่งจิ่นเหยาเป็นตัวประกันและเป็นโล่กำบังไว้ชั่วคราว แล้วรับมือกับกู้จิ่งซีก่อน เขายกมือขึ้นเพื่อรับฝ่ามือที่ฟาดลงมาของกู้จิ่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 328

    ดูเหมือนเมิ่งจิ่นเหยาจะไม่รับฟังคำแนะนำ ดึงดันที่จะทำตามใจของตนเอง “จะใส่ใจทำไมว่าเขาเป็นโจรข่มขืนหรือไม่ ตราบใดที่เขาต้องการข้า ข้าก็จะไปกับเขา หากว่าเจ้ากล้าต้องการข้า ข้าก็จะไปกับเจ้าเช่นกัน”เมื่อสิ้นเสียงของนาง กู้จิ่งซีก็สีหน้าเคร่งขรึม กล่าวด้วยเสียงเย็นชาว่า “ให้พวกเขาไป เอาม้าให้พวกเขาไปตัวหนึ่ง”“แต่ว่า…”บรรดามือปราบมองหน้ากันเลิกลั่ก เมื่อได้ยินเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจ พวกเขาก็รู้ว่าในใจของกู้จิ่งซีกำลังเดือดดาลอยู่เป็นแน่ ทว่าพวกเขาก็สามารถเข้าใจได้ คนปกติที่ไหนเห็นภรรยาของตัวเองโวยวายจะหนีไปกับบุรุษอื่น แล้วไม่มีโทสะบ้างเล่า?มีมือปราบผู้หนึ่งกล่าวเสนอว่า “ใต้เท้า ตอนนี้ฮูหยินเป็นพวกเดียวกับฮวาหลิงเซียวแล้ว ถ้าจะทำก็ทำให้เด็ดขาดดีหรือไม่ขอรับ?”“ข้าจะดูซิว่าผู้ใดกล้าแตะต้อง?” กู้จิ่งซีสีหน้าเย็นชา ดวงตาอันแหลมคมกวาดมองไปที่บรรดามือปราบ แล้วออกคำสั่งอย่างไม่ยอมให้ผู้ใดสอดปาก “ไปเตรียมม้าให้พวกเขา!”เมื่อบรรดามือปราบได้สบเข้ากับสายตาอันแหลมคมนั้น ก็ไม่กล้าที่จะทำอันใดลับหลัง มิเช่นนั้นหากฮูหยินเป็นอันใดขึ้นมา พวกเขาก็อย่าได้คิดว่าจะมีชีวิตรอด สามีตัวจริงเป็นถึงเสนาบ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 327

    “ฮวาหลิงเซียว รีบปล่อยฮูหยินท่านนี้เดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นวันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า”เสียงร้อนรนแว่วดังมาจากด้านหลังเมื่อสาวใช้ทั้งสองหันไปมอง ก็พบว่าด้านหลังมีคนแต่งกายด้วยชุดมือปราบหลายคน กำลังจับจ้องบุรุษผู้นั้นด้วยสีหน้าตึงเครียด หากเป็นเช่นนี้ละก็ บุรุษที่จับตัวฮูหยินของพวกนางเป็นตัวประกัน ก็เป็นผู้ร้ายกระนั้นหรือ?วินาทีต่อมา ก็มีบุรุษอีกคนทะยานลงมาจากกำแพง เมื่อมองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยของบุรุษผู้นั้น ดวงตาของหนิงตงก็เป็นประกายในฉับพลัน พลางกล่าวด้วยเสียงร้อนรนว่า “ท่านโหว รีบช่วยฮูหยินเร็วเข้าเถิดเจ้าค่ะ!”เมื่อกู้จิ่งซีมองเห็นพวกนางนายบ่าวทั้งสามคน ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ เขารู้ว่าแม่นางน้อยอยู่ที่วัดหลิงอวิ๋น แต่คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญถึงขนาดพบกับฮวาหลิงเซียวและถูกจับเป็นตัวประกัน สายตากวาดมองไปที่ฮวาหลิงเซียว และมองไปยังแม่นางน้อยมองเห็นแค่เพียงดาบแหลมคมที่ส่องประกายเย็นเยียบจ่ออยู่ที่ลำคอของแม่นางน้อย ดวงหน้าของนางซีดขาว ดวงตาเผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนก กำลังมองดูเขาอย่างกังวล ท่าทางหวาดกลัวและอับจนหนทางนี้ ทำให้ใจของเขาหวาดหวั่นยิ่งนักเมื่อฮวาหลิงเซียวได้ยินคำพูดของหนิงตง ก็

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 326

    ชิงชิว “แต่ว่า…”เมิ่งจิ่นเหยาขัดจังหวะคำพูดของนาง “ข้าไม่เป็นไร”ชิงชิวมองไปที่บาดแผลตรงฝ่ามือของนาง โชคยังดีที่บาดแผลไม่ลึกนัก เหมือนว่าจะไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อันใด ถึงได้พยักหน้าอย่างเชื่อฟังผ่านไปไม่นาน หนิงตงก็ไปรับอาหารเจกลับมาตอนนี้มีเพียงพวกนางสามคนนายบ่าวเท่านั้น ไม่มีคนนอกอยู่ที่นี่ เมิ่งจิ่นเหยาให้พวกนางมานั่งกินข้าวด้วยกันกับตนเอง ชิงชิวกับหนิงตงก็ไม่ได้ปฏิเสธอาหารเจของวัดหลิงอวิ๋นรสชาติไม่เลวนัก แต่ว่าภายในใจของเมิ่งจิ่นเหยากลัดกลุ้มอย่างยิ่ง ไม่มีความอยากอาหารอันใด จึงกินอาหารไปคำสองแล้วก็วางชามข้าวกับตะเกียบลงเมื่อหนิงตงเห็นว่านางไม่ได้แตะต้องอาหารเท่าใดนัก จึงกล่าวโน้มน้าวว่า “ฮูหยิน ท่านกินให้มากหน่อยเถิดเจ้าค่ะ กินน้อยถึงเพียงนี้ หากว่าอดหิวจนทำลายสุขภาพจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ? บ่าวรู้ว่าในใจของท่านเป็นทุกข์ แต่หากว่าท่านอดจนเสียสุขภาพ จะมิเป็นไปตามที่นางซุนปรารถนาหรือเจ้าคะ?”เมื่อเมิ่งจินเหยาได้ฟังดังนั้น ก็กินข้าวอีกคำสองคำ จากนั้นก็วางชามวางตะเกียบลงเมื่อเห็นดังนั้น ชิงชิวกับหนิงตงก็สบตากัน พลางลอบถอนหายใจ ทันใดนั้นก็เห็นว่าในเวลานี้ หากว่าท่านโหวอยู่ที่น

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 325

    เมิ่งจิ่นเหยาไปโถงหว่างเซิงอีกครั้ง และจุดธูปให้มารดาผู้ให้ดำเนิดนางโจวนางคุกเข่าลงบนเบาะรองนั่ง สีหน้าเหม่อลอย และเอียงศีรษะเล็กน้อย มองป้ายวิญญาณของนางโจวเงียบ ๆ โดยไม่มีการส่งเสียงใด ๆ หนิงตงกับชิงชิวคุกเข่าตามบนเบาะรองนั่งที่อยู่ด้านซ้ายและด้านขวาของนาง เห็นนางดูเงียบจนเกินไป พวกนางจึงกังวลใจอย่างมาก แต่รู้ว่าพูดปลอบใจอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ นายหญิงของพวกนางต้องการอยู่เงียบ ๆ สักพักเดิมทีพวกนางคิดว่านางซุนเป็นแค่แม่เลี้ยงใจร้าย ใครจะคาดคิดว่านางซุนกับนายท่านจะเป็นชู้กัน และเพราะนางซุนเสียชีวิตจากการคลอดเกินกำหนด มิน่าเล่าถึงจะไม่ใช่บุตรแท้ ๆ เหมือนกัน แต่นางซุนกลับปฏิบัติต่อนายหญิงของพวกนางแย่กว่าคุณชายรองเสียอีกนี่ก็เป็นเหตุผลแล้วหากวันนี้นายหญิงไม่ได้ไปจุดธูปที่วัดหลิงอวิ๋น หลังท่านป้าที่ป่วยท่านนั้นเสียชีวิตไป ความลับนี้คาดว่านายหญิงคงจะไม่มีวันได้รู้ไปตลอดชีวิตพระอาทิตย์ตกดิน แสงสว่างของโถงหว่างเซิงก็มืดลงเรื่อย ๆ แสงพระอาทิตย์ตกดินเส้นสุดท้ายที่ส่องเข้ามาในห้องโถงหายไปตอนที่ชิงชิวกับหนิงตงกำลังโน้มน้าวให้นางกลับห้องรับรองแขก จู่ ๆ เมิ่งจิ่นเหยาก็ส่งเสียงออกมา “พวกเรา

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 324

    เมิ่งจิ่นเหยานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง และถามอีกว่า “ท่านพ่อข้าตอนแรกก็เคยมีอนุภรรยา แม้จะสนใจนางซุน แต่ท่านแม่เป็นคนตัดสินใจรับนางมาเป็นอนุภรรยาให้เขา เหตุใดถึงโกรธถึงเพียงนี้ด้วย?หญิงวัยกลางคนตอบกลับ “เพราะนายท่านหลอกฮูหยินบอกว่ามีนัดกับสหาย สุดท้ายถูกฮูหยินพบว่าพวกเขานัดกันอย่างลับ ๆ ฮูหยินรู้สึกถึงการถูกหลอกและทรยศ ก็โมโหขึ้นมาในตอนนั้น อีกอย่าง ฮูหยินเคยเจอนางซุนในงานเลี้ยง พวกนางเข้ากันได้ดี จะอย่างไรฮูหยินก็คิดไม่ถึงว่าสหายที่เพิ่งคบหากับสามีของตนเองจะมีความสัมพันธ์ลับ ข้าน้อยเดาว่า นายท่านกับนายซุนรู้จักกันมาก่อนแล้ว แต่เพียงเพราะคำสั่งของบิดามารดาและแม่สื่อ นายท่านจึงแต่งงานกับฮูหยินเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยิน เมิ่งจิ่นเหยาก็หัวใจกระตุกวูบ นางไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน แต่รู้ว่าบิดานางจะต้องชอบนางซุนอย่างแน่นอนนางหลับตาลงและลืมตาอีกครั้ง พลางถาม “สิ่งที่เจ้าพูดมาทั้งหมดในวันนี้ มีคำโกหกบ้างหรือไม่?หญิงวัยกลางคนรีบกล่าว “คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยพูดจริงทุกคำ หากมีคำโกหกแม้แต่น้อย ขอให้ลูกหลานของข้าน้อยไม่ได้ตายดีเจ้าค่ะ!”เมิ่งจิ่นเหยามองนางอย่างแปลกใจ สามารถมาสักการะพระพุทธได้ อย่างน้อยคง

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status