แชร์

บทที่ 278

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
แต่โดยรวมแล้ว หลานสาวคนโตก็ไม่ใช่คนเลวร้ายจนไม่อาจให้อภัยได้ นอกจากรังแกเซวียนหลิงแล้ว ก็ไม่เคยเป็นฝ่ายทำร้ายใคร เพียงแต่คนเป็นบิดามารดาไม่ได้อบรมสั่งสอนให้ดี เลยเลี้ยงเด็กดีในทางที่ผิด หากต่อไปไม่พบเจอกับเรื่องอะไร นิสัยนี้เกรงว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว

หลังจากนั้น ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็ชักสายตากลับ และกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เซวียนอี๋ เซวียนหลิงกลับไปก่อนเถอะ”

ทันทีที่กู้เซวียนอี๋กับกู้เซวียนหลิงได้ยิน ก็รู้ว่าเหล่าอาวุโสมีเรื่องต้องพูดคุยกัน จึงตอบรับอย่างเชื่อฟัง และออกจากโถงโซ่วอันไป

หลังจากนั้น ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็ไล่สาวใช้ที่ปรนนิบัติให้ออกไป จึงเหลือเพียงเฝิงหมอมอ รวมทั้งลูกสะใภ้อีกสามคนเท่านั้น

นางจางอดสงสัยไม่ได้ จึงถาม “ท่านแม่ ท่านมีเรื่องสำคัญอะไรจะปรึกษากับพวกเราหรือเจ้าคะ?”

ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “สะใภ้ใหญ่ สะใภ้รอง เซวียนอี๋กับเซวียนหลิงเด็กทั้งสองถึงวัยปักปิ่น และถึงวัยที่จะพูดคุยเรื่องแต่งงานได้แล้ว พวกเจ้าเป็นมารดามีบุคคลที่ถูกใจหรือยัง?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางเฉินก็รีบกล่าวทันที “ท่านแม่ เรื่องงานแต่งของเซวียนหลิง ปีนี้ลูกสะใภ้ให้ความสำคัญอยู่ตลอด
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 279

    ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ฟังสะใภ้ใหญ่พูดถึงคุณชายจากตระกูลเหล่านี้ ไม่มีพึงพอใจเลยสักคน และคนที่ไม่พอใจมากที่สุดคืออู่อันป๋อซื่อจื่อ แต่ลูกสะใภ้กลับพึงพอใจอู่อันป๋อมากที่สุด เมื่อเห็นท่าทีที่ลำพองใจของลูกสะใภ้ใหญ่ นางก็ตอบกลับอย่างราบเรียบ “ข้าคิดว่าไม่เท่าใดนัก โดยเฉพาะอู่อันป๋อซื่อจื่อ”ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา สีหน้าของนางจางแข็งทื่อในชั่วพริบตา และรู้สึกว่าแม่สามีไม่เห็นด้วยกับนาง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทนเห็นเรือนใหญ่ดีไม่ได้ หรือทนเห็นเซวียนอี๋แต่งงานได้ดีไม่ได้กันแน่ จึงถามกลับ “ท่านแม่ ลูกสะใภ้เห็นว่าอู่อันป๋อซื่อจื่อก็ดี เหตุใดท่านถึงไม่พอใจเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กล่าวด้วยเสียงเรียบ “อู่อันป๋อซื่อจื่อดีมาก ฐานะครอบครัวก็ดี ในอนาคตหากอู่อันป๋อเสียชีวิต เขายังสามารถสืบทอดตำแหน่งขุนนางได้ หากเซวียนอี๋แต่งเข้าไป อนาคตก็คือฮูหยินของท่านป๋อ”เมื่อได้ยิน สีหน้าของนางจางก็อ่อนลง และกล่าวอย่างไม่เข้าใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นท่านแม่เหตุใดถึงคิดว่าไม่ดีเล่าเจ้าคะ?​ เซวียนอี๋แต่งเข้าไปก็ดีแล้ว ภายหลังจะได้ช่วยสนับสนุนบ้านมารดาด้วย”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “สะใภ้ใหญ่ เซวียนอ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 280

    ดังนั้น อู่อันป๋อฮูหยินถึงคิดจะให้บุตรชายคนโตสายตรงที่ขึ้นเป็นซื่อจื่อแล้วแต่งงานกับเซวียนอี๋ เช่นนี้อู่อันป๋อซื่อจื่อก็จะได้รับการสนับสนุนจากจวนฉางซินโหวแห่งนี้ และบรรเทาความกดดันของเรือนใหญ่ได้ แถมเซวียนอี๋ฐานะต่ำกว่าก็ง่ายที่จะควบคุม อู่อันป๋อฮูหยินถูกแม่สามีควบคุมมานานเช่นนั้น เป็นลูกสะใภ้อดทนจนกลายเป็นแม่สามี จะต้องควบคุมลูกสะใภ้อย่างแน่นอน แต่นางจางกลับแยกแยะไม่ได้ และดูไม่ออก บรรยากาศเงียบไปนานมาก นางจางถึงจะกล่าวอย่างอึกอักว่า “ท่านแม่ ลูกสะใภ้ ลูกสะใภ้ไม่ได้คิดไกลถึงขนาดนั้น ขอบคุณท่านแม่ที่ตักเตือน แต่ลูกสะใภ้นัดกับอู่อันป๋อฮูหยินไว้แล้วว่าจะไปล่องเรือ นี่ควรจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้เห็นท่าทางโง่เขลาแยกแยะไม่ออกของนางก็โมโห และดุด่าด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ความยุ่งเหยิงที่เจ้าเป็นคนก่อก็จัดการเอาเอง แต่อย่าผลักเด็กเข้าไปในหลุมไฟ เรื่องแต่งงานของซิวหย่วนก่อนหน้านี้เจ้าก็เกือบจะทำอะไรเลอะเลือน ตอนนี้ถึงตาเซวียนอี๋ เจ้ายังมาทำแบบเดิมอีก ข้าว่าเจ้าไม่เคยสำนึกตนเลย”นางจางถูกดุจนก้มหน้าไม่กล้าพูดขัด เพียงแค่ไม่พอใจเล็กน้อยเท่านั้น เพราะน้องสะใภ้ทั้งสองยังอยู่ แม่สามีก

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 281

    ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มองดูสะใภ้ใหญ่ที่ไม่หมดห่วง แค่รู้สึกโมโหและหมดหนทาง จิตใจว้าวุ่นยิ่งนัก ตอนแรกหากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าใหญ่ชื่นชอบ นางก็คงไม่ให้นางจางเข้าตระกูลกู้หรอก ทว่าเป็นเรื่องที่แน่นอนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว นางจึงทำได้เพียงมองดูนางจางในชีวิตที่เหลืออยู่ อย่าให้นางจางเลอะเลือนก่อปัญหาสีหน้าของนางแสดงถึงความเหนื่อยล้า พลางโบกมือไปมา “พวกเจ้าทั้งหมดออกไปก่อนเถิด ข้าเหนื่อยแล้ว”นางจางเห็นแม่สามีสีหน้าย่ำแย่ ก็รู้ว่าตนเองทำให้แม่สามีไม่พอใจแล้ว ภายในใจรู้สึกไม่เป็นสุข จึงไม่กล้าอยู่ขวางหูขวางตาแม่สามีต่อไป จึงรีบกล่าวว่า “ท่านแม่ เช่นนั้นท่านพักผ่อนให้ดีเถิดเจ้าค่ะ สะใภ้ไม่รบกวนท่านแล้ว”เมิ่งจิ่นเหยากับนางเฉินจึงให้ฮูหยินผู้เฒ่าพักผ่อนให้มาก จากนั้นก็จากไปพร้อมกันกับนางจางหลังจากที่พวกนางไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็หายใจออกอย่างขุ่นมัว ด่าว่าเสียงต่ำว่า “สารเลวจริง ๆ ไม่มีเวลาให้ได้สงบสุข เอาแต่สร้างปัญหามาทำร้ายเด็ก ๆ ”เฝิงหมอมอรีบกล่าวว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าโปรดระงับโทสะเถิดเจ้าค่ะ”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ขมวดคิ้ว กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “อายุตั้งกี่สิบปีแล้ว ทำอันใดยังไม่สุขุมอยู่อีก

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 282

    เมื่อได้ฟังคำพูดเช่นนี้ ดูเหมือนกับว่ามารดาใหญ่จงใจปฏิบัติต่อลูกอนุอย่างไม่เป็นธรรมสีหน้าของนางเฉินบึ้งตึง เกิดโทสะอยู่ภายในจนแทบทนไม่ไหว กล่าวย้อนอย่างประชดประชันว่า “สถานะของครอบครัวเป็นเรื่องรอง ความเหมาะสมเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ก็แม้แต่ท่านแม่ยังพอใจตระกูลหลิว ไม่เหมือนกับจวนอู่อันป๋อ ที่เหมาะสมคู่ควรกับจวนฉางซินโหวของพวกเรา แต่ว่ามีเรื่องที่ต้องกังวลมากมายก่ายกอง การแต่งงานที่ผู้อื่นต่างไม่เห็นความสำคัญ แต่พี่สะใภ้ใหญ่กลับเห็นมันเป็นสิ่งล้ำค่า”นางจางเกิดโทสะ “เจ้า...”นางเฉินเห็นนางประสบกับความพ่ายแพ้ ไม่ต้องพูดถึงว่าในใจมีความสุขมากมายแค่ไหน ยกมุมปากขึ้นพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านอย่าเพิ่งรีบโมโหข้าเลย พรุ่งนี้ท่านก็ต้องพาเซวียนอี๋ไปล่องเรือกับอู่อันป๋อฮูหยินแล้ว อู่อันป๋อนั้นรูปงาม ทั้งยังเป็นซื่อจื่อแห่งจวนป๋อ ไม่แน่ว่าเซวียนอี๋อาจจะชอบพอจริง ๆ ก็เป็นได้ พี่สะใภ้ใหญ่ก็รู้จักนิสัยของเซวียนอี๋ดีนี่เจ้าคะ หากชอบพอก็ต้องการที่จะได้มา ไม่ได้มาก็ร้องไห้โวยวาย ท่านควรไปพูดกับเซวียนอี๋ให้ชัดเจนก่อนจะดีกว่า ทำให้พรุ่งนี้นางมีสติขี้นมาบ้าง”เมื่อได้ยินด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 283

    คราวนี้ นางเฉินกลับไม่ได้ขัดแย้งกับนางจาง ตรงกันข้ามกลับกล่าวอย่างปลอบใจว่า “พี่สะใภ้ใหญ่อย่ากังวลเกินไปนักเลย ภรรยาของซิวหย่วนสุขภาพดีมากมาโดยตลอด น่าจะไม่มีปัญหาอันใด ข้าได้ยินมาว่าเจี่ยงฮูหยินล้มป่วย ภรรยาของซิวหย่วนกลับไปเยี่ยมเยียนเจี่ยงฮูหยิน บางทีหลายวันมานี้อาจจะยุ่งอยู่แต่ดูแลเจี่ยงฮูหยินจึงเหน็ดเหนื่อยมากเกินไป ถึงได้เป็นลมล้มลง”นางจางรู้สึกแต่เพียงว่านางเฉินไม่จริงใจ จึงชะงักฝีเท้า พลางเหลือบมองไปที่นางเฉิน หลังจากนั้นก็ก้าวเดินต่อไป ถึงอย่างไรก็อดรนทนไหว จึงไม่ได้ทะเลาะกับนางต่อ อย่างไรลูกสะใภ้ก็สำคัญกว่านางเฉินสบเข้ากับสายตาของนางจาง รู้ว่าแววตานั้นของนางหมายความว่าเช่นไร จึงโมโหขึ้นมาในฉับพลัน แอบด่าว่าอยู่ในใจ ‘เอาความคิดของคนถ่อยมาคาดเดาจิตใจของวิญญูชน!’สะใภ้ทั้งสามคนมาถึงเรือนของนางเจี่ยงกับกู้ซิวหย่วนเวลานั้น หมอประจำตระกูลก็ถือกล่องยา พลางก้าวเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ เมื่อมองเห็นพวกนางทั้งสามคน ก็เตรียมที่จะคารวะพวกนางนางจางกลับโบกไม้โบกมือ “เอาเถิด ไม่จำเป็นต้องมากพิธี รีบไปดูฮูหยินของคุณชายใหญ่เร็วเข้า”เมื่อหมอประจำตระกูลได้ยินคำพูดของนางจาง ก็รีบรับคำ พล

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 284

    เมื่อมองเห็นท่าทางที่เหมือนดั่งคาคกขึ้นวอของนางจาง ภายในใจของนางเฉินก็รู้สึกเหมือนถูกกดขี่ หากรู้แต่เนิ่น ๆ ว่าเป็นเช่นนี้ นางก็คงไม่ตามมาด้วยหรอก พอมาแล้วยังต้องมาฟังนางจางพูดโอ้อวดไร้สาระนี่อีกช่วงนี้นางก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้พยายามหาแม่นางที่อายุเหมาะสมให้กับซิ่วหง เพียงแต่มารดาของแม่นางไม่ยอมปล่อยเท่านั้น บางทีคงจะถูกผลกระทบจากคนสารเลวกู้ซิวหมิงนั่น ยังไม่แต่งงานกับภรรยาเอกก็รับอนุภรรยาเสียแล้ว ทั้งยังให้อนุภรรยามาอยู่ในเรือนหลักที่เป็นของภรรยาเอก โปรดปรานอนุภรรยาในทุกวิถีทาง เป็นลางบอกว่าหลงไหลอนุจนทำลายภรรยาเอกอย่างแน่นอนซิวหงในฐานะพี่ชาย ชื่อเสียงได้รับผลกระทบ ครอบครัวที่มีบุตรสาว เกรงว่าซิวหงก็จะเป็นคนเช่นนี้เหมือนกัน จึงต้องพลอยเดือดร้อนโดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องไปด้วย มีแต่ต้องรอให้เรื่องราวต่าง ๆ สงบลงแล้ว จึงค่อยเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานของซิวหงอีกทีนางจางเห็นว่านางไม่ตอบกลับ ในที่สุดก็ชนะได้สักครั้ง จึงกล่าวอีกว่า “เจ้าก็อย่าได้ตำหนิที่พี่สะใภ้ปากมากไปเลย พี่สะใภ้เพียงแค่เห็นว่าซิวหงก็อายุไม่น้อยแล้ว เรื่องการแต่งงานควรมีการกำหนดได้แล้ว ที่เรียกว่าสร้างครอบครัวและสร้างฐานะ หลั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 285

    ช่วงบ่ายยามเซิน ผ่านช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของวันไปแล้วนางจางไปที่โถงโซ่วอัน เตรียมจะนำข่าวดีเรื่องภรรยาของซิวหย่วนไปบอกแก่แม่สามี เมื่อเช้านางทำให้แม่สามีไม่พอใจ ตอนนี้มีเรื่องที่น่ายินดี ไม่แน่ว่าพอแม่สามีมีความสุขแล้ว ก็จะได้ลืมเรื่องเมื่อเช้าก็เป็นได้ และโทสะที่มีต่อนางจะได้หายไปฮูหยินผู้เฒ่ากู้เพิ่งจะตื่นจากการนอนกลางวัน เมื่อรู้ว่านางมาแล้ว ภายในใจรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ไม่รู้ว่านางสร้างปัญหาอันใดขึ้นมาอีก ไม่อยากพบนางเลย ทว่าในเมื่อนางมาแล้ว ก็คงต้องให้สาวใช้ไปเชิญนางเข้ามาเพียงไม่นาน นางจางก็เข้ามา เมื่อเห็นแม่สามีนั่งอยู่ที่ด้านบน สีหน้าสงบนิ่ง ดูไม่ออกว่ามีความสุขหรือว่าไม่มีความสุข นางก็ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวเพื่อคารวะ “คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กล่าวอย่างเฉยเมย “นั่งลงแล้วค่อยพูดคุยกันเถิด”“เจ้าค่ะ!”นางจางรับคำ พลางก้าวเดินไปยังตำแหน่งที่ต่ำกว่าฮูหยินผู้เฒ่ากู้แล้วนั่งลง หลักจากนั้นก็บอกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้ากับฮูหยินผู้เฒ่ากู้ ท้ายที่สุดก็พูดเรื่องที่ภรรยาของซิวหย่วนได้รับการวินิจฉัยว่าตั้งครรภ์มากว่าหนึ่งเดือนแล้วเมื่อฮูหยินกู้ได้ฟัง ร่อยร

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 286

    กู้จิ่งซีเห็นนางจ้องมองมือของตนเองตาปริบ ๆ จึงมองไปตามสายตาของนาง พบว่าตนเองกำลังคีบซาลาเปาน้ำแกงลูกสุดท้ายอยู่ คิดว่านางอยากกิน จึงเอาซาลาเปาวางไว้บนจานของนาง พลางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ฮูหยินกินเถิด”เมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจ ก้มหน้ามองซาลาเปาที่อยู่บนจานอย่างงุนงง “ให้ข้าหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีแย้มยิ้ม “เมื่อครู่ฮูหยินมองมือของข้าอยู่ตลอด มิใช่ว่าอยากกินซาลาเปาลูกนี้หรอกหรือ?”สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาชะงักค้าง อันที่จริงคือนางรู้สึกว่ามือของเขาดูดี จึงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองอยู่หลายครั้งหลายครา คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดเอาได้ ความงามทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดจริง ๆ ด้วย จึงรีบกล่าวปกปิดว่า “ข้าเพียงแค่ละโมบเท่านั้นเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านพี่มาก”กู้จิ่งซีไม่ได้คิดอันใดมาก กล่าวแต่เพียงว่า “หากฮูหยินชอบ เช่นนั้นก็กินให้เยอะ ๆ เถิด ถ้าไม่พอ พรุ่งนี้เช้าค่อยให้ห้องครัวทำมาอีก”เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับว่า “ไม่ต้องแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้กินอาหารอย่างอื่น กินเหมือนกันทุกวันจะเบื่อเอาได้ ต้องหลากหลายหน่อยถึงจะดีเจ้าค่ะ” กู้จิ่งซียิ้มพลางกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าฮูหยินจะชอบกินมากสินะ?”เมิ่งจิ่

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 340

    กู้จิ่งซีค่อนข้างประหลาดใจ “เจ้าใช้วิธีใด ถึงทำให้เขารับสารภาพเร็วขนาดนั้น?”ฉีอวิ้นเหวินหยักไหล่ หัวเราะพลางกล่าว “นั่นไม่ใช่ความดีความชอบของข้า เมื่อวานมีแม่นางคนหนึ่งมาพบเขา ไม่รู้พูดอะไร เขาก็รับสารภาพแล้ว”เมื่อได้ยิน กู้จิ่งซีก็ขมวดคิ้วแน่น และสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง “แม่นางผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่าเขาถูกจับตัว?”ฉีอวิ้นเหวินเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ และถามกลับว่า “โจรขโมยหญิงงามที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และชั่วร้ายถูกจับตัวได้แล้ว เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เมื่อคืนข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว หรือว่าเจ้าไม่รู้หรือ? ก็จริง น้องสะใภ้ป่วยแล้ว เจ้าไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจเรื่องอื่นก็ปกติ”กู้จิ่งซีปรากฏสายตาที่รู้ทันออกมาฉีอวิ้นเหวินกล่าวอีกว่า “ข้าเห็นแม่นางผู้นั้นแต่งกายเป็นสาวชาวยุทธจักร ซึ่งน่าจะเป็นชาวยุทธจักร และคาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่ว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญมากนัก เพราะตอนนี้ไขคดีได้ก็พอแล้ว”......จวนฉางซินโหวกู้ซิวหมิงมาคารวะยามเช้าให้เมิ่งจิ่นเหยา เขามาสายก้าวหนึ่ง กู้จิ่งซีเพิ่งออกไป เขาก็เพิ่งจะมาถึงนับตั้งแต่การกักบริเวณสิ้นสุดลง ตราบใดที

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 339

    เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ปิดบัง และเล่าเรื่องที่พบหญิงวัยกลางคนในวัดหลินอวิ๋นเมื่อวานตอนบ่ายให้ฟังรอบหนึ่งพูดถึงช่วงสุดท้าย นางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวรรค์มีตาจริง ๆ จู่ ๆ ข้าก็ฉุกคิดอยากจะไปจุดธูปให้ท่านแม่ที่โถงหว่างเซิงของวัดหลิงอวิ๋น จึงได้พบอดีตบ่าวรับใช้ของท่านแม่ ท่านป้าท่านนั้นป่วยหนักมาก และเหลือเวลาไม่มากแล้ว หากเมื่อวานข้าไม่ได้ไปเจอนางที่วัดหลิงอวิ๋น ความลับนั้นคาดว่าข้าจะไม่มีทางรู้ไปตลอดกาลเจ้าค่ะ”กู้จิ้งซีสีหน้ามืดมนลง พลางละอายใจต่อวิธีที่พ่อตานั้นทำอย่างมาก แม้จะแต่งงานตามคำสั่งของบิดามารดาและการจับคู่ของแม่สื่อ พลางไม่มีความรักระหว่างชายหญิงต่อแม่ยายเขา จะปิดบังความจริงเพราะรู้สึกผิดก็ช่าง ยังปล่อยให้มารดาและแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อบุตรสาวที่บริสุทธิ์อย่างรุนแรงอีกเขาเห็นแม่นางน้อยที่โกรธแค้นผสมปนเปกัน ก็ตบหลังมือของแม่นางน้อยเหมือนจะปลอบใจ และกล่าวอย่างเป็นนัยว่า “ฮูหยิน วิญญาณของแม่ยายที่อยู่บนสวรรค์จะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่”เมื่อได้ยิน สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็ชะงักไป พลางสบตาเข้ากับสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งของเขา ก็เข้าใจความหมายของเขา และยกรอยยิ้มที่อันตรายขึ้น “จริงด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 338

    เมิ่งจิ่นเหยาถามเสียงเบาว่า “ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้าง?”หมอประจำจวนเก็บนิ้วมือทั้งสามข้อที่อยู่บนแขนของเมิ่งจิ่นเหยากลับลงไป พลางตอบกลับ “ฮูหยิน ท่านมีปมในใจจนเกิดอาการซึมเศร้า แถมยังได้รับความเย็นเกินไปอีก จึงทำให้จู่ ๆ ก็ไข้ขึ้นสูง และจำเป็นต้องใช้ยาคลายเครียดเสียหน่อยก็จะดีขึ้นขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “รบกวนท่านหมอแล้ว”“ไม่รบกวนขอรับ” หมอประจำจวนรีบส่ายหน้า และกล่าวอีกว่า “แต่ว่า ฮูหยินร่างกายอ่อนแอ ควรจะบำรุงร่างกายให้ดีตั้งแต่ยังสาวถึงจะได้นะขอรับ”มิ่งจิ่นเหยาฟังจบ ก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะนางรู้มาโดยตลอดว่าตนเองร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเย็น หากไม่ระวังนิดหน่อยก็จะเป็นหวัด เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านมารดา นางไม่มีความพร้อมที่จะดูแลตนเอง ตอนนี้อยู่บ้านสามี นางใส่ใจเรื่องการกินมากขึ้น และได้ดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายอยู่เป็นประจำ ช่วงนี้นางจึงรู้สึกดีมาก สีหน้าก็ดูดีขึ้นแล้วนางกล่าวเสียงอ่อนโยน “ปกติข้าก็ดูแลตนเองอยู่แล้ว รบกวนท่านหมอจัดยาคลายเครียดให้ข้าก็พอ”หมอประจำจวนฟังจบ ก็จ่ายยาคลายเครียดให้นาง และให้สาวใช้ตามเขาไปเอายากลับมาต้มหลังหมอประจำจวนจากไป

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 337

    บนรถม้าชิงชิวกับหนิงตงที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนนั่งพิงกัน และเผลอหลับไปเมิ่งจิ่นเหยาหายป่วยได้ไม่นาน ยังรู้สึกมึนศีรษะ คนทั้งคนก็หมดเรี่ยวแรง จึงเอนหลังพิงผนังรถม้าและหลับตาพักสมองทันใดนั้น รถม้าก็สั่นสะเทือน ท้ายทอยของนางกระแทกเล็กน้อย จึงรีบนั่งตัวตรง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศีรษะกระแทกอีกกู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยขมวดคิ้ว พยายามฝืนให้มีชีวิตชีวาขึ้น นั่งตัวหลังตรง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยื่นมือโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน และให้นางพิงหน้าอกของตนเอง เมื่อสบตาเข้ากับสายตาที่ตกใจของนาง ก็กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หากฮูหยิน อ่อนเพลีย ก็พิงข้าแล้วนอนเสียเถอะ”ตอนนี้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกทั้งตัวไม่มีแรง ศีรษะยังมึน ๆ อยู่ จึงไม่เกรงใจเขา และพิงอยู่บนตัวเขาด้วยความสบายใจอย่าดูถูกแม้กู้จิ่งซีดูจะตัวไม่ใหญ่มาก แต่หน้าอกกว้างใหญ่ พิงอยู่บนตัวเขาอบอุ่นสบายตัว แถมได้กลิ่นดอกกล้วยไม้ที่หอมละมุนจากตัวของเขา ก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่กลับไม่มีอาการง่วงเลยบางทีเพราะถูกผู้ชายกอดไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ เลยรู้สึกไม่คุ้นชินหรืออาจเป็นเพราะได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นตึกตักอยู่ข้างหู มันดังก้องอยู่ที่หู

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 336

    ท่าทางที่ดูป่วยเช่นนี้ ดูน่าเป็นห่วงยิ่งนักคนที่มีไข้ขึ้นสูง ไม่ควรห่มผ้าจนอบอ้าว ไม่เช่นนั้นอาการป่วยจะแย่ลง เขาจึงเปิดผ้าห่มบางออกให้แม่นางน้อยผ่านไปไม่นาน หนิงตงก็ยกอ่างน้ำอุ่นมาด้วยความรีบร้อน โชคดีที่วัดหลิงอวิ๋นมีคนเข้ามาสักการะอย่างเนืองแน่น ปกติจะมีผู้แสวงบุญมาค้างคืน และมีผู้แสวงบุญจำนวนไม่น้อยที่มาจากครอบครัวร่ำรวย ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายของแขก ตอนกลางคืนภายในวัดก็มีกักเก็บน้ำร้อนไว้หนิงตงวางอ่างทองแดง พลางถาม “ท่านโหว น้ำอุ่นยกเข้ามาแล้ว ต้องทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบกลับ “เช็ดหน้าผาก คอ รักแร้ และแขนขาให้ฮูหยินเพื่อระบายความร้อน”หนิงตงตอบรับ ยกอ่างทองแดงมาข้างหน้าทันที พลางวางอ่างน้ำไว้บนเก้าอี้ที่อยู่หน้าเตียง และเตรียมจะถอดเสื้อผ้าให้นายหญิง ก็มองไปทางกู้จิ่งซีโดยไม่รู้ตัว พบว่าเขาหันหลังให้พวกนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะน้ำชาเมื่อเห็นดังนั้น หนิงตงก็ตกตะลึงเล็กน้อย และแอบพูดในใจว่า ท่านโหวเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ แม้จะเป็นสามีภรรยากับฮูหยิน ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบหนิงตงไม่คิดอะไรมาก ก็ถอดเสื้อผ้าให้เมิ่งจิ่นเหยาด้วยความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และเช็ดตั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 335

    ในวินาทีนั้น เมิ่งจิ่นเหยาทำจิตใจให้สงบ ก้มหน้าลงมอง เห็นว่าบาดแผลที่มือซ้ายใช้ผ้าพันแผลพันไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมองเพียงแวบแรกดูท่าทางเหมือนว่าบาดเจ็บสาหัส จึงกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ตอนนี้เลือดไม่ซึมออกมาแล้ว อันที่จริงไม่พันแผลก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีเหลือบมองนาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถึงแม้ไม่ใช่บาดแผลสาหัส แต่หากไม่พันแผล เมื่อชนหรือกระแทกเข้าโดยไม่ระวังแล้วเลือดไหลออกมาอีก ไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัว โดยเฉพาะบาดแผลที่ข้อศอก เนื้อผ้าเสียดสีก็อาจเจ็บได้เช่นกัน”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าในทันทีหลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถูกมือของกู้จิ่งซีดึงดูดความสนใจไป มือคู่นั้นเรียวยาวและขาวสะอาด ข้อต่อชัดเจน ราวกับหยกขาวที่แกะสลักอย่างประณีต ดูแล้วสบายตาสบายใจนักเมื่อหลุดออกจากความคิด นางก็ใจลอยอีกครั้งผ่านไปเป็นเวลานาน กู้จิ่งซีช่วยนางพันแผลจนเสร็จ และปล่อยมือของนาง เมื่อเห็นว่ามือขวาของนางยังยกอยู่ ก็กล่าวว่า “ฮูหยิน เสร็จแล้ว”แต่เมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา เขาจึงเรียกอีกครั้ง “ฮูหยิน?”เวลานี้ เมิ่งจิ่นเหยาถึงค่อย ๆ ได้สติกลับมา และพบกับส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 334

    เขากำลังเตรียมจะปลอบโยนนางสักหลายประโยค ทำให้อารมณ์ของแม่นางน้อยสงบลง แล้วค่อยถามให้ชัดเจนอีกครั้งว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ทว่าเวลานี้ หนิงตงได้ยกอ่างน้ำสะอาดเข้ามา เขาจึงกลืนคำพูดที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากกลับเข้าไปหนิงตงนำอ่างน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ ถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า “นายท่าน ให้ใช้น้ำในอ่างเช่นไรเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีกล่าวกำชับ “ไปหาผ้าสะอาด ๆ มา”หนิงตงรับคำ ไม่นานก็หาผ้าเช็ดหน้าสะอาดที่อยู่ในสัมภาระมาหนึ่งผืน ผ้านี้เตรียมไว้สำหรับให้นายหญิงของนางใช้ล้างหน้ากู้จิ่งซีเหลือบมองไปที่แม่นางน้อย ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็รับผ้าเช็ดหน้ามา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าคนเดียวก็พอแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถิด”หนิงตงเหลือบมองนายหญิง เมื่อเห็นว่านายหญิงไม่ได้เอ่ยปากบอกให้นางอยู่ต่อ ก็รับคำแล้วถอยออกไปกู้จิ่งซีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มาล้างบาดแผลสักหน่อย ตอนที่เจ้าล้มลงไปเนื้อหนังถลอก แล้วบาดแผลก็เปื้อนฝุ่นด้วย”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้ลังเล ลุกขึ้นแล้วเดินมากู้จิ่งซีดึงมือของนาง ช่วยนางทำความสะอาดบาดแผลที่ฝ่ามือด้วยท่าทีที่อ่อนโยนเมื่อบาดแผลสัมผัสกับน้ำ เมิ่งจิ่นเหยาเจ็บปวดเส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 333

    กู้จิ่งซีจับจ้องนางอย่างไม่วางตา พลางถามด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังดังนั้น ใบหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็เต็มไปด้วยความงุนงง พลางถามกลับไปว่า“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ท่านพี่ก็เห็นหมดแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”นางกล้าพูดได้เลยว่า นางโตถึงเพียงนี้แล้ว ยังไม่เคยเจอเรื่องที่ตื่นเต้นระทึกขวัญเช่นนี้มาก่อน เพียงชั่วพริบตาเดียวที่รอดพ้นจากความตาย ชีวิตนี้ไม่คิดจะพบเจออีกเป็นครั้งที่สองกู้จิ่งซีเห็นสีหน้าของนางงุนงง ไม่ได้จงใจแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ จึงสัมผัสที่ฝ่ามือของนางอย่างแผ่วเบา พลางถามต่อว่า “เกิดอันใดขึ้นกับมือนี้ของเจ้า? ล้มลงไม่สามารถเกิดบาดแผลเช่นนี้ได้”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงไปชั่วขณะ ก้มหน้ามองฝ่ามือของตนเอง บนฝ่ามือยังมีผลงานชิ้นเอกของตนเองเมื่อบ่ายอยู่ เมื่อคิดถึงเรื่องที่พบกับสตรีวัยกลางคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ดวงตาของนางก็หม่นลงในฉับพลัน และอยากจะกำมือของตนเองแน่นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวกู้จิ่งซีที่สายตาเฉียบคมและมือไว รีบกุมมือทั้งสองข้างของนางไว้แน่น ขัดขวางการกระทำของนาง เล็บของนางจะได้ไม่บาดบาดแผลและมีเลือดไหลซึมออกมาอีกเล็บของแม่นางน้อยไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 332

    เมื่อกู้จิ่งซีได้ฟังก็รู้สึกใจอ่อน พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “ให้ข้าดูหน่อย” เมื่อกล่าวจบ เขาก็ยอบกายลง ยกชายกระโปรงของนางขึ้น เตรียมจะดูอาการบาดเจ็บของนาง เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าชะงักค้าง กำลังจะเอ่ยปากขัดขวาง ทว่าเมื่อกลับมาคิดดูอีกทีแล้ว ต่างก็เป็นสามีภรรยาที่นอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องรักษาขอบเขตระหว่างชายหญิงอันใดหลังจากกู้จิ่งซียกชายกระโปรงของนางขึ้นแล้ว มือหนึ่งก็จับไปที่ข้อเท้าขวาของนาง ส่วนอีกข้างม้วนขากางเกงของนางขึ้น เมื่อม้วนขากางเกงไปจนถึงเหนือหัวเข่า ก็จะเห็นได้ว่าตรงหัวเข่าที่ถูกกระแทกตอนล้ม เป็นรอยฟกช้ำไปเรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่ได้ร้ายแรงนักกู้จิ่งซีเห็นว่าบาดแผลไม่หนักมาก จึงวางขานางลง แล้วไปดูบาดแผลที่ข้อศอกของนางนางล้มลงไปข้างหน้า บาดแผลตรงข้อศอกจึงชัดเจนมากนัก เสื้อผ้าในฤดูร้อนจะค่อนข้างบางเบา เสื้อผ้าบริเวณข้อศอกล้วนมีร่องรอยขีดข่วนอย่างชัดเจนพอพับแขนเสื้อของนาง ก็เผยให้เห็นแขนที่ขาวราวกับหิมะ เมื่อพลิกข้อศอกก็สามารถมองเห็นได้ว่าผิวหนังถลอกและมีเลือดออกที่แขนทั้งสองข้างของนาง ผิวหนังโดยรอบบวมแดงเล็กน้อย บาดแผลนี้เมื่ออยู่บนมือที่เดิมทีขาวสะอาดไร้ที่ติรา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status