บทที่ 46 หมากกระดานใหม่ในที่สุด... ท่านย่าก็ออกเดินทางไปเมืองหลวงแล้ว โดยที่ไป๋จิ้งหานไม่ให้อี้ชิงติดตามไปด้วยอี้ชิงมาขอพบเขาที่เรือนหนังสือ หลังจากรู้ว่าฮูหยินชราออกเดินทางไปเมืองหลวงแล้วด้วยท่าทางร้อนรน“ท่านพี่ ท่านจะไม่ให้ข้าติดตามไปปรนนิบัติท่านย่าจริง ๆ หรือเจ้าคะ ท่านย่าขาดข้าไม่ได้จริง ๆ”
เหยียนซือเหยียนหนอเหยียนซือเหยียน อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว จะมาขัดเขินอันใดยิ่งอยู่กับเขาบรรยากาศก็ยิ่งให้รู้สึกอ่อนหวานอย่างประหลาด เหยียนซือเหยียนไม่คุ้นชินกับความรู้สึกเช่นนี้ นางจึงเอ่ยถามเรื่องอี้ชิงขึ้นมา“กับอี้ชิงท่านคิดจะทำสิ่งใดกับนางต่อ”“ไม่รีบร้อนเช่นนั้น ข้าไม่ต้องการให้นางรู้ตัว”กล่า
"ในคืนที่เจ้าหันหลังให้ข้า... ข้าเคยขอให้เจ้าหยุด แต่เจ้ามิแม้แต่จะหันมอง ข้าได้แต่เฝ้ารอใต้เงาจันทร์ เฝ้าหวังว่าเจ้าจะเมตตาหันมาสักครา แม้ในยามฝนตกหนัก ข้ายังคงยืนที่เดิม เจ้าจะรู้หรือไม่ว่า ข้ามิอาจรักใครได้อีก... นอกจากเจ้า"ไป๋จิ้งหานเงยหน้าขึ้นสบตานางเป็นระยะ ราวกับต้องการให้นางรับรู้ถึงความรู้
บทที่ 47 แผนการของไป๋จิ้งหานผ่านไปหลายวันหลังจากสืบจนได้ความหลี่จื้อและหลี่หลงจึงกลับมารายงานเรื่องของอี้ชิงตัวปลอมให้ไป๋จิ้งหานได้รู้เป็นหลี่จื้อที่รายงานก่อน“นายท่าน ดูเหมือนว่าคุณหนูอี้กำลังป่วยจริง ๆ นางต้องดื่มยาทุกวันหาไม่แล้วจะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ด้านหลังเรือนของนางยังพบว่านางเลี้ยงจระเข้ต
“พวกท่านกำลังพูดคุยเรื่องใดกันหรือขอรับ”ไป๋จิ้งหานยิ้มแล้วส่ายหน้า“เจ้าไม่ต้องสนใจไป เจ้าสืบสิ่งใดได้ก็ว่ามาเถิด”หลี่หลงจึงเริ่มรายงาน“ท่านพี่รายงานไปแล้วว่า แม่นางอี้ชิงผู้นั้นมีอาการคลุ้มคลั่งจริง ๆ นายท่านจะให้จัดการอย่างไรต่อขอรับ”ไป๋จิ้งหานครุ่นคิด “พี่ชายของเจ้าบอกว่านางต้องกินยาทุกวันมิ
บทที่ 48 ค้นพบความสุขไป๋จิ้งหานจูงมือเหยียนซือเหยียนไปยังเตียงกว้าง แสงเทียนส่องประกายรำไร ฉายเงาทอดยาวท่ามกลางความเงียบสงัดของราตรี ดวงตาคมเข้มของเขาจับจ้องใบหน้าหวานละมุนตรงหน้าอย่างไม่วางตาเหยียนซือเหยียนถูกเขาจ้องจนแก้มร้อนผ่าว ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบา ๆ เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก“ไยไม่ไปนอนที่เตียงข
หัวใจของนางสั่นไหวรุนแรงและท้ายที่สุดก็ไม่อาจห้ามปรามความรู้สึกของตนเองได้คำตอบของนางคือการเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ครานี้เป็นนางที่ขยับมาจูบที่ริมฝีปากของเขาและแน่นอนว่าทำให้ใครบางคนถึงกับตกตะลึงเพียงพริบตาคนทั้งสองก็เปลือยเปล่าไร้อาภรณ์แล้ว สะโพกกลมกลึงก็ถูกฝ่ามือใหญ่เคล้าคลึงลูบไล้ลงมาถึงโคนขา จากนั้น
นางอุทานอื้ออึงแผ่วเบา เมื่อเขาขยับนิ้วเข้าไปในร่องหวาน พร้อมกับดูดเต้าถันของนางไปพร้อมกันท่ามกลางความมึนเมาที่เขากำลังปรนเปรอ บัดนี้สองขาของนางก็ถูกแยกออกตัวตนใหญ่โตของไป๋จิ้งหานก็ค่อย ๆ ดันเข้ามาในร่างกายของนางแล้ว“อื้อ”เหยียนซือเหยียนกัดปาก นางยังจำความรู้สึกครั้งแรกได้เป็นอย่างดี นางเจ็บปวดมา
ปีค.ศ.1970คุณนายสกุลฉางให้กำเนิดบุตรีคนแรก ผิวขาวราวหยกใบหน้าจิ้มลิ้ม ซินแสทำนายวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ทำให้กิจการค้าขายของบิดามารดาเจริญรุ่งเรืองในยามนั้นบิดาได้หมั้นหมายเด็กหญิงเอาไว้กับบุตรชายคนโตของเพื่อนรักแห่งสกุลต้วนต้วนชางหลางเด็กชายอายุราวหกขวบกำลังจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้วยความสน
จูชางหลางอุ้มสตรีร่างผอมขึ้นมาวางนางเอาไว้บนตักของเขาโถมร่างกายก้มกอดนางแนบแน่นจนลึกสุดหัวใจ เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาวโพลน รวมทั้งผมของเขาเช่นกัน ยามนี้เมื่อใกล้ชิดเส้นผมขาวของคนทั้งคู่กำลังเคลียคลอซึ่งกันและกันโดยไม่อาจแยกแยะว่าเป็นผมของผู้ใดกันแน่จูชางหลางเข้าใจชีวิต มิมีผู้ใดฝืนสังขารของร่างกาย
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1ยี่สิบปีต่อมา“ท่านตา ท่านยายแย่แล้วขอรับ”จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในเรือนสมุนไพร จูชางหลางที่กำลังนั่งยอง ๆ พร้อมกับใช้พัดโหมไฟให้ลุกโชนเพื่อต้มสมุนไพรให้กับหยางอี้หงถึงกับมือสั่นระริกทำพัดที่อยู่ในมือหลุดลงทันใดเขาวิ่งไปที่เรือนของนางอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้หยางอี้
มู่เหยาทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่คล้ายกำลังเต้นรำระริกไหวไปตามแสงจันทราแล้วยิ้มงดงาม“ท่านแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองให้ข้ามีความสุขด้วยนะเจ้าคะ”เอ่ยคำนี้แล้วนางจึงโปรยดอกไม้ลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะเดินกลับลงมายังหมู่บ้านก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านนั่นเอง จู่ ๆ มู่เหยาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของค
มู่เหยายิ้มไม่หุบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลต่อนางเพียงนี้ "หลานชายช่างปากหวานยิ่งนัก เช่นนี้สตรีใดได้พบคงไม่อาจถอนใจได้ ด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ต่อไปคงทำให้สตรีเสียใจอีกหลายคน"จูอี้หลางส่ายหน้า"ข้าไม่คิดหลอกสตรีใด จิตใจของข้าจะมอบให้กับสตรีที่ข้ารักเพียงผู้เดียวเช่นท่านพ่
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังจูชางหลางจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่”จูอี้หลางพยักหน้า“ท่านพ่อ เป็นท่านแม่จริงหรือ”จูชางหลางพยักหน้า“ที่นี่ไกลจากหน้าผาที่แม่เจ้าตกลงมายิ่งนัก พ่อไม่คิดว่านางจะรอดกระทั่งมีคนของหมู่บ้านนายพรานไปพบเข้าระหว่างที่นางลอยไปตามกระแสน้ำ ท่านแม่ของเจ้าลืมทุกเรื่องไปจ
จูอี้หลางขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่านางย่อมคือมารดาของเขา อยากจะบอกออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น จูอี้หลางถอนหายใจยาวเขาต้องสนิทกับเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อสืบถามเรื่องราวเอาไปบอกบิดา“แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่า”“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าหรือ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ
จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ