ที่แท้หยางอี้หงแอบลอบออกจากวันด้วยความช่วยเหลือของลี่กงกง เนื่องจากจูอ๋องเสียชีวิตนางเองต้องการมาเคารพศพ จึงอาศัยช่องว่างระหว่างที่กรมพิธีการนำของเซ่นไหว้มาที่จวนอ๋องให้หยางอี้หงปลอมกายออกมาพร้อมกับนางกำนัลเมื่อมาถึงที่นี่พบว่าจูชางหลางไม่อยู่ในโถงพิธี นางจึงคิดแอบมาพบบิดามารดา จนกระทั่งเห็นเหตุการ
จูชางหลางปล่อยให้หยางอี้หงอยู่ตามลำพังตามที่นางต้องการ ระยะนี้นางบอกว่าไม่ต้องการเห็นหน้าเขา เขาจึงจากไปโดยไม่รบกวน หวังให้เวลาช่วยรักษาให้นางดีขึ้นเขารักนางยิ่งกว่าชีวิต ไม่อาจปล่อยนางให้ไปจากเขาได้ เขาเอ่ยกับนางเบา ๆ“เช่นนั้นหลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพของท่านพ่อ ข้าจะมาเยี่ยมเจ้า อยู่ในจวนนี้ไม่ต้องก
จูชางหลางตกใจยิ่งนัก ในจดหมายที่นางฝากเอาไว้ไม่มีคำใดนอกจากว่าฝ่าบาทอี้หงทูลลา เรื่องระหว่างเราไม่อาจเดินไปได้ไกลมากกว่านี้อีกแล้ว ขอฝ่าบาทปล่อยหม่อมฉันไปตามทางเถิดจูชางหลางกำจดหมายฉบับนั้นเอาไว้ เดิมเขาคิดว่านางไม่ดื้อรั้นกับเขาแล้วด้วยท่าทางโอนอ่อนลงเล็กน้อย คิดว่านางเพียงแต่ต้องการเวลาทำใจที่ผ่
นายกองผู้นั้นเป็นคนสนิทของอัครมหาเสนาบดี เขาเห็นฝ่าบาทปกป้องหยางอี้หงเช่นนั้นจึงบังเกิดความสับสนกระทั่งทหารผู้หนึ่งกระซิบว่า“ฝ่าบาทมากับแม่ทัพจั่วเพียงสองคน เราอาศัยจังหวะนี้จัดการดีหรือไม่”แน่นอนว่ากองกำลังของอัครมหาเสนาบดีบัดนี้มีคนเป็นจำนวนนับร้อย หากจะสังหารฝ่าบาทและแม่ทัพจั่วแล้วทิ้งร่างลงเห
หยางอี้หงยิ้มแล้วเอ่ยว่า“ชางหลางชาตินี้ไม่อาจครองคู่ ข้าไม่อาจลืมความทุกข์ได้ หากมีวาสนาได้พบชาติหน้าของให้อี้หงกับชางหลางเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ไร้ซึ่งความแค้น ปราศจากความทรมานเช่นนี้อีก หากเป็นเช่นนั้นข้าหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับท่านอย่างสงบสุข หลังจากนี้ไปอี้หงหวังเพียงให้ชางหลางทำหน้าที่ฮ่องเ
ฤดูล่าสัตว์มาถึงแล้ว หลังจากทรงงานมาตลอดปีด้วยความเหน็ดเหนื่อย ในที่สุดจูชางหลางก็พาจูอี้หลางมาพักผ่อนปีนี้สถานที่ล่าสัตว์ไกลออกไปจากเดิม ด้วยจูชางหลางอยากให้องค์รัชทายาทได้พบกับสถานที่เขาและหยางอี้หงเคยออกรบด้วยกันเขาพาบุตรชายมาถึงชายแดน ในมือถือธนูอยู่บนหลังม้าคนละตัว“ที่นี่เดิมพ่อกับแม่ของเจ้า
จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ
ปีค.ศ.1970คุณนายสกุลฉางให้กำเนิดบุตรีคนแรก ผิวขาวราวหยกใบหน้าจิ้มลิ้ม ซินแสทำนายวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ทำให้กิจการค้าขายของบิดามารดาเจริญรุ่งเรืองในยามนั้นบิดาได้หมั้นหมายเด็กหญิงเอาไว้กับบุตรชายคนโตของเพื่อนรักแห่งสกุลต้วนต้วนชางหลางเด็กชายอายุราวหกขวบกำลังจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้วยความสน
จูชางหลางอุ้มสตรีร่างผอมขึ้นมาวางนางเอาไว้บนตักของเขาโถมร่างกายก้มกอดนางแนบแน่นจนลึกสุดหัวใจ เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาวโพลน รวมทั้งผมของเขาเช่นกัน ยามนี้เมื่อใกล้ชิดเส้นผมขาวของคนทั้งคู่กำลังเคลียคลอซึ่งกันและกันโดยไม่อาจแยกแยะว่าเป็นผมของผู้ใดกันแน่จูชางหลางเข้าใจชีวิต มิมีผู้ใดฝืนสังขารของร่างกาย
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1ยี่สิบปีต่อมา“ท่านตา ท่านยายแย่แล้วขอรับ”จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในเรือนสมุนไพร จูชางหลางที่กำลังนั่งยอง ๆ พร้อมกับใช้พัดโหมไฟให้ลุกโชนเพื่อต้มสมุนไพรให้กับหยางอี้หงถึงกับมือสั่นระริกทำพัดที่อยู่ในมือหลุดลงทันใดเขาวิ่งไปที่เรือนของนางอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้หยางอี้
มู่เหยาทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่คล้ายกำลังเต้นรำระริกไหวไปตามแสงจันทราแล้วยิ้มงดงาม“ท่านแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองให้ข้ามีความสุขด้วยนะเจ้าคะ”เอ่ยคำนี้แล้วนางจึงโปรยดอกไม้ลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะเดินกลับลงมายังหมู่บ้านก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านนั่นเอง จู่ ๆ มู่เหยาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของค
มู่เหยายิ้มไม่หุบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลต่อนางเพียงนี้ "หลานชายช่างปากหวานยิ่งนัก เช่นนี้สตรีใดได้พบคงไม่อาจถอนใจได้ ด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ต่อไปคงทำให้สตรีเสียใจอีกหลายคน"จูอี้หลางส่ายหน้า"ข้าไม่คิดหลอกสตรีใด จิตใจของข้าจะมอบให้กับสตรีที่ข้ารักเพียงผู้เดียวเช่นท่านพ่
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังจูชางหลางจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่”จูอี้หลางพยักหน้า“ท่านพ่อ เป็นท่านแม่จริงหรือ”จูชางหลางพยักหน้า“ที่นี่ไกลจากหน้าผาที่แม่เจ้าตกลงมายิ่งนัก พ่อไม่คิดว่านางจะรอดกระทั่งมีคนของหมู่บ้านนายพรานไปพบเข้าระหว่างที่นางลอยไปตามกระแสน้ำ ท่านแม่ของเจ้าลืมทุกเรื่องไปจ
จูอี้หลางขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่านางย่อมคือมารดาของเขา อยากจะบอกออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น จูอี้หลางถอนหายใจยาวเขาต้องสนิทกับเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อสืบถามเรื่องราวเอาไปบอกบิดา“แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่า”“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าหรือ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ
จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ