เขาไม่เคยแสดงออกว่ารักนางมากไปกว่าความใคร่ เรื่องระหว่างนางและเขาบัดนี้คงเหลือเพียงการเป็นนายและบ่าวโดยมีความใคร่เข้ามาเกี่ยวข้องถึงจะรู้ว่าเขามิได้รู้สึกอันใด ทว่านางก็ยังคงรักเขาสุดหัวใจจูชางหลางเงยหน้ามองหยางอี้หงที่นั่งเพียงลำพังอยู่บนหลังคา ในมือของเขามีสุราไหหนึ่งผู้ที่นั่งอยู่ข้างกายของเขาย
และเมื่อถึงวันที่หยางอี้หงต้องเข้าวัง นางแต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายของพระสนมขั้นเฟยอันงดงามวิจิตรชวนตกตะลึง หยางอี้หงนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้ากระจกในยามนั้นนั่นเองที่จูชางหลางเข้ามาพบนางและขับไล่บ่าวออกไปจนหมด เขามองนางด้วยสายตาแดงก่ำก่อนที่จะส่งกล่องยาให้นางหยางอี้หงมองเขา กลั้นน้ำตาเอาไว้มือเรียวรับก
กลีบอวบอูมตรงกลางร่างของนางนั้นเต่งตึง ชวนให้ลงลิ้นควานหาความหอมหวาน ในยามที่นางขยับเข้าใกล้เขา ฝ่าบาทผู้บ้ากามยังได้กลิ่นหอมปลุกกำหนัดจนน้ำกามแทบจะพุ่งออกมาเสียแล้วไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนในชีวิตของฝ่าบาท ในยามที่นางขยับกายร่ายรำโดยไม่มีเสียงดนตรี บัดนี้คล้ายกับว่ามีเสียงบรรเลงไปตามท่วงท่า
หยางอี้หงโอบกอดฝ่าบาทแนบใบหน้าเข้ากับอกเหี่ยว ๆ ในใจก็คิดว่าตนเองกำลังโอบกอดต้นไม้เหี่ยว ๆ ต้นหนึ่งเท่านั้น เพื่อให้รู้สึกใจสงบลง“ฝ่าบาทเพคะ มีคนเห็นหม่อมฉันแล้ว หม่อมฉันอับอายยิ่งนักเพคะ คิดว่าที่นี่มีเพียงฝ่าบาทพระองค์เดียว ฝ่าบาทเพคะ ฮือ ฮือ ฮือ”หยางอี้หงแสร้งอับอาย ผละออกจากอกเหี่ยวย่นแล้วคว้า
และในยามนั้นนั่นเองที่ปากของนางกัดองุ่นลูกหนึ่งเอาไว้ แล้วป้อนฝ่าบาททางปาก ฝ่าบาทอ้าปากรับอย่างพอพระทัย ก่อนที่หยางอี้หงจะยัดองุ่นอีกลูกเข้าปากตนเอง และเคี้ยวจนผลองุ่นแตกไปพร้อมกับยาพิษที่นางแอบซ่อนเอาไว้ ก่อนจะประทับจูบชายชราลงมาฝ่าบาทอ้าปากรับแต่โดยดีสองลิ้นพันกันไปมา เพราะยาพิษชนิดนี้เป็นยาพิษกร
หยางอี้หงแสร้งหวาดกลัว แล้วรีบคว้าเสื้อคลุมมาคลุมร่างของตนเองทั้งยังผูกสายรัดจนเรียบร้อยในยามที่ฮ่องเต้หลี่จินลุกขึ้นคว้าอาภรณ์มาคลุมกายหยางอี้หงค่อย ๆ เลื่อนมือไปใต้หมอนแล้วควานหาช่องลับที่เก็บตราลัญจกรเอาไว้ ลี่กงกงก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาด้านใน“ฝ่าบาท แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะด้านนอกกลุ่มกบฏกำลังยกทัพเข้าม
หยางอี้หงพ่นเลือดในปากออกมา ยังยิ้มเย็นชา“ท่านนี่มันตายยากจริง ๆ ถูกพิษร้ายแรงเช่นนี้ยังยืนอยู่ได้”ฮ่องเต้หลี่จินทรุดลงกับพื้นเมื่อรู้สึกปวดหนึบที่หัวใจ หยางอี้หงไม่มีเวลาสังหารเขาแล้วเมื่อได้ยินเสียงองครักษ์กรูกันเข้ามาคนผู้นี้อย่างไรก็ไม่รอดเป็นแน่ พิษนี้ร้ายแรงทั้งหากไม่ได้รับยาถอนพิษภายในหนึ่
ครึ่งเดือนต่อมาหลังจากหยางอี้หงฟื้นขึ้นมาในเรือนของตนเองที่จวนของจูอ๋องอันคุ้นเคยบัดนี้จูชางหลางได้กลายเป็นฮ่องเต้ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จูเป็นที่เรียบร้อยแล้วนางนั่งฟังจี่จินเล่าเรื่องราวอย่างออกรสราวกับว่าเพิ่งได้รับชมงิ้วโรงใหญ่มาเรื่องหนึ่งแล้วเอามาเล่าต่อให้ผู้ที่ชื่นชอบนิทานเรื่องนี้ได้ฟังใน
ปีค.ศ.1970คุณนายสกุลฉางให้กำเนิดบุตรีคนแรก ผิวขาวราวหยกใบหน้าจิ้มลิ้ม ซินแสทำนายวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ทำให้กิจการค้าขายของบิดามารดาเจริญรุ่งเรืองในยามนั้นบิดาได้หมั้นหมายเด็กหญิงเอาไว้กับบุตรชายคนโตของเพื่อนรักแห่งสกุลต้วนต้วนชางหลางเด็กชายอายุราวหกขวบกำลังจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้วยความสน
จูชางหลางอุ้มสตรีร่างผอมขึ้นมาวางนางเอาไว้บนตักของเขาโถมร่างกายก้มกอดนางแนบแน่นจนลึกสุดหัวใจ เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาวโพลน รวมทั้งผมของเขาเช่นกัน ยามนี้เมื่อใกล้ชิดเส้นผมขาวของคนทั้งคู่กำลังเคลียคลอซึ่งกันและกันโดยไม่อาจแยกแยะว่าเป็นผมของผู้ใดกันแน่จูชางหลางเข้าใจชีวิต มิมีผู้ใดฝืนสังขารของร่างกาย
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1ยี่สิบปีต่อมา“ท่านตา ท่านยายแย่แล้วขอรับ”จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในเรือนสมุนไพร จูชางหลางที่กำลังนั่งยอง ๆ พร้อมกับใช้พัดโหมไฟให้ลุกโชนเพื่อต้มสมุนไพรให้กับหยางอี้หงถึงกับมือสั่นระริกทำพัดที่อยู่ในมือหลุดลงทันใดเขาวิ่งไปที่เรือนของนางอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้หยางอี้
มู่เหยาทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่คล้ายกำลังเต้นรำระริกไหวไปตามแสงจันทราแล้วยิ้มงดงาม“ท่านแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองให้ข้ามีความสุขด้วยนะเจ้าคะ”เอ่ยคำนี้แล้วนางจึงโปรยดอกไม้ลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะเดินกลับลงมายังหมู่บ้านก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านนั่นเอง จู่ ๆ มู่เหยาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของค
มู่เหยายิ้มไม่หุบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลต่อนางเพียงนี้ "หลานชายช่างปากหวานยิ่งนัก เช่นนี้สตรีใดได้พบคงไม่อาจถอนใจได้ ด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ต่อไปคงทำให้สตรีเสียใจอีกหลายคน"จูอี้หลางส่ายหน้า"ข้าไม่คิดหลอกสตรีใด จิตใจของข้าจะมอบให้กับสตรีที่ข้ารักเพียงผู้เดียวเช่นท่านพ่
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังจูชางหลางจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่”จูอี้หลางพยักหน้า“ท่านพ่อ เป็นท่านแม่จริงหรือ”จูชางหลางพยักหน้า“ที่นี่ไกลจากหน้าผาที่แม่เจ้าตกลงมายิ่งนัก พ่อไม่คิดว่านางจะรอดกระทั่งมีคนของหมู่บ้านนายพรานไปพบเข้าระหว่างที่นางลอยไปตามกระแสน้ำ ท่านแม่ของเจ้าลืมทุกเรื่องไปจ
จูอี้หลางขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่านางย่อมคือมารดาของเขา อยากจะบอกออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น จูอี้หลางถอนหายใจยาวเขาต้องสนิทกับเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อสืบถามเรื่องราวเอาไปบอกบิดา“แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่า”“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าหรือ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ
จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ