ไม่เพียงแต่ฝ่าบาทเท่านั้นที่ต้องการเห็นใบหน้าสตรีอันเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว บัดนี้ผู้คนในงานล้วนอยากเห็นหน้าญาติผู้น้องคนนี้ของจูชางหลางเสียแล้ว สตรีเช่นไรกันจึงทำให้ฝ่าบาทต้องมาทอดพระเนตรด้วยตนเองในยามที่นางเข้ามานั้น หยางอี้หงจึงถวายบังคมด้วยความอ่อนน้อมและหมอบอยู่บนพื้นยังส่งน้ำเสียงหวานฉ่ำฮ่องเ
หยางอี้หงคิดในใจว่าหรือว่าเป็นเพราะนางแสดงละครไม่แนบเนียน ยังไม่อ่อนหวานมากพอหรือ คนผู้นั้นจะเอาอะไรกับนางอีก วันนี้นางเสียใจอย่างสุดซึ้งยังแอบร้องไห้จนดวงตาแดงช้ำต้องใช้แป้งหนาปกปิดใบหน้าทรุดโทรมนี้ นางทำมากมายเพียงนี้เขายังไม่พอใจอีกหรือหยางอี้หงคิดด้วยความน้อยใจ นางดื่มสุราเพิ่มความกล้าหาญก่อนจะ
ฝ่าบาทเสด็จกลับไปแล้ว ทว่าก่อนเสด็จกลับจูอ๋องก็ยังได้ส่งสาวงามมาถวายการปรนนิบัติ ยังมีนางรำผู้งดงามอ่อนช้อยที่แสดงลีลาร่ายรำเร้าใจอย่างที่ฝ่าบาทไม่เคยได้เห็นมาก่อนพระองค์ทรงพึงพอใจยิ่งนัก ด้วยเพราะเห็นหยางอี้หงแล้วเกิดกำหนัด บัดนี้ได้สตรีเหล่านี้มาช่วยปลดปล่อยจึงทำให้ฝ่าบาททรงพระสำราญยิ่งนักเมื่อฝ
“เรือนหอหรือ เจ้าคิดว่าข้าเต็มใจหรือ”พูดจบจูชางหลางประกบปากของตนเพื่อปิดปากนางทั้งยังกดทับร่างของเขาลงมา ความรู้สึกของจูชางหลางในเวลานี้ประดุจเปลวไฟที่ร้อนแรงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งเมื่อสุดท้ายเสื้อผ้าบนร่างก็ขาดจนหลุดออกจากตัวเขาบดจูบคลึงเคล้ากัดริมฝีปากของนางอย่างร้อนแรง ฝ่ามือขย้ำไปทั่วร่างจนน
นางขับไล่เขาทว่ากลับกอดไหล่ของเขาเอาไว้แน่น นางไม่อยากปล่อยเขาไป นางอยากอยู่กับเขาเช่นในคืนวันที่หมู่บ้านนายพรานนั่นมีเพียงนางและเขาเท่านั้น“อาหง”ฝ่ามือของจูชางหลางค่อย ๆ ลูบไล้ร่างกายงดงามของนางอย่างอ่อนโยน ร่างกายนี้เขาเฝ้าเก็บมาเป็นของตนมาเนิ่นนานเท่าใดแล้ว ทั้ง ๆ ที่คิดว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องใ
จูชางหลางยิ้ม ไม่รอให้นางพูดจบริมฝีปากก็ประกบลงมาแล้วจูบนางตอบด้วยความอ่อนโยน นำพามือของนางให้ถอดสายรัดเอวของเขาอย่างเชื่องช้าในที่สุดร่างแข็งแรงก็เปลือยเปล่าเช่นกัน เมื่อเห็นเรือนกายของเขาชัดเจนเช่นนี้ดวงตากลมโตพลันเปล่งประกายคล้ายจะรู้สึกตัวแล้ว“ซื่อจื่อเจ้าคะ”“อย่าได้หลบเลี่ยง หยางอี้หงเจ้ามาไ
ความอัศจรรย์ใจนี้ทำให้เขาย่ามใจ ปลายนิ้วร้ายกาจจึงขยับเข้าช้า ๆ ไม่เร่งร้อนดันจนกระทั่งลึกสุดโพรงหวานหยางอี้หงครางไม่หยุดเมื่อส่วนที่ไวต่อความรู้สึกของนางถูกชายหนุ่มเล้าโลมด้วยปลายลิ้นและนิ้วแกร่งน้ำหวานของนางไหลออกมาดุจสายธาร ชุ่มฉ่ำเต็มนิ้วของเขา จากการที่จูชางหลางศึกษาจากตำราเขาที่บอกวิธีการมาไ
ถึงยามเหม่าหยางอี้หงก็รู้สึกตัวตื่นด้วยความเคยชิน ถึงแม้ว่าเมื่อคืนจะผ่านศึกหนักมาเพียงใดทว่าหยางอี้หงกลับสามารถละเลยความรู้สึกเจ็บปวดได้เป็นอย่างดีนางคงเป็นสตรีที่ด้านชาไปแล้ว ไม่ว่าความเจ็บปวดใดก็สามารถกดข่มเอาไว้ทั้งยังแอบซ่อนไม่ให้ผู้ใดรู้ที่นอนข้างกายของนางว่างเปล่าไร้เงาของซื่อจื่อแล้ว หยางอ
ปีค.ศ.1970คุณนายสกุลฉางให้กำเนิดบุตรีคนแรก ผิวขาวราวหยกใบหน้าจิ้มลิ้ม ซินแสทำนายวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ทำให้กิจการค้าขายของบิดามารดาเจริญรุ่งเรืองในยามนั้นบิดาได้หมั้นหมายเด็กหญิงเอาไว้กับบุตรชายคนโตของเพื่อนรักแห่งสกุลต้วนต้วนชางหลางเด็กชายอายุราวหกขวบกำลังจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้วยความสน
จูชางหลางอุ้มสตรีร่างผอมขึ้นมาวางนางเอาไว้บนตักของเขาโถมร่างกายก้มกอดนางแนบแน่นจนลึกสุดหัวใจ เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาวโพลน รวมทั้งผมของเขาเช่นกัน ยามนี้เมื่อใกล้ชิดเส้นผมขาวของคนทั้งคู่กำลังเคลียคลอซึ่งกันและกันโดยไม่อาจแยกแยะว่าเป็นผมของผู้ใดกันแน่จูชางหลางเข้าใจชีวิต มิมีผู้ใดฝืนสังขารของร่างกาย
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1ยี่สิบปีต่อมา“ท่านตา ท่านยายแย่แล้วขอรับ”จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในเรือนสมุนไพร จูชางหลางที่กำลังนั่งยอง ๆ พร้อมกับใช้พัดโหมไฟให้ลุกโชนเพื่อต้มสมุนไพรให้กับหยางอี้หงถึงกับมือสั่นระริกทำพัดที่อยู่ในมือหลุดลงทันใดเขาวิ่งไปที่เรือนของนางอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้หยางอี้
มู่เหยาทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่คล้ายกำลังเต้นรำระริกไหวไปตามแสงจันทราแล้วยิ้มงดงาม“ท่านแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองให้ข้ามีความสุขด้วยนะเจ้าคะ”เอ่ยคำนี้แล้วนางจึงโปรยดอกไม้ลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะเดินกลับลงมายังหมู่บ้านก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านนั่นเอง จู่ ๆ มู่เหยาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของค
มู่เหยายิ้มไม่หุบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลต่อนางเพียงนี้ "หลานชายช่างปากหวานยิ่งนัก เช่นนี้สตรีใดได้พบคงไม่อาจถอนใจได้ ด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ต่อไปคงทำให้สตรีเสียใจอีกหลายคน"จูอี้หลางส่ายหน้า"ข้าไม่คิดหลอกสตรีใด จิตใจของข้าจะมอบให้กับสตรีที่ข้ารักเพียงผู้เดียวเช่นท่านพ่
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังจูชางหลางจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่”จูอี้หลางพยักหน้า“ท่านพ่อ เป็นท่านแม่จริงหรือ”จูชางหลางพยักหน้า“ที่นี่ไกลจากหน้าผาที่แม่เจ้าตกลงมายิ่งนัก พ่อไม่คิดว่านางจะรอดกระทั่งมีคนของหมู่บ้านนายพรานไปพบเข้าระหว่างที่นางลอยไปตามกระแสน้ำ ท่านแม่ของเจ้าลืมทุกเรื่องไปจ
จูอี้หลางขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่านางย่อมคือมารดาของเขา อยากจะบอกออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น จูอี้หลางถอนหายใจยาวเขาต้องสนิทกับเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อสืบถามเรื่องราวเอาไปบอกบิดา“แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่า”“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าหรือ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ
จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ