น้ำเสียงของเขาทั้งเยือกเย็นและทุ้มต่ำราวเสียงของเพลงพิณ ยังทำให้นางเคลิบเคลิ้มและดึงดูดนางให้หลงใหล กระทั่งเขาเอ่ยต่อว่า“ผีผาของเจ้าวันนี้เล่นได้ไพเราะยิ่งนัก”หยางอี้หงได้สติจึงเงยหน้ามองเขา และยามนี้ก็ได้สบตากันอีกครั้ง นางไม่อาจหลบสายตาของเขาได้เพราะกำลังถูกดวงตาคมคู่นี้ดึงดูดนางให้เคลิบเคลิ้ม“
หยางอี้หงเก็บเกี่ยวความสุขนี้เอาไว้ในใจ นางเปิดเผยความในใจด้วยการแสดงออกมาเพียงนี้ หวังเพียงว่าซื่อจื่อจะรับรู้หัวใจของนางบ้างถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะต้องกลับไปเผชิญกับความเป็นจริงนางก็ไม่เสียดายแล้วในยามนั้นจูชางหลางหวนคิดถึงคำกล่าวของแม่เฒ่าผู้นั้นในงานเลี้ยง“คุณชายจู ข้าเองไม่อยากยื่นมือเข้าไปสอดเร
หยางอี้หงแม้จะไม่อาจตัดใจจากความสุขในยามที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ทว่าเมื่อพ้นจากเขตแดนของหมู่บ้านนายพรานแล้วความรู้สึกนั้นก็ลดน้อยลงไปมากจูชางหลางกลับมาเป็นซื่อจื่อคนเดิม ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและนางเป็นได้เพียงนายกับบ่าวเท่านั้นแม้ว่ายามนี้นางจะอยู่บนหลังม้าตัวเดียวกันกับเขา ทว่ารางกายของนางกลับเ
จั่วเจี้ยนขมวดคิ้ว มองที่เท้าของนางเห็นว่ายังมีผ้าพันแผล และมองที่แขนของนางก็พบว่ามีผ้าพันแผล ใช่นางบาดยังบาดเจ็บ แต่นางก็ดูสบายดีแล้วนี่ก่อนหน้านี้ต่อให้บาดเจ็บเลือดอาบร่าง หยางอี้หงก็ยังคงสามารถควงดาบยิงธนูอยู่บนหลังม้าได้สบาย“อาหง เจ้าใจเสาะตั้งแต่เมื่อใด แผลเล็กน้อยก็ทำให้ซื่อจื่อลำบากแล้ว รีบ
แผนของเสนาบดีฝ่ายขวาล้มเหลว คนที่เขาส่งไปสังหารจูชางหลางได้ข่าวว่าเสียชีวิตในสมรภูมิรบทั้งหมดเสนาบดีฝ่ายขวาย่อมไม่เชื่อ ในเมื่อยามนี้จูชางหลางยังกลับมาโดยไร้รอยขีดข่วน แล้วคนของเขาจะตายหมดไปได้อย่างไรถึงจะสงสัยว่าแผนของตนเองจะรั่วไหล ทว่าใบหน้านั้นกลับเสแสร้งยินดีกับชัยชนะนี้ยิ่งนักจูชางหลางกล่าว
ในยามที่หยางอี้หงได้รับรู้ถึงสมรสพระราชทานของจูชางหลางกับคุณหนูฉางหมิงฟู่บุตรสาวของเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉางอิ๋นนั้นนางยังมีใจยิ้มให้เขาแล้วเอ่ยแสดงความยินดีออกไปทว่าน้ำเสียงของนางนั้นฟังอย่างไรก็ดูเสแสร้ง จูชางหลางไม่เห็นใบหน้าของนางด้วยใบหน้างามอยู่ภายใต้หน้ากากดำที่สวมทับเอาไว้ ใบหน้าของเขายังคงราบเรีย
จั่วเจี้ยนชะงักค้าง เขาก้มหน้าต่ำลงเล็กน้อยดวงตานั้นฉายแววสับสนยิ่งนัก จูชางหลางหัวเราะหยัน“เจ้าเที่ยวรู้ความรู้สึกคนอื่นไปทั่ว ทว่ากลับละเลยความรู้สึกของตนเองหรือ”“ซื่อจื่อ”น้ำเสียงของจั่วเจี้ยนช่างแผ่วเบานัก บัดนี้เขายอมรับว่ากำลังสับสนกับความรู้สึกของตนเองอยู่ไม่น้อย ห่วงนางในฐานะสหาย น้องสาว
หยางอี้หงตกตะลึง นางได้ยินบิดาเอ่ยเรียกชื่อนางอย่างชัดเจน กระบี่ในมือของนางตกลงพื้น หยางอี้หงได้สติแล้ว หางตาของนางมีน้ำไหลออกมา“ท่านพ่อ จำข้าได้แล้วหรือเจ้าคะ”“หงเอ๋อร์ กินข้าวหรือยัง เจ้าดื่มนี่สิรสชาติดียิ่ง”เหมือนความทรงจำนั้นจะขาดหายไปอีกครั้ง สายตาที่มองนางกลับกลายเป็นว่างเปล่าเช่นเดิมหยาง
ปีค.ศ.1970คุณนายสกุลฉางให้กำเนิดบุตรีคนแรก ผิวขาวราวหยกใบหน้าจิ้มลิ้ม ซินแสทำนายวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ทำให้กิจการค้าขายของบิดามารดาเจริญรุ่งเรืองในยามนั้นบิดาได้หมั้นหมายเด็กหญิงเอาไว้กับบุตรชายคนโตของเพื่อนรักแห่งสกุลต้วนต้วนชางหลางเด็กชายอายุราวหกขวบกำลังจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้วยความสน
จูชางหลางอุ้มสตรีร่างผอมขึ้นมาวางนางเอาไว้บนตักของเขาโถมร่างกายก้มกอดนางแนบแน่นจนลึกสุดหัวใจ เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาวโพลน รวมทั้งผมของเขาเช่นกัน ยามนี้เมื่อใกล้ชิดเส้นผมขาวของคนทั้งคู่กำลังเคลียคลอซึ่งกันและกันโดยไม่อาจแยกแยะว่าเป็นผมของผู้ใดกันแน่จูชางหลางเข้าใจชีวิต มิมีผู้ใดฝืนสังขารของร่างกาย
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1ยี่สิบปีต่อมา“ท่านตา ท่านยายแย่แล้วขอรับ”จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในเรือนสมุนไพร จูชางหลางที่กำลังนั่งยอง ๆ พร้อมกับใช้พัดโหมไฟให้ลุกโชนเพื่อต้มสมุนไพรให้กับหยางอี้หงถึงกับมือสั่นระริกทำพัดที่อยู่ในมือหลุดลงทันใดเขาวิ่งไปที่เรือนของนางอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้หยางอี้
มู่เหยาทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่คล้ายกำลังเต้นรำระริกไหวไปตามแสงจันทราแล้วยิ้มงดงาม“ท่านแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองให้ข้ามีความสุขด้วยนะเจ้าคะ”เอ่ยคำนี้แล้วนางจึงโปรยดอกไม้ลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะเดินกลับลงมายังหมู่บ้านก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านนั่นเอง จู่ ๆ มู่เหยาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของค
มู่เหยายิ้มไม่หุบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลต่อนางเพียงนี้ "หลานชายช่างปากหวานยิ่งนัก เช่นนี้สตรีใดได้พบคงไม่อาจถอนใจได้ ด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ต่อไปคงทำให้สตรีเสียใจอีกหลายคน"จูอี้หลางส่ายหน้า"ข้าไม่คิดหลอกสตรีใด จิตใจของข้าจะมอบให้กับสตรีที่ข้ารักเพียงผู้เดียวเช่นท่านพ่
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังจูชางหลางจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่”จูอี้หลางพยักหน้า“ท่านพ่อ เป็นท่านแม่จริงหรือ”จูชางหลางพยักหน้า“ที่นี่ไกลจากหน้าผาที่แม่เจ้าตกลงมายิ่งนัก พ่อไม่คิดว่านางจะรอดกระทั่งมีคนของหมู่บ้านนายพรานไปพบเข้าระหว่างที่นางลอยไปตามกระแสน้ำ ท่านแม่ของเจ้าลืมทุกเรื่องไปจ
จูอี้หลางขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่านางย่อมคือมารดาของเขา อยากจะบอกออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น จูอี้หลางถอนหายใจยาวเขาต้องสนิทกับเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อสืบถามเรื่องราวเอาไปบอกบิดา“แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่า”“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าหรือ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ
จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ