“อาจารย์ข้าเองก็ต้องการท่านเช่นกันเจ้าค่ะ ข้าจะให้ท่านดู”จู่ ๆ หนานหงหงก็ถอดกระโปรงออก นางนั่งลงตรงหน้าเขาอ้าขากว้างให้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็นของผู้ใดมาก่อนในชีวิตนางเอ่ยด้วยสีหน้าขัดเขินแต่กลับกล้าหาญที่จะยั่วเขา สองมือแหวกกลีบของตนเองออกทั้งยังอ้าขาเชิญชวน“อาจารย์ท่านดูสิ่งนี้เจ้าค่
บทที่ 12 ข้าไม่ยอมให้ท่านแต่งกับผู้อื่นมู่หรงหอบหายใจระรัว เขายังขยับไม่ได้จึงยิ่งทรมานนัก ในที่สุดนางก็ปล่อยปากออกจากแท่งหยกของเขา เงยหน้าขึ้นมองมู่หรงด้วยสายตาอาวรณ์“อาจารย์ชอบที่ศิษย์ทำให้หรือไม่เจ้าคะ”มู่หรงไม่อาจตอบ เพราะเขาจะตอบไปได้อย่างไรว่าชอบมาก ชอบจนแทบจะคลั่งตายและที่ยิ่งชอบก็คือส่วนส
หลังจากแต่งกายเสร็จเขาก็บอกให้นางฝึกซ้อมเพลงพิณและนำหนังสือไปเก็บไว้ที่เดิม“เดี๋ยวอาจารย์จะให้เสี่ยวเป่ากับเสี่ยวเถามาสอนเจ้า สองคนนั้นถึงยังเด็กแต่พวกเขาเป็นอัจฉริยะเรื่องพิณ”“เจ้าค่ะ อาจารย์ช่างเลือกลูกบุญธรรมได้ดียิ่ง”“สองคนนั้นกำพร้าบิดามารดาเป็นขอทานข้างถนน อาจารย์บังเอิญพบจึงได้พามาที่จวน”
มู่หรงมีทางออกแล้ว เขาจึงกล้าที่จะป้อนอาหารให้หนานหงหง“เช่นนั้นก็อ้าปาก”กว่าจะกินข้าวเสร็จก็ทำเอามู่หรงเหนื่อยหอบและแทบจะทนไม่ไหวแล้วแต่โชคดีที่เขาได้ปลดปล่อยไปแล้วครั้งหนึ่งครานี้จึงยังพอทำให้แท่งเนื้อสงบลงไปได้“ช่วงบ่ายพวกเราจะไปเรียนกันที่สวน”เพื่อป้องกันไม่ให้หนานหงหงล่วงเกินเขาอีก เขาจึงจำเ
บทที่ 13 ผู้ใดทำดีกับข้าหนานหงหงนั่งเหม่ออยู่ในห้องของตนเอง สองวันนี้นางรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยเกี่ยวกับเรื่องของมู่หรงคนผู้นั้นไม่เพียงแต่ไม่สนใจนาง ยังทิ้งให้นางอยู่คนเดียวอย่างเงียบเหงา ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจอยู่เพียงลำพังผู้เดียวในเมื่อมู่หรงไม่อยู่จึงมีผู้อื่นมาสอนคัดอักษรและเพลงพิณแทน นางจึงหาเร
“ไม่มีแต่แล้ว เจ้าเตรียมหาม้าให้ข้า ข้าจะไปที่วัดเชิงเขา หาทางให้ข้าออกจากจวนให้ได้”อาซูจำเป็นต้องรับคำ หนานหงหงผู้นี้เอาแต่ใจยิ่งนักไม่ว่าคิดทำสิ่งใดนางไม่เคยรามือเด็ดขาดเวลาต่อมาด้วยแผนของอาซูบัดนี้หนานหงหงแอบซ่อนตัวอยู่ถังขนขยะเปียกจากห้องครัวที่ต้องนำเอาไปทิ้งนอกจวนแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดคิดถึงว่
เหยาอินร่วมมือกับอาซูช่วยกันเล่นงานคนจนล้มลงไปกองบนพื้นราวกับใบไม้ที่ถูกปลิดลงจากต้นเวลาผ่านไปไม่ถึงก้านธูปคนพวกนั้นก็แพ้อย่างราบคาบน่าเสียดายที่พวกมันหลังถูกจับได้แล้วก็ล้วนฆ่าตัวตายอย่างไม่รีรอหลังจากศัตรูล้มลงหมดหนานหงหงก็หอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย มู่หรงจับมือของนางเอาไว้น้ำเสียงของเขาห่วงใยนาง
บทที่ 14 ลักพาตัวคนในยามราตรีอันเงียบสงบหลังจากที่หนานหงหงกินอาหารเย็นพร้อมกับมู่หรงและคนของเขาแล้วนางก็ตามเขามาที่เรือนพักเล็ก ๆ ที่อยู่บริเวณหลังวัดพร้อมด้วยอาซูบ่าวของนางนางพบว่าบริเวณนี้มีเรือนพักที่เรียงรายต่อกันเป็นแถว มีคนเฝ้าอยู่สองคนซึ่งน่าจะเป็นคนของมู่หรง“อาจารย์ท่านคิดว่าคนร้ายจะมาอีก
ปีค.ศ.1970คุณนายสกุลฉางให้กำเนิดบุตรีคนแรก ผิวขาวราวหยกใบหน้าจิ้มลิ้ม ซินแสทำนายวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ทำให้กิจการค้าขายของบิดามารดาเจริญรุ่งเรืองในยามนั้นบิดาได้หมั้นหมายเด็กหญิงเอาไว้กับบุตรชายคนโตของเพื่อนรักแห่งสกุลต้วนต้วนชางหลางเด็กชายอายุราวหกขวบกำลังจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้วยความสน
จูชางหลางอุ้มสตรีร่างผอมขึ้นมาวางนางเอาไว้บนตักของเขาโถมร่างกายก้มกอดนางแนบแน่นจนลึกสุดหัวใจ เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาวโพลน รวมทั้งผมของเขาเช่นกัน ยามนี้เมื่อใกล้ชิดเส้นผมขาวของคนทั้งคู่กำลังเคลียคลอซึ่งกันและกันโดยไม่อาจแยกแยะว่าเป็นผมของผู้ใดกันแน่จูชางหลางเข้าใจชีวิต มิมีผู้ใดฝืนสังขารของร่างกาย
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1ยี่สิบปีต่อมา“ท่านตา ท่านยายแย่แล้วขอรับ”จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในเรือนสมุนไพร จูชางหลางที่กำลังนั่งยอง ๆ พร้อมกับใช้พัดโหมไฟให้ลุกโชนเพื่อต้มสมุนไพรให้กับหยางอี้หงถึงกับมือสั่นระริกทำพัดที่อยู่ในมือหลุดลงทันใดเขาวิ่งไปที่เรือนของนางอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้หยางอี้
มู่เหยาทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่คล้ายกำลังเต้นรำระริกไหวไปตามแสงจันทราแล้วยิ้มงดงาม“ท่านแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองให้ข้ามีความสุขด้วยนะเจ้าคะ”เอ่ยคำนี้แล้วนางจึงโปรยดอกไม้ลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะเดินกลับลงมายังหมู่บ้านก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านนั่นเอง จู่ ๆ มู่เหยาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของค
มู่เหยายิ้มไม่หุบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลต่อนางเพียงนี้ "หลานชายช่างปากหวานยิ่งนัก เช่นนี้สตรีใดได้พบคงไม่อาจถอนใจได้ ด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ต่อไปคงทำให้สตรีเสียใจอีกหลายคน"จูอี้หลางส่ายหน้า"ข้าไม่คิดหลอกสตรีใด จิตใจของข้าจะมอบให้กับสตรีที่ข้ารักเพียงผู้เดียวเช่นท่านพ่
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังจูชางหลางจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่”จูอี้หลางพยักหน้า“ท่านพ่อ เป็นท่านแม่จริงหรือ”จูชางหลางพยักหน้า“ที่นี่ไกลจากหน้าผาที่แม่เจ้าตกลงมายิ่งนัก พ่อไม่คิดว่านางจะรอดกระทั่งมีคนของหมู่บ้านนายพรานไปพบเข้าระหว่างที่นางลอยไปตามกระแสน้ำ ท่านแม่ของเจ้าลืมทุกเรื่องไปจ
จูอี้หลางขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่านางย่อมคือมารดาของเขา อยากจะบอกออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น จูอี้หลางถอนหายใจยาวเขาต้องสนิทกับเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อสืบถามเรื่องราวเอาไปบอกบิดา“แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่า”“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าหรือ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ
จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ