ภายใจหอซูซูแม้จะแขกเข้าออกเป็นจำนวนมาก แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้สูงศักดิ์ จึงไร้เสียงอึกทึกครึกโครม ทว่าก็มีเสียงสตรีผู้หนึ่ง แผดเสียงแหวกขึ้น รบกวนความสงบนั้น “บังอาจนัก เจ้ากล้าขวางทางข้างั้นรึ!” แขกที่อยู่บริเวณชั้นล่างของหอซูซูต่างปรายตามองมาเพียงเล็กน้อยคล้ายกับไม
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่สำนักศึกษาจะเปิดสอนปกติก่อนที่หยุดให้บัณฑิตเตรียมตัวและสอบซิ่วไฉ ทว่าคุณหนูสามเสิ่นจือกลับไม่ไปเรียนบอกว่าตนรู้สึกเวียนหัวรู้สึกไม่ค่อยสบาย เกาฮูหยินย่อมรู้จักบุตรของตนเองเป็นอย่างดีเมื่อเปิดม่านเดินเข้ามาให้นั่งลงขอบเตียงแล้วพูดขึ้น “ลุกขึ้นมาได้แล้ว” เด็กสาวโผล่ห
ซูอินเดินใจลอยออกมาจากสำนักศึกษาเห็นรถม้าคันใหญ่ของตระกูลหลี่จอดอยู่หน้าร้าน พี่ชายนางหลี่ซานในชาติที่แล้วกำลังรอประคองผู้ที่อยู่ในรถม้า นางจึงหยุดฝีเท้าแล้วเดินเข้าไปนั่งรอในร้าน เอียงหูฟังเสียงทุ้มต่ำของพี่ชาย “ท่านแม่ไม่ต้องกังวล เราบริจาคเงินค่าธูปและน้ำมันตะเกียงเป็นจำนวนม
“อยู่ รอประเดี๋ยวข้ากำลังจะไปเปิดประตูเดี๋ยวนี้” “องค์หญิงไยต้องลำบากมาหาหม่อมฉันถึงที่นี่เจ้าค่ะ ให้ใครมาตามก็ได้” องค์หญิงต้าเหยาเดินลงมาจากรถม้าเรียบร้อยก็ปรี่เดินมากุมมือซูอิน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ซูอินท่านพ่อทรงอนุญาตและยังชมเชยข้าด้วย”
ซูอินเมื่อเดินกลับเข้ามาในเรือน ก็แจ้งกับมารดาเรื่ององค์หญิงต้าเหยาต้องการจะหาทำเลเปิดร้านขายผ้าแพรพรรณ โดยมีนางร่วมช่วยดูแลกิจการ สวีซื่อดวงตาเบิกโตเอ่ยถามบุตรสาวทันที “แสดงว่าเจ้าจะไปเป็นเถ้าแก่ให้องค์หญิงหรือ” ซูอินตอบด้วยน้ำเสียงใจเย็นคล้ายเป็นเรื่องไม่สลักสำคัญ
ตอนที่ 15 เอาไปจำนำ ม่านรัตติกาลกำลังคลี่คลุมลงสายลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านเย็นสบายต่างใจจิตใจของเฉิงอ๋องที่กำลังหวาดหวั่นร้อนรน ชายหนุ่มยืนนิ่งตระหง่านไม่ไหวติงอยู่บนหลังคาเรือน สายตาเปล่งประกายอย่างมีความหวังของเขาจับจ้องไปที่หญิงสาวที่อยู่ริมหน้าต่างบานหนึ่ง ยามผ้าม่านขาวบาง
พอไปถึงประตูวังซูอินนำป้ายประจำตำหนักขององค์หญิงต้าเหยาออกมาส่งให้องค์รักษ์ “คุณหนูมีวาจาจะฝากความด้วยหรือไม่” “รบกวนท่านกราบทูลองค์หญิงต้าเหยาว่าข้าจางซูอินรอที่หอซูซู” เมื่อฝากฝั่งข้อความเรียบร้อยซูอินก็เดินทอดน่องไปรอองค์หญิงต้าเหยาที่หอซูซู ในเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม องค์ห
ตอนที่ 17 เทพสงคราม ราชโองการแต่งตั้งเฉิงอ๋องรับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่นำทัพปราบชาวหูครั้งนี้สะเทือนไปทั่วเมืองหลวงหลายคนเริ่มคาดเดาพระทัยฮ่องเต้ไปในทิศทางที่แตกต่างกัน “เผือกร้อนในครั้งนี้กลายเป็นเฉิงอ๋องรับไป ลูกมองว่าล้วนเป็นผลดีกับตระกูลหวังของเรา” ทั้งที่โดนเฉิงอ๋อ
ผลประกาศทำให้ เด็กสาวตาแดงกร่ำด้วยความดีใจ ครอบครัวก็กล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า สักพักก็มีเจ้าหน้าเชิญไปยืนหลักฐานที่โต๊ะข้าง ๆ ให้กรอกข้อมูลเป็นบัณฑิตน้อยของสำนักศึกษาต่อไป เมื่อมีคนสมหวังก็ต้องมีคนไม่สมหวัง เสียงยินดีผิดหวังคละปนกันไป กว่าจะครบตามจำนวนก็ทำให้เจ้าหน้าของสำน
ฮองเฮาทราบเรื่องที่องค์หญิงใหญ่จัดงานชมบุปผาขึ้น แม้จะทรงทราบว่าหญิงสาวมีแผนการบางอย่างแต่ก็ไม่ทรงห้ามปราม เพียงแค่ตรัสเตือนเล็กน้อย “องค์หญิงใหญ่ อย่าทรงทำสิ่งใดร้ายแรงเกินไปได้หรือไม่” “ตอนนี้เสด็จพ่อไม่โปรดลูก แต่ก็ไม่ทรงห้ามให้ลูกจัดงานเลี้ยงกระมัง” ฮองเฮาวางจอกชา
จงถังแทบอยากจะเอามือปิดหน้าร้องไห้ ท่านอ๋องท่านจะเก็บอาการบ้างได้หรือไม่ ไม่ว่าผู้ใดได้เห็นรอยยิ้มนี้ย่อมราวถูกมนต์สะกด ซูอินเองก็ไม่หลุดพ้นในการถูกล่อลวงครั้งนี้ นางไม่อาจจะเฉไฉได้อีกว่ารอยยิ้มนั้นยิ้มให้นาง เฉิงอ๋องรู้สึกว่าตนเองออกอาการมากเกินไป จึงรีบตวัดชายเส
แสงยามอรุณฉายส่องเข้ามาบริเวณบ้าน เป็นยามปกติที่ครอบครัวจะร่วมทานข้าวเช้าด้วยกัน สวีซื่อมองบุตรสาวคนเล็กด้วยสายตาปลื้มปริม ทว่ายังแฝงความกังวลใจ “ซูเอ๋อร์ เจ้าต้องไปงานเลี้ยงในวัง เงินขายภาพวาดที่ขายได้ครั้งที่แล้วยังมีเหลือ เจ้าเอาไปซื้ออาภรณ์เครื่องประดับ ถึงไม่อาจสู้เหล่าคุณหนูสูงศั
หลายวันที่ผ่านมา เสิ่นอินได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นคนผู้มีอำนาจ แม้กระทั่งบิดานางเสนาบดีเสิ่นผู้ยิ่งใหญ่ยังผูกไมตรีองค์รัชทายาท นางเองก็ย่อมมีหนทางของตนเองเช่นเดียวกัน “ดี...หลังจากวันนี้เจ้าจงมาฝึก 4 จรรยาต้องไม่บกพร่อง” ภายในใจเสิ่นอินกำลังเคร่งเครียด พอได้ยินเช่นนี้ก็ผ
ชีวิตที่เรียบง่ายหาใช่หาได้ง่าย แม้ในภายในใจผู้คนล้วนหาใช่สงบดั่งสายลมใบไม้ผลิ ตำหนักฮองเฮา กัวฮองเฮาหลุบตาเล็กน้อยก่อนจะตรัสเตือนบุตรชาย “องค์รัชทายาท ช่วงนี้ได้กระทำสิ่งใดที่ไม่ได้บอกกล่าวแม่หรือไม่” จอกชาในมือรัชทายาทหยุดชะงักเล็กน้อย พระองค์ยิ้มละมุมพร้อมตรัสเสียงอ
เมื่อทุกคนลงจากรถม้ากำลังจะเตรียมเดินขึ้น วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก จึงมีบรรดาคุณหนูฮูหยินและชาวบ้านมากหน้าหลายตาพากันมากราบไหว้ขอพร จางซูอินมองเห็นกู้ฟางเสียนยืนปะปนอยู่กับชาวบ้านที่ถอยห่างรอให้พวกนางเดินขึ้นไปก่อน ชายหนุ่มประครองสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งอยู่ หญิงสาวคาดว่าจะเป็นมารดา
เสิ่นอินมองออกไปเห็นเพียงแผ่นหลังของชายหนุ่ม นางพยักหน้าเห็นด้วยกับเสิ่นอิน อย่างไรก็ควรต้องลงไปคารวะ สวีซื่อมองดูเฉิงอ๋องอย่างตกตะลึง นางจำได้ว่าบุคคลตรงหน้าเป็นแม่ทัพที่นำทัพกลับเมืองหลวงหลังชนะศึก แม้จะมองเห็นไกล ๆ นางก็จำได้ไม่ลืม แม่ทัพปีศาจ เทพสงคราม บุรุษที่ใบหน้าดุจกับเทพบุตรทว
ครอบครัวสกุลจางตื่นตั้งแต่เช้า วันนี้เหล่าสตรีตั้งใจจะไปไหว้พระขอพรที่วัดเส้าหลาง “ซูเอ๋อร์ เจ้าบอกแม่ว่าคุณหนูเสิ่นจะไปไหว้พระด้วยใช่หรือไม่” “ท่านแม่ ไม่เพียงคุณหนูเสิ่น องค์หญิงก็จะเสด็จด้วยเจ้าค่ะ” สวีซื่อเอามือทาบอกเล็กน้อย แม้กระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่สามารถทำตั