วันนี้จวนเจ้ากรมพิธีการ ไป๋อี้ถัง ดูวุ่นวายนักเพราะต้องเตรียมตัวต้อนรับแขกสูงศักดิ์และบรรดาขุนนางชั้นสูง เหล่าฮูหยินและบรรดาคุณหนูคุณชายทั้งหลาย ที่จะมาร่วมอวยพรในวันแซยิดครบรอบ 60 ปีของฮูหยินผู้เฒ่าไป๋ ที่จัดขึ้นอย่างใหญ่โต และยังได้รับเกียรติจากองค์รัชทายาทและเล่อชินอ๋องมาร่วมยินดี ความจริงเป็นเพราะพระสนมไป๋ ไป๋ซูหนี่ ที่เป็นบุตรีคนสุดท้องของฮูหยินผู้เฒ่าไป๋ ไปทูลขอฝ่าบาทให้รัชทายาทและเล่อชินอ๋องไปร่วมเป็นประธานเพื่อเป็นเกียรติต่อตระกูลไป๋และมารดาตน เล่อชินอ๋องที่ไม่ชอบความวุ่นวายแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธฝ่าบาทได้จึงต้องรับปากไป พระองค์หรือสู้อุตส่าห์รีบสะสางราชกิจเพื่อจะรีบกลับไปหาสตรีที่เฝ้าถวิลหา ฝ่าบาทก็หาเรื่องยุ่งๆ มาให้พระองค์อย่างไม่หยุดหย่อนราวกับว่าจะทรงกลั่นแกล้งพระองค์อย่างไรอย่างนั้น เมื่อขบวนเสด็จของผู้สูงศักดิ์ทั้งสองพระองค์มาถึงภายในงานเลี้ยงก็เกิดความเงียบขึ้นทุกคนที่มายืนรอรับเสด็จต่างพากันกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว เพราะกลิ่นอายสูงศักดิ์ของทั้งสองพระองค์โดยเฉพาะ เล่อชินอ๋อง ที่พระพักตร์หล่อเหลานั้นดูเคร่งขรึมแต่ก็ดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก ทำให้บรรดาคุณหนูทั้งหลายหน้าแดงระเรื่ออย่าง
อ้ายเย่วที่นั่งรับลมอยู่ตรงม้านั่งที่ทำจากต้นไผ่อย่างสบายอารมณ์ หลังจากช่วยจิ้นผิงรดน้ำผักและปลูกต้นดอกกุหลาบที่ซื้อมาเสร็จเรียบร้อย ก็อาบน้ำเตรียมตัวจะเข้านอนแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้จึงลุกขึ้นมาเดินทอดน่องชื่นชมธรรมชาติและบรรยากาศเย็นสบายในตอนพลบค่ำ นั่งทอดอารมณ์คิดเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตของตนอย่างเหนือความคาดหมายเมื่อเห็นว่าอากาศเริ่มจะเย็นมากแล้วและก็รู้สึกง่วงก็กระชับผ้าคลุมไหล่ลุกขึ้นจะกลับเข้าห้อง แต่นางกลับได้ยินเสียงสวบสาบเกิดขึ้นตรงห้องเก็บของที่ใช้เก็บอุปกรณ์ในการทำเกษตรจึงเดินไปดู แต่ก็ไม่เห็นมีสิ่งใดจึงหมุนกายจะเดินกลับไปแต่เมื่อร่างอรชรหันหลังกลับก็มีมือหนาใหญ่เอื้อมมาปิดปากนางแล้วดึงรั้งร่างบางเข้ามาภายในห้องที่ค่อนข้างเหม็นอับเพราะใช้เป็นที่เก็บของที่ชำรุดและไม่ใช้แล้วจึงไม่ได้ทำความสะอาด หัวใจนางนั้นพลันสั่นไหวรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก พยายามดิ้นรนขัดขืนแต่แรงสตรีหรือจะสู้เรี่ยวแรงของบุรุษได้แต่เสียงที่กระซิบสั่นพร่าที่ดังขึ้นข้างใบหูจึงทำให้นางสงบสติอารมณ์ลงได้"เย่วเอ๋อพี่เอง" "พี่หยางเล่อ เกิดอะไรขึ้นเหตุใดถึงมาไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง" แต่แทนที่จะ
จวนเจ้ากรมพิธีการองค์รัชทายาทที่เห็นเล่อชินอ๋องหายไปนานแล้วจึงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่ กำลังจะส่งคนไปดูก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นกรี๊ดดดดทุกคนในงานเลี้ยงต่างแตกตื่นกับเสียงร้องนั้น แล้วรีบเดินไปตามเสียงที่ร้องดังขึ้น ต้นตอของเสียงร้องนั้นคือบ่าวรับใช้ของจวนนี้ที่ยืนตัวสั่นอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง เจ้ากรมพิธีการเจ้าของจวนรีบเดินไปหาบ่าวรับใช้ของตนเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงดังลั่น"เกิดอะไรขึ้น" บ่าวคนนั้นชี้นิ้วอันสั่นเทาเข้าไปในห้องที่เปิดอ้าออกกว้าง ผู้คนภายนอกที่มองเข้าไปต่างตกตะลึงกับภาพตรงหน้าที่เห็น ฮูหยินของจวนที่รีบเดินตรงมาอย่างรีบร้อนยังไม่ทันได้เห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้นรีบคุกเข่าลงต่อหน้าองค์รัชทายาทที่เบือนพระพักตร์หนีภาพอุจาดตาตรงหน้า"องค์รัชทายาทได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับบุตรีของหม่อมฉันด้วยเพคะ" เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างน่าสงสารนัก โดยไม่มองหน้าของท่านเจ้ากรมพิธีการผู้เป็นสามีที่ยืนใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือด"ฮูหยิน หยุด" กล่าวขึ้นเสียงแหบแห้งอย่างยังไม่หายตกตะลึง"องค์รัชทายาทเพคะ"ผู้เป็นภรรยาหาได้ฟังเสียงไม่ยังคงเอ่ยเรียกผู้สูงศักดิ์น้ำเสี
"จิ้นผิง คุณหนูของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เล่อชินอ๋องเมื่อเสร็จธุระก็รีบเร่งมาดูสตรีที่พระองค์ก่อเรื่องไว้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง และอยากมาแจ้งข่าวดีของไป๋อี้ชิงเผื่อนางจะหายโกรธพระองค์สักนิด เห็นบ่าวรับใช้ของนางเดินออกมาพอดีจึงรู้ว่านางตื่นแล้ว ไม่รู้หายเคืองพระองค์แล้วหรือไม่"คุณชาย เอ่อ ท่านอ๋อง คุณหนูไม่ค่อยสบายเพคะ หม่อมฉันกำลังจะไปต้มยา เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลย วันนี้มาเป็นไข้เสียได้" จิ้นผิงเมื่อเห็นเล่อชินอ๋องจึงทำความเคารพใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ ตั้งแต่รู้ว่าคุณชายโจคือเล่อชินอ๋อง ก็เลิกกลัวตามคำร่ำลือ ใครกันช่างลือกันไปได้ ท่านอ๋องของนางนั้นงานดีอย่างที่คุณหนูกล่าวออกปานนี้ อิอิ แล้วจึงรีบไปต้มยาปล่อยให้ท่านอ๋องได้อยู่กับคุณหนูของนางตามลำพัง หากเป็นท่านอ๋องนางเปิดทางให้อย่างเต็มที่เพราะอีกไม่กี่วันคุณหนูของนางจะเป็นพระชายาจวนอ๋องแล้ว ช่างน่ายินดีที่สุดอ้ายเย่วที่พอรู้สึกตัวก็โกรธเคืองบุรุษหื่นกามผู้นั้นนัก รังแกนางจนขานางสั่นไปหมด ตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่ายังสั่นอยู่เลย นางเปลี่ยนใจตอนนี้ทันหรือไม่หากโดนแบบเมื่อคืนอีกนางต้องตายแน่ๆ คิดอย่างสงสารตัวเองนัก ได้ยินเสียงเปิดประตูจึงรีบหันไปมอง
หลังจากผ่านพ้นงานมงคลของไป๋อี้ชิงที่เล่อชินอ๋องให้ความกรุณาหนีบนางไปด้วยเพราะทนลูกอ้อนและรางวัลที่นางเสนอให้ไม่ไหว จนทำให้งานแต่งของพี่สาวคนสวยที่รักยิ่งของนางมีสีสันขึ้นมาก จากฝืมือของนางอ้ายเย่วที่นั่งฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ชื่นชมเหล่ามวลบุปผาที่พากันเบ่งบานให้หมู่ภมรมาดอมดม อยู่บนศาลาที่นางพึ่งให้ช่างมาสร้างไว้เพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ เมื่อนึกถึงไป๋อี้ชิงที่เก็บอาการคุณหนูผู้อ่อนโยนอ่อนหวานไม่อยู่ กรีดร้องดังลั่นไปทั้งจวนนางถึงกับหัวเราะคิกคักออกมา"อะไรทำให้เย่วเอ๋อของพี่อารมณ์ดีถึงเพียงนี้กัน" เสียงนุ่มทุ้มที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้อ้ายเย่วหันไปมอง"พี่หยางเล่อ" เมื่อเห็นบุรุษที่เดินมานั่งข้างๆ นางจึงเอ่ยเรียกและส่งยิ้มหวานไปให้ "ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ข้าแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย" "ท่าน ทำธุระให้ฝ่าบาทเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ"อ้ายเย่วเอ่ยถามบุรุษตรงหน้าที่เอาแต่นั่งจ้องนางอย่าง ไม่ยอมพูดยอมจาอย่างนึกระแวง สายตาเช่นนี้รู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างไรอยู่นะ"เสร็จแล้ว" กล่าวเพียงแค่นั้นก็มองมายังนางอีก จนนางถึงกับทำตัวไม่ถูก" มีอะไรหรือไม่เจ้าคะ"ในที่สุดก็ทนไม่ไหวเลยเอ่ยถามขึ้น"เย่วเอ๋อ เจ้าล
พิธีมงคลสมรสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีและผู้คนกล่าวถึงมากที่สุดแห่งปี คงจะเป็นงานมงคลของใครไปไม่ได้นอกจากนาง เมิ่งอ้ายเย่ว ผู้นี้ที่เจ้าสาวได้นั่งเกี้ยวแค่ชั่วจิบชาเดียวเท่านั้นเพราะแค่ก้าวขาเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงวังจันทราแล้ว แต่ถึงแม้จวนของคู่บ่าวสาวจะใกล้แค่กำแพงกั้นแต่ก็จำเป็นต้องทำให้ครบตามพิธีการ เจ้าบ่าวในชุดเต็มพิธีการสีแดงมงคลบนหลังอาชาที่ดูหล่อเหลาสง่างามใบหน้าที่เคยมีหน้ากากปิดบังและแผ่กลิ่นอายเย็นชามาตลอดตอนนี้กำลังนั่งส่งยิ้มละลายใจเต็มไปด้วยความสุขสมหวังควบขี่อาชาประกบอยู่ข้างเกี้ยว จนบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่รู้สึกอิจฉาสตรีที่อยู่ในเกี้ยวนัก เมื่อเกี้ยวถูกหามเข้ามาภายในวังจันทราและมาหยุดลงหน้าตำหนักจันทราที่เจ้าบ่าวตั้งใจใช้เป็นที่สำหรับประกอบพิธีการสำคัญ สักพักอ้ายเย่วที่รู้สึกตื่นเต้นนักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นที่มาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าของนาง กลิ่นหอมที่แสนคุ้นเคยนั้นกับชายอาภรณ์สีแดงที่เห็นผ่านผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวทำให้นางอดที่จะยกยิ้มอย่างยินดีไม่ได้ แล้วมือหนาที่นางรับรู้มาตลอดว่าอบอุ่นและปลอดภัยแค่ไหนยื่นส่งผ้าไหมสีแดงที่ถูกมัดเป็นเงื่อนผูกใจมาให้นางจึงได้ยื่นมือบอบบางขาวผ่องไ
อ้ายเย่วรู้สึกร้อนวูบวาบกับสายตาร้อนแรงของคนตรงหน้าที่ส่งมานัก ขนาดนางทำใจและคิดทบทวนฉากเลิฟซีนที่เคยผ่านตาและคิดทบทวนถึงตอนที่เล่อชินอ๋องทำกับนางเพื่อจะนำมาใช้ในคืนเข้าหอนี้โดยเฉพาะแทบทุกวัน แต่พอมาเจอสายตาบุรุษตรงหน้า นางกลับไม่ชินสักที เมื่อเสร็จพิธีดื่มเหล้ามงคลเรียบร้อย ทุกคนจึงถอยออกจากห้องปล่อยให้คู่บ่าวสาวอยู่ด้วยกันตามลำพังอ้ายเย่วที่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนบิดไปบิดมาถึงแม้จะผ่านคืนวสันต์กับเล่อชินอ๋องมาแล้วหลายครั้งแต่นางก็ไม่ชินสักที ยิ่งเห็นสายตาที่มองมาอย่างร้อนแรงนั้นอีกนางถึงกับแข้งขาสั่น จึงได้แต่ส่งยิ้มหวานนำทางไปก่อน หมดกันนางร้ายเจ้าบทบาทแถวหน้าของวงการเจอของจริงเข้าไปถึงกับไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว"วันนี้เจ้างามนักรู้ตัวหรือไม่" เล่อชินอ๋องที่ช่วยปลดเครื่องประดับบนศีรษะให้นางอย่างแผ่วเบาก้มลงมองใบหน้างดงามที่ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างนึกเอ็นดูนัก มือหนาค่อยๆ ปลดชุดมงคลหนาหนักออกจากร่างบางจนเหลือแต่ชุดตัวในบางเบากับเอี๊ยมบังทรงสีแดงที่ปิดบังทรวงอกคู่งามที่พระองค์ทรงรู้ว่าให้ความรู้สึกดีแค่ไหนเมื่อได้สัมผัส แล้วจึงดึงปิ่นหยกชิ้นสุดท้ายบนศีรษะเล็กออกทำให้เส้นผมยาวสลวยห
อ้ายเย่วที่พอลืมตาขึ้นก็พบกับหน้าอกแกร่งกำยำ ใบหน้างามพลันร้อนผ่าว สามีนางเหตุใดถึงได้ อึด ถึก เผ็ด ดุ อย่างนี้ คิดถึงกิจกรรมเข้าจังหวะของบุรุษที่กกกอดนางอยู่ตอนนี้กายงามถึงกับสั่นสะท้าน รีบสะบัดศีรษะขับไล่ภาพน่าอายเมื่อคืนอย่างรู้สึกอับอายนัก"หากมือน้อยของเจ้ายังซุกซนอยู่แบบนี้ คาดว่าวันนี้ทั้งวันเจ้าคงต้องกินพี่แทนข้าวกระมัง" อ้ายเย่วที่ก้มลงมองมือตัวเองที่กำลังขยับยุกยิกบนยอดอกสีเข้มอย่างตกใจ จึงรีบชักมือออก"อุ้ย ขอโทษเจ้าค่ะ" เอ่ยขึ้นอย่างอับอายนัก บ้าจริง นางทำอะไรนี่มือที่ชักออกตอนนี้กลับถูกบุรุษผู้เป็นสามีจับมาจรดจมูกโด่ง" เหตุใดต้องขอโทษ ทุกสิ่งบนกายของสามีล้วนเป็นของภรรยา ไม่ว่าจะเป็นตรงนี้" มือหนาที่กุมมือบางมาจรดปากหนา"ตรงนี้" แล้วจับมาวางบนหน้าอกแกร่ง ลากไล้มือบางของนางมาจนถึงหน้าท้องที่มีลอนสวยแน่นตึง"ตรงนี้... หรือแม้กระทั่งตรงนี้" เสียงที่แผ่วเบาเอ่ยอย่างช้าๆ อย่างยั่วเย้าจนนางใจเต้นแรง มือของบุรุษที่จับมือเล็กลงต่ำเรื่อยๆ จนนางต้องรีบชักมือกลับ" พี่หยางเล่อ"อ้ายเย่วที่อับอายยิ่งนักซบใบหน้าร้อนผ่าวลงบนอกแกร่งหลบซ่อนสายตาเร่าร้อนของบุรุษที่มองมายังนางหึหึเส
"อ่านอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว"เล่อชินอ๋องที่เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงหวานละมุนนั้น รีบวางจดหมายในมือ ตรงเข้าไปโอบประคองร่างอุ้ยอ้ายที่หน้าท้องนั้นใหญ่โตมากของชายารักที่ใกล้คลอดเต็มที ที่เดินลูบหน้าท้องนู้นเข้ามาโดยมีจิ้นผิงคอยประคอง"น้องหญิง ออกมาทำไมกัน"ร่างหนาพูดขึ้นพร้อมโอบประคองร่างอวบอิ่มให้นั่งลงบนตั่งที่ปูด้วยเบาะหนานุ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนมือหนาจะลูบบนหน้าท้องนูนสัมผัสถึงแรงกระตุกเบาๆ ของก้อนแป้งน้อยที่กำลังเติบโตอยู่ในครรภ์ของสตรีอันเป็นที่รัก ใบหน้าหล่อเหลานั้นยกยิ้มอย่างยินดีเมื่อเจ้าก้อนแป้งนั้นช่างรู้ความ เพียงบิดาสัมผัสก็จะตอบรับกลับมาเสียทุกครั้ง"จดหมายจากแม่ทัพตงหยวน ส่งมาแจ้งว่าลี่ฟางคลอดบุตรแล้ว เป็นคุณหนูใหญ่""จริงหรือเจ้าคะ น่ายินดีเสียจริง"ใบหน้าหวานนั้นยิ้มละมุนอย่างรู้สึกยินดี มองสวามีที่ก้มลงจูบเบาๆ บริเวณหน้าท้องนูน"เจ้าก้อนแป้งของบิดา เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันเสียที"อ้ายเย่วที่ถึงกับยกยิ้มกับความอ่อนโยนนั้น ก่อนใบหน้างามจะขมวดมุ่น เมื่อรู้สึกปวดหน่วงตรงช่วงล่างจนเผลอเกร็งตัวร้องครางออกมา"อ๊ะ!"เล่อชินอ๋องที่เห็นอาการของร่างอวบอิ่มจึงรีบลูบท้อ
เล่อชินอ๋องที่มองร่างงดงามเย้ายวน ผิวขาวดูชุ่มฉ่ำเปล่งปลั่งราวจะคั้นน้ำได้ มือเรียวสวยที่กรีดกรายเขียนอักษรลงบนแผ่นกระดาษ ใบหน้านวลผ่องที่จดจ่อกับแผ่นกระดาษตรงหน้าดูน่าหลงใหลจนต้องลอบกลืนน้ำลาย ร่างอวบอิ่มนั้นทำให้พระองค์หลงใหลทุกครั้งที่ได้ชิดใกล้"น้องหญิงพี่แค่ไปหารือกับรัชทายาทเพียงครู่เดียวเท่านั้น และที่สำคัญก็มีแต่บุรุษ เจ้าจะไปได้อย่างไร เอาไว้พี่จะพาไปเที่ยวชมตลาดวันหลังดีหรือไม่"อ้ายเย่วเอียงหน้ามายิ้มหวานเป็นการตอบรับอย่างน่าเอ็นดูยิ่งนักในสายตาคนมอง แต่หารู้ไม่ว่ายิ้มนั้นมันเคลือบยาพิษเห็นว่าคนข้างๆ ยังให้ความสนใจกับสิ่งที่นางทำอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะออกไปจึงเอ่ยถามขึ้น"ไม่เสด็จหรือเจ้าคะ องค์รัชทายาทรอแย่แล้วกระมัง""ยังไม่ถึงเวลานัดหมาย""แล้วนี่เขียนอันใดอยู่หรือ"เล่อชินอ๋องที่หรี่ตามองแผ่นกระดาษตรงหน้าชายารัก"กำลังตอบจดหมายของลี่ฟางเจ้าค่ะ"อ้ายเย่วตอบพร้อมหรี่ตามองบุรุษผู้เป็นสามีก่อนเอ่ยขึ้นอีกว่า"น้องว่าจะชวนนางเปิดกิจการด้วยกัน"เล่อชินอ๋องที่เงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นชายา "เหตุใดต้องทำให้ตัวเองเหนื่อยกัน สมบัติในวังจันทราแห่งนี้มีให้เจ้าใช้และอยู่อย่างสุขสบายโดยไม่
อ้ายเย่วที่พับจดหมาย จากฮูหยินแม่ทัพแคว้นฉี เสียนลี่ฟาง ที่เขียนมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง ตั้งแต่จากกันวันนั้นจนวันที่นางได้ไปร่วมงานมงคลของทั้งสอง อ้ายเย่วและเสียนลี่ฟางก็ติดต่อกันโดยการเขียนจดหมายติดต่อกันตลอดก่อนจะให้จิ้นผิงพยุงร่างอุ้ยอ้าย มานั่งลงตรงที่นั่งในศาลากลางสวนสวย ตอนนี้อายุครรภ์ของนางย่างเข้าเดือนที่แปดแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เจอกับเจ้าก้อนแป้ง ไม่รู้ว่านางหรือลี่ฟางที่จะคลอดก่อนกัน เพราะอายุครรภ์ของทั้งคู่ไล่เลี่ยกัน"จับซาไท้เป้า เจ้าค่ะพระชายา"อ้ายเย่วที่กำลังชื่นชมความงามของหมู่มวลดอกไม้ที่กำลังอวดดอกบานสะพรั่ง หันมารับถ้วยยาจากจิ้นผิง ซึ่งเป็นยาบำรุงครรภ์ ที่สวามีของนางขยันสรรหามาบำรุงนางจับซาไท้เป้า เป็นตำรับยาบำรุงครรภ์รับประทานในช่วงกลางถึงปลายระยะตั้งครรภ์ โดยนิยมเริ่มรับประทานในเดือนที่หกของการตั้งครรภ์ และหยุดรับประทานก่อนคลอดหนึ่งเดือนอ้ายเย่วอดรู้สึกชื่นชมตำรับยาสูตรโบราณนี้ไม่ได้ แม้ยุคนี้จะไม่มีความทันสมัยเหมือนยุคก่อนนางก็ไม่กังวลมากนักสรรพคุณของยาตำรับนี้ก็คือ บำรุงหญิงตั้งครรภ์ให้แข็งแรง ไม่ให้เป็นหวัดง่าย ทำให้ระบบการย่อยของหญิงตั้งครรภ์เป็นปกติ ไ
เมื่อเห็นว่าคนใต้ร่างพยักหน้ารับ ดวงตาฉ่ำหวานที่มีหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่นั้น กะพริบปริบๆ จนหยาดน้ำตาไหลมาทางหางตา จึงใช้หัวแม่มือกรีดออกให้อย่างแผ่วเบา ก้มลงจูบซับอย่างอ่อนโยน ก่อนริมฝีปากหนาจะเคลื่อนมาครอบครองปากเล็กอวบอิ่มที่หวานล้ำ จากจุมพิตอ่อนโยนกลายเป็นเร่าร้อนตามแรงปรารถนา สองร่างที่ก่ายกอดลูบไล้กันต่างตกอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งรสกามา ต่างตักตวงความหวานของกันและกันด้วยความถวิลหา ให้สมกับที่ต้องห่างไกลกันแรมเดือนลิ้นร้อนที่บดคลึงจนคนใต้ร่างหอบสะท้าน มือเล็กที่ยันอกแกร่งด้วยใบหน้านวลที่แดงก่ำ ก่อนจะรอบรวมสติที่กระเจิดกระเจิง เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า"ข้ากำลังตั้งครรภ์อยู่นะเจ้าคะ"แม่ทัพตงหยวนที่จูบหน้าผากมนแผ่วเบา เอ่ยกับร่างเย้ายวนที่ตอนนี้อาภรณ์หลุดลุ่ย น้ำเสียงกระเส่า"พี่รู้ พี่จะอ่อนโยน"เพียงไม่นานร่างสองร่างก็เปลือยเปล่า ปากหนาร้อนรุ่มลากไล้ปลายลิ้นสากมาตามลำคอระหง จนมาถึงทรวงอกนุ่มหยุ่นที่ดูจะอวบอิ่มขึ้น จนต้องฝังจมูกลงไปคลอเคลียสูดดมความหอมอ่อนละมุนที่เขาหลงใหล ก่อนจะใช้อุ้งปากเข้าครอบครองสร้างความเสียวซ่านให้เจ้าของที่ดิ้นเร่าอยู่ใต้ร่าง ปาดเลียลิ้นร้อนสลับดูดดุน จนยอดทรวงแ
สัมผัสเปียกชื้นตรงซอกคอขาว ทำให้คนที่กำลังหลับสบายขยับตัวอย่างรำคาญ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ภาพศีรษะที่มีผมดำปกคลุมกำลังเลื่อนลงไป ก้มลงซุกไซร้หน้าอกขาวอวบ ทำให้ร่างบางแข็งทื่อ ปากอวบอิ่มที่กำลังจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือกลับเปล่งเสียงร้องออกมาได้เพียงเสียงอู้อี้เมื่อถูกปากหนาของบุรุษต่ำช้าเลื่อนมาประกบ ร่างบางที่เริ่มดิ้นรนต่อสู้ใช้มือเล็กจิกข่วนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามกำยำอย่างแรงจนแผ่นหลังแกร่งรู้สึกแสบ"หยุดดิ้น"เสียงทุ้มสั่งเสียงกระเส่า พร้อมมือใหญ่ที่รวบเอามือเล็กไว้เหนือศีรษะเพียงมือเดียว ส่วนอีกมือนั้นจับปลายคางมนให้คนตัวเล็กใต้ร่างหันมาสบตาตน "ทะ ท่านแม่ทัพ"ลี่ฟางเมื่อเห็นว่าชายชั่วที่จะย่ำยีนางเป็นใคร ลำคอระหงพลันแห้งผาก หัวใจเต้นแรงแทบทะลุออกจากอก"ปล่อยข้า ท่านคิดจะทำอะไร""แล้วคิดว่าจะทำอันใดเล่า สามีภรรยาไม่เจอกันแรมเดือน เจ้าคิดว่าข้าจะนอนมองเจ้าเฉยๆ หรือ"ลี่ฟางเมื่อฟังคำพูดและมองใบหน้ายียวนของคนเหนือร่างให้นึกเคือง "ปล่อยข้า ข้ามิใช่ภรรยาของท่าน ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่าข้าเป็นองค์หญิงบรรณาการของเล่อชินอ๋อง""เช่นนั้นหรือ... เก่งขึ้นนะ"เสียงท
แล้วเวลาอาหารมื้อเย็นของวันนี้ก็มาถึง อาหารหน้าตาน่าทานต่างถูกลำเลียงมาขึ้นโต๊ะ แต่แขกของจวนยังไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏตัวขึ้น จนกระทั่งคนทุกอยู่กันพร้อมหน้า หม่ากงกง จึงได้มารายงานว่า สหายของเจ้าของจวนเดินทางมาถึงแล้ว เล่อชินอ๋อง จึงได้ให้รีบเชิญเข้ามาแต่ภาพของบุรุษที่ปรากฏตัวขึ้น ทำให้สตรี ที่เป็นแขกของจวนอีกผู้หนึ่ง ต้องตกตะลึงจนแทบจะ ระงับอาการสั่นไหวไม่ได้ใบหน้างามนั้นซีดเผือด กับการปรากฏตัวของบิดาของบุตรในครรภ์ของนางแม่ทัพลั่วตงหยวนอ้ายเย่วที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาแบบบุรุษหล่อร้ายตรงหน้าได้แต่มองด้วยความโง่งม เพราะบุรุษตรงหน้านั้นเรียกได้ว่าหล่อแบบลุคเถื่อนๆ ช่างกระชากใจนางโดยแท้"หากเจ้ายังมิเลิกมองสหายของพี่ด้วยสายตาเช่นนั้น เห็นทีพี่คงต้องเสียมารยาท พาเจ้าไปทบทวนความจำกันสองต่อสองว่าเจ้านั้นมีสวามีแล้ว และสวามีก็นั่งอยู่ตรงนี้"อ้ายเย่วที่รีบถอนสายตามามองบุรุษที่กำลังมองนางด้วยสายตาคาดโทษ เสียงกระซิบแผ่วเบานั้นเรียกสติของนางจากอาการคลั่งคนหน้าตาดี ให้รีบหันมาส่งยิ้มหวานให้ผู้เป็นสวามี แม้ท่านแม่ทัพผู้นั้นจะหล่อเหลาวัวตายควายล้ม แต่ก็เทียบมิได้เลยกับเล่อชินอ๋องสวามีนาง ที่ความห
องค์หญิงเสียนลี่ฟาง โฉมสะคราญที่กำลังยืนผสานมือบอบบางทั้งสองอยู่ตรงหน้านาง อ้ายเย่วที่สังเกตว่ามือที่ผสานกันอยู่นั้นสั่นน้อยๆ ใบหน้าสวยหวานนั้นดูไม่มั่นใจในตัวเองและมีความกังวลวาบผ่าน "หากทั้งสองพระองค์ไม่สะดวก ก็ไม่เป็นอะไรนะเพคะ หม่อมฉันสามารถอยู่ในวังได้" เสียนลี่ฟางที่กล่าวขึ้นกับเจ้าของจวนทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง ตลอดหลายวันที่ผ่านมานางได้ยินผู้คนพูดให้เข้าหูมาตลอดถึงการที่นางจะเข้ามาเป็นชายาอีกคนของเล่อชินอ๋องทั้งที่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย และพระชายาของเล่อชินอ๋องก็คงจะได้ยินข่าวลือพวกนั้นแน่ นางกลัวเหลือเกินว่าจะทำให้ครอบครัวของผู้อื่นร้าวฉานเพราะคำคน และนางนั้นคือสาเหตุอ้ายเย่วที่นึกเอ็นดูสตรีตรงหน้า นางคงจะถูกกดให้ต่ำอยู่เสมอ ขนาดตัวเองมีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงแต่กลับขาดความมั่นใจในตัวเอง"จวนอ๋องแห่งนี้ ยินดีต้อนรับท่าน" เสียงหวานที่เอ่ยขึ้น ทำให้เสียนลี่ฟางที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่นั้น ถึงกับรีบเงยหน้ามองสตรีเจ้าของจวน จึงพบกับใบหน้างดงามที่กำลังส่งยิ้มมาให้ "ข้ารับรู้เรื่องราวทุกอย่างแล้ว" อ้ายเย่วที่กล่าวไขข้อข้องใจให้องค์หญิงเสียนลี่ฟาง " และข้ายินดีที่ท่านจะมาพ
จิ้นผิงและบ่าวไพร่ที่รอปรนนิบัติอยู่หน้าห้องต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กใบหน้าแดงก่ำก่อนจะพากันถอยออกมาจากบริเวณหน้าห้องเพราะเสียงแว่วหวานของพระชายาอ้ายเย่วที่ตอนนี้ใบหน้างามแดงก่ำเพราะแรงอารมณ์ที่ถูกคนที่คร่อมทับอยู่เหนือร่างจุดขึ้น เล่อชินอ๋องใช้แขนแกร่งยันเตียงนุ่มโดยไม่ทิ้งน้ำหนักลงบนร่างบาง บดจูบหวานล้ำให้อย่างเอาใจก่อนมือหนาจะดึงรั้งอาภรณ์ออกจากร่างบางจนเปลือยเปล่าและปลดอาภรณ์ของตนออกให้เท่าเทียมกัน ปากหนาที่จูบซับลากไล้มาตามลำคอระหงจนมาครอบครองหน้าอกอิ่มที่ดูอวบตึงขึ้น ขยายใหญ่สู้มือแกร่งที่กำลังนวดคลึงอย่างหลงใหล ร่างงามที่ดูมีน้ำมีนวลหอมกรุ่นดูเย้ายวนปิดเร่า ครวญครางเสียงหวาน ปากร้อนที่ดูดดึงส่งเรียวลิ้นโลมเลียตวัดยอดทรวงสีแดงชูชันเข้ามาในอุ้งปากดุนดันสลับปาดเลียจนขนอ่อนลุกซู่อย่างซ่านสยิว ช่องท้องปั่นป่วนบิดมวน จนบุปผางามหลั่งไหลน้ำหวานซึมออกมา ใบหน้าหล่อเหลาที่ลากไล้ปลายลิ้นมายังหน้าท้องที่ยังแบนราบก่อนจะจูบซับแผ่วเบาทะนุถนอม อ้ายเย่วรู้สึกดังมีผีเสื้อนับพันกระพือปีก ก่อนมือหนาจะจับขาเรียวให้ตั้งชันปรากฏเนินเนื้อโหนกนูนอวบอิ่มขาวผ่องโน้มใบหน้าไปจุมพิตเนื้อโหนกสวยแผ่วเบาก่อนจะลา
ร่างเล็กในอ้อมแขนที่ขยับยุกยิกทำให้เล่อชินอ๋องรู้สึกตัวตื่น"ยังเช้าอยู่เลย นอนต่อเถอะเมื่อคืนก็ดึกมากแล้วกว่าจะได้นอน" กล่าวขึ้นพร้อมกับกระชับอ้อมแขนกอดร่างบางไว้แนบอก"น้องนอนไม่หลับแล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างพระองค์ก็บอกว่าวันนี้องค์หญิงผู้นั้นจะมาอยู่ที่นี่มิใช่หรือ" เกิดความเงียบขึ้นชั่วอึดใจก่อนที่ริมฝีปากร้อนของเจ้าของอ้อมกอดอุ่นจะจุมพิตลงบนขมับ" หากน้องหญิงไม่สะดวกก็ให้นางอยู่ในวังไปก่อนก็แล้วกัน พี่ไม่อยากให้เจ้าคิดมาก"" ไม่เลยเจ้าค่ะ ข้ามิได้คิดมากอันใดเลย"เสียงหวานที่รีบเอ่ยบอกทำให้ร่างสูงกระตุกยิ้ม"ไม่คิดมากจริงๆ น่ะหรือ แล้วเมื่อคืนใครกันที่ร้องไห้จนร่ำๆ จะหย่ากับพี่อย่างเดียว" "ก็ ข้านึกว่าท่านพี่จะพานางมาแทนที่ข้านี่เจ้าคะ"เสียงหวานที่เอ่ยอย่างรู้สึกผิด แลดูน่าสงสาร"น้องหญิง จำไว้ ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นสิ่งเดียวที่จะคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปคือเจ้าจะเป็นสตรีที่พี่รักเพียงคนเดียวและวังจันทราแห่งนี้จะมีแค่เจ้าเท่านั้นที่เป็นนายหญิงของวัง"น้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล ทว่าหนักแน่น ทำให้อ้ายเย่วน้ำตาคลอ" ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่"ร่างบางที่ซุกซบใบหน้ากับอกอุ่นอย่างรักใคร่หวง