"ท่านอ๋อง ถึงแล้วพะยะค่ะ"องครักษ์ต้าหลงที่เห็นว่ารถม้าจอดได้สักครู่แล้วแต่คนที่อยู่ด้านในยังไม่ออกมาเสียทีจึงส่งเสียงเรียก จึงทำให้ร่างบางที่ถูกมอมเมาด้วยอารมณ์พิศวาสได้สติแล้วพยายามดิ้นรนลงจากตักแกร่งแต่บุรุษที่กอดรัดนางอยู่ไม่ยอมปล่อยจึงกัดบ่าหนาให้คลายอ้อมแขนอย่างแรงแล้วรีบร้อนจัดเสื้อผ้าหน้าผมโดยไม่มองหน้าบุรุษตรงหน้าที่มองมายังนางด้วยประกายตาเร่าร้อนอย่างยากที่จะดับได้ง่ายๆ รีบลงจากรถม้าด้วยใบหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำ เมื่อลงมายืนด้านล่างหันมองรอบกายปรากฏว่ารถม้านั้นมาจอดข้างในวังจันทรา จึงมองไปยังบุรุษที่กำลังก้าวลงมาจากรถม้าดังจะถามว่าทำไมถึงมาจอดด้านในนี้ แต่ร่างสูงที่ไม่คิดตอบคำถามนางกลับหันไปออกคำสั่งกับองครักษ์คนสนิทด้วยสายตาที่นางรู้สึกหนาวแทน"ต้าหลงปิดประตู แล้วไปฝึกซ้อมกำลังในป่าหลังวังจนกว่าเปิ่นหวางจะอนุญาตให้ออกมา""ตอนนี้เลยหรือพ่ะย่ะค่ะ" "เดี๋ยวนี้" "รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์ต้าหลงที่เห็นสภาพของทั้งสองและใบหน้างามที่ขึ้นสีแดงก่ำของพระชายาก็พอจะรู้ถึงความผิดตน จึงรับคำสั่งแล้วเดินคอตกจากไปนี่มันล่วงเข้ายามเฉินแล้วนะแถมที่นั่นก็เต็มไปด้วยสัตว์ดุร้าย ท่านอ๋องคงจะกร
เห็นร่างสูงที่คงจะไม่ยอมปล่อยตนง่ายๆ เท้าเล็กจึงเหยียบลงบนเท้าใหญ่เต็มแรง แต่แรงเท่ามดของนางหรือจะระคายคนตัวโต แต่กลับแสร้งทำเสียหลักดึงร่างเล็กในอ้อมแขนลงไปด้วยแล้วพลิกเอากายนุ่มละมุนหอมกรุ่นกักขังนางไว้ใต้ร่างหนาแกล้งคนตัวเล็กโดยการทิ้งน้ำหนักลงบนร่างเล็ก"ชอบความรุนแรงก็ไม่บอก" กล่าวกับร่างบางพร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งไปให้ อ้ายเย่วเห็นแล้วกายสาวถึงกับสั่นสะท้าน ม่ายยยข้ายังไม่พร้อมขอตั้งตัวก่อน วันนี้เหงื่อก็ออก น้ำก็อาบตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง มีกลิ่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ อ้าปากกำลังจะประท้วงก็โดนปากหนาก้มลงมากลืนกินคำพูดอย่างเร่าร้อนนัก จูบเคล้าบดคลึงริมฝีปากบางจนบวมเจ่อ ก่อนจะผละออกให้นางได้หายใจ เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่จะก้มลงมาใหม่ฝ่ามือบางจึงรีบยกขึ้นสกัดเอาไว้"คุย คุยแล้ว คุยกันก่อน" รีบเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แต่คนเหนือร่างกลับจูบตรงกลางฝ่ามือบางแล้วจับมือนางขึ้นกุมไว้เหนือศีรษะ ส่วนอีกมือก็จับคางมนรอรับจุมพิตที่พระองค์จะมอบให้"ไม่ทันแล้วทูนหัว" หึ หึได้ยินเสียงหัวเราะของคนด้านบนก็รู้ได้ว่านางไม่รอดแน่แล้ว จึงรีบเอ่ยเตือนสติบุรุษสูงศักดิ์เหนือร่างอีกครั้ง"คนบ้า นี่มันกลา
อ้ายเย่วที่พอรู้สึกตัวก็รับรู้ถึงอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัว เมื่อคืนนี้นางถูกบุรุษลามก มักมาก หื่นไม่บันยะบันยังเคี่ยวกลำนางจนเสียงแหบเสียงแห้ง หลังจากที่รังแกนางอย่างเย้ยฟ้าท้าดินไม่อับอายผีสางเทวดาจนพอใจก็ห่อนางอย่างกับดักแด้ด้วยชุดสวยเลอค่าที่ตอนนี้สภาพดูไม่จืดมายังห้องบรรทมในตำหนักจันทรา เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้อย่างดิบดีจนนางอับอายนักแต่ก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก นึกว่าจะได้พักผ่อนเสียทีแต่ที่ไหนได้ บุรุษบ้าตัณหาผู้นั้นกลับจับนางกลืนกินอย่างตะกละตะกลามหนแล้วหนเล่าจนนางหมดสิ้นเรี่ยวแรงล่วงเข้าวันใหม่มาหลายชั่วยามจึงปล่อยให้นางได้พัก จนตอนนี้ไม่รู้ว่ายามใดแต่นางรู้สึกหิวมากจึงรู้สึกตัวตื่นลืมตาขึ้นมองข้างกายก็พบเพียงความว่างเปล่า เหอะ ให้มันได้อย่างนี้สิ กินเสร็จแล้วปล่อยให้นางเดียวดายเหมือนครั้งนั้นมิมีผิด แต่ก็ดีเหมือนกัน หากตื่นขึ้นมาแล้วเห็นบุรุษผู้นั้นนอนอยู่นางก็ไม่รู้จะทำหน้าเช่นไร ภาพแนบสนิทเมื่อคืนแล่นเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ ไหนจะกลิ่นอายที่อวนอยู่ในตอนนี้อีก ทำให้นางใจหวิวๆนัก รีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านพลิกกายที่ปวดระบมจะลุกขึ้นพร้อมเสียงบานประตูที่เปิดออกจึงรีบหยิบผ้าห่มมาคลุมกายเปลือยเปล
หลังจากแต่งกายด้วยชุดใหม่ อ้ายเย่วก็ถูกพามายังโต๊ะอาหารหรือจะพูดให้ถูกคืออุ้มมายังโต๊ะอาหารจะดีกว่า พอวางนางให้นั่งบนเก้าอี้เรียบร้อยก็คอยป้อนโน่นป้อนนี่ให้อย่างเอาอกเอาใจ จนนางต้องเอ่ยบอกคนหน้ามึน ที่ทำราวกับนางเป็นง่อย"หม่อมฉัน เอ่อ ข้าทานเองดีกว่าเจ้าค่ะ" พูดขึ้นเสียงอ่อยเมื่อเห็นตาคมตวัดมองจึงรีบเปลี่ยนคำพูด แต่ร่างสูงกลับไม่ฟังหันไปคีบอาหารมาส่งให้ถึงปาก พอนางไม่ยอมอ้าปากรับ ก็หันมาทำเสียงดุใส่เหมือนนางเป็นเด็กเสียนี่"อย่าดื้อ" อ้ายเย่วที่เหนื่อยจะพูดจึงได้แต่อ้าปากรับ อยากป้อนก็ป้อน แบบนี้ก็สบายไปอีกแบบ " จะกินหมูตุ๋น"พยักพเยิดบอกคนอยากป้อนไปที่ขาหมูที่ดูน่ากินนัก บุรุษตรงหน้าจึงรีบคีบมาบริการถึงปาก"เป็ดพะโล้" "ผัดผัก" "อยากซดน้ำแกง" และอีกสารพัดจนบ่าวไพร่ที่มาคอยรับใช้เจ้านายมองกันอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเล่อชินอ๋องผู้รักความสงบและเย็นชาจะมานั่งคอยเอาอกเอาใจสตรีตรงหน้า แต่ว่าที่พระชายาก็น่าเอ็นดูนักเป็นใครเจอแบบนี้ก็รักก็หลง"อิ่มแล้วเจ้าค่ะ"เมื่อเห็นร่างบางที่พออิ่มก็ฉีกยิ้มหวานมาให้จึงส่งสัญญาณให้บ่าวไพร่เก็บโต๊ะ "อิ่มจัง ไปกันเถอะเจ้าค่ะ ง่วงจะแย่" ว่าพลางขยับตัวล
อ้ายเย่วรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนล่วงเข้ายามเหม่าพยุงกายลุกขึ้นมองไปรอบห้องที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ล้วนประดับตกแต่งด้วยของล้ำค่าทั้งสิ้น เหลือบไปเห็นชุดสีขาวมุกที่ได้รับการทำความสะอาดจนกลับมางดงามดังเดิมวางเคียงคู่กับชุดเครื่องประดับเข้าชุด แต่ไม่เห็นมีใครอยู่ในห้อง จึงเดินออกมาด้านนอก เจอบ่าวรับใช้สตรีสองนางยืนอยู่ด้านหน้าห้อง เมื่อเห็นนางจึงรีบค้อมกายคำนับ"พระชายาตื่นแล้วหรือเพคะ"เสียงสตรีนางหนึ่งที่เอ่ยขึ้นแม้จะรู้สึกขัดเขินกับคำเรียกขานแต่ก็พยักหน้ารับ"พวกเจ้าช่วยเตรียมน้ำหน่อยเถิด เหนียวตัวจะแย่แล้ว ข้าจะเดินชมรอบๆสักครู่ในระหว่างเตรียมน้ำแล้วกัน" "เพคะ" บอกพร้อมก้าวเดินไปเรื่อยๆ จนเห็นหางสีขาวไวๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านั่นหางของใคร"เสี่ยวไป๋" รีบก้าวตามร่างกลมอ้วนนั่นแต่ช่างเคลื่อนไหวได้เร็วนัก เดินตามร่างเล็กนั่นจนมาโผล่ตรงกำแพงเชื่อมระหว่างจวนนางกับที่นี่แล้วเจ้าตัวน้อยนั่นก็มุดเดินหายไป" นี่คงเป็นทางลับของเจ้าซนนั่นแน่ๆ อืม มาถึงจวนแล้วกลับจวนเลยแล้วกัน" คิดพลางมุดไปตามช่องตรงกำแพงแต่เจ้าจอมซนนั่นกลับเดินหายไปไหนเสียก็ไม่รู้ จึงเดินตรงไปยังห้องนอนของนางเห็นจิ้นผิงกำลังน
เงาดำสายหนึ่งที่กระโดดวูบเข้ามาทางหน้าต่างกำลังสอดสายตาหาเจ้าของห้องนอน มีเพียงแสงไฟจากเปลวเทียนที่จุดตั้งตรงโต๊ะกลางห้องให้แสงสว่าง เสียงคนขยับกายตรงหลังฉากทำให้ดวงตาคมหันไปมอง ภาพตรงหน้าทำให้แขกยามวิกาลลมหายใจสะดุดกึก ร่างอรชรหลังฉากกั้นที่สะท้อนเกิดเป็นเงาร่างของสตรีที่ดูสวยอวบอิ่มหน้าอกใหญ่เกินตัว เอวคอดกิ่วรับกับสะโพกผายกลมกลึงที่ยืนสวมเสื้อผ้าอยู่หลังฉากทำให้เล่อชินอ๋องก้าวเข้าไปหาเหมือนคนละเมอ อ้ายเย่วหลังจากที่อาบน้ำจนรู้สึกสบายตัวรีบใส่เสื้อผ้าเพื่อจะได้เข้านอนเสียที ด้วยตอนนี้อากาศของที่นี่เป็นช่วงฤดูร้อนชุดที่สวมจึงค่อนข้างเนื้อบาง เนื้อผ้านุ่มโปร่งเน้นใส่สบายและนางยังติดนิสัยจากโลกเดิมที่ไม่ชอบใส่ชุดชั้นในนอน ตอนนี้บนร่างงามงอนจึงมีแค่ชุดนอนตัวบางชุดนี้ปิดบังเรือนร่างเท่านั้น ก้มลงมองตัวเองแล้วคิดเล่นๆ ว่านี่มันชุดนอนไม่ได้นอนชัดๆ แล้วหัวเราะคิกคักคนเดียว ในหัวพลันคิดไปถึงบุรุษที่อยู่ข้างจวน ป่านนี้คงรู้แล้วว่านางกลับจวน พระองค์จะตามมาไหมนะ เมื่อคิดได้ดังนั้นแววตางดงามพลันวูบไหว หากตามมาแล้วเห็นนางในชุดนี้จะทรงทำอย่างไร มือบางพลางยกขึ้นปิดใบหน้าที่ร้อนผ่าว อร้ายย ใครก็ได้
เมื่อร่างงามนุ่มนิ่มล้มตัวลงนอน เล่อชินอ๋องที่ตอนแรกนอนหงายอยู่ดีๆกลับพลิกตะแคงมากอดกระชับร่างบางที่ตัวแข็งทื่อ กลิ่นหอมละมุนและร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขนช่างทรมานพระองค์นัก นี่พระองค์คิดผิดหรือไม่ที่จะนอนที่นี่ อยากรักร่างนุ่มในอ้อมแขนก็อยาก สงสารก็สงสาร พยายามข่มตาให้หลับก็ช่างยากเย็นนัก ร่างบอบบางของนางที่ในตอนแรกนั้นแข็งเกร็ง แต่สักพักก็ผ่อนคลายลงแล้วโดยไม่คาดคิดมือนุ่มนิ่มนั้นก็ยกขึ้นกอดรัดเอวหนาของพระองค์แน่นพลางใช้ศีรษะเล็กที่มีเส้นผมดำขลับนุ่มสลวยหอมกรุ่นซุกซบแผ่นอกแข็งแกร่ง ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาอย่างเขินอายกับอกกำยำ"หม่อมฉันรักพระองค์เพคะ" ได้ยินคำที่ร่างบางกล่าวหัวใจของพระองค์พลันเต้นแรงจนคับอกอ้ายเย่วที่ถูกอ้อมแขนอบอุ่นกอดกระชับนางเข้าสู่อ้อมอกนั้น รับรู้ได้ถึงความปลอดภัยและพร้อมจะปกป้องนางที่ร่างกายนี้ส่งมาให้ เมื่ออ้อมแขนนี้ที่โอบกอดช่างให้ความรู้สึกดีนัก นางมั่นใจแล้วว่าบุรุษผู้นี้คือคนที่นางจะวางทั้งชีวิตของนางให้พระองค์ดูแล และหวังเพียงแค่อ้อมกอดนี้จะอบอุ่นปลอดภัยแบบนี้ตลอดไป นอนฟังเสียงหัวใจที่เต้นระรัวแต่กลับหนักแน่นในความรู้สึกอย่างสุขใจนักเล่อชินอ๋องที่จับประคองใ
ผ่านมาหลายวัน ชีวิตของอ้ายเย่วตอนนี้ช่างชื่นมื่นนัก นางที่ขอเล่อชินอ๋องอยู่ที่จวนของนางก่อน หลังพิธีมงคลจึงจะย้ายไปอยู่ที่วังจันทรากับพระองค์ โดยบอกกับพระองค์ว่ากลัวจะโดนครหาเอาได้หากย้ายไปอยู่กับพระองค์เลย พระองค์ก็ยินยอมแต่โดยดีแต่กลับพาตัวเองมานอนที่จวนนางแทบจะทุกคืน ซึ่งมันก็ไม่ต่างกันเท่าใดนักแต่นางขี้เกียจจะต่อว่าคนหน้ามึนแล้ว เลยปล่อยเลยตามเลย แต่ช่วงหลังมานี้เล่อชินอ๋องมีราชการค่อนข้างเยอะจึงไม่ได้เจอกันเลย ไหนจะเข้าวังไปเข้าเฝ้าบ้างล่ะ ไปหารือกับองค์รัชทายาทบ้าง และจะต้องไปหารือกับพวกขุนนางอีก จนนางที่มักจะเห็นพระองค์คอยคลอเคลียอยู่ข้างกายตลอดถึงกับหงอยเหงาไปเลยทีเดียว แต่พระองค์ที่บอกกับนางว่าต้องรีบสะสางทุกอย่างให้เสร็จสิ้น เพราะอยากจะพานางไปท่องเที่ยวกันสองคนหลังผ่านพิธีมงคลของทั้งสอง วันนี้นางจึงได้ชวนจิ้นผิงออกไปเดินเที่ยวชมตลาดเสียหน่อยเพราะอุดอู้อยู่แต่ในจวนคนเดียวช่างน่าเบื่อนัก แต่ดันมาเจอโจทก์เก่าเสียได้ ก้าวขาข้างไหนออกจากจวนนะ แต่ก็ไม่เป็นไรเผื่อจะได้รับฝีปากแก้เบื่อ นั่นไงพอเห็นนางเท่านั้นแหละ เดินส่งยิ้มเสแสร้งมาเชียว"เย่วเอ๋อ บังเอิญเสียจริงที่เจอเจ้า" เสียงท
"อ่านอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว"เล่อชินอ๋องที่เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงหวานละมุนนั้น รีบวางจดหมายในมือ ตรงเข้าไปโอบประคองร่างอุ้ยอ้ายที่หน้าท้องนั้นใหญ่โตมากของชายารักที่ใกล้คลอดเต็มที ที่เดินลูบหน้าท้องนู้นเข้ามาโดยมีจิ้นผิงคอยประคอง"น้องหญิง ออกมาทำไมกัน"ร่างหนาพูดขึ้นพร้อมโอบประคองร่างอวบอิ่มให้นั่งลงบนตั่งที่ปูด้วยเบาะหนานุ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนมือหนาจะลูบบนหน้าท้องนูนสัมผัสถึงแรงกระตุกเบาๆ ของก้อนแป้งน้อยที่กำลังเติบโตอยู่ในครรภ์ของสตรีอันเป็นที่รัก ใบหน้าหล่อเหลานั้นยกยิ้มอย่างยินดีเมื่อเจ้าก้อนแป้งนั้นช่างรู้ความ เพียงบิดาสัมผัสก็จะตอบรับกลับมาเสียทุกครั้ง"จดหมายจากแม่ทัพตงหยวน ส่งมาแจ้งว่าลี่ฟางคลอดบุตรแล้ว เป็นคุณหนูใหญ่""จริงหรือเจ้าคะ น่ายินดีเสียจริง"ใบหน้าหวานนั้นยิ้มละมุนอย่างรู้สึกยินดี มองสวามีที่ก้มลงจูบเบาๆ บริเวณหน้าท้องนูน"เจ้าก้อนแป้งของบิดา เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันเสียที"อ้ายเย่วที่ถึงกับยกยิ้มกับความอ่อนโยนนั้น ก่อนใบหน้างามจะขมวดมุ่น เมื่อรู้สึกปวดหน่วงตรงช่วงล่างจนเผลอเกร็งตัวร้องครางออกมา"อ๊ะ!"เล่อชินอ๋องที่เห็นอาการของร่างอวบอิ่มจึงรีบลูบท้อ
เล่อชินอ๋องที่มองร่างงดงามเย้ายวน ผิวขาวดูชุ่มฉ่ำเปล่งปลั่งราวจะคั้นน้ำได้ มือเรียวสวยที่กรีดกรายเขียนอักษรลงบนแผ่นกระดาษ ใบหน้านวลผ่องที่จดจ่อกับแผ่นกระดาษตรงหน้าดูน่าหลงใหลจนต้องลอบกลืนน้ำลาย ร่างอวบอิ่มนั้นทำให้พระองค์หลงใหลทุกครั้งที่ได้ชิดใกล้"น้องหญิงพี่แค่ไปหารือกับรัชทายาทเพียงครู่เดียวเท่านั้น และที่สำคัญก็มีแต่บุรุษ เจ้าจะไปได้อย่างไร เอาไว้พี่จะพาไปเที่ยวชมตลาดวันหลังดีหรือไม่"อ้ายเย่วเอียงหน้ามายิ้มหวานเป็นการตอบรับอย่างน่าเอ็นดูยิ่งนักในสายตาคนมอง แต่หารู้ไม่ว่ายิ้มนั้นมันเคลือบยาพิษเห็นว่าคนข้างๆ ยังให้ความสนใจกับสิ่งที่นางทำอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะออกไปจึงเอ่ยถามขึ้น"ไม่เสด็จหรือเจ้าคะ องค์รัชทายาทรอแย่แล้วกระมัง""ยังไม่ถึงเวลานัดหมาย""แล้วนี่เขียนอันใดอยู่หรือ"เล่อชินอ๋องที่หรี่ตามองแผ่นกระดาษตรงหน้าชายารัก"กำลังตอบจดหมายของลี่ฟางเจ้าค่ะ"อ้ายเย่วตอบพร้อมหรี่ตามองบุรุษผู้เป็นสามีก่อนเอ่ยขึ้นอีกว่า"น้องว่าจะชวนนางเปิดกิจการด้วยกัน"เล่อชินอ๋องที่เงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นชายา "เหตุใดต้องทำให้ตัวเองเหนื่อยกัน สมบัติในวังจันทราแห่งนี้มีให้เจ้าใช้และอยู่อย่างสุขสบายโดยไม่
อ้ายเย่วที่พับจดหมาย จากฮูหยินแม่ทัพแคว้นฉี เสียนลี่ฟาง ที่เขียนมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง ตั้งแต่จากกันวันนั้นจนวันที่นางได้ไปร่วมงานมงคลของทั้งสอง อ้ายเย่วและเสียนลี่ฟางก็ติดต่อกันโดยการเขียนจดหมายติดต่อกันตลอดก่อนจะให้จิ้นผิงพยุงร่างอุ้ยอ้าย มานั่งลงตรงที่นั่งในศาลากลางสวนสวย ตอนนี้อายุครรภ์ของนางย่างเข้าเดือนที่แปดแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เจอกับเจ้าก้อนแป้ง ไม่รู้ว่านางหรือลี่ฟางที่จะคลอดก่อนกัน เพราะอายุครรภ์ของทั้งคู่ไล่เลี่ยกัน"จับซาไท้เป้า เจ้าค่ะพระชายา"อ้ายเย่วที่กำลังชื่นชมความงามของหมู่มวลดอกไม้ที่กำลังอวดดอกบานสะพรั่ง หันมารับถ้วยยาจากจิ้นผิง ซึ่งเป็นยาบำรุงครรภ์ ที่สวามีของนางขยันสรรหามาบำรุงนางจับซาไท้เป้า เป็นตำรับยาบำรุงครรภ์รับประทานในช่วงกลางถึงปลายระยะตั้งครรภ์ โดยนิยมเริ่มรับประทานในเดือนที่หกของการตั้งครรภ์ และหยุดรับประทานก่อนคลอดหนึ่งเดือนอ้ายเย่วอดรู้สึกชื่นชมตำรับยาสูตรโบราณนี้ไม่ได้ แม้ยุคนี้จะไม่มีความทันสมัยเหมือนยุคก่อนนางก็ไม่กังวลมากนักสรรพคุณของยาตำรับนี้ก็คือ บำรุงหญิงตั้งครรภ์ให้แข็งแรง ไม่ให้เป็นหวัดง่าย ทำให้ระบบการย่อยของหญิงตั้งครรภ์เป็นปกติ ไ
เมื่อเห็นว่าคนใต้ร่างพยักหน้ารับ ดวงตาฉ่ำหวานที่มีหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่นั้น กะพริบปริบๆ จนหยาดน้ำตาไหลมาทางหางตา จึงใช้หัวแม่มือกรีดออกให้อย่างแผ่วเบา ก้มลงจูบซับอย่างอ่อนโยน ก่อนริมฝีปากหนาจะเคลื่อนมาครอบครองปากเล็กอวบอิ่มที่หวานล้ำ จากจุมพิตอ่อนโยนกลายเป็นเร่าร้อนตามแรงปรารถนา สองร่างที่ก่ายกอดลูบไล้กันต่างตกอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งรสกามา ต่างตักตวงความหวานของกันและกันด้วยความถวิลหา ให้สมกับที่ต้องห่างไกลกันแรมเดือนลิ้นร้อนที่บดคลึงจนคนใต้ร่างหอบสะท้าน มือเล็กที่ยันอกแกร่งด้วยใบหน้านวลที่แดงก่ำ ก่อนจะรอบรวมสติที่กระเจิดกระเจิง เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า"ข้ากำลังตั้งครรภ์อยู่นะเจ้าคะ"แม่ทัพตงหยวนที่จูบหน้าผากมนแผ่วเบา เอ่ยกับร่างเย้ายวนที่ตอนนี้อาภรณ์หลุดลุ่ย น้ำเสียงกระเส่า"พี่รู้ พี่จะอ่อนโยน"เพียงไม่นานร่างสองร่างก็เปลือยเปล่า ปากหนาร้อนรุ่มลากไล้ปลายลิ้นสากมาตามลำคอระหง จนมาถึงทรวงอกนุ่มหยุ่นที่ดูจะอวบอิ่มขึ้น จนต้องฝังจมูกลงไปคลอเคลียสูดดมความหอมอ่อนละมุนที่เขาหลงใหล ก่อนจะใช้อุ้งปากเข้าครอบครองสร้างความเสียวซ่านให้เจ้าของที่ดิ้นเร่าอยู่ใต้ร่าง ปาดเลียลิ้นร้อนสลับดูดดุน จนยอดทรวงแ
สัมผัสเปียกชื้นตรงซอกคอขาว ทำให้คนที่กำลังหลับสบายขยับตัวอย่างรำคาญ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ภาพศีรษะที่มีผมดำปกคลุมกำลังเลื่อนลงไป ก้มลงซุกไซร้หน้าอกขาวอวบ ทำให้ร่างบางแข็งทื่อ ปากอวบอิ่มที่กำลังจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือกลับเปล่งเสียงร้องออกมาได้เพียงเสียงอู้อี้เมื่อถูกปากหนาของบุรุษต่ำช้าเลื่อนมาประกบ ร่างบางที่เริ่มดิ้นรนต่อสู้ใช้มือเล็กจิกข่วนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามกำยำอย่างแรงจนแผ่นหลังแกร่งรู้สึกแสบ"หยุดดิ้น"เสียงทุ้มสั่งเสียงกระเส่า พร้อมมือใหญ่ที่รวบเอามือเล็กไว้เหนือศีรษะเพียงมือเดียว ส่วนอีกมือนั้นจับปลายคางมนให้คนตัวเล็กใต้ร่างหันมาสบตาตน "ทะ ท่านแม่ทัพ"ลี่ฟางเมื่อเห็นว่าชายชั่วที่จะย่ำยีนางเป็นใคร ลำคอระหงพลันแห้งผาก หัวใจเต้นแรงแทบทะลุออกจากอก"ปล่อยข้า ท่านคิดจะทำอะไร""แล้วคิดว่าจะทำอันใดเล่า สามีภรรยาไม่เจอกันแรมเดือน เจ้าคิดว่าข้าจะนอนมองเจ้าเฉยๆ หรือ"ลี่ฟางเมื่อฟังคำพูดและมองใบหน้ายียวนของคนเหนือร่างให้นึกเคือง "ปล่อยข้า ข้ามิใช่ภรรยาของท่าน ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่าข้าเป็นองค์หญิงบรรณาการของเล่อชินอ๋อง""เช่นนั้นหรือ... เก่งขึ้นนะ"เสียงท
แล้วเวลาอาหารมื้อเย็นของวันนี้ก็มาถึง อาหารหน้าตาน่าทานต่างถูกลำเลียงมาขึ้นโต๊ะ แต่แขกของจวนยังไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏตัวขึ้น จนกระทั่งคนทุกอยู่กันพร้อมหน้า หม่ากงกง จึงได้มารายงานว่า สหายของเจ้าของจวนเดินทางมาถึงแล้ว เล่อชินอ๋อง จึงได้ให้รีบเชิญเข้ามาแต่ภาพของบุรุษที่ปรากฏตัวขึ้น ทำให้สตรี ที่เป็นแขกของจวนอีกผู้หนึ่ง ต้องตกตะลึงจนแทบจะ ระงับอาการสั่นไหวไม่ได้ใบหน้างามนั้นซีดเผือด กับการปรากฏตัวของบิดาของบุตรในครรภ์ของนางแม่ทัพลั่วตงหยวนอ้ายเย่วที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาแบบบุรุษหล่อร้ายตรงหน้าได้แต่มองด้วยความโง่งม เพราะบุรุษตรงหน้านั้นเรียกได้ว่าหล่อแบบลุคเถื่อนๆ ช่างกระชากใจนางโดยแท้"หากเจ้ายังมิเลิกมองสหายของพี่ด้วยสายตาเช่นนั้น เห็นทีพี่คงต้องเสียมารยาท พาเจ้าไปทบทวนความจำกันสองต่อสองว่าเจ้านั้นมีสวามีแล้ว และสวามีก็นั่งอยู่ตรงนี้"อ้ายเย่วที่รีบถอนสายตามามองบุรุษที่กำลังมองนางด้วยสายตาคาดโทษ เสียงกระซิบแผ่วเบานั้นเรียกสติของนางจากอาการคลั่งคนหน้าตาดี ให้รีบหันมาส่งยิ้มหวานให้ผู้เป็นสวามี แม้ท่านแม่ทัพผู้นั้นจะหล่อเหลาวัวตายควายล้ม แต่ก็เทียบมิได้เลยกับเล่อชินอ๋องสวามีนาง ที่ความห
องค์หญิงเสียนลี่ฟาง โฉมสะคราญที่กำลังยืนผสานมือบอบบางทั้งสองอยู่ตรงหน้านาง อ้ายเย่วที่สังเกตว่ามือที่ผสานกันอยู่นั้นสั่นน้อยๆ ใบหน้าสวยหวานนั้นดูไม่มั่นใจในตัวเองและมีความกังวลวาบผ่าน "หากทั้งสองพระองค์ไม่สะดวก ก็ไม่เป็นอะไรนะเพคะ หม่อมฉันสามารถอยู่ในวังได้" เสียนลี่ฟางที่กล่าวขึ้นกับเจ้าของจวนทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง ตลอดหลายวันที่ผ่านมานางได้ยินผู้คนพูดให้เข้าหูมาตลอดถึงการที่นางจะเข้ามาเป็นชายาอีกคนของเล่อชินอ๋องทั้งที่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย และพระชายาของเล่อชินอ๋องก็คงจะได้ยินข่าวลือพวกนั้นแน่ นางกลัวเหลือเกินว่าจะทำให้ครอบครัวของผู้อื่นร้าวฉานเพราะคำคน และนางนั้นคือสาเหตุอ้ายเย่วที่นึกเอ็นดูสตรีตรงหน้า นางคงจะถูกกดให้ต่ำอยู่เสมอ ขนาดตัวเองมีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงแต่กลับขาดความมั่นใจในตัวเอง"จวนอ๋องแห่งนี้ ยินดีต้อนรับท่าน" เสียงหวานที่เอ่ยขึ้น ทำให้เสียนลี่ฟางที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่นั้น ถึงกับรีบเงยหน้ามองสตรีเจ้าของจวน จึงพบกับใบหน้างดงามที่กำลังส่งยิ้มมาให้ "ข้ารับรู้เรื่องราวทุกอย่างแล้ว" อ้ายเย่วที่กล่าวไขข้อข้องใจให้องค์หญิงเสียนลี่ฟาง " และข้ายินดีที่ท่านจะมาพ
จิ้นผิงและบ่าวไพร่ที่รอปรนนิบัติอยู่หน้าห้องต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กใบหน้าแดงก่ำก่อนจะพากันถอยออกมาจากบริเวณหน้าห้องเพราะเสียงแว่วหวานของพระชายาอ้ายเย่วที่ตอนนี้ใบหน้างามแดงก่ำเพราะแรงอารมณ์ที่ถูกคนที่คร่อมทับอยู่เหนือร่างจุดขึ้น เล่อชินอ๋องใช้แขนแกร่งยันเตียงนุ่มโดยไม่ทิ้งน้ำหนักลงบนร่างบาง บดจูบหวานล้ำให้อย่างเอาใจก่อนมือหนาจะดึงรั้งอาภรณ์ออกจากร่างบางจนเปลือยเปล่าและปลดอาภรณ์ของตนออกให้เท่าเทียมกัน ปากหนาที่จูบซับลากไล้มาตามลำคอระหงจนมาครอบครองหน้าอกอิ่มที่ดูอวบตึงขึ้น ขยายใหญ่สู้มือแกร่งที่กำลังนวดคลึงอย่างหลงใหล ร่างงามที่ดูมีน้ำมีนวลหอมกรุ่นดูเย้ายวนปิดเร่า ครวญครางเสียงหวาน ปากร้อนที่ดูดดึงส่งเรียวลิ้นโลมเลียตวัดยอดทรวงสีแดงชูชันเข้ามาในอุ้งปากดุนดันสลับปาดเลียจนขนอ่อนลุกซู่อย่างซ่านสยิว ช่องท้องปั่นป่วนบิดมวน จนบุปผางามหลั่งไหลน้ำหวานซึมออกมา ใบหน้าหล่อเหลาที่ลากไล้ปลายลิ้นมายังหน้าท้องที่ยังแบนราบก่อนจะจูบซับแผ่วเบาทะนุถนอม อ้ายเย่วรู้สึกดังมีผีเสื้อนับพันกระพือปีก ก่อนมือหนาจะจับขาเรียวให้ตั้งชันปรากฏเนินเนื้อโหนกนูนอวบอิ่มขาวผ่องโน้มใบหน้าไปจุมพิตเนื้อโหนกสวยแผ่วเบาก่อนจะลา
ร่างเล็กในอ้อมแขนที่ขยับยุกยิกทำให้เล่อชินอ๋องรู้สึกตัวตื่น"ยังเช้าอยู่เลย นอนต่อเถอะเมื่อคืนก็ดึกมากแล้วกว่าจะได้นอน" กล่าวขึ้นพร้อมกับกระชับอ้อมแขนกอดร่างบางไว้แนบอก"น้องนอนไม่หลับแล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างพระองค์ก็บอกว่าวันนี้องค์หญิงผู้นั้นจะมาอยู่ที่นี่มิใช่หรือ" เกิดความเงียบขึ้นชั่วอึดใจก่อนที่ริมฝีปากร้อนของเจ้าของอ้อมกอดอุ่นจะจุมพิตลงบนขมับ" หากน้องหญิงไม่สะดวกก็ให้นางอยู่ในวังไปก่อนก็แล้วกัน พี่ไม่อยากให้เจ้าคิดมาก"" ไม่เลยเจ้าค่ะ ข้ามิได้คิดมากอันใดเลย"เสียงหวานที่รีบเอ่ยบอกทำให้ร่างสูงกระตุกยิ้ม"ไม่คิดมากจริงๆ น่ะหรือ แล้วเมื่อคืนใครกันที่ร้องไห้จนร่ำๆ จะหย่ากับพี่อย่างเดียว" "ก็ ข้านึกว่าท่านพี่จะพานางมาแทนที่ข้านี่เจ้าคะ"เสียงหวานที่เอ่ยอย่างรู้สึกผิด แลดูน่าสงสาร"น้องหญิง จำไว้ ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นสิ่งเดียวที่จะคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปคือเจ้าจะเป็นสตรีที่พี่รักเพียงคนเดียวและวังจันทราแห่งนี้จะมีแค่เจ้าเท่านั้นที่เป็นนายหญิงของวัง"น้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล ทว่าหนักแน่น ทำให้อ้ายเย่วน้ำตาคลอ" ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่"ร่างบางที่ซุกซบใบหน้ากับอกอุ่นอย่างรักใคร่หวง