“ชื่ออะไร”
หญิงสาวยังไม่ตอบ เธอนิ่งเหมือนครุ่นคิดทั้งที่เขาได้ยินชัดเจนว่าเธอพูดได้
“ฉันจะทำให้เธอพูดให้ได้”
ฝ่ามือประคองสองแก้มให้ใบหน้างดงามแหงนขึ้นรับสัมผัสปรารถนาจากเขา จนกายสาวสั่นสะท้านต่อต้านเล็กน้อยตามสัญชาตญาณแต่มันก็ไม่ทันแล้ว เพราะในเวลานี้ต่อให้มีช้างทั้งโขลงมาฉุดเขาก็คงจะหยุดไม่ได้
กลีบปากบอบบางละมุนนุ่มราวกับกลีบดอกไม้ ทว่าช่างงดงามอ่อนหวานเสียจนทำให้เขาหลงละเมอไปกับความไม่ประสานั้น เธอโอนอ่อนผ่อนตาม ไม่ว่าปลายลิ้นของเขาจะแตะตรงไหน จะกวาดต้อนไปที่ใด กลีบปากบอบบางและเรียวลิ้นเล็กๆ นั้นก็คล้ายสะท้านและสั่นไหวไปมาราวดอกไม้กลีบบางกำลังแตะต้องแรงลม
ทันทีที่เขาถอนริมฝีปากออกและไล่ลงมาตามลำคอระหงขณะที่ฝ่ามือแกร่งโอบประคองสองเต้าอวบอัดและบีบเคล้นแต่เบามือ ใบหน้างามก็แหงนไปด้านบนให้เขาซุกไซ้จมูกโด่งลงที่โนมเนื้อได้อย่างถนัดก่อนเสียงน้อยๆ นั้นจะถูกปลดปล่อยออกมาอย่างบางเบา อ่อนหวาน ทว่าเขายังได้ยิน
“อา... อื้อ...”
"อืม... ดีมาก ปลดปล่อยออกมา ร้องอย่างที่เธออยากร้อง พูดตามที่เธอรู้สึกและต้องการ อา... เธอสวยเหลือเกิน”
นิธิตย่อกายชันเข่าลงในน้ำ ใช้ท่อนแขนช้อนเบื้องหลังของเธอแนบชิดทำให้ใบหน้าหล่อคมเข้มอยู่ระดับทรวงอกอวบพอดิบพอดี ไม่รอช้าฝ่ามือก็กวาดต้อนเอาปลายยอดสีชมพูสดข้างหนึ่งเข้าสู่อุ้งปากที่โหยหารอคอย
ปลายลิ้นสากตวัดต้อนปลายยอดที่สะท้านตามความรู้สึกของหญิงสาวไม่ประสามือชาย ตวัดลิ้นชอนชิมไปมาเบาๆ อย่างไม่อยากให้รสหวานซ่านลิ้นนี้หมดลงโดยง่าย นิธิตโลมเลียและดูดดุนปลายยอดไม่หยุด ส่งผลให้ร่างบอบบางนั้นโงนแง่นแอ่นโค้งอัดความอวบใหญ่ใส่ใบหน้าของเขาอย่างไม่รู้ตัว
ชบาอ้าริมฝีปากพะงาบๆ คล้ายคนขาดอากาศหายใจ เพราะเขากำลังทำให้เธอล่องลอยราวคนกำลังจะตาย หรือเธอกำลังจะถูกพาขึ้นสวรรค์ เธอกำลังจะได้ขึ้นสวรรค์ใช่หรือไม่
“อา... อื้อ... พี่ทำอะไรฉัน... อา... ซี้ด...”
สาวบ้านป่าซูดซี้ดริมฝีปากอย่างน่าเวทนา มือไม้ไขว่คว้าไม่อยู่สุขจนเขาต้องจับมาวางไว้บนบ่าแกร่ง และเมื่อได้ที่ยึดแน่นหนา เธอก็ไม่รีรอที่จะระบายความอัดอั้นนั้นลงไปในทันที นิธิตยิ้มเมื่อสามารถทำให้สาวน้อยกลางป่าพูดกับเขาเป็นคำแรก และมันก็ช่างเป็นคำพูดที่น่าสั่นสะท้านเสียจริง
“อื้อ... พี่จ๋า... พี่จะทำให้ฉันตายใช่ไหม... อื้อ...”
“ยังหรอกคนสวย เธอจะยังไม่ตาย เธอจะมีความสุข”
ดวงตาสวยหวานปรือขึ้นมองเรือนผมดำขลับที่ซุกไซ้อยู่ที่เต้าอวบของตัวเองก่อนจะปิดเปลือกตาลงพร้อมกับยิ้มด้วยความสุข เพราะความรู้สึกในเวลานี้เธอคล้ายกำลังล่องลอยขึ้นสู่สวรรค์จริงๆ
“อ้า... อื้อ... ซี้ด...”
ความสุขเสียดลึกในใจสาว ส่งผลให้กลีบดอกไม้ที่แช่อยู่ในน้ำเกิดความรู้สึกสะท้านจนต้องบดเบียดหน้าขาเข้าหากันแน่น อะไรบางอย่างกำลังไต่วนไปมา จนเธออยากกรีดร้องกับความอัดอั้นนั้น แต่เมื่อฝ่ามือแกร่งของเขาทาบประกบลงมา น่าแปลกที่ความร้อนรุ่มเมื่อครู่กลับหายไปเป็นปลิดทิ้ง มันกลายเป็นความบางเบา นุ่มนวล และเสียดเสียวจนเธอต้องเผลอกางหน้าขาออกจากกัน เพื่อให้เขาทาบประทับฝ่ามือลงมาอย่างเต็มที่
“ดีไหมจ๊ะ... ชอบไหม...”
“อื้อ... ชอบจ้ะ ชอบ... อื้อ... อา...”
นิ้วมือของเขาที่ลากผ่านบริเวณความสวยงามของเธอ ช่างบางเบาล่องลอย จนเธออดคิดไม่ได้ว่า ‘นี่น่ะหรือคือความสุข’ เขากำลังทำในสิ่งที่เธอชอบเหลือเกิน ทุกครั้งที่นิ้วมือของเขาแตะ ไม่เหมือนยามนิ้วมือของเธอลูบไล้สักนิด มันมากกว่านั้น ความสุขมันท่วมท้นกว่านั้น
“ไปสวรรค์กับพี่นะครับ”
เสียงทุ้มของเขาสะกดอยู่ที่ข้างใบหู ทำให้ ‘ชบา’ สาวน้อยบ้านดงพยักหน้าอย่างว่าง่าย เธอกำลังถูกพาไปขึ้นสวรรค์ ผู้ชายที่เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครดูหล่อเหลาได้มากเท่าเขากำลังโอบอุ้มพาเธอไปสู่สวรรค์ตรงหน้า ภายใต้ละอองน้ำตกโปรยปรายมีชะง่อนหินปกป้องหลบเร้นจากสายตาผู้คน แผ่นหินที่ปูลาดอยู่ด้านใต้นั้นช่างเป็นดั่งเตียงธรรมชาติที่จะพาขึ้นสวรรค์ได้ดีที่สุด
“นั่งนิ่งๆ นะครับ พี่จะพาไปขึ้นสวรรค์”
นิธิตสั่งหญิงสาวให้นั่งพิงโขดหินที่ธรรมชาติช่างเป็นใจ เพราะความเรียบลื่นของตะไคร่น้ำปูราบไม่ต่างจากผืนพรมชั้นดี และเมื่อตัดกับผิวขาวอมชมพูชื้นน้ำแล้วด้วยนั้น ก็ไม่ต่างจากเขากำลังร่วมเสพสังวาสกับนางฟ้าเลยสักนิด หรือเขากำลังลักลอบได้เสียกับนางมโนราห์ ก่อนจะพาเธอโบยบินไปสู่สวรรค์
หญิงสาวบ้านป่าใช้แววตามองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะทำอะไรกับเธอกันแน่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงเห็นความเขินอายที่เป็นไปตามธรรมชาติ ต้นขาขาวนวลปิดเข้าหากันแนบชิดเพราะไม่อยากให้สายตาของเขาจ้องมองลงไปได้ ทว่าก็ไม่สามารถรอดพ้น เพราะแค่เขาปัดออกเพียงแผ่วเบา เธอก็คล้ายจะให้ความร่วมมืออ้าออกได้โดยง่าย
นิธิตก้มมองความสวยงามอย่างตกตะลึง ความงดงามที่เห็นอยู่ใต้สายน้ำเย็นเฉียบว่างดงามแล้วนั้น ยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เห็นอยู่นี้เมื่อเส้นไหมแพรดำอ่อนละมุนนิ้วมือ เปียกเรียบลู่ไปกับดอกไม้ที่ยังคงปิดสนิท ราวกับจะบอกว่า ดอกไม้แสนงามนี้ยังไม่เคยมีแมลงตัวใดได้เชยชม และเขาก็เป็นแมลงตัวแรกที่กำลังอาจหาญเด็ดดอกไม้งดงามแห่งผืนป่า ไม่รอช้า นิธิตใช้ปลายนิ้วแตะสัมผัสทันที“อื้อ... พี่จะทำอะไรฉัน... พี่...”“พี่จะทำให้น้องมีความสุขยังไงครับ นะครับคนดี เชื่อพี่นะครับ”ชบาพยักหน้ายอมรับอย่างว่าง่าย ไม่ใช่ว่าเชื่อตามที่เขาบอก แต่สัมผัสจากน้ำหนักนิ้วมือที่แตะไต่ลงมาทำให้เธอต้องแหงนหน้ามองผนังหินด้านบนอย่างไม่รู้จะต้องทำยังไงดี เพราะในใจร้องสั่งให้เธอนอนราบและปล่อยให้เขามอบความสุขให้ตามปากว่าอย่างเต็มที่ แต่อีกใจหนึ่งนั้นก็ร้องประท้วงให้ดวงตาจ้องมองการกระทำของเขาไม่กะพริบ เพราะเขากำลังทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอ“อูย... พี่จ๋า... พี่จะทำอะไร นั่น... ไม่ได้นะ ไม่ได้... นั่นมัน...”ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นอีก เมื่อเห็นได้ชัดเจนว่าเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเกินกว่าผู้ชายทุกคนที่เธอเคยเห็น ก้มลงหาส่วนนั้น... เธอย่อมร
“พี่จ๋า... พี่จ๋า... อา... ซี้ด...”เสียงละล่ำละลักร้องเรียกเขาไม่หยุด เมื่อปลายจมูกซุกไซ้อยู่ในต้นขาด้านใน เขารู้ว่าเธอกำลังใจจะขาด สัญชาตญาณของหญิงสาวเรียกร้องให้เขาไปถึงยังจุดนั้น แต่เขาก็ยังไม่อยากไป เขาอยากจะทรมานดอกไม้แสนจะบอบบางของเขาดอกนี้เล่น อยากเห็นเธอครวญคราง อยากเห็นเธอร่ำร้องด้วยสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตที่ต้องการผสมพันธุ์ อยากรู้ว่าเธอจะเรียกหาตัวตนของเขาทั้งที่ไม่เคยรู้ว่ามันมีไว้ใช้ทำอะไรหรือเปล่า“อา... พี่จ๋า... ช่วยฉันด้วย... พี่จ๋า... อา... พี่จ๋า... โอย... พี่... ฉันจะตายแล้ว... พี่... ฮือ...”ร่างน้อยสะอื้นฮึกฮักจากความอัดอั้นที่ร่างกายประท้วงเรียกร้อง เธอกำลังทรมาน เธอกำลังร่ำร้องหาอะไรก็ไม่รู้ที่จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการที่มากล้น อะไรบางอย่างที่เธอรู้ดีว่าเขามี บางสิ่งที่เขาให้เธอได้แต่ไม่ยอมให้“ฮือ... พี่ทำฉันทำไม... ฮือ...”“โอ๋... พี่กำลังจะให้เดี๋ยวนี้ แต่น้องต้องสัญญานะว่าจะไม่ถอยหนี จะต้องสู้กับมัน แล้วน้องจะได้ขึ้นสวรรค์หลายๆ ครั้ง”ชบาพยักหน้ารับทั้งน้ำตา ดวงตาเบิกกว้างมองเรือนร่างเปล่าเปลือยของเขาที่เคลื่อนกายมาอยู่กึ่งกลางร่างกายของเธอ ต้นขาขาวนวลถู
ฝ่ามือแกร่งปาดไล่หยาดเหงื่อที่ไหลซึมผ่านคอเสื้อลงมาเป็นทาง ก่อนจะปลดรังดุมเสื้อเชิ้ตออกและกระพือเรียกลมเย็นจากภายนอกเข้ามาปะทะแผงอกด้านใน กว่า 2 ชั่วโมงที่เดินเท้าเข้ามาในป่าทำให้เหงื่อไหลโทรมกายไม่ต่างจากอาบน้ำ ทว่ามันไม่ใช่ความเย็นสดชื่นของสายน้ำ แต่มันเป็นความร้อนรุ่มของอุณหภูมิร่างกายที่กำลังเพิ่มขึ้นทุกขณะ ซึ่งทั้งหมดจะไม่เป็นอย่างนี้หากเขาตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ของรถมาเป็นอย่างดีรถจี๊ปสีเขียวไพลที่ใช้สำหรับสัญจรไปมาระหว่างปางไม้กับพื้นราบเกิดขัดข้องจนไม่สามารถแก้ไขได้ ทำให้เขาต้องจอดทิ้งไว้ที่แนวป่า ก่อนจะตัดสินใจเดินเท้าไปที่หมู่บ้านที่ใกล้กับปางไม้มากที่สุด เพราะหากจะเลือกเดินกลับลงไปที่ด้านล่างก็จะทำให้การเดินทางในวันนี้เสียเปล่า และหากจะเลือกเดินตรงไปยังปางไม้ก็อาจจะไปไม่ทันพลบค่ำ ทางที่ดีเขาควรเลือกที่จะขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านป่าที่เคยเห็นว่าอาศัยอยู่แถวนี้จะดีกว่าเสียงน้ำตกที่ดังซู่อยู่ไม่ไกลทำให้ ‘นิธิต’ แน่ใจว่าอีกไม่นานคงถึงจุดหมาย เพราะน้ำเป็นสัญญาณของการมีชีวิต ที่ใดมีน้ำที่นั่นย่อมมีชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีกลุ่มชาวบ้านอาศัยอยู่แถวนี้แน่ฝีเท้าที่พยายามเร่งเดินเพื
ฝ่ามือค่อยๆ วางเป้ที่สะพายมาตลอดชั่วโมงอย่างเบามือ เสื้อผ้าลุยๆ สำหรับเดินป่าบนร่างแกร่งถูกถอดทิ้งไม่ไยดี ดวงตาคมเข้มมองจับแต่เพียงเรือนร่างงดงามที่สะกดสายตาเขาจนไม่อาจหลีกหนีไปทางไหนได้ และสายน้ำเย็นจัดก็ไม่อาจทำให้เขาเปลี่ยนใจเพราะทั่วทั้งกายเนื้อในขณะนี้มันร้อนรุ่มรุมเร้าราวคนมีไข้ และมันคงจะไข้หนักถึงตายหากไม่ได้ความงดงามตรงหน้านี้มาเติมเต็ม“น้องปลาจ๋าจะหนีไปไหน หนีนักนะ เดี๋ยวจะไม่ให้กินข้าวด้วย”หญิงสาวหันซ้ายหันขวามองหาเจ้าปลาตัวน้อยที่ดำผุดดำว่ายอยู่รอบๆ ตัว ทุกเย็นเมื่อมีเศษข้าวหรือเศษผักเหลือ เธอก็ไม่ลืมที่จะนำมาเผื่อแผ่ให้กับเจ้าของสถานที่ที่เธอมาพึ่งพา เช่นเหล่ามดเหล่าแมลงที่เป็นเจ้าของพื้นดินที่พัก และในลำธารแห่งนี้ที่เธอใช้เป็นที่ชำระล้างร่างกายให้สะอาด เธอก็ไม่ลืมที่จะแบ่งปันเศษอาหารนั้นให้แก่หมู่ปลาความเพลิดเพลินอันเป็นสิ่งที่กระทำอยู่ทุกวันทำให้ละเว้นจากสิ่งระแวดระวังตัว ลืมเสียสิ้นว่าพ่อให้กลับก่อนพลบค่ำ แต่แม้จะนึกได้ในยามนี้ก็คงจะสายเสียแล้วเมื่อหมู่ปลาที่อยู่รอบร่างเปล่าเปลือยต่างว่ายวนแตกฮือราวกับหนีอะไรบางอย่าง และระลอกน้ำที่กระเพื่อมไหวกว่าปกติก็ทำให้ดวงตากล
“พี่จ๋า... พี่จ๋า... อา... ซี้ด...”เสียงละล่ำละลักร้องเรียกเขาไม่หยุด เมื่อปลายจมูกซุกไซ้อยู่ในต้นขาด้านใน เขารู้ว่าเธอกำลังใจจะขาด สัญชาตญาณของหญิงสาวเรียกร้องให้เขาไปถึงยังจุดนั้น แต่เขาก็ยังไม่อยากไป เขาอยากจะทรมานดอกไม้แสนจะบอบบางของเขาดอกนี้เล่น อยากเห็นเธอครวญคราง อยากเห็นเธอร่ำร้องด้วยสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตที่ต้องการผสมพันธุ์ อยากรู้ว่าเธอจะเรียกหาตัวตนของเขาทั้งที่ไม่เคยรู้ว่ามันมีไว้ใช้ทำอะไรหรือเปล่า“อา... พี่จ๋า... ช่วยฉันด้วย... พี่จ๋า... อา... พี่จ๋า... โอย... พี่... ฉันจะตายแล้ว... พี่... ฮือ...”ร่างน้อยสะอื้นฮึกฮักจากความอัดอั้นที่ร่างกายประท้วงเรียกร้อง เธอกำลังทรมาน เธอกำลังร่ำร้องหาอะไรก็ไม่รู้ที่จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการที่มากล้น อะไรบางอย่างที่เธอรู้ดีว่าเขามี บางสิ่งที่เขาให้เธอได้แต่ไม่ยอมให้“ฮือ... พี่ทำฉันทำไม... ฮือ...”“โอ๋... พี่กำลังจะให้เดี๋ยวนี้ แต่น้องต้องสัญญานะว่าจะไม่ถอยหนี จะต้องสู้กับมัน แล้วน้องจะได้ขึ้นสวรรค์หลายๆ ครั้ง”ชบาพยักหน้ารับทั้งน้ำตา ดวงตาเบิกกว้างมองเรือนร่างเปล่าเปลือยของเขาที่เคลื่อนกายมาอยู่กึ่งกลางร่างกายของเธอ ต้นขาขาวนวลถู
นิธิตก้มมองความสวยงามอย่างตกตะลึง ความงดงามที่เห็นอยู่ใต้สายน้ำเย็นเฉียบว่างดงามแล้วนั้น ยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เห็นอยู่นี้เมื่อเส้นไหมแพรดำอ่อนละมุนนิ้วมือ เปียกเรียบลู่ไปกับดอกไม้ที่ยังคงปิดสนิท ราวกับจะบอกว่า ดอกไม้แสนงามนี้ยังไม่เคยมีแมลงตัวใดได้เชยชม และเขาก็เป็นแมลงตัวแรกที่กำลังอาจหาญเด็ดดอกไม้งดงามแห่งผืนป่า ไม่รอช้า นิธิตใช้ปลายนิ้วแตะสัมผัสทันที“อื้อ... พี่จะทำอะไรฉัน... พี่...”“พี่จะทำให้น้องมีความสุขยังไงครับ นะครับคนดี เชื่อพี่นะครับ”ชบาพยักหน้ายอมรับอย่างว่าง่าย ไม่ใช่ว่าเชื่อตามที่เขาบอก แต่สัมผัสจากน้ำหนักนิ้วมือที่แตะไต่ลงมาทำให้เธอต้องแหงนหน้ามองผนังหินด้านบนอย่างไม่รู้จะต้องทำยังไงดี เพราะในใจร้องสั่งให้เธอนอนราบและปล่อยให้เขามอบความสุขให้ตามปากว่าอย่างเต็มที่ แต่อีกใจหนึ่งนั้นก็ร้องประท้วงให้ดวงตาจ้องมองการกระทำของเขาไม่กะพริบ เพราะเขากำลังทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอ“อูย... พี่จ๋า... พี่จะทำอะไร นั่น... ไม่ได้นะ ไม่ได้... นั่นมัน...”ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นอีก เมื่อเห็นได้ชัดเจนว่าเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเกินกว่าผู้ชายทุกคนที่เธอเคยเห็น ก้มลงหาส่วนนั้น... เธอย่อมร
“ชื่ออะไร”หญิงสาวยังไม่ตอบ เธอนิ่งเหมือนครุ่นคิดทั้งที่เขาได้ยินชัดเจนว่าเธอพูดได้“ฉันจะทำให้เธอพูดให้ได้”ฝ่ามือประคองสองแก้มให้ใบหน้างดงามแหงนขึ้นรับสัมผัสปรารถนาจากเขา จนกายสาวสั่นสะท้านต่อต้านเล็กน้อยตามสัญชาตญาณแต่มันก็ไม่ทันแล้ว เพราะในเวลานี้ต่อให้มีช้างทั้งโขลงมาฉุดเขาก็คงจะหยุดไม่ได้กลีบปากบอบบางละมุนนุ่มราวกับกลีบดอกไม้ ทว่าช่างงดงามอ่อนหวานเสียจนทำให้เขาหลงละเมอไปกับความไม่ประสานั้น เธอโอนอ่อนผ่อนตาม ไม่ว่าปลายลิ้นของเขาจะแตะตรงไหน จะกวาดต้อนไปที่ใด กลีบปากบอบบางและเรียวลิ้นเล็กๆ นั้นก็คล้ายสะท้านและสั่นไหวไปมาราวดอกไม้กลีบบางกำลังแตะต้องแรงลมทันทีที่เขาถอนริมฝีปากออกและไล่ลงมาตามลำคอระหงขณะที่ฝ่ามือแกร่งโอบประคองสองเต้าอวบอัดและบีบเคล้นแต่เบามือ ใบหน้างามก็แหงนไปด้านบนให้เขาซุกไซ้จมูกโด่งลงที่โนมเนื้อได้อย่างถนัดก่อนเสียงน้อยๆ นั้นจะถูกปลดปล่อยออกมาอย่างบางเบา อ่อนหวาน ทว่าเขายังได้ยิน“อา... อื้อ...”"อืม... ดีมาก ปลดปล่อยออกมา ร้องอย่างที่เธออยากร้อง พูดตามที่เธอรู้สึกและต้องการ อา... เธอสวยเหลือเกิน”นิธิตย่อกายชันเข่าลงในน้ำ ใช้ท่อนแขนช้อนเบื้องหลังของเธอแนบชิดทำให
ฝ่ามือค่อยๆ วางเป้ที่สะพายมาตลอดชั่วโมงอย่างเบามือ เสื้อผ้าลุยๆ สำหรับเดินป่าบนร่างแกร่งถูกถอดทิ้งไม่ไยดี ดวงตาคมเข้มมองจับแต่เพียงเรือนร่างงดงามที่สะกดสายตาเขาจนไม่อาจหลีกหนีไปทางไหนได้ และสายน้ำเย็นจัดก็ไม่อาจทำให้เขาเปลี่ยนใจเพราะทั่วทั้งกายเนื้อในขณะนี้มันร้อนรุ่มรุมเร้าราวคนมีไข้ และมันคงจะไข้หนักถึงตายหากไม่ได้ความงดงามตรงหน้านี้มาเติมเต็ม“น้องปลาจ๋าจะหนีไปไหน หนีนักนะ เดี๋ยวจะไม่ให้กินข้าวด้วย”หญิงสาวหันซ้ายหันขวามองหาเจ้าปลาตัวน้อยที่ดำผุดดำว่ายอยู่รอบๆ ตัว ทุกเย็นเมื่อมีเศษข้าวหรือเศษผักเหลือ เธอก็ไม่ลืมที่จะนำมาเผื่อแผ่ให้กับเจ้าของสถานที่ที่เธอมาพึ่งพา เช่นเหล่ามดเหล่าแมลงที่เป็นเจ้าของพื้นดินที่พัก และในลำธารแห่งนี้ที่เธอใช้เป็นที่ชำระล้างร่างกายให้สะอาด เธอก็ไม่ลืมที่จะแบ่งปันเศษอาหารนั้นให้แก่หมู่ปลาความเพลิดเพลินอันเป็นสิ่งที่กระทำอยู่ทุกวันทำให้ละเว้นจากสิ่งระแวดระวังตัว ลืมเสียสิ้นว่าพ่อให้กลับก่อนพลบค่ำ แต่แม้จะนึกได้ในยามนี้ก็คงจะสายเสียแล้วเมื่อหมู่ปลาที่อยู่รอบร่างเปล่าเปลือยต่างว่ายวนแตกฮือราวกับหนีอะไรบางอย่าง และระลอกน้ำที่กระเพื่อมไหวกว่าปกติก็ทำให้ดวงตากล
ฝ่ามือแกร่งปาดไล่หยาดเหงื่อที่ไหลซึมผ่านคอเสื้อลงมาเป็นทาง ก่อนจะปลดรังดุมเสื้อเชิ้ตออกและกระพือเรียกลมเย็นจากภายนอกเข้ามาปะทะแผงอกด้านใน กว่า 2 ชั่วโมงที่เดินเท้าเข้ามาในป่าทำให้เหงื่อไหลโทรมกายไม่ต่างจากอาบน้ำ ทว่ามันไม่ใช่ความเย็นสดชื่นของสายน้ำ แต่มันเป็นความร้อนรุ่มของอุณหภูมิร่างกายที่กำลังเพิ่มขึ้นทุกขณะ ซึ่งทั้งหมดจะไม่เป็นอย่างนี้หากเขาตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ของรถมาเป็นอย่างดีรถจี๊ปสีเขียวไพลที่ใช้สำหรับสัญจรไปมาระหว่างปางไม้กับพื้นราบเกิดขัดข้องจนไม่สามารถแก้ไขได้ ทำให้เขาต้องจอดทิ้งไว้ที่แนวป่า ก่อนจะตัดสินใจเดินเท้าไปที่หมู่บ้านที่ใกล้กับปางไม้มากที่สุด เพราะหากจะเลือกเดินกลับลงไปที่ด้านล่างก็จะทำให้การเดินทางในวันนี้เสียเปล่า และหากจะเลือกเดินตรงไปยังปางไม้ก็อาจจะไปไม่ทันพลบค่ำ ทางที่ดีเขาควรเลือกที่จะขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านป่าที่เคยเห็นว่าอาศัยอยู่แถวนี้จะดีกว่าเสียงน้ำตกที่ดังซู่อยู่ไม่ไกลทำให้ ‘นิธิต’ แน่ใจว่าอีกไม่นานคงถึงจุดหมาย เพราะน้ำเป็นสัญญาณของการมีชีวิต ที่ใดมีน้ำที่นั่นย่อมมีชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีกลุ่มชาวบ้านอาศัยอยู่แถวนี้แน่ฝีเท้าที่พยายามเร่งเดินเพื