มุมมืด!กลางปราสาทหลินตงให้หลัวซาจัดการประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทหารเปลวไฟไม่นานเจ้าหน้าที่ระดับหลายคนก็มาถึงทีละคนหลัวซารองหัวหน้าอันดับหนึ่งเซียวพ่อจวินรองหัวหน้าอันดับสองทิวลิปรองหัวหน้าอันดับสามนอกจากนี้ยังมีชายหนุ่มร่างผอมคนหนึ่ง หลินตงจำได้ว่าน่าจะเป็นคนของกระหายเลือดใช่ไหม?ทำไมเขาก็มาด้วย?หลินตงมองไปที่หลัวซาด้วยสายตาตั้งคำถามหลัวซาเห็นแล้วก็ยืนขึ้นและพูดว่า "กัปตัน! คนนี้เคยเป็นกุนซือของกองทหารรับจ้างกระหายเลือด ชื่ออี้เสี่ยวชวน เป็นคนท้องถิ่นของมุมมืด ผมตรวจสอบประวัติของเขาแล้ว ตอนอยู่กระหายเลือดไม่เคยฆ่าใคร โดยพื้นฐานแล้วช่วยกระหายเลือดจัดการกับเรื่องภายใน และมีความคิดมากมายที่เอื้อต่อการพัฒนาของเรา ชื่อเสียงที่มุมมืดก็ดีมาก ดังนั้นผมจึงเก็บเขาไว้""อี้เสี่ยวชวนคารวะกัปตัน!!!" ชายร่างผอมก้าวไปข้างหน้าและโค้งคำนับให้หลินตงแล้วพูดหลินตงพิจารณาผู้ชายคนนี้อย่างละเอียด อายุน่าจะไม่มาก ประมาณยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด ผอมและอ่อนแอเล็กน้อย ไม่มีความแข็งแกร่ง อยู่ในระดับประมาณชั้นที่สองและสาม แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาเล็กน้อย"คุณเป็นคนมุมมืดเหรอ???" หลินตงถาม"
เวลาผ่านไปในแต่ละวันแต้มศักดิ์สิทธิ์ของหลินตงโดยเฉลี่ยต่อวันจะเพิ่มขึ้นทีละร้อยกว่าแต้มตามความเร็มนี้ อีกไม่นานหลินตงจะสามารถปรับปรุงร่างกายและก้าวไปสู่ระดับต่อไปได้แล้วตอนนั้นเขาจะไม่กลัวอะไรอีกแล้วจริง ๆผ่านไปอีกประมาณสิบวันแต้มศักดิ์สิทธิ์ของหลินตงก็ไปถึงห้าพันแต้มทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของทุกคนในมุมมืดไม่สามารถโทรออกได้ในวันนี้การสื่อสารไร้สายทั้งหมดถูกตัดขาดต้องโทรผ่านสายเท่านั้นแต่กินเวลาเพียงไม่กี่นาทีก็หายแล้วทุกคนก็ไม่ได้สนใจมากนักและในปราสาทกลางมุมมืดสมาชิกหลักหลายคนของกองทหารรับจ้างเปลวไฟต่างส่งเสียงเชียร์อย่างดีใจในที่สุดการทดลองลากสนามแม่เหล็กก็ประสบผลสำเร็จต่อไปมุมมืดไม่ต้องกลัวการโจมตีด้วยขีปนาวุธที่ควบคุมจากระยะไกลอีกต่อไป ตราบใดที่ถูกค้นพบโดยเรดาร์ก็เปิดลากสนามแม่เหล็กทันที ขีปนาวุธจะสูญเสียทิศทางและแม้กระทั่งเป็นบอดนี่เป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับมุมมืดและมีเพียงหลินตงเท่านั้นที่ได้รับการสนับสนุนจากต้นไม้ใหญ่อย่างต้าเซี่ย ที่สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้อย่างรวดเร็วไม่เช่นนั้นคาดว่าคงทำไม่ได้จนกว่าเทคโนโลยีนี้จะได้รับความนิยมปัจจุบันมีประเ
หลินตงถูกทิ้งไว้คนเดียวในห้องปฏิบัติการเมื่อมองดูอุปกรณ์ที่อยู่ตรงหน้า ในขณะนี้ ดัชนีความปลอดภัยของมุมมืดเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอนหลินตงเหลือบมองที่แผงระบบแต้มศักดิ์สิทธิ์ได้ถึงห้าพันสองแต้มแล้วมีอีกแค่สี่พันแปดร้อยแต้ม เขาก็สามารถปรัปปรุงร่างกายต่อไปได้เมื่อร่างกายดีขึ้นแล้ว เขาก็จะก้าวไปสู่ระดับต่อไปด้วยนั่นก็คือผู้พิทักษ์ในตำนานเมื่อถึงตอนนั้น ต่อหน้าซ่งซือหมิน น่าจะไม่ถึงขั้นไม่มีแรงตอบโต้แล้วใช่มั้ย???หลินตงหันหลังกลับและออกจากห้องปฏิบัติการและมาที่ห้องโถงรองหัวหน้าทั้งสามบวกกับอี้เสี่ยวชวน และเจ้าหน้าที่ระดับกลางของเปลวไฟอีกสิบกว่าคน กำลังสนุกสนานในห้องโถงและเฉลิมฉลองด้วยแชมเปญหลินตงเดินไปที่ที่นั่งหลักแล้วนั่งลงคนข้างล่างก็หยุดสนุกสนานเช่นกัน"หลัวซา!!!" หลินตงเรียก"ครับ!!!""ห้องปฏิบัติการต้องเพิ่มการป้องกันและส่งคนที่น่าเชื่อถือที่สุดไปเฝ้า ตั้งแต่วันนี้ มุมมืดของเราจะหลุดพ้นจากข้อจำกัดของสองจักรวรรดิใหญ่แล้ว""ครับ!!! กัปตัน!!!" หลัวซาตอบกลับเสียงดังในขณะนี้เขาก็ตื่นเต้นมากเช่นกันอยู่ในดินแดนแห่งความวุ่นวายมากว่าสิบปี ได้รู้จักกับพี่น้องมากมายแล
"ยุนซี เธอเคยได้ยินหลินตงพูดถึงคนที่ชื่อจ้าวซวนบ้างไหม?" กวนเหม่ยหลิงถามเธอให้ความสนใจกับบริษัทลงทุนตงไหล และค้นพบผู้หญิงคนนี้มาตั้งนานแล้วและก็ตรวจสอบข้อมูลของจ้าวซวนอย่างละเอียดแล้วพบว่าเป็นเพียงคนที่ออกมาจากหลังเขาที่ยากจน อาศัยต้นไม้ใหญ่อย่างหลินตง กลับกลายร่างเป็นสาวแกร่งธุรกิจหมื่นล้านและนี่ใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของบริษัทลงทุนตงไหล นี่คือบุคคลที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากหลินตง ในบริษัทลงทุนตงไหลซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าเป็นล้านล้านกวนเหม่ยหลิงสนใจผู้หญิงที่อยู่รอบข้างหลินตงมาก กลัวว่าจะมีใครเหนือกว่าลูกสาวของเธอและแย่งหลินตงไปลูกเขยที่หล่อ รวย อารมณ์ดีขนาดนี้จะไปหาได้ที่ไหน???นี่เป็นเรื่องที่หายากและขอไม่ได้จริง ๆ"ไม่เคยได้ยินมาก่อน! มีอะไรหรือเปล่าคะ?" ยุนซีถามอย่างสงสัย"แม่สาวน้อย ทำไมเธอไม่สนใจเรื่องนี้เลย? จ้าวซวนคนนี้เป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทลงทุนตงไหล ติดต่อกับหลินตงบ่อย ๆ และหน้าตาก็ไม่เลว เธอไม่กังวลว่าหลินตงจะถูกคนอื่นแย่งไปเหรอ?" กวนเหม่ยหลิงพูดด้วยน้ำเสียงช่วยอะไรไม่ได้"โอ๊ย! แม่! หลินตง หลินตงเก่งขนา
หลังจากที่กวนเหม่ยหลิงและยุนจงไห่จากไป ยุนซีก็กล่าวขอโทษว่า " หลินตง คุณอย่ารังเกียจนะ! แม่ของฉันก็เป็นแบบนี้ ขี้สงสัย!!!""สาวน้อย! ผมมีอะไรต้องโกรธ! ป้ากวนแค่เป็นห่วงผม!" หลินตงพูดด้วยรอยยิ้มเขายังไม่รู้ความคิดของกวนเหม่ยหลิง เพียงแต่ว่าตัวเองไม่ได้มานานแล้ว ทำให้กวนเหม่ยหลิงคิดว่าตัวเองทะเลาะอะไรกับยุนซี จึงได้ถามแบบนี้พูดตามตรง อยู่กับผู้หญิงอย่างยุนซีใครจะโกรธลง"หลินตง คุณวางแผนที่จะอยู่ที่จิงตูครั้งนี้นานแค่ไหน?" ยุนซีถาม"อืม...วันสองวันมั้ง!""เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?" ยุนซีถามอย่างเหงา ๆ เล็กน้อยเธอยังคิดว่าหลินตงสามารถอยู่ได้นานหน่อย และไปเดินเล่นกับเธอให้ทั่ว! ไม่คิดว่าหลินตงจะจากไปเร็วขนาดนี้"ช่วยไม่ได้! ใกล้จะถึงงานเลี้ยงรุ่นของเพื่อนร่วมชั้นแล้ว ต้องกลับเร็วหน่อย ในเมื่อรับปากแล้วว่าจะไปแน่นอน และผมยังต้องกลับไปเยี่ยมพวกป้าป้าด้วย แต่ผมเตรียมว่าอีกเดี๋ยวจะคุยกับป้ากวนและลุงยุนว่าให้คุณไปกับผม""จริงเหรอ???" ยุนซีถามด้วยความประหลาดใจ"แน่นอน ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะไม่ปฏิเสธ!""ตราบใดที่คุณเอ่ยปาก พวกเขาจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน" ยุนซีกล่าวอย่างตื่นเต้นเธอรู้จักแม่ขอ
"ถ้าอย่างนั้นจะปล่อยเขาไปแบบนี้ก็ไม่ได้นะ? ผู้ชายยิ่งปล่อยยิ่งเอาใหญ่""อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก ไม่มีหลักฐาน คนอื่นติดต่องานปกติก็ไม่ได้? ในฐานะเจ้านายของบริษัทลงทุนตงไหล หลินตงพาผู้จัดการทั่วไปและพนักงานไปพัฒนาที่ต่างประเทศ ใครก็เอาผิดอะไรไม่ได้""แต่...""ไม่ต้องแต่แล้ว ไปกันเถอะ! ออกไปซื้อกับข้าวกับผม ให้พวกเขาอยู่ตามลำพังกันสักพัก"ตอนเย็นหลังอาหารเย็นทั้งครอบครัวนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกสุดท้ายกวนเหม่ยหลิงก็อดกลั้นไว้ได้ ไม่ได้ถามหลินตงต่อ"ป้ากวน ลุงยุน พรุ่งนี้ผมจะเตรียมตัวกลับมณฑลเจียงหนาน อีกไม่กี่วันจะมีงานเลี้ยงรุ่นของเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายที่จะต้องเข้าร่วม ผมอยากให้ยุนซีไปกับผม ตอนนี้ปิดเทอมก็ไม่ได้ทำอะไร และเธอก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของพวกเราด้วย" หลินตงพูดกับกวนเหม่ยหลิงและยุนจงไห่"ไปเลย! พายุนซีออกไปพักผ่อนหย่อนใจด้วยพอดี เธอไปคนเดียวเรายังไม่วางใจ มีนายพาไปเราก็สบายใจขึ้นเยอะ ในเมื่อออกไปแล้ว แถมยังเป็นวันหยุดอีก ก็ไปเที่ยวกันให้ทั่ว" กวนเหม่ยหลิงกล่าวเธอตอนนี้แทบอยากจะให้ยุนซีจะอยู่กับหลินตงทุกวัน ย่อมไม่ปฏิเสธคำขอเช่นนี้ของหลินตง"ขอบคุณแม่!!!" ยุนซีกล
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินตงและยุนซีบินตรงไปยังเจียงเฉิงมณฑลเจียงหนานด้วยกันหลังจากลงจากเครื่องบินแล้ว หลินตงก็พายุนซีกลับไปที่เจียงหนานแมนชั่นอินเตอร์เนชั่นแนลแม้ไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว แต่ทุกสัปดาห์จะมีแม่บ้านเฉพาะเข้ามาทำความสะอาด ห้องจึงยังคงสะอาดเหมือนเดิมระหว่างทางหลินตงได้โทรหาโรงแรมโกลเด้นลิฟให้ส่งอาหารกลางวันไปที่เจียงหนานแมนชั่นอินเตอร์เนชั่นแนลเขาก็ขี้เกียจที่จะออกไปไหนแล้ว มีอำนาจนี้ก็ต้องใช้หลังจากเข้าไปในบ้านเจียงหนานแมนชั่นอินเตอร์เนชั่นแนลแล้ว หลินตงพูดกับยุนซีว่า "ยุนซี ถ้าคุณเหนื่อยก็พักผ่อนสักหน่อยเถอะ อาหารกลางวันมาถึงแล้วผมจะเรียกคุณ""ฉันไม่เหนื่อย! หลินตง นี่คือที่พักคุณเหรอ? มันสวยมาก!" ยุนซีเดินเข้าไปในบ้านมองซ้ายมองขวาแล้วถาม"อืม! เมื่อก่อนผมพักอยู่ที่นี่ ถ้าคุณชอบช่วงนี้เราก็พักที่นี่เลย ถ้าคุณอยากพักที่โรงแรมก็ได้ ที่นี่มีโรงแรมระดับแปดดาวก็เป็นของผม""ไม่เอา ฉันไม่อยากพักโรงแรม พักที่นี่ก็ดีแล้ว" ยุนซีกล่าว"ก็ได้ งั้นก็พักที่นี่ ตอนบ่ายผมจะพาคุณไปพบกับป้าป้าของผม พวกเขาก็อยู่ในหมู่บ้านนี้ด้วย""เอ่อ...หลินตง ฉันต้องไปซื้อของอะไรไปพบไหม?" ยุนซีถามอย
หลิวแย่นเหมยและหลินกั๋วยิงสองครอบครัวต่างก็มีชื่อเสียงเล็กน้อยในเมืองชูเฉิง ใช้คำพูดของพวกเธอ นี่เป็นเกียรติแก่บรรพบุรุษสิ่งเหล่านี้หลินตงให้พวกเธอทั้งหมดสิ่งที่ทั้งสองครอบครัวทุ่มเทคือ เพียงแค่ช่วยหลินตงในช่วงเวลาที่ยากลำบากและน่าสงสารที่สุดของเขาและพาเขาไปอาศัยอยู่ในบ้านของตัวเองในความคิดของหลิวแย่นเหมยและหลินกั๋วยิง พวกเธอเป็นญาติของหลินตง และผู้อาวุโสของหลินตง และช่วยหลินตงก็สำเหตุสมผลหลินตงกลับตอบแทนพวกเธอมากมายแน่นอนว่าความคิดของหลินตงก็เป็นเช่นนี้ ในเมื่อเป็นญาติกัน ตัวเองมีความสามารถแล้วก็ควรช่วยพวกเธอลุงคนที่สองของหลินตงหลินกั๋วปังและลุงคนที่สี่หลินกั๋วเวย และยังมีอาของเขา ในปีนั้นทั้งหมดเป็นเพราะความไม่พอใจของค่าชดเชยของพ่อแม่หลินตง จนถึงตอนนี้หลินตงก็ไม่ได้ให้ประโยชน์แก่พวกเขาเลยทั้งสองครอบครัวยังคงจำสายตาอิจฉาของคนเหล่านี้ได้ตอนพวกเขากลับไป ทั้งแอบทั้งเปิดเผยขอร้องให้ช่วยพวกเขาหาทางออก ก็อยากจะตามมาพัฒนาที่เจียงเฉิงด้วยแต่ทั้งหลิวแย่นเหมยและหลินกั๋วยิงก็ปฏิเสธหมดบอกว่าทำงานที่บริษัทของหลินตง ไม่มีคำพูดของหลินตง พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์พวกเธอรู้นิสัยของหลินตง
เรื่องราวบนดาวเคราะห์ปาเค่อเสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์แล้วเดิมที หลินตงเห็นใจปาหรู่ในการเดินทางครั้งนี้ ดังนั้นจึงยอมไปกับเขาด้วยไม่เคยคาดหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์มากมายเช่นนี้เขาไม่เพียงแต่ได้รับสมบัติวิเศษอีกชิ้นหนึ่งคือศิลาแห่งมวลชีวิตเท่านั้น แต่เขายังได้รับแต้มศักดิ์สิทธิ์ 50,000 แต้มด้วยสิ่งนี้ทำให้เขาก้าวไปอีกขั้นหนึ่งในการก้าวผ่านด่านปัจจุบันของเขาฉันเชื่อว่าอีกไม่นานเขาจะกลายเป็นผู้พิชิตจักรวาลอย่างแท้จริงในกาแล็กซีทางช้างเผือกเช้าวันรุ่งขึ้น หลินตงออกจากดาวเคราะห์ปาเค่อพร้อมกับเย่ชิงหวู่และปาหรู่ ภายใต้การจ้องมองและความเคารพของผู้คนนับล้านบนดาวเคราะห์ปาเค่อเหลือเวลาอีกสามเดือนก่อนงานเลี้ยงระดับรัฐตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะรีบกลับหลินตงตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดที่ชายชราหลินตงจากอีกมิติเวลาทิ้งไว้ให้เขาเขาพบดาวเคราะห์พื้นเมืองที่อยู่ใกล้เคียง ด้วยความเร็วของยานรบดวงดารา ใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งเดือนเท่านั้น เขาไม่แน่ใจว่าผู้อยู่อาศัยบนดาวเคราะห์ถูกค้นพบและถูกประทับตราทาสหรือไม่ จึงตัดสินใจสืบสวนก่อนยานรบดวงดารากำหนดเส้นทางและออกเดินทางอย่างรวดเร็ว............หลัง
เหรียญกาแลกติกห้าล้านล้านเหรียญสามารถติดอาวุธให้ดาวเคราะห์ขนาดเล็กที่มีประชากรเพียงไม่กี่ล้านคนได้ ซึ่งแน่นอนว่าสามารถติดอาวุธให้ทุกคนได้แม้แต่ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมทุกคนบนดาวเคราะห์ปาเค่อก็สามารถมีหุ่นยนต์หนักได้ในกรณีนั้น ความแข็งแกร่งของดาวเคราะห์ปาเค่อสามารถเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณได้อย่างแน่นอนอูทัวปังเงียบไปหลังจากฟังคำพูดของหลินตงแนวคิดเดิมของเขาคือการมอบศิลาแห่งมวลชีวิตให้กับหลินตงโดยตรงเพื่อเป็นการตอบแทนความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของเขาในการช่วยดาวเคราะห์ปาเค่อแต่ข้อเสนอแนะที่หลินตงเสนอมาทำให้เขาปฏิเสธได้ยากจริงๆนี่คือโอกาสที่จะทำให้ดาวเคราะห์ปาเค่อแข็งแกร่งขึ้นและแข่งขันได้มากขึ้น โดยมีความสามารถในการป้องกันตัวเองเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูอูทัวปังในฐานะผู้ปกครองดาวเคราะห์ปาเค่อในปัจจุบัน ไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะเขาเคยประสบกับความรู้สึกไร้พลังเมื่อถูกกองกำลังอันทรงพลังรุกราน และเห็นผู้คนของเขาล้มตายทีละคน จากเกือบพันล้านเหลือเพียงไม่กี่ล้านคนในตอนนี้ แต่เขากลับไร้พลังอย่างไรก็ตาม หากเห็นด้วยก็จะขัดแย้งกับเจตนาเดิมของอูทัวปังดังนั้น เขาจึงกำลังดิ้นรนทางอุดมการณ์อย่างดุเ
ศิลาศักดิ์สิทธิ์?นี่คืออะไร?ความอยากรู้กระตุ้นให้หลินตงมองดูการแนะนำด้านล่างระบบต่อไป!“ศิลาแห่งมวลชีวิตเป็นสสารพิเศษที่เติบโตในจักรวาล มันมีค่ามากและเป็นของสมบัติที่หายากของจักรวาล”"การก่อตัว: การกำเนิดศิลาศักดิ์สิทธิ์นั้นยากมาก ต้องตกผลึกจากน้ำอมตะในจักรวาล....""หน้าที่: ศิลาศักดิ์สิทธิ์จะปล่อยลมหายใจแห่งชีวิตที่แข็งแกร่ง ซึ่งสามารถดูดซับได้โดยเผ่าพันธุ์ทั้งหมดในจักรวาลและช่วยเพิ่มพลังชีวิต.....""มูลค่า: เหรียญกาแลกติกห้าล้านล้านเหรียญ"ระบบให้คำแนะนำโดยละเอียดเกี่ยวกับศิลาแห่งมวลชีวิตอย่างไรก็ตาม หลินตงได้พูดถึงการแนะนำสั้นๆ เท่านั้น และในที่สุดก็โฟกัสไปที่มูลค่ามูลค่าห้าล้านล้านเหรียญ?แม้จะไม่ดีเท่าเหล็กดาวเก้าแฉก แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่พิเศษ!ไม่คาดคิดว่าจะพบสมบัติหายากเช่นนี้ในสถานที่เล็กๆ แห่งนี้ศิลาแห่งมวลชีวิตนั้น แทบไม่มีประโยชน์สำหรับหลินตงเลยแม้แต่น้อยแต่มันก็เป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่งสำหรับการขยายอายุขัยของคนๆ หนึ่ง ซึ่งจะต้องมีประโยชน์ในที่สุดและที่สำคัญที่สุด เขาสามารถรับ 50,000 แต้มศักดิ์สิทธิ์จากสิ่งนี้ได้นี่คือสิ่งที่หลินตงต้องการมากที่สุดในขณะนี
ล้อเล่นหรือเปล่า ตอนนี้เขาก้าวเข้าสู่อาณาจักรนิรันดรครึ่งขั้นไปแล้ว เขาต้องการอะไรอีกเหรอ?เขาไม่ได้ขาดอะไรเลยนอกจากแต้มศักดิ์สิทธิ์ของเขานอกจากนี้ ยังมีอะไรดีๆ จากสถานที่เล็กๆ อย่างดาวเคราะห์ปาเค่อล่ะ?อย่างไรก็ตาม ทันทีที่หลินตงพูดจบสายตาของเขาก็ถูกดึงดูดไปที่สิ่งของในกล่องที่อูทัวปังถือไว้ทันทีนี่คืออะไร?หินรูปวงรีเหรอ?หินรูปวงรีที่แผ่รัศมีออกมาจางๆทันทีที่อูทัวปังเปิดกล่อง ห้องก็เต็มไปด้วยบรรยากาศที่สดชื่นหลินตงรู้สึกว่าเซลล์ของเขากระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุราวกับว่าเขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความสบายใจนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสประสบการณ์แบบนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ต้องเป็นของดี!!!"นายท่าน ได้โปรดอย่าปฏิเสธเลย สิ่งที่ท่านทำเพื่อดาวเคราะห์ปาเค่อของเรา เราไม่มีอะไรจะตอบแทน นี่คือสมาชิกในเผ่าของเราที่ค้นพบมันเมื่อหลายสิบปีก่อนในเหมือง ตอนนั้นฉันเกือบจะตายแล้ว เมื่อหินก้อนนี้ถูกส่งมาให้ ฉันดีใจมากที่ได้เห็นและเก็บมันไว้ข้างกาย ฉันไม่เคยคิดว่าสุขภาพของฉันจะดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ตั้งแต่นั้นมาและจะมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้""ฉันค่อยๆ เรียนรู้ว่าทุกอย่างเป็นเพราะหิน
สามวันต่อมาหลินตงพบปาหรู่และบอกเขาว่าเขากำลังจะออกจากดาวเคราะห์ปาเค่อ"นายท่านกำลังจะไปที่ไหนเหรอ?" ปาหรู่ถาม"อืม! ดาวเคราะห์ปาเค่อกำลังไปในทิศทางที่ถูกต้อง ฉันควรจะจากไปแล้ว" หลินตงตอบ"นายท่านรออีกวันได้ไหม ปล่อยให้ฉันจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จก่อน แล้วฉัันจะไปกับท่าน""ปาหรู่! นายควรอยู่ที่นี่ ประชาชนของดาวเคราะห์ปาเค่อต้องการนาย""นายท่าน! ฉันต้องไปกับท่าน ไม่ใช่แค่เพื่อตอบแทนความเมตตาของท่าน แต่เพื่อสิ่งนี้ด้วย"ปาหรู่ชี้ไปที่ตราทาสบนหน้าผากของเขาและพูดต่อ "ฉันจะปลดข้อจำกัดของตราทาสได้ก็ต่อเมื่อติดตามท่านเท่านั้น และให้เผ่าได้รับอิสรภาพอย่างแท้จริง"หลินตงมองดูท่าทางจริงใจของปาหรู่เมื่อรู้ว่าเขาได้ตัดสินใจในใจแล้ว"เอาล่ะ! ฉันจะให้เวลานายหนึ่งวันในการเตรียมตัว พรุ่งนี้เราจะออกจากดาวเคราะห์ปาเค่อ เนื่องจากนายจะติดตามฉัน จากนี้ไป ก็อย่าเรียกข้าว่านายท่านเลย เรียกฉันว่าคุณชายอย่างชิงหวู่ก็แล้วกัน"หลังจากหลินตงพูดจบ เขาก็หันหลังแล้วจากไปปาหรู่คำนับอย่างขอบคุณอยู่ด้านหลังเขาและกล่าวว่า "ขอบคุณคุณชาย!"ตอนกลางคืนหลินตงกำลังเตรียมตัวพักผ่อน"ก๊อกๆ!!"เสียงเคาะประตูดังข
“นี่มัน...นี่มัน...นี่มันเป็นเรื่องจริงเหรอ?”"จริงสิ! ลุงอู ถ้าไม่เชื่อฉัน มาดูกับฉันก็ได้""ฮ่าๆ...ในที่สุดสวรรค์ก็ลืมตาแล้ว! ฉันคิดว่าดาวเคราะห์ปาเค่อของเราจะไม่มีวันฟื้นคืนได้ในชีวิตนี้ แม้ว่าฉันจะตาย ฉันก็จะตายตาไม่หลับ ฉันไม่คาดหวังว่าตระกูลหยินจะต้องได้รับการชดใช้กรรมเร็วขนาดนี้ มันน่าพอใจจริงๆ ฮ่าๆ...."หลังจากยืนยันว่าสิ่งที่ปาหรู่พูดเป็นความจริง ชายชราก็หัวเราะออกมาปาหรู่ใช้ชีวิตเหมือนทาสภายใต้ตระกูลหยิน และผู้คนที่ยังคงอยู่บนดาวบัคก็ไม่ได้ดีไปกว่านี้เลยจากประชากรเกือบพันล้านคนในอดีต ประชากรลดลงเหลือเพียงไม่กี่ล้านคนในช่วง 300 ปีที่ผ่านมา ชัดเจนว่าผู้คนในดาวเคราะห์ปาเค่อต้องทนทุกข์ทรมานกับชีวิตแบบไหนพวกเขาใช้ชีวิตทุกวันด้วยความหวาดกลัวการต่อต้านหมายถึงความตาย ส่วนการยอมจำนนหมายถึงการเป็นทาสในเหมืองแร่ ทำงานอย่างไม่รู้จักจบสิ้นทั้งกลางวันและกลางคืนหลังจากหัวเราะ ชายชราก็ลุกขึ้น เข้าหาหลินตง และคุกเข่าลงเพื่อคุกเข่าคำนับสามครั้งหลินตงไม่ได้ห้ามเขาเขายอมรับการคำนับนี้แม้ว่าชายชราจะแก่มากแล้วแต่เมื่อความแข็งแกร่งของหลินตงไปถึงอาณาจักรนิรันดรครึ่งขั้น เขาก็กลา
ชายชราและปาหรู่เดินลึกเข้าไปในป่าหลินตงและเย่ชิงหวู่ก็เดินเข้ามาเช่นกันภายใต้ร่มเงาของต้นไม้สูงตระหง่าน สภาพถนนค่อนข้างมืดมนแต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อหลินตงเลยในระดับของเขา ไม่มีความแตกต่างระหว่างกลางวันและกลางคืนและยังมีพลังจิตวิญญาณช่วยเหลือด้วยแม้แต่มดที่อยู่ใต้ใบไม้บนพื้นดินก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเย่ชิงหวู่เดินตามหลังหลินตงอย่างใกล้ชิดเมื่อผ่านทางเดินที่มืดมิด ดวงตาของเธอก็เริ่มสว่างขึ้นอย่างช้าๆตลอดทาง ยอดไม้รอบๆ เต็มไปด้วยผู้คนจากดาวเคราะห์ปาเค่อทุกคนต่างมองหลินตงและเย่ชิงหวู่ด้วยความสงสัยพวกเขาอยู่บนดาวแห่งนี้ ยกเว้นคนของดาวเคราะห์ปาเค่อที่มีตราทาสบนหน้าผาก พวกเขาเห็นแต่คนจากตระกูลหยินที่มาจับพวกเขาไปเป็นทาสในเหมือง คนเหล่านี้แต่ละคนล้วนดุร้ายหลินตงและเย่ชิงหวู่ไม่มีตราทาสบนหน้าผากของพวกเขา และพวกเขาไม่ดุร้ายและโหดร้ายเหมือนตระกูลหยินและพวกเขาก็ดูสวยหล่อมากพวกเขาไม่เคยเห็นคนที่สง่ามงามแบบนี้บนดาวเคราะห์ปาเค่อมาก่อนดังนั้นหลินตงและกลุ่มของเขาจึงเกือบจะดึงดูดความสนใจของทุกคนบนดาวเคราะห์ปาเค่อได้พวกเขาเดินต่อไปอีกสักพักชายชราและปาหรู่หยุดอยู่ใต้ต้น
มีผู้คนอย่างน้อยหลายหมื่นคนพื้นที่ที่ครอบครองก็ค่อนข้างใหญ่"ปาหรู่ มีฐานที่มั่นของผู้คนจากดาวเคราะห์ปาเค่ออยู่ข้างหน้า ในฐานะผู้นำของดาวเคราะห์ปาเค่อ จะเหมาะสมกว่าถ้านายนำหน้า" หลินตงหันกลับมาและกล่าว"ครับ! นายท่าน!"หลังจากปาหรู่พูดจบ เขาก็เดินไปข้างหน้าสองสามก้าวจากนั้นเขาก็พูดเสียงดังไปข้างหน้าว่า "สวัสดีทุกคน! ฉันชื่อปาหรู่ ลูกชายของปาปู ผู้นำของดาวเคราะห์ปาเค่อ สามร้อยปีก่อน บัคประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่และครอบครัวของเราถูกพรากจากบัค วันนี้ ฉันกลับมาแล้ว คราวนี้ ฉันจะนำคุณหลบหนีจากทะเลแห่งความทุกข์และกลับไปใช้ชีวิตไร้กังวลเหมือนอย่างที่คุณเคยมี ตระกูลหยินที่นำปัญหาใหญ่มาให้เรา ถูกทำลายไปแล้ว นี่คือความเมตตาของสวรรค์สำหรับพวกเราชาวดาวเคราะห์ปาเค่อ และให้โอกาสพวกเราได้เกิดใหม่"หลังจากป่าวประกาศเสร็จ ปาหรู่ก็คุกเข่าทั้งสองข้าง ไขว้มือบนหน้าอก และแตะหน้าผาก ทำท่าทางพิธีกรรมแบบดั้งเดิมของชาวดาวเคราะห์ปาเค่อปาหรู่คุกเข่าลงบนพื้นอย่างเงียบๆ แบบนี้ไม่นาน เสียงที่เบาบางก็เริ่มปรากฏขึ้นข้างหน้าดวงตาที่สดใสคู่หนึ่งปรากฏขึ้นในความมืดศีรษะทีละหัวเริ่มปรากฏขึ้นบนยอดไม้ขนาดใหญ่
หยวนหลินก็คิดถึงประเด็นสำคัญนี้เช่นกันงานเลี้ยงระดับรัฐของเซี่ยอวิ๋นชวนบนดวงดาวจักรพรรดิในอีกสามเดือนข้างหน้าจะต้องหยุดลงเผ่ามังกรเก้าหัวของพวกเขาชอบกินคน ซึ่งเป็นสัญชาตญาณและสามารถช่วยให้พวกเขาเติบโตอย่างรวดเร็วได้ดังนั้นจึงมีความขัดแย้งที่ไม่อาจปรองดองได้ระหว่างสองเผ่าพันธุ์หากกาแล็กซีทางช้างเผือกทั้งหมดรู้เกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างเผ่ามังกรเก้าหัวและอาณาจักรสวรรค์ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทุกฝ่ายจะร่วมมือกันต่อต้านพวกเขาแน่นอนแม้ว่าพวกเขาจะมีพละกำลังมหาศาล แต่ก็ไม่ง่ายที่จะจัดการและหยวนหลินก็กลัวที่จะดึงดูดผู้คุมกฏจักรวาลจริงๆแม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าถึงยากเหล่านี้แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความกลัวของเผ่ามังกรเก้าหัวที่มีต่อพวกเขาลดน้อยลง"เมื่อพี่ชายหลี่เทียนพูดเช่นนั้น ฉันจะใช้เทคนิคลับของเผ่าเพื่อกระตุ้นให้พวกเขามาอย่างรวดเร็ว หากผู้คนที่ถูกส่งมาโดยเผ่าไม่สามารถมาถึงได้ภายในสามเดือน ฉันจะไปกับคุณเพื่อเยือนดวงดาวจักรพรรดิและดูว่าตระกูลเซี่ยมีความสามารถอะไรบ้าง" หยวนหลินพูดอย่างจริงจังแน่นอน!!!เมื่อได้ยินชื่อผู้คุมกฏจักรวาลแม้แต่เผ่ามังกรเก้าหัวอันยิ่งใหญ่ก็ยั