รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถลุงเงินเล่นอยู่เลยแฮะ ตั้งแต่มายังโลกมนุษย์ฉันก็เอาแต่ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า ประหนึ่งว่าเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปหลายต่อหลายครั้งในขณะที่ฉันยังคิดไม่ออกเลยว่าจะให้อะไรกับเขาดี หรือบางทีอาจเป็นพวกไวน์องุ่นไม่ก็แซนวิช อืม ฉันเลือกไวน์องุ่นก็แล้วกัน คิดว่ามันคงจะสร้างความประทับใจแรกให้กับฉันมากพอดู
“ครับ คุณมีธุระอะไรรึเปล่าครับ”
คนร่างสูงโปร่งเปิดประตูออกมาต้อนรับฉันอย่างสับสน เนื่องจากเขาไม่ได้รู้จักคนตรงหน้านี้เลย สีหน้าของเขาจึงบ่งบอกทุกอย่างออกมาหมด
“คือฉันเพิ่งย้ายเข้ามาน่ะค่ะ อยู่ห้องถัดจากคุณ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันยูโร ชิยูอิน และนี่ก็ของฝากค่ะ คิดซะว่าเป็นของขวัญจากเพื่อนข้างห้องนะคะ”
อทินมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรนอกเสียจากยอมรับขวดไวน์ราคาแพงมาถือเอาไว้เองพลางหลบเลี่ยงสายตาฉันนิดๆ
“ขอบคุณครับ”
“แค่นี้เองเหรอคะ นึกว่าคุณจะยอมบอกชื่อกับเพื่อนข้างห้องของคุณซะอีก”
ฉันแกล้งตัดพ้อใส่คนร่างสูงซึ่งยืนลังเลใจอยู่พักนึงก่อนจะเอ่ยออกมา
“ผมชื่ออทิน ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวก่อนนะครับ”
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อเขาก็ดันปิดประตูใส่หน้าฉันดังปังเลยให้ตายสิ คนๆ นี้ กลัวคนขั้นสุดเลยรึไงนะ แต่คิดไปก็หัวเสียซะเปล่าๆ ดังนั้นฉันก็เลยกลับมาอยู่ห้องของตัวเองพลางคิดต่อว่าจะเอายังไงต่อไปดี ความรักของเขาและเธอดูท่าทางจะลำบากกว่าถนนลูกรังที่ขรุขระในตัวเมืองซะอีก และนั่นมันก็ช่างไม่ยุติธรรมเลยในขณะที่ฉันกำลังคิดวิตกจนหัวหมุนไม่ยอมหยุดอยู่แบบนี้แต่เขากลับไม่รับรู้ถึงมันด้วยซ้ำไป
“มาคนเดียวงั้นเหรอ”
“ค่ะ ฉันมาสำรวจที่อโคจรน่ะค่ะ”
ฉันเอ่ยตอบผู้ชายผมสีเทาที่เดินมานั่งโต๊ะของฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ราวกับจิ้งจอกหนุ่มจ้องจับเหยื่ออย่างไม่ยอมคาดสายตา เพียงแต่ว่าฉันไม่ใช่เหยื่อในค่ำคืนนี้ของเขาหรอกนะ ขอโทษด้วยก็แล้วกัน
“จะดีเหรอครับ เป็นผู้หญิงแล้วมาคนเดียวแบบนี้ให้ผมนั่งเป็นเพื่อนไหมล่ะครับ”
คำพูดอ่อนหวาน นัยต์ตาแฝงไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายจ้องตาฉันพลางยิ้มรับอย่างไม่ละสายตา นึกว่าฉันดูไม่ออกรึไง
“กลิ่นฉุนจังเลยนะคุณน่ะ มันออกจะเสียมารยาทกันไปหน่อยไม่ใช่เหรอคะ คุณจิ้งจอกเก้าหาง”
“คุณรู้ด้วยเหรอ ว่าผมเป็น ถ้างั้นทางนี้ก็คงใช่จริงๆสินะครับ อยากดื่มอะไรรึเปล่าล่ะ ผมเลี้ยงเอง คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอคุณในที่แบบนี้ด้วย ผมรันเวย์”
พูดจบเขาก็ขยับมือมาทางฉันที่ยังคงจับตาดูผู้คนซึ่งคับคั่งไปด้วยกลิ่นไอของปีศาจปะปนไปกับของพวกมนุษย์ สถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าไนต์คลับคงไม่พ้นเรื่องพวกนี้เลยสินะ
“รับอะไรดีครับ”
ทันทีหมอนี่นั่งลง เขาก็กวักมือเรียกบริกรหนุ่มให้มาทางนี้เป็นการเร่งด่วน พร้อมกับสั่งเมนูยอดฮิตติดชาร์ตในมือด้วยความคล่องแคล่ว
“ผมเอาเตกีล่า แก้วนึงครับ ~”
“แล้วคุณผู้หญิงท่านนั้นล่ะครับ”
บริกรที่นี่ดูขยันขันแข็งน่าดูเลยนะ ถ้าไม่สั่งคงเสียมารยาทแย่
“อืม...ฉันเอาดราย มาร์ตินี่แล้วกันค่ะ”
ฉันจิ้มไปตามเมนูเครื่องดื่มทั้งที่ไม่รู้จักมันซักนิดเดียว ก่อนจะคืนเมนูให้กับทางร้านไป แต่มันน่าหงุดหงิดจริงๆ นะ ที่เขาลอบยิ้มใส่ฉันที่กำลังจดบันทึกยุกหยิกอย่างตั้งใจอยู่ มีอะไรน่าขำมากรึไง ถ้ามีก็พูดออกมาสิ นั่งอมยิ้มอยู่ได้
“คิดไม่ถึงเลยนะครับว่าคุณจะมาหาข้อมูลการทำให้คนรักกันถึงที่นี่ แถมยังใจกล้าไม่เบา”
“นี่คุณไม่คิดจะไปที่อื่นเลยรึไงคะ”
“คุณยังไม่บอกชื่อของคุณเลยนี่ครับ อีกอย่างวันนี้ผมไม่ต้องการพลังงานจากพวกมนุษย์หรอกนะ แต่ถ้าเป็นคุณก็ไม่แน่”
“ฉันไม่จำเป็นต้องรู้จักคุณเลยค่ะ และไม่คิดอยากจะรู้จักด้วย ต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะคะ ไม่งั้นฉันอาจจะทำอะไรที่มันจำเป็นซึ่งเป็นข้อยกเว้นของข้อห้ามก็ได้”
“ท้าทายดีจังครับ ผมยิ่งอยากรู้จักคุณมากขึ้นไปอีก”
ไม่คิดจะฟังกันเลยสินะ ปีศาจจิ้งจอกดื้อด้านแบบนี้ทุกตัวเลยรึเปล่า ฉันจะได้จับขังโรงเรียนฝึกสุนัขทุกตัวไปเลย
“เครื่องดื่มที่สั่งมาแล้วครับ ค่อยๆ ดื่มนะครับ”
พอดีเลยฉันยิ่งหงุดหงิดอยู่ด้วย ก็เลยหยิบแก้วดราย มาร์ตินี่ยกดื่มเข้าไปรวดเดียว ทำให้คนตรงหน้าอึ้งไปทันทีกับการกระทำของฉันพลางตบมือให้เบาๆ
“สุดยอดเลยครับ คุณนี่คอแข็งเป็นบ้า ผมนับถือเลย”
ตึง!
“เอ๋? อย่าบอกนะว่า...”
ทำไมมันถึงมึนหัวได้ขนาดนี้ หนักไปทั้งตัวเลย รู้ตัวอีกทีฉันก็ฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะแล้ว แต่ก็พอจะได้ยินเสียงจากคนข้างๆ อยู่บ้าง
“คุณเมาแล้วหรอครับ อย่าบอกนะว่าเพิ่งเคยมาครั้งแรก นี่ไม่เป็นไรแน่นะ?”
“อืม...ฉันก็แค่พัก...ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรแน่หรอครับ หน้าแดงแจ๋เลย”
“ดูเหมือนคอฉันจะไม่แข็งจริงๆ ”
ฉันพึมพำพลางพยายามยันตัวเองขึ้นมาจากโต๊ะโดยที่มีรันเวย์คอยช่วยพยุงอยู่ ไม่ไหวจริงๆ นั่นล่ะ แม้ว่าจะจำแลงร่างตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่ยังไงร่างจริงของฉันก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี เหล้านั่นมันคงแรงไปสินะ ทั้งที่คิดว่าน่าจะเบาที่สุดแล้วแท้ๆ
“ยังไงดีล่ะ คุณในตอนนี้อ่อนแอกว่าปีศาจอย่างผมอีกนะ ไม่คิดว่าผมจะกินคุณบ้างรึไง”
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกค่ะ....ถ้าฉันปล่อยคลื่นพลังออกมาแค่เพียงเล็กน้อย...ไม่คิดหรอว่าพวกเขารับรู้ถึงตัวตนของฉัน...ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่ได้มีแค่คุณที่ต้องการฉันหรอก....”
ถึงจะพยามยามโฟกัสเท่าไร แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเลยแหะ ถ้าไม่ใช่สายรักษาก็คงต้องฝึกฝนมากกว่าคนพวกนั้นถึงเท่าตัวเพราะฉะนั้นแค่ฉันตอนนี้ทำได้เพียงประคองสติให้มีอยู่ก็เต็มกลืนแล้ว
“สมกับเป็นพวกคุณเลย แต่แค่ผมกลบพลังของคุณตอนนี้ ก็น่าจะพอทำได้นะ”
คนร่างสูงอมยิ้มเล็กน้อยพลางประคองศีรษะของคนคออ่อนมาพิงไหล่ของตัวเขาเอง
“......”
“หลับไปซะแล้วหรอ”
“.......”
“เมื่อกี้ยังขู่ฟ่อๆ เป็นลูกแมวน้อยอยู่เลยแท้ๆ ”
“.......”
“ชักอยากเลี้ยงลูกแมวน้อยขึ้นมาแล้วสิ”
รันเวย์ปลายตามองคนร่างบางที่หลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ เขาด้วยลมหายใจสม่ำเสมอก่อนจะถูกหญิงสาวแปลกหน้ามองจิกใส่เขาด้วยอีกคน
“นั่นคุณคิดจะทำอะไรเพื่อนของฉันกันคะ!?”
ผู้หญิงหน้าสวยเดินตรงมาประคองคนร่างบางต่อจากรันเวย์ที่กำลังประมวลผลหญิงสาวซึ่งอ้างตัวเป็นเพื่อนของเจ้าลูกแมวน้อยอย่างนึกสนุก นี่ลูกแมวน้อยของผมมีเพื่อนเป็นมนุษย์กับเค้าด้วยหรอเนี่ย
“เดี๋ยวสิครับ ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณเป็นเพื่อนของเธอ”
ชายหนุ่มยื้อแขนข้างนึงของคนร่างบางเอาไว้ทำให้หญิงสาวอีกคนปัดมือเขาออก
“ยูโร เป็นเพื่อนของฉันค่ะ การให้เธอไปกับฉันยังจะปลอดภัยว่าการไปกับผู้ชายอย่างคุณ”
ดูท่าเธอจะรู้จักกับเจ้าแมวน้อยของผมจริงๆ นะเนี่ย ช่วยไม่ได้แหะงั้นผมจะยอมปล่อยพวกเธอไปก่อนก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นเจ้าลูกแมวน้อยตัวนี้คงจะเกลียดจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างผมแน่ๆ
“ถ้างั้นรถของคุณอยู่ทางไหนล่ะครับ เดี๋ยวผมจะอุ้มเธอไปส่งให้”
ดูยังไง ผู้ชายคนนี้ก็ดูไม่ใช่คนดีเลย รอยลิปสติกที่คอ ไหนจะกลิ่นน้ำหอมของผู้ชายเจ้าชู้อีก คุณยูโรต้องโดนเขาหลอกมาแน่ๆ ดีนะที่ฉันมาเจอซะก่อน!
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจัดการเองได้ ยังไงก็ขอบคุณที่ช่วยดูแลเพื่อนของฉันนะคะ”
พูดจบฉันก็รีบพยุงคนร่างบางมายังโต๊ะที่มีกลุ่มเพื่อนๆ ของฉันนั่งอยู่ด้วยกันอย่างทุลักทุเล
“ยัยเมล แกหายไปไหนตั้งนานสองนาน เอ้า ! แล้วนี่แกไปหิ้วใครมาด้วยเนี่ย น่ารักนะยะ”
กลุ่มเพื่อนของฉันที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบๆ ตัวของไนท์คลับแห่งนี้จ้องมายังคนร่างสวยที่ฉันพยุงอยู่ตาเป็นมัน นี่ฉันลืมบอกไปสินะ ว่ายัยพวกนี้มันได้หมดทั้งชายหญิง แต่ว่าฉันคงยกให้ไม่ได้หรอก
“หยุดเลย ห้ามคิดเด็ดขาด”
“ทำไมหวงหรอยะ ก็ได้ๆ รู้แล้วน่า ของๆ เพื่อนเราไม่แย่งหรอก”
“ไม่ใช่แล้วไหมล่ะ นี่พวกแกใครซักคนมาช่วยพยุงคุณยูโรไปที่รถที”
“ฉันๆ ฉันไปเอง”
วีน่าเสนอรับตัวเข้ามาคว้าแขนซ้ายของร่างสวยเอาไว้ก่อนที่จะโดนฉันเขม็งตาใส่
“เออ ไม่แย่งหรอกน่า หยุดจ้องฉันแบบนั้นสักที!”
“อืม....อย่าไป.....”
“อุ้ย! แก เค้าอ้อนฉัน ฉันคงต้องไปกับแกด้วยแล้วล่ะ!”
“หยุดเลย กลับเข้าไปได้แล้ว”
“โหดร้าย ไปเจอตรงไหนไม่ยอมบอกเพื่อนเลยนะยัยตัวดี ก็ได้ๆ หยุดทำหน้าแบบนั้นเลยนะ”
พอยัยวีน่าเดินกลับเข้าไปในคลับแล้วฉันก็ถือวิสาสะเปิดกระเป๋าของคนหน้าสวยออกดู เพื่อที่จะได้รู้ที่อยู่ของเธอ จนกระทั่งเจอกับสมุดบันทึกเล่มนึงเข้า
“แผนจับคู่ของอทิน โดย ยูโร งั้นหรอ”
“ไม่ให้ดู...”
“อะ ขอโทษทีค่ะ ฉันจะพาคุณไปส่งที่คอนโดนะคะ”
“......”
“หลับไปแล้วหรอคะ”
ฉันรีบคาดเข็มขัดให้กับคนร่างสวยที่นอนหลับตาพริ้มอีกครั้งก่อนจะขับรถออกไปยังคอนโดมิเนียมตามนามบัตรและเลขที่ห้องของเธอ
ระบบสแกนนิ้วงั้นหรอ....
“คุณยูโรคะ...ขอนิ้วหน่อยค่ะ ดะ เดี๋ยวสิคะ อย่ากอดกันสิคะ ”
ปี๊ป!
ในที่สุดก็เข้าได้ซักที ฉันรีบพยุงคนที่เมาไม่รู้เรื่องไปที่เตียงไซส์คิงโดยที่เธอยังคงกอดคอฉันเป็นลูกลิงไม่ยอมปล่อย
“ว้ายยย”
ล้มไปนอนทั้งคู่จนได้ พอเมาแล้วขี้อ้อนมากขึ้นเป็นเท่าตัวเลยนะคะ ฉันได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะยันตัวขึ้นมานั่งข้างๆ คนที่หลับไหลไม่รู้เรื่องพลางระบายยิ้มออกมาน้อยๆ
“เจอกันอีกแล้วนะคะ คุณกาแฟขม”
“......”
“คุณดูบอบบางจังเลย ถ้าฉันแตะต้องคุณมากเกินไป คุณจะบุบสลายไปไหมนะ....”
“......”
"แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนของคุณเองจนกว่าจะสร่างเมา เพราะฉะนั้นปล่อยชายเสื้อฉันเถอะค่ะ”
“.....”
“แกะไม่ออกเลย ถ้าอย่างนั้นก็หลับฝันดีแล้วกันค่ะ คุณยูโร ถือว่าคุณอนุญาตให้ฉันนอนด้วยแล้วนะคะ”
ปวดหัวจังเลย ทำไมปวดหัวขนาดนี้ล่ะ ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ ก่อนจะพบว่าตัวเองกลับมานอนห้องพักได้ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“กลิ่นเหล้ายังไม่หายไปเลย คุณโอเคนะคะ”
ทันทีที่ฉันหันกลับไปก็พบเข้ากับคนร่างบางซึ่งกำลังผูกผ้ากันเปื้อนสีขาวแล้วเดินเข้ามาดูฉันพร้อมกับกำลังจัดโต๊ะอาหารให้ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมคนที่สาดน้ำใส่ฉันวันนั้นถึงได้มาอยู่ในห้องของฉันกันล่ะ
“ฉันบังเอิญไปเจอคุณที่ไนท์คลับน่ะค่ะ หลังจากนั้นก็เลยอาสามาส่งคุณที่คอนโดเพราะคุณดูไม่มีสติเลย”
นายจิ้งจอกนั่นคงยอมปล่อยฉันออกมาสินะ เมื่อคืนฉันคงประมาทตัวเองมากเกินไป….
“ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าไหมคะ ฉันทำซุปแก้แฮงก์ให้คุณแล้ว คุณจะได้รู้สึกดีขึ้น”
คนร่างเพรียวพูดพลางดึงมือฉันให้เข้าไปที่ห้องน้ำ โดยที่ก็ยืนรออยู่ไม่ห่างจากที่นั่นมากนัก อาจเป็นเพราะเธอกำลังซักเสื้อผ้าของเธอในคืนนั้นอยู่ก็ได้
“ขอบคุณที่ช่วยพาฉันออกมานะ”
“ยินดีค่ะ”
ในที่สุดกลิ่นเหล้าก็ออกไปซักที ฉันเช็คสภาพตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะออกมาพบกับแขกหน้าสวย ซึ่งกำลังสำรวจห้องของฉันอย่างนึกสนุก
“ถ้ากำลังหาชุดของคุณอยู่ล่ะก็ ฉันส่งไปร้านซักรีดเรียบร้อยแล้ว เอาที่อยู่ของคุณมาสิ ฉันจะส่งกลับไปให้ค่ะ”
ฉันกอดอกมองสายตาซุกซนของคนร่างบางที่ทำเป็นไม่เห็นฉันพลางเบือนหน้าหนี เพราะการที่ฉันสวมชุดคลุมอาบน้ำอยู่มันดูไม่สุภาพงั้นเหรอ
“ฉันว่าคุณไปใส่ชุดให้เรียบร้อยก่อนดีกว่านะคะ ฉันจะไปรอที่โต๊ะอาหารค่ะ”
ฉันกำลังถูกเมินอยู่สินะ.....
“เรื่องชุดของคุณ”
ฉันที่เปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยก้าวเข้ามานั่งตรงกันข้ามกับคนที่พยายามหลบหน้าของฉันไปมา ก่อนจะตั้งสติอีกครั้งพลางเงยใบหน้าขึ้นมาสบตากับฉันเข้า
“คุณอยู่คนเดียวหรอคะ”
“ค่ะ ฉันอยู่คนเดียว กลิ่นตัวฉันยังเหม็นเหล้าอยู่เหรอคะ”
“ไม่เลยค่ะ กลิ่นตัวคุณหอมมากเลย!”
“งั้นก็ดีค่ะ ฉันนึกว่ายังเหม็นอยู่อีก คุณถึงพยายามหลบตาฉัน”
“ไม่ใช่นะคะ! ฉันแค่ประหม่าเวลาที่อยู่ต่อหน้าคุณ...”
“เป็นเพื่อนกันแล้วคุณยังประหม่าฉันอยู่อีกเหรอคะ”
“ตอนนั้นคุณไม่ได้หลับอยู่เหรอคะ”
คนร่างบางถึงกับทำหน้าตกใจที่ฉันสามารถจำเหตุการณ์ของเมื่อคืนได้เป็นอย่างดีจนเธอต้องเผลอยกมือปิดปากตัวเองไว้
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ ฉันพอจำได้บ้างลางๆ น่ะ ว่าแต่ฉันไม่ได้ทำเผลออะไรแปลกๆ กับคุณใช่ไหม”
‘ทำสิคะ ทำมากด้วย ’ คนร่างบางคิด พลางส่ายหน้าไปมาเพื่อไม่ให้อีกคนคิดมาก
“ไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะ พอหัวถึงหมอนคุณก็หลับไปเลย”
“งั้นเหรอ ค่อยยังชั่ว นึกว่าจะทำให้คุณเดือดร้อนซะแล้ว ดีแล้วล่ะค่ะ ”
คนข้างๆ ฉันนิ่งค้างไปพักนึงก่อนจะยิ้มรับฉันด้วยแววตาเศร้าสร้อย เป็นอะไรของเธอกันนะ เมื่อกี้ยังดูร่าเริงอยู่เลย
“ชุดของฉันคุณไม่ต้องคืนฉันแล้วนะคะ ถือว่าฉันให้คุณเลยแล้วกันค่ะ จริงสิ นี่ก็สายมากแล้ว ฉันขอตัวกลับบ้านของฉันก่อนนะคะ”
“เดี๋ยว เราจะได้เจอกันอีกไหมคะ”
“คุณอยากเจอฉันอีกเหรอคะ”
“แน่นอนสิคะ ฉันอยากตอบแทนคุณด้วยนี่น่า คราวหน้าให้ฉันจะเลี้ยงข้าวเมลเองนะ คือฉันเรียกคุณแบบนี้ได้ใช่ไหม”
“ได้ค่ะ แน่นอนคุณเรียกได้ ฉันไปนะคะ”
พูดจบคนร่างบางก็ส่งยิ้มจางๆให้กับฉันก่อนที่เธอจะค่อยๆเปิดประตูออกไป
'เฮ้อ เป็นคนดีจนรู้สึกผิดเลยแหะ'
“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะครับ คุณผู้หญิง”รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความชั่วร้ายแบบนั้นน่ะเป็นเขาไม่ผิดแน่ รันเวย์...เดี๋ยวนี้เจ้าจิ้งจอกเก้าหางแบบเขาหันมาคบค้าสมาคมกับพวกมนุษย์ไร้กำลังแทนแล้วสินะ“รู้จักกันด้วยเหรอครับ”คนร่างสูงโปร่งเอ่ยถามคนร่างบางด้วยความสงสัย แต่ในทางกลับกันฉันกลับเมินคำถามพวกนั้นออกไปโดยสิ้นเชิง“ฉันนึกว่าคุณจะนัดฉันมาคุยเรื่องธุรกิจคนเดียวซะอีก”“อย่าใจร้ายกับผมนักสิครับ อย่างน้อยๆเราก็รู้จักกันแล้วนะ ยูโร และผมก็สนิทกับอทินมากๆเลยล่ะ”รันเวย์ส่งรอยยิ้มอย่างสดใสมาให้กับฉันซึ่งมองข้ามเขาไปอีกครั้ง ปีศาจนิสัยเสีย คิดจะปั่นประสาทฉันงั้นเหรอ มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก“นายก็พูดเกินไป อันที่จริงผมแค่ติดสัญญาจ้างกับเขานิดหน่อยเท่านั้นเอง ถ้ามันทำให้คุณลำบากใจ ผมจะไล่เขากลับไปให้”“เดี๋ยวสิอทิน! นี่นายจะไม่คิดหน่อยรึไง!?&rdquo
ความตายแค่ทำตามหน้าที่ เหมือนที่ฉันควรจะเมินความน่าสงสารของเธอทิ้งไป แต่ถึงอย่างนั้นทำไมฉันถึงไม่ยอมขยับออกไปล่ะ ความตายจะไม่สามารถไล่ตามดวงวิญญาณซึ่งอยู่ใกล้กับพระเจ้าได้ในกรณีของฉันที่เป็นตัวแทนของพระเจ้า ก็ได้รับสิ่งเหล่านั้นมาด้วยเช่นกัน“มีอะไรค้างคาอยู่รึเปล่า”“ฮึก..คะ..”“คุณน่ะมีอะไรค้างคาอยู่รึเปล่า ถ้ามีอะไรที่อยากทำก็บอกฉันมา”คนร่างบางค่อยๆ เช็คน้ำตาลวกๆ ในขณะที่ฉันเองก็ปลายตามองเธอด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ“ฉันอยากแต่งงานค่ะ”“แต่งงาน...งั้นใครล่ะที่อยากแต่งงานด้วย”“ไม่รู้ค่ะ”ขอถอนคำพูดที่ว่าจะช่วยมันจะทันรึเปล่านะ...“คุณหนู! ในที่สุดก็เจอตัวซักที หนีออกจากโรงพยาบาลทำไมครับคุณหนู รีบกลับกันเถอะครับ เดี๋ยวคุณหนูจะป่วยซะเปล่าๆนะครับ ”ในขณะที่ฉันกำลัง
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งอาทิตย์ พวกยมทูตก็มารับสัญญาการต่ออายุจากฉันไป ใครบอกว่ายมทูตต้องใส่ผ้าคลุมสีดำถือเคียวมาค๊อกประตูเอาวิญญาณไปกันนะ ที่ฉันเจอมีแต่หนุ่มหล่อมาดธุรกิจมารับสัญญาจากฉันไปโดยที่ไม่ลืมจะแจกนามบัตรยมทูตให้กับฉันอีกด้วย‘สนใจทำสัญญากับยมทูตเขต1 ติดต่อได้ที่เบอร์ xxx และปรโลกสาขา 1 แถมฟรีไก่ทอด 1 ถัง’“ทำงานกันเป็นทีมดีนะ ยมทูตพวกนี้”“ใครมาหรอคะ”จีราญาเอ่ยถามฉันในขณะที่ตัวเธอก็กำลังจัดเตรียมโต๊ะอาหารเช้าต้อนรับอทินซึ่งกำลังจะไปจัดงานโฆษณารถยนต์ของฉันด้วย ทั้งที่บอกว่าไม่ต้องทำ เธอก็ไม่ยอมฟัง ยัยเด็กเอาแต่ใจเอ้ย“พวกยมทูตน่ะ แต่เธอไม่เห็นพวกเขาหรอก ถ้าตายไปแล้วก็อีกเรื่อง”“นี่ยูโรตายไปแล้วหรอคะเนี่ย”“เธออยากโดนฉันลบความทรงจำมากใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวจัดให้เลย ชักเอาใหญ่แล้วนะ”“อย่านะคะ ความทรงจำที่ไม่มีคุณ ฉันไม่เอาหรอ
ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมายังคนร่างเพรียวซึ่งกำลังวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ก่อนที่เธอจะถูกผู้หญิงตรงหน้ากระชากแขนเสื้อขึ้นมาโดยที่พายอาร์ไม่ทันได้สนใจสิ่งรอบตัวใดๆ“.......”“ถึงกับใบ้กินเลยงั้นหรอ ไม่มีอะไรจะพูดหน่อยหรอไง!”“พี่ขอโทษ...แต่ถึงยังไงพี่ก็รักเขาไม่ได้อยู่ดี”“ไหนบอกว่าจะยอมทำทุกอย่างให้เมลไง ที่พูดมาคือคำโกหกงั้นหรอ ว่าแล้วเชียวคนอย่างเธอนี่มันเลวที่สุด!”“ปล่อยมือก่อนเถอะค่ะ ฉันว่าที่นี่ไม่เหมาะให้มาทะเลาะกันนะ”ฉันที่เห็นว่าเรื่องราวมันชักจะยุ่งยากมากขึ้นทุกทีจึงห้ามปรามคนร่างบางซึ่งกำลังหันมาโฟกัสทางฉันแทนด้วยแววตาขุ่นมัว“คุณยูโร? ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้...ไม่สิคุณรู้จักกับพายอาร์ด้วยหรอคะ”“ถ้าจะให้พูดล่ะก็ ตอนนี้ฉันเป็นนายจ้างของคุณพายอาร์อยู่น่ะค่ะ และฉันก็ได้แต่หวังว่าเมลจะไม่ทำอะไรนางแบบโฆษณาของฉันหรอกนะคะ ”ฉันยิ้มหน้าตายใส่อีกคนที่ชะงักค้างลงก่อนที่ฉันจะถือวิสาสะพ
รู้สึกว่างเปล่ามากซะจน...เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ นี่ฉันกำลังตกอยู่ในวัยต่อต้านตัวเองรึไง“ท่านประธานค่ะ โฆษณาที่ให้ดิฉันไปจัดการเสร็จแล้วค่ะ”จริงสิ....ฉันยังรับบทเป็นประธานบริษัทรถยนต์นำเข้าอยู่นี่น่า คนร่างบางพยักหน้ารับเลขาสาวช้าๆ พลางหยิบแฟ้มอนุมัติงบประมาณขึ้นมาเซ็นต์“งั้นก็ปล่อยออกไปได้เลย ส่วนยอดขายเดือนนี้บอกให้ทีมเอ กระตุ้นยอดขายโดยการส่งรถยนต์ไปเป็นสปอนเซอร์ของซีรีส์ที่จะออนแอร์ปลายปีนี้ด้วย”“ได้ค่ะท่านประธาน”เห็นแบบนี้ฉันก็มีความรับผิดชอบต่องานที่ตัวเองเอามาบังหน้าอยู่นะ อย่างน้อยก็ควรทำตัวให้เป็นแบบอย่างแก่พวกพนักงานที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย“จริงสิคะ เรื่องหุ้นของบริษัทที่กำลังจะขาดทุนนั่น ท่านประธานจะซื้อเอาไว้ไหมคะ”บริษัทบราเดอร์ เหตุผลที่ขาดทุนขนาดนั้นคงมีคนโกงในบริษัท ถึงไม่ใช่ปัญหาหลัก แต่เรื่องที่บริษัทของเขาจัดว่าเด่นในเรื่องการรักษาความปลอดภัยก็น่
ณ แทบทะเลทางตอนเหนือ สายลมกระโชกแรง มวลน้ำทะเลม้วนตัวเป็นคลื่นพายุพัดโหมกระหน่ำชายฝั่งทำให้ท่าเรือในละแวกนั้นไม่สามารถสัญจรไปได้ แต่ทว่าร่างของเด็กหญิงผมสีฟ้าครามก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางพายุที่พัดกระหน่ำรุนแรง“เข้าใจเลือกดีนี่ นายจงใจเลือกที่ๆ ฉันไม่สามารถหายตัวไปไหนได้ เพราะไม่รู้พิกัดที่แน่นอน”แปะ..แปะ…เสียงปรบมือดังขึ้นจากด้านหลังของเด็กสาวซึ่งสวมเสื้อคลุมเอาไว้จนมิดศีรษะทำให้อีกฝ่ายเหยียดยิ้มออกมาช้าๆ“ยินดีต้อนรับ ตัวแทนพระเจ้า คุณยอมมาถึงที่นี่จริงๆซะด้วย เพื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นงั้นหรอ หรือเพราะว่าผมกันล่ะ”ร่างขาวเนียนสวมเสื้อบลูฮาวายสีดำสนิทแววตาสีแดงฉานเรือนผมสีชมพูอ่อนเดินเข้ามาหมายจะแตะต้องไหล่บางของอีกคนซึ่งกำลังเดือดเต็มที่“ใจเย็นๆ ก่อนสิครับ ไอความเย็นของคุณแช่แข็งมือของผมหมดแล้วนะครับ ยูโร ชิยูอิน”ไอความเย็นยะเยือกแผ่กระจายไปทั่วบริเวณที่ทั้งคู่ยืนอยู่ สร้างความประห
แบบนี้มันผิดปกติเกินไปแล้ว...หยิบยาสีฟันมาล้างหน้าเนี่ยนะ!? ไหนจะเดินออกคอนโดโดยไม่ยอมเอากุญแจรถมาอีก!? นี่ตัวฉันกำลังเกิดการต่อต้านแน่ๆ ตั้งแต่วันนั้นฉันก็เอาแต่เห็นภาพของจีราญาตลอด เป็นบ้าอะไรกันเนี่ย ทำไมฉันถึงต้องคิดถึงแต่เธอด้วย ไม่เข้าใจเลย!“อะไรของเธออารมณ์บูดแต่เช้าเลยนะ”รินคุปรากฎตัวขึ้นด้านหลังของฉันซึ่งกำลังกุมศีรษะอย่างไม่รู้จะหาทางออกยังไงก่อนจะเงยใบหน้าขึ้นมาสบตากับเขาที่ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร“รู้เรื่องแล้วงั้นหรอ”“แน่สิ เธอนี่ขยันหาเรื่องได้ตลอดเลยนะ รอบนี้ก็ดันไปทำสัญญาเลือดกับเจ้าปีศาจตลบตะแลง จนคะแนนติดลบ คิดอะไรอยู่กันแน่”อ่า คะแนน...จริงสิ...ยังไม่มีเลยแท้ๆ ดันติดลบซะแล้ว ให้ตายเถอะ!“แล้วคะแนนที่ติดมันลบเยอะไหมอ่ะ”ฉันทำหน้าหงอยเต็มขั้นโดยไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะถูกหักคะแนนหางเร่ไปด้วย“เพิ่งจะสำนึกงั้นหรอ”
“ประธานค่ะ คุณอีเมลมาขอเข้าพบค่ะ”“ให้เธอเข้ามา”ปวดหัวฉันชะมัด ตั้งแต่วันนั้นฉันก็ไม่กล้าไปพบหน้าจีราญาอีกเลย เธอมาหาก็เอาแต่หลบหน้า ทำไงดี เกิดกลัวความรู้สึกขึ้นมาดื้อๆ ไอ้ความรู้สึกชอบเนี่ย ฉันเองก็ยังไม่เข้าใจ...ตาโหล....เนื่องจากอดนอน....“สวัสดีค่ะ คุณยูโร”คนร่างบางสวมกางเกงขายาวสามส่วนพร้อมกับชุดน้ำตาลสีเข้มเข้ามาหาฉันที่นั่งจดจ่อกับเอกสารพลางเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอีกคน“สวัสดีค่ะ คุณอีเมล”ฉันส่งยิ้มให้เธอนิดๆตามมารยาท ก่อนจะยื่นเอกสารฉบับเต็มซึ่งมีลายเซ็นต์ของฉันเรียบร้อยให้กับอีกคน“อันนี้เป็นเอกสารสัญญาเพิ่มเติมของคุณอีเมลที่ฉันร่างไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณต้องการเพิ่มเติมอะไรบอกฉันได้เลยนะคะ”“ค่ะ ขอบคุณนะคะ ว่าแต่คุณยูโร เป็นอะไรรึเปล่าคะ”“ฉันหรอคะ ก็ไม่นี่น่า....”
พาร์ท จีราญาฉันได้แต่ครุ่นคิดแล้วก็สงสัยในทุกๆครั้ง ว่าทำไมกันนะ ไม่ว่าฉันจะพยายามนึกถึงใบหน้าของใครบางคนอีกสักเท่าไร มันก็ไม่มีทางนึกออกได้เลย....เหมือนกับว่าฉันกำลังจมน้ำโดยที่ไม่มีทางที่จะก้าวขึ้นมาได้ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยัง...อยากที่จะนึกถึงแต่มันอยู่ดี...แปะ...แปะ...“จี แกเป็นอะไรเนี่ย จู่ๆ ก็ร้องไห้อีกแล้ว ยังรักษาไม่หายอีกหรอ”ทันทีที่ฉันหยุดคิด เสียงแหลมๆ ของเพื่อนคนสนิทซึ่งมีเพียงไม่กี่คนของฉันก็เอ่ยทักขึ้นทำให้ต้องละสายตาจากแก้วกาแฟใบโปรดกลับมองเธอที่ทำหน้าตกใจกับรอยแดงจางๆ บนใบหน้าของฉันแทน“อืม ก็นิดหน่อยน่ะ เมื่อคืนฉันฝันร้ายอีกแล้ว”“แบบนี้ก็แย่สิจี ว่างๆ แกควรให้พี่พีเจพาไปตรวจสุขภาพหน่อยก็ดีนะ ฉันเห็นแกชอบร้องไห้ไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาตั้งหลายครั้งแล้ว ”“ไม่เป็นไรหรอกโรส ฉันโอเค แกคิดมากไปแล้ว”“งั้นหรอ ถ้าแกว่า
ฉัน...รู้อยู่แล้ว ว่าความจริงยูกิจังไม่เหมือนเดิม เธอเปลี่ยนไปตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน ทั้งรอยยิ้ม และสายตาแบบนั้น ทำให้ฉันเข้าใจมันได้เป็นอย่างดี….เธอไม่ใช่ชิยูกิของฉันหรอก...แต่ถึงอย่างนั้น..แต่ฉันก็ยังทำใจยอมรับมันไม่ได้...เรื่องที่ว่าไม่มีชิยูกิจังอยู่ต่อไปอีกแล้วน่ะ....ฉันควร...จะทำยังไงดีล่ะ....“นี่มันยังไงกันแน่ ตกลงว่าชิยูกิคนนี้เป็นตัวปลอมอย่างงั้นน่ะหรอ อย่าเอาแต่เงียบสิ ฉันเองก็ปวดใจนะ! อย่าเอาแต่เงียบกันได้ไหม! แล้วตัวจริงล่ะ...ตัวจริงไปอยู่ที่ไหน!”“เรื่องนั้น...”คนร่างบางจับชายเสื้อของชิยูกิเอาไว้แน่นทำให้อีกฝ่ายหยุดชะงักลงก่อนจะแสดงสีหน้าอันขนขื่นออกมา“ฉันคิดว่าเจ้าของร่างนี้อาจจะตายไปแล้ว”คนร่างผอมเพรียวแทบจะล้มไปกองกับพื้นทันทีตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของมีอาเธอเดินเข้ามากระชากคอเสื้อด้านนอกสีน้ำเงินเข้มของยูโรซึ่งไม่มีทีท่าขัดขืนแต่อย่างใด“ตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอรู้เรื่องนี้ตั้งแ
ฉันปรายตามองคนมาใหม่อย่างโกรธเคืองเพราะไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเธอจะตามฉันมาถึงที่นี่ ไหนว่าจะขายฉันทิ้งแล้วไงล่ะ ยังจะมาไยดีอะไรกันอีก แค่หน้าก็ไม่อยากจะมองแล้ว ยังจะมาที่นี่อีกทำไม...“หยุดทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่าข้าได้แล้ว พี่สาวอย่างข้าอุตส่าห์ทิ้งภาระอันหนักอึ้งมาหาเจ้าเชียวนะ ตอบแทนกันอย่างนี้รึ”ไม่พูดเปล่ายูแอลยังถือวิสาสะดึงแขนของเด็กสาวออกจากการเกาะกุมของเฮร่าพลางดึงคนร่างบางมาไว้ข้างตัวด้วยสีหน้าเรียบเฉยผิดกับสองคนที่เหลือ“ชิยูกิ!”“เอริคนี่เจ้าไม่คิดจะสอนมารยาทน้องสาวของเจ้าหน่อยรึไง”คนร่างสวยหวาดตามองหญิงสาวทั้งสองอย่างเอาเรื่องทำให้เอริคผู้เป็นพี่รีบขอโทษแทนน้องสาวแทบไม่ทัน“ขออภัยขอรับ ท่านหญิง น้องสาวของกระผมเสียมารยาทต่อท่านหญิง ได้โปรดอภัยให้นางด้วย”“พี่ / เอริค ย
ฉันคิดว่ามีอาคงผูกใจเจ็บกับเฮร่าจริงๆ นั่นล่ะ เพราะคิดไม่ถึงเลยว่ายัยนั่นจะตามติดพวกฉันแจขนาดนี้“มีอา”ฉันเหล่ตามองเธออย่างลำบากใจที่เห็นคู่หมั้นของเอริคมายืนส่งยิ้มให้กันตั้งแต่หัววันแบบนี้ แถมยังไม่ยอมปลายตามองคู่หมั้นของตัวเองอีกต่างหาก ถ้าให้ฉันเดาล่ะก็ ก็ถูกคลุมถุงชนแหง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไม่เห็นจะต้องพุ่งสายตากดดันมาทางฉันเลยก็ได้นี่!“ฉันมาชวนเธอไปเที่ยวด้วยกันน่ะ”“ยูกิจังไม่ไปกับเธอหรอก”เฮร่าเดินลงมาจากบันไดพลางปลายตามองผู้มาใหม่อย่างกดดันเธอดูอารมณ์ไม่คงที่สุดๆ“ ชิยูกิต้องได้รับอนุญาตจากเธอก่อนรึไง ถึงจะออกไปข้างนอกกับฉันได้”“ใช่”เหมือนจะไม่ใช่นะ....ทำไมต้องมาทะเลาะกันเรื่องของฉันด้วยล่ะ อีตาเอริคนี่ก็อีกคนช่วยพูดอะไรหน่อยได้ไหม คุณเป็นคนต้นเรื่องไม่ใช่หรอ พวกเค้าทะเลาะกันเพราะคุณนะ“เธอไม่ใช่เจ้าของชิยูกิสักหน่อย ไม่มีสิทธิมาตัดสินใจนะ”“เธอก
ก็ไม่รู้ว่าเฮร่าโกรธฉันเรื่องอะไรหรอกนะ แต่เล่นมาทิ้งกันไปแบบนี้แล้วฉันจะกลับบ้านยังไงได้ล่ะ....ฉันพยายามมองหาเธออีกครั้งแต่ทว่ามันก็ไร้ผล ไม่มีวี่แววของเธอเลย หรือว่าคนร่างบางจะจงใจทิ้งฉันเอาไว้ที่นี่จริงๆ ....“อ้าว ชิยูกิยังไม่กลับบ้านอีกหรอ”“มีอา?”ฉันหันกลับไปมองเธอที่ถือกระเป๋ามารอฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้ามายืนรอฉันทำไม เราเพิ่งรู้จักกันวันนี้เองนะ ไม่เห็นจะต้องใส่ใจกันเลย“กลับบ้านด้วยกันไหมล่ะ”“เอ่อ คือว่าฉันต้องรอเฮร่ากลับบ้านด้วยกันน่ะ”“เอ๋ งั้นหรอ แต่ดูท่าทางยัยนั่นจะกลับบ้านไปก่อนแล้วนะ”อ่า...สรุปว่าฉันโดนทิ้งเอาไว้ที่นี่จริงๆ ด้วย...“ทำไมทำหน้าหงอยอย่างนั้นล่ะ เอ้า ยื่นมือมาสิ เธอกลับกับฉันก็ได้”“ไม่เป็นไร ฉันกลับเองดีกว่า”
ก็ไม่ได้เกลียดกับการถูกติดหนึบจากคนที่ไม่รู้จักหรอกนะ แต่แบบนี้มันก็ดูจะเกินไปหน่อย ฉันแลสายตามองเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันซึ่งกำลังควงแขนของฉันด้วยรอยยิ้มสดใสแตกต่างจากพี่ชายของเธอลิบลับ“ไปก่อนนะคะพี่”“อืม ไปดีมาดีล่ะ”เอริคพูดขึ้นพลางยื่นกระเป๋าส่งมาให้ฉันซึ่งทำหน้าหนักใจหนักกว่าเดิมเพราะเขายังคงยืนนิ่งไม่ขยับตัวไปไหน“เอ่อ คือ”ฉันพูดพลางคิ้วกระตุกนิดๆ เมื่อพยายามดึงกระเป๋าออกจากฝ่ามือของเขาหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมันสักที สรุปจะให้หรือไม่ให้กันแน่“พี่จะถือกระเป๋ายูกิจังอีกนานไหมคะ ปล่อยได้แล้วนะ”“อ่ะ โทษที เดินทางปลอดภัยนะ”“อื้ม! ยูกิจังไปกันเถอะ”“ยูกิจัง?”“ ขอเรียกยูกิจังได้ไหม ตอนเด็กๆ เราก็เรียกกันแบบนี้ไง แง ทำไงดี รู้สึกแย่จัง เมื่อไรจะจำฉันได้ล่ะ&rdq
หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง หรือสามชั่วโมง ฉันถูกพามาอยู่ในยุคสงครามรวบรวมหัวเมืองกันอยู่รึไง เหนื่อยชะมัด ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ฉันก็จับดาบไม่ได้พักเลยด้วยซ้ำ ไม่ตลกเลยนะ ไหนพวกเกมแนว rpg มันถึงจับกันง่ายขนาดนั้นล่ะ ชีวิตจริงไม่เห็นเหมือนอย่างที่คิดไว้เลยนี่หว่า!“ท่านเป็นน้องของท่านหญิงซายะแน่หรอ”คนร่างสูงปลายตามองฉันอย่างเหนื่อยใจ แต่นั่นมันก็ช่วยไม่ได้ เพราะชีวิตจริงหรือโลกหลังความตายฉันก็ไม่เคยใช้อาวุธกับใครเค้าซะหน่อย จะใช้ไม่เป็นแล้วมันผิดรึไงย่ะ ไอ้คนคลั่งอาวุธหัวทองเอ้ย!“นี่...ฉันว่าพอก่อนเถอะ”“เห แต่ท่านยังไม่ได้ฝึกพวกธนูกับมีดเลยนะ”จะอะไรฉันก็ไม่อยากฝึกทั้งนั้นล่ะ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ทั้งมือและขามันก็ชาไปหมด ไม่รับรู้ถึงความเหนื่อยบ้างรึไงกัน“พอแค่นั้นล่ะ”“ท่านหญิงซายะ รับทราบขอรับท่านหญิง”เคารพกันจังเลยนะ ยัยผู้หญิงเผด็จการคนนี้เนี่
คนร่างบางสบตาฉันนิ่งและไม่ปรากฏรอยยิ้มใดๆ จากเจ้าตัวเลย ที่พูดว่าจะฆ่า เธอคงไม่ได้โกหกสินะ ตัวฉันเริ่มสั่นเทาไปด้วยความกลัวขึ้นมาดื้อๆ ทำไมคนที่มีอำนาจขนาดนั้นถึงได้มาหาฉันได้ล่ะ แต่แล้วเสียงของรินคุก็ทำให้ฉันมีสติขึ้นมา“ยูโร!!”“หืม นายคงเป็น ตัวแทนลำดับที่เก้ามิคาเอล รินคุ”“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม”เขาหันมามองฉันอย่างเป็นห่วง ในขณะเดียวกันสีหน้าของรินคุก็ไม่สู้ดีนัก ทำให้ยูแอลต้องคลายแรงกดดันลง“เธอคงตกอยู่ในอาการหวาดกลัวน่ะ เพราะไม่เคยเจอแรงกดดันแบบนี้มาก่อน ว่าแต่นาย-”“ขออภัยที่กระผมเสียมารยาท ถ้าเธอทำอะไรผิดไปยกโทษให้ยูโรด้วยเถอะครับ! ท่านยูแอล”“ยกโทษ...งั้นหรอ ตลกดีนะ เด็กคนนั้นไม่คิดจะขอโทษฉันด้วยซ้ำไป”“ท่านยูแอล!”“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่คิดจะทำร้ายเธอหรอก เพราะฉะนั้น เด็กคนนี้ฉันจะอบรมเอง
เมื่อคืนเราร้องไห้หนักมากจนตาบวมเลยแหะ ฉันส่องกระจกพลางเช็คสภาพตัวเองและจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะออกมาตามเวลานัดที่ไล่เลี่ยกัน หวังว่าเธอคงจะไม่รอนานนะ“จี”คนร่างบางหันมาตามเสียงเรียกของฉันก่อนเธอที่จะรีบวิ่งเข้ามาหากันด้วยรอยยิ้มสดใส“ยูโร”“รอนานไหม”“ไม่นานหรอกค่ะ”โกหก ฉันมาเลทตั้งครึ่งชั่วโมงเพื่อจะพิสูจน์ความจริงใจ แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่รู้ตัวเลยนะ“ขอโทษที่มาช้านะ”“อย่าคิดมากสิคะ ไปกันเลยไหม สวนสนุกน่ะ”ท่าทางกระตื้อรื้อล้นของเธอมันทำให้ฉันแอบปวดใจนิดๆ แหะ“เอาสิ ว่าแต่คนพวกนั้นไม่อยู่แล้วหรอ”ฉ