ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมายังคนร่างเพรียวซึ่งกำลังวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ก่อนที่เธอจะถูกผู้หญิงตรงหน้ากระชากแขนเสื้อขึ้นมาโดยที่พายอาร์ไม่ทันได้สนใจสิ่งรอบตัวใดๆ
“.......”
“ถึงกับใบ้กินเลยงั้นหรอ ไม่มีอะไรจะพูดหน่อยหรอไง!”
“พี่ขอโทษ...แต่ถึงยังไงพี่ก็รักเขาไม่ได้อยู่ดี”
“ไหนบอกว่าจะยอมทำทุกอย่างให้เมลไง ที่พูดมาคือคำโกหกงั้นหรอ ว่าแล้วเชียวคนอย่างเธอนี่มันเลวที่สุด!”
“ปล่อยมือก่อนเถอะค่ะ ฉันว่าที่นี่ไม่เหมาะให้มาทะเลาะกันนะ”
ฉันที่เห็นว่าเรื่องราวมันชักจะยุ่งยากมากขึ้นทุกทีจึงห้ามปรามคนร่างบางซึ่งกำลังหันมาโฟกัสทางฉันแทนด้วยแววตาขุ่นมัว
“คุณยูโร? ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้...ไม่สิคุณรู้จักกับพายอาร์ด้วยหรอคะ”
“ถ้าจะให้พูดล่ะก็ ตอนนี้ฉันเป็นนายจ้างของคุณพายอาร์อยู่น่ะค่ะ และฉันก็ได้แต่หวังว่าเมลจะไม่ทำอะไรนางแบบโฆษณาของฉันหรอกนะคะ ”
ฉันยิ้มหน้าตายใส่อีกคนที่ชะงักค้างลงก่อนที่ฉันจะถือวิสาสะพาเธอออกมาท่ามกลางเสียงหือฮาของเหล่าบุคลากรทางแพทย์
“คุณพาฉันออกมาทำไมคะ ฉันยังไม่ได้จัดการกับเธอเลย!”
“เพราะฉันไม่อยากเห็นคุณขาดสติไปมากกว่านี้”
“ฉันกลายเป็นคนผิดหรอคะ ผู้หญิงคนนั้นทำให้พี่ชายของฉันต้องทำร้ายตัวเองซ้ำๆนะ ทั้งหมดก็เพราะเธอคนเดียว”
“ คุณโกรธที่เขาทำให้คุณผิดหวัง เรื่องที่พี่ชายของเมลแอบรักคุณพายอาร์ข้างเดียวน่ะหรอคะ”
ฉันเอ่ยถามคนร่างบางซึ่งยืนสั่นเทาไปด้วยความโกรธเต็มขั้น แน่นอนว่าฉันสามารถรับรู้เรื่องราวผ่านทางความคิดของเธอได้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่กระสับกระส่ายไม่หยุด‘ทำไมถึงมีแต่คนรัก คนปกป้องพี่พายอาร์กันล่ะ ทั้งๆ ที่เธอเป็นฝ่ายผิดสัญญาแท้ๆ แต่ทำไม...’
“เรื่องพี่ชายของคุณ...ฉันจัดการให้ได้นะคะ”
ฉันแอบเสกเอาผ้าเช็ดหน้าผืนบางยื่นให้กับคนหน้าสวยซึ่งเงยใบหน้าขึ้นมาสบตาฉันอย่างจดจ่อ
“อย่าพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ดีกว่าค่ะ.....คุณเองก็อยากให้ฉันออกห่างจากพายอาร์ด้วยใช่ไหมล่ะคะ คืนนั้นในสมุดบันทึกนั่นก็มีชื่อเธออยู่ด้วยนี่น่า”
นี่เธอเห็นสมุดบันทึกของฉันแล้วสินะ....
“แอบดูของคนอื่นมันไม่ดีนะคะ แต่ฉันก็ไม่ได้เกลียดส่วนนั้นของคุณหรอกนะ...”
คนร่างบางส่งยิ้มจางๆให้กับอีเมลซึ่งน้ำตาคลอเบ้าอยู่กับที่
“สิ่งที่ไม่ควรเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือการที่คุณได้มาพบกับฉันค่ะ...ดังนั้น...สบายใจได้เลยว่าพี่ชายของคุณจะเหลือแต่ความทรงจำดีๆที่ฉันทิ้งไว้ให้”
รวมทั้งตัวคุณด้วย...........
ทันทีที่พูดจบแสงสีทองก็พุ่งออกจากตัวของคนร่างสวยนัยต์ตาสีน้ำตาลอ่อนไปยังห้องพยาบาลที่ชายหนุ่มร่างสูงนอนสะบักสะบอมด้วยพิษไข้พลางสะท้อนความทรงจำแย่ๆ ออกมา
“ยูโร เธอเอาตัวเองเข้าไปยุ่งในสิ่งที่ไม่ควรยุ่งอีกแล้วนะ”
รินคุปรากฎกายขึ้นจากด้านหลังของฉันก่อนที่เขาจะใช้พลังทำให้ผู้หญิงตรงหน้าสลบลงในอ้อมกอดของคนร่างบางซึ่งยืนรับร่างของเธอไว้ได้ทันถ่วงที
“ก็แค่ตอบแทนที่เธอเคยช่วยฉันไว้ ว่าแต่นายเถอะทางนั้นเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดี ฉันแทรกแซงให้หมดแล้ว ดูเหมือนแผนของฉันจะได้ผลตามคาด อีกไม่นานภารกิจของเราก็จะจบลงแล้วล่ะ เราจะได้ไปจากที่นี่ซะที ฉันเหนื่อยที่จะต้องเล่นตามเกมพวกมนุษย์เต็มทนแล้ว”
“นั่นสินะ ขืนอยู่นานเกินไปฉันอาจจะติดกับดักเอา”
“กับดัก?”
“บอกนายไปก็คงเท่านั้นล่ะ เอาเป็นว่าจับตาดูพวกเขาเอาไว้ให้ดี เผื่อว่าแผนของนายจะผิดพลาด ฉันจะได้แก้ทัน”
“ไม่มีทางหรอกน่า เชิญตกหลุมรักพวกมนุษย์ให้พอ หวังว่าเธอคงไม่โง่ยอมกลายเป็นมนุษย์ไร้หัวคิดเหมือนเจ้าพวกนั้นหรอกนะ”
ฉันเลือกที่จะเมินคำพูดพวกนั้นพลางย้ายร่างของอีเมลมาไว้ในห้องนอนของเธอแทน มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะหาที่อยู่ของอีเมลจากความทรงจำ แน่นอนว่าต้องไม่ให้ใครรู้ จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกผิดต่อคนร่างบางนิดๆ อยู่ดี ทำยังไงถึงจะสลัดความคิดพวกนี้ออกไปได้กันนะ...
“ยูโร มาทำอะไรที่นี่กันครับ ไหนว่าไม่อยากมาที่แบบนี้ไงล่ะ”
รันเวย์ จริงสิ ครั้งแรกที่ฉันเจอเขาก็อยู่แต่ในแบบนี้นี่นะ
“บางครั้งก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างน่ะ แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอกนะ วันนี้ฉันไม่ได้คิดจะดื่มอะไรที่ทำตัวเองรู้สึกแย่เหมือนวันนั้นแน่นอน”
“ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ค่อยโล่งใจหน่อย”
คนร่างสูงถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะถูกหญิงสาวในชุดราตรีสีเพลิงล้อมหน้าล้อมหลังทำให้คุยกับอีกคนลำบากมากยิ่งขึ้น
“รันเวย์ มัวมาทำอะไรอยู่ตรงนี้กันคะ เราไปสนุกกันดีกว่านะคะ มาสิคะ”
“เอ่อ คือผม...”
“ไปเถอะ”
ฉันทนเห็นคนร่างสูงโดนโอบกอดไล่ประคองจูบใส่กันต่อไปไม่ไหวแล้วจึงลุกขึ้นยืนจากบาร์ตรงหน้าพลางเดินเลี่ยงไปอีกทางปล่อยให้เขาได้ลิ้มลองหญิงสาวในชุดสีแดงเพลิงต่อไป แม้ว่าสายตาของเขาจะจับจ้องมาที่ฉันก็ตาม
“ชักไม่แน่ใจแล้วสิ ว่าบททดสอบครั้งนี้มันมีไว้ให้ใครกันแน่”
คนร่างบางบ่นพึมพำกับท้องฟ้ายามค่ำคืน พลางนั่งอยู่บนจุดสูงสุดของชั้นด่านฟ้า เสียงไซเรนดังผ่านไปตามปกติ และคืนนี้พวกยมทูตก็ออกทำงานกันอีกแล้ว ทั้งที่คิดว่าจะเมินพวกไร้หัวคิดอย่างที่รินคุบอกแล้วเชียว แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้
“สรัน นายเลือกแบบนี้จริงๆ น่ะหรอ”
ชายชุดสูทแบบเดียวกับที่ฉันเจอวันนั้น เขากำลังกอดร่างของผู้หญิงนัยต์ตาสวยซึ่งมีรอยเลือดออกจากศีรษะเป็นทาง คงโดนรถชนมาสินะ
“ฉันจะตายเอง ให้เธอรอดแล้วเอาฉันไปแทน”
“นายก็รู้ว่าถึงยังไงก็ช่วยเธอไม่ได้อยู่ดี นายต่อสัญญาจนมันไม่เหลือให้ต่อแล้วนะ สรันยอมรับความจริงซักทีเถอะ”
คนผมสีดำสนิทเผากระดาษสัญญาของอีกคนพลางทำหน้าเสียใจให้กับเพื่อนสนิทซึ่งกำลังกอดร่างของหญิงสาวคนนั้นเอาไว้แน่น
“ถ้าทำสัญญากับแม่มดล่ะ พวกเขามีใบสัญญากับยมทูตระดับสูงนี่ ถ้าทำแบบนั้น!”
“พวกแม่มดไม่มีทางมาทำสัญญากับยมทูตระดับล่างอย่างเราหรอก ฉันถึงบอกให้นายปล่อยเธอไปไง!”
ความรักทำให้คนเราตาบอดจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่กระทั่ง ยมทูตซึ่งกำลังตั้งตนเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกแลกกับความรักที่ไม่มีทางเป็นจริงได้เขาก็ยอม
“ถ้านายไม่ยอม พวกฉันก็จำเป็นต้องกำจัดนายทิ้ง อย่าให้เป็นแบบนั้นเลยน่า ”
“หยุดพูด! ถ้าพวกนายไม่คิดจะช่วยฉันก็ถอยไป!”
เงาทะมึนเริ่มเข้าควบคุมร่างกลายของชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลเข้มขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามีคนค่อยชักจูงเขาอยู่เบื้องหลัง
“อย่าให้ความมืดควบคุมนายสิสรัน! นายต้องปล่อยเธอไป ! ”
“ไม่!!!!!!”
“แย่ล่ะสิ! เขาคลุ้มคลั่งไปแล้ว! ถ้าไม่รีบจัดการล่ะก็ พวกปีศาจได้แห่กันมาแน่!!”
เหล่ายมทูตที่เหลือพยายามใช้พลังสะกดเขาเอาไว้ แต่ก็ไม่สำเร็จเนื่องจากคนร่างสูงกลายรูปร่างเป็นสุนัขหมาป่าตัวใหญ่สีดำทมิฬ
“มัวทำอะไรอยู่ล่ะ มูน! นายต้องฆ่าเขาเดี๋ยวนี้เลย!”
“ตะ แต่ว่ารุ่นพี่เขายังมีสติอยู่เลยนะครับ! รุ่นพี่!!!!”
เรือนผมสีบลอนด์ขยับตัวออกห่างเจ้าหมาป่าสีดำอย่างตื่นหนก ดวงตาแดงฉานจ้องมายังเหล่ายมทูตด้วยความโกรธแค้นพลางกระโดดตะครุบร่างชายหนุ่มผมบลอนด์เอาไว้ด้วยอาการคลุ้มคลั่ง
“มูน!!!!!”
ทันทีที่สิ้นเสียงตะโกนสีเลือดแดงฉานก็กระเซ็นไปทั่วบริเวณภาพของหญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อนปรากฎตัวขึ้นขวางหมาป่าสีดำทมิฬฉายชัดขึ้นในดวงตาของชายหนุ่มอย่างลืมตัว
“เพิ่งจะเคยเห็นการถูกกัดกินจิตใจครั้งแรกแท้ๆ แต่แปลกจังนะ ที่คุณร้องไห้แบบนี้”
คนร่างบางแตะมือลงบนศีรษะของหมาป่าสีดำตัวใหญ่ซึ่งกำลังคลุ้มคลั่งก่อนที่เขาจะค่อยๆสงบสติตัวเองลงและกลับกลายเป็นมนุษย์ดั่งเดิม
รอยเลือดไหลซึมออกจากปลายแขนของยูโรช้าๆ ....จนกระทั่งอีกคนสังเกตเห็น
“แขนของคุณ...ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ!”
“ แค่นี้เองไม่เป็นอะไรหรอก”
ยูโรบอกปัดอีกคนซึ่งดูกระตื้อรื้อร้นกับรอยแผลของเธอ
“ขอบคุณที่มาช่วยพวกเราเอาไว้นะครับ ตัวแทนพระเจ้าอันดับที่ 5”
“ตะ ตัวแทนอันดับที่ 5 งั้นหรอครับ!!!”
อีกคนตกใจอย่างมากก่อนที่เขาจะรีบก้มโค้งให้กับคนร่างบางตามรุ่นพี่คนอื่นๆ
“กับคนพวกนี้พวกคุณจะทำยังไงกับเขาหรอคะ”
คนร่างบางปลายตาไปยังชายหนุ่มร่างสูงซึ่งนั่งกอดร่างของหญิงสาวเอาไว้แน่น ไม่ยอมไปไหน ถ้าพูดให้ถูกคือ ไปไหนไม่ได้เลยต่างหากเนื่องจากถูกโซ่พันธนาการเอาไว้หมดทุกทางแล้วด้วยฝีมือของยมทูตด้วยกันเอง
“ก็คงต้องจับตัวเขาไปให้ทางเบื้องบนจัดการอีกทีน่ะครับ ส่วนวิญญาณของเธอก็จะนำไปสู่ปรโลกให้ ว่าแต่แขนของคุณ...”
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ”
ฉันกลับมายังคอนโดของตัวเองพลางคิดไม่ตกเลยว่า จะทำยังไงกับความรู้สึกชวนปวดหัวนี้ดี ระหว่างนั้นแผลของฉันมันก็ค่อยๆสมานติดกันไปจนไม่เหลือร่องรอยอะไรเอาไว้อีก และมันก็คงเหมือนกับความรู้สึกของฉันตอนนี้ล่ะมั่ง ที่ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว....
รู้สึกว่างเปล่ามากซะจน...เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ นี่ฉันกำลังตกอยู่ในวัยต่อต้านตัวเองรึไง“ท่านประธานค่ะ โฆษณาที่ให้ดิฉันไปจัดการเสร็จแล้วค่ะ”จริงสิ....ฉันยังรับบทเป็นประธานบริษัทรถยนต์นำเข้าอยู่นี่น่า คนร่างบางพยักหน้ารับเลขาสาวช้าๆ พลางหยิบแฟ้มอนุมัติงบประมาณขึ้นมาเซ็นต์“งั้นก็ปล่อยออกไปได้เลย ส่วนยอดขายเดือนนี้บอกให้ทีมเอ กระตุ้นยอดขายโดยการส่งรถยนต์ไปเป็นสปอนเซอร์ของซีรีส์ที่จะออนแอร์ปลายปีนี้ด้วย”“ได้ค่ะท่านประธาน”เห็นแบบนี้ฉันก็มีความรับผิดชอบต่องานที่ตัวเองเอามาบังหน้าอยู่นะ อย่างน้อยก็ควรทำตัวให้เป็นแบบอย่างแก่พวกพนักงานที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย“จริงสิคะ เรื่องหุ้นของบริษัทที่กำลังจะขาดทุนนั่น ท่านประธานจะซื้อเอาไว้ไหมคะ”บริษัทบราเดอร์ เหตุผลที่ขาดทุนขนาดนั้นคงมีคนโกงในบริษัท ถึงไม่ใช่ปัญหาหลัก แต่เรื่องที่บริษัทของเขาจัดว่าเด่นในเรื่องการรักษาความปลอดภัยก็น่
ณ แทบทะเลทางตอนเหนือ สายลมกระโชกแรง มวลน้ำทะเลม้วนตัวเป็นคลื่นพายุพัดโหมกระหน่ำชายฝั่งทำให้ท่าเรือในละแวกนั้นไม่สามารถสัญจรไปได้ แต่ทว่าร่างของเด็กหญิงผมสีฟ้าครามก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางพายุที่พัดกระหน่ำรุนแรง“เข้าใจเลือกดีนี่ นายจงใจเลือกที่ๆ ฉันไม่สามารถหายตัวไปไหนได้ เพราะไม่รู้พิกัดที่แน่นอน”แปะ..แปะ…เสียงปรบมือดังขึ้นจากด้านหลังของเด็กสาวซึ่งสวมเสื้อคลุมเอาไว้จนมิดศีรษะทำให้อีกฝ่ายเหยียดยิ้มออกมาช้าๆ“ยินดีต้อนรับ ตัวแทนพระเจ้า คุณยอมมาถึงที่นี่จริงๆซะด้วย เพื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นงั้นหรอ หรือเพราะว่าผมกันล่ะ”ร่างขาวเนียนสวมเสื้อบลูฮาวายสีดำสนิทแววตาสีแดงฉานเรือนผมสีชมพูอ่อนเดินเข้ามาหมายจะแตะต้องไหล่บางของอีกคนซึ่งกำลังเดือดเต็มที่“ใจเย็นๆ ก่อนสิครับ ไอความเย็นของคุณแช่แข็งมือของผมหมดแล้วนะครับ ยูโร ชิยูอิน”ไอความเย็นยะเยือกแผ่กระจายไปทั่วบริเวณที่ทั้งคู่ยืนอยู่ สร้างความประห
แบบนี้มันผิดปกติเกินไปแล้ว...หยิบยาสีฟันมาล้างหน้าเนี่ยนะ!? ไหนจะเดินออกคอนโดโดยไม่ยอมเอากุญแจรถมาอีก!? นี่ตัวฉันกำลังเกิดการต่อต้านแน่ๆ ตั้งแต่วันนั้นฉันก็เอาแต่เห็นภาพของจีราญาตลอด เป็นบ้าอะไรกันเนี่ย ทำไมฉันถึงต้องคิดถึงแต่เธอด้วย ไม่เข้าใจเลย!“อะไรของเธออารมณ์บูดแต่เช้าเลยนะ”รินคุปรากฎตัวขึ้นด้านหลังของฉันซึ่งกำลังกุมศีรษะอย่างไม่รู้จะหาทางออกยังไงก่อนจะเงยใบหน้าขึ้นมาสบตากับเขาที่ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร“รู้เรื่องแล้วงั้นหรอ”“แน่สิ เธอนี่ขยันหาเรื่องได้ตลอดเลยนะ รอบนี้ก็ดันไปทำสัญญาเลือดกับเจ้าปีศาจตลบตะแลง จนคะแนนติดลบ คิดอะไรอยู่กันแน่”อ่า คะแนน...จริงสิ...ยังไม่มีเลยแท้ๆ ดันติดลบซะแล้ว ให้ตายเถอะ!“แล้วคะแนนที่ติดมันลบเยอะไหมอ่ะ”ฉันทำหน้าหงอยเต็มขั้นโดยไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะถูกหักคะแนนหางเร่ไปด้วย“เพิ่งจะสำนึกงั้นหรอ”
“ประธานค่ะ คุณอีเมลมาขอเข้าพบค่ะ”“ให้เธอเข้ามา”ปวดหัวฉันชะมัด ตั้งแต่วันนั้นฉันก็ไม่กล้าไปพบหน้าจีราญาอีกเลย เธอมาหาก็เอาแต่หลบหน้า ทำไงดี เกิดกลัวความรู้สึกขึ้นมาดื้อๆ ไอ้ความรู้สึกชอบเนี่ย ฉันเองก็ยังไม่เข้าใจ...ตาโหล....เนื่องจากอดนอน....“สวัสดีค่ะ คุณยูโร”คนร่างบางสวมกางเกงขายาวสามส่วนพร้อมกับชุดน้ำตาลสีเข้มเข้ามาหาฉันที่นั่งจดจ่อกับเอกสารพลางเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอีกคน“สวัสดีค่ะ คุณอีเมล”ฉันส่งยิ้มให้เธอนิดๆตามมารยาท ก่อนจะยื่นเอกสารฉบับเต็มซึ่งมีลายเซ็นต์ของฉันเรียบร้อยให้กับอีกคน“อันนี้เป็นเอกสารสัญญาเพิ่มเติมของคุณอีเมลที่ฉันร่างไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณต้องการเพิ่มเติมอะไรบอกฉันได้เลยนะคะ”“ค่ะ ขอบคุณนะคะ ว่าแต่คุณยูโร เป็นอะไรรึเปล่าคะ”“ฉันหรอคะ ก็ไม่นี่น่า....”
คนร่างสวยลอบมองท่าทางของทั้งสองสาวอย่างชั่งใจก่อนจะเอ่ยคำถามออกมาด้วยความยากลำบาก“แล้วเมลอยากรู้ไปทำไมหรอคะ...”“เพราะฉันชอบคุณค่ะ”ป๊อก....อยู่ๆ คนหน้าสวยก็เริ่มหน้าขึ้นสีอีกครั้งพลางยกมือปิดหน้าไว้ด้วยความสับสน ‘พวกประสบการณ์ด้านความรักเป็นศูนย์’นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย แค่เขาบอกชอบก็ดันหน้าแดงแล้วหรอ จะมีความรู้สึกกับทุกคนที่มาชอบไม่ได้นะ ยูโร ถึงแม้จริงๆ ฉันจะไม่มีเหตุผลที่ต้องเกลียดพวกเขาก็เถอะ“คุณหน้าแดงอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าเป็นพวกตกหลุมรักง่ายเกินไปหรอคะ”จีราญาตวัดตาค้อนฉันที่ปรับสีหน้าไม่ถูก ก่อนจะทำหน้ามุ่ยพลางจ้องคนร่างสวยตาเขม็ง“คือฉันไม่เคยรักใครมาก่อน ก็เลยไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง ขอโทษนะ ...”ฉันยืนปิดหน้าที่แดงก่ำของตัวเองก่อนจะถูกคนร่างบางเปิดมันออกและสบตากับฉันด้วยความไม่พอใจ“ถ้าอย่
“เดี๋ยวค่ะ! ยูโร ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ! มันเป็นอุบัติเหตุ”คนร่างบางรีบวิ่งออกมาด้วยท่าทางร้อนล่นพลางคว้าแขนเสื้อของฉันไว้เพราะตกใจที่คนหน้าสวยรีบเดินออกไปโดยไม่บอกไม่กล่าว“ก็ไม่ได้คิดอะไรนี่คะ ฉันไม่ได้คิดอะไรสักนิด”โกหก อันที่จริงฉันคิดมาก คิดจริงจัง คิดจนปวดหัวไปหมดแล้ว ทำไมทั้งสองคนนั้นถึงได้ไปนอนคร่อมกันในห้องของฉัน ท่าทางล่อแหลม ไหนจะอาการเห่อร้อนนั่นอีก!“หันมานี่ก่อนสิคะ”คนตัวเล็กพยายามง้อฉันที่พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติและหันไปสบตากับคนร่างบางด้วยรอยยิ้มปลอมๆ“คุณยูโร เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”“ค่ะ”ฉันตอบกลับเสียงแข็ง บ้าจริง ฉันเกิดรู้สึกน้อยใจขึ้นมาได้ไงกัน“นี่หรือว่ายูโรจะ...”“จะอะไรคะ”คนตัวเล็กยกยิ้มน้อยๆ ก่อนจ
เมื่อคืนเราร้องไห้หนักมากจนตาบวมเลยแหะ ฉันส่องกระจกพลางเช็คสภาพตัวเองและจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะออกมาตามเวลานัดที่ไล่เลี่ยกัน หวังว่าเธอคงจะไม่รอนานนะ“จี”คนร่างบางหันมาตามเสียงเรียกของฉันก่อนเธอที่จะรีบวิ่งเข้ามาหากันด้วยรอยยิ้มสดใส“ยูโร”“รอนานไหม”“ไม่นานหรอกค่ะ”โกหก ฉันมาเลทตั้งครึ่งชั่วโมงเพื่อจะพิสูจน์ความจริงใจ แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่รู้ตัวเลยนะ“ขอโทษที่มาช้านะ”“อย่าคิดมากสิคะ ไปกันเลยไหม สวนสนุกน่ะ”ท่าทางกระตื้อรื้อล้นของเธอมันทำให้ฉันแอบปวดใจนิดๆ แหะ“เอาสิ ว่าแต่คนพวกนั้นไม่อยู่แล้วหรอ”ฉ
คนร่างบางสบตาฉันนิ่งและไม่ปรากฏรอยยิ้มใดๆ จากเจ้าตัวเลย ที่พูดว่าจะฆ่า เธอคงไม่ได้โกหกสินะ ตัวฉันเริ่มสั่นเทาไปด้วยความกลัวขึ้นมาดื้อๆ ทำไมคนที่มีอำนาจขนาดนั้นถึงได้มาหาฉันได้ล่ะ แต่แล้วเสียงของรินคุก็ทำให้ฉันมีสติขึ้นมา“ยูโร!!”“หืม นายคงเป็น ตัวแทนลำดับที่เก้ามิคาเอล รินคุ”“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม”เขาหันมามองฉันอย่างเป็นห่วง ในขณะเดียวกันสีหน้าของรินคุก็ไม่สู้ดีนัก ทำให้ยูแอลต้องคลายแรงกดดันลง“เธอคงตกอยู่ในอาการหวาดกลัวน่ะ เพราะไม่เคยเจอแรงกดดันแบบนี้มาก่อน ว่าแต่นาย-”“ขออภัยที่กระผมเสียมารยาท ถ้าเธอทำอะไรผิดไปยกโทษให้ยูโรด้วยเถอะครับ! ท่านยูแอล”“ยกโทษ...งั้นหรอ ตลกดีนะ เด็กคนนั้นไม่คิดจะขอโทษฉันด้วยซ้ำไป”“ท่านยูแอล!”“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่คิดจะทำร้ายเธอหรอก เพราะฉะนั้น เด็กคนนี้ฉันจะอบรมเอง
พาร์ท จีราญาฉันได้แต่ครุ่นคิดแล้วก็สงสัยในทุกๆครั้ง ว่าทำไมกันนะ ไม่ว่าฉันจะพยายามนึกถึงใบหน้าของใครบางคนอีกสักเท่าไร มันก็ไม่มีทางนึกออกได้เลย....เหมือนกับว่าฉันกำลังจมน้ำโดยที่ไม่มีทางที่จะก้าวขึ้นมาได้ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยัง...อยากที่จะนึกถึงแต่มันอยู่ดี...แปะ...แปะ...“จี แกเป็นอะไรเนี่ย จู่ๆ ก็ร้องไห้อีกแล้ว ยังรักษาไม่หายอีกหรอ”ทันทีที่ฉันหยุดคิด เสียงแหลมๆ ของเพื่อนคนสนิทซึ่งมีเพียงไม่กี่คนของฉันก็เอ่ยทักขึ้นทำให้ต้องละสายตาจากแก้วกาแฟใบโปรดกลับมองเธอที่ทำหน้าตกใจกับรอยแดงจางๆ บนใบหน้าของฉันแทน“อืม ก็นิดหน่อยน่ะ เมื่อคืนฉันฝันร้ายอีกแล้ว”“แบบนี้ก็แย่สิจี ว่างๆ แกควรให้พี่พีเจพาไปตรวจสุขภาพหน่อยก็ดีนะ ฉันเห็นแกชอบร้องไห้ไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาตั้งหลายครั้งแล้ว ”“ไม่เป็นไรหรอกโรส ฉันโอเค แกคิดมากไปแล้ว”“งั้นหรอ ถ้าแกว่า
ฉัน...รู้อยู่แล้ว ว่าความจริงยูกิจังไม่เหมือนเดิม เธอเปลี่ยนไปตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน ทั้งรอยยิ้ม และสายตาแบบนั้น ทำให้ฉันเข้าใจมันได้เป็นอย่างดี….เธอไม่ใช่ชิยูกิของฉันหรอก...แต่ถึงอย่างนั้น..แต่ฉันก็ยังทำใจยอมรับมันไม่ได้...เรื่องที่ว่าไม่มีชิยูกิจังอยู่ต่อไปอีกแล้วน่ะ....ฉันควร...จะทำยังไงดีล่ะ....“นี่มันยังไงกันแน่ ตกลงว่าชิยูกิคนนี้เป็นตัวปลอมอย่างงั้นน่ะหรอ อย่าเอาแต่เงียบสิ ฉันเองก็ปวดใจนะ! อย่าเอาแต่เงียบกันได้ไหม! แล้วตัวจริงล่ะ...ตัวจริงไปอยู่ที่ไหน!”“เรื่องนั้น...”คนร่างบางจับชายเสื้อของชิยูกิเอาไว้แน่นทำให้อีกฝ่ายหยุดชะงักลงก่อนจะแสดงสีหน้าอันขนขื่นออกมา“ฉันคิดว่าเจ้าของร่างนี้อาจจะตายไปแล้ว”คนร่างผอมเพรียวแทบจะล้มไปกองกับพื้นทันทีตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของมีอาเธอเดินเข้ามากระชากคอเสื้อด้านนอกสีน้ำเงินเข้มของยูโรซึ่งไม่มีทีท่าขัดขืนแต่อย่างใด“ตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอรู้เรื่องนี้ตั้งแ
ฉันปรายตามองคนมาใหม่อย่างโกรธเคืองเพราะไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเธอจะตามฉันมาถึงที่นี่ ไหนว่าจะขายฉันทิ้งแล้วไงล่ะ ยังจะมาไยดีอะไรกันอีก แค่หน้าก็ไม่อยากจะมองแล้ว ยังจะมาที่นี่อีกทำไม...“หยุดทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่าข้าได้แล้ว พี่สาวอย่างข้าอุตส่าห์ทิ้งภาระอันหนักอึ้งมาหาเจ้าเชียวนะ ตอบแทนกันอย่างนี้รึ”ไม่พูดเปล่ายูแอลยังถือวิสาสะดึงแขนของเด็กสาวออกจากการเกาะกุมของเฮร่าพลางดึงคนร่างบางมาไว้ข้างตัวด้วยสีหน้าเรียบเฉยผิดกับสองคนที่เหลือ“ชิยูกิ!”“เอริคนี่เจ้าไม่คิดจะสอนมารยาทน้องสาวของเจ้าหน่อยรึไง”คนร่างสวยหวาดตามองหญิงสาวทั้งสองอย่างเอาเรื่องทำให้เอริคผู้เป็นพี่รีบขอโทษแทนน้องสาวแทบไม่ทัน“ขออภัยขอรับ ท่านหญิง น้องสาวของกระผมเสียมารยาทต่อท่านหญิง ได้โปรดอภัยให้นางด้วย”“พี่ / เอริค ย
ฉันคิดว่ามีอาคงผูกใจเจ็บกับเฮร่าจริงๆ นั่นล่ะ เพราะคิดไม่ถึงเลยว่ายัยนั่นจะตามติดพวกฉันแจขนาดนี้“มีอา”ฉันเหล่ตามองเธออย่างลำบากใจที่เห็นคู่หมั้นของเอริคมายืนส่งยิ้มให้กันตั้งแต่หัววันแบบนี้ แถมยังไม่ยอมปลายตามองคู่หมั้นของตัวเองอีกต่างหาก ถ้าให้ฉันเดาล่ะก็ ก็ถูกคลุมถุงชนแหง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไม่เห็นจะต้องพุ่งสายตากดดันมาทางฉันเลยก็ได้นี่!“ฉันมาชวนเธอไปเที่ยวด้วยกันน่ะ”“ยูกิจังไม่ไปกับเธอหรอก”เฮร่าเดินลงมาจากบันไดพลางปลายตามองผู้มาใหม่อย่างกดดันเธอดูอารมณ์ไม่คงที่สุดๆ“ ชิยูกิต้องได้รับอนุญาตจากเธอก่อนรึไง ถึงจะออกไปข้างนอกกับฉันได้”“ใช่”เหมือนจะไม่ใช่นะ....ทำไมต้องมาทะเลาะกันเรื่องของฉันด้วยล่ะ อีตาเอริคนี่ก็อีกคนช่วยพูดอะไรหน่อยได้ไหม คุณเป็นคนต้นเรื่องไม่ใช่หรอ พวกเค้าทะเลาะกันเพราะคุณนะ“เธอไม่ใช่เจ้าของชิยูกิสักหน่อย ไม่มีสิทธิมาตัดสินใจนะ”“เธอก
ก็ไม่รู้ว่าเฮร่าโกรธฉันเรื่องอะไรหรอกนะ แต่เล่นมาทิ้งกันไปแบบนี้แล้วฉันจะกลับบ้านยังไงได้ล่ะ....ฉันพยายามมองหาเธออีกครั้งแต่ทว่ามันก็ไร้ผล ไม่มีวี่แววของเธอเลย หรือว่าคนร่างบางจะจงใจทิ้งฉันเอาไว้ที่นี่จริงๆ ....“อ้าว ชิยูกิยังไม่กลับบ้านอีกหรอ”“มีอา?”ฉันหันกลับไปมองเธอที่ถือกระเป๋ามารอฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้ามายืนรอฉันทำไม เราเพิ่งรู้จักกันวันนี้เองนะ ไม่เห็นจะต้องใส่ใจกันเลย“กลับบ้านด้วยกันไหมล่ะ”“เอ่อ คือว่าฉันต้องรอเฮร่ากลับบ้านด้วยกันน่ะ”“เอ๋ งั้นหรอ แต่ดูท่าทางยัยนั่นจะกลับบ้านไปก่อนแล้วนะ”อ่า...สรุปว่าฉันโดนทิ้งเอาไว้ที่นี่จริงๆ ด้วย...“ทำไมทำหน้าหงอยอย่างนั้นล่ะ เอ้า ยื่นมือมาสิ เธอกลับกับฉันก็ได้”“ไม่เป็นไร ฉันกลับเองดีกว่า”
ก็ไม่ได้เกลียดกับการถูกติดหนึบจากคนที่ไม่รู้จักหรอกนะ แต่แบบนี้มันก็ดูจะเกินไปหน่อย ฉันแลสายตามองเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันซึ่งกำลังควงแขนของฉันด้วยรอยยิ้มสดใสแตกต่างจากพี่ชายของเธอลิบลับ“ไปก่อนนะคะพี่”“อืม ไปดีมาดีล่ะ”เอริคพูดขึ้นพลางยื่นกระเป๋าส่งมาให้ฉันซึ่งทำหน้าหนักใจหนักกว่าเดิมเพราะเขายังคงยืนนิ่งไม่ขยับตัวไปไหน“เอ่อ คือ”ฉันพูดพลางคิ้วกระตุกนิดๆ เมื่อพยายามดึงกระเป๋าออกจากฝ่ามือของเขาหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมันสักที สรุปจะให้หรือไม่ให้กันแน่“พี่จะถือกระเป๋ายูกิจังอีกนานไหมคะ ปล่อยได้แล้วนะ”“อ่ะ โทษที เดินทางปลอดภัยนะ”“อื้ม! ยูกิจังไปกันเถอะ”“ยูกิจัง?”“ ขอเรียกยูกิจังได้ไหม ตอนเด็กๆ เราก็เรียกกันแบบนี้ไง แง ทำไงดี รู้สึกแย่จัง เมื่อไรจะจำฉันได้ล่ะ&rdq
หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง หรือสามชั่วโมง ฉันถูกพามาอยู่ในยุคสงครามรวบรวมหัวเมืองกันอยู่รึไง เหนื่อยชะมัด ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ฉันก็จับดาบไม่ได้พักเลยด้วยซ้ำ ไม่ตลกเลยนะ ไหนพวกเกมแนว rpg มันถึงจับกันง่ายขนาดนั้นล่ะ ชีวิตจริงไม่เห็นเหมือนอย่างที่คิดไว้เลยนี่หว่า!“ท่านเป็นน้องของท่านหญิงซายะแน่หรอ”คนร่างสูงปลายตามองฉันอย่างเหนื่อยใจ แต่นั่นมันก็ช่วยไม่ได้ เพราะชีวิตจริงหรือโลกหลังความตายฉันก็ไม่เคยใช้อาวุธกับใครเค้าซะหน่อย จะใช้ไม่เป็นแล้วมันผิดรึไงย่ะ ไอ้คนคลั่งอาวุธหัวทองเอ้ย!“นี่...ฉันว่าพอก่อนเถอะ”“เห แต่ท่านยังไม่ได้ฝึกพวกธนูกับมีดเลยนะ”จะอะไรฉันก็ไม่อยากฝึกทั้งนั้นล่ะ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ทั้งมือและขามันก็ชาไปหมด ไม่รับรู้ถึงความเหนื่อยบ้างรึไงกัน“พอแค่นั้นล่ะ”“ท่านหญิงซายะ รับทราบขอรับท่านหญิง”เคารพกันจังเลยนะ ยัยผู้หญิงเผด็จการคนนี้เนี่
คนร่างบางสบตาฉันนิ่งและไม่ปรากฏรอยยิ้มใดๆ จากเจ้าตัวเลย ที่พูดว่าจะฆ่า เธอคงไม่ได้โกหกสินะ ตัวฉันเริ่มสั่นเทาไปด้วยความกลัวขึ้นมาดื้อๆ ทำไมคนที่มีอำนาจขนาดนั้นถึงได้มาหาฉันได้ล่ะ แต่แล้วเสียงของรินคุก็ทำให้ฉันมีสติขึ้นมา“ยูโร!!”“หืม นายคงเป็น ตัวแทนลำดับที่เก้ามิคาเอล รินคุ”“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม”เขาหันมามองฉันอย่างเป็นห่วง ในขณะเดียวกันสีหน้าของรินคุก็ไม่สู้ดีนัก ทำให้ยูแอลต้องคลายแรงกดดันลง“เธอคงตกอยู่ในอาการหวาดกลัวน่ะ เพราะไม่เคยเจอแรงกดดันแบบนี้มาก่อน ว่าแต่นาย-”“ขออภัยที่กระผมเสียมารยาท ถ้าเธอทำอะไรผิดไปยกโทษให้ยูโรด้วยเถอะครับ! ท่านยูแอล”“ยกโทษ...งั้นหรอ ตลกดีนะ เด็กคนนั้นไม่คิดจะขอโทษฉันด้วยซ้ำไป”“ท่านยูแอล!”“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่คิดจะทำร้ายเธอหรอก เพราะฉะนั้น เด็กคนนี้ฉันจะอบรมเอง
เมื่อคืนเราร้องไห้หนักมากจนตาบวมเลยแหะ ฉันส่องกระจกพลางเช็คสภาพตัวเองและจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะออกมาตามเวลานัดที่ไล่เลี่ยกัน หวังว่าเธอคงจะไม่รอนานนะ“จี”คนร่างบางหันมาตามเสียงเรียกของฉันก่อนเธอที่จะรีบวิ่งเข้ามาหากันด้วยรอยยิ้มสดใส“ยูโร”“รอนานไหม”“ไม่นานหรอกค่ะ”โกหก ฉันมาเลทตั้งครึ่งชั่วโมงเพื่อจะพิสูจน์ความจริงใจ แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่รู้ตัวเลยนะ“ขอโทษที่มาช้านะ”“อย่าคิดมากสิคะ ไปกันเลยไหม สวนสนุกน่ะ”ท่าทางกระตื้อรื้อล้นของเธอมันทำให้ฉันแอบปวดใจนิดๆ แหะ“เอาสิ ว่าแต่คนพวกนั้นไม่อยู่แล้วหรอ”ฉ