Share

จับพลัดจับผลู จากคู่หูมาเป็นคู่รัก
จับพลัดจับผลู จากคู่หูมาเป็นคู่รัก
Penulis: ลันลาบายหมายเลขแปด

บทที่ 1 เพื่อนสนิท

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-14 21:52:48

แสงไฟจากโคมไฟระย้าสีทองส่องสว่างไปทั่วบาร์ เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานดังคลอเคล้าอยู่ในอากาศ ผู้คนมากมายกำลังเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน

ที่มุมหนึ่งของบาร์ พฤทธิ์และจิตรินกำลังนั่งจิบเบียร์และพูดคุยกัน

“เฮ้ย ! วันนี้นายดูหน้าซีดยังกะคนป่วย ตาคล้ำยังกับหมีแพนด้า  ถ้าไม่เคยเห็นหน้านายมาก่อนก็คงไม่ผิดสังเกต  เป็นไง เหนื่อยหรือวะ ริน ?”

ผู้ถูกถามรีบหันกลับมองเงาตัวเองในกระจกหลังบาร์ และก็พบว่าหน้าของเขาคล้ายคนป่วยจริงอย่างที่อีกฝ่ายทัก

“อืม ก็นิดหน่อย”

จิตรินยังคงประหยัดคำพูดเหมือนเช่นเคย แต่ทว่าพฤทธิ์ยังซักไซร้เขาต่ออย่างเอาใจใส่

“ไหนลองเล่าให้ฟังซิว่าวันนี้เจออะไรบ้าง”

“วันนี้ก็ปกติดีนะ ลูกค้าเยอะหน่อย สั่งเครื่องดื่มแปลก ๆ เยอะ”

“แปลกยังไง ? ร้านขายเหล้ามีเรื่องแปลกด้วยหรือ”

“ก็แบบ สั่งเหล้าผสมกับนม อะไรงี้”

“ฮ่า ๆ เออ ! แปลกจริง ๆ”

          พฤทธิ์และจิตริน ผสานเสียงหัวเราะด้วยกัน ทั้งสองคน นั่งดื่มเบียร์คุยกันอยู่สักพัก บรรยากาศในบาร์กำลังคึกคัก เสียงเพลงดังกระหึ่ม ผู้คนเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน พฤทธิ์ที่เริ่มหน้าแดงก่ำ ดวงตาฉ่ำวาวปรือปรอย  เริ่มคุยเสียงดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“คิดถึงสมัยเรียนจัง ตอนที่ไม่เหนื่อยแบบนี้น่ะ”

จิตรินนิ่งเงียบไป เขาหรุบตามองไปที่แก้วเบียร์ของอีกฝ่าย ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ จนแทบมองไม่เห็น ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงด้วยความน้อยใจ

“ใช่ไหม ? ตอนนั้นเรายังเด็ก ๆ เลย ตัวติดกันตลอด ไปไหนมาไหนด้วยกัน  จนโดนล้อว่า คู่หูคู่หาย”

“ใช่ ก็พวกเราโดดเรียนกันไง หายตลอด โดนทำโทษด้วยกัน จนอาจารย์ฝ่ายปกครองเอือมพวกเรา มีครั้งหนึ่ง ตอนนั้นอากงเรายังไม่เสีย จำได้ว่าเราสองคนถูกอากงทำโทษที่พากันเอาไพ่นกกระจอกแกมาเล่น  แล้วไม่ทำการบ้าน จนตอนนี้แกขึ้นไปเล่นไพ่นกกระจอกกับเหล่าเทพเซียนบนสวรรค์แล้ว ฮ่า ๆๆๆ”

          พฤทธิ์และจิตรินเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถมศึกษา ทั้งคู่เรียนห้องเดียวกันมาตลอด เรียนมหาวิทยาลัยก็เรียนที่เดียวกันแม้จะคนละคณะ แต่ก็พอเลิกเรียนก็มาทำงานส่งอาจารย์หรือไปเข้าห้องสมุดด้วยกัน  พอถึงวัยทำงานพฤทธิ์ได้งานสถาปนิกตรงกับที่เรียนมาในระดับเงินเดือนค่อนข้างสูง อีกทั้งทางบ้านของเขามีธุรกิจส่งออกผลไม้กระป๋องที่มั่นคง เขาจึงไม่เดือดร้อนเรื่องการเงินเลย  

ส่วนจิตรินนั้น เขาเป็นเด็กกำพร้า อาศัยอยู่กับพี่สาวที่อายุห่างจากเขาถึง 12 ปี พ่อแม่เสียชีวิตในเวลาไล่เลี่ยกัน โชคยังดีอยู่บ้างที่พ่อกับแม่มีบ้านและที่ดินให้พวกเขาได้อยู่อาศัย  ไม่ต้องเช่า แต่ถึงกระนั้น จิตรินกับพี่สาวก็ต้องลำบากกระเสือกกระสนส่งตัวเองเรียน  แม้เขาจะเป็นศิลปินอิสระ วาดภาพขาย แต่มันไม่ทำได้เขามีรายรับมากนัก เขาจึงทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ในผับกลางคืนเพื่อพยุงตัวเองในสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่แบบนี้  ให้มีรายได้อีกทางหนึ่งด้วย

ทั้งสองคนมีความแตกต่างกันมาก พฤทธิ์เป็นสถาปนิกหนุ่มหล่อเนี้ยบ หน้าตาดี เป็นคนเก่งแต่ขี้ลืมและซุ่มซ่าม เขามักจะทำเรื่องวุ่นวายอยู่เสมอ ทำให้จิตรินคอยตามเก็บกวาดและแก้ปัญหาให้อยู่ตลอดเวลา

ส่วนจิตรินเป็นหนุ่มเซอร์ เขาค่อนข้างขี้อายและปากแข็ง แต่ทั้งคู่ก็สนิทกันมาก แม้ตอนนี้ทั้งคู่ทำงานแล้ว แต่พวกเขามักจะอยู่ด้วยกันเสมอ

“นายจำได้ไหม สองปีก่อน ตอนหน้าหนาว เรากับนายไปเที่ยวเชียงใหม่กัน สนุกเป็นบ้า ! ขึ้นเขาลงห้วยเราลุยกันหมด ฮ่า ๆๆ จำได้ไหม  เราโบกรถแดงไปขึ้นดอยสุเทพกัน นายบอกนายชอบที่นั่นมาก นายชอบอากาศเย็น แล้วเราก็พากันไปตั้งแคมป์ที่ดอยหลวงเชียงดาว บรรยากาศอย่างสวย พูดแล้วอยากไปอีกครั้ง แต่ว่าคงเป็นไปได้ยากแล้วล่ะ เพราะตอนนั้นนลินยังไม่มา”

นลินเป็นแฟนสาวที่คบหาดูใจกับพฤทธิ์ได้ราวสองปี เธอยังเรียนปีสี่อยู่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง    ด้วยใบหน้าที่งดงาม รูปร่างสูงโปร่ง อีกทั้งสัดส่วนเหมาะสมกลมกลึง ราวกับนางแบบ ผิวพรรณขาวราวกับไข่มุกนวลเนียนสะอาดตาเธอเป็นดาวมหาวิทยาลัยที่ใคร ๆ ต่างหมายปอง

นลินมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างจากพฤทธิ์  ในขณะที่พฤทธิ์ชอบธรรมชาติ ชอบป่าเขา ชอบหลีกลี้หนีผู้คนไปผจญภัย  แต่นลินชอบปาร์ตี้  ชอบเข้าสังคมที่มีผู้คนและเมืองที่ศิวิไลซ์  ครั้งหนึ่ง พฤทธิ์พาหล่อนไปเขาใหญ่  ด้วยหวังว่าหล่อนจะชอบธรรมชาติของที่นั่น เขาชวนหล่อนไปขับรถดูทุ่งทานตะวัน หล่อนรีบปฏิเสธ ด้วยกลัวผิวขาวผ่องของหล่อนจะถูกแดดเผาจนผิวเสีย  นลินไม่พอใจ หล่อนทำหน้ากระเง้ากระงอด ไม่ยอมออกจากห้อง  พวกเขาทะเลาะกัน นับแต่นั้นมา  พฤทธิ์ก็ไม่เคยพาหล่อนไปเที่ยวป่าอีกเลย

และในขณะเดียวกันนลินก็เป็นสาวปาร์ตี้ตัวแม่  ไม่มีวันไหนที่หล่อนจะไม่ออกงานสังสรรค์กับเพื่อน ๆ หรือเที่ยวผับ แม้อีกวันจะเป็นวันที่ต้องสอบก็ตาม ผลคือหล่อนขาดสอบ และไม่ยอมไปสอบแก้ตัว หล่อนจึงยังเรียนไม่จบ แต่นลินไม่แคร์ หล่อนมีครอบครัวที่คอยซัพพอร์ท พ่อแม่ของนลินเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งมีมรดกเก่าแก่ตกทอดมาเป็นพันล้าน เรียกได้ว่าชาตินี้ก็กินใช้ไม่หมด เธอจึงไม่รู้สึกว่าการสอบไม่ผ่านเป็นปัญหาของเธอ ถึงเรียนไม่จบ ไม่ได้ทำงาน เธอก็มีเงินใช้ เธอจึงใช้ชีวิตอย่างที่เธอชอบ

ด้วยเหตุนี้ทั้งคู่จึงมีปัญหาระหองระแหงกันมาตลอด และเป็นจิตรินที่ต้องคอยปลอบพฤทธิ์   ตอนที่นลินขู่จะเลิกกับเขา หากเขาไม่เปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับเธอ หรือในตอนที่พวกเขาคืนดีกัน ทุกช่วงเวลาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  จิตรินจะคอยอยู่ข้างพฤทธิ์เสมอ

ทั้งสองคนเงียบไปสักพัก ต่างคนต่างคิดถึงวันเก่า ๆ

“จริงสินะ  ตอนนั้นเรายังโสดกันทั้งคู่ พวกเรามีความสุขมาก”

จิตรินเอ่ยตอบพฤทธิ์น้ำเสียงเบาโหวงคล้ายรำพึง แววตาเขาฉายแววเศร้าสร้อย แต่ก็รีบสลัดศีรษะ ฉุดอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองให้กลับมาสู่ภาวะปกติ

พฤทธิ์ไม่ทันได้สังเกตสีหน้านั้น เขายกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มจนหมด ก่อนจะรินแก้วต่อไป เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองจิตรินอย่างเต็มตา เพื่อนสนิทผู้อยู่ข้างเขา ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอเขาคนนี้

“นายมีเรื่องอะไรหรือเปล่า ดูเครียด ๆ”

จิตรินเป็นฝ่ายถามขึ้นมาบ้าง

“ก็ดีนะ ทำงานหนักเหมือนเดิม”

พฤทธิ์ตอบเลี่ยง ๆ ไม่ยอมสบตาจิตริน

“แล้วเรื่องแฟนล่ะ นลิน ?”

“ก็ดีนะ ไม่มีอะไร”

จิตรินมองหน้าพฤทธิ์อย่างรู้ทันจนพฤทธิ์ยอมพูด

"เอาละ  ๆ ก็ได้ เราทะเลาะกัน เพราะเธอชอบไปปาร์ตี้ ชอบเที่ยวกลางคืน ฉันกลัวว่าเธอจะนอกใจฉัน"

จิตรินนิ่งคิดสักพักเขาไม่รู้ว่าจะปลอบเพื่อนอย่างไร แต่เมื่อเห็นพฤทธิ์ยังวิตกกังวล เขาตบบ่าเพื่อนเบา ๆ ก่อนจะปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 “ฉันว่านายอย่าคิดมากเลย ผู้หญิงมันชอบเที่ยวเป็นเรื่องปกติ อีกอย่างเขาอยู่สังคมไฮโซ พ่อแม่เขาเป็นนักธุรกิจ ก็ต้องมีพบปะผู้คนบ้าง "

พฤทธิ์สวนตอบด้วยน้ำเสียงขัดเคือง

          "แต่เธอชอบไปกับเพื่อนผู้ชายด้วย ไปทุกคืนเลย ฉันขอร้องก็ไม่ฟัง ฉันกลัวว่าเธอจะทำอะไรเลยเถิด"

จิตรินกอดคอพฤทธิ์พลางพูดปลอบใจ

“ใจเย็นๆ สิ  นายน่ะคิดมากไปเองแหละ"

พฤทธิ์ถอนหายใจ

“ก็ไม่รู้สิ ! ฉันแค่กลัว กลัวไปเสียทุกอย่าง"

"ถ้านายกลัวจริง ก็ลองคุยกับเธอดูสิ บอกเธอว่านายรู้สึกยังไง พวกนายต้องเปิดอกคุยกันแล้ว"

พฤทธิ์เอามือกุมศีรษะ เขากำลังสับสนอย่างหนัก เขายกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มจนหมด ก่อนจะระบายคำพูดออกมา

“อืม ! ฉันจะลองดู เอ่อ ! แต่ถ้าเธอยอมรับว่ามีคนอื่นล่ะ ฉันจะทำยังไง โอ๊ย ! กลุ้มโว้ย !"

พฤทธิ์รินเบียร์ลงในแก้วอีกครั้ง จิตรินอึดอัดกับการกระทำของเพื่อน เขารู้สึกเครียดไปกับพฤทธิ์ด้วย  เมื่อเห็นเพื่อนเริ่มคลั่ง เขาจึงดึงขวดเบียร์ออกจากมือของพฤทธิ์ เขาจ้องไปที่พฤทธิ์ด้วยแววตาที่คาดเดาได้ยาก จนฝ่ายนั้นรู้สึก จึงเอ่ยถาม

“อะไร ! นายมีอะไรจะพูดกับฉันใช่ไหม”

จิตรินพยักหน้า

“อันที่จริง ฉันว่าคุยไปก็เท่านั้น ป่วยการ ถ้าไม่ยอมปรับเปลี่ยนนิสัยกันทั้งสองคน ความสัมพันธ์ของพวกนายมันจะยิ่งแย่ลง ฟังนะ ! นลินไม่ใช่คนที่จะอยู่เคียงข้างนาย”

พฤทธิ์ขมวดคิ้ว สะดุดใจกับคำพูดของเพื่อน

“ทำไมล่ะ ? นายไม่ชอบนลินเหรอ”

จิตรินถอนหายใจ ก่อนจะพรั่งพรูความในใจ

“ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบนลิน แต่ฉันว่านายกับนลินเข้ากันไม่ได้ ชีวิตคู่ขนาน ที่ไม่ยอมมาบรรจบ  เหมือนความสุขของนายหายไปตั้งแต่มีนลินเข้ามาในชีวิต นายรู้ตัวไหม?”

“ทำไมนายถึงพูดแบบนั้น”

“นายถามตัวนายเองเอาเถิด ตัวนายจะรู้ดีที่สุด”

พฤทธิ์เงียบไป เขาด่ำดิ่งลงไปในความคิดจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง จนกระทั่งจิตรินถามเขาขึ้นมา เขาจึงได้สติคืน

“ฤทธิ์ นายกำลังคิดอะไรอยู่”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันก็รักนลินนะ แต่ฉันก็รู้ว่าสิ่งที่นายพูดมันคือความจริง”

“ฉันแค่ก็ไม่อยากเห็นนายเป็นทุกข์หรอกนะ”

“ฉันรู้”

ทั้งสองคนนั่งเงียบกันสักครู ในที่สุดพฤทธิ์ก็พูดขึ้นมา เหมือนเขาได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว

“ฉันจะกลับไปคิดทบทวนเรื่องนี้ให้ดี ๆ ก่อนนะ”

“เอางั้นก็ได้ แต่อย่าได้เอาเรื่องที่ฉันบอกนายเป็นข้อยุติ อย่างที่บอก ความรักมันมีตัวแปรเยอะ ฉันแค่ห่วงเพื่อนที่ฉันรัก ฉันอยากเห็นนายมีความสุข เข้าใจไหม พฤทธิ์”

“ขอบคุณมากเพื่อนรัก จะว่าไป ชีวิตพวกเราก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ฉันกลัวว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกแล้ว ถ้าวันหนึ่งฉันเป็นอะไรไป นายจะทำยังไง ฉันอยากรู้”

“บ้าน่า ! นายนี่ ! อย่าพูดเป็นลางไม่ดีสิ พอแล้ว เลิกดื่มได้ละ เมาแอ๋แบบนี้ไม่ไหวละ ดึกแล้ว กลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”

“เบียร์แค่นี้ไม่ทำให้ฉันเมาได้หรอก ฉันพูดจริงนะ ฉันไม่อยากเสียเพื่อนสนิทอย่างนายไป”

“แล้วฉันจะยอมปล่อยให้นายโดดเดี่ยวได้ยังไง ฉันสัญญา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่มีวันทิ้งนายไป”

“จิตริน นายสัญญาแล้วนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”

พฤทธิ์และจิตริน ต่างคนต่างสัญญาว่าจะไม่ทิ้งกันท่ามกลางบรรยากาศคึกคักในบาร์ เสียงเพลงดังกระหึ่ม ผู้คนเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน แต่พฤทธิ์และจิตรินต่างคนต่างรับรู้ถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น นั่นคือความรู้สึกของมิตรภาพอันแน่นแฟ้นที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

ทั้งสองคนยังคงนั่งคุยกันต่ออีกสักพัก จนกระทั่งใกล้เที่ยงคืน จิตรินยังไม่เลิกงาน เขาขอให้พฤทธิ์กลับบ้าน ซึ่งพฤทธิ์ยอมเชื่อฟังแต่โดยดี โดยมีสายตาของจิตรินมองตามหลังด้วยความเป็นห่วง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • จับพลัดจับผลู จากคู่หูมาเป็นคู่รัก    บทที่ 2 อุบัติเหตุ

    พฤทธิ์ซื้อคอนโดแยกมาอยู่ตามลำพังเพื่อความสะดวกและเป็นส่วนตัว นลินย้ายมาอยู่กับเขาหลังจากคบกันได้ไม่ถึงสามเดือน ห้องภายในคอนโดหรูสะอาดเรียบง่ายทุกกระเบียดนิ้ว พื้นห้องเป็นไม้เนื้อแข็งสีออกแดงเข้ม เข้ากันอย่างน่าประหลาดกับเครื่องตกแต่ง อย่างมีรสนิยม ห้องครัวเป็นสัดส่วน มีอุปกรณ์ครัวที่ทันสมัยจัดวางได้อย่างสวยงามลงตัว พฤทธิ์เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมจานใบใหญ่ใส่สปาเกตตี“นลิน สปาเก็ตตี้เสร็จแล้ว มากินกันเถอะ”นลินกำลังแต่งตัวอยู่ หล่อนบรรจงแต่งดวงตาให้หวานฉ่ำ ราวกับติดฟีลเตอร์อยู่สมอ เสียงชักชวนของพฤทธิ์ทำให้หล่อนถอนหายใจ ยู่หน้ารู้สึกเหมือนถูกขัดจังหวะ“พี่กินก่อนก็ได้ค่ะ นลินขอแต่งตัวก่อน”“แต่งตัวเสร็จแล้วค่อยมากินก็ได้นะ พี่ทำไว้เยอะเลยนะครับ”นลินลุกขึ้นอย่างเสียมิด หล่อนเดินไปดูอาหารที่พฤทธิ์ทำ“อืม...ดูน่ากินดีนะ แต่ว่าตอนนี้นลินอยู่กินกับพี่พฤทธิ์ไม่ได้ค่ะ ต้องรีบไปงานปาร์ตี้กับเพื่อนน่ะ”พฤทธิ์ขมวดคิ้วไม่ค่อยพอใจนัก แต่เขาก็ยังถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ“งานปาร์ตี้อะไรเหรอ? ตอนนี้เลย ทำไมพี่ไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย”“งานปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนน่ะ นลินรับปากเขาไว้แล้ว อีกอย่างเพื่อนคนนี้เป็น

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-14

Bab terbaru

  • จับพลัดจับผลู จากคู่หูมาเป็นคู่รัก    บทที่ 2 อุบัติเหตุ

    พฤทธิ์ซื้อคอนโดแยกมาอยู่ตามลำพังเพื่อความสะดวกและเป็นส่วนตัว นลินย้ายมาอยู่กับเขาหลังจากคบกันได้ไม่ถึงสามเดือน ห้องภายในคอนโดหรูสะอาดเรียบง่ายทุกกระเบียดนิ้ว พื้นห้องเป็นไม้เนื้อแข็งสีออกแดงเข้ม เข้ากันอย่างน่าประหลาดกับเครื่องตกแต่ง อย่างมีรสนิยม ห้องครัวเป็นสัดส่วน มีอุปกรณ์ครัวที่ทันสมัยจัดวางได้อย่างสวยงามลงตัว พฤทธิ์เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมจานใบใหญ่ใส่สปาเกตตี“นลิน สปาเก็ตตี้เสร็จแล้ว มากินกันเถอะ”นลินกำลังแต่งตัวอยู่ หล่อนบรรจงแต่งดวงตาให้หวานฉ่ำ ราวกับติดฟีลเตอร์อยู่สมอ เสียงชักชวนของพฤทธิ์ทำให้หล่อนถอนหายใจ ยู่หน้ารู้สึกเหมือนถูกขัดจังหวะ“พี่กินก่อนก็ได้ค่ะ นลินขอแต่งตัวก่อน”“แต่งตัวเสร็จแล้วค่อยมากินก็ได้นะ พี่ทำไว้เยอะเลยนะครับ”นลินลุกขึ้นอย่างเสียมิด หล่อนเดินไปดูอาหารที่พฤทธิ์ทำ“อืม...ดูน่ากินดีนะ แต่ว่าตอนนี้นลินอยู่กินกับพี่พฤทธิ์ไม่ได้ค่ะ ต้องรีบไปงานปาร์ตี้กับเพื่อนน่ะ”พฤทธิ์ขมวดคิ้วไม่ค่อยพอใจนัก แต่เขาก็ยังถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ“งานปาร์ตี้อะไรเหรอ? ตอนนี้เลย ทำไมพี่ไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย”“งานปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนน่ะ นลินรับปากเขาไว้แล้ว อีกอย่างเพื่อนคนนี้เป็น

  • จับพลัดจับผลู จากคู่หูมาเป็นคู่รัก    บทที่ 1 เพื่อนสนิท

    แสงไฟจากโคมไฟระย้าสีทองส่องสว่างไปทั่วบาร์ เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานดังคลอเคล้าอยู่ในอากาศ ผู้คนมากมายกำลังเต้นรำกันอย่างสนุกสนานที่มุมหนึ่งของบาร์ พฤทธิ์และจิตรินกำลังนั่งจิบเบียร์และพูดคุยกัน“เฮ้ย ! วันนี้นายดูหน้าซีดยังกะคนป่วย ตาคล้ำยังกับหมีแพนด้า ถ้าไม่เคยเห็นหน้านายมาก่อนก็คงไม่ผิดสังเกต เป็นไง เหนื่อยหรือวะ ริน ?”ผู้ถูกถามรีบหันกลับมองเงาตัวเองในกระจกหลังบาร์ และก็พบว่าหน้าของเขาคล้ายคนป่วยจริงอย่างที่อีกฝ่ายทัก“อืม ก็นิดหน่อย”จิตรินยังคงประหยัดคำพูดเหมือนเช่นเคย แต่ทว่าพฤทธิ์ยังซักไซร้เขาต่ออย่างเอาใจใส่“ไหนลองเล่าให้ฟังซิว่าวันนี้เจออะไรบ้าง”“วันนี้ก็ปกติดีนะ ลูกค้าเยอะหน่อย สั่งเครื่องดื่มแปลก ๆ เยอะ”“แปลกยังไง ? ร้านขายเหล้ามีเรื่องแปลกด้วยหรือ”“ก็แบบ สั่งเหล้าผสมกับนม อะไรงี้”“ฮ่า ๆ เออ ! แปลกจริง ๆ” พฤทธิ์และจิตริน ผสานเสียงหัวเราะด้วยกัน ทั้งสองคน นั่งดื่มเบียร์คุยกันอยู่สักพัก บรรยากาศในบาร์กำลังคึกคัก เสียงเพลงดังกระหึ่ม ผู้คนเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน พฤทธิ์ที่เริ่มหน้าแดงก่ำ ดวงตาฉ่ำวาวปรือปรอย เริ่มคุยเสียงดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว“คิดถึงสมัยเรียนจัง ตอ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status