ตั้งแต่ที่ม่านไหมรู้ว่าปราชญาจีบเธอ ปราชญาก็เปลี่ยนไปทันที สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือเขารุกหญิงสาวมากกว่าเดิม แต่สิ่งที่ชายหนุ่มไม่เคยเปลี่ยนหรือขาดไปนั่นก็คือความเอาใจใส่ของเขานี่ก็ผ่านมาสามเดือนได้แล้ว ที่ปราชญาจีบม่านไหม แรก ๆ ม่านไหมก็เกร็งแต่ปัจจุบันนี้เธอทำตัวตามสบาย ยิ่งถูกปราชญาเอาใจใส่และตามใจมาก ๆ หญิงสาวก็นึกกลัวตัวเองว่าจะเสียนิสัยเข้าสักวัน“เลิกงานแล้ว วันนี้พี่เหนื่อยมากเลยครับ” ปราชญาพูดหลังจากที่เห็นว่าหญิงสาวเดินขึ้นรถมาแล้วทุกวันนี้ม่านไหมขึ้นรถมาทำงานกับปราชญาแทบทุกวัน วันไหนที่ไม่ได้มาด้วยกันคือวันที่ปราชญามีประชุมข้างนอกหรือคุยงานหญิงสาวยิ้มให้กับคนตัวโตที่หันมาอ้อนเธอทุกครั้งที่เธอเดินขึ้นรถ หญิงสาวยอมรับว่าทุกวันนี้หญิงสาวรู้สึกดีมากที่มีเขาอยู่ข้าง ๆ ปราชญาเสมอต้นเสมอปลายกับเธอมาโดยตลอด จนหญิงสาวไม่กลัวแล้วว่าเขาจะเป็นเหมือนก้องเกียรติ“งั้นม่านนวดให้ดีไหมคะ”“ได้เหรอครับ” หญิงสาวหัวเราะเมื่อเห็นอาการถูกใจของเขา ก่อนจะพยักหน้ารับตอนนี้ท่าทางของปราชญาไม่ต่างไปจากเด็กที่ได้ของเล่นเลยด้วยซ้ำ“งั้นวันนี้เราจะทานอะไรกันดีครับ พี่หิวมาก”“แกงถุงไหมคะ ม่านมีร้านแนะนำ”
ม่านไหมและปราชญาผละกอดจากกัน ชายหนุ่มจ้องตาเธอนิ่งเขาอยากจูบเธอแต่ไม่กล้าพอ ม่านไหมยิ้มก่อนจะเป็นฝ่ายโน้มหน้าไปจูบเขาก่อนทันทีที่ริมฝีปากของทั้งสองแตะกันก็คล้ายกับมีแรงดึงดูดทั้งเขาและเธอเอาไว้ ฝ่ามือหนาของปราชญาจับล็อกที่ต้นคอของหญิงสาวก่อนจะเป็นฝ่ายแทรกเรียวลิ้นบดขยี้จูบหวานหอมแสนอ่อนโยนให้กับเธอ ปราชญาไม่สามารถหักห้ามอารมณ์ไว้ได้อีก มือหนาเคลื่อนไปตามสัญชาตญาณ กอบกุมอกอวบของเธอที่เขาเคยฝันถึงไว้ในอุ้งมือ ก่อนจะบีบขยำเคล้าคลึงเล่นไปมาปากก็ยังจูบม่านไหมไม่ยอมปล่อย จนหญิงสาวทุบตีที่หน้าอกเพราะหายใจไม่ทัน ชายหนุ่มถึงได้ผละปากออกมาให้เธอหายใจหายคอแต่การกระทำของเขาไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น ปราชญาเคลื่อนริมฝีปากไปตามกรอบหน้าของหญิงสาว ก่อนจะไปแวะเล็มขบกัดติ่งหูจนหญิงสาวขนลุกซู่“อื้อ... พี่ปราชญ์ขา” จากตอนแรกที่คิดว่าจะแกล้งเธอเท่านั้น ตอนนี้เขาไม่สามารถข่มกลั้นความอดทนได้อีกต่อไป เพียงเพราะได้ยินเธอเรียกชื่อเขาเสียงหวาน“ม่านครับพี่ขอโทษแต่พี่ห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว” เขาละริมฝีปากที่ซุกไซ้ซอกคอของเธอก่อนจะเงยหน้าพูดม่านไหมยิ้มรับก่อนจะเอื้อมมือไปกอดคอเขาไว้แล้วโน้มหน้าเขาลงมาบดจูบเธออี
5 ปีผ่านไป“คุณพ่อขา... ช่วยปิ่นด้วยค่าพี่ปืนทำหนู”“ไม่จริงนะครับ น้องปิ่นต่างหากที่แกล้งผมก่อน ผมแค่ป้องกันตัว” สองเสียงของเด็กเล็กชายหญิงดังขึ้นไล่เลี่ยกัน ก่อนจะมีร่างจ้ำม่ำของทั้งสองวิ่งไล่ตามกันมา ก่อนผู้เป็นเด็กหญิงจะวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพ่อเพราะเธอมาถึงก่อนปราชญาอ้าแขนรับร่างของเด็กหญิงก่อนจะอุ้มเข้าเอวแล้วหอมฟอดใหญ่ ก่อนจะหันไปอุ้มเด็กชายขึ้นมาเข้าเอวอีกข้าง“ไหนเล่าให้พ่อฟังหน่อยครับว่าเกิดอะไรขึ้น” ปราชญาเอ่ยถามทั้งสองคนที่แท้เด็กชายและเด็กหญิงที่ว่าคือลูกของเขา ผู้เป็นเด็กหญิงมีชื่อว่า ปิ่นมุก ส่วนเด็กชายอีกคนชื่อ ปืนกันต์ ทั้งสองเป็นฝาแฝดชายหญิงที่หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ หากไม่สนิทและรู้จักมักคุ้นจริง ๆ คงจะแยกแยะได้ยากปิ่นมุกแฝดน้องมีนิสัยค่อนข้างแสบและซน เจ้าเล่ห์ตั้งแต่เด็กเรื่องนี้ทำปราชญาและม่านไหมปวดหัวอยู่ทุกวันปืนกันต์แฝดพี่กลับเป็นคนเรียบง่ายติดจะเย็นชา แต่ความเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการกลับมีมากกว่าผู้เป็นน้องสาวที่คลานตามกันออกมาหลายขุมอย่างไรก็ตามเด็กทั้งสองคนนับเป็นเด็กที่ฉลาดมาก อายุเพียงสามขวบกว่าก็พูดจาคล่องแคล่วแล้ว“ว่าไงครับ ไหนเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น” ป
รุ่งอรุณแสนสดใส แสงสีทองทอประกายสาดส่องทะลุผ่านผ้าม่านสีขาวบางเข้ามาด้านในห้อง ทว่าแสงแห่งยามเช้าไม่สามารถรบกวนคู่รักสามีภรรยาที่ตระกองกอดแนบชิดสนิทกันบนเตียงนอนหลังใหญ่ได้บรรยากาศภายในห้องดูแตกต่างกับด้านนอกลิบลับ หลังแสงดวงอาทิตย์เจิดจ้าหมู่มวลชนต่างก็พากันตื่นจากนิทรา จัดการตัวเองเร่งรีบทำเวลาเพื่อที่จะออกไปทำงาน ตามการใช้ชีวิตของแต่ละคนเช่นเดียวกับสองร่างที่ยังคงนอนอยู่ภายในห้อง“อื้อ ปล่อยค่ะ” เสียงหวานครางประท้วง ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยผลักดันร่างบางของตัวเองออกจากอ้อมกอดแกร่ง ก่อนจะลุกขึ้นนั่งมองคนที่ยังไม่ปล่อยมือออกจากเอวบางของเธอ“จะรีบตื่นไปไหนครับ นอนพักอีกหน่อยเถอะ” เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้นขณะที่ตายังคงหลับแน่นไม่มีทีท่าว่าจะลืมขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย เท่านั้นยังไม่พอเขายังพยายามบอกให้หญิงสาวนอนเคียงข้างเขาอีกด้วยหญิงสาวยิ้มหวานกับการกระทำของเขา ทั้งรู้สึกรักใคร่และเอ็นดูที่เขาทำตัวน่ารักไม่เสื่อมคลายไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี เขาก็ยังคงเป็นสามีที่น่ารักและแสนดีของเธอเสมอ“ไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวพี่ก้องไปทำงานสายนะคะ”“ฮื้อ! ใครจะกล้ามาว่าเจ้าของบริษัทกัน ลองมีดูสิจะให้ใบเตือนให้หม
ห้างสรรพสินค้า“ม่าน ทางนี้” ม่านไหมหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นหญิงสาวท่าทางน่ารักรูปร่างผอมบางรอเธออยู่ตรงประตูทางเข้าห้าง หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้ก่อนจะเดินเข้าไปหา“มานานหรือยังกิ่ง ขอโทษนะที่ให้รอ” กิ่ง หรือ กิ่งกมล เธอคือเพื่อนสาวคนสนิทของม่านไหม“ไม่นานหรอก เราก็พึ่งมา ปะ ไปกันเถอะ เดี๋ยวเลยเวลาฉาย”พูดพร้อมกับเดินควงแขนม่านไหมเข้าไปในห้างทันที สิ่งที่กิ่งกมลพูดถึงคือเวลาฉายหนังในโรงภาพยนตร์วันนี้ทั้งสองนัดกันมาเพื่อดูหนังที่เข้ามาใหม่โดยเฉพาะ ทั้งยังเป็นการพักผ่อนเนื่องในวันหยุดอีกด้วยใช่แล้วทั้งม่านไหมและกิ่งกมลต่างก็ทำงานที่เดียวกัน ทั้งยังมีวันหยุดวันเดียวกัน เมื่อมีหนังเข้ามาใหม่ทั้งสองจึงไม่พลาดที่จะนัดและไปดูพร้อมกันทันที“เป็นไงบ้าง”“อะไรเป็นไง” กิ่งกมลหันหน้ามาถามม่านไหมอย่างไม่เข้าใจ“ก็ชีวิตรักอะช่วงนี้เป็นไงบ้าง แฟนแกดูแลดีไหม” หลังจากได้ฟังประโยคคำถามชัด ๆ กิ่งกมลก็ยิ้มแก้มปริ ก่อนจะตอบออกมาด้วยท่าทางภูมิใจ“แน่นอนสิ พี่คีย์ต้องดูแลฉันดีอยู่แล้ว” เห็นท่าทางดีอกดีใจของเพื่อนสนิทจนออกนอกหน้า ม่านไหมก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ จึงได้เบ้ปากมองบนใส่เพื่อนของตัวเอง แต่ถึงเธอจะแส
ณ ร้านอาหาร“ที่รัก.... รอนานไหมคะ ขอโทษนะคะที่ช้า อ้าว! พี่ปราชญ์สวัสดีค่ะ” กิ่งกมลเอ่ยขอโทษแฟนหนุ่ม ก่อนจะหันไปทักทายกับชายอีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทของแฟนเธอ เมื่อเข้ามาภายในร้านอาหารก็เจอเข้ากับสองหนุ่มนั่งรออยู่แล้ว“ไม่นานครับที่รักที่รัก สวัสดีนะครับน้องม่าน” คีรินทร์ตอบ ก่อนจะหันมาทักทายม่านไหม“สวัสดีค่ะพี่คีย์ สวัสดีค่ะพี่ปราชญ์” ม่านไหมส่งยิ้มหวานไปให้ชายหนุ่มทั้งสองคน ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับคนที่เธอเรียกว่าพี่ปราชญ์“สวัสดีครับน้องกิ่ง สวัสดีครับน้องม่าน” ปราชญ์ หรือ ปราชญา เอ่ยทักทายสาวสวยทั้งสอง ก่อนจะนั่งมองหน้าม่านไหมยิ้ม ๆ ทั้งแววตายังมีแต่ความอ่อนโยนความจริงแล้วปราชญารู้สึกดีกับม่านไหมมาก จะบอกว่าแอบชอบก็คงจะใช่ แต่เมื่อรู้ว่าม่านไหมมีคนรักและแต่งงานแล้วเขาจึงได้แต่ถอยตัวเองออกมาและมองดูเธออยู่ห่าง ๆเรื่องนี้ทั้งกิ่งกมลและคีรินทร์ต่างก็รับรู้ถึงความรู้สึกของชายหนุ่มเป็นอย่างดีทั้งยังรู้สึกเห็นใจปราชญาอยู่ไม่น้อยที่แอบหลงรักคนมีเจ้าของ แต่ถึงจะเห็นใจทั้งสองก็ไม่เคยสนับสนุนให้ปราชญาเข้าไปแทรกกลางระหว่างม่านไหมและก้องเกียรติเลยสักครั้งด้วยความที่แอบชอบม่านไหมเป็นทุนเดิมพอ
“ไงครับสนุกไหม” ก้องเกียรติเอ่ยถามหลังจากจอดรถและเข้ามานั่งอยู่ที่โซฟาภายในบ้านแล้วความจริงก่อนหน้าที่จะกลับมาจากห้างสรรพสินค้าม่านไหมไม่ได้นั่งรถกลับมากับเขาเพราะเธอยืนยันที่จะขับรถกลับเอง เขาจึงต้องอดทนและเก็บเรื่องที่เขาจะพูดมาพูดคุยที่บ้านแทน “โธ่... พี่ก้องขาไม่งอนม่านสิคะ ม่านไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” ม่านไหมที่ได้ยินคำถามเสียงเรียบ ๆ จากสามีและสายตาเข้มดุที่จ้องมองมา เธอจึงรีบเข้าไปนั่งข้าง ๆ และกอดแขนเขาพร้อมทั้งซบหน้าลงที่หน้าอกอย่างออดอ้อนทันทีม่านไหมรู้ว่าถ้าเขามีปฏิกิริยาแบบนี้เมื่อไหร่ แสดงว่าเขาไม่ปกติหรือไม่เธอก็ทำผิดอะไรบางอย่าง สิ่งเดียวที่จะทำให้เขาดีขึ้นได้คือการออดอ้อนเอาใจเท่านั้น“หึ ไม่ต้องมาอ้อนพี่เลยพี่ไม่หลงกลหรอกนะ”“โธ่ พี่ก้องขา เป็นอะไรคะ บอกม่านหน่อยสิคะคนดี” เมื่อเห็นว่าลูกอ้อนไม่ได้ผล ม่านไหมจึงต้องขยับตัวนั่งตักพร้อมกับกอดคอก้องเกียรติไว้แล้วเอียงคอถามอย่างน่ารักก้องเกียรติที่กลัวว่าภรรยาจะตกลงมาเจ็บ จึงได้กอดเอวเธอไว้หลวม ๆ แต่เขาก็ยังไม่พูดอะไรออกมา ซึ่งความเอาใจใส่นี้ของเขาก็สามารถทำให้หญิงสาวยิ้มออกมาได้แล้ว“ว่าไงคะ ถ้าพี่ก้องไม่บอกม่านจะรู้ไห
เช้าวันนี้ก็ยังคงเหมือนกับทุก ๆ วันที่ผ่านมา ม่านไหมยังปรนนิบัติทำหน้าที่เป็นภรรยาและแม่บ้านที่ดีให้สามีอย่างก้องเกียรติอยู่เสมอหนึ่งชายหนึ่งหญิงต่างนั่งทานข้าวไปหยอกล้อกันไป โดยเฉพาะก้องเกียรติที่ดูจะหยอกล้อภรรยาอย่างม่านไหมเป็นพิเศษเพียงได้เห็นอาการเขินอายแก้มแดงปลั่งของภรรยา ชายหนุ่มก็รู้สึกดีอย่างมาก ทั้งยังหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้เห็นรอยยิ้มหวานสุกสกาวนั่น“พี่ไปทำงานก่อนนะครับ”“ค่ะ”“จะไม่ให้พี่ไปส่งจริงเหรอ”“ไม่ต้องหรอกค่ะ ม่านขับรถไปเองได้” หญิงสาวตอบยิ้ม ๆ เพราะเธอไม่อยากให้สามีเสียเวลา เนื่องจากที่ทำงานของเธอกับบริษัทของเขาไม่ได้อยู่ทางเดียวกัน ดังนั้นเธอขับรถไปเองจึงจะสะดวกมากกว่า“ครับ งั้นม่านขับรถดี ๆ นะครับ ถ้าถึงแล้วส่งข้อความมาบอกพี่ด้วย” ก้องเกียรติบอกอย่างจำยอม“ค่ะ”ฟอด!เมื่อหอมแก้มภรรยาแล้วเขาจึงขับรถออกจากบ้านไป แม้ใจจะอยากขับรถไปส่งเธอมากแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ต้องหักใจ และด้วยความที่เคารพภรรยาของตัวเอง เขาจึงเลิกวอแวเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ต้องบอกก่อนว่า เมื่อก่อนก้องเกียรติก็ไปส่งภรรยาบ้างตามโอกาส แต่พอรู้ว่าปราชญาทำงานที่เดียวกับภรรยาของเขา ทั้งยังเป็นร
5 ปีผ่านไป“คุณพ่อขา... ช่วยปิ่นด้วยค่าพี่ปืนทำหนู”“ไม่จริงนะครับ น้องปิ่นต่างหากที่แกล้งผมก่อน ผมแค่ป้องกันตัว” สองเสียงของเด็กเล็กชายหญิงดังขึ้นไล่เลี่ยกัน ก่อนจะมีร่างจ้ำม่ำของทั้งสองวิ่งไล่ตามกันมา ก่อนผู้เป็นเด็กหญิงจะวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพ่อเพราะเธอมาถึงก่อนปราชญาอ้าแขนรับร่างของเด็กหญิงก่อนจะอุ้มเข้าเอวแล้วหอมฟอดใหญ่ ก่อนจะหันไปอุ้มเด็กชายขึ้นมาเข้าเอวอีกข้าง“ไหนเล่าให้พ่อฟังหน่อยครับว่าเกิดอะไรขึ้น” ปราชญาเอ่ยถามทั้งสองคนที่แท้เด็กชายและเด็กหญิงที่ว่าคือลูกของเขา ผู้เป็นเด็กหญิงมีชื่อว่า ปิ่นมุก ส่วนเด็กชายอีกคนชื่อ ปืนกันต์ ทั้งสองเป็นฝาแฝดชายหญิงที่หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ หากไม่สนิทและรู้จักมักคุ้นจริง ๆ คงจะแยกแยะได้ยากปิ่นมุกแฝดน้องมีนิสัยค่อนข้างแสบและซน เจ้าเล่ห์ตั้งแต่เด็กเรื่องนี้ทำปราชญาและม่านไหมปวดหัวอยู่ทุกวันปืนกันต์แฝดพี่กลับเป็นคนเรียบง่ายติดจะเย็นชา แต่ความเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการกลับมีมากกว่าผู้เป็นน้องสาวที่คลานตามกันออกมาหลายขุมอย่างไรก็ตามเด็กทั้งสองคนนับเป็นเด็กที่ฉลาดมาก อายุเพียงสามขวบกว่าก็พูดจาคล่องแคล่วแล้ว“ว่าไงครับ ไหนเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น” ป
ม่านไหมและปราชญาผละกอดจากกัน ชายหนุ่มจ้องตาเธอนิ่งเขาอยากจูบเธอแต่ไม่กล้าพอ ม่านไหมยิ้มก่อนจะเป็นฝ่ายโน้มหน้าไปจูบเขาก่อนทันทีที่ริมฝีปากของทั้งสองแตะกันก็คล้ายกับมีแรงดึงดูดทั้งเขาและเธอเอาไว้ ฝ่ามือหนาของปราชญาจับล็อกที่ต้นคอของหญิงสาวก่อนจะเป็นฝ่ายแทรกเรียวลิ้นบดขยี้จูบหวานหอมแสนอ่อนโยนให้กับเธอ ปราชญาไม่สามารถหักห้ามอารมณ์ไว้ได้อีก มือหนาเคลื่อนไปตามสัญชาตญาณ กอบกุมอกอวบของเธอที่เขาเคยฝันถึงไว้ในอุ้งมือ ก่อนจะบีบขยำเคล้าคลึงเล่นไปมาปากก็ยังจูบม่านไหมไม่ยอมปล่อย จนหญิงสาวทุบตีที่หน้าอกเพราะหายใจไม่ทัน ชายหนุ่มถึงได้ผละปากออกมาให้เธอหายใจหายคอแต่การกระทำของเขาไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น ปราชญาเคลื่อนริมฝีปากไปตามกรอบหน้าของหญิงสาว ก่อนจะไปแวะเล็มขบกัดติ่งหูจนหญิงสาวขนลุกซู่“อื้อ... พี่ปราชญ์ขา” จากตอนแรกที่คิดว่าจะแกล้งเธอเท่านั้น ตอนนี้เขาไม่สามารถข่มกลั้นความอดทนได้อีกต่อไป เพียงเพราะได้ยินเธอเรียกชื่อเขาเสียงหวาน“ม่านครับพี่ขอโทษแต่พี่ห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว” เขาละริมฝีปากที่ซุกไซ้ซอกคอของเธอก่อนจะเงยหน้าพูดม่านไหมยิ้มรับก่อนจะเอื้อมมือไปกอดคอเขาไว้แล้วโน้มหน้าเขาลงมาบดจูบเธออี
ตั้งแต่ที่ม่านไหมรู้ว่าปราชญาจีบเธอ ปราชญาก็เปลี่ยนไปทันที สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือเขารุกหญิงสาวมากกว่าเดิม แต่สิ่งที่ชายหนุ่มไม่เคยเปลี่ยนหรือขาดไปนั่นก็คือความเอาใจใส่ของเขานี่ก็ผ่านมาสามเดือนได้แล้ว ที่ปราชญาจีบม่านไหม แรก ๆ ม่านไหมก็เกร็งแต่ปัจจุบันนี้เธอทำตัวตามสบาย ยิ่งถูกปราชญาเอาใจใส่และตามใจมาก ๆ หญิงสาวก็นึกกลัวตัวเองว่าจะเสียนิสัยเข้าสักวัน“เลิกงานแล้ว วันนี้พี่เหนื่อยมากเลยครับ” ปราชญาพูดหลังจากที่เห็นว่าหญิงสาวเดินขึ้นรถมาแล้วทุกวันนี้ม่านไหมขึ้นรถมาทำงานกับปราชญาแทบทุกวัน วันไหนที่ไม่ได้มาด้วยกันคือวันที่ปราชญามีประชุมข้างนอกหรือคุยงานหญิงสาวยิ้มให้กับคนตัวโตที่หันมาอ้อนเธอทุกครั้งที่เธอเดินขึ้นรถ หญิงสาวยอมรับว่าทุกวันนี้หญิงสาวรู้สึกดีมากที่มีเขาอยู่ข้าง ๆ ปราชญาเสมอต้นเสมอปลายกับเธอมาโดยตลอด จนหญิงสาวไม่กลัวแล้วว่าเขาจะเป็นเหมือนก้องเกียรติ“งั้นม่านนวดให้ดีไหมคะ”“ได้เหรอครับ” หญิงสาวหัวเราะเมื่อเห็นอาการถูกใจของเขา ก่อนจะพยักหน้ารับตอนนี้ท่าทางของปราชญาไม่ต่างไปจากเด็กที่ได้ของเล่นเลยด้วยซ้ำ“งั้นวันนี้เราจะทานอะไรกันดีครับ พี่หิวมาก”“แกงถุงไหมคะ ม่านมีร้านแนะนำ”
พี่เป็นห่วง...พี่เป็นห่วง...พี่เป็นห่วง...“ม่าน”“...”“ยายม่าน!”“ฮะ! อะไร มีอะไร”“เหม่ออะไรของแก เป็นอะไร”“ปะ เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร ฉันแค่กำลังคิดอะไรนิดหน่อย” ม่านไหมตอบ“แน่นะ”“อืม” ม่านไหมตอบรับ ก่อนจะสนใจหนังสือนิยายในมือหญิงสาวไม่กล้าบอกเพื่อนว่าเธอกำลังคิดถึงคำพูดของปราชญา เธอกำลังสับสน และกำลังคิดถึงความเป็นไปได้ว่าอะไรทำให้ปราชญาพูดกับเธอแบบนั้นสายตาห่วงใยคำพูดพวกนั้นมันไม่สมควรเกิดขึ้นกับคนที่กำลังจีบ แต่ถึงแม้จะเกิดขึ้นสายตาของเขาไม่ควรที่จะลึกซึ้งมากขนาดนี้ มันลึกซึ้งเหมือนกับว่าชายหนุ่มรักเธอมาก“ม่าน”“ว่า”“แกคิดว่าพี่ปราชญ์เป็นยังไง” คำพูดของกิ่งกมล ทำเอาม่านไหมนิ่งค้างไป“เงียบทำไม ตอบมาสิ” กิ่งกมลเร่งเร้า“ไม่รู้สิ” คำตอบของม่านไหม ทำเอากิ่งกมลเด้งตัวลุกขึ้นแล้วมองหน้าม่านไหมอย่างเอาเรื่องทันที“แกจะไม่รู้ได้ไง พี่ปราชญ์ดูเป็นห่วงเป็นใยแกมากขนาดนั้น บอกฉันมานะว่าแกคิดอะไรอยู่”“ฉันไม่ได้คิดอะไร”“ยายม่าน!”“เฮ้อ! ก็แค่กำลังคิดว่าอะไรทำให้พี่ปราชญ์รู้สึกกับฉันเกินกว่าเจ้านายลูกน้อง”“นี่แกไม่รู้” กิ่งกมลถามด้วยความไม่เชื่อ เธอไม่เชื่อว่าเพื่อนของเธอจะใสซื่อขนา
“อะ เอ่อ... ทานสุกี้ดีกว่าครับ ดูสิวุ้นเส้นอืดหมดแล้ว”“ใช่ ๆ ๆ ยายม่านรีบทานเร็ว”คีรินทร์ที่ทนความอึดอัดและความเงียบที่มีต้นเหตุมาจากเพื่อนตัวเองไม่ไหว จึงรีบพูดออกมาพร้อมทั้งพยักหน้าให้แฟนสาวรีบช่วยพูดเพื่อแก้ไขสถานการณ์ทันทีม่านไหมที่ได้สติจากที่เพื่อนของเธอเรียกชื่อ ก็รีบตักวุ้นเส้นขึ้นมาและทานเงียบ ๆ เธอก้มหน้าก้มตาทานจนได้รับสายตาเอ็นดูจากปราชญาทั้งคีรินทร์และกิ่งกมลรู้สึกว่าตอนนี้พวกเขาเหมือนกับว่าเป็นคนนอกอยู่ตลอดเวลา เพราะปราชญาเล่นไม่สนใจใครเลย คนเดียวที่เขาสนใจคือม่านไหม ไหนจะคำพูดที่พึ่งพูดไปก่อนหน้า แล้วตอนนี้ยังตักนั่นตักนี้ให้ม่านไหมอีกคีรินทร์และกิ่งกมลมองหน้ากันแล้วถอนหายใจออกมา“พอแล้วค่ะ ม่านอิ่มแล้ว”“ทานเยอะ ๆ ครับ พี่ว่าม่านพร้อมไป ต้องทานอีกหน่อย พี่เป็นห่วง”ฉ่า!!!แก้มม่านไหมเห่อร้อนทันที หญิงสาวรู้สึกว่าเหมือนเธอกำลังถูกจีบ!“ไอ้ปราชญ์!”“อะไร”“แกพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า”“รู้สิ ก็ฉันเป็นห่วงน้องม่านจริง ๆ นี่” ปราชญาหันไปตอบคีรินทร์ แล้วหันหน้ามามองหญิงสาวสายตาเต็มไปด้วยความห่วงใยและอ่อนโยนครั้งนี้ม่านไหมไม่หลบตาเธอต้องการพิสูจน์สิ่งที่เธอรู้สึกสงส
จากวันที่หญิงสาวหย่าขาดจากก้องเกียรติ เธอก็ไม่ได้ข่าวคราวเขาอีกเลย รู้เพียงว่าเขาได้เดินทางไปต่างประเทศพร้อมปรายฟ้าแล้ว ส่วนบริษัททางนี้ก็ให้ญาติลูกพี่ลูกน้องของเขาดูแลให้ม่านไหมใช้ชีวิตตามปกติ เธอยังคงมาทำงานใช้ชีวิตเป็นพนักงานออฟฟิศเหมือนเดิม เพียงแต่ว่ารอยยิ้มของเธอไม่ค่อยมีก็เท่านั้นต้องบอกก่อนว่าหลังจากที่เธอขับรถออกจากสำนักงานเขตในวันที่ไปจดทะเบียนหย่านั้น หญิงสาวก็กลับมาร้องไห้ที่ห้องของกิ่งกมลม่านไหมไม่สามารถทนต่อความเสียใจได้ เดิมทีวันที่สิบมีนาคือวันครบรอบวันแต่งงานของเธอกับเขา แทนที่จะมีความสุขและร่วมฉลองในวันดังกล่าว กลับกลายเป็นว่าทุกข์ระทมเพราะหย่าซะเองม่านไหมร้องไห้หนักอยู่เป็นอาทิตย์ ในที่สุดก็หยุดร้องไห้ได้ เพราะได้กำลังใจดี ๆ จากคนที่ห่วงใยเธอทุกคนและเมื่อเธอดีขึ้นแล้ว หญิงสาวก็กลับมาทำงานตามปกติ ชีวิตของเธอยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมนั่นคงจะเป็นปราชญาที่ช่วงนี้ขยันมาอยู่ใกล้เธอเสียเหลือเกินใกล้ม่านไหมมาก จนบางครั้งหญิงสาวรู้สึกอึดอัด“ม่านไปทานข้าวกัน”“จ้า ขอเก็บของแป๊บ” ม่านไหมตอบกลับกิ่งกมลที่ตอนนี้ยืนส่งยิ้มให้เธออยู่ หลังจากม่านไหมเก็บของเ
10 มีนาคมวันเปลี่ยนเวลาหมุนเวียนไป วันนี้เป็นวันที่สิบมีนาคม เป็นวันที่ม่านไหมและก้องเกียรติจะหย่าขาดกันตอนนี้ม่านไหมอยู่ที่ตัวอำเภอ เธอกำลังนั่งรอก้องเกียรติอย่างใจเย็น ใบหน้าเรียบเฉย ไร้ซึ่งความเสียใจ ไร้ความรู้สึก เธอไม่แม้แต่จะพูดกับใครเลยด้วยซ้ำ หญิงสาวนั่งรอด้วยความสงบผ่านไปสิบนาที ก้องเกียรติก็เดินทางมาถึง เมื่อเขาเห็นม่านไหมอยู่ก่อนแล้วจึงเดินเข้าไปหา และขอโทษเรื่องที่เขามาช้าหญิงสาวไม่ได้ต่อว่าเขา เธอเข้าเรื่องสำคัญที่เธอมาที่นี่ทันที ไม่นานเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องการจดทะเบียนสมรสก็เดินเข้ามาหาพวกเธอและพาทั้งสองไปยังห้องห้องหนึ่งเมื่อประตูเปิดออก ทั้งก้องเกียรติและม่านไหมก็เห็นชายวัยกลางคนที่ส่งยิ้มมาให้พวกเขา ทั้งสามต่างทักทายซึ่งกันและกัน“ตัดสินใจและมั่นใจแล้วใช่ไหมครับที่จะจดทะเบียนหย่า” เสียงของเจ้าหน้าที่ถามย้ำอีกครั้ง เพราะการหย่าเป็นเรื่องสำคัญ หลังจากนี้ต้องมีการแบ่งสินสมรสทรัพย์สมบัติอีก เพื่อเป็นการไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นอีกครั้งว่าทั้งสองยินยอมหย่าขาดกันด้วยดีหรือเปล่านั่นเอง“ค่ะ” ม่านไหมตอบรับ ก้องเกียรติหันไปมองหน้าม่านไหมอีกครั้ง แต่หญิงสาวกลับไม่สนใจเขาเลย
เมื่อปรายฟ้าจากไป ก้องเกียรติก็ไม่สามารถอดกลั้นความเสียใจไว้ได้อีก น้ำตามากมายหลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่คมของเขา นี่คือน้ำตาของความรู้สึกผิด คือน้ำตาแห่งความเสียใจ“ฮึก! ม่าน ฮึก! พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มพูดพลางสะอื้น“พี่ขอโทษ”เขาพูดย้ำไปย้ำมาอยู่อย่างนั้น ยิ่งเห็นรูปภาพงานแต่งงานที่ติดอยู่ข้างฝาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจก้องเกียรติพาตัวเองเดินขึ้นไปบนชั้นสองช้า ๆ เขาเดินเหมือนคนไร้ชีวิต หากตอนนี้มีคนอื่นอยู่ด้วย คงคิดว่าเขาไม่สบายมากแน่แอ๊ดหลังเปิดประตูเข้าไปด้านในห้อง ก้องเกียรติก็ตรงไปที่เตียงนอนที่เขากับม่านไหมเคยใช้มันร่วมกัน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้หมอนที่หญิงสาวเคยหนุนนอนไปมามือขวาเอื้อมไปเปิดลิ้นชักข้างเตือน หยิบอัลบั้มภาพถ่ายที่ทั้งเขาและเธอได้ถ่ายร่วมกันและนำไปล้างเอามาใส่อัลบั้มไว้เพื่อไว้ดูต่างหน้ายามที่มีใครคนหนึ่งไปทำงานไกล เพื่อที่จะได้คลายความคิดถึงตลอดเวลาก้องเกียรติไม่เคยเลยสักครั้งที่จะหยิบอัลบั้มนี้ขึ้นมา สำหรับเขาแล้วเมื่อก่อนอัลบั้มภาพถ่ายนี้ไม่ได้มีความสำคัญเลยสักนิดเดียว ในเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปไกลหากอยากเห็นหน้าก็วิดีโอหาเธอก็ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยเปิดมันมาก่อนแต่ว่าตอนน
“ฮึก! ฮือ... ฉันท้อง! ฉันไม่เคยต้องการให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ม่านพี่ขอโทษ แต่พี่ไม่สามารถยกบอสให้ม่านได้อีกแล้วจริง ๆ”“หมายความว่ายังไงคะที่บอกว่าไม่สามารถยกให้ได้อีกแล้ว” ม่านไหมทวนคำถามทั้ง ๆ ที่เธอกำลังตกใจอยู่ “ฮึก! ความจริงแล้วพี่แอบชอบบอสมาตลอด แต่บอสไม่เคยเห็นพี่ในสายตาเลย พี่พยายามทำทุกอย่างเผื่อบอสจะมองพี่เป็นอย่างอื่นบ้าง ไม่ใช่แค่เจ้านายที่มองลูกน้องคนหนึ่ง”“...”“แต่พี่ก็ดีใจนะที่ได้แอบชอบบอสแบบนี้ จนวันนั้นวันที่ม่านเข้ามาฝึกงานที่บริษัท สายตาที่บอสมองม่านพี่รู้ได้ทันทีว่าบอสรู้สึกยังไง ด้วยความที่พี่ไม่สามารถทำให้บอสรักได้ ประจวบกับม่านทั้งนิสัยดีและน่ารักพี่เลยทำตัวเป็นแม่สื่อให้บอสกับม่าน จนทั้งสองคนรักกันนั่นแหละ”ม่านไหมอึ้งไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้อยู่จริง คนที่ยอมเป็นสะพานให้คนที่ตัวเองรักใช้ข้ามไปหาใครอีกคน ยอมเป็นแม่สื่อให้เขารักกับผู้หญิงคนอื่น คนที่ยอมเสียสละแบบนั้นไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง ๆ ในยุคปัจจุบันม่านไหมมองปรายฟ้าอย่างไม่เชื่อสายตา พร้อมทั้งสงสารและเห็นใจเธอด้วย เพราะถ้าเป็นอย่างที่ปรายฟ้าเล่าจริงนั่นแสดงว่าผู้หญิงคนนี้คงเจ็บปวดไม่น้อยเลยแต่ว่าเสียสล