เช้าวันนี้ก็ยังคงเหมือนกับทุก ๆ วันที่ผ่านมา ม่านไหมยังปรนนิบัติทำหน้าที่เป็นภรรยาและแม่บ้านที่ดีให้สามีอย่างก้องเกียรติอยู่เสมอ
หนึ่งชายหนึ่งหญิงต่างนั่งทานข้าวไปหยอกล้อกันไป โดยเฉพาะก้องเกียรติที่ดูจะหยอกล้อภรรยาอย่างม่านไหมเป็นพิเศษ
เพียงได้เห็นอาการเขินอายแก้มแดงปลั่งของภรรยา ชายหนุ่มก็รู้สึกดีอย่างมาก ทั้งยังหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้เห็นรอยยิ้มหวานสุกสกาวนั่น
“พี่ไปทำงานก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
“จะไม่ให้พี่ไปส่งจริงเหรอ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ม่านขับรถไปเองได้” หญิงสาวตอบยิ้ม ๆ เพราะเธอไม่อยากให้สามีเสียเวลา เนื่องจากที่ทำงานของเธอกับบริษัทของเขาไม่ได้อยู่ทางเดียวกัน ดังนั้นเธอขับรถไปเองจึงจะสะดวกมากกว่า
“ครับ งั้นม่านขับรถดี ๆ นะครับ ถ้าถึงแล้วส่งข้อความมาบอกพี่ด้วย” ก้องเกียรติบอกอย่างจำยอม
“ค่ะ”
ฟอด!
เมื่อหอมแก้มภรรยาแล้วเขาจึงขับรถออกจากบ้านไป แม้ใจจะอยากขับรถไปส่งเธอมากแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ต้องหักใจ และด้วยความที่เคารพภรรยาของตัวเอง เขาจึงเลิกวอแวเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้
ต้องบอกก่อนว่า เมื่อก่อนก้องเกียรติก็ไปส่งภรรยาบ้างตามโอกาส แต่พอรู้ว่าปราชญาทำงานที่เดียวกับภรรยาของเขา ทั้งยังเป็นรุ่นพี่ในแผนกเขาก็รู้สึกไม่พอใจ และอยากจะไปส่งหญิงสาวมันทุกวัน
แต่แล้วก็ต้องล้มเลิกความคิดเมื่อภรรยายืนกรานว่าจะขับรถไปทำงานด้วยตนเอง สำหรับตัวก้องเกียรติเองเขาไว้ใจม่านไหมแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สำหรับปราชญาเขาไม่ไว้ใจเลยสักนิด ผู้ชายด้วยกันมันมองกันออก
ปราชญาจ้องจะตีท้ายครัวเขาอยู่แน่นอน!
เหอะ คิดมาถึงตรงนี้ก้องเกียรติก็ยิ่งรู้สึกร้อนลุ่มในอก กลัวม่านไหมจะหลงคารมของผู้ชายคนนั้น แม้ว่าปากเขาจะบอกว่าไว้ใจเธอมากแค่ไหน แต่ภายในใจลึก ๆ มันก็ยังมีความกังวลและระแวงอยู่ดี
กริ๊ง... กริ๊ง...
“ครับ” ก้องเกียรติกดรับโทรศัพท์ก่อนจะกรอกเสียงไปตามสาย
“...” คิ้วของชายหนุ่มขมวดเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของคนที่โทรเข้ามา
“ถ้ายังอยากมีชีวิตที่ดีก็ควรรู้ว่าควรทำตัวยังไง แต่ถ้ายังไม่รู้และพยายามทำอะไรบางอย่างที่จะทำลายผมอย่าหาว่าผมไม่เตือนก็แล้วกัน แค่นี้นะ”
แววตาของก้องเกียรติฉายแววล้ำลึกอยู่สักพักก่อนจะปรับให้เรียบนิ่งดังเดิม ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดบางอย่าง ชีวิตเขานอกจากภรรยาอย่างม่านไหมแล้ว เขาก็ไม่คิดที่จะสนใจใครอีก ดังนั้นหลังจากพูดจบชายหนุ่มจึงกดตัดสายทันที โดยที่ไม่สนใจคนที่โทรเข้ามาเลยสักนิดว่าจะรู้สึกยังไง
ทางด้านม่านไหมหลังจากยืนส่งก้องเกียรติขับรถพ้นรั้วประตูบ้านแล้ว เธอถึงได้ขับรถไปทำงานตามปกติ
หน้าที่การงานของม่านไหมคือแผนกบัญชีหรือการเงิน คอยดูเรื่องการเบิกจ่ายหรืองบประมาณของบริษัทโดยมีปราชญาเป็นคนอนุมัติอีกที
ส่วนเพื่อนสนิทอย่างกิ่งกมลก็มีตำแหน่งเดียวกันกับเธอ ทั้งสองทำงานแผนกเดียวกัน โดยแบ่งงานกันดูคนละโพรเจกต์ โดยมีหัวหน้าของพวกเธอเป็นคนจัดการแบ่งงานให้
ส่วนบริษัทที่พวกเธอทำงานกันอยู่คือบริษัทรับออกแบบโฆษณา พวกเธอเริ่มทำงานที่นี่ตั้งแต่เรียนจบใหม่ ๆ ซึ่งจะบอกว่าเป็นโชคดีของพวกเธอก็ว่าได้ เพราะตอนนั้นคนที่ทำตำแหน่งนี้เขาได้ลาออกไปพอดี และบริษัทก็ต้องการพนักงานมาช่วยงานพวกเธอจึงได้งานนี้มาอย่างง่ายได้ โดยผ่านการแนะนำจากรุ่นพี่ที่รู้จัก และกิ่งกมลก็พบรักกับคีรินทร์ที่นี่เช่นกัน
คีรินทร์มีตำแหน่งเป็นถึงรองประธานบริษัท ส่วนประธานบริษัทจะเป็นใครนั้นพวกเธอก็ไม่อาจทราบ หญิงสาวทั้งสองทำงานมาสองสามปีก็ยังไม่เคยเจอหน้าคนที่เป็นท่านประธานเลยสักครั้ง
บ้างก็ว่าเขายังเรียนอยู่ต่างประเทศ หรือไม่ก็ดูงานที่ต่างประเทศยังไม่มีกำหนดกลับ งานที่ประเทศไทยจึงเป็นหน้าที่ของคีรินทร์ที่ต้องดูแลและจัดการทั้งหมดนั่นเอง
“ม่าน พี่ปราชญ์ขอดูสรุปงบประมาณของเดือนที่แล้วอะ แกเตรียมไว้พร้อมหรือยัง”
“อือ ฉันเตรียมไว้ละ ของแกล่ะ”
“ฉันก็เตรียมไว้แล้ว งั้นเอามานั่งสรุปรวมยอดกันเถอะ เวลาโดนถามจะได้ตอบได้ชัดเจน” ม่านไหมพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของเพื่อน ก่อนที่ทั้งสองจะช่วยกันดูงบประมาณทั้งหมดจนเสร็จเรียบร้อย
“นี่ดีนะพวกเราทำไว้อย่างมีระเบียบเรียบร้อย ไม่งั้นโดนพี่ตาดุแน่” กิ่งกมลว่า
พี่ตาที่พูดถึงก็คือสมิตาหัวหน้าของพวกเธอนั่นเอง ส่วนตำแหน่งของปราชญานั้นค่อนข้างคุมเครือ พวกเธอรู้แค่ว่าปราชญามีอำนาจสูงสุดในแผนกนี้เท่านั้น ไม่ได้มีตำแหน่งตายตัวเหมือนพนักงานคนอื่น ๆ เรื่องนี้หญิงสาวทั้งสองและพนักงานบางกลุ่มก็สงสัยเช่นกัน
“อื้อ นี่ก็ใกล้เที่ยงละ เราเก็บของกันเถอะ จะได้ไปทานข้าวที่โรงอาหาร”
“อืม” กิ่งกมลรับคำ ต่างคนต่างเก็บของบนโต๊ะของตัวเอง ในขณะที่ม่านไหมกำลังหยิบโทรศัพท์นั้นเธอก็เห็นว่ามีข้อความถูกส่งเข้ามาหลายนาทีแล้ว นั่นแสดงว่าก่อนหน้านี้เธอมัวแต่สรุปยอดเลยไม่ได้สนใจโทรศัพท์แน่ ๆ จึงไม่ได้ยินเสียงแจ้งเตือน
ม่านไหมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความที่ส่งมาจากแอพลิเคชันที่มีชื่อว่าไลน์ ก่อนที่คิ้วเรียวสวยของเธอจะขมวดมุ่นด้วยความสงสัย เพราะมันถูกส่งมาจากคนที่เธอไม่รู้จักที่ใช้ชื่อว่า ผู้หวังดี!
ผู้หวังดี : แหม... ใจดีใจกว้างจังเลยนะคะ สามีมีคนอื่นยังไม่ว่าอะไร
ผู้หวังดี : เอ้... หรือว่าภรรยาที่แสนดีจะไม่รู้กันน้า ว่าสามีที่รักนักรัก หนากำลังสวมเขาให้
ผู้หวังดี : หึหึ ยังไงก็ขอให้รักกับสามีไปนาน ๆ นะคะ อ้อ! แต่ถ้า ฉลาดก็ควรจะเผื่อใจไว้บ้าง ผิดหวังขึ้นมาจะได้ไม่เจ็บ ปางตาย
ผู้หวังดี : เสือน่ะ... มันไม่เคยทิ้งลายหรอกนะคะ
หลังอ่านข้อความที่ถูกส่งเข้ามาทั้งหมดจบม่านไหมก็รู้สึกไม่พอใจ ทั้งยังรู้สึกเหมือนกำลังถูกปั่นหัวจากใครบางคนที่ต้องการให้เธอและก้องเกียรติต้องทะเลาะกัน
ม่านไหม : คุณเป็นใคร ต้องการอะไร
ม่านไหม : ถ้าว่างมากก็ไปทำชีวิตตัวเองให้ดี ไม่ใช่มารังควานให้ คนอื่นเขาแตกแยกกัน
ม่านไหมส่งข้อความกลับไปก่อนจะเลิกสนใจ พร้อมกับเดินไปหากิ่งกมลที่ยืนรออยู่ จากนั้นทั้งสองก็ตรงไปที่โรงอาหารของบริษัทเพื่อทานข้าวทันที
จากวันที่เธอได้รับข้อความจากคนที่อ้างตัวและใช้ชื่อว่าผู้หวังดี รวมถึงได้โต้ตอบกลับไปด้วยข้อความที่แสดงให้เห็นว่าเธอไม่พอใจ หลังจากวันนั้นเธอก็ได้รับข้อความมาอีกเรื่อย ๆ จากอาทิตย์ละครั้ง ก็กลายเป็นสองสามครั้งต่ออาทิตย์ และล่าสุดส่งเข้ามาหาเธอทุกวันม่านไหมทั้งรู้สึกไม่พอใจและโกรธ ที่ชีวิตของเธอแทนที่จะมีความสุขกับก้องเกียรติผู้ชายที่เธอเลือก กลับต้องมาปวดหัวจากใครก็ไม่รู้ที่ต้องการทำลายชีวิตคู่ของเธออ้างตัวว่าเป็นผู้หวังดี แล้วทำไมถึงไม่มาเผชิญหน้ากับเธอตรง ๆ แล้วพาเธอไปเห็นจะ ๆ เลยล่ะ ว่าสามีนอกลู่นอกทางจริงไหม ไม่ใช่เอาแต่ส่งข้อความมาป่วนกันแบบนี้แน่นอนว่าม่านไหมไม่เชื่อและไม่ระแวงข้อความที่ถูกส่งเข้ามาเลยสักนิด เธอมั่นใจในตัวก้องเกียรติมากเกินกว่าที่เธอจะใส่ใจข้อความไม่มีมูลพวกนั้นแค่ข้อความใคร ๆ ก็พิมพ์ได้! ติ้ง!ผู้หวังดี : ถ้าไม่เชื่อ คิดว่าฉันหลอก ทำไมเธอไม่ลองดูพฤติกรรม สามีที่เธอรักนักรักหนา และไว้ใจมากล่ะ ว่าเขามีอะไร แปลกไปหรือผิดปกติอย่างที่ฉันบอกหรือเปล่าวันนี้ก็เช่นกันที่ม่านไหมได้ข้อความจากคนคนนี้อีกครั้ง หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก
กริ๊ง... กริ๊ง...“คิดถึงม่านเหรอคะถึงได้โทรมา”‘ก็ต้องคิดถึงอยู่แล้วสิครับ นี่พี่ตั้งใจจะโทรตั้งแต่พี่ถึงแล้วนะ แต่พี่ไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของม่าน ถึงได้โทรมาช้าแบบนี้’“น่ารักจังเลยค่ะ ไปดูงานต่างจังหวัดโดยที่ม่านไม่ได้ไปด้วยแบบนี้อย่าไปหว่านเสน่ห์ใครนะคะ ม่านรู้ม่านไม่ยอมจริง ๆ ด้วย”‘หึหึ พี่ไม่ไปทำกับใครหรอกครับ ถ้าจะหว่านเสน่ห์ใครสักคนแค่ม่านคนเดียวก็พอ จะทำให้รักให้หลงพี่จนโงหัวไม่ขึ้นเลยดีไหมครับ’“คิกคิก พี่ก้องล่ะก็ ม่านล้อเล่นค่ะ ม่านไว้ใจพี่ก้องจะตาย แล้วนี่เข้าพักในโรงแรมที่จองไว้เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ”‘เรียบร้อยแล้วครับ ดีที่คุณปรายจัดการให้ ไม่งั้นพี่คงลืมว่าวันนี้ต้องมาดูงานที่จังหวัดนี้’“อย่าลืมขึ้นเงินเดือนให้พี่ปรายนะคะ แล้วก็ห้ามใช้งานพี่ปรายหนักด้วย”‘ครับครับครับ รู้แล้วน่า งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ ถ้าเลิกงานกลับบ้านแล้วโทรหาพี่ด้วยน้า’“ค่ะ รักนะคะ”‘รักเช่นกันครับ’หลังวางสายจากก้องเกียรติ ม่านไหมก็ได้สายตาล้อเลียนจากกิ่งกมล แต่เธอก็ไม่สนใจแสร้งตักข้าวเข้าปากไป แล้วหันหน้าหนีทันที“พี่ทานข้าวด้วยคนนะครับ” กิ่งกมลละสายตาจากม่านไหม ก่อนจะหันไปสนใจคนพูด“เชิญค่ะพี่ปร
‘‘ที่รัก ที่เห็นในรูปมันไม่มีอะไรเลยนะครับ ไม่เชื่อที่รักคุยกับคุณปรายก็ได้’’‘ไม่เป็นไรค่ะ ทีหลังก็ระวังด้วยนะคะ ถึงม่านจะเชื่อใจพี่และพี่ปราย แต่คนอื่นถ้าเขาเห็นแบบนี้ตัวพี่นั่นแหละจะเสียหาย’‘‘เข้าใจแล้วครับ ขอโทษนะครับที่ทำให้ไม่สบายใจ’’‘ไม่เป็นไรค่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ ม่านจะเข้างานแล้ว สวัสดีค่ะ’“รักนะครับ”ฟู่ววว!ก้องเกียรติเป่าปากพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนหน้านี้ที่เขาจะคุยกับม่านไหม เธอได้ส่งรูปภาพพร้อมข้อความมาหาเขา เขาจึงได้รีบโทรไปอธิบายให้เธอฟัง โชคดีที่ม่านไหมเชื่อใจเขา ไม่อยากนั้นชีวิตคู่ระหว่างเขาและเธอคงจบไม่สวยแน่“น้องม่านเชื่อไหมคะ” เสียงหญิงสาวที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงภายในห้องเอ่ยถามก้องเกียรติ“อืม ดีที่ม่านเขาเชื่อใจและไว้ใจผมมาก” ชายหนุ่มว่า“...”“คุณปรายครับ... เอ่อ คือ...” ก้องเกียรติละล่ำละลักไม่รู้ว่าควรจะพูดออกมาว่าอย่างไร“บอสไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เรื่องเมื่อคืนเราก็สนุกกันทั้งสองฝ่าย ปรายไม่คิดอะไรมากหรอกค่ะ บอสสบายใจได้” ใช่แล้ว ผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงคือปรายฟ้า เลขาสาวสวยสุดเซ็กซี่ขยี้ใจของก้องเกียรตินั่นเอง เมื่อคืนทั้งสองทำกิจกรรมที่นี่กันทั้งคืน
“วันนี้สามีแกกลับมาแล้วใช่ไหม”“ใช่”“อื้อ กลับมาแล้วก็ดีเห็นแกมีสีหน้าเหมือนปลาขาดน้ำแล้วฉันบอกตรง ๆ ว่าลำไยมาก” กิ่งกมลพูด ม่านไหมมองหน้าเธออย่างงอน ๆ ก่อนที่ทั้งสองจะเปลี่ยนเรื่องคุยตลอดทั้งวันม่านไหมค่อนข้างที่จะมีความสุขมาก เธอทำงานด้วยรอยยิ้มประดับเต็มใบหน้า ในหัวก็ขบคิดว่าวันนี้จะทำอะไรให้สามีของเธอทานดีม่านไหมขบคิดขนาดที่ว่า เขาจะมาถึงบ้านกี่โมง จะเหนื่อยมากไหม มีปัญหาอะไรหรือเปล่า แล้วเธอควรทำอะไรเพื่อที่จะให้เขาหายเหนื่อยดีเมื่อถึงเวลาเลิกงานเธอจึงรีบตรงไปที่ซูเปอร์มาเก็ตเพื่อซื้อวัตถุดิบในการประกอบอาหารที่ถูกเธอคิดไว้ว่าจะทำ เมื่อได้ของทุกอย่างครบแล้วเธอจึงขับรถกลับบ้านใช้เวลาร่วมชั่วโมงเกือบสองชั่วโมง กว่าม่านไหมจะฝ่าจราจรรถติดกลับมาถึงบ้านได้ แต่เมื่อเธอกลับมาถึงแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรองเท้าของสามีเธอถอดและวางไว้บนชั้นวางหน้าประตูอยู่แล้ว ทั้งยังมีรองเท้าผู้หญิงถูกถอดวางเคียงข้างกันด้วยหญิงสาวขมวดคิ้ว เมื่อรู้สึกว่ามันผิดปกติ!คิดไปก็เท่านั้นเข้าไปให้เห็นเลยดีกว่าว่าสามีของเธอพาใครมาบ้าน ความร้อนรุ่มจะได้จางหาย หญิงสาวรีบถอดรองเท้าแล้วพาตัวเองเข้าไปในบ้านพร้อมกับร
เมื่อได้อยู่กันตามลำพังสองต่อสอง ม่านไหมก็หันหน้ามาเผชิญกับสามีตัวดีของตัวเอง เธอยกมือขึ้นกอดอก ส่งสายตาวาววับหรี่ตาลงคล้ายกับกำลังจะจับผิด“ม่านมองพี่แบบนี้ทำไมครับ” ก้องเกียรติถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแต่ภายในใจกลับตื่นตระหนกเพียะ!“ไปพูดแบบนั้นกับพี่ปรายได้ยังไงรู้ไหมคะว่ามันเสียมารยาท แขกยังอยู่ในบ้านแต่พี่กลับทิ้งแขกแล้วพาม่านขึ้นมาแบบนี้เนี่ยนะ”“โธ่... ม่านครับก็พี่คิดถึงม่านนี่นา”“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ อย่างน้อย ๆ ก็ควรส่งแขกกลับบ้านก่อนสิไม่ใช่ทำแบบนี้ แล้วนี่ไม่รู้ว่าพี่ปรายจะคิดอะไรแบบไหนบ้าง พี่ก้องนะพี่ก้อง ฮึ่ย!” หญิงสาวหน้ามุ่ยจนก้องเกียรติต้องดึงเธอเข้าไปกอด ใบหน้าคมคายของเขาซบลงบนไหล่บางของหญิงสาวพยายามแสดงท่าทางออดอ้อนสุดฤทธิ์“ขอโทษครับจะไม่ทำอีกแล้วครับ” ม่านไหมคร้านจะใส่ใจคนเจ้าเล่ห์ เธอจึงผลักเขาออกแล้วมองกลับไปด้วยสายตาจริงจัง“ช่างเรื่องนี้เถอะค่ะ ตอนนี้พี่ก้องต้องบอกม่านมาก่อน ว่าพี่ก้องทำอาหารเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมม่านไม่รู้ แถมยังทำอร่อยด้วย”อึก!ก้องเกียรติกลืนน้ำลาย ในใจพลันคิดถึงคนที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้ ในหัวขบคิดหาวิธีการลงโทษต่าง ๆ นานา“ว่าไงคะ ไ
“อื้อ!” ม่านไหมรู้สึกตัวตื่นก่อนจะบิดตัวไปมาเพื่อคลายอาการปวดเมื่อยที่เกิดจากการกระทำของเธอและก้องเกียรติหญิงสาวรู้สึกระบมและเจ็บช่วงล่างเป็นอย่างมาก บทรักเมื่อคืนผิดแปลกไปจากทุกที ปกติก้องเกียรติจะปฏิบัติกับเธอด้วยความอ่อนโยนและระมัดระวังแต่เมื่อคืนนี้ก้องเกียรติกลับตะบี้ตะบันใส่เธออย่างหนักหน่วง แม้หญิงสาวจะรู้สึกเจ็บกับการกระทำของเขา หลายครั้งที่เธอต้องการจะบอกให้เขาหยุด แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องกล้ำกลืนคำพูดพวกนั้นลงคอไป เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมีความสุขฉายชัดเต็มไปหน้าม่านไหมทนรับความจุกและความเจ็บปวดเอาไว้จากแรงกระแทกของสามีจวบจนเขาเสร็จสมถึงได้หลับอย่างสบายใจความจริงเมื่อคืนถ้าเธอมีสติตั้งใจฟังเสียงครวญครางของก้องเกียรติ หญิงสาวอาจจะรับรู้ได้ว่ากิจกรรมรักที่เขาทำกับเธอแท้จริงแล้วเขากำลังคิดว่าทำมันกับคนอื่นเพราะชื่อที่ก้องเกียรติร้องครางออกมาก่อนเสร็จสมไม่ใช่ชื่อของม่านไหมเลย! หญิงสาวสะบัดอาการเมื่อยล้าที่เกาะกินร่างกายของเธอออกไป แล้วจึงหันไปมองนาฬิกาที่ตั้งไว้บนหัวเตียงบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว หญิงสาวรีบลุกเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อหางตาของเ
ด้านปราชญาหลังจากออกจากห้องทำงานของม่านไหมและกิ่งกมลแล้ว ชายหนุ่มก็ตรงไปขึ้นลิฟต์ไปยังส่วนของห้องผู้บริหารเพื่อพูดคุยงานกับคีรินทร์ต่อไป“ไอ้ปราชญ์!” ปราชญาไม่ตอบ ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้างแล้วเดินไปนั่งโซฟาในห้องอย่างสบายอารมณ์คีรินทร์ที่เห็นเพื่อนตัวเองไม่มีความกระตือรือร้นจะคุยกับตัวเองก็ยิ่งโมโห ผุดลุกจากเก้าอี้โต๊ะทำงานแล้วมานั่งโซฟาตรงกันข้าม สายตาก็ส่งไปฟาดฟันกับเพื่อนของตัวเองไม่หยุดคำพูดที่เขาอยากจะพูดถูกส่งผ่านมาทางสายตาแล้วทั้งสิ้น ถ้าเป็นคำพูดก็คงเปรียบได้กับคำด่าปราชญาหันหน้าหนีแล้วจึงหันมาสบตากับคีรินทร์ใหม่ เมื่อคีรินทร์เห็นว่าเพื่อนของเขามีความจริงจังขึ้นมาบ้างแล้ว ชายหนุ่มจึงละสายตาแล้วจึงเอนหลังอย่างสบายอารมณ์บ้าง“เรียกฉันขึ้นมาทำไม” ปราชญาถาม“เมื่อไหร่แกจะทำงาน”“ฉันก็ทำงานอยู่นี่ แกไม่เห็นเหรอ” คีรินทร์สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะผ่อนออกมาคล้ายกับกำลังอดกลั้นบางสิ่งบางอย่าง“ฉันหมายถึงมารับหน้าที่ประธานบริษัท เปิดตัวสักทีเถอะเพื่อน ทุกวันนี้คนเรียกหาแต่ฉัน งานฉันดูเหมือนจะเยอะกว่าแกอีกนะเว้ย” คีรินทร์ว่าพร้อมใช้สายตามองไปที่ปราชญาอย่างขอร้อง“เออ ๆ ทนหน่อ
ม่านไหมหลังจากเห็นภาพที่ถูกส่งเข้ามาแล้ว ใจของเธอก็กระตุก ยิ่งอ่านข้อความที่ส่งเข้ามาพร้อมกันก็เกิดความรู้สึกลังเลใจว่ามีอะไรที่เธอพลาดไปหรือเปล่าหญิงสาวส่ายหัวตัวเองแรง ๆ เพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านที่กำลังเกิดขึ้น หญิงสาวมั่นใจในตัวก้องเกียรติสามีของเธอ มั่นใจว่าเขาจะไม่ได้ทำเหมือนในรูปภาพที่ส่งเข้ามาคนที่ส่งเข้ามาต้องไม่หวังดีกับเธอแน่ ๆ ใช่ เขาต้องไม่หวังดีกับเธอ เขาต้องพยายามสร้างความร้าวฉานของเธอกับก้องเกียรติแน่ ๆม่านไหมคิดกับตัวเอง พร้อมกับย้ำความคิดตัวเองซ้ำไปซ้ำมา เธอหันมาอ่านข้อความส่งมาจากผู้หวังดีอีกครั้ง แล้วจึงตัดสินใจพิมพ์บางอย่างกลับไปม่านไหม : ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร ต้องการอะไรนะคะ แต่หยุดสร้าง ความร้าวฉานให้ฉันกับสามีสักที นานนับนาทีหลังจากที่เธอตัดสินใจพิมพ์ข้อความนั้นกลับไป อีกฝ่ายก็ยังไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ม่านไหมตัดสินใจจะปิดโทรศัพท์ ทันใดนั้นเองข้อความจากอีกฝ่ายก็ดังขึ้นผู้หวังดี : คุณไม่ต้องเชื่อทุกอย่างที่ฉันบอกหรอกนะคะ แต่ลอง สังเกตดูว่าเขาเป็นเหมือนที่ฉันบอกหรือเปล่าผู้หวังดี : ส่วนฉันเป็นใคร คุณรู้แค่ว่
5 ปีผ่านไป“คุณพ่อขา... ช่วยปิ่นด้วยค่าพี่ปืนทำหนู”“ไม่จริงนะครับ น้องปิ่นต่างหากที่แกล้งผมก่อน ผมแค่ป้องกันตัว” สองเสียงของเด็กเล็กชายหญิงดังขึ้นไล่เลี่ยกัน ก่อนจะมีร่างจ้ำม่ำของทั้งสองวิ่งไล่ตามกันมา ก่อนผู้เป็นเด็กหญิงจะวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพ่อเพราะเธอมาถึงก่อนปราชญาอ้าแขนรับร่างของเด็กหญิงก่อนจะอุ้มเข้าเอวแล้วหอมฟอดใหญ่ ก่อนจะหันไปอุ้มเด็กชายขึ้นมาเข้าเอวอีกข้าง“ไหนเล่าให้พ่อฟังหน่อยครับว่าเกิดอะไรขึ้น” ปราชญาเอ่ยถามทั้งสองคนที่แท้เด็กชายและเด็กหญิงที่ว่าคือลูกของเขา ผู้เป็นเด็กหญิงมีชื่อว่า ปิ่นมุก ส่วนเด็กชายอีกคนชื่อ ปืนกันต์ ทั้งสองเป็นฝาแฝดชายหญิงที่หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ หากไม่สนิทและรู้จักมักคุ้นจริง ๆ คงจะแยกแยะได้ยากปิ่นมุกแฝดน้องมีนิสัยค่อนข้างแสบและซน เจ้าเล่ห์ตั้งแต่เด็กเรื่องนี้ทำปราชญาและม่านไหมปวดหัวอยู่ทุกวันปืนกันต์แฝดพี่กลับเป็นคนเรียบง่ายติดจะเย็นชา แต่ความเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการกลับมีมากกว่าผู้เป็นน้องสาวที่คลานตามกันออกมาหลายขุมอย่างไรก็ตามเด็กทั้งสองคนนับเป็นเด็กที่ฉลาดมาก อายุเพียงสามขวบกว่าก็พูดจาคล่องแคล่วแล้ว“ว่าไงครับ ไหนเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น” ป
ม่านไหมและปราชญาผละกอดจากกัน ชายหนุ่มจ้องตาเธอนิ่งเขาอยากจูบเธอแต่ไม่กล้าพอ ม่านไหมยิ้มก่อนจะเป็นฝ่ายโน้มหน้าไปจูบเขาก่อนทันทีที่ริมฝีปากของทั้งสองแตะกันก็คล้ายกับมีแรงดึงดูดทั้งเขาและเธอเอาไว้ ฝ่ามือหนาของปราชญาจับล็อกที่ต้นคอของหญิงสาวก่อนจะเป็นฝ่ายแทรกเรียวลิ้นบดขยี้จูบหวานหอมแสนอ่อนโยนให้กับเธอ ปราชญาไม่สามารถหักห้ามอารมณ์ไว้ได้อีก มือหนาเคลื่อนไปตามสัญชาตญาณ กอบกุมอกอวบของเธอที่เขาเคยฝันถึงไว้ในอุ้งมือ ก่อนจะบีบขยำเคล้าคลึงเล่นไปมาปากก็ยังจูบม่านไหมไม่ยอมปล่อย จนหญิงสาวทุบตีที่หน้าอกเพราะหายใจไม่ทัน ชายหนุ่มถึงได้ผละปากออกมาให้เธอหายใจหายคอแต่การกระทำของเขาไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น ปราชญาเคลื่อนริมฝีปากไปตามกรอบหน้าของหญิงสาว ก่อนจะไปแวะเล็มขบกัดติ่งหูจนหญิงสาวขนลุกซู่“อื้อ... พี่ปราชญ์ขา” จากตอนแรกที่คิดว่าจะแกล้งเธอเท่านั้น ตอนนี้เขาไม่สามารถข่มกลั้นความอดทนได้อีกต่อไป เพียงเพราะได้ยินเธอเรียกชื่อเขาเสียงหวาน“ม่านครับพี่ขอโทษแต่พี่ห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว” เขาละริมฝีปากที่ซุกไซ้ซอกคอของเธอก่อนจะเงยหน้าพูดม่านไหมยิ้มรับก่อนจะเอื้อมมือไปกอดคอเขาไว้แล้วโน้มหน้าเขาลงมาบดจูบเธออี
ตั้งแต่ที่ม่านไหมรู้ว่าปราชญาจีบเธอ ปราชญาก็เปลี่ยนไปทันที สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือเขารุกหญิงสาวมากกว่าเดิม แต่สิ่งที่ชายหนุ่มไม่เคยเปลี่ยนหรือขาดไปนั่นก็คือความเอาใจใส่ของเขานี่ก็ผ่านมาสามเดือนได้แล้ว ที่ปราชญาจีบม่านไหม แรก ๆ ม่านไหมก็เกร็งแต่ปัจจุบันนี้เธอทำตัวตามสบาย ยิ่งถูกปราชญาเอาใจใส่และตามใจมาก ๆ หญิงสาวก็นึกกลัวตัวเองว่าจะเสียนิสัยเข้าสักวัน“เลิกงานแล้ว วันนี้พี่เหนื่อยมากเลยครับ” ปราชญาพูดหลังจากที่เห็นว่าหญิงสาวเดินขึ้นรถมาแล้วทุกวันนี้ม่านไหมขึ้นรถมาทำงานกับปราชญาแทบทุกวัน วันไหนที่ไม่ได้มาด้วยกันคือวันที่ปราชญามีประชุมข้างนอกหรือคุยงานหญิงสาวยิ้มให้กับคนตัวโตที่หันมาอ้อนเธอทุกครั้งที่เธอเดินขึ้นรถ หญิงสาวยอมรับว่าทุกวันนี้หญิงสาวรู้สึกดีมากที่มีเขาอยู่ข้าง ๆ ปราชญาเสมอต้นเสมอปลายกับเธอมาโดยตลอด จนหญิงสาวไม่กลัวแล้วว่าเขาจะเป็นเหมือนก้องเกียรติ“งั้นม่านนวดให้ดีไหมคะ”“ได้เหรอครับ” หญิงสาวหัวเราะเมื่อเห็นอาการถูกใจของเขา ก่อนจะพยักหน้ารับตอนนี้ท่าทางของปราชญาไม่ต่างไปจากเด็กที่ได้ของเล่นเลยด้วยซ้ำ“งั้นวันนี้เราจะทานอะไรกันดีครับ พี่หิวมาก”“แกงถุงไหมคะ ม่านมีร้านแนะนำ”
พี่เป็นห่วง...พี่เป็นห่วง...พี่เป็นห่วง...“ม่าน”“...”“ยายม่าน!”“ฮะ! อะไร มีอะไร”“เหม่ออะไรของแก เป็นอะไร”“ปะ เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร ฉันแค่กำลังคิดอะไรนิดหน่อย” ม่านไหมตอบ“แน่นะ”“อืม” ม่านไหมตอบรับ ก่อนจะสนใจหนังสือนิยายในมือหญิงสาวไม่กล้าบอกเพื่อนว่าเธอกำลังคิดถึงคำพูดของปราชญา เธอกำลังสับสน และกำลังคิดถึงความเป็นไปได้ว่าอะไรทำให้ปราชญาพูดกับเธอแบบนั้นสายตาห่วงใยคำพูดพวกนั้นมันไม่สมควรเกิดขึ้นกับคนที่กำลังจีบ แต่ถึงแม้จะเกิดขึ้นสายตาของเขาไม่ควรที่จะลึกซึ้งมากขนาดนี้ มันลึกซึ้งเหมือนกับว่าชายหนุ่มรักเธอมาก“ม่าน”“ว่า”“แกคิดว่าพี่ปราชญ์เป็นยังไง” คำพูดของกิ่งกมล ทำเอาม่านไหมนิ่งค้างไป“เงียบทำไม ตอบมาสิ” กิ่งกมลเร่งเร้า“ไม่รู้สิ” คำตอบของม่านไหม ทำเอากิ่งกมลเด้งตัวลุกขึ้นแล้วมองหน้าม่านไหมอย่างเอาเรื่องทันที“แกจะไม่รู้ได้ไง พี่ปราชญ์ดูเป็นห่วงเป็นใยแกมากขนาดนั้น บอกฉันมานะว่าแกคิดอะไรอยู่”“ฉันไม่ได้คิดอะไร”“ยายม่าน!”“เฮ้อ! ก็แค่กำลังคิดว่าอะไรทำให้พี่ปราชญ์รู้สึกกับฉันเกินกว่าเจ้านายลูกน้อง”“นี่แกไม่รู้” กิ่งกมลถามด้วยความไม่เชื่อ เธอไม่เชื่อว่าเพื่อนของเธอจะใสซื่อขนา
“อะ เอ่อ... ทานสุกี้ดีกว่าครับ ดูสิวุ้นเส้นอืดหมดแล้ว”“ใช่ ๆ ๆ ยายม่านรีบทานเร็ว”คีรินทร์ที่ทนความอึดอัดและความเงียบที่มีต้นเหตุมาจากเพื่อนตัวเองไม่ไหว จึงรีบพูดออกมาพร้อมทั้งพยักหน้าให้แฟนสาวรีบช่วยพูดเพื่อแก้ไขสถานการณ์ทันทีม่านไหมที่ได้สติจากที่เพื่อนของเธอเรียกชื่อ ก็รีบตักวุ้นเส้นขึ้นมาและทานเงียบ ๆ เธอก้มหน้าก้มตาทานจนได้รับสายตาเอ็นดูจากปราชญาทั้งคีรินทร์และกิ่งกมลรู้สึกว่าตอนนี้พวกเขาเหมือนกับว่าเป็นคนนอกอยู่ตลอดเวลา เพราะปราชญาเล่นไม่สนใจใครเลย คนเดียวที่เขาสนใจคือม่านไหม ไหนจะคำพูดที่พึ่งพูดไปก่อนหน้า แล้วตอนนี้ยังตักนั่นตักนี้ให้ม่านไหมอีกคีรินทร์และกิ่งกมลมองหน้ากันแล้วถอนหายใจออกมา“พอแล้วค่ะ ม่านอิ่มแล้ว”“ทานเยอะ ๆ ครับ พี่ว่าม่านพร้อมไป ต้องทานอีกหน่อย พี่เป็นห่วง”ฉ่า!!!แก้มม่านไหมเห่อร้อนทันที หญิงสาวรู้สึกว่าเหมือนเธอกำลังถูกจีบ!“ไอ้ปราชญ์!”“อะไร”“แกพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า”“รู้สิ ก็ฉันเป็นห่วงน้องม่านจริง ๆ นี่” ปราชญาหันไปตอบคีรินทร์ แล้วหันหน้ามามองหญิงสาวสายตาเต็มไปด้วยความห่วงใยและอ่อนโยนครั้งนี้ม่านไหมไม่หลบตาเธอต้องการพิสูจน์สิ่งที่เธอรู้สึกสงส
จากวันที่หญิงสาวหย่าขาดจากก้องเกียรติ เธอก็ไม่ได้ข่าวคราวเขาอีกเลย รู้เพียงว่าเขาได้เดินทางไปต่างประเทศพร้อมปรายฟ้าแล้ว ส่วนบริษัททางนี้ก็ให้ญาติลูกพี่ลูกน้องของเขาดูแลให้ม่านไหมใช้ชีวิตตามปกติ เธอยังคงมาทำงานใช้ชีวิตเป็นพนักงานออฟฟิศเหมือนเดิม เพียงแต่ว่ารอยยิ้มของเธอไม่ค่อยมีก็เท่านั้นต้องบอกก่อนว่าหลังจากที่เธอขับรถออกจากสำนักงานเขตในวันที่ไปจดทะเบียนหย่านั้น หญิงสาวก็กลับมาร้องไห้ที่ห้องของกิ่งกมลม่านไหมไม่สามารถทนต่อความเสียใจได้ เดิมทีวันที่สิบมีนาคือวันครบรอบวันแต่งงานของเธอกับเขา แทนที่จะมีความสุขและร่วมฉลองในวันดังกล่าว กลับกลายเป็นว่าทุกข์ระทมเพราะหย่าซะเองม่านไหมร้องไห้หนักอยู่เป็นอาทิตย์ ในที่สุดก็หยุดร้องไห้ได้ เพราะได้กำลังใจดี ๆ จากคนที่ห่วงใยเธอทุกคนและเมื่อเธอดีขึ้นแล้ว หญิงสาวก็กลับมาทำงานตามปกติ ชีวิตของเธอยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมนั่นคงจะเป็นปราชญาที่ช่วงนี้ขยันมาอยู่ใกล้เธอเสียเหลือเกินใกล้ม่านไหมมาก จนบางครั้งหญิงสาวรู้สึกอึดอัด“ม่านไปทานข้าวกัน”“จ้า ขอเก็บของแป๊บ” ม่านไหมตอบกลับกิ่งกมลที่ตอนนี้ยืนส่งยิ้มให้เธออยู่ หลังจากม่านไหมเก็บของเ
10 มีนาคมวันเปลี่ยนเวลาหมุนเวียนไป วันนี้เป็นวันที่สิบมีนาคม เป็นวันที่ม่านไหมและก้องเกียรติจะหย่าขาดกันตอนนี้ม่านไหมอยู่ที่ตัวอำเภอ เธอกำลังนั่งรอก้องเกียรติอย่างใจเย็น ใบหน้าเรียบเฉย ไร้ซึ่งความเสียใจ ไร้ความรู้สึก เธอไม่แม้แต่จะพูดกับใครเลยด้วยซ้ำ หญิงสาวนั่งรอด้วยความสงบผ่านไปสิบนาที ก้องเกียรติก็เดินทางมาถึง เมื่อเขาเห็นม่านไหมอยู่ก่อนแล้วจึงเดินเข้าไปหา และขอโทษเรื่องที่เขามาช้าหญิงสาวไม่ได้ต่อว่าเขา เธอเข้าเรื่องสำคัญที่เธอมาที่นี่ทันที ไม่นานเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องการจดทะเบียนสมรสก็เดินเข้ามาหาพวกเธอและพาทั้งสองไปยังห้องห้องหนึ่งเมื่อประตูเปิดออก ทั้งก้องเกียรติและม่านไหมก็เห็นชายวัยกลางคนที่ส่งยิ้มมาให้พวกเขา ทั้งสามต่างทักทายซึ่งกันและกัน“ตัดสินใจและมั่นใจแล้วใช่ไหมครับที่จะจดทะเบียนหย่า” เสียงของเจ้าหน้าที่ถามย้ำอีกครั้ง เพราะการหย่าเป็นเรื่องสำคัญ หลังจากนี้ต้องมีการแบ่งสินสมรสทรัพย์สมบัติอีก เพื่อเป็นการไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นอีกครั้งว่าทั้งสองยินยอมหย่าขาดกันด้วยดีหรือเปล่านั่นเอง“ค่ะ” ม่านไหมตอบรับ ก้องเกียรติหันไปมองหน้าม่านไหมอีกครั้ง แต่หญิงสาวกลับไม่สนใจเขาเลย
เมื่อปรายฟ้าจากไป ก้องเกียรติก็ไม่สามารถอดกลั้นความเสียใจไว้ได้อีก น้ำตามากมายหลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่คมของเขา นี่คือน้ำตาของความรู้สึกผิด คือน้ำตาแห่งความเสียใจ“ฮึก! ม่าน ฮึก! พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มพูดพลางสะอื้น“พี่ขอโทษ”เขาพูดย้ำไปย้ำมาอยู่อย่างนั้น ยิ่งเห็นรูปภาพงานแต่งงานที่ติดอยู่ข้างฝาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจก้องเกียรติพาตัวเองเดินขึ้นไปบนชั้นสองช้า ๆ เขาเดินเหมือนคนไร้ชีวิต หากตอนนี้มีคนอื่นอยู่ด้วย คงคิดว่าเขาไม่สบายมากแน่แอ๊ดหลังเปิดประตูเข้าไปด้านในห้อง ก้องเกียรติก็ตรงไปที่เตียงนอนที่เขากับม่านไหมเคยใช้มันร่วมกัน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้หมอนที่หญิงสาวเคยหนุนนอนไปมามือขวาเอื้อมไปเปิดลิ้นชักข้างเตือน หยิบอัลบั้มภาพถ่ายที่ทั้งเขาและเธอได้ถ่ายร่วมกันและนำไปล้างเอามาใส่อัลบั้มไว้เพื่อไว้ดูต่างหน้ายามที่มีใครคนหนึ่งไปทำงานไกล เพื่อที่จะได้คลายความคิดถึงตลอดเวลาก้องเกียรติไม่เคยเลยสักครั้งที่จะหยิบอัลบั้มนี้ขึ้นมา สำหรับเขาแล้วเมื่อก่อนอัลบั้มภาพถ่ายนี้ไม่ได้มีความสำคัญเลยสักนิดเดียว ในเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปไกลหากอยากเห็นหน้าก็วิดีโอหาเธอก็ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยเปิดมันมาก่อนแต่ว่าตอนน
“ฮึก! ฮือ... ฉันท้อง! ฉันไม่เคยต้องการให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ม่านพี่ขอโทษ แต่พี่ไม่สามารถยกบอสให้ม่านได้อีกแล้วจริง ๆ”“หมายความว่ายังไงคะที่บอกว่าไม่สามารถยกให้ได้อีกแล้ว” ม่านไหมทวนคำถามทั้ง ๆ ที่เธอกำลังตกใจอยู่ “ฮึก! ความจริงแล้วพี่แอบชอบบอสมาตลอด แต่บอสไม่เคยเห็นพี่ในสายตาเลย พี่พยายามทำทุกอย่างเผื่อบอสจะมองพี่เป็นอย่างอื่นบ้าง ไม่ใช่แค่เจ้านายที่มองลูกน้องคนหนึ่ง”“...”“แต่พี่ก็ดีใจนะที่ได้แอบชอบบอสแบบนี้ จนวันนั้นวันที่ม่านเข้ามาฝึกงานที่บริษัท สายตาที่บอสมองม่านพี่รู้ได้ทันทีว่าบอสรู้สึกยังไง ด้วยความที่พี่ไม่สามารถทำให้บอสรักได้ ประจวบกับม่านทั้งนิสัยดีและน่ารักพี่เลยทำตัวเป็นแม่สื่อให้บอสกับม่าน จนทั้งสองคนรักกันนั่นแหละ”ม่านไหมอึ้งไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้อยู่จริง คนที่ยอมเป็นสะพานให้คนที่ตัวเองรักใช้ข้ามไปหาใครอีกคน ยอมเป็นแม่สื่อให้เขารักกับผู้หญิงคนอื่น คนที่ยอมเสียสละแบบนั้นไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง ๆ ในยุคปัจจุบันม่านไหมมองปรายฟ้าอย่างไม่เชื่อสายตา พร้อมทั้งสงสารและเห็นใจเธอด้วย เพราะถ้าเป็นอย่างที่ปรายฟ้าเล่าจริงนั่นแสดงว่าผู้หญิงคนนี้คงเจ็บปวดไม่น้อยเลยแต่ว่าเสียสล