“อื้อ!” ม่านไหมรู้สึกตัวตื่นก่อนจะบิดตัวไปมาเพื่อคลายอาการปวดเมื่อยที่เกิดจากการกระทำของเธอและก้องเกียรติหญิงสาวรู้สึกระบมและเจ็บช่วงล่างเป็นอย่างมาก บทรักเมื่อคืนผิดแปลกไปจากทุกที ปกติก้องเกียรติจะปฏิบัติกับเธอด้วยความอ่อนโยนและระมัดระวังแต่เมื่อคืนนี้ก้องเกียรติกลับตะบี้ตะบันใส่เธออย่างหนักหน่วง แม้หญิงสาวจะรู้สึกเจ็บกับการกระทำของเขา หลายครั้งที่เธอต้องการจะบอกให้เขาหยุด แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องกล้ำกลืนคำพูดพวกนั้นลงคอไป เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมีความสุขฉายชัดเต็มไปหน้าม่านไหมทนรับความจุกและความเจ็บปวดเอาไว้จากแรงกระแทกของสามีจวบจนเขาเสร็จสมถึงได้หลับอย่างสบายใจความจริงเมื่อคืนถ้าเธอมีสติตั้งใจฟังเสียงครวญครางของก้องเกียรติ หญิงสาวอาจจะรับรู้ได้ว่ากิจกรรมรักที่เขาทำกับเธอแท้จริงแล้วเขากำลังคิดว่าทำมันกับคนอื่นเพราะชื่อที่ก้องเกียรติร้องครางออกมาก่อนเสร็จสมไม่ใช่ชื่อของม่านไหมเลย! หญิงสาวสะบัดอาการเมื่อยล้าที่เกาะกินร่างกายของเธอออกไป แล้วจึงหันไปมองนาฬิกาที่ตั้งไว้บนหัวเตียงบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว หญิงสาวรีบลุกเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อหางตาของเ
ด้านปราชญาหลังจากออกจากห้องทำงานของม่านไหมและกิ่งกมลแล้ว ชายหนุ่มก็ตรงไปขึ้นลิฟต์ไปยังส่วนของห้องผู้บริหารเพื่อพูดคุยงานกับคีรินทร์ต่อไป“ไอ้ปราชญ์!” ปราชญาไม่ตอบ ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้างแล้วเดินไปนั่งโซฟาในห้องอย่างสบายอารมณ์คีรินทร์ที่เห็นเพื่อนตัวเองไม่มีความกระตือรือร้นจะคุยกับตัวเองก็ยิ่งโมโห ผุดลุกจากเก้าอี้โต๊ะทำงานแล้วมานั่งโซฟาตรงกันข้าม สายตาก็ส่งไปฟาดฟันกับเพื่อนของตัวเองไม่หยุดคำพูดที่เขาอยากจะพูดถูกส่งผ่านมาทางสายตาแล้วทั้งสิ้น ถ้าเป็นคำพูดก็คงเปรียบได้กับคำด่าปราชญาหันหน้าหนีแล้วจึงหันมาสบตากับคีรินทร์ใหม่ เมื่อคีรินทร์เห็นว่าเพื่อนของเขามีความจริงจังขึ้นมาบ้างแล้ว ชายหนุ่มจึงละสายตาแล้วจึงเอนหลังอย่างสบายอารมณ์บ้าง“เรียกฉันขึ้นมาทำไม” ปราชญาถาม“เมื่อไหร่แกจะทำงาน”“ฉันก็ทำงานอยู่นี่ แกไม่เห็นเหรอ” คีรินทร์สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะผ่อนออกมาคล้ายกับกำลังอดกลั้นบางสิ่งบางอย่าง“ฉันหมายถึงมารับหน้าที่ประธานบริษัท เปิดตัวสักทีเถอะเพื่อน ทุกวันนี้คนเรียกหาแต่ฉัน งานฉันดูเหมือนจะเยอะกว่าแกอีกนะเว้ย” คีรินทร์ว่าพร้อมใช้สายตามองไปที่ปราชญาอย่างขอร้อง“เออ ๆ ทนหน่อ
ม่านไหมหลังจากเห็นภาพที่ถูกส่งเข้ามาแล้ว ใจของเธอก็กระตุก ยิ่งอ่านข้อความที่ส่งเข้ามาพร้อมกันก็เกิดความรู้สึกลังเลใจว่ามีอะไรที่เธอพลาดไปหรือเปล่าหญิงสาวส่ายหัวตัวเองแรง ๆ เพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านที่กำลังเกิดขึ้น หญิงสาวมั่นใจในตัวก้องเกียรติสามีของเธอ มั่นใจว่าเขาจะไม่ได้ทำเหมือนในรูปภาพที่ส่งเข้ามาคนที่ส่งเข้ามาต้องไม่หวังดีกับเธอแน่ ๆ ใช่ เขาต้องไม่หวังดีกับเธอ เขาต้องพยายามสร้างความร้าวฉานของเธอกับก้องเกียรติแน่ ๆม่านไหมคิดกับตัวเอง พร้อมกับย้ำความคิดตัวเองซ้ำไปซ้ำมา เธอหันมาอ่านข้อความส่งมาจากผู้หวังดีอีกครั้ง แล้วจึงตัดสินใจพิมพ์บางอย่างกลับไปม่านไหม : ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร ต้องการอะไรนะคะ แต่หยุดสร้าง ความร้าวฉานให้ฉันกับสามีสักที นานนับนาทีหลังจากที่เธอตัดสินใจพิมพ์ข้อความนั้นกลับไป อีกฝ่ายก็ยังไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ม่านไหมตัดสินใจจะปิดโทรศัพท์ ทันใดนั้นเองข้อความจากอีกฝ่ายก็ดังขึ้นผู้หวังดี : คุณไม่ต้องเชื่อทุกอย่างที่ฉันบอกหรอกนะคะ แต่ลอง สังเกตดูว่าเขาเป็นเหมือนที่ฉันบอกหรือเปล่าผู้หวังดี : ส่วนฉันเป็นใคร คุณรู้แค่ว่
เมื่อม่านไหมขับรถมาถึงบ้าน เธอก็เลือกที่จะเข้าไปทำอาหารในครัวเพื่อรอสามีหนุ่มกลับบ้านเหมือนกับทุก ๆ วันที่ผ่านมา จากนั้นจึงขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวรอเขาหญิงสาวยังไม่ลืมข้อความที่ได้รับจากผู้หวังดีครั้งล่าสุด เพียงแต่หญิงสาวจะยังไม่เชื่อใครทั้งนั้น ถ้าเธอไม่เห็นไม่เจอด้วยตัวเองเธอไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดและถ้าเธอให้ค่ากับข้อความเหล่านั้นมากเกินไปก็เป็นเธอนั่นแหละที่ไม่มีความสุข ดังนั้นหญิงสาวจึงเลือกวางความไม่สบายใจไว้ก่อน แล้วหันมาทำในสิ่งที่เธอมีความสุขแทนเมื่ออาบน้ำเสร็จก็ลงมาจัดโต๊ะทานข้าว อาหารที่หญิงสาวทำวันนี้ประกอบไปด้วย ต้มจืดวุ้นเส้นหมูสับ ผัดผักรวมมิตร คะน้าหมูกรอบ ซึ่งเป็นรายการอาหารที่สามีเธอบอกไว้ว่าอยากกินแล้วทั้งสิ้นหญิงสาวจึงได้ทำมันขึ้นโต๊ะในวันนี้นั่นเองม่านไหมมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะด้วยความภาคภูมิใจ ยิ่งนึกถึงใบหน้าของก้องเกียรติเมื่อเห็นอาหารพวกนี้และกินมันด้วยความเอร็ดอร่อยใบหน้าของเธอก็ยิ่งฉีกยิ้มกว้างหลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจึงหยิบโทรศัพท์มาดูเวลาพบว่าตอนนี้สองทุ่มสิบนาทีแล้ว แต่ก้องเกียรติก็ยังไม่กลับมาคิ้วเรียวสวยของม่านไหมขมวดเข้าหากัน เมื่อเห็น
ชีวิตของม่านไหมยังคงดำเนินไปตามปกติ เช้าตื่นมาทำอาหารแล้วจึงออกไปทำงาน เย็นกลับจากทำงานก็ทำอาหารแล้วก็นอนหลับพักผ่อนช่วงนี้เธอกับก้องเกียรติไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมร่วมกันบนเตียงเท่าไหร่ เพราะต่างฝ่ายต่างงานยุ่งตลอดเวลา ม่านไหมก็ยุ่งกับงานโพรเจกต์ที่ยังมีเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ ส่วนก้องเกียรติหญิงสาวก็เห็นเขาหอบงานกลับมาทำที่บ้านไม่ได้ขาดซึ่งนี่ก็นับเป็นเวลาร่วมเดือนแล้วที่ทุกสิ่งดำเนินไปแบบนี้มีบ้างที่บางครั้งก้องเกียรติออดอ้อนเธอร้องขอเรื่องบนเตียงแต่บางครั้งด้วยงานที่หญิงสาวทำเยอะเกินไป เธอจึงเหนื่อยล้า หลังทานข้าวเย็นเสร็จหญิงสาวก็หลับไปก่อนเขาแล้ว กิจกรรมรักจึงไม่ได้ดำเนินไปสักทีและเนื่องจากเดือนหน้าจะเป็นวันครบรอบแต่งงานสองปีของเธอกับเขา หญิงสาวจึงรีบเร่งจัดการทุกอย่างที่คั่งค้างให้เสร็จ เพื่อที่เดือนหน้าเธอจะได้ลาพักร้อนไปอย่างสบายใจได้ทั้งนี้ม่านไหมยังเตรียมการทุกอย่างให้พร้อมสำหรับการมีลูกกับชายที่เธอรัก หญิงสาวแอบศึกษาวิธีการเลี้ยงดูเจ้าตัวเล็กคนเดียวทุกครั้ง เพราะด้วยความที่ต้องการจะเซอร์ไพรส์ก้องเกียรติเธอจึงต้องแอบ วันนี้ก็เช่นกันที่หญิงสาวแอบอ่านข้อความการบำรุงบุตรในครรภ์“ทำ
“อื้อ หนัก!” ม่านไหมว่าพร้อมทั้งพยายามดันร่างของก้องเกียรติที่ทับตัวเธออยู่ให้ออกไป“ทีเมื่อกี้ไม่เห็นหนักเลย” ไม่พูดเปล่า ชายหนุ่มยังส่งสายตาล้อเลียนให้หญิงสาว ก่อนที่จะก้มหน้าดูดหน้าอกของเธออย่างแรงจ๊วฟ!“อื้อ! พี่ก้อง! มันเจ็บนะ”“เจ็บหรือเสียวกันแน่ครับ” ก้องเกียรติยังไม่เลิกแกล้ง ม่านไหมส่งค้อนวงโตใส่เขา แล้วพยายามผลักร่างเขาออกอีกครั้งแต่การกระทำของเธอกลับกลายเป็นว่ากำลังไปกระตุ้นบางสิ่งบางอย่างที่ยังอยู่ในกายเธอที่ไม่ได้ออกไปไหนให้ลุกโชนแข็งแกร่งขึ้นอึก!ม่านไหมกลืนน้ำลายพร้อมกับมองเจ้าของตัวตนนั้นแล้วส่ายหน้าให้เขาอ้อยเข้าปากช้างแล้วมีหรือที่ก้องเกียรติจะปล่อยให้โอกาสดี ๆ แบบนี้หลุดรอดออกไปชายหนุ่มรีบพลิกตัวหญิงสาวให้นอนคว่ำหน้า ก่อนจะยกก้นงอนงามให้สูงขึ้นแล้วส่งแรกกระแทกเข้าไปปิดปากเธอทันที เท่านั้นยังไม่พอชายหนุ่มยังค้อมตัวจูบซับแผ่นหลังบางจนเกิดรอยแดง ฝ่ามือขวาเลื่อนไปกอบกุมหน้าอกของเธอ บีบเคล้นขยำมันอย่างมันมือม่านไหมไม่มีแรงจะต้านทานเขา เธอทั้งเหนื่อยทั้งเสียว สุดท้ายจึงทำได้เพียงร้องครวญครางรับความเสียวซ่านที่ถูกเขามอบให้อยู่อย่างนั้นก้องเกียรติทำรักกับเธออีกหลายท
เช้าวันต่อมา ม่านไหมตื่นขึ้นมาด้วยความเมื่อยล้า พลิกตะแคงโอบกอดไปด้านข้างแล้วต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อไม่มีร่างของสามีเหมือนเคย หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่ง ที่นอนฝั่งของสามีมีความเย็นจากแอร์ในห้องนอนไม่มีร่องรอยความอุ่นเลยแม้แต่น้อยคล้ายกับว่าไม่มีคนนอนอยู่ตรงนี้ ด้วยความสงสัยเธอจึงรีบเดินไปที่โต๊ะทำงานที่อยู่ภายในห้องเผื่อว่าจะมีกระดาษโน้ตแปะไว้เหมือนครั้งก่อนที่เขาไปทำงานแต่เช้าบ้าง แล้วเธอก็ต้องผิดหวังที่บนโต๊ะกลับว่างเปล่า มีเครื่องโน้ตบุ๊กเครื่องเดิมเท่านั้นที่วางอยู่สุดท้ายจึงตัดสินใจโทรไปหาเขา เพียงแต่ว่าเมื่อโทรแล้วเสียงโทรศัพท์ดันดังอยู่ในห้องซะนี่ พอเดินตามเสียงจึงเห็นว่ามันถูกวางอยู่ข้าง ๆ หมอนใบใหญ่ที่สามีเธอใช้หนุนนอนม่านไหมจึงหยุดการโทรแล้วเดินลงมาชั้นล่างเผื่อจะมีร่างของสามีนั่งอยู่เพียงแต่ว่าด้านล่างก็ไม่มีเงาของก้องเกียรติ หน้าบ้านที่ประจำที่เขาใช้ออกกำลังกายก็ไม่มีเช่นกันแม้จะสงสัยที่หาสามีไม่เจอ แต่ม่านไหมก็ไม่ใส่ใจ กลับขึ้นไปอาบน้ำ ส่วนที่ว่าเขาหายไปไหนถ้าเจอเธอค่อยสอบถามก็ยังไม่สาย“อื้อ... จะไปแล้วเหรอคะ”“ครับ ป่านนี้ม่านน่าจะตื่นแล้ว” เสียงสนทนาระหว่างหญิงสาวปริศนาแล
หลายวันผ่านไป ชีวิตของม่านไหมยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม แต่มีบางอย่างไม่ปกติ เพราะตั้งแต่ที่เธอพูดคุยกับก้องเกียรติเรื่องสถานที่พักผ่อนที่จะไปในวันครบรอบวันแต่งงานครั้งนั้น ก็ดูเหมือนว่าสามีของเธอจะยุ่งมาก ๆช่วงวันสองวันแรกเธอก็ไม่ใส่ใจ เพียงแต่ว่าเมื่อวานนี้สามีของเธอมีปฏิกิริยาผิดปกติ!ความจริงต้องบอกว่าเขามีพฤติกรรมแปลก ๆ ตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว เพราะชายหนุ่มดูจะติดโทรศัพท์มาก ๆ เขาแทบจะพกติดตัวตลอดเวลา แม้แต่ยามเข้าห้องน้ำเขายังคงหยิบติดมือเข้าไปหญิงสาวเคยถามเขาแต่เขาเพียงบอกว่าช่วงนี้มีเรื่องงานที่ต้องติดต่อเจรจาอยู่ตลอดฉะนั้นเขาจึงต้องพร้อมม่านไหมไม่ใช่คนโง่ เธอไม่ได้เชื่อคำพูดของก้องเกียรติร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะอาการของเขามันฟ้องเจรจางานทำไมต้องพูดคุยกันจนดึกดื่น หนำซ้ำบางครั้งยังออกไปพูดไกลจากเธอไม่ให้เธอได้ยินม่านไหมยอมรับว่าทุกวันนี้เธอเริ่มระแวง ยิ่งมีข้อความจากผู้หวังดีส่งเข้ามาหาเธอไม่ได้ขาดด้วยแล้ว ความระแวงที่มีก็เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ถึงหญิงสาวจะไม่ได้เชื่อคำพูดเขาทั้งหมดแต่เธอก็ยังแอบเข้าข้างเขาอยู่บ้างอย่างไรก็ตาม เมื่อความระแวงและความสงสัยมีมากขึ้นจนทนไม่ไหว หญิงสาวจ
5 ปีผ่านไป“คุณพ่อขา... ช่วยปิ่นด้วยค่าพี่ปืนทำหนู”“ไม่จริงนะครับ น้องปิ่นต่างหากที่แกล้งผมก่อน ผมแค่ป้องกันตัว” สองเสียงของเด็กเล็กชายหญิงดังขึ้นไล่เลี่ยกัน ก่อนจะมีร่างจ้ำม่ำของทั้งสองวิ่งไล่ตามกันมา ก่อนผู้เป็นเด็กหญิงจะวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพ่อเพราะเธอมาถึงก่อนปราชญาอ้าแขนรับร่างของเด็กหญิงก่อนจะอุ้มเข้าเอวแล้วหอมฟอดใหญ่ ก่อนจะหันไปอุ้มเด็กชายขึ้นมาเข้าเอวอีกข้าง“ไหนเล่าให้พ่อฟังหน่อยครับว่าเกิดอะไรขึ้น” ปราชญาเอ่ยถามทั้งสองคนที่แท้เด็กชายและเด็กหญิงที่ว่าคือลูกของเขา ผู้เป็นเด็กหญิงมีชื่อว่า ปิ่นมุก ส่วนเด็กชายอีกคนชื่อ ปืนกันต์ ทั้งสองเป็นฝาแฝดชายหญิงที่หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ หากไม่สนิทและรู้จักมักคุ้นจริง ๆ คงจะแยกแยะได้ยากปิ่นมุกแฝดน้องมีนิสัยค่อนข้างแสบและซน เจ้าเล่ห์ตั้งแต่เด็กเรื่องนี้ทำปราชญาและม่านไหมปวดหัวอยู่ทุกวันปืนกันต์แฝดพี่กลับเป็นคนเรียบง่ายติดจะเย็นชา แต่ความเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการกลับมีมากกว่าผู้เป็นน้องสาวที่คลานตามกันออกมาหลายขุมอย่างไรก็ตามเด็กทั้งสองคนนับเป็นเด็กที่ฉลาดมาก อายุเพียงสามขวบกว่าก็พูดจาคล่องแคล่วแล้ว“ว่าไงครับ ไหนเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น” ป
ม่านไหมและปราชญาผละกอดจากกัน ชายหนุ่มจ้องตาเธอนิ่งเขาอยากจูบเธอแต่ไม่กล้าพอ ม่านไหมยิ้มก่อนจะเป็นฝ่ายโน้มหน้าไปจูบเขาก่อนทันทีที่ริมฝีปากของทั้งสองแตะกันก็คล้ายกับมีแรงดึงดูดทั้งเขาและเธอเอาไว้ ฝ่ามือหนาของปราชญาจับล็อกที่ต้นคอของหญิงสาวก่อนจะเป็นฝ่ายแทรกเรียวลิ้นบดขยี้จูบหวานหอมแสนอ่อนโยนให้กับเธอ ปราชญาไม่สามารถหักห้ามอารมณ์ไว้ได้อีก มือหนาเคลื่อนไปตามสัญชาตญาณ กอบกุมอกอวบของเธอที่เขาเคยฝันถึงไว้ในอุ้งมือ ก่อนจะบีบขยำเคล้าคลึงเล่นไปมาปากก็ยังจูบม่านไหมไม่ยอมปล่อย จนหญิงสาวทุบตีที่หน้าอกเพราะหายใจไม่ทัน ชายหนุ่มถึงได้ผละปากออกมาให้เธอหายใจหายคอแต่การกระทำของเขาไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น ปราชญาเคลื่อนริมฝีปากไปตามกรอบหน้าของหญิงสาว ก่อนจะไปแวะเล็มขบกัดติ่งหูจนหญิงสาวขนลุกซู่“อื้อ... พี่ปราชญ์ขา” จากตอนแรกที่คิดว่าจะแกล้งเธอเท่านั้น ตอนนี้เขาไม่สามารถข่มกลั้นความอดทนได้อีกต่อไป เพียงเพราะได้ยินเธอเรียกชื่อเขาเสียงหวาน“ม่านครับพี่ขอโทษแต่พี่ห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว” เขาละริมฝีปากที่ซุกไซ้ซอกคอของเธอก่อนจะเงยหน้าพูดม่านไหมยิ้มรับก่อนจะเอื้อมมือไปกอดคอเขาไว้แล้วโน้มหน้าเขาลงมาบดจูบเธออี
ตั้งแต่ที่ม่านไหมรู้ว่าปราชญาจีบเธอ ปราชญาก็เปลี่ยนไปทันที สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือเขารุกหญิงสาวมากกว่าเดิม แต่สิ่งที่ชายหนุ่มไม่เคยเปลี่ยนหรือขาดไปนั่นก็คือความเอาใจใส่ของเขานี่ก็ผ่านมาสามเดือนได้แล้ว ที่ปราชญาจีบม่านไหม แรก ๆ ม่านไหมก็เกร็งแต่ปัจจุบันนี้เธอทำตัวตามสบาย ยิ่งถูกปราชญาเอาใจใส่และตามใจมาก ๆ หญิงสาวก็นึกกลัวตัวเองว่าจะเสียนิสัยเข้าสักวัน“เลิกงานแล้ว วันนี้พี่เหนื่อยมากเลยครับ” ปราชญาพูดหลังจากที่เห็นว่าหญิงสาวเดินขึ้นรถมาแล้วทุกวันนี้ม่านไหมขึ้นรถมาทำงานกับปราชญาแทบทุกวัน วันไหนที่ไม่ได้มาด้วยกันคือวันที่ปราชญามีประชุมข้างนอกหรือคุยงานหญิงสาวยิ้มให้กับคนตัวโตที่หันมาอ้อนเธอทุกครั้งที่เธอเดินขึ้นรถ หญิงสาวยอมรับว่าทุกวันนี้หญิงสาวรู้สึกดีมากที่มีเขาอยู่ข้าง ๆ ปราชญาเสมอต้นเสมอปลายกับเธอมาโดยตลอด จนหญิงสาวไม่กลัวแล้วว่าเขาจะเป็นเหมือนก้องเกียรติ“งั้นม่านนวดให้ดีไหมคะ”“ได้เหรอครับ” หญิงสาวหัวเราะเมื่อเห็นอาการถูกใจของเขา ก่อนจะพยักหน้ารับตอนนี้ท่าทางของปราชญาไม่ต่างไปจากเด็กที่ได้ของเล่นเลยด้วยซ้ำ“งั้นวันนี้เราจะทานอะไรกันดีครับ พี่หิวมาก”“แกงถุงไหมคะ ม่านมีร้านแนะนำ”
พี่เป็นห่วง...พี่เป็นห่วง...พี่เป็นห่วง...“ม่าน”“...”“ยายม่าน!”“ฮะ! อะไร มีอะไร”“เหม่ออะไรของแก เป็นอะไร”“ปะ เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร ฉันแค่กำลังคิดอะไรนิดหน่อย” ม่านไหมตอบ“แน่นะ”“อืม” ม่านไหมตอบรับ ก่อนจะสนใจหนังสือนิยายในมือหญิงสาวไม่กล้าบอกเพื่อนว่าเธอกำลังคิดถึงคำพูดของปราชญา เธอกำลังสับสน และกำลังคิดถึงความเป็นไปได้ว่าอะไรทำให้ปราชญาพูดกับเธอแบบนั้นสายตาห่วงใยคำพูดพวกนั้นมันไม่สมควรเกิดขึ้นกับคนที่กำลังจีบ แต่ถึงแม้จะเกิดขึ้นสายตาของเขาไม่ควรที่จะลึกซึ้งมากขนาดนี้ มันลึกซึ้งเหมือนกับว่าชายหนุ่มรักเธอมาก“ม่าน”“ว่า”“แกคิดว่าพี่ปราชญ์เป็นยังไง” คำพูดของกิ่งกมล ทำเอาม่านไหมนิ่งค้างไป“เงียบทำไม ตอบมาสิ” กิ่งกมลเร่งเร้า“ไม่รู้สิ” คำตอบของม่านไหม ทำเอากิ่งกมลเด้งตัวลุกขึ้นแล้วมองหน้าม่านไหมอย่างเอาเรื่องทันที“แกจะไม่รู้ได้ไง พี่ปราชญ์ดูเป็นห่วงเป็นใยแกมากขนาดนั้น บอกฉันมานะว่าแกคิดอะไรอยู่”“ฉันไม่ได้คิดอะไร”“ยายม่าน!”“เฮ้อ! ก็แค่กำลังคิดว่าอะไรทำให้พี่ปราชญ์รู้สึกกับฉันเกินกว่าเจ้านายลูกน้อง”“นี่แกไม่รู้” กิ่งกมลถามด้วยความไม่เชื่อ เธอไม่เชื่อว่าเพื่อนของเธอจะใสซื่อขนา
“อะ เอ่อ... ทานสุกี้ดีกว่าครับ ดูสิวุ้นเส้นอืดหมดแล้ว”“ใช่ ๆ ๆ ยายม่านรีบทานเร็ว”คีรินทร์ที่ทนความอึดอัดและความเงียบที่มีต้นเหตุมาจากเพื่อนตัวเองไม่ไหว จึงรีบพูดออกมาพร้อมทั้งพยักหน้าให้แฟนสาวรีบช่วยพูดเพื่อแก้ไขสถานการณ์ทันทีม่านไหมที่ได้สติจากที่เพื่อนของเธอเรียกชื่อ ก็รีบตักวุ้นเส้นขึ้นมาและทานเงียบ ๆ เธอก้มหน้าก้มตาทานจนได้รับสายตาเอ็นดูจากปราชญาทั้งคีรินทร์และกิ่งกมลรู้สึกว่าตอนนี้พวกเขาเหมือนกับว่าเป็นคนนอกอยู่ตลอดเวลา เพราะปราชญาเล่นไม่สนใจใครเลย คนเดียวที่เขาสนใจคือม่านไหม ไหนจะคำพูดที่พึ่งพูดไปก่อนหน้า แล้วตอนนี้ยังตักนั่นตักนี้ให้ม่านไหมอีกคีรินทร์และกิ่งกมลมองหน้ากันแล้วถอนหายใจออกมา“พอแล้วค่ะ ม่านอิ่มแล้ว”“ทานเยอะ ๆ ครับ พี่ว่าม่านพร้อมไป ต้องทานอีกหน่อย พี่เป็นห่วง”ฉ่า!!!แก้มม่านไหมเห่อร้อนทันที หญิงสาวรู้สึกว่าเหมือนเธอกำลังถูกจีบ!“ไอ้ปราชญ์!”“อะไร”“แกพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า”“รู้สิ ก็ฉันเป็นห่วงน้องม่านจริง ๆ นี่” ปราชญาหันไปตอบคีรินทร์ แล้วหันหน้ามามองหญิงสาวสายตาเต็มไปด้วยความห่วงใยและอ่อนโยนครั้งนี้ม่านไหมไม่หลบตาเธอต้องการพิสูจน์สิ่งที่เธอรู้สึกสงส
จากวันที่หญิงสาวหย่าขาดจากก้องเกียรติ เธอก็ไม่ได้ข่าวคราวเขาอีกเลย รู้เพียงว่าเขาได้เดินทางไปต่างประเทศพร้อมปรายฟ้าแล้ว ส่วนบริษัททางนี้ก็ให้ญาติลูกพี่ลูกน้องของเขาดูแลให้ม่านไหมใช้ชีวิตตามปกติ เธอยังคงมาทำงานใช้ชีวิตเป็นพนักงานออฟฟิศเหมือนเดิม เพียงแต่ว่ารอยยิ้มของเธอไม่ค่อยมีก็เท่านั้นต้องบอกก่อนว่าหลังจากที่เธอขับรถออกจากสำนักงานเขตในวันที่ไปจดทะเบียนหย่านั้น หญิงสาวก็กลับมาร้องไห้ที่ห้องของกิ่งกมลม่านไหมไม่สามารถทนต่อความเสียใจได้ เดิมทีวันที่สิบมีนาคือวันครบรอบวันแต่งงานของเธอกับเขา แทนที่จะมีความสุขและร่วมฉลองในวันดังกล่าว กลับกลายเป็นว่าทุกข์ระทมเพราะหย่าซะเองม่านไหมร้องไห้หนักอยู่เป็นอาทิตย์ ในที่สุดก็หยุดร้องไห้ได้ เพราะได้กำลังใจดี ๆ จากคนที่ห่วงใยเธอทุกคนและเมื่อเธอดีขึ้นแล้ว หญิงสาวก็กลับมาทำงานตามปกติ ชีวิตของเธอยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมนั่นคงจะเป็นปราชญาที่ช่วงนี้ขยันมาอยู่ใกล้เธอเสียเหลือเกินใกล้ม่านไหมมาก จนบางครั้งหญิงสาวรู้สึกอึดอัด“ม่านไปทานข้าวกัน”“จ้า ขอเก็บของแป๊บ” ม่านไหมตอบกลับกิ่งกมลที่ตอนนี้ยืนส่งยิ้มให้เธออยู่ หลังจากม่านไหมเก็บของเ
10 มีนาคมวันเปลี่ยนเวลาหมุนเวียนไป วันนี้เป็นวันที่สิบมีนาคม เป็นวันที่ม่านไหมและก้องเกียรติจะหย่าขาดกันตอนนี้ม่านไหมอยู่ที่ตัวอำเภอ เธอกำลังนั่งรอก้องเกียรติอย่างใจเย็น ใบหน้าเรียบเฉย ไร้ซึ่งความเสียใจ ไร้ความรู้สึก เธอไม่แม้แต่จะพูดกับใครเลยด้วยซ้ำ หญิงสาวนั่งรอด้วยความสงบผ่านไปสิบนาที ก้องเกียรติก็เดินทางมาถึง เมื่อเขาเห็นม่านไหมอยู่ก่อนแล้วจึงเดินเข้าไปหา และขอโทษเรื่องที่เขามาช้าหญิงสาวไม่ได้ต่อว่าเขา เธอเข้าเรื่องสำคัญที่เธอมาที่นี่ทันที ไม่นานเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องการจดทะเบียนสมรสก็เดินเข้ามาหาพวกเธอและพาทั้งสองไปยังห้องห้องหนึ่งเมื่อประตูเปิดออก ทั้งก้องเกียรติและม่านไหมก็เห็นชายวัยกลางคนที่ส่งยิ้มมาให้พวกเขา ทั้งสามต่างทักทายซึ่งกันและกัน“ตัดสินใจและมั่นใจแล้วใช่ไหมครับที่จะจดทะเบียนหย่า” เสียงของเจ้าหน้าที่ถามย้ำอีกครั้ง เพราะการหย่าเป็นเรื่องสำคัญ หลังจากนี้ต้องมีการแบ่งสินสมรสทรัพย์สมบัติอีก เพื่อเป็นการไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นอีกครั้งว่าทั้งสองยินยอมหย่าขาดกันด้วยดีหรือเปล่านั่นเอง“ค่ะ” ม่านไหมตอบรับ ก้องเกียรติหันไปมองหน้าม่านไหมอีกครั้ง แต่หญิงสาวกลับไม่สนใจเขาเลย
เมื่อปรายฟ้าจากไป ก้องเกียรติก็ไม่สามารถอดกลั้นความเสียใจไว้ได้อีก น้ำตามากมายหลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่คมของเขา นี่คือน้ำตาของความรู้สึกผิด คือน้ำตาแห่งความเสียใจ“ฮึก! ม่าน ฮึก! พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มพูดพลางสะอื้น“พี่ขอโทษ”เขาพูดย้ำไปย้ำมาอยู่อย่างนั้น ยิ่งเห็นรูปภาพงานแต่งงานที่ติดอยู่ข้างฝาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจก้องเกียรติพาตัวเองเดินขึ้นไปบนชั้นสองช้า ๆ เขาเดินเหมือนคนไร้ชีวิต หากตอนนี้มีคนอื่นอยู่ด้วย คงคิดว่าเขาไม่สบายมากแน่แอ๊ดหลังเปิดประตูเข้าไปด้านในห้อง ก้องเกียรติก็ตรงไปที่เตียงนอนที่เขากับม่านไหมเคยใช้มันร่วมกัน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้หมอนที่หญิงสาวเคยหนุนนอนไปมามือขวาเอื้อมไปเปิดลิ้นชักข้างเตือน หยิบอัลบั้มภาพถ่ายที่ทั้งเขาและเธอได้ถ่ายร่วมกันและนำไปล้างเอามาใส่อัลบั้มไว้เพื่อไว้ดูต่างหน้ายามที่มีใครคนหนึ่งไปทำงานไกล เพื่อที่จะได้คลายความคิดถึงตลอดเวลาก้องเกียรติไม่เคยเลยสักครั้งที่จะหยิบอัลบั้มนี้ขึ้นมา สำหรับเขาแล้วเมื่อก่อนอัลบั้มภาพถ่ายนี้ไม่ได้มีความสำคัญเลยสักนิดเดียว ในเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปไกลหากอยากเห็นหน้าก็วิดีโอหาเธอก็ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยเปิดมันมาก่อนแต่ว่าตอนน
“ฮึก! ฮือ... ฉันท้อง! ฉันไม่เคยต้องการให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ม่านพี่ขอโทษ แต่พี่ไม่สามารถยกบอสให้ม่านได้อีกแล้วจริง ๆ”“หมายความว่ายังไงคะที่บอกว่าไม่สามารถยกให้ได้อีกแล้ว” ม่านไหมทวนคำถามทั้ง ๆ ที่เธอกำลังตกใจอยู่ “ฮึก! ความจริงแล้วพี่แอบชอบบอสมาตลอด แต่บอสไม่เคยเห็นพี่ในสายตาเลย พี่พยายามทำทุกอย่างเผื่อบอสจะมองพี่เป็นอย่างอื่นบ้าง ไม่ใช่แค่เจ้านายที่มองลูกน้องคนหนึ่ง”“...”“แต่พี่ก็ดีใจนะที่ได้แอบชอบบอสแบบนี้ จนวันนั้นวันที่ม่านเข้ามาฝึกงานที่บริษัท สายตาที่บอสมองม่านพี่รู้ได้ทันทีว่าบอสรู้สึกยังไง ด้วยความที่พี่ไม่สามารถทำให้บอสรักได้ ประจวบกับม่านทั้งนิสัยดีและน่ารักพี่เลยทำตัวเป็นแม่สื่อให้บอสกับม่าน จนทั้งสองคนรักกันนั่นแหละ”ม่านไหมอึ้งไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้อยู่จริง คนที่ยอมเป็นสะพานให้คนที่ตัวเองรักใช้ข้ามไปหาใครอีกคน ยอมเป็นแม่สื่อให้เขารักกับผู้หญิงคนอื่น คนที่ยอมเสียสละแบบนั้นไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง ๆ ในยุคปัจจุบันม่านไหมมองปรายฟ้าอย่างไม่เชื่อสายตา พร้อมทั้งสงสารและเห็นใจเธอด้วย เพราะถ้าเป็นอย่างที่ปรายฟ้าเล่าจริงนั่นแสดงว่าผู้หญิงคนนี้คงเจ็บปวดไม่น้อยเลยแต่ว่าเสียสล