สายตาฉันดันเผลอจ้องแววตาคมนิ่ง จนเขาหยุดเดินแล้วหันหน้าเข้ากระจกตรงๆ ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ควรทำตัวยังไงไม่ให้มีพิรุธ จึงได้แต่หยิบลิปสติกขึ้นมาทาที่เดิมซ้ำๆ
ร่างสูงกระตุกยิ้มแล้วสาวเท้าเข้ามาหน้ากระจก เปิดน้ำล้างมือตรงอ่างข้างๆเธอ
" เมื่อกี้ได้ยินเสียงอะไรแปลกๆรึเปล่าครับ "
เธอแลมองคนข้างๆก่อนจะพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปิดฝาลิปสติกแล้วเก็บเข้ากระเป๋าสะพาย " ไม่นี่คะ ฉันพึ่งเข้ามา "
" จริงเหรอ ผมว่าผมก็ไม่ได้ยั้งแรงเลยนะ คุณไม่ได้ยินเสียง... "
" หยุด! " เธอยกมือขึ้นห้าม ก่อนจะหันไปสบตากับเขาตรงๆ " เออ! ได้ยิน! แล้วไงอะ! ทำไมไม่ไปหาทำที่มันดีๆ โรงแรมแถวนี้ก็เยอะแยะ "
เรียวขาแกร่งเคลื่อนเข้ามาใกล้หญิงสาว ก้มลงมากระซิบชิดหน้าหวานด้วยเสียงเบาหวิว " ก็มันไม่เร้าใจ... " แถมก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องน้ำยังยักคิ้วเข้มๆปิดท้าย ทิ้งให้เธออ้าปากค้างกับคำตอบของเจ้าของผับ
โรคจิต
" ทำไมมึงไปเข้าห้องน้ำนานอะ "
" คนมันเยอะ เลยไปเข้าด้านหลัง " จะบอกมันดีไหมว่า ไปเจออีบาร์เทนเดอร์บ้ากามมา
บอกดีไหมนะ!?
บอกสิ! เรื่องแบบนี้มันต้องเมาท์!
" มึง " เกริ่นแค่นี้ เพื่อนสาวถึงกับหันมาจ้องหน้า วางแก้วเหล้าลงแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้
" เล่า!! "
อะแฮ่ม! โอเค ขอปรับท่านั่งนิดนึง
" เมื่อกี้ตอนกูไปเข้าห้องน้ำอะ...กูเห็น " ขมิ้นอ้าปากจ้องหน้า สายตาจดจ่ออยู่แต่ริมฝีปากเพื่อนว่าจะพูดอะไร
" กูเห็นบาร์เทนเดอร์สุดหล่อมึงอะ "
" กรี๊ดๆๆ หล่อไหมมึงงงงง " มึงเบี่ยงประเด็นไปไกลมากเพื่อน " แล้วไงต่อออออ "
" กูเจอนางเดินออกมาจากห้องน้ำกับผู้หญิง "
" ...... "
" เขาเข้าไปอะจึ๊กดึ๊กดึ๋ยกับผู้หญิงในห้องน้ำเว้ย " อ้าปากค้างไปเลยสิเพื่อนกู อย่างงี้มันต้องซ้ำ!
" เสียงนี่คมชัดระดับ HD กูนี่ขนลุกไปหมด "
" ว้าย! จริงเหรอ! แล้วมึงเห็นรึเปล่า ว่าเขาทำท่าอะไรกันบ้าง " แล้วมันก็ทำจริตยกมือขึ้นปิดปาก
" บ้าาาาา! จะไปเห็นได้ยังไงกันเล่า กูแอบฟังอยู่ข้างน๊อกกกกก " แสร้งยกมือมาปัดผมทัดหู
" อะจริงรึ~ "
" อะจริงสิ! "
" อะแน่รึ~ "
" ก็แน่สิ! "
พ่ามพ๊าม!
" มึงอ่าาาา ทำไมไม่โทรเรียกกู กูอยากเห็นเขาตอนเหงื่อออก "
" ลามกนะมึงเนี่ย " แล้วก็หัวเราะคิกคักกันอยู่สองคน จนเวลาล่วงเลยมาหลายชั่วโมง ขมิ้นเริ่มเต้นท่าแปลกๆ แสดงมันเริ่มประคองสติตัวเองไม่อยู่แล้ว
" ป่ะมึง...กลับได้แล้ว มึงเมาแล้วเพื่อน " มันพยักหน้าแล้วเราก็เรียกพนักงานเช็คบิล หอบหิ้วเบียดเสียดกันออกมาสองคน นี่ผับหรืออะไร คนยั้วเยี้ยมาก
โอ๊ย! นี่เหนื่อยกับคนเมามากนะ! มึงอย่าพึ่งทิ้งตั๊วววววว ยังดีที่มันตัวเล็กกว่าเลยประคองง่าย ใจจริงอยากยกมันพาดบ่า แต่ก็กลัวฝูงชนจะตกใจ
" มีอะไรให้ช่วยไหมครับ " ฉันหยุดเดินพร้อมเอี้ยวหน้ามองข้างหลัง เพราะหันทั้งตัวไม่ได้ มือติดอยู่กับเอวคนเมาอยู่
อีบาร์เทนเดอร์โรคจิต!
" ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไร " ฉันรีบเดินไม่อยากสนทนาด้วย แต่นางก็ยังก้าวขายาวๆมาดักหน้า!
" ผมก็กำลังจะกลับพอดี ให้ผมช่วยไหม "
" บอกว่าไม่! " ฉันประคองเพื่อนเดินหลบซ้ายเขาก็ยังมีหน้าเขยิบซ้าย!
ฉันเปลี่ยนเส้นทางเดินหลบขวา คนหน้าด้านก็เขยิบมาขวางทาง!
" หลบ! " แล้วกูก็หนักด้วย!
" คุณก็ดูเหมือนจะดื่มไปไม่น้อยนะ ขับรถกลับไหวแน่เหรอครับ โดนเป่ามารับรอง...ไม่รอด "
" เรียกแท็กซี่ดึกๆแบบนี้ไม่ปลอดภัยกับผู้หญิงสวยๆหรอกนะครับ " กูที่กำลังจะอ้าปากเถียงเป็นต้องกลืนคำว่าแท็กซี่ลงไป
" ตอนนี้ฉันหายเมาแล้ว ขับรถได้ หลบ!! " แล้วนางเบะปากพยักหน้า เอามือพ่ายหลังแล้วหลีกทางให้
แล้วทำไมไม่หลบตั้งแต่ทีแรกว่ะ แม่ง
" กวนตีน "
แล้วก็ฮึบแรงอีกเฮือกประคองเพื่อนสาวมาถึงลานจอดรถ เปิดประตูดันนางเข้าไป แล้วรีบประจำตำแหน่งคนขับพร้อมปาดเหงื่อ
หญิงสาวขับรถออกจากผับหรู หารู้ไม่ว่าเขาขับรถตามเธอออกมาตลอดทั้งเส้นทาง พอรถคันหน้าเลี้ยวเข้าคอนโดที่พัก ปากหนาก็กระตุกยิ้มแล้วเลี้ยวตามเข้าไปด้านใน แล้วถอยเข้าช่องห่างจากเธอสองล็อค
รถหรูจอดสนิทแล้วดับเครื่องนั่งดูเธอประคองเพื่อนจนประตูลิฟต์ปิดลง ถึงสตาร์ทรถอีกรอบแล้วขับออกไปอย่างอารมณ์ดี
บังเอิญซะจริง...
" อ้าว! ตาดิน! เมื่อคืนนี้กลับมานอนบ้านเหรอ เช้านี้ถึงลงมาทานข้าวกับแม่ได้ " คนเป็นแม่เดินออกมาจากห้องครัว พร้อมป้าแม่บ้านที่เดินตามมาจัดแจงโต๊ะอาหารเช้า
" ครับ เมื่อวานพ่อโทรบอกว่ามีเรื่องให้ช่วย " พูดถึงพ่อ พ่อก็ลงมาพอดี ทั้งสามคนนั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน บิดาหัวโต๊ะจึงเริ่มบทสนทนาขึ้น
" ช่วงนี้ดินงานยุ่งรึเปล่า "
" ไม่ครับ พ่อมีอะไรรึเปล่า "
" พ่อจะฝากลูกความคนนึงให้แกดูแล เป็นภรรยาเพื่อนพ่อเอง " ลูกชายพยักหน้าตอบรับ พลางคิดว่าท่านคงอยากเกษียณเต็มตัว แถมลูกความเป็นถึงเพื่อน คงไม่อยากไว้ใจใครให้ดูแลคดี
" แล้วเพื่อนพ่อเขามีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ " บุคคลหัวโต๊ะวางช้อนข้าวต้ม ยกน้ำดื่มอุณหภูมิห้องขึ้นมาจิบแล้วเช็ดขอบปากเบาๆ
" เดี๋ยวทานเสร็จ ตามไปคุยกับพ่อต่อที่ห้องทำงานนะ รบกวนคุณภรรยาชงกาแฟให้สักแก้วด้วยนะครับ " แจ้งแก่ลูกชายซ้ายมือเสร็จ ก็หันไปออเดอร์กาแฟกับภรรยาสุดที่รักที่นั่งขวามือแล้วลุกออกไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ประตูไม้สีน้ำตาลเข้มถูกเปิดเข้ามาพร้อมลูกชายที่ทำอาชีพตามรอยพ่อ ร่างสูงเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับบิดา ที่มีเอกสารลูกความวางอยู่บนโต๊ะ
พ่อบอกว่าพ่อเป็นทนายประจำตระกูลของลุงไผ่ที่เพื่อนพ่อตั้งแต่สมัยเรียน แต่ปัจจุบันท่านเสียชีวิตไปแล้ว " อ้าว! แล้วใครโทรหาพ่อ "
" ภรรยาคนที่สองของเขา เห็นว่าพ่อเป็นทนายที่สามีไว้ใจ เลยขอให้เราช่วย " ผมหยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้นมาอ่านคร่าวๆ ดูแล้วเป็นครอบครัวที่เรียกว่าเศรษฐีได้เลยนะเนี่ย ทรัพย์สมบัติมหาศาล เป็นเสือนอนกินทั้งชาติก็ไม่หมด
" แล้วภรรยาคนแรกล่ะครับ "
" ตั้งแต่เลิกกัน เธอก็ออกจากบ้านไปไม่ติดต่อมาอีกเลย "
" แล้วเขาให้เราช่วยอะไรครับ "
" มีขโมยขึ้นบ้าน ของที่ขโมยได้ไปคือบรรดาเครื่องเพชรและโฉนดที่ดิน " คิ้วหนาขมวดปม นั่งกอดอก สบตากับคนเป็นพ่อ
" แสดงว่าขโมยเป็นคนในครอบครัวเหรอครับ แล้วชื่อในโฉนดเป็นชื่อใคร "
" ชื่อในโฉนดยังเป็นของไผ่ " แล้วพ่อก็อธิบายเพิ่มถึงรายละเอียดครอบครัวของเพื่อน
ชื่อในโฉนดยังเป็นของลุงไผ่ ลุงไผ่จดทะเบียนสมรสกับภรรยาคนแรกยังไม่ได้หย่า ปัจจุบันคนที่อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนั้นคือภรรยาคนที่สองที่ไม่ได้จดทะเบียนและลูกสาวของเธอ
มีเมียเยอะนี่ซับซ้อนจังวะ
" ผมอยากเข้าไปคุยกับภรรยาเพื่อนพ่อครับ เธออยู่ที่ไหน "
" เชียงใหม่ "
ช่วงเวลากลางคืนเป็นช่วงเวลาเดียวที่ทุกคนสามารถปลดปล่อยอารมณ์ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเครียดจากเรื่องงานตลอดทั้งวัน เรื่องฮิตอย่างอกหัก แอบรักเพื่อนสนิท หรือแม้แต่อยากแค่มาดื่มเอาบรรยากาศ แต่ไม่ใช่กับเจ้าของหุ้นส่วนของผับอย่างปฐพี" คุณดิน! แย่แล้วครับ! ลูกค้ามีเรื่องกันตรงลานจอดรถครับ! " การ์ดที่ใกล้ที่สุดรับเรื่องจากหูฟังไร้สายแล้วรีบแจ้งเรื่องมาถึงผู้คุมอำอาจ" เรื่องแค่นี้ทำไมพวกมึงไม่จัดการ " เสียงราบเรียบจากชายหนุ่มที่ยังคงชงเครื่องดื่มให้เหล่าลูกสาวสาวอย่างไม่ยีหระ" อีกฝั่งหนึ่งบอกว่ารู้จักกับคุณดิน เธอเลยไม่ยอมครับ " คนรับเรื่องยื่นแก้วคอกเทลส่งให้ลูกค้า ก่อนจะพยักหน้าให้การ์ดนำทางออกไปเขาเดินตามการ์ดออกไปจนถึงลานจอดรถ ที่เริ่มได้ยินเสียงผู้หญิงทะเลาะด่าทอกันเสียงแหลม" คุณดิน...ช่วยลี่ด้วยค่ะ อิสองคนนี้มันจะรุมทำร้ายลี่ "" มึงอย่ามาตอแหล! มึงเป็นคนตบเพื่อนกูก่อน! " เขามองผู้หญิงที่อ้างชื่อตัวเองด้วยสายตาว่างเปล่า และแลไปยังอีกสองสาวที่อีกคนยืนกุมใบหน้าไว้และอีกคนที่ยืนประจันหน้ากับลี่ผู้หญิงคนนั้น...หึ" คุณมาก็ดี! สั่งสอนคนของคุณด้วย! อย่ามาหาเรื่องคนอื่นเหมือนหมาบ้ากัดไม
ติ๊ง!เสียงไลน์บนจอสว่างจ้า มือเรียวรีบขึ้นมาปลดล็อกแล้วกดดูรวดเร็วทันใจ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเหมือนโฆษณาภาพเคลื่อนไหวภายในคลิปเป็นมุมของลานจอดรถสลัวๆ ปรากฎผู้ชายสองคนแต่งตัวเหมือนมาเที่ยวปกติ พอดูไปสักพักหนึ่งในสองคนนั้นยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเธอ ยืนหลบอยู่มุมเสาตั้งแต่เธอกับเพื่อนเดินมาและมีเรื่องกันติ๊ง!คลิปที่สองเป็นมุมของภายในผับที่สองคนนี้เปิดโต๊ะ พวกมันเปิดโต๊ะใกล้ๆเธอ แถมยังหันไปมองโต๊ะเธอกับเพื่อนบ่อยๆเห็นหน้าไม่ชัดแต่ก็พอจำกรอบหน้าเค้าโครงได้ ถามว่าคุ้นไหม ไม่เลยจ้าLine ลูกจันทร์ : ขอบคุณมากค่ะ สำหรับข้อมูล ไว้ฉันจะเลี้ยงข้าวตอบแทนนะดิน : ไม่อยากกินข้าว อยากกินอย่างอื่นมากกว่าครับลูกจันทร์ : อยากกินอะไร เลือกมาดิน : ...(สติกเกอร์กำลังคิด)ดิน : คิดไม่ออก ขอติดไว้ก่อนนะ รอสะสมเยอะๆแล้วจะขอทีเดียว ได้ไหมครับลูกจันทร์ : แล้วแต่คุณเลยพูดเหมือนต้องมีเรื่องให้ช่วยเหลือกันตลอดเวลา แต่ช่างเถอะ อยางน้อยคืนนี้ถ้าไม่ได้เขาช่วยก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน3 วันต่อมาสนามบินนานาชาติเชียงใหม่เวลา 9:20 นาฬิการ่างสูงสวมเชิ้ตคอจีนสีกรมท่าส่วนเรียวขาแกร่งรับกับกางเกงแสล็คเนื้อดี
เลือดในกายหนุ่มสูบฉีดอย่างบ้าคลั่ง แข่งกันพล่านวุ่นทุกโสตประสาท ไหนจะมือไม้ที่เย็นเฉียบไหนจะเส้นผมและไรขนต่างๆที่เหมือนจะพร้อมใจกันลุกผะ...ผมขอกลับไปตั้งหลักที่กรุงเทพแล้วกลับมาใหม่ได้รึเปล่าครับ ให้ตายเถอะ! ไม่ได้เตรียมใจมาเลยว่าต้องมาเจอเรื่องลี้ลับแบบนี้ อย่างน้อยถ้ารู้ว่าจะพบเจออะไรแบบนี้คงยืมพระของพ่อสักสี่ห้าองค์ติดกระเป๋ามาด้วยแล้วพ่อไม่เห็นบอกกันเลย!สิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่านี่ไม่ใช่ทางเลยครับ หลีกได้ก็หลีกให้สุด เหลี่ยงไม่ได้ก็เหมือนผมตอนนี้ ทำใจแข็งแล้วเดินตามเจ้าบ้านเข้าไป" เชิญนั่งก่อนค่ะ แล้วลูกบัวอยู่ไหน " หล่อนผายมือเชิญแขกที่โต๊ะอาหารใหญ่ก่อนจะหันไปถามหาลูกสาวสุดที่รักจากสาวใช้ที่กำลังตักข้าวเสิร์ฟในจาน" คุณลูกบัวเตรียมผลไม้อยู่ในครัวค่ะ "" ไปเรียกมาได้แล้ว แขกมาถึงแล้ว " สาวใช้วันละอ่อนก้มหัวน้อมรับแล้วหันหลังกลับเข้าไปในครัว" ค่ะคุณแม่ " ผมหันไปตามเสียงหวานเพราะพริ้ง ร่างอ้อนแอ้นอรชรบวกกับผิวขาวเปล่งปลั่งเดินมาแล้วหย่อนกายนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับผม" สวัสดีค่ะ คุณทนายใช่ไหมคะ "" ครับผม สวัสดีครับ " ผมมองเธอตรงหน้า จ้องตาซุกซนนั่นราวกับคำเชื้อเชิญ เธอสวยใสตามแ
เช้าวันต่อมาชายหนุ่มมาเยือนบ้านของช่อเอื้องอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขามั่นใจว่าจะไม่เห็นวิญญาณหรือสิ่งเร้นลับอีกแน่ๆ เพราะเจ้าตัวมาพร้อมพระห้อยคอองค์เบอเริ่มที่ไปเช่ามาจากตลาดพระเมื่อวานตอนค่ำขายาวๆ ก้าวลงจากรถส่วนบุคคลที่เรียกมารับตามแอพพลิเคชันทางโทรศัพท์ สายตาสอดส่องเข้าไปในบริเวณบ้านก็เห็นแต่ความเงียบและหมอกจางๆ ปกคลุม ฤดูหนาวของเมืองเหนือกว่าแดดจะทะลุม่านหมอกออกมาได้ก็เกือบเที่ยงครืดดดดดดดดประตูรั้วบานใหญ่เลื่อนเปิดต้อนรับอีกครั้ง แถมรอบนี้ก็ไม่มีคนมาเปิดเหมือนเดิม' ไม่ใช่หรอกน่า...คุณยายคงไม่มาแต่เช้าหรอกมั้ง ' ก่อนจะยกเท้าก้าวเข้าสู่บริเวณบ้าน ร่างสูงควักสร้อยพระกรอบหนาองค์ดังออกมาจากอกเสื้อ พนมมือพึมพำด้วยใจที่เต้นระส่ำ' ผมมาดีนะครับ เอ่อ...และผมก็คนดีนะครับ' บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางเสร็จก็สบายใจ พอดีกับแม่บ้านที่กำลังเดินตรงมาเชิญเข้าไปในบ้าน หากเขามองขึ้นไปชั้นสอง จะเห็นร่างเลือนรางสวมชุดพื้นเมืองยืนยิ้มอยู่ตรงบานหน้าต่างมุมร่มรื่นวันต่อมาร่างสูงสง่าของดินกำลังเซ็ตผมอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ เย็นนี้ช่วงสี่โมงเขาได้ตอบตกลงเข้าบรรยายเกี่ยวกับกฎหมายให้แก่คณะนิติศาสตร์มอดัง มือใหญ
อาทิตย์นี้หยุดยาวทั้งอาทิตย์เพราะที่มหาวิทยาลัยมีงาน ฉันเลยคิดว่าจะโผล่หัวไปเยี่ยมคนบ้านนั้นสักหน่อย ปล่อยให้อยู่สบายชูคอเป็นเจ้าของบ้านมาตั้งหลายสิบปี พอดีตรงวันครบรอบวันตายของคุณย่า อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนี้ล่ะจริงไหม!?" แกแน่ใจเหรอ ว่าจะไปสู้กับพวกนั้นตัวคนเดียว " ถามเหมือนฉันเป็นนางเอกจิบน้ำส้ม วันนี้นางมานั่งกินข้าวเย็นที่ห้องฉัน กับข้าวนางซื้อมาเสริมบวกกับอาหารที่ฉันทำ" แกอย่าใช้คำว่าสู้ สองแม่ลูกนั่นไม่มีปัญญาหรอก อีกอย่าง...ฉันแค่จะไปเคารพศพคุณย่า ไม่เสียเวลากับพวกสมองนิ่ม " ถ้าสู้จริงก็ไม่เห็นต้องกลัว ถ้าฉันมัวแต่กลัวชาตินี้คงตายไปแล้ว" แล้ววันนี้คุณดินไม่มาทานข้าวด้วยเหรอวะ " มือบางที่กำลังตักข้าวเข้าปากชะงัก ตั้งแต่วันที่เราทานข้าวด้วยกัน ตั้งแต่นั้นมาเขาก็พาตัวเองมาฝากท้องที่นี่เกือบทุกวัน อาทิตย์ละสามสี่วันได้ ช่วงแรกขมิ้นก็ตกใจ แค่พอนานๆ ไปเราก็ชินเหมือนมีเพื่อนเพิ่ม" ไม่รู้ดิ ถ้ามาคงเคาะห้องเองแหละ "ก๊อก ก๊อก ก๊อก สองสาวหันมองหน้าพร้อมกัน พึ่งนินทาหยกๆ ตายยากจริง ร่างระหงลุกออกจากเก้าอี้เดินไปเปิดประตูห้อง ไม่ต้องส่องตาแมวก็รู้ว่าใคร" ไงคุณ ทานข้าวรึยัง " แหม มาตรงเ
" ขอบคุณที่มาส่งนะคะ " เขามองเธอเปิดประตูลงจากรถไป ไม่ลืมหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วกดกริ่งอยู่หน้าประตูรั้วเป็นไปได้ยังไง!?อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้วะ!?ตอนนี้ในหัวสับสนวุ่นวายกันไปหมด ไม่รู้เลยว่าจะช่วยใครยังไงก่อนดี คงต้องนั่งคุยกับเธอเป็นเรื่องเป็นราวให้กระจ่าง ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโกหกหมกเม็ดแน่ๆเขาถอยรถกลับไปเช็กอินที่โรงแรมเพื่อตั้งหลัก เย็นนี้เขามีนัดทานข้าวกับคุณช่อเอื้อง แน่นอนว่าต้องเจอคนตัวเล็กแน่นอนร่างบางระหงยืนกอดอกรอคนมาเปิดสักพัก ปากเล็กก็ยกยิ้มเพราะมีแม้บ้านกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาทางนี้" สวัสดีค่ะ มาหาใครคะ " แม่บ้านวัยกลางคนยืนจ้องหญิงสาวคุ้นตาที่หน้าประตูก่อนจะค่อยๆ เบิกตากว้าง" คะ...คุณหนู... คุณหนูใช่ไหมคะ " มือสากที่เริ่มมีรอยเหี่ยวย่นรีบลนลานเปิดรั้วให้คนมาใหม่ ก่อนจะน้ำตาคลอด้วยว่าคนตรงหน้าคือคนที่หล่อนคิดถึงมาตลอด" สวัสดีค่ะป้าเพ็ญ สบายดีนะคะ " เธอยิ้มหวาน ยกมือพนมก้มไหว้แม่บ้านที่เธอเคารพ แล้วสวมกอดร่างท้วมอย่างคิดถึง" ฮืออออ คุณหนูจริงๆ ด้วย ป้าคิดถึงคุณหนูมากเลยค่ะ มาๆ ค่ะ รีบเข้าบ้านก่อน ข้างนอกอากาศเย็น " เธอมองตามมือหล่อนที่จูงเข้าไปในบ้านอย่างซาบซึ้ง นอกจ
ร่างสูงยังคงจ้องสายที่โทรเข้ามาไม่หยุด จะเอาอะไรกับเขาอีกวะ!? ผู้หญิงสวยๆ น่ะเขาชอบ แต่มันน่ารำคาญเมื่อรู้ว่าผู้หญิงพวกนั้นเริ่มทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ คนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เขาถอนหายใจก่อนจะกดรับสายเพียงเพราะว่ายังต้องติดต่อกันเรื่องงาน" ครับคุณลูกบัว "" พี่ดินใกล้ถึงรึยังคะ " อีกตั้งสองชั่วโมงจะให้ไปหุงข้าวช่วยรึไงครับ" ยังครับ ผมกำลังเตรียมตัว " ที่จริงไม่ต้องเตรียมอะไรเลยด้วยซ้ำ แค่รอเวลาพร้อมออก" คือจะโทรมาบอกว่า วันนี้พี่สาวที่เคยเล่าให้ฟังอ่ะค่ะ มันกลับมาที่บ้าน ถ้ามันพูดอะไรอย่าไปเชื่อมันนะคะ มันเป็นคนชอบโกหกปลิ้นปล้อน เป็นพวกรู้หน้าไม่รู้ใจ พี่ดินอย่าไปฟังมันเยอะนะคะ " คนฟังส่ายหน้า หากเขาไม่เจอลูกจันทร์ก่อนหน้านี้คงปักใจเชื่อไปบ้าง สุดท้ายก็แต่ตอบรับไปแบบส่งๆ แล้วขออนุญาตวางสายเหลือเวลาอีกพอสมควร พอคิดอะไรได้มือใหญ่ก็กดโทรศัพท์โทรออกอีกครั้ง รอไม่นานปลายสายก็รับ(ว่าไงคุณ)" ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ผมอยากคุยเรื่องโฉนดที่ดิน " คุยเรื่องที่โฉนดตอนนี้เนี่ยนะ!? แต่ก็ดี อะไรๆ จะได้เสร็จไวๆ ฉันบอกว่าอยู่บ้าน ไม่นานรถคันเดิมก็มาจอดรอที่หน้าประตูรั้ว ม
ระหว่างรอทุกคนละเมียดละไมกับอาหารตรงหน้า ไม่รู้จะแอ๊บผู้ดีอะไรหนักหนา หญิงสาวยกแก้วไวน์ทรงสวยขึ้น หมุนข้อมือเบาๆ แล้วดมกลิ่นอายก่อนจะค่อยๆ จิบแล้วเบ้หน้า" รสนิยมห่วยแตก "" ....... "" แกว่าอะไร! " ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว! แม่เลี้ยงหน้าเขียววางช้อนส้อมดังเคร้ง! หยามกันขนาดนี้ต้องสั่งสอนให้รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่กันบ้าง!" แก่แล้วนอกจากหนังหน้าจะเหี่ยวหูยังตึงอีกเหรอคะ ก็พึ่งพูดไปหยกๆ ว่ารสนิยมห่วยแตก "" อย่างแกมันจะไปรู้อะไร! ขวดนี้น่ะ! ไวน์จากสวนคุณทรงพลเลยนะยะ น้ำหน้าอย่างหล่อนไม่มีปัญญารู้จักคนใหญ่คนโตระดับพื้นที่หรอก " นี่ใหญ่แล้วเหรอ!? ถามจริง!? ทำไมจะไม่รู้จัก ข่าวคาวเหม็นคลุ้งซะขนาดนั้น เด็กรุ่นลูกมันยังฟาดทำเมีย" แล้วนี่คุณช่อเอื้องไปรู้จักคนใหญ่คนโตขนาดนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ ตัวเองก็เป็นแค่รากหญ้าไม่ใช่เหรอ "ปึง!ฝ่ามือหยาบห้านิ้วสวมแหวนโชว์ไปแล้วสามนิ้วตบโต๊ะด้วยโมโห! หายใจเหมือนคนขาดอากาศ ตอนนี้หน้าซีดยิ่งกว่าลูกสาวอีเด็กนรก! อีเด็กฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!" ฉันจะรู้จักได้ยังไงมันก็เรื่องของฉัน! อย่ามาลามปาม แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน " เสียงขุ่นเล็ดลอดจากไรฟัน ถ้ามีแค่มันตอนนี้ห
แรงอารมณ์ยังไม่ทันได้ดับมอด แถมตอนนี้กำลังพัดกระพือโหมหนักขึ้นเรื่อยๆ จนยากจะดับ อยากอัดอีกสักรอบเขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ไม่เคยอยากลิ้มลองรสชาติของผู้หญิงคนไหนซ้ำๆ ขนาดนี้มาก่อนจดจ้องมองแต่ดวงตากลมโตที่น่าดึงดูดนั่นนี่กูเป็นเอามาก...อยากจัดแต่เธอซ้ำๆสงสัยคงเห่อของใหม่แหละน่า...มือที่ประคองใบหน้าเริ่มลูบไล้ฉันด้วยไอร้อน ลากต่ำลงไปเรื่อยๆ ผ่านลำคอระหง เกลี่ยหลังมือตามแนวคาดไหล่แล้วดันฉันให้นอนหงาย จากนั้นก็จับฉันพลิกคว่ำทาบทับตัวตนลงมาไอความร้อนที่เขาแผ่ออกมาจากกายหนาที่แนบชิดทำฉันร้อนรุ่ม ก้มใบหน้ามาสูดดมความหอมแล้วกระซิบด้วยเสียงกระเส่าที่เขาเป่ารดหลังใบหูด้วยความซ่านกระสัน" ด้วยความสัตย์จริง! ผมโคตรอยากเอาคุณตอนนี้เลย! " เขาแลบลิ้นร้อนเลียกระตุ้นแล้วงับเบาๆ ที่ติ่งหูน้อยๆ เขยื้อนเอวสอบหยอกล้อลำกายแข็งขัดกับสะโพกผายให้ตายเถอะ! อารมณ์ฉันมันเหวี่ยงกลับมาอีกแล้ว! วูบวาบหวั่นไหวแถมตรงนั้นเริ่มมีน้ำซึมขมิบถี่กับการรุกรานอันน่าหวาดเสียว" ลูกจันทร์ล่ะครับ...อยากหรือเปล่า? "ฉันไม่ตอบเขาก็เบียดเอวหนาแรงขึ้น บดหัวเห็ดถูไถขึ้นลงกับร่องเล็กที่เปียกแฉะ " อ่าาา คุณอยากอีกแล้ว " ช่วงล่างที่ร้อ
ฉันจ้องหน้าคนข้างบนด้วยใจที่เต้นระรัว ชุดนอนหลุดลุ่ย เสื้อไปทางกางเกงไปทาง สมองยังไม่ทันคิดคำตอบ ปากร้อนๆ ก็กดทับลงมา" อืมมมม " ฉันหลับตารับสัมผัสอุ่นที่บดจูบฉันด้วยอารมณ์ที่คั่งค้าง เขากวาดเลียตามริมฝีปากล่างช้าๆ ก่อนจะกัดเบาๆ แล้วดูดดึงราวกับมันเขี้ยว แทรกเรียวลิ้นเกี่ยวต้อนฉันในอุ้งปากชื้นแฉะ" อื้มมม...ดูดลิ้นผม " สมองรับคำสั่งทำตามอย่างว่าง่าย ยกมือคล้องคอหนาแล้วเอียงหน้าปรับองศาจูบตอบคนข้างบนอย่างโหยหา เขาจูบเก่ง เร่าร้อน มือใหญ่ที่สะเปะสะปะเริ่มลูบลามลงข้างล่างตามส่วนโค้งเว้าเต็มมือ ปลดกระดุมแหวกสาบเสื้อ กุมเต้าอวบได้ก็เฟ้นฟ้อน ก่อนจะละจากปากหวานแล้วเริ่มจูบซับลงมาตามคอระหงฉันปล่อยอารมณ์ไปตามสัญชาตญาณที่ถูกปลุก แอ่นหน้าอกให้เขาเลีย เผลอกางขากว้างตอบรับลำเอ็นแข็งตอนเขาถูไถขึ้นลงลิ้นสากปาดเลียเม็ดชมพูเล็กกลางยอด บีบแล้วงับเต็มปากรัวปลายลิ้นจนเธอแอ่นโค้ง" อ๊า! " ฉันสอดง่ามนิ้วตามไรผมดกดำแล้วกำแน่น เขาทำฉันเสียวมาก ท่าจะยั่วเยขนาดนี้ก็จัดมาเถอะ! ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเหมือนตามหนังเอวีที่เคยดูหรือเปล่า!?เต้าซ้ายยังโดนรุกด้วยลิ้นอุ่นๆ ส่วนอีกข้างก็โดนขย้ำบีบบี้ยอดถันจนแข็
ปฐพียืนกอดอกจ้องประตูห้องน้ำ ครุ่นคิดว่าจะลองชวนเธออาบน้ำด้วยกันเลยดีไหมนะ จะได้สนิทกันมากขึ้น? แต่คิดไปคิดมาหรือจะพอแค่นี้ก่อนดี กลัวเธอจะสำลักความรู้ไปมากกว่านี้ คิดได้ดังนั้นจึงถอยหลังกลับไปนั่งปลายเตียงรอพรึบ!ทว่าจู่ๆ ไฟก็ดับ แถมข้างนอกยังมีลมแรงและพายุฝนที่กระหน่ำเหมือนพายุคลั่ง ลำพังแค่ฝนตกมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขา แต่ประเด็นคือไฟมันดับด้วยไง!มันไม่ได้ปะคนตัวโตหันซ้ายขวากำมือแน่น บังคับให้สมองคิดบวกหลอกตัวเองว่าเดี๋ยวสักพักไฟคงมา แต่ไม่เลย! ยิ่งลมกระโชกแรงยิ่งได้ยินเสียงเหมือนกำลังฟังซาวด์หนังผี!ให้ตายเถอะ!ปึง! ปึง! ปึง!" คุณ!!! เปิดประตูห้องน้ำให้หน่อย!! " มือหนาแทบพังประตูห้องน้ำ ทุบไปก็เสียวสันหลังไป" ลูกจันทร์!!! ผมเข้าไปอยู่ด้วยยยยย!!! "ประตูห้องน้ำถูกกระชากเปิดจากคนข้างในมองตาขวางผ่านความมืด" เฮ้ย!!! "" ฉันเอง!!! " จะตกใจอะไรหนักหนา!! กะอีแค่ไฟดับเนี่ย!" เป็นอะไร " ฉันยืนเท้าสะเอวจ้องร่างตะคุ่มในความมืด เสียงโวยวายทุบประตูห้องน้ำนึกว่ามีใครตายร่างหนาพุ่งประชิดหลานเจ้าของบ้าน สายตาล่อกแล่กกำชุดคลุมของเธอแน่น " คุณ...ไฟดับอะ " รู้แล้วว่าไฟดับ! ก็เห็นอยู่ไหม!ค
มือบางขย้ำกำปกชุดคลุมหนา ภายในอกสั่นระรัวยิ่งตอนลิ้นหนากวาดต้อนให้เธอจนมุมเผลอตอบรับเรียวลิ้นร้ายแบบเงอะๆ งะๆ คนตัวโตรู้ได้ทันทีว่าเธอแทบจะไม่ประสีประสากับเรื่องพันธุ์นี้ ไม่เป็นไร...เขาจะสอนเธอเองเขาจะเอาประสบการณ์ทั้งหมดที่สั่งสมมาอัดสอนให้เธอคนเดียววงแขนแกร่งรวบรัดร่างนุ่มนิ่มแน่นขึ้น สอนประสบการณ์แลกลิ้นจนแข้งขาเรียวอ่อนแรง เธอกำลังจะขาดอากาศหายใจ จากขย้ำชุดหนาแปรเปลี่ยนเป็นกำมือน้อยๆ แล้วทุบไหล่กว้าง ปึกๆ" อื้มมมม จุ๊บ " เขาจำใจปล่อยริมฝีปากบางหวานล้ำ แต่ยังคงดูดคงกัดหยอกล้อกับกลีบปากล่างอมชมพูเข้มอย่างสิเหน่หาหัวเธอหมุนติ้ว มึนเบลอกับคนมากประสบการณ์จนทำตัวไม่ถูก ได้แต่กอบโกยสูดอากาศเข้าปากจนหน้าอกกระเพื่อมดันเสียดสีกับมัดกล้ามตึงขนัดเขาก้มมองใบหน้าหวานที่เริ่มแดงระเรื่อ จดจ้องแต่กับโพรงปากนุ่มนั่นที่ทำเขาเสียความเป็นตัวเอง เขายกมือร้อนโอบแก้มเนียนแล้วเชยคงมนขึ้น อ่อยด้วยสายตาหวานซึ้งแล้วโน้มใบหน้าลงมาอีกรอบหญิงสาวหันหน้าหลบหลีกแรงรับดูดดื่มแต่ติดว่ายังอยู่ในอ้อมกอดเขา ปล่อยปลายจมูกโด่งคลอเคลียไปตามกรอบหน้าและแก้มนุ่ม หลับตาสูดกลิ่นหอมแล้วกดจมูกฝังไปกับก้อนแก้มขาวผ่อง" พอแ
ระหว่างรอทุกคนละเมียดละไมกับอาหารตรงหน้า ไม่รู้จะแอ๊บผู้ดีอะไรหนักหนา หญิงสาวยกแก้วไวน์ทรงสวยขึ้น หมุนข้อมือเบาๆ แล้วดมกลิ่นอายก่อนจะค่อยๆ จิบแล้วเบ้หน้า" รสนิยมห่วยแตก "" ....... "" แกว่าอะไร! " ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว! แม่เลี้ยงหน้าเขียววางช้อนส้อมดังเคร้ง! หยามกันขนาดนี้ต้องสั่งสอนให้รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่กันบ้าง!" แก่แล้วนอกจากหนังหน้าจะเหี่ยวหูยังตึงอีกเหรอคะ ก็พึ่งพูดไปหยกๆ ว่ารสนิยมห่วยแตก "" อย่างแกมันจะไปรู้อะไร! ขวดนี้น่ะ! ไวน์จากสวนคุณทรงพลเลยนะยะ น้ำหน้าอย่างหล่อนไม่มีปัญญารู้จักคนใหญ่คนโตระดับพื้นที่หรอก " นี่ใหญ่แล้วเหรอ!? ถามจริง!? ทำไมจะไม่รู้จัก ข่าวคาวเหม็นคลุ้งซะขนาดนั้น เด็กรุ่นลูกมันยังฟาดทำเมีย" แล้วนี่คุณช่อเอื้องไปรู้จักคนใหญ่คนโตขนาดนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ ตัวเองก็เป็นแค่รากหญ้าไม่ใช่เหรอ "ปึง!ฝ่ามือหยาบห้านิ้วสวมแหวนโชว์ไปแล้วสามนิ้วตบโต๊ะด้วยโมโห! หายใจเหมือนคนขาดอากาศ ตอนนี้หน้าซีดยิ่งกว่าลูกสาวอีเด็กนรก! อีเด็กฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!" ฉันจะรู้จักได้ยังไงมันก็เรื่องของฉัน! อย่ามาลามปาม แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน " เสียงขุ่นเล็ดลอดจากไรฟัน ถ้ามีแค่มันตอนนี้ห
ร่างสูงยังคงจ้องสายที่โทรเข้ามาไม่หยุด จะเอาอะไรกับเขาอีกวะ!? ผู้หญิงสวยๆ น่ะเขาชอบ แต่มันน่ารำคาญเมื่อรู้ว่าผู้หญิงพวกนั้นเริ่มทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ คนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เขาถอนหายใจก่อนจะกดรับสายเพียงเพราะว่ายังต้องติดต่อกันเรื่องงาน" ครับคุณลูกบัว "" พี่ดินใกล้ถึงรึยังคะ " อีกตั้งสองชั่วโมงจะให้ไปหุงข้าวช่วยรึไงครับ" ยังครับ ผมกำลังเตรียมตัว " ที่จริงไม่ต้องเตรียมอะไรเลยด้วยซ้ำ แค่รอเวลาพร้อมออก" คือจะโทรมาบอกว่า วันนี้พี่สาวที่เคยเล่าให้ฟังอ่ะค่ะ มันกลับมาที่บ้าน ถ้ามันพูดอะไรอย่าไปเชื่อมันนะคะ มันเป็นคนชอบโกหกปลิ้นปล้อน เป็นพวกรู้หน้าไม่รู้ใจ พี่ดินอย่าไปฟังมันเยอะนะคะ " คนฟังส่ายหน้า หากเขาไม่เจอลูกจันทร์ก่อนหน้านี้คงปักใจเชื่อไปบ้าง สุดท้ายก็แต่ตอบรับไปแบบส่งๆ แล้วขออนุญาตวางสายเหลือเวลาอีกพอสมควร พอคิดอะไรได้มือใหญ่ก็กดโทรศัพท์โทรออกอีกครั้ง รอไม่นานปลายสายก็รับ(ว่าไงคุณ)" ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ผมอยากคุยเรื่องโฉนดที่ดิน " คุยเรื่องที่โฉนดตอนนี้เนี่ยนะ!? แต่ก็ดี อะไรๆ จะได้เสร็จไวๆ ฉันบอกว่าอยู่บ้าน ไม่นานรถคันเดิมก็มาจอดรอที่หน้าประตูรั้ว ม
" ขอบคุณที่มาส่งนะคะ " เขามองเธอเปิดประตูลงจากรถไป ไม่ลืมหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วกดกริ่งอยู่หน้าประตูรั้วเป็นไปได้ยังไง!?อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้วะ!?ตอนนี้ในหัวสับสนวุ่นวายกันไปหมด ไม่รู้เลยว่าจะช่วยใครยังไงก่อนดี คงต้องนั่งคุยกับเธอเป็นเรื่องเป็นราวให้กระจ่าง ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโกหกหมกเม็ดแน่ๆเขาถอยรถกลับไปเช็กอินที่โรงแรมเพื่อตั้งหลัก เย็นนี้เขามีนัดทานข้าวกับคุณช่อเอื้อง แน่นอนว่าต้องเจอคนตัวเล็กแน่นอนร่างบางระหงยืนกอดอกรอคนมาเปิดสักพัก ปากเล็กก็ยกยิ้มเพราะมีแม้บ้านกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาทางนี้" สวัสดีค่ะ มาหาใครคะ " แม่บ้านวัยกลางคนยืนจ้องหญิงสาวคุ้นตาที่หน้าประตูก่อนจะค่อยๆ เบิกตากว้าง" คะ...คุณหนู... คุณหนูใช่ไหมคะ " มือสากที่เริ่มมีรอยเหี่ยวย่นรีบลนลานเปิดรั้วให้คนมาใหม่ ก่อนจะน้ำตาคลอด้วยว่าคนตรงหน้าคือคนที่หล่อนคิดถึงมาตลอด" สวัสดีค่ะป้าเพ็ญ สบายดีนะคะ " เธอยิ้มหวาน ยกมือพนมก้มไหว้แม่บ้านที่เธอเคารพ แล้วสวมกอดร่างท้วมอย่างคิดถึง" ฮืออออ คุณหนูจริงๆ ด้วย ป้าคิดถึงคุณหนูมากเลยค่ะ มาๆ ค่ะ รีบเข้าบ้านก่อน ข้างนอกอากาศเย็น " เธอมองตามมือหล่อนที่จูงเข้าไปในบ้านอย่างซาบซึ้ง นอกจ
อาทิตย์นี้หยุดยาวทั้งอาทิตย์เพราะที่มหาวิทยาลัยมีงาน ฉันเลยคิดว่าจะโผล่หัวไปเยี่ยมคนบ้านนั้นสักหน่อย ปล่อยให้อยู่สบายชูคอเป็นเจ้าของบ้านมาตั้งหลายสิบปี พอดีตรงวันครบรอบวันตายของคุณย่า อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนี้ล่ะจริงไหม!?" แกแน่ใจเหรอ ว่าจะไปสู้กับพวกนั้นตัวคนเดียว " ถามเหมือนฉันเป็นนางเอกจิบน้ำส้ม วันนี้นางมานั่งกินข้าวเย็นที่ห้องฉัน กับข้าวนางซื้อมาเสริมบวกกับอาหารที่ฉันทำ" แกอย่าใช้คำว่าสู้ สองแม่ลูกนั่นไม่มีปัญญาหรอก อีกอย่าง...ฉันแค่จะไปเคารพศพคุณย่า ไม่เสียเวลากับพวกสมองนิ่ม " ถ้าสู้จริงก็ไม่เห็นต้องกลัว ถ้าฉันมัวแต่กลัวชาตินี้คงตายไปแล้ว" แล้ววันนี้คุณดินไม่มาทานข้าวด้วยเหรอวะ " มือบางที่กำลังตักข้าวเข้าปากชะงัก ตั้งแต่วันที่เราทานข้าวด้วยกัน ตั้งแต่นั้นมาเขาก็พาตัวเองมาฝากท้องที่นี่เกือบทุกวัน อาทิตย์ละสามสี่วันได้ ช่วงแรกขมิ้นก็ตกใจ แค่พอนานๆ ไปเราก็ชินเหมือนมีเพื่อนเพิ่ม" ไม่รู้ดิ ถ้ามาคงเคาะห้องเองแหละ "ก๊อก ก๊อก ก๊อก สองสาวหันมองหน้าพร้อมกัน พึ่งนินทาหยกๆ ตายยากจริง ร่างระหงลุกออกจากเก้าอี้เดินไปเปิดประตูห้อง ไม่ต้องส่องตาแมวก็รู้ว่าใคร" ไงคุณ ทานข้าวรึยัง " แหม มาตรงเ
เช้าวันต่อมาชายหนุ่มมาเยือนบ้านของช่อเอื้องอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขามั่นใจว่าจะไม่เห็นวิญญาณหรือสิ่งเร้นลับอีกแน่ๆ เพราะเจ้าตัวมาพร้อมพระห้อยคอองค์เบอเริ่มที่ไปเช่ามาจากตลาดพระเมื่อวานตอนค่ำขายาวๆ ก้าวลงจากรถส่วนบุคคลที่เรียกมารับตามแอพพลิเคชันทางโทรศัพท์ สายตาสอดส่องเข้าไปในบริเวณบ้านก็เห็นแต่ความเงียบและหมอกจางๆ ปกคลุม ฤดูหนาวของเมืองเหนือกว่าแดดจะทะลุม่านหมอกออกมาได้ก็เกือบเที่ยงครืดดดดดดดดประตูรั้วบานใหญ่เลื่อนเปิดต้อนรับอีกครั้ง แถมรอบนี้ก็ไม่มีคนมาเปิดเหมือนเดิม' ไม่ใช่หรอกน่า...คุณยายคงไม่มาแต่เช้าหรอกมั้ง ' ก่อนจะยกเท้าก้าวเข้าสู่บริเวณบ้าน ร่างสูงควักสร้อยพระกรอบหนาองค์ดังออกมาจากอกเสื้อ พนมมือพึมพำด้วยใจที่เต้นระส่ำ' ผมมาดีนะครับ เอ่อ...และผมก็คนดีนะครับ' บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางเสร็จก็สบายใจ พอดีกับแม่บ้านที่กำลังเดินตรงมาเชิญเข้าไปในบ้าน หากเขามองขึ้นไปชั้นสอง จะเห็นร่างเลือนรางสวมชุดพื้นเมืองยืนยิ้มอยู่ตรงบานหน้าต่างมุมร่มรื่นวันต่อมาร่างสูงสง่าของดินกำลังเซ็ตผมอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ เย็นนี้ช่วงสี่โมงเขาได้ตอบตกลงเข้าบรรยายเกี่ยวกับกฎหมายให้แก่คณะนิติศาสตร์มอดัง มือใหญ