ช่วงเวลากลางคืนเป็นช่วงเวลาเดียวที่ทุกคนสามารถปลดปล่อยอารมณ์ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเครียดจากเรื่องงานตลอดทั้งวัน เรื่องฮิตอย่างอกหัก แอบรักเพื่อนสนิท หรือแม้แต่อยากแค่มาดื่มเอาบรรยากาศ แต่ไม่ใช่กับเจ้าของหุ้นส่วนของผับอย่างปฐพี
" คุณดิน! แย่แล้วครับ! ลูกค้ามีเรื่องกันตรงลานจอดรถครับ! " การ์ดที่ใกล้ที่สุดรับเรื่องจากหูฟังไร้สายแล้วรีบแจ้งเรื่องมาถึงผู้คุมอำอาจ
" เรื่องแค่นี้ทำไมพวกมึงไม่จัดการ " เสียงราบเรียบจากชายหนุ่มที่ยังคงชงเครื่องดื่มให้เหล่าลูกสาวสาวอย่างไม่ยีหระ
" อีกฝั่งหนึ่งบอกว่ารู้จักกับคุณดิน เธอเลยไม่ยอมครับ " คนรับเรื่องยื่นแก้วคอกเทลส่งให้ลูกค้า ก่อนจะพยักหน้าให้การ์ดนำทางออกไป
เขาเดินตามการ์ดออกไปจนถึงลานจอดรถ ที่เริ่มได้ยินเสียงผู้หญิงทะเลาะด่าทอกันเสียงแหลม
" คุณดิน...ช่วยลี่ด้วยค่ะ อิสองคนนี้มันจะรุมทำร้ายลี่ "
" มึงอย่ามาตอแหล! มึงเป็นคนตบเพื่อนกูก่อน! " เขามองผู้หญิงที่อ้างชื่อตัวเองด้วยสายตาว่างเปล่า และแลไปยังอีกสองสาวที่อีกคนยืนกุมใบหน้าไว้และอีกคนที่ยืนประจันหน้ากับลี่
ผู้หญิงคนนั้น...
หึ
" คุณมาก็ดี! สั่งสอนคนของคุณด้วย! อย่ามาหาเรื่องคนอื่นเหมือนหมาบ้ากัดไม่เลือกแบบนี้! " วันก่อนผู้หญิงอีกคน มาวันนี้ก็อีกคน จู๋มันเป็นทองคำรึไง
" ลูกจันทร์ใจเย็นๆ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวฉันล้างหน้าเอาคราบสกปรกออกก็จบแล้ว "
" ช่างมันได้ไงวะ! แกโดนตบก่อนนะเว้ย! " เธอพยายามกระโจนเข้าหาอีกฝั่งแต่เรียวแขนก็ยังถูกเพื่อนรั้งไว้จากข้างหลัง
" สรุปเรื่องมันเป็นยังไงกันครับ "
" คนของคุณหาว่าเพื่อนฉันเดินเหยียบเท้าแล้วไม่ขอโทษ แล้วมันจะเห็นได้ไงอะว่าเหยียบหางหมาตัวไหน คนเยอะขนาดนั้น! แถมไม่พอยังตามมาหาเรื่องฉันกับเพื่อนถึงลานจอดรถ! "
" นี่มึงว่าใครเป็นหมา! "
" ก็มึงไง เห่าหอนน่ารำคาญ "
" โอเคๆ ใจเย็นกันก่อนนะครับ " สองแขนแกร่งยกขึ้นห้ามทัพ " ลี่ครับ เธอไม่รู้และไม่ได้ตั้งใจจะเหยียบเท้าคุณ ช่างมันเถอะนะครับเรื่องแค่นี้เอง "
" ถ้าคุณดินเห็นว่าอย่างงั้นก็ได้ค่ะ ลี่ไม่เอาเรื่องแล้วก็ได้ " หล่อนทำหน้าฮึดฮัด ก่อนจะรับปากเสียงหวานออเซาะ
" เดี๋ยว! ตบคนอื่นแล้วจะชิ่งไปง่ายๆแบบนี้เหรอ " ทั้งสองหันไปตามเสียงขุ่น เธอยืนจังก้าปกป้องเพื่อนเต็มที่
" แล้วเธอต้องการอะไร "
" เมื่อกี้เธอตบเพื่อนฉัน ถ้าให้เพื่อนฉันตบเธอคืน ก็เป็นอันหายกัน โอเคปะ " ร่างระหงยืนกอดอกยียวน เชิ่ดหน้าท้าทายทวงความยุติธรรมให้เพื่อนสนิท
คู่กรณีเหยียดมองหยั่งเชิง จ้องไปยังคนที่เธอตบเมื่อครู่ด้วยสายตาดูแคลน หึ ตัวเล็กแค่นั้นแรงตบคงเท่ามด " ก็ได้ "
" ขมิ้น จัดการ " เธอหลีกทางให้เพื่อนสนิทขึ้นมายืนประจันหน้า สาวน้อยตัวเล็กสูงแค่ไหล่เพื่อนใบหน้าจิ้มลิ้มที่แก้มฝั่งซ้ายมีรอยแดง แต่สายตา...เอาเรื่อง
รู้จักอิขมิ้นน้อยไป!
ปากอมชมพูยักยิ้ม ง้างแขนขึ้นสุดแล้ว...
เพี๊ยะ!!!
คนหน้าบางโดนตบจนโซเซ ถ้าไม่มีร่างสูงคอยประคองคงล้มพับไปกับพื้น หล่อนสะบัดหน้ามึนเบลอด้วยน้ำหนักมือของคนตัวเล็กตรงหน้า
ยัยตัวเล็กนี่มือหนักมาก!
" ไปกันเถอะลูกจันทร์ ฉันสบายใจแระ "
" โอเค ยืนอยู่ตรงนี้นานๆ ฉันก็จะอ้วกเหมือนกัน " สองสาวเพื่อนซี้ยักไหล่ปรายตาส่งท้าย ก่อนจะสะบัดบ๊อบออกจากวงสนทนา
" เดี๋ยวครับ " สองสาวหยุดเดิน เอี้ยวหน้ามาตั้งคำถาม " มีอะไรอีก "
" เดี๋ยวลี่เข้าไปข้างในก่อนนะครับ ผมขอคุยธุระสักครู่ " เขาบอกหล่อนที่ยืนเบียดกันอยู่ข้างๆ จนหล่อนจำใจปล่อยแขนแกร่งแล้วเดินฟึดฟัดเข้าข้างใน
ร่างสูงก้าวเข้าใกล้ผู้พิทักษ์เพื่อนสนิท สายตาคมมองใบหน้าสวยหวานอย่างพินิจพิจารณา " เดี๋ยวผมไปส่ง "
" ขอบคุณ แต่ไม่ต้อง ฉันไม่ใช่เด็กคุณ " เรียวขายาวก้าวเข้ามาข้างหน้าอีกนิด เธอไม่ถอยหนีแต่กลับจ้องคนตัวสูงเขม่น ใบหน้าคมโน้มลงมาแค่เล็กน้อยก็สนิทชิดแก้มนวล เปล่งเสียงเบาหวิวแค่ได้ยินใกล้ๆ
" มีคนแอบตามคุณ หลบอยู่หลังเสาซ้ายมือถัดจากเราแค่สองล็อก " เธอเบิกตาตกใจ แต่ไม่ตื่นตูม สบตากับเขาเพื่อแน่ใจว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง
ลูกจันทร์ทำท่ายกมือขึ้นมานวดคอ หันซ้ายขวากวาดตามองรอบๆแบบผ่านๆ แต่สายตาก็ดันไปสะดุดกับหัวไหล่ใครบ้างคนที่โผล่พ้นมุมเสา
เขาโก่งคิ้วเชิงเค้นตำตอบ จนเธอจำใจพยักหน้าเดินนำเขาไปที่รถ จนเพื่อนตัวเล็กสะกิดมือเรียกระหว่างทาง " เกิดอะไรขึ้นแก "
" เดี๋ยวขึ้นรถแล้วจะเล่าให้ฟัง " เธอยื่นกุญแจรถให้ชายหนุ่มแล้วเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับขึ้นไปนั่ง เพื่อจะได้คุยสะดวกๆ
" คุณไปมีปัญหากับใครมารึเปล่า " คนขับถามเสียงเครียด ตาก็จ้องทางไปด้วย
" ไม่มีนะ "
" เดี๋ยวผมให้คนเช็คกล้องวงจรให้แล้วกัน " ตาคมจ้องถนนและมองกระจกหลังบ้าง เป็นอย่างที่เขาคิด ผู้ชายสองคนนั่นขับรถตามพวกเธอมา
" มีรถตามเรามา คุณลองดูสิว่าคุ้นๆบ้างรึเปล่า " สองสาวรีบหันไปมองข้างหลัง ปรากฎรถเก๋งสีดำสนิท เธอจะไปรู้ได้ยังไงกัน รถแบบนี้คนอื่นก็ขับกันทั่วไป แต่จะจำป้ายทะเบียนไว้แล้วกัน
" ไม่เคยเห็นอะ "
รถมินิสีหวานเลี้ยวเข้าคอนโดที่พัก ถอยจอดเข้าซองเรียบร้อยพร้อมดับเครื่องยนต์
" เดี๋ยว! คุณรู้ได้ไงว่าพวกเราพักที่นี่ " นี่เขาน่ากลัวกว่าพวกที่แอบตามฉันอีกปะ
" ผมก็พักที่นี่เหมือนกัน พวกคุณพักชั้นไหนล่ะ " เรื่องอะไรจะบอก
" แล้วรถคุณล่ะ "
" จอดไว้นั่นแหละ ไว้ค่อยเข้าไปเอา " ลืมไป ว่าผับนั่นมีเขาเป็นเจ้าของ
ทั้งสามลงจากรถมุ่งหน้าเข้ากล่องลิฟต์สีเงิน นิ้วเรียวกดชั้นที่ตนกับเพื่อนพัก เธอแลดูคนตัวสูงที่ยืนกอดอกพิงผนังลิฟต์ " คุณอยู่ชั้นไหน "
" ชั้นเดียวกับพวกคุณ "
ทั้งสามเดินออกจากมา เลี้ยวไปตามทางเดินก่อนจะหยุดอยู่หน้าห้องใครห้องมัน เธอกับเพื่อนพักอยู่ห้องติดกันอันนี้เป็นเรื่องปกติ แต่เขานี่สิ!
เขาพักห้องตรงข้ามกับเธอ!
คล้อยหลังขมิ้นปิดประตูเข้าห้อง หญิงสาวหันหลังเรียกคนตัวสูงก่อนที่เขาจะปิดประตู
" เดี๋ยว! "
" ..... "
" เมื่อกี้ขอบคุณนะที่ช่วย แล้วก็ฉันอยากได้คลิปกล้องวงจรที่ลานจอดรถ คุณจะส่งให้ฉันได้วันไหน "
" เอาไลน์มาสิ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงคุณจะได้คลิปนั่น " มือบางล้วงโทรศัพท์ปลดล็อกหน้าจอแลกไลน์กับคนตรงหน้า ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องตัวเอง
ฉันรีบเดินเข้าห้องนอน กางโน้ตบุ๊คบนเตียงแล้วไล่ดูรูปที่เคยเก็บไว้มาหลายปี
ฉันไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ถ้ามันจะมี ก็มีแค่คนเดียว คนที่คอยตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันมาตลอด เป็นมันคนเดียวที่พรากความสุขของฉันไป และเป็นมันคนเดียว! ที่คอยจะกำจัดฉันอยู่ตลอดเวลา
อย่าคิดว่าฉันจะอ่อนแอยอมโดนทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว!
ติ๊ง!เสียงไลน์บนจอสว่างจ้า มือเรียวรีบขึ้นมาปลดล็อกแล้วกดดูรวดเร็วทันใจ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเหมือนโฆษณาภาพเคลื่อนไหวภายในคลิปเป็นมุมของลานจอดรถสลัวๆ ปรากฎผู้ชายสองคนแต่งตัวเหมือนมาเที่ยวปกติ พอดูไปสักพักหนึ่งในสองคนนั้นยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเธอ ยืนหลบอยู่มุมเสาตั้งแต่เธอกับเพื่อนเดินมาและมีเรื่องกันติ๊ง!คลิปที่สองเป็นมุมของภายในผับที่สองคนนี้เปิดโต๊ะ พวกมันเปิดโต๊ะใกล้ๆเธอ แถมยังหันไปมองโต๊ะเธอกับเพื่อนบ่อยๆเห็นหน้าไม่ชัดแต่ก็พอจำกรอบหน้าเค้าโครงได้ ถามว่าคุ้นไหม ไม่เลยจ้าLine ลูกจันทร์ : ขอบคุณมากค่ะ สำหรับข้อมูล ไว้ฉันจะเลี้ยงข้าวตอบแทนนะดิน : ไม่อยากกินข้าว อยากกินอย่างอื่นมากกว่าครับลูกจันทร์ : อยากกินอะไร เลือกมาดิน : ...(สติกเกอร์กำลังคิด)ดิน : คิดไม่ออก ขอติดไว้ก่อนนะ รอสะสมเยอะๆแล้วจะขอทีเดียว ได้ไหมครับลูกจันทร์ : แล้วแต่คุณเลยพูดเหมือนต้องมีเรื่องให้ช่วยเหลือกันตลอดเวลา แต่ช่างเถอะ อยางน้อยคืนนี้ถ้าไม่ได้เขาช่วยก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน3 วันต่อมาสนามบินนานาชาติเชียงใหม่เวลา 9:20 นาฬิการ่างสูงสวมเชิ้ตคอจีนสีกรมท่าส่วนเรียวขาแกร่งรับกับกางเกงแสล็คเนื้อดี
เลือดในกายหนุ่มสูบฉีดอย่างบ้าคลั่ง แข่งกันพล่านวุ่นทุกโสตประสาท ไหนจะมือไม้ที่เย็นเฉียบไหนจะเส้นผมและไรขนต่างๆที่เหมือนจะพร้อมใจกันลุกผะ...ผมขอกลับไปตั้งหลักที่กรุงเทพแล้วกลับมาใหม่ได้รึเปล่าครับ ให้ตายเถอะ! ไม่ได้เตรียมใจมาเลยว่าต้องมาเจอเรื่องลี้ลับแบบนี้ อย่างน้อยถ้ารู้ว่าจะพบเจออะไรแบบนี้คงยืมพระของพ่อสักสี่ห้าองค์ติดกระเป๋ามาด้วยแล้วพ่อไม่เห็นบอกกันเลย!สิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่านี่ไม่ใช่ทางเลยครับ หลีกได้ก็หลีกให้สุด เหลี่ยงไม่ได้ก็เหมือนผมตอนนี้ ทำใจแข็งแล้วเดินตามเจ้าบ้านเข้าไป" เชิญนั่งก่อนค่ะ แล้วลูกบัวอยู่ไหน " หล่อนผายมือเชิญแขกที่โต๊ะอาหารใหญ่ก่อนจะหันไปถามหาลูกสาวสุดที่รักจากสาวใช้ที่กำลังตักข้าวเสิร์ฟในจาน" คุณลูกบัวเตรียมผลไม้อยู่ในครัวค่ะ "" ไปเรียกมาได้แล้ว แขกมาถึงแล้ว " สาวใช้วันละอ่อนก้มหัวน้อมรับแล้วหันหลังกลับเข้าไปในครัว" ค่ะคุณแม่ " ผมหันไปตามเสียงหวานเพราะพริ้ง ร่างอ้อนแอ้นอรชรบวกกับผิวขาวเปล่งปลั่งเดินมาแล้วหย่อนกายนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับผม" สวัสดีค่ะ คุณทนายใช่ไหมคะ "" ครับผม สวัสดีครับ " ผมมองเธอตรงหน้า จ้องตาซุกซนนั่นราวกับคำเชื้อเชิญ เธอสวยใสตามแ
เช้าวันต่อมาชายหนุ่มมาเยือนบ้านของช่อเอื้องอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขามั่นใจว่าจะไม่เห็นวิญญาณหรือสิ่งเร้นลับอีกแน่ๆ เพราะเจ้าตัวมาพร้อมพระห้อยคอองค์เบอเริ่มที่ไปเช่ามาจากตลาดพระเมื่อวานตอนค่ำขายาวๆ ก้าวลงจากรถส่วนบุคคลที่เรียกมารับตามแอพพลิเคชันทางโทรศัพท์ สายตาสอดส่องเข้าไปในบริเวณบ้านก็เห็นแต่ความเงียบและหมอกจางๆ ปกคลุม ฤดูหนาวของเมืองเหนือกว่าแดดจะทะลุม่านหมอกออกมาได้ก็เกือบเที่ยงครืดดดดดดดดประตูรั้วบานใหญ่เลื่อนเปิดต้อนรับอีกครั้ง แถมรอบนี้ก็ไม่มีคนมาเปิดเหมือนเดิม' ไม่ใช่หรอกน่า...คุณยายคงไม่มาแต่เช้าหรอกมั้ง ' ก่อนจะยกเท้าก้าวเข้าสู่บริเวณบ้าน ร่างสูงควักสร้อยพระกรอบหนาองค์ดังออกมาจากอกเสื้อ พนมมือพึมพำด้วยใจที่เต้นระส่ำ' ผมมาดีนะครับ เอ่อ...และผมก็คนดีนะครับ' บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางเสร็จก็สบายใจ พอดีกับแม่บ้านที่กำลังเดินตรงมาเชิญเข้าไปในบ้าน หากเขามองขึ้นไปชั้นสอง จะเห็นร่างเลือนรางสวมชุดพื้นเมืองยืนยิ้มอยู่ตรงบานหน้าต่างมุมร่มรื่นวันต่อมาร่างสูงสง่าของดินกำลังเซ็ตผมอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ เย็นนี้ช่วงสี่โมงเขาได้ตอบตกลงเข้าบรรยายเกี่ยวกับกฎหมายให้แก่คณะนิติศาสตร์มอดัง มือใหญ
อาทิตย์นี้หยุดยาวทั้งอาทิตย์เพราะที่มหาวิทยาลัยมีงาน ฉันเลยคิดว่าจะโผล่หัวไปเยี่ยมคนบ้านนั้นสักหน่อย ปล่อยให้อยู่สบายชูคอเป็นเจ้าของบ้านมาตั้งหลายสิบปี พอดีตรงวันครบรอบวันตายของคุณย่า อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนี้ล่ะจริงไหม!?" แกแน่ใจเหรอ ว่าจะไปสู้กับพวกนั้นตัวคนเดียว " ถามเหมือนฉันเป็นนางเอกจิบน้ำส้ม วันนี้นางมานั่งกินข้าวเย็นที่ห้องฉัน กับข้าวนางซื้อมาเสริมบวกกับอาหารที่ฉันทำ" แกอย่าใช้คำว่าสู้ สองแม่ลูกนั่นไม่มีปัญญาหรอก อีกอย่าง...ฉันแค่จะไปเคารพศพคุณย่า ไม่เสียเวลากับพวกสมองนิ่ม " ถ้าสู้จริงก็ไม่เห็นต้องกลัว ถ้าฉันมัวแต่กลัวชาตินี้คงตายไปแล้ว" แล้ววันนี้คุณดินไม่มาทานข้าวด้วยเหรอวะ " มือบางที่กำลังตักข้าวเข้าปากชะงัก ตั้งแต่วันที่เราทานข้าวด้วยกัน ตั้งแต่นั้นมาเขาก็พาตัวเองมาฝากท้องที่นี่เกือบทุกวัน อาทิตย์ละสามสี่วันได้ ช่วงแรกขมิ้นก็ตกใจ แค่พอนานๆ ไปเราก็ชินเหมือนมีเพื่อนเพิ่ม" ไม่รู้ดิ ถ้ามาคงเคาะห้องเองแหละ "ก๊อก ก๊อก ก๊อก สองสาวหันมองหน้าพร้อมกัน พึ่งนินทาหยกๆ ตายยากจริง ร่างระหงลุกออกจากเก้าอี้เดินไปเปิดประตูห้อง ไม่ต้องส่องตาแมวก็รู้ว่าใคร" ไงคุณ ทานข้าวรึยัง " แหม มาตรงเ
" ขอบคุณที่มาส่งนะคะ " เขามองเธอเปิดประตูลงจากรถไป ไม่ลืมหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วกดกริ่งอยู่หน้าประตูรั้วเป็นไปได้ยังไง!?อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้วะ!?ตอนนี้ในหัวสับสนวุ่นวายกันไปหมด ไม่รู้เลยว่าจะช่วยใครยังไงก่อนดี คงต้องนั่งคุยกับเธอเป็นเรื่องเป็นราวให้กระจ่าง ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโกหกหมกเม็ดแน่ๆเขาถอยรถกลับไปเช็กอินที่โรงแรมเพื่อตั้งหลัก เย็นนี้เขามีนัดทานข้าวกับคุณช่อเอื้อง แน่นอนว่าต้องเจอคนตัวเล็กแน่นอนร่างบางระหงยืนกอดอกรอคนมาเปิดสักพัก ปากเล็กก็ยกยิ้มเพราะมีแม้บ้านกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาทางนี้" สวัสดีค่ะ มาหาใครคะ " แม่บ้านวัยกลางคนยืนจ้องหญิงสาวคุ้นตาที่หน้าประตูก่อนจะค่อยๆ เบิกตากว้าง" คะ...คุณหนู... คุณหนูใช่ไหมคะ " มือสากที่เริ่มมีรอยเหี่ยวย่นรีบลนลานเปิดรั้วให้คนมาใหม่ ก่อนจะน้ำตาคลอด้วยว่าคนตรงหน้าคือคนที่หล่อนคิดถึงมาตลอด" สวัสดีค่ะป้าเพ็ญ สบายดีนะคะ " เธอยิ้มหวาน ยกมือพนมก้มไหว้แม่บ้านที่เธอเคารพ แล้วสวมกอดร่างท้วมอย่างคิดถึง" ฮืออออ คุณหนูจริงๆ ด้วย ป้าคิดถึงคุณหนูมากเลยค่ะ มาๆ ค่ะ รีบเข้าบ้านก่อน ข้างนอกอากาศเย็น " เธอมองตามมือหล่อนที่จูงเข้าไปในบ้านอย่างซาบซึ้ง นอกจ
ร่างสูงยังคงจ้องสายที่โทรเข้ามาไม่หยุด จะเอาอะไรกับเขาอีกวะ!? ผู้หญิงสวยๆ น่ะเขาชอบ แต่มันน่ารำคาญเมื่อรู้ว่าผู้หญิงพวกนั้นเริ่มทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ คนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เขาถอนหายใจก่อนจะกดรับสายเพียงเพราะว่ายังต้องติดต่อกันเรื่องงาน" ครับคุณลูกบัว "" พี่ดินใกล้ถึงรึยังคะ " อีกตั้งสองชั่วโมงจะให้ไปหุงข้าวช่วยรึไงครับ" ยังครับ ผมกำลังเตรียมตัว " ที่จริงไม่ต้องเตรียมอะไรเลยด้วยซ้ำ แค่รอเวลาพร้อมออก" คือจะโทรมาบอกว่า วันนี้พี่สาวที่เคยเล่าให้ฟังอ่ะค่ะ มันกลับมาที่บ้าน ถ้ามันพูดอะไรอย่าไปเชื่อมันนะคะ มันเป็นคนชอบโกหกปลิ้นปล้อน เป็นพวกรู้หน้าไม่รู้ใจ พี่ดินอย่าไปฟังมันเยอะนะคะ " คนฟังส่ายหน้า หากเขาไม่เจอลูกจันทร์ก่อนหน้านี้คงปักใจเชื่อไปบ้าง สุดท้ายก็แต่ตอบรับไปแบบส่งๆ แล้วขออนุญาตวางสายเหลือเวลาอีกพอสมควร พอคิดอะไรได้มือใหญ่ก็กดโทรศัพท์โทรออกอีกครั้ง รอไม่นานปลายสายก็รับ(ว่าไงคุณ)" ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ผมอยากคุยเรื่องโฉนดที่ดิน " คุยเรื่องที่โฉนดตอนนี้เนี่ยนะ!? แต่ก็ดี อะไรๆ จะได้เสร็จไวๆ ฉันบอกว่าอยู่บ้าน ไม่นานรถคันเดิมก็มาจอดรอที่หน้าประตูรั้ว ม
ระหว่างรอทุกคนละเมียดละไมกับอาหารตรงหน้า ไม่รู้จะแอ๊บผู้ดีอะไรหนักหนา หญิงสาวยกแก้วไวน์ทรงสวยขึ้น หมุนข้อมือเบาๆ แล้วดมกลิ่นอายก่อนจะค่อยๆ จิบแล้วเบ้หน้า" รสนิยมห่วยแตก "" ....... "" แกว่าอะไร! " ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว! แม่เลี้ยงหน้าเขียววางช้อนส้อมดังเคร้ง! หยามกันขนาดนี้ต้องสั่งสอนให้รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่กันบ้าง!" แก่แล้วนอกจากหนังหน้าจะเหี่ยวหูยังตึงอีกเหรอคะ ก็พึ่งพูดไปหยกๆ ว่ารสนิยมห่วยแตก "" อย่างแกมันจะไปรู้อะไร! ขวดนี้น่ะ! ไวน์จากสวนคุณทรงพลเลยนะยะ น้ำหน้าอย่างหล่อนไม่มีปัญญารู้จักคนใหญ่คนโตระดับพื้นที่หรอก " นี่ใหญ่แล้วเหรอ!? ถามจริง!? ทำไมจะไม่รู้จัก ข่าวคาวเหม็นคลุ้งซะขนาดนั้น เด็กรุ่นลูกมันยังฟาดทำเมีย" แล้วนี่คุณช่อเอื้องไปรู้จักคนใหญ่คนโตขนาดนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ ตัวเองก็เป็นแค่รากหญ้าไม่ใช่เหรอ "ปึง!ฝ่ามือหยาบห้านิ้วสวมแหวนโชว์ไปแล้วสามนิ้วตบโต๊ะด้วยโมโห! หายใจเหมือนคนขาดอากาศ ตอนนี้หน้าซีดยิ่งกว่าลูกสาวอีเด็กนรก! อีเด็กฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!" ฉันจะรู้จักได้ยังไงมันก็เรื่องของฉัน! อย่ามาลามปาม แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน " เสียงขุ่นเล็ดลอดจากไรฟัน ถ้ามีแค่มันตอนนี้ห
มือบางขย้ำกำปกชุดคลุมหนา ภายในอกสั่นระรัวยิ่งตอนลิ้นหนากวาดต้อนให้เธอจนมุมเผลอตอบรับเรียวลิ้นร้ายแบบเงอะๆ งะๆ คนตัวโตรู้ได้ทันทีว่าเธอแทบจะไม่ประสีประสากับเรื่องพันธุ์นี้ ไม่เป็นไร...เขาจะสอนเธอเองเขาจะเอาประสบการณ์ทั้งหมดที่สั่งสมมาอัดสอนให้เธอคนเดียววงแขนแกร่งรวบรัดร่างนุ่มนิ่มแน่นขึ้น สอนประสบการณ์แลกลิ้นจนแข้งขาเรียวอ่อนแรง เธอกำลังจะขาดอากาศหายใจ จากขย้ำชุดหนาแปรเปลี่ยนเป็นกำมือน้อยๆ แล้วทุบไหล่กว้าง ปึกๆ" อื้มมมม จุ๊บ " เขาจำใจปล่อยริมฝีปากบางหวานล้ำ แต่ยังคงดูดคงกัดหยอกล้อกับกลีบปากล่างอมชมพูเข้มอย่างสิเหน่หาหัวเธอหมุนติ้ว มึนเบลอกับคนมากประสบการณ์จนทำตัวไม่ถูก ได้แต่กอบโกยสูดอากาศเข้าปากจนหน้าอกกระเพื่อมดันเสียดสีกับมัดกล้ามตึงขนัดเขาก้มมองใบหน้าหวานที่เริ่มแดงระเรื่อ จดจ้องแต่กับโพรงปากนุ่มนั่นที่ทำเขาเสียความเป็นตัวเอง เขายกมือร้อนโอบแก้มเนียนแล้วเชยคงมนขึ้น อ่อยด้วยสายตาหวานซึ้งแล้วโน้มใบหน้าลงมาอีกรอบหญิงสาวหันหน้าหลบหลีกแรงรับดูดดื่มแต่ติดว่ายังอยู่ในอ้อมกอดเขา ปล่อยปลายจมูกโด่งคลอเคลียไปตามกรอบหน้าและแก้มนุ่ม หลับตาสูดกลิ่นหอมแล้วกดจมูกฝังไปกับก้อนแก้มขาวผ่อง" พอแ
แรงอารมณ์ยังไม่ทันได้ดับมอด แถมตอนนี้กำลังพัดกระพือโหมหนักขึ้นเรื่อยๆ จนยากจะดับ อยากอัดอีกสักรอบเขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ไม่เคยอยากลิ้มลองรสชาติของผู้หญิงคนไหนซ้ำๆ ขนาดนี้มาก่อนจดจ้องมองแต่ดวงตากลมโตที่น่าดึงดูดนั่นนี่กูเป็นเอามาก...อยากจัดแต่เธอซ้ำๆสงสัยคงเห่อของใหม่แหละน่า...มือที่ประคองใบหน้าเริ่มลูบไล้ฉันด้วยไอร้อน ลากต่ำลงไปเรื่อยๆ ผ่านลำคอระหง เกลี่ยหลังมือตามแนวคาดไหล่แล้วดันฉันให้นอนหงาย จากนั้นก็จับฉันพลิกคว่ำทาบทับตัวตนลงมาไอความร้อนที่เขาแผ่ออกมาจากกายหนาที่แนบชิดทำฉันร้อนรุ่ม ก้มใบหน้ามาสูดดมความหอมแล้วกระซิบด้วยเสียงกระเส่าที่เขาเป่ารดหลังใบหูด้วยความซ่านกระสัน" ด้วยความสัตย์จริง! ผมโคตรอยากเอาคุณตอนนี้เลย! " เขาแลบลิ้นร้อนเลียกระตุ้นแล้วงับเบาๆ ที่ติ่งหูน้อยๆ เขยื้อนเอวสอบหยอกล้อลำกายแข็งขัดกับสะโพกผายให้ตายเถอะ! อารมณ์ฉันมันเหวี่ยงกลับมาอีกแล้ว! วูบวาบหวั่นไหวแถมตรงนั้นเริ่มมีน้ำซึมขมิบถี่กับการรุกรานอันน่าหวาดเสียว" ลูกจันทร์ล่ะครับ...อยากหรือเปล่า? "ฉันไม่ตอบเขาก็เบียดเอวหนาแรงขึ้น บดหัวเห็ดถูไถขึ้นลงกับร่องเล็กที่เปียกแฉะ " อ่าาา คุณอยากอีกแล้ว " ช่วงล่างที่ร้อ
ฉันจ้องหน้าคนข้างบนด้วยใจที่เต้นระรัว ชุดนอนหลุดลุ่ย เสื้อไปทางกางเกงไปทาง สมองยังไม่ทันคิดคำตอบ ปากร้อนๆ ก็กดทับลงมา" อืมมมม " ฉันหลับตารับสัมผัสอุ่นที่บดจูบฉันด้วยอารมณ์ที่คั่งค้าง เขากวาดเลียตามริมฝีปากล่างช้าๆ ก่อนจะกัดเบาๆ แล้วดูดดึงราวกับมันเขี้ยว แทรกเรียวลิ้นเกี่ยวต้อนฉันในอุ้งปากชื้นแฉะ" อื้มมม...ดูดลิ้นผม " สมองรับคำสั่งทำตามอย่างว่าง่าย ยกมือคล้องคอหนาแล้วเอียงหน้าปรับองศาจูบตอบคนข้างบนอย่างโหยหา เขาจูบเก่ง เร่าร้อน มือใหญ่ที่สะเปะสะปะเริ่มลูบลามลงข้างล่างตามส่วนโค้งเว้าเต็มมือ ปลดกระดุมแหวกสาบเสื้อ กุมเต้าอวบได้ก็เฟ้นฟ้อน ก่อนจะละจากปากหวานแล้วเริ่มจูบซับลงมาตามคอระหงฉันปล่อยอารมณ์ไปตามสัญชาตญาณที่ถูกปลุก แอ่นหน้าอกให้เขาเลีย เผลอกางขากว้างตอบรับลำเอ็นแข็งตอนเขาถูไถขึ้นลงลิ้นสากปาดเลียเม็ดชมพูเล็กกลางยอด บีบแล้วงับเต็มปากรัวปลายลิ้นจนเธอแอ่นโค้ง" อ๊า! " ฉันสอดง่ามนิ้วตามไรผมดกดำแล้วกำแน่น เขาทำฉันเสียวมาก ท่าจะยั่วเยขนาดนี้ก็จัดมาเถอะ! ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเหมือนตามหนังเอวีที่เคยดูหรือเปล่า!?เต้าซ้ายยังโดนรุกด้วยลิ้นอุ่นๆ ส่วนอีกข้างก็โดนขย้ำบีบบี้ยอดถันจนแข็
ปฐพียืนกอดอกจ้องประตูห้องน้ำ ครุ่นคิดว่าจะลองชวนเธออาบน้ำด้วยกันเลยดีไหมนะ จะได้สนิทกันมากขึ้น? แต่คิดไปคิดมาหรือจะพอแค่นี้ก่อนดี กลัวเธอจะสำลักความรู้ไปมากกว่านี้ คิดได้ดังนั้นจึงถอยหลังกลับไปนั่งปลายเตียงรอพรึบ!ทว่าจู่ๆ ไฟก็ดับ แถมข้างนอกยังมีลมแรงและพายุฝนที่กระหน่ำเหมือนพายุคลั่ง ลำพังแค่ฝนตกมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขา แต่ประเด็นคือไฟมันดับด้วยไง!มันไม่ได้ปะคนตัวโตหันซ้ายขวากำมือแน่น บังคับให้สมองคิดบวกหลอกตัวเองว่าเดี๋ยวสักพักไฟคงมา แต่ไม่เลย! ยิ่งลมกระโชกแรงยิ่งได้ยินเสียงเหมือนกำลังฟังซาวด์หนังผี!ให้ตายเถอะ!ปึง! ปึง! ปึง!" คุณ!!! เปิดประตูห้องน้ำให้หน่อย!! " มือหนาแทบพังประตูห้องน้ำ ทุบไปก็เสียวสันหลังไป" ลูกจันทร์!!! ผมเข้าไปอยู่ด้วยยยยย!!! "ประตูห้องน้ำถูกกระชากเปิดจากคนข้างในมองตาขวางผ่านความมืด" เฮ้ย!!! "" ฉันเอง!!! " จะตกใจอะไรหนักหนา!! กะอีแค่ไฟดับเนี่ย!" เป็นอะไร " ฉันยืนเท้าสะเอวจ้องร่างตะคุ่มในความมืด เสียงโวยวายทุบประตูห้องน้ำนึกว่ามีใครตายร่างหนาพุ่งประชิดหลานเจ้าของบ้าน สายตาล่อกแล่กกำชุดคลุมของเธอแน่น " คุณ...ไฟดับอะ " รู้แล้วว่าไฟดับ! ก็เห็นอยู่ไหม!ค
มือบางขย้ำกำปกชุดคลุมหนา ภายในอกสั่นระรัวยิ่งตอนลิ้นหนากวาดต้อนให้เธอจนมุมเผลอตอบรับเรียวลิ้นร้ายแบบเงอะๆ งะๆ คนตัวโตรู้ได้ทันทีว่าเธอแทบจะไม่ประสีประสากับเรื่องพันธุ์นี้ ไม่เป็นไร...เขาจะสอนเธอเองเขาจะเอาประสบการณ์ทั้งหมดที่สั่งสมมาอัดสอนให้เธอคนเดียววงแขนแกร่งรวบรัดร่างนุ่มนิ่มแน่นขึ้น สอนประสบการณ์แลกลิ้นจนแข้งขาเรียวอ่อนแรง เธอกำลังจะขาดอากาศหายใจ จากขย้ำชุดหนาแปรเปลี่ยนเป็นกำมือน้อยๆ แล้วทุบไหล่กว้าง ปึกๆ" อื้มมมม จุ๊บ " เขาจำใจปล่อยริมฝีปากบางหวานล้ำ แต่ยังคงดูดคงกัดหยอกล้อกับกลีบปากล่างอมชมพูเข้มอย่างสิเหน่หาหัวเธอหมุนติ้ว มึนเบลอกับคนมากประสบการณ์จนทำตัวไม่ถูก ได้แต่กอบโกยสูดอากาศเข้าปากจนหน้าอกกระเพื่อมดันเสียดสีกับมัดกล้ามตึงขนัดเขาก้มมองใบหน้าหวานที่เริ่มแดงระเรื่อ จดจ้องแต่กับโพรงปากนุ่มนั่นที่ทำเขาเสียความเป็นตัวเอง เขายกมือร้อนโอบแก้มเนียนแล้วเชยคงมนขึ้น อ่อยด้วยสายตาหวานซึ้งแล้วโน้มใบหน้าลงมาอีกรอบหญิงสาวหันหน้าหลบหลีกแรงรับดูดดื่มแต่ติดว่ายังอยู่ในอ้อมกอดเขา ปล่อยปลายจมูกโด่งคลอเคลียไปตามกรอบหน้าและแก้มนุ่ม หลับตาสูดกลิ่นหอมแล้วกดจมูกฝังไปกับก้อนแก้มขาวผ่อง" พอแ
ระหว่างรอทุกคนละเมียดละไมกับอาหารตรงหน้า ไม่รู้จะแอ๊บผู้ดีอะไรหนักหนา หญิงสาวยกแก้วไวน์ทรงสวยขึ้น หมุนข้อมือเบาๆ แล้วดมกลิ่นอายก่อนจะค่อยๆ จิบแล้วเบ้หน้า" รสนิยมห่วยแตก "" ....... "" แกว่าอะไร! " ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว! แม่เลี้ยงหน้าเขียววางช้อนส้อมดังเคร้ง! หยามกันขนาดนี้ต้องสั่งสอนให้รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่กันบ้าง!" แก่แล้วนอกจากหนังหน้าจะเหี่ยวหูยังตึงอีกเหรอคะ ก็พึ่งพูดไปหยกๆ ว่ารสนิยมห่วยแตก "" อย่างแกมันจะไปรู้อะไร! ขวดนี้น่ะ! ไวน์จากสวนคุณทรงพลเลยนะยะ น้ำหน้าอย่างหล่อนไม่มีปัญญารู้จักคนใหญ่คนโตระดับพื้นที่หรอก " นี่ใหญ่แล้วเหรอ!? ถามจริง!? ทำไมจะไม่รู้จัก ข่าวคาวเหม็นคลุ้งซะขนาดนั้น เด็กรุ่นลูกมันยังฟาดทำเมีย" แล้วนี่คุณช่อเอื้องไปรู้จักคนใหญ่คนโตขนาดนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ ตัวเองก็เป็นแค่รากหญ้าไม่ใช่เหรอ "ปึง!ฝ่ามือหยาบห้านิ้วสวมแหวนโชว์ไปแล้วสามนิ้วตบโต๊ะด้วยโมโห! หายใจเหมือนคนขาดอากาศ ตอนนี้หน้าซีดยิ่งกว่าลูกสาวอีเด็กนรก! อีเด็กฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!" ฉันจะรู้จักได้ยังไงมันก็เรื่องของฉัน! อย่ามาลามปาม แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน " เสียงขุ่นเล็ดลอดจากไรฟัน ถ้ามีแค่มันตอนนี้ห
ร่างสูงยังคงจ้องสายที่โทรเข้ามาไม่หยุด จะเอาอะไรกับเขาอีกวะ!? ผู้หญิงสวยๆ น่ะเขาชอบ แต่มันน่ารำคาญเมื่อรู้ว่าผู้หญิงพวกนั้นเริ่มทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ คนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เขาถอนหายใจก่อนจะกดรับสายเพียงเพราะว่ายังต้องติดต่อกันเรื่องงาน" ครับคุณลูกบัว "" พี่ดินใกล้ถึงรึยังคะ " อีกตั้งสองชั่วโมงจะให้ไปหุงข้าวช่วยรึไงครับ" ยังครับ ผมกำลังเตรียมตัว " ที่จริงไม่ต้องเตรียมอะไรเลยด้วยซ้ำ แค่รอเวลาพร้อมออก" คือจะโทรมาบอกว่า วันนี้พี่สาวที่เคยเล่าให้ฟังอ่ะค่ะ มันกลับมาที่บ้าน ถ้ามันพูดอะไรอย่าไปเชื่อมันนะคะ มันเป็นคนชอบโกหกปลิ้นปล้อน เป็นพวกรู้หน้าไม่รู้ใจ พี่ดินอย่าไปฟังมันเยอะนะคะ " คนฟังส่ายหน้า หากเขาไม่เจอลูกจันทร์ก่อนหน้านี้คงปักใจเชื่อไปบ้าง สุดท้ายก็แต่ตอบรับไปแบบส่งๆ แล้วขออนุญาตวางสายเหลือเวลาอีกพอสมควร พอคิดอะไรได้มือใหญ่ก็กดโทรศัพท์โทรออกอีกครั้ง รอไม่นานปลายสายก็รับ(ว่าไงคุณ)" ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ผมอยากคุยเรื่องโฉนดที่ดิน " คุยเรื่องที่โฉนดตอนนี้เนี่ยนะ!? แต่ก็ดี อะไรๆ จะได้เสร็จไวๆ ฉันบอกว่าอยู่บ้าน ไม่นานรถคันเดิมก็มาจอดรอที่หน้าประตูรั้ว ม
" ขอบคุณที่มาส่งนะคะ " เขามองเธอเปิดประตูลงจากรถไป ไม่ลืมหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วกดกริ่งอยู่หน้าประตูรั้วเป็นไปได้ยังไง!?อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้วะ!?ตอนนี้ในหัวสับสนวุ่นวายกันไปหมด ไม่รู้เลยว่าจะช่วยใครยังไงก่อนดี คงต้องนั่งคุยกับเธอเป็นเรื่องเป็นราวให้กระจ่าง ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโกหกหมกเม็ดแน่ๆเขาถอยรถกลับไปเช็กอินที่โรงแรมเพื่อตั้งหลัก เย็นนี้เขามีนัดทานข้าวกับคุณช่อเอื้อง แน่นอนว่าต้องเจอคนตัวเล็กแน่นอนร่างบางระหงยืนกอดอกรอคนมาเปิดสักพัก ปากเล็กก็ยกยิ้มเพราะมีแม้บ้านกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาทางนี้" สวัสดีค่ะ มาหาใครคะ " แม่บ้านวัยกลางคนยืนจ้องหญิงสาวคุ้นตาที่หน้าประตูก่อนจะค่อยๆ เบิกตากว้าง" คะ...คุณหนู... คุณหนูใช่ไหมคะ " มือสากที่เริ่มมีรอยเหี่ยวย่นรีบลนลานเปิดรั้วให้คนมาใหม่ ก่อนจะน้ำตาคลอด้วยว่าคนตรงหน้าคือคนที่หล่อนคิดถึงมาตลอด" สวัสดีค่ะป้าเพ็ญ สบายดีนะคะ " เธอยิ้มหวาน ยกมือพนมก้มไหว้แม่บ้านที่เธอเคารพ แล้วสวมกอดร่างท้วมอย่างคิดถึง" ฮืออออ คุณหนูจริงๆ ด้วย ป้าคิดถึงคุณหนูมากเลยค่ะ มาๆ ค่ะ รีบเข้าบ้านก่อน ข้างนอกอากาศเย็น " เธอมองตามมือหล่อนที่จูงเข้าไปในบ้านอย่างซาบซึ้ง นอกจ
อาทิตย์นี้หยุดยาวทั้งอาทิตย์เพราะที่มหาวิทยาลัยมีงาน ฉันเลยคิดว่าจะโผล่หัวไปเยี่ยมคนบ้านนั้นสักหน่อย ปล่อยให้อยู่สบายชูคอเป็นเจ้าของบ้านมาตั้งหลายสิบปี พอดีตรงวันครบรอบวันตายของคุณย่า อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนี้ล่ะจริงไหม!?" แกแน่ใจเหรอ ว่าจะไปสู้กับพวกนั้นตัวคนเดียว " ถามเหมือนฉันเป็นนางเอกจิบน้ำส้ม วันนี้นางมานั่งกินข้าวเย็นที่ห้องฉัน กับข้าวนางซื้อมาเสริมบวกกับอาหารที่ฉันทำ" แกอย่าใช้คำว่าสู้ สองแม่ลูกนั่นไม่มีปัญญาหรอก อีกอย่าง...ฉันแค่จะไปเคารพศพคุณย่า ไม่เสียเวลากับพวกสมองนิ่ม " ถ้าสู้จริงก็ไม่เห็นต้องกลัว ถ้าฉันมัวแต่กลัวชาตินี้คงตายไปแล้ว" แล้ววันนี้คุณดินไม่มาทานข้าวด้วยเหรอวะ " มือบางที่กำลังตักข้าวเข้าปากชะงัก ตั้งแต่วันที่เราทานข้าวด้วยกัน ตั้งแต่นั้นมาเขาก็พาตัวเองมาฝากท้องที่นี่เกือบทุกวัน อาทิตย์ละสามสี่วันได้ ช่วงแรกขมิ้นก็ตกใจ แค่พอนานๆ ไปเราก็ชินเหมือนมีเพื่อนเพิ่ม" ไม่รู้ดิ ถ้ามาคงเคาะห้องเองแหละ "ก๊อก ก๊อก ก๊อก สองสาวหันมองหน้าพร้อมกัน พึ่งนินทาหยกๆ ตายยากจริง ร่างระหงลุกออกจากเก้าอี้เดินไปเปิดประตูห้อง ไม่ต้องส่องตาแมวก็รู้ว่าใคร" ไงคุณ ทานข้าวรึยัง " แหม มาตรงเ
เช้าวันต่อมาชายหนุ่มมาเยือนบ้านของช่อเอื้องอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขามั่นใจว่าจะไม่เห็นวิญญาณหรือสิ่งเร้นลับอีกแน่ๆ เพราะเจ้าตัวมาพร้อมพระห้อยคอองค์เบอเริ่มที่ไปเช่ามาจากตลาดพระเมื่อวานตอนค่ำขายาวๆ ก้าวลงจากรถส่วนบุคคลที่เรียกมารับตามแอพพลิเคชันทางโทรศัพท์ สายตาสอดส่องเข้าไปในบริเวณบ้านก็เห็นแต่ความเงียบและหมอกจางๆ ปกคลุม ฤดูหนาวของเมืองเหนือกว่าแดดจะทะลุม่านหมอกออกมาได้ก็เกือบเที่ยงครืดดดดดดดดประตูรั้วบานใหญ่เลื่อนเปิดต้อนรับอีกครั้ง แถมรอบนี้ก็ไม่มีคนมาเปิดเหมือนเดิม' ไม่ใช่หรอกน่า...คุณยายคงไม่มาแต่เช้าหรอกมั้ง ' ก่อนจะยกเท้าก้าวเข้าสู่บริเวณบ้าน ร่างสูงควักสร้อยพระกรอบหนาองค์ดังออกมาจากอกเสื้อ พนมมือพึมพำด้วยใจที่เต้นระส่ำ' ผมมาดีนะครับ เอ่อ...และผมก็คนดีนะครับ' บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางเสร็จก็สบายใจ พอดีกับแม่บ้านที่กำลังเดินตรงมาเชิญเข้าไปในบ้าน หากเขามองขึ้นไปชั้นสอง จะเห็นร่างเลือนรางสวมชุดพื้นเมืองยืนยิ้มอยู่ตรงบานหน้าต่างมุมร่มรื่นวันต่อมาร่างสูงสง่าของดินกำลังเซ็ตผมอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ เย็นนี้ช่วงสี่โมงเขาได้ตอบตกลงเข้าบรรยายเกี่ยวกับกฎหมายให้แก่คณะนิติศาสตร์มอดัง มือใหญ