หลี่ชิงเฟิงเลิกคิ้วแล้วพูดว่า "เรียกคนอื่นว่าไอ้คนชั้นต่ำทุกคำ ในสายตาของคุณแล้วเงินทองเทียบเท่ากับเกียรติยศศักดิ์ศรีได้หรือเปล่า? เงินทองมีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดนักรึไง ถึงได้ทำให้คุณเที่ยวดูถูกดูแคลนไปเสียทุกสิ่งอย่าง?" คุณหวังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา "ไอ้ขี้แพ้อย่างแกคิดจะมาสั่งสอนเรื่องหลักการกับฉันงั้นรึ?" "ฉันรู้ว่าแกไม่มีเงินก็เลยทำให้แกต้องพูดแบบนี้ เมื่อไรที่แกมีเงิน แกก็จะเข้าใจว่าเงินทองสำคัญที่สุด!" "แต่คนชั้นต่ำอย่างแกคงไม่มีวันเข้าใจหรอก เพราะว่าพวกเรามันคนละชั้นกันยังไงล่ะ" "เศษสวะอย่างแกเกิดมาก็เพื่อขับเหงื่อหลั่งเลือดให้คนรวยอย่างพวกเรา" "ต่อให้วันนี้ฉันฆ่าแกไป แกเชื่อไหมล่ะว่า ฉันก็ยังอยู่รอดปลอดภัยได้อยู่ดี?" เมื่อโต้วโต่วเจอคำขู่ของคุณหวัง เธอที่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็กระซิบบอกหลี่ชิงเฟิงว่า "พ่อคะ ขอโทษกันเถอะ..." "ถ้าชุยเสี่ยวกังไม่อยากนั่งกับหนู งั้นหนูจะย้ายไปที่อื่น..." คุณหวังเอ่ยขัดขึ้นมาทันทีว่า "ไม่ใช่ย้ายไปที่อื่น แต่ย้ายไปโรงเรียนอื่นต่างหากล่ะ! นังแพศยาน้อย ถ้าหากพรุ่งนี้ฉันเห็นแกมาที่โรงเรียนอีกล่ะก็ ฉันจะกรีดหน้าแกซะ! ต่อให้แกอยากจะขาย
ชุยข่ายดวงตากลัดเลือดเสียแล้ว เขาพร้อมลูกน้องของตนเองคว้าเก้าอี้มาแล้วขว้างไปข้างหน้าโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง! หลี่ชิงเฟิงที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ก็ปกป้องโต้วโต่วเอาไว้ข้างหลังแล้วพูดว่า "บริษัทขนส่งไห่ลี่ก่อตั้งเมื่อห้าปีก่อนด้วยทุนจดทะเบียนสองล้านหยวน เมื่อสี่ปีก่อนจัดหาเงินทุนรอบแรกได้สี่ล้านห้าแสนหยวน เมื่อปีที่แล้วจัดหาเงินทุนรอบที่สองได้หกล้านหยวน..." ก่อนที่หลี่ชิงเฟิงจะทันได้พูดให้จบ ชุยข่ายก็ตกตะลึงแล้วยื่นมือไปห้ามคนของตัวเองไว้ เขาหลี่ชิงเฟิงด้วยสายตาเคลือบแคลงแล้วเอ่ยเสียงเย็นขึ้นมาว่า "แกรู้ได้ยังไงกัน?" หลี่ชิงเฟิงจึงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า "ฉันก็แค่ตรวจสอบประวัติความเป็นมาของแกมาบ้างแล้วก็เท่านั้นเอง" คุณหวังที่อยู่ข้างหลังพลันตะโกนขึ้นมาทันทีว่า "นี่มันความสามารถอะไรกันล่ะเนี่ย! แค่ตรวจสอบในอินเตอร์เน็ตก็รู้แล้ว! แกคิดจะหลอกใครกัน!" หลี่ชิงเฟิงยิ้มจาง ๆ "ฉันรู้มาว่าบริษัทของแกมีผู้ถือหุ้นมากกว่าหนึ่งราย มีสามรายใช่ไหมล่ะ?" "ถ้าหากบริษัทของแกเกิดล้มละลายขึ้นมาตอนนี้ล่ะก็ ลองเดาดูซิว่าสามคนนั้นจะจัดการกับแกยังไง?" หลังจากหลี่ชิงเฟิงพูดจบ เขาก็ยกยิ้มประหลาดข
ศีรษะของชุยข่ายส่งเสียงดังอื้ออึง! คำพูดของผู้จัดการยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเขา! กะ...กำลังจะล้มละลายจริง ๆ! สมองของเขาว่างเปล่าขาวโพลน! กระทั่งภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ ผลักเขานั่นแหละถึงได้รู้สึกตัว... "สามี...คุณ...ดูสิ..." ชุยข่ายหันหน้าไปแล้วมองเหม่อไปทางหลี่ชิงเฟิง... หลี่ชิงเฟิงยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น แต่พวกลูกน้องของเขากลับนอนเกลื่อนพื้นไปหมดแล้ว บ้างก็กระอักเลือด บ้างก็หมดสติไปและบ้างก็นอนคุดคู้อยู่กับพื้นพร้อมส่งเสียงร้องโหยหวน... ทันใดนั้นทั่วทั้งห้องเรียนก็เงียบสงัด! หลี่ชิงเฟิงเงยหน้ามองชุยข่ายพลางยกยิ้มมุมปาก "เป็นยังไงบ้างล่ะ? ผู้จัดการของแกน่าจะโทรมาหาแกแล้วใช่ไหมล่ะ?" ชุยข่ายค่อย ๆ เดินเข้ามาหาหลี่ชิงเฟิงแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "กะ...แกเป็นใครกันแน่?" "ฉันเป็นแค่พ่อคนหนึ่ง พ่อของหลี่โต้วโต่ว" หลังจากหลี่ชิงเฟิงพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นจูงมือของหลี่โต้วโต่วแล้วเดินออกไป คราวนี้ชุยข่ายไม่กล้าขวางเขาอีก เมื่อคุณหวังเห็นหลี่ชิงเฟิงกำลังจะเดินออกไป เธอก็รีบวิ่งเข้ามาหาชุยข่าย "ทำไมคุณถึงปล่อยมันไปเล่า! มันตบลูกของพวกเรานะ!" "ไปลงนรกเสียเถอะ! นังผู้หญิงไร
โต้วโต่วมองชุยเสี่ยวกังด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองใจ! เขาไม่ควรเรียกฉันว่าผีวัณโรค! ทั้งยังไม่ควรหัวเราะเยาะและรังแกฉันต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้น! ฉันไม่ใช่ผีวัณโรคสักหน่อย! โต้วโต่วหน้าตาแดงก่ำแล้วกำหมัดน้อย ๆ เอาไว้เสียแน่น! เธอกำลังพยายามที่จะยกโทษให้ครอบครัวของชุยเสี่ยวกัง เมื่อหลี่ชิงเฟิงเห็นเช่นนี้ เขาย่อมรู้ดีว่าโต้วโต่วกำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงยิ้มแล้วกุมมือของเธอไว้พลางเอ่ยเสียงเบาว่า "โต้วโต่ว ไม่เป็นไรหรอก ถ้าหนูยกโทษให้พวกมัน พ่อก็จะไม่เล่นงานพวกมันอีก แต่ถ้าลูกไม่ยกโทษให้พวกมัน ก็ให้พ่อจัดการเรื่องที่เหลือเอง" "ไม่ต้องหนักใจหรอก" "พวกมันล่วงเกินหนู และนี่ก็คือบทลงโทษที่พวกมันสมควรจะได้รับ" หลี่โต้วโต่วก้มหน้าและลังเลใจอยู่นาน ในที่สุดเธอก็คลายฝ่ามือออก... "ชุยเสี่ยวกัง วันหน้าอย่ารังแกฉันอีกก็แล้วกัน ฉันยกโทษให้นายก็ได้" โต้วโต่วเอ่ยเสียงเบา เมื่อชุยข่ายได้ยินเช่นนี้เข้า เขาก็พลันวางหินก้อนใหญ่ในใจลงได้ทันที เขานั่งลงกับพื้นด้วยความอ่อนแรงแล้วปาดเหงื่อเย็น ๆ... หลี่ชิงเฟิงยิ้ม "ดี งั้นก็ยกโทษให้พวกมันก็แล้วกัน" "ชุยข่าย ลูกสาวของฉันเมตตามากแล้วนะ ฉันหวั
หลี่ชิงเฟิงพาโต้วโต่วไปทานอาหารที่เคเอฟซี จากนั้นก็ไปส่งเธอที่โรงเรียนแล้วเตรียมตัวไปทำงาน เมื่อมาถึงบริษัท ทันทีที่เขาเดินเข้าไปก็เห็นสภาพระเกะระกะไปทั่วทุกหนแห่ง เอกสารเกลื่อนไปทั่วพื้น โต๊ะทำงานบิดเบี้ยวโค้งงอและมีรอยเท้าเต็มไปหมด แวบแรกที่เห็นยังนึกว่าบริษัทโดนปล้น! "เกิดอะไรขึ้นน่ะ?" หลี่ชิงเฟิงเอ่ยถาม ในตอนนี้เอง หลานหลานก็วิ่งมาจากข้างนอกด้วยสีหน้าซีดขาว เมื่อเธอเห็นหลี่ชิงเฟิงก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก! เธอคว้าแขนเขาไว้แล้วพยายามลากเขาออกมาข้างนอก หลี่ชิงเฟิงสะบัดมือเธอออกแล้วถามด้วยความรู้สึกสับสน "เกิดอะไรขึ้นน่ะ? ทำไมห้องทำงานถึงได้ตกอยู่ในสภาพแบบนั้นล่ะ?" หลานหลานเสียงสั่น "เมื่อสักครู่นี้มีคนมากมายเข้ามาถามว่าคุณอยู่ที่นั่นหรือเปล่า?" "บรรดาเพื่อนร่วมงานคิดจะไล่พวกมันออกไป แต่กลับโดนพวกมันทำร้ายเอา จะ...จากนั้นพวกมันก็ทุบทำลายห้องทำงาน!" "น่ากลัวเหลือเกินค่ะ!" หลานหลานเกือบจะร้องไห้ออกมากลางคันแล้ว เนื่องจากเพิ่งจะเรียนจบมาได้ไม่นาน เธอจึงไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนั้นมาก่อน! หลี่ชิงเฟิงขมวดคิ้ว "รปภ. ในบริษัทกับจ้าวเทียนชื่อไปอยู่ที่ไหนกัน? พวกเขากล
ตอนที่จ้าวเทียนชื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ฮ่าวเทียนก็พาเขาไปที่โรงงานร้างในแถบชานเมืองแล้วมัดไว้กับเก้าอี้ผุ ๆ พัง ๆ อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นเน่าเหม็นเหมือนไม่มีใครอยู่ที่นี่มาแรมปี มีฝุ่นและขยะอยู่ทั่วทุกหนแห่ง มันเป็นแหล่งรวมตัวของสุนัขจรจัด จ้าวเทียนชื่อคิดจะลุกขึ้น แต่กลับพบว่าตัวเองถูกมัดเอาไว้กับเก้าอี้ผุ ๆ พัง ๆ จนขยับตัวไม่ได้เลย "ฮ่าวเทียน! แกบ้าไปแล้วรึไง! กล้าดียังไงถึงได้มัดฉันไว้?" "ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ!" จ้าวเทียนชื่อร้องตะโกนออกไปนอกโรงงาน ไม่นานฮ่าวเทียนพร้อมด้วยคนอีกหลายคนก็ค่อย ๆ เดินเข้ามา เมื่อต้องเจอสายตาคมกล้าของจ้าวเทียนชื่อ ฮ่าวเทียนกลับไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด เขาถึงขนาดผุดยิ้มจาง ๆ ขึ้นมาอีกต่างหาก "คุณจ้าว มันก็แค่พนักงานคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องปกป้องมันขนาดนี้หรอกน่า นี่ไม่เหมือนนิสัยของคุณเลยนะ!" "โทรเรียกมันมาแล้วผมจะปล่อยคุณไป" "นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป น้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง[1] ว่ายังไงล่ะ?" ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ จ้าวเทียนชื่ออาจจะตอบตกลงไปแล้ว อย่างไรเสียฮ่าวเทียนคนนี้ก็มีชื่อเสียงเรื่องที่เป็นคนบ้าและเขาก็ไม่อยากจะยั่วโมโหอีกฝ่าย แต่เขาต้องการจัดการก
รปภ. กล่าวพลางจ้องมองพวกเขาด้วยสายตาข่มขู่ หลี่ชิงเฟิงยิ้มเย็นชา "บอกให้บอสของแกมาปรากฏตัวตรงหน้าฉันภายในสิบนาที ไม่งั้นล่ะก็ฉันจะทำลายที่นี่ซะ" "แกเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้วใช่ไหม! ฉัน..." ตู้ม! รปภ. ที่เพิ่งจะชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงรู้สึกราวกับถูกรถชนจนปลิวออกไปทันที! ปัง! ในเวทีกรงขังรูปแปดเหลี่ยมที่นักมวยสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด จู่ ๆ ก็มีคนร่วงลงมาจากท้องฟ้า สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ทุกคนรวมทั้งนักมวยด้วย! ผู้ชมที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ! ตอนนี้สายตาทุกคู่ต่างทอดมองมาที่หลี่ชิงเฟิงกับเย่เซียว ผู้ที่ลงมือก็คือเย่เซียว! เย่เซียวที่สวมชุดดำยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมด้วยพลังอันแกร่งกล้า! "นี่มันเรื่องบ้าบออะไรวะเนี่ย! เมื่อสักครู่นี้มีคนปลิวมางั้นรึ? เป็นคนจริง ๆ ใช่ไหม?" "นี่มันสัตว์ประหลาดแบบไหนกัน! ถึงได้ซัดคนไปกว่าสิบเมตร?" ท่าทีตอบสนองของผู้ชมรุนแรงกว่าใครเพื่อนไปชั่วขณะ พวกเขาไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดแบบเย่เซียวมาก่อนเลย หลังจากนั้นไม่นาน ก็มี รปภ. กลุ่มใหญ่วิ่งเข้ามา! ท่ามกลาง รปภ. พวกนั้น หลี่ชิงเฟิงเห็นคนที่นำหน้าเป็นชายร่างก
ราชสีห์คลั่งลงมือว่องไวราวสายฟ้า! ถึงแม้ว่าเขาจะมีร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่ความเร็วในการโจมตีของเขาก็ทำให้ทุกคนต้องปากอ้าตาค้าง! เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานของพลกำลังและความว่องไวได้อย่างสมบูรณ์แบบ! ผู้ชมทุกคนต่างร้องอุทาน! บางคนขลาดกลัวเสียจนต้องปิดตาเอาไว้! นี่คือราชสีห์คลั่ง! พลังโจมตีเพียงครั้งเดียวของเขาก็บดขยี้ร่างให้เป็นชิ้น ๆ ได้แล้ว! เย่เซียวกอดอกอยู่นิ่ง ๆ จนกระทั่งราชสีห์คลั่งจวนจะประชิดตัวแล้วค่อยตอบโต้! "แกช้าเกินไปแล้ว!" ราชสีห์คลั่งหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังแล้วเขวี้ยงหมัดใส่ศีรษะของเย่เซียว! เย่เซียวยกยิ้มมุมปาก! พลั่ก! เมื่อเสียงทึบดังขึ้น! ทุกคนต่างดวงตาเบิกกว้างเพราะอยากรู้ว่าเย่เซียวตายไปแล้วหรือไม่! แต่เมื่อทุกคนก็ต้องตกตะลึง เมื่อพวกเขาเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า! เย่เซียวยังยืนนิ่งโดยไม่ขยับตัวแม้สักนิ้วเดียว หมัดของเขาถูกเย่เซียวใช้มือเดียวรับเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย! รอยยิ้มอิ่มอกอิ่มใจของราชสีห์คลั่งค่อย ๆ เลือนหายไปทีละนิด จากนั้นกลับแทนที่ด้วยความตื่นตระหนกและประหลาดใจ! เป็นไปไม่ได้! ไม่มีใครสามารถต้านทานหมัดที่พกพาพลังทั้งหมดของฉันได้หรอกน่า! ไ
"พ่อไม่ไปนะ!" จู่ ๆ เซี่ยเทาก็แผดเสียงร้องพลางกระโดดข้ามโซฟาแล้ววิ่งไปที่ประตูหลัง! เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายตอบสนองว่องไว! เพียงก้าวเดียวก็ประชิดตัวพลางจับเขากดลงกับพื้นแล้วบังคับสวมกุญแจมือ สิบนาทีต่อมา ภายในห้องสอบสวน เสี่ยวอิ๋งนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงนั้นพร้อมด้วยความคิดมากมาย ตำรวจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดูวิดีโอแล้วถามว่า "เท่าที่พวกเราทราบมา คนที่อยู่ในวิดีโอคือเซี่ยเทาพ่อของคุณ ตอนนี้เขาอยู่ห้องข้าง ๆ คุณจะอธิบายสิ่งที่เขาพูดว่ายังไงล่ะ?" เสี่ยวอิ๋งสูดลมหายใจลึก ๆ พลางผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ทำไมคุณถึงไม่ถามเขาเองล่ะคะ?" "แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องถามเขาอยู่แล้ว แต่คุณเป็นลูกสาวของเขา คุณจะไม่รู้เรื่องนี้เลยเชียวเหรอ?" เซี่ยอิ่งลูบคางพลางครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า "จริงด้วยสิ! ดูเหมือนเขาจะเคยบอกว่าทำความผิดร้ายแรงบางอย่างแล้วอยากจะหนีไป! ฉันถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยแถมยังบอกว่ายิ่งฉันรู้ให้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี! วันหน้าให้ฉันดูแลตัวเองให้ดี ๆ..." "พูดต่อไปสิ" "จากนั้น
"จะวิธีอะไร ฉันก็อยากลองดูทั้งนั้น!" เสี่ยวอิ๋งเอ่ยโดยไม่ลังเล "ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก! วิธีไหนฉันก็อยากจะลองดู!" เย่เจี้ยนเหอเงยหน้ามองเธอแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า "โยนความผิดเรื่องทั้งหมดนี้ให้พ่อของเธอแบกรับไว้!" เมื่อเสี่ยวอิ๋งได้ยินเช่นนี้ ศีรษะของเธอก็ส่งเสียงอื้ออึง! ตอนแรกสังเวยคุณย่าไปแล้ว ตอนนี้ถึงทีพ่อของเธอแล้วงั้นเหรอ? เย่เจี้ยนเหอจ้องมองเธอ "ไม่มีเวลาคิดแล้ว จะตกลงหรือจะติดคุก!" "ฉันตกลง! ฉันตกลงค่ะ! ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก คุณอยากให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!" เสี่ยว อิ๋งผงกศีรษะซ้ำไปซ้ำมา เย่เจี้ยนเหอจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า "เดี๋ยวฉันจะเรียกทนายเข้ามา พวกเขาจะบอกเธอว่าต้องพูดหรือทำอะไร จากนั้นเธอก็แค่รอให้ตำรวจเรียกตัว" เสี่ยวอิ๋งผงกศีรษะ "ฉะ...ฉันเข้าใจแล้วค่ะ" พอกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวอิ๋งก็เจอพ่อของเธอ เมื่อทั้งสองคนสบตากัน ดวงตาของเสี่ยวอิ๋งก็ฉายแววน่าหวาดกลัว เซี่ยเทาก็รู้ได้โดยไม่ต้องคิดเลย ลูกสาวของเขารู้เรื่องแล้ว "เสี่ยวอิ๋ง พ่อทำอาหารให้ลูกกินด้วยนะ ดูสิ..." "กินบ้าอะไรเล่า!" เสี่ยวอิ๋งพลันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ขึ้นมาทันที! เธอร
ในสถานการณ์เช่นนี้ ขืนเสี่ยวอิ๋งมัวแต่เข้าไปพัวพันคงได้จบเห่กันพอดี การเก็บเธอไว้น่าจะยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เสี่ยวอิ๋งเองก็เป็นคนฉลาดจึงผงกศีรษะแล้ววิ่งออกทางประตูหลัง... เย่เซียวคิดจะเข้าไปขวาง แต่กลับถูกหลี่ชิงเฟิงห้ามเอาไว้ "ไม่ต้องไล่ตามหรอก วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของหวังเจิ้น อย่าทำอะไรน่าเกลียดเกินไปเท่านี้ก็พอแล้ว" เย่เซียวพยักหน้าแล้วยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำ ในตอนนี้เอง ปี้ไห่เทาก็เดินยิ้มเข้ามา "เหล่าหวัง วันนี้ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ! ทั้ง ๆ ที่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดดี ๆ ที่นายควรจะมีความสุขแท้ ๆ แต่กลับลงเอยแบบนี้เสียได้..." หวังเจิ้นถอนหายใจ "ช่างเถอะ" "เหล่าหวัง ตระกูลเย่ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกหอการค้าเทียนเหมินของพวกเรา เย่เจี้ยนเหอดันพานังคนชั้นต่ำแบบนั้นมาเสียได้ กลับไปเมื่อไหร่ฉันย่อมต้องตำหนิเขาแน่! ฉันจะทำให้เขาจำให้ขึ้นใจเชียวล่ะ! เมื่อพวกเรากลับถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ ไห่เทาย่อมต้องมาขอขมาของแน่นอน" หวังเจิ้นโบกมือ "คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ช่างมันเถอะ ผมไม่ถือสาหรอก" ปี้ไห่เทาพยักหน้าพลางขยิบตาให้เย่เจี้ยนเหอ จากนั้นพวกเขาสองคนก็ก้าวเดินจากไป ขณ
เสี่ยวอิ๋งโมโหจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว เธอชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วด่ากราดว่า "แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! คู่ควรที่จะมอบของขวัญให้ฉันแล้วงั้นเหรอ?" "หุบปากไปซะ พ่อตาของแกโดนซ้อมขนาดนั้น เขยอย่างแกไม่กล้าแม้แต่จะผายลมเสียด้วยซ้ำไป! แกยังกล้ามาก่อเรื่องที่นี่อีกงั้นรึ?" "ถ้าฉันเป็นแกล่ะก็ คงได้โหม่งเสาโทรศัพท์ตายไปแล้ว!" "ไร้ยางอายสิ้นดี!" เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งหน้าแดงก่ำและลำคอแข็ง หลี่ชิงเฟิงกลับยิ่งขบขันพลางกล่าวว่า "ฉันคิดว่าเธอต่างหาก มั้งที่น่าจะเป็นฝ่ายโหม่งเสาโทรศัพท์?" ทันทีที่เขาพูดจบ หน้าจอขนาดยักษ์ข้างหลังล็อบบี้ก็พลันสว่างขึ้น! หลังจากนั้นไม่กี่วินาที แสงก็สลัวลงแล้ววิดีโอก็เริ่มฉายบนหน้าจอขนาดยักษ์ เมื่อเสี่ยวอิ๋งหันหน้าไป สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือเซี่ยเทาที่กำลังนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง โดยมีสาวสวยอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่ข้างกาย! หึ่ง! เสี่ยวอิ๋งศีรษะจวนจะระเบิดอยู่แล้ว! เธอได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น! มันเป็นวิดีโอที่ก่อนหน้านี้หลี่ชิงเฟิงถ่ายเอาไว้นั่นเอง! เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งนิ่งงันไป หลี่ชิงเฟิงก็นิ้มแล้วพูดเสียงดังขึ้นมาว่า "ทุกท่าน ผู้ชายที่อยู่ในวิดี
เงินหลายล้านบาทไม่ได้จ่ายไปโดยไร้ประโยชน์แล้ว! ศาสตราจารย์เฒ่าโดนเขาหลอกเข้าแล้วจริง ๆ! เสี่ยวอิ๋งเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นก็ยิ้มพลางชี้นิ้วมาที่หลี่ชิงเฟิง "ตอนนี้แกจะว่ายังไงเล่า? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าแจกันของแกมันเป็นของปลอม!" "น่าตลกชะมัดเลย! ฉันเสนอทางออกให้ แต่แกกลับยืนกรานที่จะขุดหลุมฝังตัวเองให้ได้! ไม่มีใครห้ามแกได้เลย!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มจาง ๆ แล้วหันมามองศาสตราจารย์หลี่พลางพูดว่า "ศาสตราจารย์หลี่ ช่วยดูขอองผมอีกสักครั้งเถอะครับ" คาดไม่ถึงว่าศาสตราจารย์หลี่จะส่ายหน้าแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "ไม่ต้องดูหรอก" เซี่ยอิ่งหัวเราะพลางกล่าวว่า "แจกันใบนั้นของแกมันปลอมชัดเจนเกินไป! ศาสตราจารย์หลี่ไม่มองให้เสียสายตาหรอก!" ในยามนี้เอง ศาสตราจารย์หลี่ก็เหลือบมองเธอแล้วสายหน้า "สาวน้อย ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย ฉันยังพูดไม่ทันจบเลย ถึงแม้ว่าแจกันใบนี้จะฝีมือยอดเยี่ยมจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่มันเป็นของปลอมจริง ๆ" "ส่วนแจกันของคุณหลี่ ทันทีที่เข้ามาผมก็เห็นแล้วล่ะ มันเป็นของจริง ดังนั้นผมจึงไม่ต้องตรวจดูเลย" หลังจากศาสตราจารย์หลี่พูดจบ ทั้งห้องก็เ
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลี่ชิงเฟิงจะมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนั้น! ปี้ไห่เทาที่คอยสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ แอบรู้สึกว่าชักไม่ได้การเสียแล้ว หลี่ชิงเฟิงคนนี้ดูไม่เหมือนเขยไร้ประโยชน์อย่างที่ข่าวร่ำลือกันเอาไว้เลยสักนิด การที่ยังสามารถสงบนิ่งได้ในภาวะคับขันเช่นนั้น มิหนำซ้ำยังพูดจาเสียคล่องปากและท่าทีเจ้าแผนการของอีกฝ่าย เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบนี้จะเป็นเขยไร้ประโยชน์ไปได้ สิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดคือ ต่อให้อีกฝ่ายจะก่อเรื่องเช่นนั้น แต่หวังเจิ้นที่อยู่ข้าง ๆ กลับไม่มีวี่แววที่จะโมโหเลยสักนิด พวกเขาต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เขาเองก็รู้นิสัยของหวังเจิ้น อีกฝ่ายไม่ใช่ตาเฒ่าที่นิสัยดิบดีอะไรเลย พอปี้ไห่เทานึกได้เช่นนี้ เขาก็ทอดสายตามองเย่เจี้ยนเหออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสายตาหลุกหลิกอยู่บ้าง เขาก็พอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบนี้จะมีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ เสียด้วย ตอนนี้เย่เซียวยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมเจตนาสังหารอันแรงกล้า! เย่เจี้ยนเหอกับเสี่ยวอิ๋งหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัวไปชั่วขณะ ไม่นานปี้ไห่เทาก็ลุกขึ้นแล้วมองหลี่ชิงเฟิงด้วยสายตาเย็นชา "ทำแบบนี้
"ฉุดเศรษฐกิจให้ดิ่งลงเหวงั้นรึ? ถ้าทุกคนทำตัวเป็นไอ้เศษสวะชอบหลอกกินข้าวนิ่มอย่างแก ประเทศชาติก็คงจะพินาศไปตั้งนานแล้ว!" "ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี! แกมันก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งแท้ ๆ กล้าดียังไงถึงได้มาหัวเราะเยาะใส่พวกเรา?" ในตอนนี้เอง จู่ ๆ หวังเจิ้นที่เอาแต่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ตบโต๊ะ! ทุกคนพลันหุบปากฉับ! หวังเจิ้นแววตามืดมน เขาเหลือบมองทุกคนแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า "พวกคุณหมายความว่ายังไงกัน? คิดจะก่อจลาจลในงานเลี้ยงวันเกิดของผมรึไง? พวกคุณไม่เห็นแก่หน้าผมเลย! คิดจะทำอะไรกันแน่!" เมื่อหวังเจิ้นโกรธขึ้นมา แม้แต่ปี้ไห่เทาก็ยังไม่กล้าล่วงเกิน นับประสาอะไรกับพวกเขากันเล่า "เหล่าหวัง ได้โปรดใจเย็นลงก่อนเถอะ เอาแบบนี้เป็นยังไง เพื่อจะได้รู้ว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบไหนเป็นของจริงใบไหนเป็นของปลอม คุณก็แค่เชิญผู้เชี่ยวชาญให้มาประเมินก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" "คุณเองคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงของเก่ามานานหลายปี เช่นนั้นก็น่าจะรู้จักผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้เยอะอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ?" หวังเจิ้นถอนหายใจพลางพยักหน้าแล้วพูดว่า "ก็ได้! ในเมื่อพวกคุณอยากเถียงกันดีนัก งั้นก็มาทำให้เรื่องนี้กระจ่างกันไปเลย
หลังจากหลี่ชิงเฟิงพูดจบ ทุกคนก็ตะลึงงันไปชั่วขณะแล้วหัวเราะลั่น! เสี่ยวอิ๋งกับเย่เจี้ยนเหอหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง จากนั้นพวกเขาก็ชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วพูดว่า "แกมันขี้โม้จนไม่เลือกเวลาจริง ๆ พับผ่าสิ! ลำพังแค่คุยโวโอ้อวดต่อหน้าพ่อตาโง่ ๆ ของแกไม่พอ แต่ยังจะมาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าพวกเราอีกงั้นเหรอ?" ปี้ไห่เทาที่อยู่อีกด้านเองก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยแววดูถูกดูแคลน "ลำพังแค่พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ผ่านโลกมามากกว่าแกถึงสิบชาติภพรวมกันเสียอีก แกกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ คิดว่าพวกเราโง่หรือไงกัน?" "ผ่านโลกมามาก? คุณคิดว่าตัวเองผ่านโลกมามากแล้วงั้นรึ?" หลี่ชิงเฟิงยิ้มเหยียดหยันพลางเอ่ยเสียงทุ้มลึก "วันนี้ผมจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคุณเองก็แล้วกัน เย่เซียว เอาของขวัญของพวกเราออกมา" เย่เซียวผงกศีรษะ จากนั้นเขาก็หยิบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนออกมาจากกล่องแล้ววางลงต่อหน้าทุกคน ทันทีที่พวกเขาเห็นแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวน ทุกคนก็ถูกแจกันใบนั้นดึงดูดความสนใจเข้าแล้วจริง ๆ เย่เจี้ยนเหอหน้าถอดสีแล้วตรวจสอบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้วให้รู้สึกสับสน ฝีมือช่างวิจิตรประณีตนัก!
เย่เจี้ยนเหอยิ้มเหยียดหยัน "แกคิดจะแข่งกับฉันงั้นรึ? ก็ได้ ฉันจะเอาออกมาให้แกได้เปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน ฉันขอพนันเลยว่าชั่วชีวิตแกน่าจะได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ" หลังจากเย่เจี้ยนเหอพูดจบก็ดีดนิ้ว จากนั้นผู้ช่วยคนงามที่อยู่ข้างหลังก็รีบเดินเข้ามา ของขวัญของอีกฝ่ายเองก็อยู่ในกล่อง มิหนำซ้ำยังมีขนาดพอ ๆ กับของเขาอีกต่างหาก เย่เจี้ยนเหอยิ้มอวดดีแล้วพูดว่า "มหาเศรษฐีหวัง ผมได้ยินมาว่าคุณชอบสะสมของเก่ามากทีเดียว ดังนั้นผมจึงสั่งให้เพื่อนที่อยู่ต่างประเทศประมูลของสิ่งนี้มาให้คุณเป็นพิเศษ เชิญดูเอาเองเถอะครับ!" หลังจากพูดจบ ผู้ช่วยสาวก็เปิดกล่องแล้วสายตาของทุกคนก็ทอดมองมาที่มือของผู้ช่วยสาว! แจกันลายครามใบหนึ่งค่อย ๆ เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา! เมื่อหลี่ชิงเฟิงเห็นแจกันใบนี้ก็ถึงกับตะลึงงัน... ช่างเหมือนกับแจกันลายครามที่เขาซื้อมาไม่มีผิดเพี้ยนเลย! เขาเหลือบมองเย่เซียวที่อยู่ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเย่เซียวก็เอ่ยกระซิบข้างหูว่า "เป็นของปลอมแน่ ๆ ครับ" ในยามนี้เอง เย่เจี้ยนเหอก็หยิบแจกันขึ้นมาแล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคนแล้วพูดเสียงดังว่า "แจกันลายครามสมัยราชวงศ์ห