เปรี้ยง——! ! ! หลี่ชิงเฟิงโรยตัวลงมาด้วยความว่องไวสุดขีด! ราวกับดาวตกที่ชักนำให้เกิดภาพตามติดขึ้นกลางอากาศ! ในที่สุดเมื่อเขาร่อนลงสู่พื้นแล้ว พื้นซีเมนต์ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็พลันแตกเป็นเสี่ยง ๆ! เศษหินร่วงกราวไปทั่วทุกหนแห่ง! ชวนให้ผู้สัญจรไปมาถึงกับกรีดร้อง! ชั่วเสี้ยววินาทีสุดท้ายที่หลี่ชิงเฟิงมาถึง! เขาก็เอื้อมมือไปคว้าตัวเซี่ยเซียนอินแล้วกอดเธอเอาไว้แน่น ตอนนี้เซี่ยเซียนอินที่หายใจรวยริน หลงเหลือสติสัมปชัญญะเพียงราง ๆ คนที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้าคือหลี่ชิงเฟิงจริง ๆ ใช่ไหม? ในช่วงเวลานั้น เธอก็ยิ้มออกมา... ว่ากันว่าคนเราจะได้เห็นคนที่พวกเขาคิดถึงมากที่สุดก่อนตาย ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริงเสียด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นภาพลวงตา ฉันก็มีความสุขเหลือเกินที่ได้พบผู้ชายคนนี้อีกครั้ง ต่อให้เขาจะตายไปแล้วก็เถอะ... "ชิงเฟิง..." "ถ้าเป็นเรื่องจริงก็คงจะดี...." หลี่ชิงเฟิงดวงตาแดงก่ำ เขาไม่นึกเลยว่าตนเองจะได้กลับมาพบกับผู้หญิงที่ตรึงติดอยู่ในใจมานานถึงหกปีภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น... "เซียนอิน เป็นผมจริง ๆ! ผมกลับมาแล้ว!" ทว่าเซี่ยเซียนอินกลับไม่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ เพราะหล
ต้าหู่สติพร่าเลือนนับครั้งไม่ถ้วน หลังจากร่วงตกลงมาก็ทำให้แขนของเขาบิดเบี้ยวผิดรูปจนเขาอยากจะตายเสียให้พ้น ๆ ไป แต่เจ้าคนที่ราวกับปีศาจมารร้ายผู้นั้นกลับไม่ยอมปล่อยเขาไป! หลี่ชิงเฟิงเหลือบมองเขาแล้วค่อย ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า "ปลุกให้มันตื่น" เย่เซียวผงกศีรษะแล้วหยิบเข็มออกมาจากกระเป๋าคาดเอว ข้างในเป็นยาสูตรลับของอสูรรัตติกาล การต่อสู้ในสนามรบแถบโพ้นทะเลตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้นักรบของอสูรรัตติกาลทุกคนจะต้องเตรียมของพวกนี้เพื่อใช้สู้ตายกับศัตรูในสถานการณ์เข้าตาจน! เมื่อแทงเข็มเล่มนี้ลงไป! ต้าหู่ก็ฟื้นตื่นขึ้นมา! เขาสูดหายใจลึก ๆ พร้อมอ้าปากกว้าง! ดวงตากลัดเลือดกลับถูกปลุกกระตุ้นจนถึงขีดสุด! ยาสูตรลับตำรับนี้สามารถกระตุ้นพลกำลังของคนได้! ต่อให้เป็นคนใกล้จะตายที่เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติอยู่ได้ทั้งวัน! พูดง่าย ๆ ก็คือต้าหู่จะไม่ตายเดี๋ยวนี้ แต่เขาจะรู้สึกเจ็บปวด! นอกจากนั้นความเจ็บปวดเช่นนี้ก็จะขยายวงกว้างอีกหลายเท่าตัวเพราะเส้นประสาทถูกกระตุ้น! "พี่ใหญ่! ผมผิดไปแล้วจริง ๆ! ปล่อยผมไปเถอะนะ!" ต้าหู่ทั้งเจ็บปวดและตื่นตระหนก หลอดเลือดและเส้นประ
หลังจากชายชราพูดจบก็หยิบไม้เท้าขึ้นมาจากเล้าหมูแล้วถีบประตูรั้วให้เปิดอีกครั้ง โต้วโต่วที่กำลังนอนอยู่บนลอมฟางรู้สึกหวาดกลัวมากเสียจนร่างเล็ก ๆ สั่นสะท้านและดวงตาเบิกกว้าง นั่นมันแววตาแบบไหนกัน! ม่านตาดำสนิทเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและอับจนหนทางที่ไม่ควรจะเป็นของเด็กในวัยนี้เลย! หลี่ชิงเฟิงรู้สึกใจสั่นระรัว เขาค่อย ๆ หลับตาลง เมื่อเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งชวนให้หายใจไม่ออกขึ้นมาอีกครั้งว่า "เย่เซียว นายคิดว่าทุกอย่างที่ฉันทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาคุ้มค่าหรือเปล่า?" เย่เซียวตัวสั่นสะท้านรุนแรง ตลอดห้าปีที่ผ่านมา เขาคอยติดตาม "จอมราชันย์" และตกอยู่ในอันตรายมาหลายครั้งหลายครา แต่เขาไม่เคยได้ยิน "จอมราชันย์" เกิดความกังขาหรือยอมแพ้ให้กับตัวเองเลยสักครั้ง ทว่ายามนี้! "จอมราชันย์" กลับเริ่มตั้งคำถามกับตนเองเพราะไอ้พวกมดปลวกเช่นนี้! อย่างไรเสียเขาก็เข้าใจความรู้สึกของ "จอมราชันย์" ในตอนนี้ดี ในขณะที่ "จอมราชันย์" ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อปกป้องประเทศให้มั่นคงและปกป้องผู้คนให้ได้มีชีวิตอยู่กันอย่างสงบสันติ ลูกเมียของเขากลับต้องทนทุกข์ทรมานอยู่เบื้องหลัง! ต้องถูกเรียกว่าห
อีกสองชั่วโมงให้หลัง ภายในห้องส่วนตัวของภัตตาคารแถวหน้า สวีอู่ที่สวมใส่ชุดลำลองบุรุษแบบยุคสาธารณรัฐยิ้มพลางยกแก้วไวน์ขึ้นหมายจะดื่มอย่างสุขสันต์ ทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องดังอยู่ข้างนอกซึ่งทำให้เขาสะดุ้งตกใจแล้วเอ่ยเสียงเบาขึ้นมาว่า "นี่มันสภาพอากาศบ้าบออะไรกัน? ทำไมถึงได้มีฟ้าร้องได้ล่ะ?" คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขาเป็นหญิงสาวผู้งดงามอ่อนเยาว์ ทว่าตรงหว่างคิ้วกลับแฝงเจตนาร้ายอยู่บ้าง "นายท่านอู่! คราวนี้คุณช่วยตระกูลเซี่ยของพวกเราเอาไว้ได้เยอะเลย! คุณย่ามีความสุขมากเชียวล่ะ! ฉันขอดื่มอวยพรให้คุณในนามของท่านเองค่ะ!" หลังจากหญิงสาวพูดจบ เธอก็ดื่มไวน์แดงไปแก้วหนึ่งด้วยความสบายอกสบายใจ สวีอู่ยิ้มพลางกล่าวว่า "เซี่ยอิ่ง คุณพูดจารื่นหูจริง ๆ มิน่าล่ะนายหญิงผู้เฒ่าแห่งตระกูลเซี่ยถึงได้รักคุณมาก ไม่ใช่เซี่ยเซียนอินคนนั้น" เซี่ยอิ่งหัวเราะเยาะ "นายท่านอู่ คุณเอาฉันไปเปรียบเทียบกับนังคนขี้แพ้นั่นได้ยังไงกัน? ว่าแต่ว่าพอเอ่ยถึงนังคนขี้แพ้นั่นแล้ว หล่อนเป็นยังไงบ้างล่ะ?" สวีอู่ยิ้มพลางกล่าวว่า "อย่าห่วงไปเลย ตระกูลเซี่ยของคุณให้เงินผมมาตั้งเยอะขนาดนั้น ตลอดหกปีที่ผ่านมานี้ผมก็เลยทำใ
ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง น้องชายของสวีอู่ก็ตายซึ่งมันทำให้เขารู้สึกโกรธแค้น ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองเซี่ยชวนรวมไปถึงมณฑลทั้งสาม! โลกใต้ดินแห่งมณฑลทั้งสามราวกับเกิดแผ่นดินไหวไปชั่วขณะ! กองกำลังชุดเทาที่ได้ระดมพลเอาไว้เกือบหมดแล้วมุ่งหน้าสู่เมืองเซี่ยชวน! ยามดึกดื่นเที่ยงคืน ณ บ้านของหัวหน้าทีมหลิวประจำหน่วยลาดตระเวนเมืองเซี่ยชวน กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง! เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องปลุกให้เขาตื่นจากหลับใหล หัวหน้าทีมหลิวรับสายอย่างหมดความอดทน "มีเรื่องอะไร!" "หัวหน้าทีมหลิว... เกิดเรื่องแล้วครับ! ผมไม่รู้ว่าใครมันตาไร้แววฆ่าน้องชายของสวีอู่ตาย! ผมได้ยินมาว่าตายอนาถเชียวล่ะ แถมยังได้ยินเสียงแผดร้องดังไปทั่วทั้งย่านอีกต่างหาก!" ศีรษะของหัวหน้าทีมหลิวส่งเสียงอื้ออึง! เขาหายง่วงเป็นปลิดทิ้งขึ้นมาทันที! เขากระโดดผลุงจากเตียงลงสู่พื้นทันที จากนั้นก็ดวงตาเบิกกว้างแล้วถามว่า "เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ใครมันเป็นคนทำ! รนหาที่ตายแล้วใช่ไหม?" "ผมก็ไม่รู้หรอกครับ! ในมณฑลทั้งสามยังจะมีใครกล้าแตะต้องน้องชายของเขาอีก ผมล่ะสงสัยจริง ๆ เชียว!" "ใครมันจะไม่รู้บ้างว่าสมัยก่อนต้าหู่ผู้เป
ในขณะเดียวกัน ณ ตระกูลเซี่ย เมื่อเซี่ยอิ่งกลับมาถึงบ้าน เซี่ยเทาพ่อของเธอก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วถามพร้อมยิ้มให้ว่า "เป็นยังไงบ้างลูกรักของพ่อ? นายท่านอู่ตอบรับโครงการของพวกเราหรือเปล่า?" เซี่ยอิ่งยิ้มด้วยความทะนงตน "แหงอยู่แล้วค่ะ! ลูกสาวพ่อเป็นใครกันเล่า? พวกเราต้องเจรจากันได้อยู่แล้ว! นอกเหนือไปจากนั้นไม่ใช่แค่โครงการนี้เท่านั้น แต่ภายภาคหน้าทุกโครงการที่อยู่ในมือของนายท่านอู่ก็อาจจะมอบให้พวกเราด้วย!" เมื่อเซี่ยเทาได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึง ดวงตาของเขาฉายแววตื่นเต้นแล้วรีบดึงแขนลูกสาวของตัวเอง "เข้ามาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณย่าของลูกฟังสิ!" ในห้องหนังสือบนชั้นสอง หญิงชราผมขาวที่แลดูมีอายุราว ๆ เจ็ดสิบกว่าปีกำลังนั่งเก้าอี้โยกพลางถือหนังสือพิมพ์แล้วค่อย ๆ อ่าน คนผู้นี้คือนายหญิงผู้เฒ่าแห่งตระกูลเซี่ย คุณย่าของเซี่ยอิ่ง เมื่อประตูเปิดออก เซี่ยเทาก็เดินเข้ามาพร้อมกับเซี่ยอิ่ง "แม่ครับ! มีเรื่องดีเกิดขึ้นด้วยล่ะ!" นายหญิงผู้เฒ่าวางหนังสือพิมพ์แล้วถอดแว่นอ่านหนังสือ จากนั้นก็มองเซี่ยอิ่งที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าอิ่มอกอิ่มใจแล้วรีบเอ่ยถามขึ้นมาว่า "มีอะไรงั้นเหรอ?" เซี่ยอิ
คิ้วตาของเซี่ยอิ่งเต็มไปด้วยแววเบิกบานใจ จากนั้นเธอก็จูงโต้วโต่วออกไป แต่ขณะที่เซี่ยอิ่งกำลังจะพาเธอไป ประตูก็พลันถูกผลักให้เปิดออก! ในตอนนั้นเอง! เซี่ยอิ่งใจเต้นโลด! เส้นประสาทเองก็เครียดเขม็งเช่นกัน! เธอนึกว่าหลี่ชิงเฟิงมาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นชายอีกคนหนึ่งแทน ชายร่างสูงชะลูดคนนี้สวมชุดเครื่องแบบทหาร! เขามีท่าทางไม่ธรรมดาสามัญเลยสักนิด! เป็นนายพลอาวุโสหม่าคุนนั่นเอง! วันนี้เขาได้ยินมาว่าลูกสาวของจอมอสูรกำลังพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ดังนั้นเขาจึงนำอาหารเสริมมาด้วย เดิมทีเขาคิดจะเอามามอบให้แก่หลี่ชิงเฟิง แต่กลับพบเซี่ยอิ่งเข้าโดยบังเอิญแทนเสียได้ เมื่อเห็นว่าเธอเป็นคนพาโต้วโต่วออกมา เขาก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที "คุณเป็นใครกัน? คุณไม่ใช่แม่ของเด็กคนนี้นี่นา!" เขาไม่รู้จักเซี่ยอิ่ง แต่เซี่ยอิ่งรู้จักเขา! นี่คือคนใหญ่คนโตที่มักจะปรากฎตัวในโทรทัศน์อยู่เป็นประจำ! เซี่ยอิ่งแข้งขาไร้เรี่ยวแรงและปากคอแห้งผาก จู่ ๆ เธอก็นึกขึ้นได้ว่านายท่านอู่เคยบอกว่านายพลอาวุโสมารักษาอาการเจ็บป่วยของตนเองที่โรงพยาบาล หรือว่าจะเป็นหม่าคุน? ! นี่คือมหาเทพองค์หนึ่ง! อย่าว่าแต่ได้พูดคุยด้วยเลย
ในขณะเดียวกัน ประตูคฤหาสน์ก็เปิดออกโดยมีสวีอู่ยืนอยู่ตรงประตูด้วยสีหน้าหม่นคล้ำ ดวงตากลัดเลือดและมีแววอาฆาตแค้น! แต่กลับให้ความรู้สึกซูบซีดอิดโรยมากกว่า... สี่ราชันย์สวรรค์ยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เมื่อเห็นพี่ใหญ่ของพวกเขาเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้โทสะในใจของทั้งสี่คนเริ่มที่จะค่อย ๆ ปะทุขึ้นมา... ขวางเสออดไม่ได้ที่จะถามว่า "นายท่านอู่! ไอ้หมอนั่นมันมาจากที่ไหนกัน!" สวีอู่ยังคงมีสีหน้าหม่นคล้ำและน้ำเสียงแหบแห้งอยู่บ้าง "อย่าห่วงไปเลย พวกเรามากันครบแล้วใช่ไหม? เข้ามาสิ ฉันอยากให้พวกนายรู้อะไรบางอย่าง!" หลังจากสวีอู่พูดจบก็หันหลังเดินกลับไป สี่ราชันย์สวรรค์พร้อมบรรดาพี่น้องของพวกเขาจึงเดินตามเข้าไปในบ้านด้วย มีบรรยากาศชวนให้อึดอัดจนถึงขีดสุดในคฤหาสน์ขนาดใหญ่! ทุกคนต่างรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย พวกเขาติดตามสวีอู่มาหลายปี ยังมีเหตุการณ์อะไรที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนบ้างล่ะ? แต่ก็ไม่เคยเห็นสวีอู่เป็นแบบนี้มาก่อน! เขาโกรธจัด! เมื่อสวีอู่มาถึงห้องโถงแล้ว เขาก็หันกลับมานั่งเก้าอี้พลางค่อย ๆ หลับตาลงแล้วสูดหายใจลึก ๆ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "เฮยหลาง พาตัวมันมาทีสิ" "รับทรา
"พ่อไม่ไปนะ!" จู่ ๆ เซี่ยเทาก็แผดเสียงร้องพลางกระโดดข้ามโซฟาแล้ววิ่งไปที่ประตูหลัง! เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายตอบสนองว่องไว! เพียงก้าวเดียวก็ประชิดตัวพลางจับเขากดลงกับพื้นแล้วบังคับสวมกุญแจมือ สิบนาทีต่อมา ภายในห้องสอบสวน เสี่ยวอิ๋งนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงนั้นพร้อมด้วยความคิดมากมาย ตำรวจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดูวิดีโอแล้วถามว่า "เท่าที่พวกเราทราบมา คนที่อยู่ในวิดีโอคือเซี่ยเทาพ่อของคุณ ตอนนี้เขาอยู่ห้องข้าง ๆ คุณจะอธิบายสิ่งที่เขาพูดว่ายังไงล่ะ?" เสี่ยวอิ๋งสูดลมหายใจลึก ๆ พลางผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ทำไมคุณถึงไม่ถามเขาเองล่ะคะ?" "แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องถามเขาอยู่แล้ว แต่คุณเป็นลูกสาวของเขา คุณจะไม่รู้เรื่องนี้เลยเชียวเหรอ?" เซี่ยอิ่งลูบคางพลางครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า "จริงด้วยสิ! ดูเหมือนเขาจะเคยบอกว่าทำความผิดร้ายแรงบางอย่างแล้วอยากจะหนีไป! ฉันถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยแถมยังบอกว่ายิ่งฉันรู้ให้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี! วันหน้าให้ฉันดูแลตัวเองให้ดี ๆ..." "พูดต่อไปสิ" "จากนั้น
"จะวิธีอะไร ฉันก็อยากลองดูทั้งนั้น!" เสี่ยวอิ๋งเอ่ยโดยไม่ลังเล "ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก! วิธีไหนฉันก็อยากจะลองดู!" เย่เจี้ยนเหอเงยหน้ามองเธอแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า "โยนความผิดเรื่องทั้งหมดนี้ให้พ่อของเธอแบกรับไว้!" เมื่อเสี่ยวอิ๋งได้ยินเช่นนี้ ศีรษะของเธอก็ส่งเสียงอื้ออึง! ตอนแรกสังเวยคุณย่าไปแล้ว ตอนนี้ถึงทีพ่อของเธอแล้วงั้นเหรอ? เย่เจี้ยนเหอจ้องมองเธอ "ไม่มีเวลาคิดแล้ว จะตกลงหรือจะติดคุก!" "ฉันตกลง! ฉันตกลงค่ะ! ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก คุณอยากให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!" เสี่ยว อิ๋งผงกศีรษะซ้ำไปซ้ำมา เย่เจี้ยนเหอจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า "เดี๋ยวฉันจะเรียกทนายเข้ามา พวกเขาจะบอกเธอว่าต้องพูดหรือทำอะไร จากนั้นเธอก็แค่รอให้ตำรวจเรียกตัว" เสี่ยวอิ๋งผงกศีรษะ "ฉะ...ฉันเข้าใจแล้วค่ะ" พอกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวอิ๋งก็เจอพ่อของเธอ เมื่อทั้งสองคนสบตากัน ดวงตาของเสี่ยวอิ๋งก็ฉายแววน่าหวาดกลัว เซี่ยเทาก็รู้ได้โดยไม่ต้องคิดเลย ลูกสาวของเขารู้เรื่องแล้ว "เสี่ยวอิ๋ง พ่อทำอาหารให้ลูกกินด้วยนะ ดูสิ..." "กินบ้าอะไรเล่า!" เสี่ยวอิ๋งพลันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ขึ้นมาทันที! เธอร
ในสถานการณ์เช่นนี้ ขืนเสี่ยวอิ๋งมัวแต่เข้าไปพัวพันคงได้จบเห่กันพอดี การเก็บเธอไว้น่าจะยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เสี่ยวอิ๋งเองก็เป็นคนฉลาดจึงผงกศีรษะแล้ววิ่งออกทางประตูหลัง... เย่เซียวคิดจะเข้าไปขวาง แต่กลับถูกหลี่ชิงเฟิงห้ามเอาไว้ "ไม่ต้องไล่ตามหรอก วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของหวังเจิ้น อย่าทำอะไรน่าเกลียดเกินไปเท่านี้ก็พอแล้ว" เย่เซียวพยักหน้าแล้วยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำ ในตอนนี้เอง ปี้ไห่เทาก็เดินยิ้มเข้ามา "เหล่าหวัง วันนี้ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ! ทั้ง ๆ ที่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดดี ๆ ที่นายควรจะมีความสุขแท้ ๆ แต่กลับลงเอยแบบนี้เสียได้..." หวังเจิ้นถอนหายใจ "ช่างเถอะ" "เหล่าหวัง ตระกูลเย่ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกหอการค้าเทียนเหมินของพวกเรา เย่เจี้ยนเหอดันพานังคนชั้นต่ำแบบนั้นมาเสียได้ กลับไปเมื่อไหร่ฉันย่อมต้องตำหนิเขาแน่! ฉันจะทำให้เขาจำให้ขึ้นใจเชียวล่ะ! เมื่อพวกเรากลับถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ ไห่เทาย่อมต้องมาขอขมาของแน่นอน" หวังเจิ้นโบกมือ "คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ช่างมันเถอะ ผมไม่ถือสาหรอก" ปี้ไห่เทาพยักหน้าพลางขยิบตาให้เย่เจี้ยนเหอ จากนั้นพวกเขาสองคนก็ก้าวเดินจากไป ขณ
เสี่ยวอิ๋งโมโหจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว เธอชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วด่ากราดว่า "แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! คู่ควรที่จะมอบของขวัญให้ฉันแล้วงั้นเหรอ?" "หุบปากไปซะ พ่อตาของแกโดนซ้อมขนาดนั้น เขยอย่างแกไม่กล้าแม้แต่จะผายลมเสียด้วยซ้ำไป! แกยังกล้ามาก่อเรื่องที่นี่อีกงั้นรึ?" "ถ้าฉันเป็นแกล่ะก็ คงได้โหม่งเสาโทรศัพท์ตายไปแล้ว!" "ไร้ยางอายสิ้นดี!" เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งหน้าแดงก่ำและลำคอแข็ง หลี่ชิงเฟิงกลับยิ่งขบขันพลางกล่าวว่า "ฉันคิดว่าเธอต่างหาก มั้งที่น่าจะเป็นฝ่ายโหม่งเสาโทรศัพท์?" ทันทีที่เขาพูดจบ หน้าจอขนาดยักษ์ข้างหลังล็อบบี้ก็พลันสว่างขึ้น! หลังจากนั้นไม่กี่วินาที แสงก็สลัวลงแล้ววิดีโอก็เริ่มฉายบนหน้าจอขนาดยักษ์ เมื่อเสี่ยวอิ๋งหันหน้าไป สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือเซี่ยเทาที่กำลังนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง โดยมีสาวสวยอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่ข้างกาย! หึ่ง! เสี่ยวอิ๋งศีรษะจวนจะระเบิดอยู่แล้ว! เธอได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น! มันเป็นวิดีโอที่ก่อนหน้านี้หลี่ชิงเฟิงถ่ายเอาไว้นั่นเอง! เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งนิ่งงันไป หลี่ชิงเฟิงก็นิ้มแล้วพูดเสียงดังขึ้นมาว่า "ทุกท่าน ผู้ชายที่อยู่ในวิดี
เงินหลายล้านบาทไม่ได้จ่ายไปโดยไร้ประโยชน์แล้ว! ศาสตราจารย์เฒ่าโดนเขาหลอกเข้าแล้วจริง ๆ! เสี่ยวอิ๋งเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นก็ยิ้มพลางชี้นิ้วมาที่หลี่ชิงเฟิง "ตอนนี้แกจะว่ายังไงเล่า? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าแจกันของแกมันเป็นของปลอม!" "น่าตลกชะมัดเลย! ฉันเสนอทางออกให้ แต่แกกลับยืนกรานที่จะขุดหลุมฝังตัวเองให้ได้! ไม่มีใครห้ามแกได้เลย!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มจาง ๆ แล้วหันมามองศาสตราจารย์หลี่พลางพูดว่า "ศาสตราจารย์หลี่ ช่วยดูขอองผมอีกสักครั้งเถอะครับ" คาดไม่ถึงว่าศาสตราจารย์หลี่จะส่ายหน้าแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "ไม่ต้องดูหรอก" เซี่ยอิ่งหัวเราะพลางกล่าวว่า "แจกันใบนั้นของแกมันปลอมชัดเจนเกินไป! ศาสตราจารย์หลี่ไม่มองให้เสียสายตาหรอก!" ในยามนี้เอง ศาสตราจารย์หลี่ก็เหลือบมองเธอแล้วสายหน้า "สาวน้อย ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย ฉันยังพูดไม่ทันจบเลย ถึงแม้ว่าแจกันใบนี้จะฝีมือยอดเยี่ยมจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่มันเป็นของปลอมจริง ๆ" "ส่วนแจกันของคุณหลี่ ทันทีที่เข้ามาผมก็เห็นแล้วล่ะ มันเป็นของจริง ดังนั้นผมจึงไม่ต้องตรวจดูเลย" หลังจากศาสตราจารย์หลี่พูดจบ ทั้งห้องก็เ
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลี่ชิงเฟิงจะมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนั้น! ปี้ไห่เทาที่คอยสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ แอบรู้สึกว่าชักไม่ได้การเสียแล้ว หลี่ชิงเฟิงคนนี้ดูไม่เหมือนเขยไร้ประโยชน์อย่างที่ข่าวร่ำลือกันเอาไว้เลยสักนิด การที่ยังสามารถสงบนิ่งได้ในภาวะคับขันเช่นนั้น มิหนำซ้ำยังพูดจาเสียคล่องปากและท่าทีเจ้าแผนการของอีกฝ่าย เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบนี้จะเป็นเขยไร้ประโยชน์ไปได้ สิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดคือ ต่อให้อีกฝ่ายจะก่อเรื่องเช่นนั้น แต่หวังเจิ้นที่อยู่ข้าง ๆ กลับไม่มีวี่แววที่จะโมโหเลยสักนิด พวกเขาต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เขาเองก็รู้นิสัยของหวังเจิ้น อีกฝ่ายไม่ใช่ตาเฒ่าที่นิสัยดิบดีอะไรเลย พอปี้ไห่เทานึกได้เช่นนี้ เขาก็ทอดสายตามองเย่เจี้ยนเหออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสายตาหลุกหลิกอยู่บ้าง เขาก็พอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบนี้จะมีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ เสียด้วย ตอนนี้เย่เซียวยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมเจตนาสังหารอันแรงกล้า! เย่เจี้ยนเหอกับเสี่ยวอิ๋งหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัวไปชั่วขณะ ไม่นานปี้ไห่เทาก็ลุกขึ้นแล้วมองหลี่ชิงเฟิงด้วยสายตาเย็นชา "ทำแบบนี้
"ฉุดเศรษฐกิจให้ดิ่งลงเหวงั้นรึ? ถ้าทุกคนทำตัวเป็นไอ้เศษสวะชอบหลอกกินข้าวนิ่มอย่างแก ประเทศชาติก็คงจะพินาศไปตั้งนานแล้ว!" "ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี! แกมันก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งแท้ ๆ กล้าดียังไงถึงได้มาหัวเราะเยาะใส่พวกเรา?" ในตอนนี้เอง จู่ ๆ หวังเจิ้นที่เอาแต่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ตบโต๊ะ! ทุกคนพลันหุบปากฉับ! หวังเจิ้นแววตามืดมน เขาเหลือบมองทุกคนแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า "พวกคุณหมายความว่ายังไงกัน? คิดจะก่อจลาจลในงานเลี้ยงวันเกิดของผมรึไง? พวกคุณไม่เห็นแก่หน้าผมเลย! คิดจะทำอะไรกันแน่!" เมื่อหวังเจิ้นโกรธขึ้นมา แม้แต่ปี้ไห่เทาก็ยังไม่กล้าล่วงเกิน นับประสาอะไรกับพวกเขากันเล่า "เหล่าหวัง ได้โปรดใจเย็นลงก่อนเถอะ เอาแบบนี้เป็นยังไง เพื่อจะได้รู้ว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบไหนเป็นของจริงใบไหนเป็นของปลอม คุณก็แค่เชิญผู้เชี่ยวชาญให้มาประเมินก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" "คุณเองคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงของเก่ามานานหลายปี เช่นนั้นก็น่าจะรู้จักผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้เยอะอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ?" หวังเจิ้นถอนหายใจพลางพยักหน้าแล้วพูดว่า "ก็ได้! ในเมื่อพวกคุณอยากเถียงกันดีนัก งั้นก็มาทำให้เรื่องนี้กระจ่างกันไปเลย
หลังจากหลี่ชิงเฟิงพูดจบ ทุกคนก็ตะลึงงันไปชั่วขณะแล้วหัวเราะลั่น! เสี่ยวอิ๋งกับเย่เจี้ยนเหอหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง จากนั้นพวกเขาก็ชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วพูดว่า "แกมันขี้โม้จนไม่เลือกเวลาจริง ๆ พับผ่าสิ! ลำพังแค่คุยโวโอ้อวดต่อหน้าพ่อตาโง่ ๆ ของแกไม่พอ แต่ยังจะมาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าพวกเราอีกงั้นเหรอ?" ปี้ไห่เทาที่อยู่อีกด้านเองก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยแววดูถูกดูแคลน "ลำพังแค่พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ผ่านโลกมามากกว่าแกถึงสิบชาติภพรวมกันเสียอีก แกกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ คิดว่าพวกเราโง่หรือไงกัน?" "ผ่านโลกมามาก? คุณคิดว่าตัวเองผ่านโลกมามากแล้วงั้นรึ?" หลี่ชิงเฟิงยิ้มเหยียดหยันพลางเอ่ยเสียงทุ้มลึก "วันนี้ผมจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคุณเองก็แล้วกัน เย่เซียว เอาของขวัญของพวกเราออกมา" เย่เซียวผงกศีรษะ จากนั้นเขาก็หยิบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนออกมาจากกล่องแล้ววางลงต่อหน้าทุกคน ทันทีที่พวกเขาเห็นแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวน ทุกคนก็ถูกแจกันใบนั้นดึงดูดความสนใจเข้าแล้วจริง ๆ เย่เจี้ยนเหอหน้าถอดสีแล้วตรวจสอบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้วให้รู้สึกสับสน ฝีมือช่างวิจิตรประณีตนัก!
เย่เจี้ยนเหอยิ้มเหยียดหยัน "แกคิดจะแข่งกับฉันงั้นรึ? ก็ได้ ฉันจะเอาออกมาให้แกได้เปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน ฉันขอพนันเลยว่าชั่วชีวิตแกน่าจะได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ" หลังจากเย่เจี้ยนเหอพูดจบก็ดีดนิ้ว จากนั้นผู้ช่วยคนงามที่อยู่ข้างหลังก็รีบเดินเข้ามา ของขวัญของอีกฝ่ายเองก็อยู่ในกล่อง มิหนำซ้ำยังมีขนาดพอ ๆ กับของเขาอีกต่างหาก เย่เจี้ยนเหอยิ้มอวดดีแล้วพูดว่า "มหาเศรษฐีหวัง ผมได้ยินมาว่าคุณชอบสะสมของเก่ามากทีเดียว ดังนั้นผมจึงสั่งให้เพื่อนที่อยู่ต่างประเทศประมูลของสิ่งนี้มาให้คุณเป็นพิเศษ เชิญดูเอาเองเถอะครับ!" หลังจากพูดจบ ผู้ช่วยสาวก็เปิดกล่องแล้วสายตาของทุกคนก็ทอดมองมาที่มือของผู้ช่วยสาว! แจกันลายครามใบหนึ่งค่อย ๆ เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา! เมื่อหลี่ชิงเฟิงเห็นแจกันใบนี้ก็ถึงกับตะลึงงัน... ช่างเหมือนกับแจกันลายครามที่เขาซื้อมาไม่มีผิดเพี้ยนเลย! เขาเหลือบมองเย่เซียวที่อยู่ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเย่เซียวก็เอ่ยกระซิบข้างหูว่า "เป็นของปลอมแน่ ๆ ครับ" ในยามนี้เอง เย่เจี้ยนเหอก็หยิบแจกันขึ้นมาแล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคนแล้วพูดเสียงดังว่า "แจกันลายครามสมัยราชวงศ์ห