สวีเหย่ตะลึงงันไปทันที! เขาจ้องมองมาที่หลี่ชิงเฟิง เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงล้อเล่นกับตนอยู่แน่ ๆ "คุณหลี่ ยาสีฟันจะมีพิษได้ยังไงกันครับ?" หลี่ชิงเฟิงเหลือบมองเขา "ทำไมนายไม่ลองใช้ดูล่ะ? จะได้รู้ว่าฉันพูดจริงหรือเปล่า?" หลังจากใช้ชีวิตราวกับตกขุมนรกมาหกปี ทำให้หลี่ชิงเฟิงรู้ว่าสิ่งใดเป็นพิษหรือไม่โดยไม่ต้องถามเลย! นอกเหนือไปจากนั้น พิษในยาสีฟันหลอดนี้ยังเป็นพิษชนิดพิเศษที่ออกฤทธิ์ถึงตายอีกต่างหาก! ตอนนี้สวีเหย่ไม่กล้าล้อเล่นอีก สีหน้าของเขาผสมผเสไปด้วยความโกรธและตื่นตกใจระคนกันไป! "ทำไม? ทำไมเซี่ยอิ่งต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะครับ? นั่นเป็นโรงแรมของตระกูลเซี่ยเองเชียวนะ! เธอบ้าไปแล้วหรือไง?" สวีเหย่พูดเสียงดังพลางเกาศีรษะ หลี่ชิงเฟิงยิ้มจาง ๆ "นายคิดว่าคนอย่างเธอจะนึกถึงตระกูลของตัวเองหรือเปล่าล่ะ? เธอสนใจแต่ตัวเองเท่านั้นแหละ" "โรงแรมเต๋อฮุ่ยไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเธออีกต่อไปแล้ว แน่นอนว่าเธอย่อมคิดจะทำลายมันทิ้ง" สวีเหย่ทรุดลงกับพื้นพร้อมหัวสมองว่างเปล่าขาวโพลน เขาไม่เคยเผชิญสถานการณ์เช่นนั้นมาก่อนในอาชีพการงานของตน หลี่ชิงเฟิงเดินเข้ามาพลางเอ่ยเสียงเบาว่า "ดูท่าทางไม่รู้เ
เป็นเสี่ยวอิ๋งที่เดินเข้ามา! ท่าทางของเสี่ยวอิ๋งสร้างความตกตะลึงให้แก่ทุกคน พวกเขาเห็นคนในชุดเครื่องแบบสองคนตามหลังเธอมาด้วย ทุกคนต่างมองหน้ากันเพราะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ "เซี่ยเซียนอิน! แกยังกล้ามาจัดประชุมที่นี่อีกงั้นเหรอ? คุณย่ามอบบริษัทให้แกแล้วแท้ ๆ แต่แกกลับตอบแทนท่านแบบนี้หรือ?" เสี่ยวอิ๋งชี้นิ้วพลางตะโกนใส่เซี่ยเซียนอิน เซี่ยเซียนอินมีสีหน้าสับสน "เธอหมายความว่ายังไงกัน? ฉันไปทำอะไรอีกล่ะ? ฉันเพิ่งจะมาที่นี่เป็นวันแรกนะ!" "หน็อย! นังแพศยา! นังคนหน้าเนื้อใจเสือ!" "ฉันมีข้อมูลที่เชื่อถือได้อยู่นะ! แกสับเปลี่ยนของทั้งหมดในโรงแรม! เพื่อที่จะประหยัดเงิน แกสับเปลี่ยนเอาของห่วย ๆ มาใช้แทน!" "ของพวกนั้นบางอย่างถึงกับมีพิษด้วย! แกคิดจะหาเงินหรือจะฆ่าคนกันแน่?" เซี่ยเซียนอินรู้สึกสับสนอย่างถึงที่สุด "อย่าเที่ยวปรักปรำโดยไม่มีหลักฐานเชียวนะ! ฉันไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย! ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น!" ดูเหมือนเสี่ยวอิ๋งจะรู้ว่าเธอต้องพูดแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงมองทุกคนแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "พวกคุณได้ยินไหมคะ? เธออ้างว่าไม่รู้เรื่องอะไรก็เพราะคิดจะเบนเข็มมาโทษพวกคุณไม่ใช
หลังจากหลี่ชิงเฟิงได้ยินคำพูดของเธอ เขาก็ยิ้มจาง ๆ พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยแววดูแคลน เสี่ยวอิ๋งคร้านเกินกว่าจะสนใจเขา จากนั้นก็พาคนของเธอรีบรุดไปที่ห้องพักแขก! เธอเดินเข้าไปในห้องพักแขกที่ว่างอยู่แล้วตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำ ซึ่งแม่บ้านเพิ่งจะเปลี่ยนของใช้ในห้องน้ำเป็นของที่เพิ่งจะส่งมาวันนี้ เสี่ยวอิ๋งไล่แม่บ้านออกไปแล้วหยิบยาสีฟันเอาไว้ในมือ จากนั้นเธอก็หันไปทางบุคคลในฝ่ายที่เกี่ยวข้องพลางกล่าวว่า "ฉันสงสัยว่ายาสีฟันหลอดนี้น่าจะมีอะไรผิดปกติ! ฉันขอแนะนำให้คุณเอาไปทดสอบเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!" "ได้ครับ คุณเซี่ย วางใจได้เลย ผมจะส่งกลับไปทดสอบเดี๋ยวนี้แหละ ผลการทดสอบจะออกภายในสิบห้านาที!" "ถ้ามีปัญหาจริง ๆ พวกเราย่อมต้องลงโทษผู้กระทำผิดขั้นรุนแรง!" เสี่ยวอิ๋งพยักหน้า "งั้นฉันคงต้องรบกวนคุณแล้ว! พวกเราไม่อาจปล่อยให้คนชั่วพวกนี้มาทำให้ชื่อเสียงตระกูลเซี่ยของเราต้องมัวหมองได้!" คนทั้งสองรับยาสีฟันแล้วรีบจากไป เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ย่อมไม่มีใครกล้าขวางพวกเขาไว้ เสี่ยวอิ๋งกอดอกแล้วเดินกลับไปที่ล็อบบี้ของโรงแรม ตอนนี้หลี่ชิงเฟิงกับเซี่ยเซียนอินกำลังรอคอยอยู่ในล็อบบี้ แขกหลายคนที่รู้ข่า
"ดูสิ! ดูสิคะทุกคน! นี่คือหลักฐานล่ะ!" เสี่ยวอิ๋งคว้าผลการทดสอบมาจากเจ้าหน้าที่ จากนั้นก็วิ่งไปข้างหน้าโดยไม่ทันรอให้ใครได้พูดอะไร! "ผลการทดสอบออกมาแล้ว! ทุกคน ดูสิคะ! ไอ้สารเลวสองตัวนี้จะเล่นลิ้นยังไงได้อีก!" "ฉันจะโทรแจ้งตำรวจให้มาจับพวกแกเดี๋ยวนี้แหละ!" เมื่อเซี่ยเซียนอินเห็นเช่นนี้เข้า เธอก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที แต่หลี่ชิงเฟิงกลับยังคงสงบนิ่งแล้วมองเสี่ยวอิ๋งหน้านิ่งพลางค่อย ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า "ก่อนที่เธอจะรีบสาดโคลนใส่พวกเรา ฉันขอแนะนำให้เธออ่านรายงานผลการทดสอบให้จบก่อนนะ" เสี่ยวอิ๋งยิ้มเยาะ "ก็ได้! ฉันจะอ่านดัง ๆ เลย พวกแกจะได้ยอมแพ้สักที!" เสี่ยวอิ๋งหยิบรายงานผลการทดสอบออกมาแล้วเตรียมที่จะอ่านออกมาดัง ๆ ทันใดนั้นเธอก็เห็นสรุปในบรรทัดสุดท้ายของรายงานผลการทดสอบ มีเพียงสามคำเท่านั้น ไม่ผิดปกติ! ตู้ม! เสี่ยวอิ๋งตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ... เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน! ก่อนที่เธอจะทันนึกอะไรออก เจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างหลังเธอก็แย่งรายงานผลการทดสอบกลับไปพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า "คุณเซี่ยอิ่ง หลังจากคุณคิดออกเมื่อไหร่ก็ช่วยบอกพวกเราด้วย! พวกเราเสียเวลาเล่นก
เมื่อเสี่ยวอิ๋งได้ยินเช่นนี้เข้า เธอก็แข้งขาอ่อนเปลี้ยขึ้นมาทันที ถ้าไม่ใช่เพราะมีรถอยู่ข้างหลังล่ะก็ เธอคงจะล้มลงกับพื้นไปแล้ว แต่ตำรวจกลับไม่สนใจอารมณ์ของเธอแล้วหยิบกุญแจมือออกมาทันที คราวนี้หลังจากได้ยินข่าว พนักงานบางคนในโรงแรมก็รีบวิ่งเข้ามาดู เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ พวกเขาต่างก็หน้าตาเหยเกเป็นอันมาก เสี่ยวอิ๋งแสร้งทำทีสงบนิ่งทั้ง ๆ ที่กระสับกระส่ายด้วยความตื่นตระหนกแล้วพูดเสียงเบาขึ้นมาว่า "ฉันจะกลับไปให้ปากคำกับคุณเอง คุณอย่าสวมเจ้าสิ่งนี้ได้ไหม?" "ได้ครับ ไปกันเถอะ" เมื่อตำรวจผายมือเชื้อเชิญ เสี่ยวอิ๋งก็ยืดตัวตรงแล้วตะโกนใส่พวกพนักงานว่า "ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก พวกคุณกลับไปทำงานได้แล้ว" หลังจากเธอพูดจบก็เดินซวนเซขึ้นรถตำรวจไป สิบนาทีต่อมา เธอก็ถูกเรียกเข้าไปในห้องสอบสวน เมื่อเข้ามาแล้ว ตำรวจก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้วโยนรายงานผลการทดสอบลงต่อหน้าเธอทันที "รายงานผลการทดสอบพวกนี้เป็นของเหยื่อหลายราย คุณเซี่ย คุณมีอะไรอยากจะพูดไหมครับ?" เมื่อเสี่ยวอิ๋งเห็นรายงานผลการทดสอบ ในที่สุดเธอถึงได้เข้าใจ เธอหลงกลไอ้สารเลวหลี่ชิงเฟิงคนนั้นกับสวีเหย่เข้าแล้ว! แต่
"ใช่ครับ ผมรับผิดชอบเรื่องจัดการขนส่งของใช้ในโรงแรมของตระกูลเซี่ยของคุณ แต่ตระกูลเซี่ยของคุณจะเป็นคนควบคุมการจัดซื้อด้วยตัวเอง!" "ผมไม่มีสิทธิ์ถามว่าคุณซื้อหามาจากช่องทางไหนเสียด้วยซ้ำไป!" "และทุกครั้งที่ผมรับหรือส่งสินค้าก็จะมีเอกสารกำกับเอาไว้ ผมไม่มีโอกาสที่จะทำอะไรได้หรอกครับ ยิ่งไปกว่านั้น ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำแบบนั้นด้วย!" "ถ้าผมบ่อนทำลายกิจการของคุณ ก็เท่ากับทำลายหน้าที่การงานของตัวเองด้วยนะ!" สวีเหย่พูดจาเสียน่าเชื่อถือจนเสี่ยวอิ๋งหาหนทางหักล้างไม่ได้เลย! เสี่ยวอิ๋งจ้องมองเขาด้วยสายตาเคียดแค้นแล้วเริ่มตัวสั่นอีกครั้ง! แต่สวีเหย่ก็ยังคงทำราวกับว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น! "เอาล่ะครับ พวกเราจะสอบสวนเรื่องนี้ให้ละเอียดถี่ถ้วน ตอนนี้พวกคุณสองคนกลับไปได้แล้วล่ะครับ" หลี่ชิงเฟิงกับสวีเหย่หันหลังเดินจากไปโดยไม่ลังเล หลังจากเดินห่างออกมาได้สักระยะ พวกเขาก็ยังได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความไม่ยินยอมของเสี่ยวอิ๋งในห้องสอบสวน! เรื่องนี้มาถึงหูของคุณย่าเซี่ยอย่างรวดเร็ว หลังจากได้ทราบข่าว คุณย่าเซี่ยก็โมโหเสียจนรู้สึกตาลายแล้วนอนเอาแต่นอนอยู่บนเตียงตลอดทั้งบ่ายก
ตอนที่เสี่ยวอิ๋งออกมาจากสถานีตำรวจก็ดึกดื่นแล้ว รถของเซี่ยเทาพ่อของเธอก็จอดอยู่ตรงประตู เสี่ยวอิ๋งที่หมดเรี่ยวแรงจากการทรมานแลดูกระเซอะกระเซิง ราวกับว่าวิญญาณหลุดจากร่างไปแล้ว ทันทีที่เธอเดินออกมาจากประตู หลายคนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นนักข่าวก็กรูกันเข้ามา โชคดีที่เซี่ยเทารีบวิ่งเข้ามาขวางพวกเขาไว้แล้วพาเสี่ยวอิ๋งเข้าไปในรถ เมื่อเสี่ยวอิ๋งขึ้นรถมาแล้ว เธอก็เอามือปิดหน้าร้องไห้พลางกัดริมฝีปาก "ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้! ทำไมกัน!" "ทำไมหนูพ่ายแพ้ให้ไอ้ขี้แพ้นั่นอยู่ก้าวหนึ่งตลอดเลย! หนูอยากจะฆ่ามันนัก! หนูอยากจะให้มันตาย ๆ ไปซะ!" เซี่ยเทาที่ขับรถอยู่ถอนใจด้วยความอับจนหนทางพลางเอ่ยเสียงเบาว่า "ตอนนี้อย่าเพิ่งไปนึกถึงเรื่องพวกนี้เลย คุณย่าตัดสินใจที่จะปลดลูกออกจากทุกตำแหน่งแล้วนะ" เสี่ยวอิ๋งรู้สึกตื่นตะลึงไปชั่วขณะ! "คะ...คุณพ่อว่ายังไงนะคะ?" "พ่อจะบอกว่าหนูโดนพักงาน แถมยังถูกเซี่ยเซียนอินรับช่วงทุกตำแหน่งไปหมดแล้ว!" เสี่ยวอิ๋งอยู่ข้างในทั้งวันจึงไม่รู้ข่าวอะไร มิหนำซ้ำเธอยังไม่ทันได้เตรียมใจเอาไว้เลย ตอนนี้จู่ ๆ ได้รู้เข้าก็ราวกับโลกถล่มก็ไม่ปาน! "ไม่นะคะ! หนูต้อง
"ทำไมหลานถึงอยากช่วยคนนอกบริหารบริษัทและเป็นประธานแค่ในนามมากกว่าจะกลับมามีอำนาจที่แท้จริงในตระกูลเซี่ย นี่มันเหตุผลอะไรกัน?" "ช่างมันเถอะ ถ้าหลานไม่ต้องการ ย่าก็ไม่ฝืนใจ ย่าจะคิดเสียว่าตระกูลเซี่ยคงต้องจบสิ้นลงวันนี้แล้ว" "คืนนี้ย่าจะได้จัดการตัวเองแล้วไปพบคุณปู่ของหลาน..." คุณย่าเซี่ยร้องไห้คร่ำครวญ ถ้าหากใครที่ไม่ล่วงรู้สถานการณ์มาเห็นเข้า พวกเขาก็คงจะนึกสงสารหญิงชราขึ้นมาจริง ๆ แต่หลี่ชิงเฟิงกลับไม่รู้สึกสงสารเลยสักนิด เขาตระหนักดีถึงแผนการเจ้าเล่ห์ของหญิงชราซึ่งอำมหิตมิใช่เล่น แน่นอนว่าเซี่ยเซียนอินย่อมต้องลังเลใจ "คุณย่าคะ อย่าทำแบบนี้! หนะ...หนูจะลองกลับไปคิดดู ตกลงไหมคะ? ขอเวลาให้หนูสักหน่อยได้ไหมคะ" คุณย่าเซี่ยเอ่ยพร้อมดวงตาแดงก่ำ "เซียนอิน กลับมาเถอะนะ ไม่ว่าเทียนชื่อกรุ๊ปจะดีสักแค่ไหน มันก็เป็นบริษัทของคนนอก ตอนนี้ตระกูลต้องการหลานอยู่นะ..." ขณะที่เซี่ยเซียนอินกำลังจะตอบ หลี่ชิงเฟิงก็หัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ยขัดขึ้นมาว่า "คุณย่าครับ กลับไปคุยกันที่บ้านเถอะ" คุณย่าเซี่ยหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาทันที "แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! ฉันมีอะไรต้องคุยกับแกด้วยงั้นรึ? ฉัน..."
"พ่อไม่ไปนะ!" จู่ ๆ เซี่ยเทาก็แผดเสียงร้องพลางกระโดดข้ามโซฟาแล้ววิ่งไปที่ประตูหลัง! เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายตอบสนองว่องไว! เพียงก้าวเดียวก็ประชิดตัวพลางจับเขากดลงกับพื้นแล้วบังคับสวมกุญแจมือ สิบนาทีต่อมา ภายในห้องสอบสวน เสี่ยวอิ๋งนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงนั้นพร้อมด้วยความคิดมากมาย ตำรวจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดูวิดีโอแล้วถามว่า "เท่าที่พวกเราทราบมา คนที่อยู่ในวิดีโอคือเซี่ยเทาพ่อของคุณ ตอนนี้เขาอยู่ห้องข้าง ๆ คุณจะอธิบายสิ่งที่เขาพูดว่ายังไงล่ะ?" เสี่ยวอิ๋งสูดลมหายใจลึก ๆ พลางผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ทำไมคุณถึงไม่ถามเขาเองล่ะคะ?" "แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องถามเขาอยู่แล้ว แต่คุณเป็นลูกสาวของเขา คุณจะไม่รู้เรื่องนี้เลยเชียวเหรอ?" เซี่ยอิ่งลูบคางพลางครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า "จริงด้วยสิ! ดูเหมือนเขาจะเคยบอกว่าทำความผิดร้ายแรงบางอย่างแล้วอยากจะหนีไป! ฉันถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยแถมยังบอกว่ายิ่งฉันรู้ให้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี! วันหน้าให้ฉันดูแลตัวเองให้ดี ๆ..." "พูดต่อไปสิ" "จากนั้น
"จะวิธีอะไร ฉันก็อยากลองดูทั้งนั้น!" เสี่ยวอิ๋งเอ่ยโดยไม่ลังเล "ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก! วิธีไหนฉันก็อยากจะลองดู!" เย่เจี้ยนเหอเงยหน้ามองเธอแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า "โยนความผิดเรื่องทั้งหมดนี้ให้พ่อของเธอแบกรับไว้!" เมื่อเสี่ยวอิ๋งได้ยินเช่นนี้ ศีรษะของเธอก็ส่งเสียงอื้ออึง! ตอนแรกสังเวยคุณย่าไปแล้ว ตอนนี้ถึงทีพ่อของเธอแล้วงั้นเหรอ? เย่เจี้ยนเหอจ้องมองเธอ "ไม่มีเวลาคิดแล้ว จะตกลงหรือจะติดคุก!" "ฉันตกลง! ฉันตกลงค่ะ! ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก คุณอยากให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!" เสี่ยว อิ๋งผงกศีรษะซ้ำไปซ้ำมา เย่เจี้ยนเหอจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า "เดี๋ยวฉันจะเรียกทนายเข้ามา พวกเขาจะบอกเธอว่าต้องพูดหรือทำอะไร จากนั้นเธอก็แค่รอให้ตำรวจเรียกตัว" เสี่ยวอิ๋งผงกศีรษะ "ฉะ...ฉันเข้าใจแล้วค่ะ" พอกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวอิ๋งก็เจอพ่อของเธอ เมื่อทั้งสองคนสบตากัน ดวงตาของเสี่ยวอิ๋งก็ฉายแววน่าหวาดกลัว เซี่ยเทาก็รู้ได้โดยไม่ต้องคิดเลย ลูกสาวของเขารู้เรื่องแล้ว "เสี่ยวอิ๋ง พ่อทำอาหารให้ลูกกินด้วยนะ ดูสิ..." "กินบ้าอะไรเล่า!" เสี่ยวอิ๋งพลันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ขึ้นมาทันที! เธอร
ในสถานการณ์เช่นนี้ ขืนเสี่ยวอิ๋งมัวแต่เข้าไปพัวพันคงได้จบเห่กันพอดี การเก็บเธอไว้น่าจะยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เสี่ยวอิ๋งเองก็เป็นคนฉลาดจึงผงกศีรษะแล้ววิ่งออกทางประตูหลัง... เย่เซียวคิดจะเข้าไปขวาง แต่กลับถูกหลี่ชิงเฟิงห้ามเอาไว้ "ไม่ต้องไล่ตามหรอก วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของหวังเจิ้น อย่าทำอะไรน่าเกลียดเกินไปเท่านี้ก็พอแล้ว" เย่เซียวพยักหน้าแล้วยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำ ในตอนนี้เอง ปี้ไห่เทาก็เดินยิ้มเข้ามา "เหล่าหวัง วันนี้ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ! ทั้ง ๆ ที่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดดี ๆ ที่นายควรจะมีความสุขแท้ ๆ แต่กลับลงเอยแบบนี้เสียได้..." หวังเจิ้นถอนหายใจ "ช่างเถอะ" "เหล่าหวัง ตระกูลเย่ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกหอการค้าเทียนเหมินของพวกเรา เย่เจี้ยนเหอดันพานังคนชั้นต่ำแบบนั้นมาเสียได้ กลับไปเมื่อไหร่ฉันย่อมต้องตำหนิเขาแน่! ฉันจะทำให้เขาจำให้ขึ้นใจเชียวล่ะ! เมื่อพวกเรากลับถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ ไห่เทาย่อมต้องมาขอขมาของแน่นอน" หวังเจิ้นโบกมือ "คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ช่างมันเถอะ ผมไม่ถือสาหรอก" ปี้ไห่เทาพยักหน้าพลางขยิบตาให้เย่เจี้ยนเหอ จากนั้นพวกเขาสองคนก็ก้าวเดินจากไป ขณ
เสี่ยวอิ๋งโมโหจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว เธอชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วด่ากราดว่า "แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! คู่ควรที่จะมอบของขวัญให้ฉันแล้วงั้นเหรอ?" "หุบปากไปซะ พ่อตาของแกโดนซ้อมขนาดนั้น เขยอย่างแกไม่กล้าแม้แต่จะผายลมเสียด้วยซ้ำไป! แกยังกล้ามาก่อเรื่องที่นี่อีกงั้นรึ?" "ถ้าฉันเป็นแกล่ะก็ คงได้โหม่งเสาโทรศัพท์ตายไปแล้ว!" "ไร้ยางอายสิ้นดี!" เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งหน้าแดงก่ำและลำคอแข็ง หลี่ชิงเฟิงกลับยิ่งขบขันพลางกล่าวว่า "ฉันคิดว่าเธอต่างหาก มั้งที่น่าจะเป็นฝ่ายโหม่งเสาโทรศัพท์?" ทันทีที่เขาพูดจบ หน้าจอขนาดยักษ์ข้างหลังล็อบบี้ก็พลันสว่างขึ้น! หลังจากนั้นไม่กี่วินาที แสงก็สลัวลงแล้ววิดีโอก็เริ่มฉายบนหน้าจอขนาดยักษ์ เมื่อเสี่ยวอิ๋งหันหน้าไป สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือเซี่ยเทาที่กำลังนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง โดยมีสาวสวยอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่ข้างกาย! หึ่ง! เสี่ยวอิ๋งศีรษะจวนจะระเบิดอยู่แล้ว! เธอได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น! มันเป็นวิดีโอที่ก่อนหน้านี้หลี่ชิงเฟิงถ่ายเอาไว้นั่นเอง! เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งนิ่งงันไป หลี่ชิงเฟิงก็นิ้มแล้วพูดเสียงดังขึ้นมาว่า "ทุกท่าน ผู้ชายที่อยู่ในวิดี
เงินหลายล้านบาทไม่ได้จ่ายไปโดยไร้ประโยชน์แล้ว! ศาสตราจารย์เฒ่าโดนเขาหลอกเข้าแล้วจริง ๆ! เสี่ยวอิ๋งเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นก็ยิ้มพลางชี้นิ้วมาที่หลี่ชิงเฟิง "ตอนนี้แกจะว่ายังไงเล่า? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าแจกันของแกมันเป็นของปลอม!" "น่าตลกชะมัดเลย! ฉันเสนอทางออกให้ แต่แกกลับยืนกรานที่จะขุดหลุมฝังตัวเองให้ได้! ไม่มีใครห้ามแกได้เลย!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มจาง ๆ แล้วหันมามองศาสตราจารย์หลี่พลางพูดว่า "ศาสตราจารย์หลี่ ช่วยดูขอองผมอีกสักครั้งเถอะครับ" คาดไม่ถึงว่าศาสตราจารย์หลี่จะส่ายหน้าแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "ไม่ต้องดูหรอก" เซี่ยอิ่งหัวเราะพลางกล่าวว่า "แจกันใบนั้นของแกมันปลอมชัดเจนเกินไป! ศาสตราจารย์หลี่ไม่มองให้เสียสายตาหรอก!" ในยามนี้เอง ศาสตราจารย์หลี่ก็เหลือบมองเธอแล้วสายหน้า "สาวน้อย ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย ฉันยังพูดไม่ทันจบเลย ถึงแม้ว่าแจกันใบนี้จะฝีมือยอดเยี่ยมจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่มันเป็นของปลอมจริง ๆ" "ส่วนแจกันของคุณหลี่ ทันทีที่เข้ามาผมก็เห็นแล้วล่ะ มันเป็นของจริง ดังนั้นผมจึงไม่ต้องตรวจดูเลย" หลังจากศาสตราจารย์หลี่พูดจบ ทั้งห้องก็เ
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลี่ชิงเฟิงจะมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนั้น! ปี้ไห่เทาที่คอยสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ แอบรู้สึกว่าชักไม่ได้การเสียแล้ว หลี่ชิงเฟิงคนนี้ดูไม่เหมือนเขยไร้ประโยชน์อย่างที่ข่าวร่ำลือกันเอาไว้เลยสักนิด การที่ยังสามารถสงบนิ่งได้ในภาวะคับขันเช่นนั้น มิหนำซ้ำยังพูดจาเสียคล่องปากและท่าทีเจ้าแผนการของอีกฝ่าย เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบนี้จะเป็นเขยไร้ประโยชน์ไปได้ สิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดคือ ต่อให้อีกฝ่ายจะก่อเรื่องเช่นนั้น แต่หวังเจิ้นที่อยู่ข้าง ๆ กลับไม่มีวี่แววที่จะโมโหเลยสักนิด พวกเขาต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เขาเองก็รู้นิสัยของหวังเจิ้น อีกฝ่ายไม่ใช่ตาเฒ่าที่นิสัยดิบดีอะไรเลย พอปี้ไห่เทานึกได้เช่นนี้ เขาก็ทอดสายตามองเย่เจี้ยนเหออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสายตาหลุกหลิกอยู่บ้าง เขาก็พอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบนี้จะมีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ เสียด้วย ตอนนี้เย่เซียวยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมเจตนาสังหารอันแรงกล้า! เย่เจี้ยนเหอกับเสี่ยวอิ๋งหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัวไปชั่วขณะ ไม่นานปี้ไห่เทาก็ลุกขึ้นแล้วมองหลี่ชิงเฟิงด้วยสายตาเย็นชา "ทำแบบนี้
"ฉุดเศรษฐกิจให้ดิ่งลงเหวงั้นรึ? ถ้าทุกคนทำตัวเป็นไอ้เศษสวะชอบหลอกกินข้าวนิ่มอย่างแก ประเทศชาติก็คงจะพินาศไปตั้งนานแล้ว!" "ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี! แกมันก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งแท้ ๆ กล้าดียังไงถึงได้มาหัวเราะเยาะใส่พวกเรา?" ในตอนนี้เอง จู่ ๆ หวังเจิ้นที่เอาแต่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ตบโต๊ะ! ทุกคนพลันหุบปากฉับ! หวังเจิ้นแววตามืดมน เขาเหลือบมองทุกคนแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า "พวกคุณหมายความว่ายังไงกัน? คิดจะก่อจลาจลในงานเลี้ยงวันเกิดของผมรึไง? พวกคุณไม่เห็นแก่หน้าผมเลย! คิดจะทำอะไรกันแน่!" เมื่อหวังเจิ้นโกรธขึ้นมา แม้แต่ปี้ไห่เทาก็ยังไม่กล้าล่วงเกิน นับประสาอะไรกับพวกเขากันเล่า "เหล่าหวัง ได้โปรดใจเย็นลงก่อนเถอะ เอาแบบนี้เป็นยังไง เพื่อจะได้รู้ว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบไหนเป็นของจริงใบไหนเป็นของปลอม คุณก็แค่เชิญผู้เชี่ยวชาญให้มาประเมินก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" "คุณเองคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงของเก่ามานานหลายปี เช่นนั้นก็น่าจะรู้จักผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้เยอะอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ?" หวังเจิ้นถอนหายใจพลางพยักหน้าแล้วพูดว่า "ก็ได้! ในเมื่อพวกคุณอยากเถียงกันดีนัก งั้นก็มาทำให้เรื่องนี้กระจ่างกันไปเลย
หลังจากหลี่ชิงเฟิงพูดจบ ทุกคนก็ตะลึงงันไปชั่วขณะแล้วหัวเราะลั่น! เสี่ยวอิ๋งกับเย่เจี้ยนเหอหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง จากนั้นพวกเขาก็ชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วพูดว่า "แกมันขี้โม้จนไม่เลือกเวลาจริง ๆ พับผ่าสิ! ลำพังแค่คุยโวโอ้อวดต่อหน้าพ่อตาโง่ ๆ ของแกไม่พอ แต่ยังจะมาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าพวกเราอีกงั้นเหรอ?" ปี้ไห่เทาที่อยู่อีกด้านเองก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยแววดูถูกดูแคลน "ลำพังแค่พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ผ่านโลกมามากกว่าแกถึงสิบชาติภพรวมกันเสียอีก แกกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ คิดว่าพวกเราโง่หรือไงกัน?" "ผ่านโลกมามาก? คุณคิดว่าตัวเองผ่านโลกมามากแล้วงั้นรึ?" หลี่ชิงเฟิงยิ้มเหยียดหยันพลางเอ่ยเสียงทุ้มลึก "วันนี้ผมจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคุณเองก็แล้วกัน เย่เซียว เอาของขวัญของพวกเราออกมา" เย่เซียวผงกศีรษะ จากนั้นเขาก็หยิบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนออกมาจากกล่องแล้ววางลงต่อหน้าทุกคน ทันทีที่พวกเขาเห็นแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวน ทุกคนก็ถูกแจกันใบนั้นดึงดูดความสนใจเข้าแล้วจริง ๆ เย่เจี้ยนเหอหน้าถอดสีแล้วตรวจสอบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้วให้รู้สึกสับสน ฝีมือช่างวิจิตรประณีตนัก!
เย่เจี้ยนเหอยิ้มเหยียดหยัน "แกคิดจะแข่งกับฉันงั้นรึ? ก็ได้ ฉันจะเอาออกมาให้แกได้เปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน ฉันขอพนันเลยว่าชั่วชีวิตแกน่าจะได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ" หลังจากเย่เจี้ยนเหอพูดจบก็ดีดนิ้ว จากนั้นผู้ช่วยคนงามที่อยู่ข้างหลังก็รีบเดินเข้ามา ของขวัญของอีกฝ่ายเองก็อยู่ในกล่อง มิหนำซ้ำยังมีขนาดพอ ๆ กับของเขาอีกต่างหาก เย่เจี้ยนเหอยิ้มอวดดีแล้วพูดว่า "มหาเศรษฐีหวัง ผมได้ยินมาว่าคุณชอบสะสมของเก่ามากทีเดียว ดังนั้นผมจึงสั่งให้เพื่อนที่อยู่ต่างประเทศประมูลของสิ่งนี้มาให้คุณเป็นพิเศษ เชิญดูเอาเองเถอะครับ!" หลังจากพูดจบ ผู้ช่วยสาวก็เปิดกล่องแล้วสายตาของทุกคนก็ทอดมองมาที่มือของผู้ช่วยสาว! แจกันลายครามใบหนึ่งค่อย ๆ เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา! เมื่อหลี่ชิงเฟิงเห็นแจกันใบนี้ก็ถึงกับตะลึงงัน... ช่างเหมือนกับแจกันลายครามที่เขาซื้อมาไม่มีผิดเพี้ยนเลย! เขาเหลือบมองเย่เซียวที่อยู่ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเย่เซียวก็เอ่ยกระซิบข้างหูว่า "เป็นของปลอมแน่ ๆ ครับ" ในยามนี้เอง เย่เจี้ยนเหอก็หยิบแจกันขึ้นมาแล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคนแล้วพูดเสียงดังว่า "แจกันลายครามสมัยราชวงศ์ห