“ยายจ๋าพักได้แล้วไม่ต้องทำแล้วเดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปอีก” ขนมหวาน จิตใส หรือที่เพื่อนๆ เรียกเธอว่า หนมหวาน สาวน้อยวัยสิบแปดปีพูดกับ ยายเข็มทอง ผู้เป็นยายของตนที่เอาแต่วุ่นวายหยิบจับข้าวของตรงหน้าทั้งที่เพิ่งฟื้นจากอาการเป็นลมหน้ามืดไปเมื่อครู่ใหญ่
“ให้ยายช่วยน่ะดีแล้วจะได้เสร็จไวๆ เดี๋ยวไปไม่ทันตลาดวายเสียก่อน”
“ยังไงก็ทันจ้ายายไม่ต้องห่วง เอาล่ะเสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวหนมหวานไปก่อนนะยาย อยู่บ้านดีๆ ล่ะอย่าดื้ออย่าซน”
“แหม หลานคนนี้นี่ พูดอย่างกับยายเป็นเด็กๆ”
“ยายน่ะยิ่งกว่าเด็กค่ะ ดื้อมาก.. ไม่เอาละหนมหวานไปขายของก่อน นั่นไง กวิน กับ แสนหวาน มารับแล้ว”
ขนมหวานหันมาทำเสียงดุใส่ยายเข็มทองแล้วรีบเข็นรถเข็นที่มีขนมไทยหลากหลายอย่างออกไปหน้าบ้านซึ่งมีรั้วไม้สีขาวเก่าซีดที่เริ่มผุพังไปตามกาลเวลา โดยมี กวิน และ แสนหวาน เพื่อนชาย เพื่อนหญิงคนสนิทของเธอรีบกุลีกุจอมาช่วยหลังจากที่ทำความเคารพยายเข็มทองแล้ว
ยายเข็มทองมองดูหลานสาวที่เข็นรถเข็นออกไปจนลับสายตาแล้วถอนใจ ดวงตาที่เริ่มฝ้าฟางไปตามกาลเวลาหันไปมองรูปถ่ายของนางที่ถ่ายไว้สมัยที่แม่ของขนมหวานยังมีชีวิตอยู่ในรูปมีกันอยู่สามสาวคือมีตัวนางเองขนมหวานและ เขมรินทร์ แม่ของขนมหวาน
ขิม หรือ เขมรินทร์นั้นเป็นคนสวยและเคยได้ตำแหน่งในการประกวดประชันความงามหลายเวทีมีชายหนุ่มมากมายที่อยากครอบครองเป็นเจ้าของสาวงามอย่างเขมรินทร์ ตอนนั้นนางก็ดีใจที่ลูกสาวได้ประกวดประชันจนได้รับรางวัลมากมาย แต่ปัญหาที่ตามมาทำให้นางปวดหัวมากกว่า
เขมรินทร์หลงไปกับชื่อเสียงเงินทอง และคำเยินยอของชายหนุ่มมากหน้าหลายตาที่เข้ามาหาประสาสาวงาม แต่คนที่ได้ครอบครองใจของสาวงามคือชายหนุ่มผู้ร่ำรวยเพียบพร้อมที่ทางครอบครัวของเขาไม่อาจจะยอมรับเขมรินทร์ได้ ทั้งสองแอบได้เสียกันจนมีขนมหวานหมายใจว่าหากมีทายาทแล้ว จะทำให้แม่ของฝ่ายชายยอมรับพวกตน แต่ไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อทางแม่ของฝ่ายชาย กดดันทำทุกอย่างให้เขาทิ้งเขมรินทร์กับลูก จนถึงขั้นข่มขู่เอาชีวิต ทำให้ชายหนุ่มคนนั้นต้องจำใจทอดทิ้งเขม รินทร์เพื่อรักษาชีวิตของลูกเมียไว้ เขมรินทร์เองก็ต้องตัดใจจากผัวรักและหอบลูกน้อยกลับมาบ้านย่านชานเมืองของตน และไม่เคยเอ่ยถึงความเป็นไปของชายคนรักอีกเลย นางเองก็ไม่เคยพูดถึงพ่อของขนมหวานและใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ด้วยการทำขนมหวานซึ่งเป็นขนมไทยบ้าง ขนมฝรั่งบ้างไปขายในตลาดประจำอำเภอซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก
ขนมหวานเป็นเด็กน่ารัก ว่านอนสอนง่ายไม่เคยงอแงถามไถ่ถึงผู้เป็นพ่อ แค่แม่บอกว่าพ่ออยู่บนสวรรค์ขนมหวานก็ไม่ถามเซ้าซี้และมักจะทำบุญให้พ่อบนสวรรค์เสมอ จนขนมหวานอายุสี่ขวบเขมรินทร์ก็เสียชีวิตด้วยโรคไข้เลือดออก จากนั้นมาบ้านหลังน้อยก็มีเพียงสองยายหลานและเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกัน อย่างบ้านของกวินและแสนหวานผู้เป็นมิตรที่ดีเรื่อยมา
“ไม่รู้ว่ายายจะอยู่กับหนูได้อีกนานแค่ไหนนะขนมหวาน แต่ยายก็อยากให้หนูได้พบกับสิ่งที่ดีๆ อยากให้หนูได้รู้ความจริงว่าตัวเองเป็นใคร.. เผื่อว่าเขาจะเมตตาหลานของยายบ้าง..”
ยายเข็มทองถอนใจเบาๆ ทั้งรู้สึกคาดหวังและปลงเมื่อคิดถึงสาเหตุที่ทำให้แม่ของขนมหวานกลับมาที่นี่ อย่างคนที่ผิดหวังเจ็บปวดและต้องเลี้ยงลูกตามลำพัง
“เอาเถอะ ไม่รู้ก็ดีเหมือนกันเพราะถึงอย่างไรเขาก็คงไม่เห็นว่าหนูเป็นสายเลือดของเขาอยู่แล้ว.. เรามีกันแค่สองยายหลานก็เกินพอแล้ว แต่ยายก็จะไม่ปิดบังหนูอีกต่อไป”
ยายเข็มทองเดินไปในห้องนอนของตนแล้วเปิดลิ้นชักที่เก็บเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับพ่อของขนมหวานไว้
คำสั่งเสียสุดท้ายของเขมรินทร์คือ อย่างน้อยๆ ก็ขอให้ขนมหวานได้รู้ว่าพ่อของตัวเองชื่ออะไรและเป็นใคร แม้ว่าครอบครัวของเขาจะไม่ต้องการขนมหวานก็ตาม...
สามปีผ่านไปชีวิตของขนมหวานผกผันไปอย่างมาก เมื่อยายไม่สามารถทำขนมขายได้อีกต่อไป และเธอก็กำลังเรียนอยู่ปีสุดท้ายเหลือเวลาอีกแค่เทอมเดียวเท่านั้น แม้ใจจริงเธออยากจะทำขนมขายเองสานต่อเจตนารมณ์ และเพื่อไม่ให้ขนมหวานอันเลื่องชื่อของคุณยายสูญหายไปจากความทรงจำ แต่การที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการผลิตขนมหวานนั้นมันสูงเอาการทั้ง กะทิ น้ำตาล แป้ง หรือวัตถุดิบอื่นๆ อีกทั้งยายก็ป่วยออดๆ แอดๆ และเธอเองก็ต้องใช้จ่ายในการศึกษา ดังนั้นการมารับจ้างเป็นสาวเสิร์ฟ ล้างจานหรือพนักงานทำความสะอาดแบบพาร์ตไทม์ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า และรายได้งามกว่านั่งทำขนมแน่ๆ แต่ขนมหวานก็ตั้งใจไว้ว่าเธอจะต้องมีร้านขนมหวานเป็นของตัวเองในสักวัน
“หนมหวานจ๋า เสร็จยัง หนูหวานรอนานแล้วน้า... เดี๋ยวก็ไปไม่ทันกินของอร่อย”
เสียงแจ๋วๆ ของแสนหวานเพื่อนรักที่เห็นหน้ากันมาตั้งแต่จำความได้ร้องเรียกอยู่หน้าห้อง และแน่นอนว่าในปากของเจ้าหล่อนก็คงกำลังเคี้ยวขนมตุ้ยๆ แสนหวานมักมาขลุกอยู่กับเธอทั้งวันเพราะคุณยายมักมีขนมอร่อยๆ ให้กินเสมอ สาวเจ้าเนื้อแก้มยุ้ยน่ารักเหมือนตุ๊กตา จึงโปรดปรานการมานอนเล่นที่บ้านหลังน้อยของเธอมาก
“มาแล้วจ้าๆ ทำเป็นมาเร่งตัวเองยังนั่งกินขนมอยู่เลย”
“แหม.. ก็ของอร่อยแบบนี้ไม่กินก็เสียดายแย่ คุณยายก็จะเสียน้ำใจจริงไหมคะคุณยายขา”
“จ้าหนูหวานก็กินให้อิ่มก่อนค่อยไปก็ได้เผื่อที่งานไม่มีอะไรให้กิน”
“โอ๊ย.. ยายจ๋าที่งานเลี้ยงน่ะเขามีของให้กินทุกอย่างล่ะค่ะ ยายตะกละเนี่ยก็กินทุกอย่างที่ขวางหน้านั่นล่ะ”
“พูดมากน่า หนูหวานเป็นเด็กดีไม่กินทิ้งกินขว้างให้เสียของ ใช่ไหมคะคุณยายขา”
“จ้ะลูก” คุณยายยิ้มแล้วลูบเรือนผมสลวยของแสนหวานอย่างเอ็นดู
“มาอ้อนกินขนมยายเขาอยู่ได้ทุกวัน อี๋ๆ”
ขนมหวานทำท่าเบ้ปากใส่แสนหวานสองสาวหยอกเย้ากันอย่างสนุกสนาน พวกเธอเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ ไปไหนก็มักไปด้วยกันหน้าตาก็ละม้ายคล้ายกันทำให้ใครๆ ต่างคิดว่าพวกเธอเป็นแฝดคนละฝา เพียงแต่แสนหวานรูปร่างท้วมกว่าขนมหวานเท่านั้นเอง พ่อแม่ของแสนหวานก็รักใคร่เอ็นดูขนมหวานเช่นกัน
ตอนที่2.“ไปกันได้แล้วยายตะกละ” ขนมหวานบอกเพื่อนรักเมื่อเห็นกวินขับรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งมาจอดหน้าบ้าน“เดินทางปลอดภัยกันนะลูก”“ขอบคุณค่าคุณยาย” สองสาวก้มลงกราบที่ตักของคุณยายอย่างอ่อนช้อย แล้วพากันหิวกระเป๋าเดินทางใบย่อมของตนเดินไปขึ้นรถของกวินทางโรงแรมที่ขนมหวานทำงานนั้นจัดเลี้ยงปีใหม่ หลังจากที่ทุกคนทำงานหนักมาตลอดช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ทางโรงแรมจึงจัดเลี้ยงตอบแทนพนักงานและมีการจับรางวัลกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งรางวัลใหญ่ของปีนี้ผู้จัดการร้านบอกว่าเป็นทองคำหนักหนึ่งบาทถึงสิบรางวัลเลยทีเดียว ซึ่งทำให้พนักงานพากันตื่นเต้นมาก และงานปีนี้ทางโรงแรมไปจัดงานที่สาขาชลบุรีเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ให้พนักงานได้พักผ่อนกันสองวันสองคืนเลยทีเดียว“กรี๊ดดดด ทะเล้ ทะเล” กวินกรีดร้องออกมาอย่างตื่นเต้นจนลืมมาดชายหนุ่มของตนไปเลยทีเดียว“เบาๆ นังวินนี่ รักษาอิมเมจด้วยย่ะ” แสนหวานสะกิดเพื่อนรักที่แสดงออกเกินหน้าเกินตา กวินรู้สึกตัวรีบเก๊กท่าทางเคร่งขรึม แต่ทุกคนบนรถพากันหัวเราะขบขัน“ไม่ต้องมาหัวเราะกันเลยนะ แล้วช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับด้วย ไม่งั้นพ่อแม่เอาวินนี่ตายเลย”“จ้าไม่บอกหรอกจ้ะ กลัววินนี่ตายแล้วไม่มี
ตอนที่3.สำหรับอเล็กซิโอนั้นไม่มีส่วนไหนที่บ่งบอกว่าเขามีสายเลือดไทยผสมอยู่ เพราะใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นประกอบด้วยดวงตาสีฟ้าเข้มจัดจนแทบจะเป็นสีน้ำเงิน จมูกโด่งได้รูปรับกับริมฝีปากหยักสีแดงเข้ม เรือนผมสีดำสนิทหยักศกน้อยๆ ยาวประบ่าซึ่งเจ้าตัวก็มัดรวบไว้ที่ท้ายทอยอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ในเวลาปกติที่ไม่ได้ทำงานเขาก็จะปล่อยให้มันปลิวไสวไปตามธรรมชาติของมัน ผิวสีแทนเข้มคร้ามทำให้ร่างสูงใหญ่ราว 189 เซนติเมตรดูแข็งแกร่งน่าเกรงขาม“ไม่เคยดูไม่รู้จัก แล้วนายไปดูไอ้การ์ตูนติ๊งต๊องนี่ตอนไหนวะ ไม่ยักรู้ว่านายชอบอะไรแบบนี้”“เฮ้ย.. ฉันป่าวชอบ แค่เคยเห็น น้องนีน่า ดู ฉันเห็นตัวการ์ตูนมันน่ารักดีก็เลยดูกับหลาน” โจพูดถึงน้องนีน่าลูกของน้องสาวตน น้องนีน่า หรือ เด็กหญิงนิรชา อายุห้าขวบซึ่งชอบดูการ์ตูนเรื่องนี้มากและเขาก็จำเป็นต้องดูด้วยเพราะเดี๋ยวคุยกับหลานไม่รู้เรื่อง“อ้อ เหรอ..”“พูดมากน่า มาเถอะ เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปกล่าวเปิดงานก่อน นายรออยู่ตรงนี้ล่ะ เดี๋ยวให้พนักงานมาเทคแคร์ในฐานะที่นายมาเป็นแขกดอย”“ไม่ต้องเลย ฉันโตแล้วดูแลตัวเองได้”“เปล่า ไม่ได้ห่วงนาย แต่กลัวว่านายจะไปฉุดลูกน้องฉันขึ้นห้องก็
ตอนที่4.“ไม่หรอกค่ะ แค่รอลุ้นว่าใครจะได้แล้วใครได้รางวัลอะไรบ้าง ทุกคนแต่งตัวกันแบบไม่มีใครยอมใครต้องสนุกแน่ๆ”ขนมหวานยิ้มหวานให้พี่ลิซ่าก็เพราะเธอกับแสนหวานยังไม่ได้บรรจุเป็นพนักงานของโรงแรมยังคงสถานะเป็นเด็กฝึกงานอยู่และได้ทำงานพาร์ตไทม์ด้วย เพราะพี่ลิซ่าช่วยเหลือให้โอกาสและพวกเธอก็ทำได้ดี แว่วว่าพอเรียนจบพวกเธอก็อาจจะได้ทำงานที่โรงแรมต่อทันทีเลยก็นับว่าเป็นข่าวดีมาก แม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้เรียนจบมาด้านการโรงแรมโดยตรงแต่ขนมหวานก็เรียนมาทางด้านเทคโนโลยีอาหาร ส่วนแสนหวานนั้นเรียนด้านการเงินการจัดการ และทางโรงแรมก็ต้องการผู้ช่วยทั้งสองแผนก จึงรับให้พวกเธอเข้ามาฝึกงานและแผนกต้อนรับก็กำลังขาดคนพี่ลิซ่าจึงให้พวกเธอทำงานพาร์ตไทม์ช่วยวันในหยุดหรือหลังเลิกจากเวลาฝึกงาน ซึ่งได้รับอนุญาตจากผู้ใหญ่แล้วเรียบร้อย และผลงานของพวกเธอทั้งสองก็ถูกใจผู้บริหารมากด้วย เรียกได้ว่าเด็กสร้างของพี่ลิซ่านั้นอนาคตไกลทีเดียว ส่วนกวินนั้นเป็นเลขาของพี่ลิซ่ามาได้ปีกว่าแล้วเพราะเขาเรียนจบก่อนเพื่อนๆ ทั้งสอง เพราะเขาอายุมากกว่าสองปีแต่ก็มักเรียกขานกันแบบสนิทสนมมากกว่ามีคำนำหน้าว่าพี่“แต่รู้สึกเหมือนว่าหนูหวานจะไม่ไห