แชร์

บทที่ 12

ผู้เขียน: l3oonm@
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-07 14:54:01

แม้จะเจ็บปวดจนแทบจะลุกไม่ขึ้น แต่นางไม่อยากจะอยู่ในจวนแม่ทัพอีกต่อไปแล้ว จินเยว่จึงกัดฟันแน่นพยุงตัวลุกขึ้น จ้าวตงหยางเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปประคองทันที แต่นางก็เบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็วจนแผลที่หมอทำไว้ปริออกอีกครั้ง

"อ๊าาาา" นางร้องออกมาเบาๆ บุรุษทั้งสองที่ได้ยินถึงกับหน้าแดงทันที เสียงร้องของนางมันช่าง

"แม่นางเสวี่ยระวังเสียหน่อย แผลของเจ้าปริออกจนเลือดซึมอีกแล้ว" หลิวเหล่ยพูดขึ้น แต่เขายังไม่กล้าจะเข้าใกล้นาง เพราะใบหูของตนยังไม่หายแดง

เสี่ยวหงที่ส่งท่านหมอกลับไปแล้วก็เข้ามาทันได้ช่วยเหลือจินเยว่พอดี จึงลดความกระอักกระอ้วนของบุรุษทั้งสองลงได้ จ้าวตงหยางสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะสั่งให้คนของตนเตรียมรถม้าไปส่งจินเยว่ 

"เจ้าพาสาวใช้อีกสองคนตามนางกลับไปด้วย" จ้าวตงหยางหันไปสั่งกับเสี่ยวหง เพราะเรือนของนางมิมีบ่าวคอยรับใช้ ทั้งหมดเป็นจินเยว่ที่ทำ ตอนนี้นางทำอันใดมิได้ หากต้องให้มารดาขอนางงนางทำงานแทน นางคงต้องฝืนทำอีกเช่นครั้งที่แล้วแน่

"มิต้องเจ้าค่ะ เรือนของข้าเล็กนัก มิรบกวนคนของท่านแม่ทัพ" จินเยว่อยากจะไปให้พ้นจากเขาโดยเร็ว นางมิต้องการให้เขามาเกี่ยวข้องกับนางอีก

"แม่นางเสวี่ยข้าส่งคนไปช่วยมารดาเจ้าที่เรือนดีหรือไม่ เพียงทำความสะอาด ทำอาหารแล้วกลับเท่านั้น" จินเยว่คิดเพียงครู่ก็พยักหน้ารับความหวังดีของหลิวเหล่ย

จ้าวตงหยางกัดฟันข่มโทสะของตน นางยอมรับความหวังดีของหลิวเหล่ย แต่มิยอมรับของเขา เรื่องนี้เขาอยากจะพังข้าวของในห้องเสียให้ราบแต่ก็ทำได้เพียงจ้องมองนางเท่านั้น

เสี่ยวหงพาจินเยว่มาส่งด้วยตัวเอง ก่อนนางจะถึงเรือน นางขอให้เสี่ยวหงแต่งหน้าให้นางดูไม่ซีดจนเกินไป เมื่อถึงเรือนนางก็ไม่ให้เสี่ยวหงประคอง นางพยายามเดินอย่างปกติเข้าไปทักทายบิดามารดา แล้วรีบกลับเข้าห้องของตน

เสี่ยวหงมองจินเยว่อย่างปวดใจ เหตุใดคุณหนูเช่นนางจึงได้เข้มแข็งถึงเพียงนี้ เสี่ยวหงส่งจินเยว่ที่ห้องของนางก็พาคนของหลิวเหล่ยไปแนะนำตัวกับเกาซื่อ นางบอกเกาซื่อว่า

"ท่านกุนซือหลิว ส่งคนมาช่วยทำความสะอาดเรือน และทำอาหาร ให้ไปกลับทุกวันเจ้าค่ะ ท่านกุนซือหลิวเห็นใจแม่นางเสวี่ยที่ทำงานหนักเท่านั้นเจ้าค่ะ" เกาซื่อมิได้ติดใจอันใด มีคนมาช่วยบุตรสาวมิต้องให้ทำงานหนักนางก็พอใจแล้ว แต่เสวี่ยป๋อเหวินแปลกใจที่อยู่ดีดีหลิวเหล่ยจะส่งคนมาด้วยเหตุใด

ในเมื่อบุตรสาวมิได้พูดสิ่งใด ทุกอย่างดูเป็นปกติ มีเพียงสีหน้าที่เหน็ดเหนื่อยเท่านั้น เขาจึงไม่ได้ไปพบจินเยว่เพื่อสอบถาม ปล่อยให้นางพักผ่อนไปก่อน

คนของหลิวหล่นขยันขันแข็งทำงานได้อย่างเรียบร้อยแม้แต่อาหารที่ทำออกมารสชาติก็นับได้ว่าดี เกาซื่อก็ยิ่งพอใจเสมือนว่านางได้กลับไปเป็นฮูหยินเสวี่ยที่สุขสบายมีคนคอยรับใช้อีกครั้ง เมื่อเข้าไปดูบุตรสาวที่ห้องก็พบว่านางนอนหลับสบายดีจึงวางใจ

คนของหลิวเหล่ยต้มยามื้อเย็นให้จินเยว่ แล้วคอยดูแลให้นางกินข้าวกินยา เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้จึงได้กลับจวนตระกูลหลิวไป 

พอตะวันตกดินได้ไม่นาน จ้าวตงหยางที่อดกลั้นไม่ไหวเพราะเป็นห่วงจินเยว่ก็ลอบเข้ามาในจวนเสวี่ยเช่นทุกครั้ง เขามาถึงก็รีบเข้าไปดูนาง เมื่อเห็นนางมีไข้ดั่งเช่นที่ท่านหมอพูดก็เช็ดตัวให้นาง และทายาให้นางด้วย

"เจ็บมากหรือไม่ ข้ามาช้าไป ข้าขอโทษ" เขาทายาไปก็พูดกับนางด้วยเสียงแผ่วเบา แม้จะรู้ว่านางไม่รับรู้ในเวลานี้ แต่เขาก็พูดต่อไปเรื่อยๆจนทายาเสร็จ

"อื้อออ" จินเยว่ครางออกมาอย่างแผ่วเบา เพราะความเจ็บจากการพันแผลของจ้าวตงหยาง แม้สาวใช้ของหลิวเหล่ยจะทำแผลให้นางไปแล้ว แต่จ้าวตงหยางก็อยากจะทำด้วยตนเอง

จ้าวตงหยางชะงักทันที เขาอยากจะปิดปากน้อยๆของนางนัก ยิ่งตอนที่นางเผลอร้องต่อหน้าหลิวเหล่ยเขาอยากจะตัดหูของสหายทิ้งไปเสียเพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงร้องของนาง (นั่นสหายของท่านนะ)

"ข้าจะทำเช่นไรกับเจ้าดี" เขาโมโหทุกครั้งที่เห็นบุรุษอื่นมองนาง ยิ่งนางเชื่อใจหลิวเหล่ยมากกว่าตน จ้าวตงหยางก็แทบจะควบคุมอารมณ์ของตนไว้ไม่ได้ พอรู้ว่าท่านเจ้าเมืองต้องการตัวนางเขาก็อยากจะบุกไปเผาจวนเจ้าเมืองทิ้ง

ตอนที่มีคนมารายงานว่าเว่ยซืออิงลงโทษนาง เขาก็ควบม้าออกมาราวกับอยากจะมีปีกบิน ยิ่งเห็นนางเจ็บเขาก็อยากจะฆ่าคนที่ทำให้นางต้องเป็นเช่นนี้ (ต้องฆ่าตัวตายจ๊ะ เพราะพ่อเลยนางถึงได้เป็นเช่นนี้)

จ้าวตงหยางมุดตัวเข้าไปอยู่ในผ้าห่มของจินเยว่ เขาค่อยๆจับตัวนางให้หันตะแคงมาอยู่ในอ้อมกอดของตนอย่างช้าๆ โดยระวังไม่ให้ถูกบาดแผลของนางเข้า 

"อ๊าาา" จินเยว่นิ่วหน้าครางออกมาเมื่อขยับตัวแล้วเกิดเจ็บแผลขึ้น แต่ฤทธิ์ของยาก็ไม่ได้ทำให้นางตื่นขึ้นมา จ้างตงหยางก้มลงไปขบริมฝีปากของนางด้วยความหงุดหงิดเพราะเสียงร้องของนาง หากเป็นคนอื่นที่ได้ยินเขาคงได้โมโหจนกระอักเลือดตาย

"อื้อออ" จินเยว่เผลออ้าปากประท้วง จ้าวตงหยางจึงได้โอกาสสอดลิ้นของตนเข้าไปกอบโกยความหวานของนาง แม้จะอาลัยอาวรณ์กับรสจูบที่หวานล่ำแต่ก็ต้องจำผละออกเพราะกลัวนางจะไม่สบายตัว

บทที่เกี่ยวข้อง

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 13

    จินเยว่ที่กำลังฝันหวานว่านางถูกบุรุษรูปงามมอบจูบแรกให้อย่างดูดดื่มก็เผลออมยิ้มออกมา จ้าวตงหยางที่เห็นเช่นนั้นก็ก้มลงจูบนางอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เข้าเห็นนางให้ความร่วมมืออย่างดีจึงอ้อยอิ่งกับความหวานล่ำอยู่นาน จนหญิงสาวเริ่มจะหายใจไม่ทันจึงได้ยอมปล่อยนาง แล้วดึงนางเข้ามากอดไว้อย่างหวงแหนจินเยว่ที่หลับสบายก็ซุกตัวเข้าหาอ้อมอกที่อุ่นจนลืมความเจ็บปวดของบาดแผลของตนไปเสีย นางได้กลิ่นที่คุ้นเคยก็หลับไป เพราะคิดว่าเป็นความฝันจึงมิได้ระวังตัว ยิ่งมีอาการของพิษไข้ด้วยแล้วนางจึงไม่รู้ว่าภายในห้องมิได้มีแค่ตัวนางที่นอนอยู่คนเดียวครั้งนี้จ้าวตงหยางอาลัยอาวรณ์มิอยากจะกลับไป ถึงฟ้าจะเริ่มสว่างแล้วแต่เขาก็ยังคงกอดจินเยว่ไม่ยอมปล่อย จนนางเริ่มขยับตัว เขาจึงได้จุมพิตที่หน้าผากแล้วกระโดดออกทางหน้าต่างไปจินเยว่ที่ตื่นขึ้นมาเพราะข้างกายข้างนางไร้ความอบอุ่นแล้วก็มองไปรอบๆห้องอย่างใคร่ครวญ หากจะบอกว่าเป็นความฝันก็คงจะเหมือนจริงยิ่งนัก แต่ในเมื่อไม่เห็นสิ่งใดผิดปกตินางจึงหลับตานอนต่อจ้าวตงหยางกลับถึงจวนก็พบว่าเว่ยซืออิงกำลังร่ำไห้อยู่กับมารดาของตน"หยางเออร์ นี่มันเรื่องอันใดกันเหตุใดเจ้าถึงไล่น้องกลับตระก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-08
  • จองจำรักร้าย   บทที่ 14

    จินเยว่ที่ดื่มยานอน แผลที่หลังเริ่มจะสมานแล้วจึงมิได้เจ็บมากเช่นตอนแรก และตอนนี้นางมีคนคอยช่วยจัดการเรื่องในบ้านจึงไม่ต้องทำสิ่งใดให้กระทบบาดแผล นางเพียงนอนพักรักษาตัวเท่านั้นในช่วงกลางวันนางยังออกไปนั่งสนทนากับบิดามารดาเพื่อไม่ให้ทั้งคู่สงสัยเรื่องการบาดเจ็บของนาง จินเยว่ไม่อยากให้บิดามารดาขอนางกังวลเรื่องของนางมากเกินไป"องค์รัชทายาทส่งข่าวมา พระองค์หาหลักฐานเรื่องที่ข้ามิได้ทำผิดพบแล้ว อีกไม่นานเรื่องทั้งหมดคงจบสิ้นเสียที" เสวี่ยป๋อเหวินกล่าวขึ้นหลังทานมื้อกลางวันเสร็จ"จริงหรือเจ้าคะท่านพี่ สวรรค์เมตตาพวกเราแล้ว" เกาซื่อแทบจะลงไปคำนับที่พื้น นางจับมือสามีหลั่งน้ำตาออกมา ความน้อยใจในโชคชะตาที่ได้รับตอนนี้ลดลงไปอย่างมาก เมื่อเห็นสามีพยักหน้ายิ้มให้นาง"ดียิ่งเจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่ พวกเราจะได้หลุดพ้นกับคำว่าขุนนางต้องโทษเสียที" จินเยว่ยิ้มกว้างกว่าทุกวัน นางอดที่จะดีใจกับบิดาของนางไม่ได้เกาซื่อลูบหัวบุตรสาวอย่างรักใคร่ นานเพียงใดแล้วที่บุตรสาวของนางไม่ได้ยิ้มกว้างเช่นในตอนนี้ ความลำบากที่บุตรสาวได้รับอีกไม่นานก็จะจบลงเสียทีเมื่อพูดคุยกับจบจินเยว่ก็ขอตัวกลับห้องของตน เพราะนางเริ่มจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-08
  • จองจำรักร้าย   บทที่ 1

    "เยว่เออร์ลูกรักตื่นเถิด" เสียงสะอื้นของบุรุษวัยกลางคน"เยว่เออร์ สวรรค์ไยถึงได้โหดร้ายเช่นนี้ ตระกูลเสวี่ยของพวกข้าทำผิดอันใด ฮืออออ" เสียงสตรีร้องไห้จนจินเยว่รู้สึกเศร้าไปกับนางด้วยก่อนหน้านี้เธอกำลังเข้าจับกุมพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ของประเทศอยู่ เธอที่รอกองกำลังที่กำลังเดินทางมาช่วยเหลือ เพียงแต่ลูกน้องของเธอที่เห็นโอกาสตรงหน้าแล้วไม่อยากจะรออีก จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าหน่วยงานของตนจะมีหนอนบ่อนไส้ ภารกิจครั้งนี้คือการวางแผนตลบหลังหน่วยงานสืบของพวกเธอ จินเยว่ที่เข้าช่วยเหลือลูกน้องให้ฝ่าวงล้อมเพื่อหนีออกไป แต่จำนวนคนที่ต่างกันทำให้เธอพลาดโดนกระสุนปืนหลายนัด ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะดับลง กองกำลังเสริมก็เข้ามาควบคุมพื้นที่ได้พอดีอย่างน้อยการตายของเธอก็ไม่เสียเปล่า เพราะทางฝั่งพ่อค้ายาก็ยอมสู้จนตัวตายเช่นกัน เสียงโวยวาย เสียงร้องเรียกเธอดังขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงของบุรุษและสตรีที่เอาแต่กอดเธอร้องไห้อยู่คำเรียกที่แปลกไป หากจะบอกว่าเป็นคุณพ่อคุณแม่ของเธอก็คงไม่ใช่ เพราะพวกท่านเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อสามปีที่แล้ว ตอนนี้เธอจึงอาศัยอยู่คนเดียวโดยที่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • จองจำรักร้าย   บทที่ 2

    การเดินทางที่ยาวนานนับสามเดือนนี้แทบจะสูบวิญญาณของนางและครอบครัวออกไปจนหมด เกาซื่อนำข้าวต้มมาให้บุตรสาวที่ตั้งแต่ตื่นมาก็นั่งเหม่ออยู่บนเตียงเท่านั้น"เยว่เออร์กินข้าวเสียหน่อยลูก เสบียงที่มีมาใกล้หมดแล้วแต่อีกไม่กี่วันก็จะเดินทางถึงเมืองโยวเป่ยที่พวกเราต้องไปอยู่แล้ว เจ้าก็อดทนอีกหน่อยนะลูก" เกาซื่อส่งชามให้จินเยว่พร้อมทั้งลูบหัวนาง"ท่านแม่ ข้า ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน" จินเยว่เอ่ยด้วยเสียงสะอื้น เป็นเพราะนางคิดถึงคุณแม่ของนางมากจริงๆ แล้วมารดาของร่างนี้ก็เหมือนแม่ของนางราวกับคนเดียวกัน ความโหยหาตลอดสามปีที่ผ่านมามันกลั่นออกมาเป็นคำพูดมิได้ มีเพียงกอดที่นางส่งไปให้เกาซื่อเท่านั้นที่บอกความรู้สึกของนางออกมาทั้งหมดแทน"เจ้าลูกคนนี้ เพียงหลับไปสามวันเท่านั้น จะมาคิดถึงแม่ได้อย่างไร" นางแสร้งดุแต่มือข้างที่ไม่ได้กอดบุตรสาวก็ยกขึ้นปาดน้ำตาทิ้งตลอด สวรรค์เท่านั้นที่จะรู้ว่านางกลัวสูญเสียบุตรสาวมากเพียงใดเสวี่ยป๋อเหวินที่เข้ามาเห็นสองแม่ลูกกอดกันร้องไห้ก็รีบเดินเข้ามาสอบถามทั้งคู่ว่าเป็นอันใด เมื่อรู้เรื่องก็ดึงทั้งคู่มากอดพร้อมทั้งพร่ำบอกว่าเป็นตนเองที่อ่อนแอจนถูกคนใส่ร้ายจินเยว่ลอบสาบานใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • จองจำรักร้าย   บทที่ 3

    เมื่อเดินทางถึงเมืองโยวเป่ย คนที่รอรับต่างคิดว่าจะเห็นสภาพที่ย่ำแย่ของทุกคนแต่ผิดคาด ทหารทุกนายล้วนน้ำหนักขึ้นแม้แต่จินเยว่ที่ผายผอมลงในตอนแรกตอนนี้ก็มีน้ำมีนวลขึ้น เสวี่ยป๋อเหวินกับเกาซูฮวาก็ดูแข็งแรงขึ้นกว่าตอนที่ออกจากเมืองหลวงเพราะได้รับสารอาหารที่ครบ ในขบวนไม่มีใครล้มป่วยลงอีกเลย เพราะน้ำดื่มจินเยว่ยังสั่งให้ต้มก่อนที่จะกิน คนที่มารอรับพวกเขาในครั้งนี้มีขุนนางหลายคนทั้งที่สนิทกับบิดาและคนฝ่ายตรงข้าม สายตาที่มองมามีทั้งเห็นใจและสะใจกับความโคร้ายที่ตระกูลเสวี่ยได้รับ คงมีเพียงเสวี่ยป๋อเหวินกับเสวี่ยจินเยว่ที่ไม่สนสายตาเหล่านั้น แต่มารดาของตนอับอายเกินกว่าจะเงยหน้ามามองใครได้นอกจากสายตาที่เห็นใจและสะใจแล้วขุนนางบางคนยังมองจินเยว่อย่างประเมินนางเหมือนนางเป็นสิ่งของที่รอให้คนมาเลือกซื้อกลับไป ตอนที่จินเยว่อยู่เมืองหลวงนางก็ได้ชื่อมาหนึ่งในสาวงามของเมืองหลวง ยิ่งเมืองทางชายแดนไม่ต้องพูดถึงสาวงามเช่นนางจะหลุดออกมาได้นับว่ามีน้อยยิ่งนักใครจะไม่ชื่นชอบสาวงาม หากได้นางมาอุ่นเตียงคงจะทำให้ชีวิตของพวกเขามีสีสันยิ่งนัก แต่ตอนนี้มีทั้งคนใจกล้าและคนที่ยังลังเลอยู่ ด้วยเรื่องของเสวี่ยป๋อเหวิน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-03
  • จองจำรักร้าย   บทที่ 4

    นางเริ่มเก็บดอกหอมหมื่นลี้ที่อยู่บนต้นเมื่อเห็นว่าได้เยอะแล้วก็นั่งแยกให้เหลือเพียงดอกที่สมบูรณ์เท่านั้น จากนั้นนำไปล้างอยู่หลายน้ำเพื่อให้มั่นใจว่าสะอาดแน่นอน นางต้มน้ำตาลกับน้ำเปล่าจนละลายเข้ากันดีแล้วใส่ดอกหอมหมื่นลี้ลงไปคนจนเข้ากัน นางนำน้ำผึ้งที่เหลือเมื่อครั้งที่ลู่ซานซื้อมาให้นางหมักหมูป่าใส่ลงไปด้วยเพื่อให้น้ำเชื่อมของนางข้นขึ้น เมื่อเย็นแล้วก็เทใส่ไหเก็บไว้ จะได้น้ำตาลเชื่อมจากดอกหอมหมื่นลี้ นางจะนำไว้ชงน้ำชาให้บิดามารดาดื่ม นางตักน้ำเชื่อมหนึ่งช้อนเล็กมาชงใส่กาน้ำชานำไปให้ทหารที่มาเฝ้าที่เรือนของนางได้ลองดื่ม นางต้องซื้อใจคนพวกนี้ไว้ด้วยหากจะออกไปข้างนอกก็ต้องหวังพึ่งพาพวกเขาความหอมหวานของดอกหอมหมื่นลี้เมื่อพวกเขาได้ลิ้มลองเพียงจอกเดียวย่อมไม่พอแต่น้ำชาที่แม่นางเสวี่ยนำมามีเพียงแค่กาเดียว พวกเขาจำต้องแบ่งกันดื่มทหารที่ไปหาแม่ทัพจ้าววิ่งมาถึงค่ายยังไม่ทันหายเหนื่อยก็รีบเข้าไปรายงานก่อนแล้ว เขาอยากรีบนำของกลับไปส่งให้แม่นางเสวี่ย หากได้เห็นรอยยิ้มของสาวงามเหนื่อยตายก็คงไม่เป็นอันใด"ท่านแม่ทัพขอรับ นี่คือของที่ยึดมาจากแม่นางเสวี่ยขอรับ""อย่าบอกว่าของแค่นี้เจ้าก็ยังยึดมาจาก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-03
  • จองจำรักร้าย   บทที่ 5

    บิดาถอนหายใจก่อนจะเล่าเรื่องระหว่างสองตระกูลที่เกิดขึ้นมาเกือบสิบปีแล้วให้ฟัง บิดาของจ้าวตงหยางเป็นอดีตท่านแม่ทัพใหญ่ที่ดูแลชายแดนเหนือ สิบปีที่แล้วเกิดสงครามระหว่างแคว้นขึ้น เสวี่ยป๋อเหวินตอนนั้นเพิ่งจะขึ้นรับตำแหน่งเสนาบดีกรมคลังก็ถูกราชโองการให้จัดงบประมาณลงมาช่วยเหลือเรื่องเสบียงอาหารของกองทัพเรื่องเหมือนจะไม่มีอันใด แต่เสนาบดีคนเก่ายักยอกเงินในคลังไปเสียเกือบครึ่งถึงจะยึดทรัพย์ของเขามาเติมแล้วแต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับเงินที่จะจัดซื้อเสบียง ทำให้เสบียงที่ถูกส่งไปเลี้ยงกองทัพไม่เพียงพอ อดีตท่านแม่ทัพใหญ่จ้าวจึงต้องเร่งเข้าโจมตีแคว้นเซี่ยก่อนที่เสบียงจะหมด ถึงแคว้นฉีจะได้รับชัยชนะในสงครามครั้งนั้นแต่ก็ต้องแลกมาด้วยชีวิตของอดีตท่านแม่ทัพใหญ่จ้าวถึงแม้จะไม่ใช่ความผิดของเสวี่ยป๋อเหวิน แต่มิใช่สำหรับจ้าวตงหยาง เขาคิดว่าเสวี่ยตงหยางจงใจตัดงบเสบียงกองทัพจึงเป็นเหตุให้บิดาเขาต้องเสียชีวิตลง หลังจากนั้นตัวเขาก็เข้าสู่สนามรบในวัยเพียงสิบสี่ปี ความโกรธแค้นในครั้งนั้นเขานำไปลงกับทหารของแคว้นเซี่ยจนสามารถนำชัยชนะกลับมาได้ ไม่ใช่คนตระกูลจ้าวทุกคนที่คิดเช่นจ้าวตงหยาง แม้แต่มารดาของเขาจะบอกความจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-04
  • จองจำรักร้าย   บทที่ 6

    เสี่ยวหงให้จินเยว่ยืนรอจ้าวตงหยางที่หน้าเรือนของเขา เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านใน อากาศที่หนาวเหน็บของทางเหนือ เสื้อผ้าของบ่าวที่นางสวมอยู่ในตอนนี้มิช่วยให้เกิดความอบอุ่นขึ้นเลย เหมือนจงใจกลั่นแกล้งนางตั้งแต่แรกที่เดินเข้ามาในจวนแล้วจินเยว่ยืนรอให้จ้าวตงหยางเรียกเกือบหนึ่งชั่วยาม เขาถึงให้นางเข้าไปพบ จินเยว่เดินตัวแข็งทื่อเข้าไปเพราะนางหนาวจนขาแข็งไปหมดแล้ว "บังอาจ เหตุใดถึงไม่คารวะท่านแม่ทัพ" ก็กำลังจะทำอยู่นี่ไง นางลอบกลอกตาอย่างไม่พอใจ"จินเยว่ คารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ" นางก้มหน้าลงเพราะไม่อยากทนมองสายตาเหยียดหยามที่เขาใช้มองนาง"หึ วันนี้เจ้าติดตามคอยรับใช้ญาติผู้น้องของข้า" เขาแค่นเสียงใส่นาง ก่อนที่จะเอ่ยบอกหน้าที่ของนางนางเงยหน้าขึ้นมองเขาอยากไม่อยากเชื่อว่า เขาจะให้นางคอยรับใช้ญาติผู้น้องของเขา แม้แต่บ่าวในเรือนก็สะดุ้งตกใจ นางได้แต่สงสัยว่าญาติผู้น้องของเขาเป็นคนเช่นไรกันแน่ หากเป็นคนดีเรื่องนี้คงไม่ต้องถึงนาง"มีอันใด หรือเจ้ามิยินยอม" "ข้าเพียงแค่สงสัย ท่านให้ข้ามาช่วยงาน เหตุใดถึงต้องคอยรีบใช้ญาติผู้น้องของท่านด้วย""หึ แค่บุตรสาวขุนนางต้องโทษเจ้ามีสิทธิ์เลือกหรือ"

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-04

บทล่าสุด

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 14

    จินเยว่ที่ดื่มยานอน แผลที่หลังเริ่มจะสมานแล้วจึงมิได้เจ็บมากเช่นตอนแรก และตอนนี้นางมีคนคอยช่วยจัดการเรื่องในบ้านจึงไม่ต้องทำสิ่งใดให้กระทบบาดแผล นางเพียงนอนพักรักษาตัวเท่านั้นในช่วงกลางวันนางยังออกไปนั่งสนทนากับบิดามารดาเพื่อไม่ให้ทั้งคู่สงสัยเรื่องการบาดเจ็บของนาง จินเยว่ไม่อยากให้บิดามารดาขอนางกังวลเรื่องของนางมากเกินไป"องค์รัชทายาทส่งข่าวมา พระองค์หาหลักฐานเรื่องที่ข้ามิได้ทำผิดพบแล้ว อีกไม่นานเรื่องทั้งหมดคงจบสิ้นเสียที" เสวี่ยป๋อเหวินกล่าวขึ้นหลังทานมื้อกลางวันเสร็จ"จริงหรือเจ้าคะท่านพี่ สวรรค์เมตตาพวกเราแล้ว" เกาซื่อแทบจะลงไปคำนับที่พื้น นางจับมือสามีหลั่งน้ำตาออกมา ความน้อยใจในโชคชะตาที่ได้รับตอนนี้ลดลงไปอย่างมาก เมื่อเห็นสามีพยักหน้ายิ้มให้นาง"ดียิ่งเจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่ พวกเราจะได้หลุดพ้นกับคำว่าขุนนางต้องโทษเสียที" จินเยว่ยิ้มกว้างกว่าทุกวัน นางอดที่จะดีใจกับบิดาของนางไม่ได้เกาซื่อลูบหัวบุตรสาวอย่างรักใคร่ นานเพียงใดแล้วที่บุตรสาวของนางไม่ได้ยิ้มกว้างเช่นในตอนนี้ ความลำบากที่บุตรสาวได้รับอีกไม่นานก็จะจบลงเสียทีเมื่อพูดคุยกับจบจินเยว่ก็ขอตัวกลับห้องของตน เพราะนางเริ่มจ

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 13

    จินเยว่ที่กำลังฝันหวานว่านางถูกบุรุษรูปงามมอบจูบแรกให้อย่างดูดดื่มก็เผลออมยิ้มออกมา จ้าวตงหยางที่เห็นเช่นนั้นก็ก้มลงจูบนางอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เข้าเห็นนางให้ความร่วมมืออย่างดีจึงอ้อยอิ่งกับความหวานล่ำอยู่นาน จนหญิงสาวเริ่มจะหายใจไม่ทันจึงได้ยอมปล่อยนาง แล้วดึงนางเข้ามากอดไว้อย่างหวงแหนจินเยว่ที่หลับสบายก็ซุกตัวเข้าหาอ้อมอกที่อุ่นจนลืมความเจ็บปวดของบาดแผลของตนไปเสีย นางได้กลิ่นที่คุ้นเคยก็หลับไป เพราะคิดว่าเป็นความฝันจึงมิได้ระวังตัว ยิ่งมีอาการของพิษไข้ด้วยแล้วนางจึงไม่รู้ว่าภายในห้องมิได้มีแค่ตัวนางที่นอนอยู่คนเดียวครั้งนี้จ้าวตงหยางอาลัยอาวรณ์มิอยากจะกลับไป ถึงฟ้าจะเริ่มสว่างแล้วแต่เขาก็ยังคงกอดจินเยว่ไม่ยอมปล่อย จนนางเริ่มขยับตัว เขาจึงได้จุมพิตที่หน้าผากแล้วกระโดดออกทางหน้าต่างไปจินเยว่ที่ตื่นขึ้นมาเพราะข้างกายข้างนางไร้ความอบอุ่นแล้วก็มองไปรอบๆห้องอย่างใคร่ครวญ หากจะบอกว่าเป็นความฝันก็คงจะเหมือนจริงยิ่งนัก แต่ในเมื่อไม่เห็นสิ่งใดผิดปกตินางจึงหลับตานอนต่อจ้าวตงหยางกลับถึงจวนก็พบว่าเว่ยซืออิงกำลังร่ำไห้อยู่กับมารดาของตน"หยางเออร์ นี่มันเรื่องอันใดกันเหตุใดเจ้าถึงไล่น้องกลับตระก

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 12

    แม้จะเจ็บปวดจนแทบจะลุกไม่ขึ้น แต่นางไม่อยากจะอยู่ในจวนแม่ทัพอีกต่อไปแล้ว จินเยว่จึงกัดฟันแน่นพยุงตัวลุกขึ้น จ้าวตงหยางเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปประคองทันที แต่นางก็เบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็วจนแผลที่หมอทำไว้ปริออกอีกครั้ง"อ๊าาาา" นางร้องออกมาเบาๆ บุรุษทั้งสองที่ได้ยินถึงกับหน้าแดงทันที เสียงร้องของนางมันช่าง"แม่นางเสวี่ยระวังเสียหน่อย แผลของเจ้าปริออกจนเลือดซึมอีกแล้ว" หลิวเหล่ยพูดขึ้น แต่เขายังไม่กล้าจะเข้าใกล้นาง เพราะใบหูของตนยังไม่หายแดงเสี่ยวหงที่ส่งท่านหมอกลับไปแล้วก็เข้ามาทันได้ช่วยเหลือจินเยว่พอดี จึงลดความกระอักกระอ้วนของบุรุษทั้งสองลงได้ จ้าวตงหยางสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะสั่งให้คนของตนเตรียมรถม้าไปส่งจินเยว่ "เจ้าพาสาวใช้อีกสองคนตามนางกลับไปด้วย" จ้าวตงหยางหันไปสั่งกับเสี่ยวหง เพราะเรือนของนางมิมีบ่าวคอยรับใช้ ทั้งหมดเป็นจินเยว่ที่ทำ ตอนนี้นางทำอันใดมิได้ หากต้องให้มารดาขอนางงนางทำงานแทน นางคงต้องฝืนทำอีกเช่นครั้งที่แล้วแน่"มิต้องเจ้าค่ะ เรือนของข้าเล็กนัก มิรบกวนคนของท่านแม่ทัพ" จินเยว่อยากจะไปให้พ้นจากเขาโดยเร็ว นางมิต้องการให้เขามาเกี่ยวข้องกับนางอีก"แม่นางเสวี่ยข้าส่งคนไปช

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 11

    จินเยว่เงยหน้าจ้องเว่ยซืออิงอย่างเย็นชา ยิ่งเห็นสายตาของจินเยว่ เว่ยซืออิงก็ยิ่งบันดาลโทสะ นางนำแส้ออกมาฟาดไปที่ตัวของจินเยว่ ความจริงนางจะฟาดลงไปที่หน้าแต่จินเยว่เบี่ยงตัวหลบทัน แส้จึงฟาดลงที่แขนของนางแทนเหมือนนางจะยิ่งโมโหเพราะแส้ที่นางฟาดเพื่อให้โดนใบหน้ากับไม่โดน"เจ้าพวกโง่ จับตัวนางไว้ให้ข้า วันนี้ข้าจะตีนางให้ตายเสีย กล้าดีเช่นใดทำให้ข้าอับอายต่อหน้าคนมากมาย" เหมือนเว่ยซืออิงจะเสียสติไปเสียแล้ว สาวรับใช้ตัวสั่นไปด้วยความกลัว แต่นางก็ต้องทำตามคำสั่งของนาย"คุณหนูเว่ยโปรดหยุดมือ" นางตีจินเยว่ไปที่หลังได้เพียงสามครั้งเท่านั้น หลิวเหล่ยที่เดินทางเข้าเมืองมาก็ถูกเสี่ยวหงเรียกตัวไว้ก่อนจะมาพบกับเหตุการณ์ตรงหน้าเขา"ท่านกุนซือหลิว เรื่องนี้ท่านอย่าได้เข้ามายุ่ง" นางหลุดกิริยาที่มักจะเรียบร้อยอ่อนหวานต่อหน้าคนอื่นตลอด แต่วันนี้ความโกรธเข้าบังตาทำให้สติของนางหลุดความเป็นตัวตนที่แท้จริงออกมา"ไม่ยุ่งคงมิได้ แม่นางเสวี่ยมิได้เป็นบ่าวในจวนท่านแม่ทัพหรือบ่าวตระกูลเว่ย ที่จะให้ท่านโบยตีได้ตามอำเภอใจ" หลิวเหล่ยกล่าวด้วยเสียงดุดัน อย่างที่ทุกคนพบเห็นได้น้อย สาวใช้ที่จับตัวของจินเยว่ไว้ปล่อยต

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 10

    จ้าวตงหยางลากหลิวเหล่ยไปด้วยกัน เมื่อมาถึงหน้าเรือนก็พบว่า ประตูเรือนตระกูลเสวี่ยไม่เปิดต้อนรับพวกตน กงจือที่ทำหน้าที่เฝ้าคนตระกูลเสวี่ยจึงได้รายงานให้แม่ทัพของเขาฟัง "ท่านแม่ทัพขอรับ นายท่านเสวี่ยรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่จวนท่านแล้ว จึงไม่ยอมให้พวกท่านเข้าไปในเรือนอีกขอรับ" จ้าวตงหยางกับหลิวเหล่ยตกตะลึง แต่จะโทษใครได้เป็นตนเองที่ทำให้บุตรสาวของเขาอับอาย หากบิดาของนางจะทำเช่นนี้ก็เห็นสมควรแล้ว ตอนนี้ภายในเรือนตระกูลเสวี่ย สองพ่อลูกกำลังนั่งพูดคุยกันเรื่องธนาคารในอีกพันปีข้างหน้า จินเยว่เล่าระบบการทำงานของธนาคารให้บิดาฟัง เสวี่ยป๋อเหวินก็ร่างระเบียบแผนการเก็บไว้มอบให้องค์รัชทายาท หากแคว้นฉีมีธนาคารเช่นที่จินเยว่พูดเงินในคลังหลวงก็จะเพิ่มขึ้นจากการเก็บดอกเบี้ย หรือปล่อยเงินให้ชาวบ้านได้กู้ จะเก็บดอกเบี้ยเป็นเงินหรือเสบียงที่มีราคาเท่าดอกเบี้ยก็นับว่าดีทั้งสิ้น สองพ่อลูกมิรู้เลยว่าท่านแม่ทัพกับกุนซือยืนอึ้งอยู่หน้าเรือนของตน จ้าวตงหยางจะใช้อำนาจของเขาเข้ามาในเรือนก็ย่อมได้ แต่หากเขาทำเช่นนั้นจะยิ่งทำให้เสวี่ยป๋อเหวินไม่พอใจตัวเขามากขึ้น จ้าวตงหยางสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อคุมโทสะของตนไม่ใ

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 9

    จินเยว่เห็นว่ามารดายังมิได้ออกมาทานอาหารจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้บิดาฟัง เสวี่ยป๋อเหวินที่ฟังจบก็ตบโต๊ะด้วยความโมโห หากเขารู้เรื่องตั้งแต่เมื่อวานตอนที่บุตรสาวกลับมา วันนี้เขาไม่ทางเปิดเรือนรับทั้งคู่ให้เข้ามาแน่"ท่านพ่อได้โปรดคลายโทสะก่อน ลูกมิอยากให้ท่านกับท่านแม่เป็นกังวล ตอนนี้ลูกก็มิได้เป็นอันใดแล้วเจ้าค่ะ"เสวี่ยป๋อเหวินเห็นภรรยาเดินเข้ามาสีหน้าก็กลับมาเป็นปกติ จนจินเยว่ลอบยกนิ้วให้ในใจกับการเปลี่ยนสีหน้าของบิดาไม่ได้ทั้งจ้าวตงหยางกับหลิวเหล่ยมิได้รู้เลยว่า เสวี่ยป๋อเหวินจะไม่เปิดเรือนต้อนรับตนเสียแล้ว หากหลิวเหล่ยรู้ว่าเป็นเพราะเขามากับจ้าวตงหยางคงได้โมโหจนอยากจะทุบตีสหายแน่ (แต่สู้ไปก็เท่านั้นเพราะสู้ไม่ได้)จินเยว่ยังคงทำมื้อเย็นให้บิดากับมารดาเช่นเดิม แต่พอตกเย็นนางก็เริ่มกับมามีไข้อีกครั้ง คงเป็นเพราะนางยังไม่หายดีแต่กลับลุกขึ้นมาทำงานบ้านเช่นปกติไข้ที่เพิ่งหายจึงกลับมาเป็นอีกครั้ง หากมิใช่ว่าฝีมือการทำอาหารของมารดาย่ำแย่นางคงไม่แบกสังขารลุกขึ้นมาทำแน่เกาซื่อต้มยาให้บุตรสาวเสร็จก็ห่มผ้าให้นาง "เยว่เออร์พรุ่งนี้เจ้าไม่ต้องลุกขึ้นมาแล้ว พ่อกับแม่กินข้าวต้มกับผักดองสักสองสา

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 8

    จ้าวตงหยางตื่นขึ้นก่อนที่ฟ้าจะสว่างเขาค่อยๆดึงมือที่จินเยว่หนุนออก จินเยว่ที่ความอบอุ่นหายไปนางก็ซุกตัวเข้าไปที่อกของจ้าวตงหยางชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวที่ซุกเข้าหาความอบอุ่นตรงหน้าอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนที่จะสลัดความคิดเช่นนั้นออกไป เขายกศีรษะนางขึ้นไว้บนหมอนและกระโดดออกทางหน้าต่างไปเกาซื่อที่เห็นฟ้าสว่างแล้วแต่จินเยว่ที่ปกติจะลุกขึ้นมาทำอาหาร วันนี้ยังไม่เห็นบุตรสาวลุกขึ้นมาก็เดินเข้ามาดูนางในห้อง เมื่อเห็นบุตรสาวตอนหลับสนิทพร้อมกับตัวที่ยังอุ่นๆอยู่ นางก็นึกปวดใจที่บุตรสาวมีไข้แต่ปิดบังนางวันนี้เกาซื่อจึงต้องลงมือทำอาหารบ่ายๆด้วยตนเอง แม้จะไม่เคยเข้าครัวเลยแต่หากให้นางต้มข้าวต้ม หรือน้ำแกง ก็ยังพอจะทำได้ "เยว่เออร์ลุกมากินข้าวก่อนลูก จะได้ดื่มยา" จินเยว่สะลึมสะลือลุกขึ้นนั่งมองมารดา "ท่านแม่ เหตุใดไม่เรียกข้าเล่าเจ้าคะ" "เจ้ามีไข้ใยถึงไม่ยอมบอกแม่" เกาซื่อลูบหัวบุตรสาว"ข้าดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ มื้อกลางวันข้าจะเป็นคนทำเองนะเจ้าค่ะ" เกาซื่ออดส่ายหัวกับความดื้อรั้นของบุตรสาวที่เพิ่มมากขึ้นไม่ได้ และรสมือของนางไม่ดีจึงไม่ได้ออกปากห้ามบุตรสาวจ้าวตงหยางที่ออกจากเรือนจินเยว่ก็ไปที่ค่ายท

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 7

    จินเยว่ที่เจ็บข้อมืออยู่ก็คุกเข่าลงทันที พร้อมกับร้องในใจ ฉิบหายแล้ว นางเจ็บข้ามือจนเหงื่อไหลซึมออกมา ตนในงานคิดว่านางหวาดกลัวเรื่องที่นางทำ คงมีเพียงจ้าวตงหยางที่รู้เรื่องดี เขายกสุราขึ้นดื่มอย่างนึกสนุกหลิวเหล่ยถลึงตามองจ้าวตงหยาง เขาเดินลุกไปที่จินเยว่นั่งคุกเข่าอยู่"แม่นางเสวี่ย เจ้าเป็นอันใดหรือไม่" จินเยว่เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับกัดฟันแน่น นางส่ายหน้าให้เขาว่านางมิได้เป็นอันใด แต่ก่อนที่หลิวเหล่ยจะขอดูข้อมือนาง ฝ่ามือของเว่ยซืออิงก็ตบลงบนใบหน้านางเสียก่อน หลิวเหล่ยมิทันได้เข้าช่วยใบหน้าของจินเยว่ก็บวมแดงขึ้นรอยมือเสียแล้ว เว่ยซืออิงเหมือนยังไม่พอใจ นางหยิบกาน้ำชาสาดใส่จินเยว่จนเสื้อผ้าของนางเปียกไปหมด หลิวเหล่ยรีบเข้ามาขวางมิให้เว่ยซืออิงลงมือได้อีก ก่อนที่สาวใช้ของเว่ยซืออิงจะดึงนางออกไปจากงานเลี้ยงจ้าวตงหยางตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาไม่คิดว่าเว่ยซืออิงจะกล้าลงมือต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ หลิวเหล่ยถอดเสื้อคลุมให้จินเยว่แล้วพานางออกจากงานเลี้ยงไป"ขอบคุณเจ้าค่ะ" จินเยว่ก้มหน้าขอบคุณหลิวเหล่ย"แม่นางเสวี่ยมิต้องขอบคุณข้า ข้าแซ่หลิว นามเหล่ย" นางยิ้มขอบคุณให้เขา เสี่ยวหงที

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 6

    เสี่ยวหงให้จินเยว่ยืนรอจ้าวตงหยางที่หน้าเรือนของเขา เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านใน อากาศที่หนาวเหน็บของทางเหนือ เสื้อผ้าของบ่าวที่นางสวมอยู่ในตอนนี้มิช่วยให้เกิดความอบอุ่นขึ้นเลย เหมือนจงใจกลั่นแกล้งนางตั้งแต่แรกที่เดินเข้ามาในจวนแล้วจินเยว่ยืนรอให้จ้าวตงหยางเรียกเกือบหนึ่งชั่วยาม เขาถึงให้นางเข้าไปพบ จินเยว่เดินตัวแข็งทื่อเข้าไปเพราะนางหนาวจนขาแข็งไปหมดแล้ว "บังอาจ เหตุใดถึงไม่คารวะท่านแม่ทัพ" ก็กำลังจะทำอยู่นี่ไง นางลอบกลอกตาอย่างไม่พอใจ"จินเยว่ คารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ" นางก้มหน้าลงเพราะไม่อยากทนมองสายตาเหยียดหยามที่เขาใช้มองนาง"หึ วันนี้เจ้าติดตามคอยรับใช้ญาติผู้น้องของข้า" เขาแค่นเสียงใส่นาง ก่อนที่จะเอ่ยบอกหน้าที่ของนางนางเงยหน้าขึ้นมองเขาอยากไม่อยากเชื่อว่า เขาจะให้นางคอยรับใช้ญาติผู้น้องของเขา แม้แต่บ่าวในเรือนก็สะดุ้งตกใจ นางได้แต่สงสัยว่าญาติผู้น้องของเขาเป็นคนเช่นไรกันแน่ หากเป็นคนดีเรื่องนี้คงไม่ต้องถึงนาง"มีอันใด หรือเจ้ามิยินยอม" "ข้าเพียงแค่สงสัย ท่านให้ข้ามาช่วยงาน เหตุใดถึงต้องคอยรีบใช้ญาติผู้น้องของท่านด้วย""หึ แค่บุตรสาวขุนนางต้องโทษเจ้ามีสิทธิ์เลือกหรือ"

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status